00:00:00 → 00:00:02 การได้ยินเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้ง 5
00:00:02 → 00:00:05 ของมนุษย์ที่มีไว้เพื่อการรับรู้และสื่อ
00:00:05 → 00:00:08 สารแต่ในคนบางกลุ่มการได้ยินเสียงกลับ
00:00:08 → 00:00:10 กลายเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด
00:00:10 → 00:00:15 รำคาญซึ่งเป็นอาการของโรคเกลียดเสียงโรค
00:00:15 → 00:00:17 นี้ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของหูหรือ
00:00:18 → 00:00:21 ระบบการได้ยินแต่อย่างใดแต่เกิดจากการทำ
00:00:21 → 00:00:24 งานที่ผิดปกติของสมองจึงจัดอยู่ในกลุ่ม
00:00:24 → 00:00:26 ของโรคจิตเวทชนิดหนึ่งที่มีเสียงเป็นสิ่ง
00:00:26 → 00:00:30 เร้าโดยคนที่เป็นโรคนี้สมองส่วนอินซูล
00:00:31 → 00:00:33 ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างปราสาท
00:00:33 → 00:00:36 สัมผัสกับอารมณ์จะทำงานหนักกว่าคนทั่วไป
00:00:36 → 00:00:39 ในขณะที่ได้ยินเสียงส่งผลให้เกิดอารมณ์
00:00:39 → 00:00:43 หงุดหงิดวิตกกังวลหัวใจเต้นเร็วเหงื่อออก
00:00:43 → 00:00:46 และถึงขั้นอยากหลีกหนีอาการเหล่านี้มี
00:00:46 → 00:00:49 ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงจาก
00:00:49 → 00:00:52 สถิติแล้วผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงจะเริ่มมี
00:00:52 → 00:00:55 อาการในช่วงอายุระหว่าง 9-13 ปีและมักจะ
00:00:55 → 00:00:58 เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่โดย
00:00:58 → 00:01:01 ส่วนมากอาการจะค่อยๆเป็นทีละน้อยจนอาจจับ
00:01:01 → 00:01:04 สังเกตไม่ได้ในระยะแรกแต่ต่อมาอาการจะ
00:01:04 → 00:01:07 เกิดถี่ขึ้นเป็นบ่อยขึ้นกับสถานการณ์
00:01:07 → 00:01:11 ประจำวันถึงจะรู้ว่าป่วยสำหรับเสียง
00:01:11 → 00:01:13 กระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการส่วนใหญ่จะเป็น
00:01:13 → 00:01:17 เสียงที่ออกมาจากปากเช่นสิงเคี้ยวเสียง
00:01:17 → 00:01:20 กัดอาหารเสียงกลืนอาหารหรือน้ำลายเสียง
00:01:20 → 00:01:24 ผิวปากเสียงกระดกลิ้นเสียงดูดน้ำลายเสียง
00:01:24 → 00:01:27 ช้อนกระทบกับฟันนอกจากนี้เสียงแวดล้อม
00:01:27 → 00:01:30 อื่นๆเช่นเสียงกระทบของช้อนกับจานเสียง
00:01:30 → 00:01:33 เปิดขวดน้ำเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดหรือแม้แต่
00:01:33 → 00:01:35 เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ก่อให้เกิดความ
00:01:36 → 00:01:39 รำคาญสำหรับผู้ป่วยได้หากเสียงที่เกิด
00:01:39 → 00:01:41 ขึ้นรอบตัวก่อให้เกิดความรำคาญชั่วครู่
00:01:41 → 00:01:44 อาจไม่เป็นไรแต่หากมีอาการแสดงออกทางร่าง
00:01:44 → 00:01:49 กายเช่นมีอาการแพนิคมือสั่นเหงื่อไหลใจ
00:01:49 → 00:01:52 เต้นเร็วโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้หากเป็น
00:01:52 → 00:01:55 บ่อยครั้งและกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
00:01:56 → 00:01:59 ควรรีบพบจิตแพทย์การรักษาโรคเกลียดเสียง
00:01:59 → 00:02:01 จะเริ่มที่การบำบัดก่อนโดยจะให้ผู้ป่วย
00:02:01 → 00:02:04 ค่อยๆฝึกการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันกับ
00:02:04 → 00:02:07 เสียงกระตุ้นโดยไม่รู้สึกรำคาญหรือผสมกับ
00:02:07 → 00:02:10 การบำบัดด้วยเสียงอื่นๆซึ่งเป็นหน้าที่
00:02:10 → 00:02:13 ของนักโสดสัมผัสวิทยาที่ต้องทำงานร่วมกัน
00:02:13 → 00:02:19 กับจิตแพทย์สนับสนุนโดยเว-แมป่วนสนุกอย่า
00:02:19 → 00:02:21 ลืมกดติดตาม TNN Health ทุกช่องทาง
00:02:21 → 00:02:24 ออนไลน์เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:02:24 → 00:02:25 คุ้มกันรู้ทัน
00:02:25 → 00:02:28 โรค
00:00:00 → 00:00:02 การได้ยินเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้ง 5
00:00:02 → 00:00:05 ของมนุษย์ที่มีไว้เพื่อการรับรู้และสื่อ
00:00:05 → 00:00:08 สารแต่ในคนบางกลุ่มการได้ยินเสียงกลับ
00:00:08 → 00:00:10 กลายเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด
00:00:10 → 00:00:15 รำคาญซึ่งเป็นอาการของโรคเกลียดเสียงโรค
00:00:15 → 00:00:17 นี้ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของหูหรือ
00:00:18 → 00:00:21 ระบบการได้ยินแต่อย่างใดแต่เกิดจากการทำ
00:00:21 → 00:00:24 งานที่ผิดปกติของสมองจึงจัดอยู่ในกลุ่ม
00:00:24 → 00:00:26 ของโรคจิตเวทชนิดหนึ่งที่มีเสียงเป็นสิ่ง
00:00:26 → 00:00:30 เร้าโดยคนที่เป็นโรคนี้สมองส่วนอินซูล
00:00:31 → 00:00:33 ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างปราสาท
00:00:33 → 00:00:36 สัมผัสกับอารมณ์จะทำงานหนักกว่าคนทั่วไป
00:00:36 → 00:00:39 ในขณะที่ได้ยินเสียงส่งผลให้เกิดอารมณ์
00:00:39 → 00:00:43 หงุดหงิดวิตกกังวลหัวใจเต้นเร็วเหงื่อออก
00:00:43 → 00:00:46 และถึงขั้นอยากหลีกหนีอาการเหล่านี้มี
00:00:46 → 00:00:49 ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นรุนแรงจาก
00:00:49 → 00:00:52 สถิติแล้วผู้ป่วยโรคเกลียดเสียงจะเริ่มมี
00:00:52 → 00:00:55 อาการในช่วงอายุระหว่าง 9-13 ปีและมักจะ
00:00:55 → 00:00:58 เกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่โดย
00:00:58 → 00:01:01 ส่วนมากอาการจะค่อยๆเป็นทีละน้อยจนอาจจับ
00:01:01 → 00:01:04 สังเกตไม่ได้ในระยะแรกแต่ต่อมาอาการจะ
00:01:04 → 00:01:07 เกิดถี่ขึ้นเป็นบ่อยขึ้นกับสถานการณ์
00:01:07 → 00:01:11 ประจำวันถึงจะรู้ว่าป่วยสำหรับเสียง
00:01:11 → 00:01:13 กระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการส่วนใหญ่จะเป็น
00:01:13 → 00:01:17 เสียงที่ออกมาจากปากเช่นสิงเคี้ยวเสียง
00:01:17 → 00:01:20 กัดอาหารเสียงกลืนอาหารหรือน้ำลายเสียง
00:01:20 → 00:01:24 ผิวปากเสียงกระดกลิ้นเสียงดูดน้ำลายเสียง
00:01:24 → 00:01:27 ช้อนกระทบกับฟันนอกจากนี้เสียงแวดล้อม
00:01:27 → 00:01:30 อื่นๆเช่นเสียงกระทบของช้อนกับจานเสียง
00:01:30 → 00:01:33 เปิดขวดน้ำเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดหรือแม้แต่
00:01:33 → 00:01:35 เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ก่อให้เกิดความ
00:01:36 → 00:01:39 รำคาญสำหรับผู้ป่วยได้หากเสียงที่เกิด
00:01:39 → 00:01:41 ขึ้นรอบตัวก่อให้เกิดความรำคาญชั่วครู่
00:01:41 → 00:01:44 อาจไม่เป็นไรแต่หากมีอาการแสดงออกทางร่าง
00:01:44 → 00:01:49 กายเช่นมีอาการแพนิคมือสั่นเหงื่อไหลใจ
00:01:49 → 00:01:52 เต้นเร็วโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้หากเป็น
00:01:52 → 00:01:55 บ่อยครั้งและกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน
00:01:56 → 00:01:59 ควรรีบพบจิตแพทย์การรักษาโรคเกลียดเสียง
00:01:59 → 00:02:01 จะเริ่มที่การบำบัดก่อนโดยจะให้ผู้ป่วย
00:02:01 → 00:02:04 ค่อยๆฝึกการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันกับ
00:02:04 → 00:02:07 เสียงกระตุ้นโดยไม่รู้สึกรำคาญหรือผสมกับ
00:02:07 → 00:02:10 การบำบัดด้วยเสียงอื่นๆซึ่งเป็นหน้าที่
00:02:10 → 00:02:13 ของนักโสดสัมผัสวิทยาที่ต้องทำงานร่วมกัน
00:02:13 → 00:02:19 กับจิตแพทย์สนับสนุนโดยเว-แมป่วนสนุกอย่า
00:02:19 → 00:02:21 ลืมกดติดตาม TNN Health ทุกช่องทาง
00:02:21 → 00:02:24 ออนไลน์เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:02:24 → 00:02:25 คุ้มกันรู้ทัน
00:02:25 → 00:02:28 โรค