00:00:00 → 00:00:04 ไปหาคุณหมอด้วยอาการแน่นหน้าอก
00:00:04 → 00:00:08 หายใจไม่ออกมันเกิดความผิดปกติภายในสงสัย
00:00:08 → 00:00:13 เราเพิ่งเป็นโควิดเป็นอาการรองโควิดมั้ง
00:00:13 → 00:00:16 เลยหายใจไม่ทั่วท้องบอดเราอาจจะทำงานได้
00:00:16 → 00:00:20 ไม่เต็มที่แล้วคุณหมอก็ให้เrayดูภายใน
00:00:20 → 00:00:24 ทรวงอกของเรามันมีก้อนเทาๆคุณหมอก็บอกว่า
00:00:24 → 00:00:29 มันอาจจะเกิดขึ้นได้ 1 ในแสนคน 1 ในแสนคน
00:00:29 → 00:00:33 ฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง
00:00:33 → 00:00:35 แต่ดูไม่ได้เป็นคนป่วยเลยนะ
00:00:35 → 00:00:38 >> เ้ามีวิธีการแนะนำในการดื่มน้ำยกตัวอย่าง
00:00:38 → 00:00:41 เช่นตื่นมาคุณควรดื่มน้ำเลยที่อุณหภูมิ
00:00:41 → 00:00:44 ห้องปกติอย่าเพิ่งแปรงฟันนะดื่มแบบมีขี้
00:00:44 → 00:00:48 ฟันเราดีๆนี่เองเพื่อเอากทีเรียที่อยู่ใน
00:00:48 → 00:00:51 ปากเราตอนกลางคืนเข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้า
00:00:51 → 00:00:53 ไปอยู่ในท้อง
00:00:53 → 00:00:55 >> เคยได้ยินคนที่ชอบดื่มน้ำรวดเดียวเยอะๆ
00:00:55 → 00:00:59 ดื่มเร็วๆบางทีถึงขั้นช็อกตายเลยเป็นไป
00:00:59 → 00:00:59 ได้มั้ฮะ
00:00:59 → 00:01:02 >> เป็นไปได้เลยค่ะเคสในต่างประเทศเกิดขึ้น
00:01:02 → 00:01:04 มาแล้ว
00:01:04 → 00:01:07 >> ตั๊ talk EP นี้ 2 Working Woman สาย
00:01:07 → 00:01:11 รักสุขภาพคุณอรออนงนางสาวไทยปี 2535 และ
00:01:11 → 00:01:14 คุณเฟอรชumานักชิมน้ำดื่มที่ทั่วโลกมี
00:01:14 → 00:01:17 เพียง 500 คนจะมาแชร์มุมมองการดื่มน้ำที่
00:01:17 → 00:01:20 ไม่ใช่แค่ดื่มแก้กระหายแต่ดื่มให้ถูกช่วย
00:01:21 → 00:01:23 เปลี่ยนชีวิตได้จริง
00:01:23 → 00:01:26 >> ก่อนจะไปชมคลิปนี้พี่ตั๊กมี 1 คำถามที่
00:01:26 → 00:01:29 อยากจะให้ทุกคนถามตัวเองว่าคุณรู้จักร่าง
00:01:29 → 00:01:33 กายและใจของตัวเองดีมากน้อยแค่ไหนถ้าคำ
00:01:33 → 00:01:37 ตอบคือไม่แน่ใจ Life Expo 2025 คือ
00:01:37 → 00:01:40 โอกาสที่คุณจะได้สำรวจตัวเองทั้งในเรื่อง
00:01:40 → 00:01:44 ของสุขภาพกายและสุขภาพจิตและการสร้างแรง
00:01:44 → 00:01:47 บันดาลใจให้กับชีวิตของคุณในเวอร์ชั่นที่
00:01:47 → 00:01:50 ดีกว่าเดิม 15-16 พฤศจิกายนนี้เรามาเจอ
00:01:50 → 00:01:55 กันที่ UOB Live Mpan Life Expo 2025
00:01:55 → 00:01:58 อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำตอบมาค้นหาตัว
00:01:58 → 00:02:02 คุณที่ดีกว่าเดิมด้วยกันค่ะคำ explore
00:02:02 → 00:02:05 the better you
00:02:05 → 00:02:10 [เพลง]
00:02:10 → 00:02:13 พูดถึงคุณเฟเนี่ยนะคะนอกจากจะทำธุรกิจ
00:02:13 → 00:02:16 เกี่ยวกับน้ำดื่มแล้วเธอยังเป็น water นะ
00:02:16 → 00:02:19 คะหรือที่เขาเรียกกันว่านักชิมน้ำดื่ม
00:02:19 → 00:02:22 นั่นเองเพราะงั้นน้ำสำคัญกับร่างกายยังไง
00:02:22 → 00:02:24 ทำไมคนถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็น
00:02:25 → 00:02:25 พิเศษ
00:02:25 → 00:02:28 >> หูยพี่ตาคือจริงๆต้องบอกก่อนอื่นเลยว่าคน
00:02:28 → 00:02:32 ไทยอ่ะอาจจะยังไม่ได้เข้าใจถึงคำว่าน้ำ
00:02:32 → 00:02:36 และความสำคัญของน้ำเทียบเท่ากับคนในต่าง
00:02:36 → 00:02:39 ประเทศนะคะอย่างเฟเนี่ยเป็น Water Sali
00:02:39 → 00:02:42 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยน้ำมีความสำคัญมาก
00:02:42 → 00:02:44 กว่าเวลาเรากระหายน้ำแล้วดื่มซึ่งอันนั้น
00:02:45 → 00:02:47 เป็นความรู้ทั่วๆไปที่ที่คนส่วนใหญ่จะ
00:02:47 → 00:02:50 ทราบก็คือว่าอ่ะเดี๋ยวฉันหิวน้ำ
00:02:50 → 00:02:53 >> ดื่มน้ำกระหายน้ำดื่มน้ำมีไว้เพื่ออะไรก็
00:02:53 → 00:02:57 แค่ดื่มแต่ในต่างประเทศอ่ะจริงๆคือเลึก
00:02:57 → 00:03:00 ซึ้งเรื่องนี้มากๆน้ำนี่มีความสำคัญแบบ
00:03:01 → 00:03:04 ว่าถ้าเกิดเราขาดน้ำ 3 วันเราเสียชีวิต
00:03:04 → 00:03:05 >> เพราะเนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบในร่าง
00:03:05 → 00:03:09 กายเยอะมาก 70-80% คือเอ่อเป็นน้ำในร่าง
00:03:09 → 00:03:12 กายแต่ในต่างประเทศเนี่ยคือเขา study
00:03:12 → 00:03:14 เรื่องนี้กันลึกมากยกตัวอย่างเช่น
00:03:14 → 00:03:17 >> เขาจะมีคำว่า Curative Water ก็คือน้ำ
00:03:17 → 00:03:21 บำบัดเพื่อสุขภาพไว้ใช้รักษาเช่นถ้าเกิด
00:03:21 → 00:03:24 ผิวไม่ดีในสมัย Ancient Europe อย่าง
00:03:24 → 00:03:25 เช่นว่า
00:03:25 → 00:03:28 >> เป็นโรคลื่นเลื้อนโรคอะไรเขาก็จะมีกลุ่ม
00:03:28 → 00:03:32 เอ่อแหล่งน้ำเฉพาะที่ว่าถ้าไปแช่ที่นี่
00:03:32 → 00:03:35 แล้วจะช่วยรักษาเรื่องผิวหนังแบบนี้อะไร
00:03:35 → 00:03:37 อย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็คือความสำคัญของน้ำ
00:03:37 → 00:03:40 จริงๆมันมีหลักการในการคำนวณค่ะพี่ตั๊ก็
00:03:40 → 00:03:42 คือเราเอาน้ำหนักตัวเรา
00:03:42 → 00:03:43 >> คูณ 30
00:03:43 → 00:03:44 >> ค่ะ
00:03:44 → 00:03:46 >> ก็จะออกมาเป็นตัวเลขตัวเลขนึง
00:03:46 → 00:03:46 >> อือ
00:03:46 → 00:03:48 >> อย่างเช่นของพี่ตั๊กเนี่ยคือน้ำหนัก
00:03:48 → 00:03:49 >> 45 + -
00:03:49 → 00:03:53 >> 45 * 30 = 1,350
00:03:53 → 00:03:54 >> มิลลต
00:03:54 → 00:03:56 >> อันเนี้คือเบสิคที่ควรคนดื่มจากนั้น
00:03:56 → 00:03:57 >> อ๋อแค่เบสิคเอง
00:03:57 → 00:04:00 >> ใช่แค่เบสิคมินิัมขั้นต่ำนะ
00:04:00 → 00:04:01 >> โอ๊ออเหรอ
00:04:01 → 00:04:05 >> อันนี้คือเพื่อเมนเทนร่างกายให้แบบว่าให้
00:04:05 → 00:04:07 มันให้มันใช้เป็นปกติแต่ละวัน
00:04:07 → 00:04:10 >> เป็นปกติแต่ว่าไม่ได้เสริมให้ร่างกายแข็ง
00:04:10 → 00:04:13 แรงหรือว่าดีนะไม่ใช่พี่ยังนึกว่าอ่ะพี่
00:04:13 → 00:04:16 จะดื่มประมาณอ่า 1,500-2 คือประมาณลิตร
00:04:16 → 00:04:17 ครึ่ง 2 ลิตร
00:04:17 → 00:04:18 >> อ่า
00:04:18 → 00:04:20 >> ถ้าอย่างงั้นแต่ละคนมันร่างกายมันไม่เท่า
00:04:20 → 00:04:22 กันมันต้องดื่มมากกว่านั้น
00:04:22 → 00:04:24 >> ถูกต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนยก
00:04:24 → 00:04:26 ตัวอย่างเช่นพี่ตักออกกำลังกายมั้คะ
00:04:26 → 00:04:27 >> ออกกำลังกายค่ะ
00:04:27 → 00:04:28 >> ออกกำลังกาย
00:04:28 → 00:04:30 >> อันเดินทุกวันเดินทุกวัน
00:04:30 → 00:04:32 >> เล่นกอล์ฟอะไรอย่างเงี้ยโดนแดดมั้ยคะ
00:04:32 → 00:04:33 >> โอ้โดน
00:04:33 → 00:04:34 >> มีเหงื่อออกมั้ยคะ
00:04:34 → 00:04:37 >> โอ้เยอะ
00:04:37 → 00:04:38 >> เอ่อพูดเยอะมั้ยคะ
00:04:38 → 00:04:39 >> โอพูดมาก
00:04:39 → 00:04:42 >> นะทำงานเนี่ยพูดตลอดแล้วพูดในบ้านอีก
00:04:42 → 00:04:45 >> ใช่ค่ะแล้วเนี่ยแหละค่ะเป็นกระบวนการที่
00:04:45 → 00:04:49 เราจะต้องคำนึงถึงว่าเราจะต้องดื่มน้ำมาก
00:04:49 → 00:04:51 กว่ามินิัมขนาดไหนคะ
00:04:51 → 00:04:54 >> พี่ตั๊กทราบมั้ว่าถ้าเกิดพี่ตั๊กขาดน้ำ 1%
00:04:54 → 00:04:56 ของบอี้ของน้ำหนักร่างกายของเราเนี่ย
00:04:56 → 00:04:58 >> มันจะเกิดอะไรขึ้น
00:04:58 → 00:05:01 >> ก็จะเริ่มกระหายเริ่มอืหิวน้ำจังเลยเริ่ม
00:05:01 → 00:05:04 คอแห้งอันนี้คือ 1% ของบอเวทของน้ำหนัก
00:05:04 → 00:05:06 ตัวนั่นคือหมายความว่าถ้าเรากระหายแสดง
00:05:06 → 00:05:08 ว่าร่างกายเราขาดน้ำล่ะ
00:05:08 → 00:05:10 >> ประมาณ 1% 1% ของ bodyight ของน้ำหนัก
00:05:10 → 00:05:13 ร่างกายเราจะทำให้เราเริ่มรู้สึกกระหาย
00:05:13 → 00:05:17 น้ำถ้าอยู่ประมาณ 5% ที่เราสูญเสียน้ำออก
00:05:17 → 00:05:21 จากร่างกายนะคะก็จะเกิดภาวะสมองแบบคิดไม่
00:05:21 → 00:05:23 แล่นไม่ชารปไม่คิดแบบ
00:05:23 → 00:05:24 >> อ๋อออ
00:05:24 → 00:05:27 >> เคยเป็นเคยมีอารมณ์อย่างงี้พี่ตั๊กว่าแบบ
00:05:27 → 00:05:29 เวลาเรานั่งทำงานหรือทำอะไรเอ้ยทำไมมัน
00:05:29 → 00:05:30 คิดช้า
00:05:30 → 00:05:33 >> อ๋อถ้ารู้สึกแบบนั้นอ่ะขาดถึง 5%
00:05:33 → 00:05:37 >> เพราะมันจะเริ่มไปรบกวนสมองละเออเซลล์
00:05:37 → 00:05:38 เอ่อ Brain เซลล์
00:05:38 → 00:05:41 >> ถ้าอยู่ประมาณ 5-10% เนี่ยแปลว่ามันเริ่ม
00:05:41 → 00:05:44 กระทบต่างๆอวัยวะในร่างกายละยกตัวอย่าง
00:05:44 → 00:05:46 เช่นมันจะเริ่มกระทบ blood flow
00:05:46 → 00:05:50 blessure ใช่ค่ะในร่างกายเราจะเคยได้ยิน
00:05:50 → 00:05:53 ว่าถ้าเกิดเลือดข้นเนี่ยอ่ามันจะทำให้เรา
00:05:53 → 00:05:55 มีภาวะโรคต่างๆเกิดขึ้น
00:05:55 → 00:05:56 >> ใช่
00:05:56 → 00:05:59 >> เหล่าเนี้ยก็คือเป็นผลมาจากการสะสมของการ
00:05:59 → 00:06:03 ขาดน้ำประมาณ 5-10% ของบอเวทของน้ำหนัก
00:06:03 → 00:06:04 ร่างกายเราเป็นระยะเวลา
00:06:04 → 00:06:06 >> นั่นแสดงว่าพวกที่เส้นเลือดอุตัหรืออะไร
00:06:06 → 00:06:09 อาจจะเลือดมันไม่ flow เต็มที่เพราะงั้น
00:06:09 → 00:06:10 น้ำมันมีส่วนช่วย
00:06:10 → 00:06:14 >> ถูกต้องใช่ค่ะแล้วถ้า 15% ที่เราขาดน้ำนะ
00:06:14 → 00:06:17 ฝรั่งเขาจะบอกว่าเป็น organ fail เลยอ่ะ
00:06:17 → 00:06:20 คืออวัยวะภายในแบบแบบ
00:06:20 → 00:06:20 >> ไม่ได้ละ
00:06:20 → 00:06:27 >> ช็อกเลยหรือตายได้เสียอ้
00:06:27 → 00:06:30 >> ค่ะอย่างงั้นมันมีที่เราเราทราบกันมาตลอด
00:06:30 → 00:06:34 ว่าคนเรามันต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วตาม
00:06:34 → 00:06:36 ที่เราเรียนกันมาจริงๆมันใช่มั้ยหรือว่า
00:06:36 → 00:06:38 ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:06:38 → 00:06:40 >> ไม่เหมือนกันเลยจริงๆพี่ตั๊กเพราะว่า
00:06:40 → 00:06:42 สมมุติ 8 แก้วพี่ตั๊กแค่นี้
00:06:42 → 00:06:44 >> แก้วไหนล่ะเออแก้ว
00:06:44 → 00:06:46 >> แก้วแก้วเท่านี้ป่ะหรือว่าแก้วเท่านี้
00:06:46 → 00:06:50 เป็นแก้วแก้วแบบว่าเป็นจัมโบ้หรือเปล่า
00:06:50 → 00:06:52 >> มันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเรากำลังจะบอก
00:06:52 → 00:06:55 ว่ามันมีวิธีการดื่มน้ำด้วยที่เหมาะสมไม่
00:06:55 → 00:06:59 ใช่ว่าอยู่ดีๆกระหายแล้วค่อยดื่มเชื่อมั้
00:06:59 → 00:07:01 พี่ตั๊กว่าถ้าเกิดร่างกายเข้าสู่ตรงนั้น
00:07:01 → 00:07:03 ปุ๊บแปลว่าคุณขาดน้ำมากๆแล้วอย่างตะกี้
00:07:03 → 00:07:07 ที่ไฟบอกว่า 1% ไงแต่จริงๆแล้วเ้ามีวิธี
00:07:07 → 00:07:10 การแนะนำในการดื่มน้ำยกตัวอย่างเช่นตื่น
00:07:10 → 00:07:11 มาคุณควรดื่มน้ำเลย
00:07:11 → 00:07:12 >> ถูก
00:07:12 → 00:07:14 >> ที่อุณหภูมิห้องปกติ
00:07:14 → 00:07:17 >> อ่าอุณหภูมิห้องคืออันนี้พี่ตอนแรกพี่ไม่
00:07:17 → 00:07:20 ทราบนะพี่ไม่ทำพี่มาทำมาระยะหลัง
00:07:20 → 00:07:22 >> เชื่อมั้ยว่าสิ่งที่มันนั่นคือปกติเราเรา
00:07:22 → 00:07:24 นอนเราก็จะเปิดแอร์กันอยู่นะตื่นมาพี่ก็
00:07:24 → 00:07:28 ดื่มน้ำ 1 แก้วมันชื่นใช้คำว่ามันชื่นดี
00:07:28 → 00:07:30 กว่ามันสดชื่นใจ
00:07:30 → 00:07:31 >> จริงๆมันถูกเลยใช่มั้ฮะ
00:07:31 → 00:07:34 >> ถูกต้องมากแล้วพี่ตั๊กอย่าเพิ่งแปรงฟันนะ
00:07:34 → 00:07:37 ดื่มแบบมีขี้ฟันเราดีๆนี่เองเพื่อเอา
00:07:37 → 00:07:42 กทีเรียที่อยู่ในปากเราตอนกลางคืน
00:07:42 → 00:07:44 เข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในท้อง
00:07:44 → 00:07:45 >> เหรอ
00:07:45 → 00:07:47 >> ใช่ค่ะอย่าเพิ่งแปรงฟันนะเพราะว่ามันคือ
00:07:47 → 00:07:49 good bคทiaมันเป็นแบคทีเรียที่ดีที่เข้า
00:07:49 → 00:07:52 ไปช่วยเรื่องของระบบ digest หรือระบบ
00:07:52 → 00:07:54 อไม่ต้องบ้วนปากไม่ต้องแปลงฟันให้ดีแต่
00:07:54 → 00:07:57 โอเคอาจจะเกรงใจคนข้างๆนิดนึงแต่พี่ก็
00:07:57 → 00:07:58 >> ไม่เป็นไร
00:07:58 → 00:08:00 >> ตอนแรกมันก็แปลกๆนะแต่ตอนหลังมันก็ชิน
00:08:00 → 00:08:00 แล้วแหละ
00:08:00 → 00:08:04 >> ใช่ใช่มั้ยคะพี่ก็ดื่มน้ำแล้วก็ต้องเป็น
00:08:04 → 00:08:06 อุณหภูมิปกติเพราะอะไรถ้าเป็นน้ำเย็น
00:08:06 → 00:08:10 เนี่ยพี่ตั๊กร่างกายต้องใช้พลังชีวิต
00:08:10 → 00:08:12 เพื่อไปปรับอุณหภูมิของน้ำเย็น
00:08:12 → 00:08:16 >> ให้เข้ากับอุณหภูมิร่างกายเรา
00:08:16 → 00:08:19 >> เพื่อก่อนที่เขาจะไปอับสอร์บที่จะไปดูด
00:08:19 → 00:08:23 ซึมเข้าร่างกายได้ดีอือุ้
00:08:24 → 00:08:26 ตอนเช้ากลับมาเรื่องนี้ก็คือดื่มน้ำ
00:08:26 → 00:08:27 ประมาณแก้วนึง
00:08:27 → 00:08:28 >> แก้วนึงก่อน
00:08:28 → 00:08:28 >> ไม่แปลงฟัน
00:08:28 → 00:08:30 >> อ่าไม่ต้องแปลงฟัน
00:08:30 → 00:08:32 >> อ่าอันนี้ก็คือตอนเช้านะคะจากนั้นเนี่ย
00:08:32 → 00:08:35 ก่อนเที่ยนคุณก็ควรจะจิบน้ำไปเรื่อยๆคือ
00:08:35 → 00:08:37 นี่ค่ะคือถ้าเกิดไม่ได้นั่งคุยกับพี่ตั๊ก
00:08:37 → 00:08:39 เฟก็จะหยิบน้ำขึ้นมาจิบนิดนึงรับ
00:08:39 → 00:08:43 >> คุณเฟไม่ดื่มน้ำหวานน้ำอะไรมีมั้
00:08:43 → 00:08:44 >> ไม่ค่ะไม่เลย
00:08:44 → 00:08:46 >> ดื่มกาแฟมั้ย
00:08:46 → 00:08:48 >> จริงๆดื่มกาแฟนะแต่ว่าลิมิตให้ตัวเองแค่
00:08:48 → 00:08:53 วันละ 1 แก้วเพราะว่าจริงกาแฟก็คือมีผล
00:08:53 → 00:08:56 กับการทำให้ร่างกายดีไฮเดรตอ่ะเหมือน
00:08:56 → 00:08:58 >> เหมือนมันแห้งขึ้นอ่ะค่ะ
00:08:58 → 00:09:01 >> เพราะฉะนั้นถ้าพี่ตั๊กดื่มกาแฟหรือชาพี่
00:09:01 → 00:09:04 ตั๊กก็ต้องดื่มน้ำเข้าไปอีกเพิ่มเข้าไป
00:09:04 → 00:09:06 ด้วยเคยสังเกตมั้คะว่าถ้าเกิดพี่ตั๊กดื่ม
00:09:06 → 00:09:09 กาแฟอ่ะแล้วไม่ดื่มน้ำตามห้ามดื่มเลยนะ
00:09:09 → 00:09:13 เป็นไงคะมันจะแบบเริ่มเหมือนแบบคอแห้งนิด
00:09:13 → 00:09:15 นึงเออ
00:09:15 → 00:09:17 >> อะไรแบบเนี้ยแล้วถ้าเกิด
00:09:17 → 00:09:22 >> บางคนเนี่ยเคยเมากับแฟอ่ะเคยได้มีได้ยิน
00:09:22 → 00:09:23 ใช่มมันอาการเป็นไงฮะ
00:09:23 → 00:09:25 >> มันจะใจสั่นแล้วมันจะมึนๆเหมือนเมาเหล้า
00:09:25 → 00:09:26 ไส้
00:09:26 → 00:09:29 >> เออจะอ้วกจะแบบคลื่นไส้อันเนี้ยคือร่าง
00:09:29 → 00:09:30 กายขาดน้ำเยอะ
00:09:30 → 00:09:32 >> อ๋อเหรอคะ
00:09:32 → 00:09:34 >> พี่ก็เลยงงบอกเอ๊ะทำไมรู้สึกอยู่ดีๆชีวิต
00:09:34 → 00:09:38 ฉันแอนตี้กาแฟขึ้นมาดื้อๆคลื่นไส้พี่พี่
00:09:38 → 00:09:40 ไม่มึนแต่พี่จะคลื่นไส้อ๋อมันขาดน้ำใช่
00:09:40 → 00:09:40 มั้
00:09:40 → 00:09:42 >> ร่างกายเอัจฉริยาพี่ตาเขากำลังจะบอกเรา
00:09:43 → 00:09:46 ว่าคุณขาดน้ำนะรีบดื่มน้ำเข้าไปแล้วเวลา
00:09:46 → 00:09:49 เราคลื่นไส้ทำยังไงคะถ้าเกิดเราอทakeคน้ำ
00:09:49 → 00:09:53 เข้าไปในร่างกายปริมาณนึงถึงปุ๊บก็จะหาย
00:09:53 → 00:09:56 อาการที่แบบปวดหัวตุ๊บๆใจสั่นตุ๊บๆมันก็
00:09:57 → 00:09:57 จะดีขึ้น
00:09:57 → 00:09:58 >> น้ำนี่แหละ
00:09:58 → 00:10:01 >> เพราะว่าน้ำเนี่ยมีองค์ประกอบสำคัญในร่าง
00:10:01 → 00:10:04 กายช่วยอะไรบ้างไอ้ตะกี้ภาวะตะกี้คือมัน
00:10:04 → 00:10:07 ลำลำเรียงเ่อสารอาหาร
00:10:07 → 00:10:10 >> ช่วยเรื่องblessชเอร์การคอนโทรลระบบความ
00:10:10 → 00:10:12 ดันของเลือดแรงดันของเลือดใช่มั้คะแล้วก็
00:10:12 → 00:10:15 เรื่องของอุณหภูมิของร่างกายด้วยถ้าเกิด
00:10:15 → 00:10:18 เราดื่มน้ำไม่ถึงร่างกายอุณหภูมิก็จะ
00:10:18 → 00:10:21 >> ไม่ไม่ปกติด้วยในระยะยาวอย่างเงี้ยค่ะ
00:10:21 → 00:10:23 >> โอ้โหดีจังได้ความรู้เยอะมากเพราะว่าพี่
00:10:23 → 00:10:26 เป็นคนที่พี่ดื่มน้ำนะคุยกับคุณเฟพี่รู้
00:10:26 → 00:10:28 ว่าพี่ทานน้ำน้อยไปแหละนิดนึง
00:10:28 → 00:10:30 >> เพราะว่าถ้าพี่เล่นกีฬาแล้วพี่พอบางทีพี่
00:10:30 → 00:10:32 จะมีตื่นแล้วมาคอแห้งๆ
00:10:32 → 00:10:34 >> อย่างงั้นอาจจะต้องต้องการน้ำมากกว่านี้
00:10:34 → 00:10:35 แต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:10:35 → 00:10:39 >> จริงเพราะว่าภาวะด้วยนะบางกลุ่มเช่นคน
00:10:39 → 00:10:44 ท้องคนที่ต้องรับประทานยาต้องเทคยาเยอะๆ
00:10:44 → 00:10:47 หมายถึงว่าเอ่อหรือว่าเป็นโรคป่วยสักัก
00:10:47 → 00:10:50 ชนิดนึงอย่างเงี้ยค่ะแล้วเต้องรับประทาน
00:10:50 → 00:10:51 ยาที่คุณหมอให้มา
00:10:51 → 00:10:52 >> ค่ะ
00:10:52 → 00:10:54 >> พวกเนี้ยก็ต้องกินน้ำเยอะขึ้น
00:10:54 → 00:10:55 >> อ๋อ
00:10:55 → 00:10:56 >> กว่าปกติ
00:10:56 → 00:11:00 >> คนที่ท้องคนที่ให้นมลูกเค้าต้องไปเลี้ยง
00:11:00 → 00:11:02 อีก 1 ชีวิตหรือผลิตน้ำนม
00:11:02 → 00:11:05 >> เต้องใช้น้ำมากกว่าคนปกติถ้าบางคนเป็น
00:11:05 → 00:11:09 airร์โสAgeหรือเป็นนักบินเราต้องบินบ่อย
00:11:09 → 00:11:13 >> อยู่บนอากาศโอ้โหแค่ผิวก็แห้งละแล้วอยู่
00:11:13 → 00:11:16 บนความดันที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันกะทันหัน
00:11:16 → 00:11:20 ตลอดเวลาทุกวันร่างกายต้องใช้พลังชีวิต
00:11:20 → 00:11:21 เยอะมาก
00:11:21 → 00:11:24 >> เขาต้องดื่มน้ำเยอะกว่าปกติแล้วถ้าสักพัก
00:11:24 → 00:11:26 เอยู่บนนั้นหรือแม้กระทั่งถ้าเกิดใครเดิน
00:11:26 → 00:11:29 ทางเยอะๆแล้วดื่มน้ำไม่ถึงไม่พอไปแล้วค่ะ
00:11:29 → 00:11:33 ระบบขับถ่ายเกิดขึ้นทันทีจะเห็นเลยว่าไม่
00:11:33 → 00:11:34 flว
00:11:34 → 00:11:34 >> ค่ะ
00:11:34 → 00:11:36 >> อย่างเงี้ยอันนี้ก็คือดื่มน้ำไม่ถึงแล้ว
00:11:36 → 00:11:39 นะนอกเหนือจากผิวแห้งปากแห้งหรือว่าระบบ
00:11:39 → 00:11:42 อื่นๆเรื่องของความไม่สบายก็จะเกิดขึ้น
00:11:42 → 00:11:42 ทันที
00:11:42 → 00:11:46 >> ค่ะโอ้โหฟังแล้วน้ำนี่สำคัญมากเลยนะคะเคย
00:11:46 → 00:11:48 ได้ยินคนที่ชอบดื่มน้ำรวดเดียวเยอะๆดื่ม
00:11:48 → 00:11:52 เร็วๆบางทีถึงขั้นช็อกตายเลยเออตรงนี้
00:11:52 → 00:11:54 เป็นไปได้มั้คะ
00:11:54 → 00:11:56 >> เป็นไปได้เลยค่ะพี่ตั๊ก
00:11:56 → 00:11:58 >> คือเคสในต่างประเทศเกิดขึ้นมาแล้ว
00:11:58 → 00:11:59 >> ค่ะ
00:11:59 → 00:12:02 >> เพราะว่าร่างกายรับไม่ไหวมีเหตุการณ์ที่
00:12:02 → 00:12:05 เกิดขึ้นที่เป็นนักมาราธอนวิ่ง
00:12:05 → 00:12:08 >> อย่างเงี้ยแล้วก็ขาดน้ำอย่างรุนแรง
00:12:08 → 00:12:12 >> แล้วก็ไปดื่มน้ำที่เย็นจัดแล้วก็ในปริมาณ
00:12:12 → 00:12:15 ที่เยอะมากกว่าน้ำหนักตัวที่สามารถรับได้
00:12:15 → 00:12:17 ในช่วงนั้นๆ
00:12:17 → 00:12:19 >> เก็เกิดบอดี้ช็อกแล้วก็เสียชีวิตโดยฉับ
00:12:19 → 00:12:22 พลันเพราะว่าดีที่สุดคือเราควรจะค่อยๆจิบ
00:12:22 → 00:12:24 ไปทั้งวัน
00:12:24 → 00:12:24 >> ค่ะ
00:12:24 → 00:12:27 >> จนถึงเที่ยนอ่ะเที่ยนก็ดื่มอีกอ่ะบ่ายก็
00:12:27 → 00:12:30 ค่อยๆจิบไปจนถึงเย็นก่อนนอนเช้ากลางวัน
00:12:30 → 00:12:33 เย็นก่อนนอนคุณต้องพิจารณาแล้วว่าถึง 2
00:12:33 → 00:12:36 ลิตรมยกระจายยังไงไปกระจายเองไม่ใช่ว่า
00:12:36 → 00:12:41 อยู่ดีๆ 2 ลิตรจบตอน 18:00 น.
00:12:41 → 00:12:45 อย่าตอนที่ไป
00:12:45 → 00:12:48 นะคะก็จะแบบให้ความสำคัญกับลิ้นของเรามาก
00:12:48 → 00:12:51 เลยพี่ตั๊กจริงๆอันนี้เป็นอะไรที่ aming
00:12:51 → 00:12:53 >> คือลิ้นของเราสมมุติไปขออนุญาตยกตัวอย่าง
00:12:53 → 00:12:55 นี้คือมือเป็นลิ้นเนาะ
00:12:55 → 00:12:55 >> ค่ะ
00:12:55 → 00:12:58 >> คือร่างกายของเราเนี่ยเขาก็จะถูกดีไซน์
00:12:58 → 00:13:01 ออกมาให้รับรสทั้งหมด 4 รสความหวาน
00:13:01 → 00:13:02 >> ค่ะ
00:13:03 → 00:13:04 >> ความเปรี้ยว
00:13:04 → 00:13:04 >> เปรี้ยว
00:13:04 → 00:13:07 >> ความเค็มแล้วก็ความขม
00:13:07 → 00:13:10 >> เทสบัเนี่ยนะคะในลินของเราเนี่ย
00:13:10 → 00:13:13 >> จุดรับรถไม่เท่ากันอยู่คนละจุดแล้วร่าง
00:13:13 → 00:13:17 กายถูกดีไซน์มาให้รับรถเหล่าเนี้ยเพื่อ
00:13:17 → 00:13:20 เป็นเอ่อระบบป้องกันป้องกันร่างกายของ
00:13:20 → 00:13:23 มนุษย์เรายกตัวอย่างเช่นเวลาเรารับรสหวาน
00:13:23 → 00:13:26 น่ะพี่ตั๊กรู้ไหมว่ามีไว้เพื่ออะไร
00:13:26 → 00:13:30 >> เออมีไว้เพื่อร่างกายจะ process ในสมอง
00:13:30 → 00:13:33 ว่าอันเนี้ยแปลงเป็นพลังงานเป็นแป้งและ
00:13:33 → 00:13:36 พนังงานคือคสดีๆนี้เองนี่คือรสที่มาจากรส
00:13:36 → 00:13:38 หวาน
00:13:38 → 00:13:42 2 คือความเปรี้ยวความเปรี้ยวเนี่ยเพื่อ
00:13:42 → 00:13:45 ให้ร่างกายรับรสว่าอาหารอะไรจะบูดจะเน่า
00:13:45 → 00:13:46 >> อื
00:13:46 → 00:13:49 >> อือันนี้คือลิ้นนะคะซึ่งถ้าหวานเนี่ยมัน
00:13:49 → 00:13:51 จะอยู่ตรงขอบเนี้ยถ้าเปรี้ยวมันจะเริ่มไป
00:13:51 → 00:13:52 ตรงเนี้ย
00:13:52 → 00:13:52 >> ค่ะ
00:13:52 → 00:13:55 >> ถ้าขมจะอยู่ข้างบนข้างในนะคะเวลาเรากินยา
00:13:55 → 00:13:57 เออใช่แล้วก็
00:13:57 → 00:14:00 >> ถ้าเค็มเนี่ยจะอยู่ทั่วๆเลยทีนี้ถ้าเค็ม
00:14:00 → 00:14:02 เนี่ยก็หมายถึงว่าให้ร่างกายเราอ่ะ
00:14:02 → 00:14:05 กระตุ้นน้ำลายอ่ะให้ออกมาในการย่อยนี่คือ
00:14:06 → 00:14:10 รับรับรสของความคิดความเค็มส่วนความขม
00:14:10 → 00:14:13 เนี่ยก็เพื่อป้องกันพวกท็อกสิคท็อกซิน
00:14:14 → 00:14:14 ต่างๆ
00:14:14 → 00:14:15 >> อ่ะ
00:14:15 → 00:14:17 >> เวลาเรากินยากินอะไรจะสังเกตมั้คะว่ามัน
00:14:17 → 00:14:21 จะขมตรงเนี้ยข้างในถ้าพี่ถ้าพี่ตั๊กอม
00:14:21 → 00:14:25 ลิ้นสักพักแบบ avoid จุดเนี้ยไม่ให้มัน
00:14:25 → 00:14:27 โดนยามันจะไม่ค่อยขมอ่ะ
00:14:27 → 00:14:30 >> อันนี้คือtสบัของเราเออก็คือ
00:14:30 → 00:14:32 >> ทำไมเฟถึงต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าเวลา
00:14:32 → 00:14:35 เราดื่มน้ำอ่ะตอนที่เราชิมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:35 → 00:14:37 >> ตัวเนี้ยจะเป็นตัวรับรสของน้ำ
00:14:37 → 00:14:38 >> อ
00:14:38 → 00:14:41 >> เวลาไฟต้องชิมน้ำแต่ละประเภทโอ้ยแยกให้
00:14:41 → 00:14:42 ได้นะ
00:14:42 → 00:14:42 >> ค่ะ
00:14:42 → 00:14:44 >> เพราะการชิมน้ำเนี่ยมันก็ใช้ลิ้นมากเลย
00:14:44 → 00:14:45 ใช่มั้ย
00:14:45 → 00:14:46 >> ใช่ค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วในต่างประเทศ
00:14:46 → 00:14:51 เนี่ยเขาจะมีการเอ่อเทรนให้เราลักษณะว่า
00:14:51 → 00:14:53 น้ำชนิดไหนเหมาะกับการรับประทานอาหารแบบ
00:14:53 → 00:14:57 ไหนสมมุติอาหารเค็มถ้าเรากินน้ำประเภทนี้
00:14:57 → 00:15:00 ที่มีส่วนผสมของแบบเนี้ยจะทำให้รสชาติของ
00:15:00 → 00:15:01 อาหารดีคือหลกแย่ลง
00:15:01 → 00:15:04 >> นั่งมองคุณเฟนี่ผิวสวยมาก
00:15:04 → 00:15:04 >> ขอบคุณมาก
00:15:04 → 00:15:07 >> แล้วคนผิวสวยต้องดื่มน้ำแบบไหนอ่ะ
00:15:07 → 00:15:09 >> คน
00:15:09 → 00:15:12 อันแรกนะพี่ตั๊กดื่มน้ำให้ถึงขึ้นอยู่กับ
00:15:12 → 00:15:13 เค้าใช้ชีวิตยังไง
00:15:13 → 00:15:15 >> แต่ละคนอื
00:15:15 → 00:15:18 >> 2 เนี่ยเฟจะเลือกน้ำที่เป็นแอลคลพี่ตั๊ก
00:15:18 → 00:15:22 เคยได้ยินน้ำแอลคลมั้คะน้ำที่เป็นด่าง
00:15:22 → 00:15:25 >> คือขออนุญาตไม่ลงวิทยาศาสตร์มากนะพี่ตา
00:15:25 → 00:15:29 >> คือน้ำเนี่ยสมมุติถ้าเราดูค่าพี 1-14 คือ
00:15:29 → 00:15:32 ค่าพีเลวEL 7 คือค่าของความเป็นกลางถ้า
00:15:33 → 00:15:36 ต่ำกว่า 7 คือค่าของความเป็นกรดนะนะคะ
00:15:36 → 00:15:36 >> อือ
00:15:36 → 00:15:38 >> ถ้าสูงกว่า 7 คือค่าของความเป็นดัง
00:15:38 → 00:15:38 >> ดัง
00:15:38 → 00:15:41 >> ทีเนี้ยนักวิทยาศาสตร์เ้าวิจัยออกมาละว่า
00:15:41 → 00:15:44 ถ้าเลือดเราข้างในเราอ่ะอยู่ที่ประมาณพี
00:15:44 → 00:15:48 7.3 7.4 4 มันจะฟังก์ชันได้ดีเลือดเรา
00:15:49 → 00:15:52 จะสุบฉีดได้ดีมากจะสร้างโรดฮอร์โมนต่างๆ
00:15:52 → 00:15:55 แต่ปัญหาของการใช้ชีวิตพวกเราเนี่ยพี่
00:15:55 → 00:15:57 ตั๊กตะกี้ที่พูดมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการ
00:15:57 → 00:16:01 ออกกำลังกายก็ขับกรดเอ่อacซิดออกมาละ
00:16:01 → 00:16:03 >> ดื่มกาแฟก็เป็น
00:16:03 → 00:16:04 >> ก็เป็นกรด
00:16:04 → 00:16:06 >> ใช่มั้เพราะว่ากาแฟมันเป็นกรดใช่มั้ยก็
00:16:06 → 00:16:07 เป็น
00:16:07 → 00:16:08 >> เครียดก็เป็นกรดนอนน้อย
00:16:09 → 00:16:09 >> ก็เป็นกรด
00:16:09 → 00:16:12 >> ก็เป็นกรดก็ขับกรดออกมาในร่างกายแล้วถ้า
00:16:12 → 00:16:16 ร่างกายเรามีกรดเบาๆอยู่ในร่างกายก็จะใน
00:16:16 → 00:16:19 การสะสมนะคะถ้ามีกรดค้างอยู่ในร่างกายจะ
00:16:19 → 00:16:23 เกิดอะไรขึ้นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังโรคกรดไหล
00:16:23 → 00:16:24 ย้อนโรคกระเพาะโรคเก๊า
00:16:24 → 00:16:25 >> เบหมด
00:16:25 → 00:16:28 >> เหล่าเนี้ยคือกรดบางๆแต่ถ้าเป็นกรดหนักๆ
00:16:28 → 00:16:31 เลยก็คืออย่างตะกี้ที่พี่พี่ตั๊พูดเป็นมะ
00:16:31 → 00:16:33 มะเร็งต้องเบอกว่าต้องทำให้ร่างกายเป็น
00:16:33 → 00:16:34 ด่าง
00:16:34 → 00:16:36 >> เป็นด่างเพราะฉะนั้นคนที่มีเชื้อมะเร็ง
00:16:36 → 00:16:39 เนี่ยคุณหมอก็อาจจะบอกว่าแนะนำให้ดื่มน้ำ
00:16:39 → 00:16:43 ด่างหรือว่าให้ลดต่างๆที่จะเป็นกรดสะสม
00:16:43 → 00:16:44 เช่นเนื้อแดง
00:16:44 → 00:16:49 >> เช่นให้แนะนำให้แบบว่าเลิกแอลกอฮอล์แนะนำ
00:16:49 → 00:16:53 ให้นอนให้แบบให้นอนให้ถึงเอ่ออย่าเครียด
00:16:53 → 00:16:56 คือแนะนำให้ใช้ชีวิตแบบชีวจิตมากขึ้น
00:16:56 → 00:16:57 เพราะเราเนี้ยคือด่าง
00:16:57 → 00:16:59 >> เพราะว่าถ้าร่างกายเรามีภาวะเป็นด่างมาก
00:16:59 → 00:17:02 ขึ้นเซลล์มะเร็งก็จะเติบโตได้ยากแต่ถ้า
00:17:02 → 00:17:03 ภาวะร่างกายเราเป็นกรดพิตาก็คือเซลล์
00:17:03 → 00:17:05 มะเร็งจะเติบโตได้ง่ายกว่า
00:17:05 → 00:17:08 >> เป็นแบบนี้ทีเนี้ยกลับมาเรื่อง
00:17:08 → 00:17:13 >> เรื่องผิวก็คือว่าถ้าเกิดเราดื่มน้ำแล้ว
00:17:13 → 00:17:15 เ้าเรียกว่าดื่มน้ำไม่ถึงจริงจริงๆดื่ม
00:17:15 → 00:17:18 น้ำแล้วเป็นน้ำเป็นกรดอ่ะแบบว่าพี 45
00:17:18 → 00:17:20 อะไรอย่างเงี้ยซึ่งน้ำในท้องตลาดมีพีที่
00:17:20 → 00:17:21 ต่ำกว่า 7 เยอะมากเลยนะ
00:17:21 → 00:17:23 >> น้ำดื่มทั่วไปนี่มันต่ำกว่า 7 เหรอคะ
00:17:23 → 00:17:25 >> มีค่ะมีเยอะมากเลย
00:17:25 → 00:17:27 >> ก็ถ้าว่าเรากินน้ำปกติอ่ะแหละ
00:17:27 → 00:17:30 >> ใช่ๆอันนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องผิวไม่ได้ช่วย
00:17:30 → 00:17:33 เรื่องผิวตายเหรอ
00:17:33 → 00:17:35 >> ใช่ค่ะคือนี่ไงไปถึงบอกความลึกซึ้งของมัน
00:17:35 → 00:17:39 น่ะก็คือ 1 ดื่มน้ำถึงมย 2 ถ้าคุณดื่มถึง
00:17:39 → 00:17:41 เนี่ยน้ำที่คุณดื่มช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ
00:17:41 → 00:17:43 ร่างกายในเชิงของ
00:17:43 → 00:17:47 >> ผิวหรือว่าเรื่องสุขภาพอะไรหรือเปล่าอ่า
00:17:47 → 00:17:49 อย่างเช่นว่าถ้าเกิดเราดื่มน้ำที่มีค่า
00:17:49 → 00:17:50 ของความเป็นด่าง
00:17:50 → 00:17:52 >> ที่ที่สูงกว่า 7
00:17:52 → 00:17:53 >> สูงกว่า 7
00:17:53 → 00:17:55 >> อย่างเช่น 8.88 88 หรืออะไรที่สูงอย่าง
00:17:55 → 00:17:58 นั้นเนี่ยที่เป็นธรรมชาตินะคะมันก็จะช่วย
00:17:58 → 00:18:02 เรื่องของผิวไปด้วยเพราะจริงๆเนี่ยน้ำถ้า
00:18:02 → 00:18:06 ถ้าไม่ใช่น้ำด่างที่เป็นธรรมชาติอาหาร
00:18:06 → 00:18:08 เนี่ยยากมากที่จะเป็นด่างส่วนใหญ่จะเป็น
00:18:08 → 00:18:12 กรดหมดเลยถ้าผ่านความร้อนแล้วผักสดเนี่ย
00:18:12 → 00:18:15 >> ที่ไม่ผ่านความร้อนก็จะมีค่าของความเป็น
00:18:15 → 00:18:18 ด่างอย่างเงี้ยแล้วปัญหาคือเราต้องกิน
00:18:18 → 00:18:21 >> 1 หน่วยของกรดเนี่ยจะมาล้างให้มันสมดุล
00:18:21 → 00:18:23 เราต้องใช้ด่าง 20 ยูนิตอ่ะคือแปลว่าเรา
00:18:23 → 00:18:26 ต้องกินผักสดเยอะมากๆอ่ะเพื่อให้ร่างกาย
00:18:26 → 00:18:29 เราสมดุลยากมากยกเว้นคุณจะนั่งนั่งแทะ
00:18:29 → 00:18:32 แครอทหรือว่านั่งนั่งกินแบบผักเป็น
00:18:32 → 00:18:33 >> ถึงจะช่วยได้
00:18:33 → 00:18:35 >> อือะไรไปเรื่อยๆทั้งวันอะไรอย่างเงี้ยก็
00:18:35 → 00:18:37 คือเพราะฉะนั้นร่างกายคนส่วนใหญ่อ่ะมี
00:18:37 → 00:18:39 ภาวะเป็นกรด
00:18:39 → 00:18:43 >> แต่ว่าสำหรับเฟเนี่ยก็คือจะมีตัวช่วยก็
00:18:43 → 00:18:46 คือจะดื่มน้ำเอ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่า
00:18:46 → 00:18:47 ของความเป็นด่างที่สูง
00:18:47 → 00:18:50 >> น้ำน้ำแร่น้ำแร่ธรรมชาติกับน้ำด่าง
00:18:50 → 00:18:51 >> ไม่เหมือนกัน
00:18:51 → 00:18:52 >> ไม่เหมือนกันใช่มั้ยคะ
00:18:52 → 00:18:55 >> น้ำด่างเนี่ยเนี่ยเอาอย่างงี้น้ำด่างนะคะ
00:18:55 → 00:18:59 พี่ตั๊กคือถ้าค่าพีสูงกว่า 7 ก็เรียกว่า
00:18:59 → 00:18:59 น้ำด่างละ
00:18:59 → 00:19:02 >> เรียกว่าน้ำด่างแต่ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติล่ะ
00:19:02 → 00:19:06 >> ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าสูงกว่า 7 นั่น
00:19:06 → 00:19:10 คือน้ำด่างธรรมชาติโอเคมแต่คุณสามารถมี
00:19:10 → 00:19:11 น้ำ
00:19:11 → 00:19:14 >> ด่างที่ไม่ธรรมชาติเกิดขึ้นได้
00:19:14 → 00:19:16 >> คือเขาเรียกว่าmanนเมดฝรั่งเขาจะเรียกว่า
00:19:16 → 00:19:18 manมadealคaline water ก็คือ
00:19:18 → 00:19:18 >> man
00:19:18 → 00:19:21 >> ประดิษฐ์ให้มันเป็นน้ำด่างโดยอาจจะผ่าน
00:19:21 → 00:19:25 >> ซึ่งคือจะถามว่าดีไหมเดี๋เฟยขออนุญาตให้
00:19:25 → 00:19:29 ให้ข้อมูลแล้วก็ทำความเข้าใจตรงนี้ว่ามัน
00:19:29 → 00:19:32 คืออะไรถ้าน้ำด่างที่ไม่ธรรมชาตินะคะก็
00:19:32 → 00:19:35 แปลว่าถูกต้องก็คือต้นทางของเขาคือน้ำ
00:19:35 → 00:19:38 ประปาดีๆนี่เองเนาะเข้าไป
00:19:38 → 00:19:40 >> ไหลผ่านเข้าไปในเครื่องกรอง
00:19:40 → 00:19:42 >> หรือเครื่องชนิดนึง
00:19:42 → 00:19:44 >> ที่เปลี่ยนโมเลกุลของเขา
00:19:44 → 00:19:44 >> ออ
00:19:45 → 00:19:49 >> ทำให้เค้าอ่ะมีค่าของความเป็นด่างตอนสุด
00:19:49 → 00:19:50 ท้าย
00:19:50 → 00:19:51 >> ด่าง
00:19:51 → 00:19:52 >> แต่ไม่ใช่ตอนเริ่มประดิษฐขึ้น
00:19:52 → 00:19:55 >> ถูกประดิษฐขึ้นทีเนี้ยหลายคนอาจจะไม่ทราบ
00:19:55 → 00:19:58 แต่อันนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ
00:19:58 → 00:20:00 >> ถ้าเราไม่ดื่มทันทีพี่ตั๊ก
00:20:00 → 00:20:02 >> ทันทีเปิดขวดปุ๊บต้องดื่มเลย
00:20:02 → 00:20:07 >> คือเฟก็จะใช้คำว่าถ้าไม่ดื่มโดย
00:20:07 → 00:20:11 เวลาอันใกล้ชิดกับที่มันถูกพึ่งกรองออกมา
00:20:11 → 00:20:13 ผ่านเครื่องกระบวนการเครื่องกรองเสร็จอ่ะ
00:20:13 → 00:20:15 >> แต่มันจะพอจะมาถึงเรานี่มันปามาเป็นวันๆ
00:20:15 → 00:20:16 เลยนะเป็นเดือน
00:20:16 → 00:20:18 >> มันก็อาจจะค่อยๆปรับค่ะ
00:20:18 → 00:20:18 >> อ
00:20:18 → 00:20:21 >> มีความปรับพี่พี่พี่ตังค์นึกภาพนะสมมุติ
00:20:21 → 00:20:23 อันเนี้ให้ผมตรงหรือพี่ตั๊กผมตรงแล้วพี่
00:20:23 → 00:20:25 ตั๊กไปดัดให้หยิกสักพักมันก็จะ
00:20:25 → 00:20:25 >> จะคลาย
00:20:26 → 00:20:28 >> จะคลายเดิมมันก็กลับมาสู่สภาพเดิมอารมณ์
00:20:28 → 00:20:30 มันประมาณนั้นน่ะนึกออก
00:20:30 → 00:20:33 >> ดังนั้นเนี่ยน้ำดื่มที่ผ่านเครื่องกรอง
00:20:34 → 00:20:37 มันก็จะเข้าขายกระบวนการอย่างเงี้ยค่ะถาม
00:20:37 → 00:20:38 ว่าดีมย
00:20:38 → 00:20:41 >> ก็ดีกว่าไม่ไม่เป็นน้ำด่าง
00:20:41 → 00:20:43 >> คือน้ำด่างยังไงก็เป็นประโยชน์กว่าอยู่
00:20:43 → 00:20:43 แล้ว
00:20:43 → 00:20:45 >> เพราะงั้นจากที่คุณเฟบอกว่าเอ่อเครื่อง
00:20:45 → 00:20:49 ที่ทำน้ำด่างเราจำเป็นต้องดื่มทันทีเพราะ
00:20:49 → 00:20:52 ฉะนั้นน้ำด่างจากธรรมชาติมันก็น่าจะดี
00:20:52 → 00:20:52 กว่า
00:20:52 → 00:20:56 >> ใช่ค่ะใช่ค่ะน้ำด่างธรรมชาติเนี่ยคือมัน
00:20:56 → 00:21:00 มีประโยชน์มากกว่าแล้วก็มีเอ่อโมเลกุลที่
00:21:00 → 00:21:02 เขาสามารถคงสภาพได้นานกว่าอย่างเคสของพี่
00:21:02 → 00:21:05 ชายของเฟเองเนี่ยนะคะเค้า
00:21:05 → 00:21:07 >> ไม่สบายเขาเป็นโรคภูมิแพ้เป็นเม็ดๆที่
00:21:07 → 00:21:11 หลังแขนกะหลังแล้วก็ไม่ทราบสาเหตุไปหาคุณ
00:21:11 → 00:21:14 หมอคุณหมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้ก็เลยต้องกิน
00:21:14 → 00:21:18 ยาแก้แพ้เป็นกำๆทีเนี้ยเราก็โชคดีได้มา
00:21:18 → 00:21:21 เจอ CEO ของที่ต่างประเทศแล้วเขาก็แนะนำ
00:21:21 → 00:21:24 ให้เราดื่มน้ำแร่ธรรมชาติที่มีข้าวหอม
00:21:24 → 00:21:28 เป็นด่างยูพี่ชายยูเนี่ยลองดื่มน้ำเนี้ย
00:21:28 → 00:21:31 วันละ 4 ขวดก็คือขวดขนาด 0.5
00:21:31 → 00:21:31 อ่ะ
00:21:31 → 00:21:33 >> 500 มล.เนี่ยค่ะครับ
00:21:33 → 00:21:38 >> เช้ากลางวันเย็นก่อนนอนลองไป 4-6 เดือนยู
00:21:38 → 00:21:40 จะต้องเห็นถึงความแตกต่างไม่อย่างงั้น
00:21:40 → 00:21:43 oney back การันีตอนนั้นคือน่าจะหลายปี
00:21:43 → 00:21:44 แล้วประมาณ 10 กว่าปีแล้วนะคะ
00:21:44 → 00:21:46 >> เป็นน้ำอะไรนะคะ
00:21:46 → 00:21:49 >> มันเป็นน้ำแร่ธรรมชาติน้ำด่างใช่แต่ว่า
00:21:49 → 00:21:51 พี่ชายไฟฟังเสร็จก็ตอนนั้นยังไม่มีขายใน
00:21:51 → 00:21:54 ประเทศไทยนะคะพี่ชายฟังเสร็จก็โอเครับข้อ
00:21:54 → 00:21:58 เสนอความการท้าทายอันนี้ขึ้นมากลับมา
00:21:58 → 00:21:59 เมืองไทย
00:21:59 → 00:21:59 >> ทำมั้ย
00:21:59 → 00:22:03 >> ดื่มไป 3 เดือนต้องโทรกลับไปหาเขา
00:22:03 → 00:22:04 >> ว่า
00:22:04 → 00:22:07 >> อยู่ใส่สารอะไรเข้าไปในน้ำนี้หรือเปล่า
00:22:07 → 00:22:11 เพราะว่าเม็ดๆที่หลังแขนของไอมันเริ่มยุบ
00:22:11 → 00:22:14 ลงแต่ยังไม่หายนะแค่เริ่มยุบลง
00:22:14 → 00:22:16 >> ฝรั่งเลยบอกว่าเนี่ยน้ำเนี้ยมันมี
00:22:16 → 00:22:19 คุณสมบัติ 2 อย่างที่แตกต่างจากน้ำยี่ห้อ
00:22:19 → 00:22:22 อื่นอันดับแรกก็คือค่าพีที่ 8.88 88 คือ
00:22:22 → 00:22:27 สูงที่สุดพร้อมกับอีกหนึ่งคุณสมบัติคือ
00:22:27 → 00:22:31 ค่าของความบริสุทธิ์น้ำเนี้ยโดยปกติวิธี
00:22:31 → 00:22:33 วัดนะคะค่าความบริสุทธิ์ก็คือสมมุติพี่
00:22:33 → 00:22:37 ตั๊กเอาน้ำตาลเข้าไปละลายในน้ำเปล่าคนให้
00:22:37 → 00:22:40 เข้ากันมองด้วยตาเปล่ามันจะใสแจ๋วเนาะก็
00:22:40 → 00:22:43 เอาเครื่องวัดไปวัดมันก็จะขึ้นค่ากลูโคส
00:22:43 → 00:22:46 ค่านู่นค่านี่ค่านั่นเช่นเดียวกันถ้าเอา
00:22:46 → 00:22:49 เครื่องวัดเไปวัดในน้ำไซแลนสปริงเนี่ยค่า
00:22:49 → 00:22:51 ที่มีสารละลายหลงเหลืออยู่ในน้ำฝรั่งเขา
00:22:51 → 00:22:53 เรียกว่า Total Dissolve Solids หรือ
00:22:53 → 00:22:57 TDS ค่าที่วัดสารละลายที่หลงเหลืออยู่ใน
00:22:57 → 00:23:00 น้ำเนี่ยคือเท่ากับประมาณ 58 ยูนิตต่อ
00:23:01 → 00:23:05 มิลลิกรัมเนี่ยต่อน้ำเนี่ยที่ที่วัดเนี่ย
00:23:05 → 00:23:07 ถือว่าต่ำมากแปลว่าอะไร
00:23:07 → 00:23:09 >> ฟังเสร็จไม่เข้าใจในวันนั้นนะพี่ตั๊กแต่
00:23:09 → 00:23:13 ว่าฝรั่งเขาก็เลยอธิบายว่ายูมันหมายความ
00:23:13 → 00:23:15 ว่าค่าของความเป็นด่างเนี่ยสูงแล้วมัน
00:23:15 → 00:23:19 เป็นธรรมชาติแล้วก็สารละลายที่ลงอยู่ใน
00:23:19 → 00:23:21 น้ำเนี่ยต่ำมากแปลว่ายูดื่มน้ำนี้ได้
00:23:21 → 00:23:22 เรื่อยๆเลย
00:23:22 → 00:23:23 >> อื
00:23:23 → 00:23:25 >> ไม่สะสมแร่ธาตุในร่างกายจะเคยได้ยินว่า
00:23:25 → 00:23:28 โดยปกติบางทีเนี่ยน้ำแร่ธรรมชาติอ่ะเรา
00:23:28 → 00:23:30 ต้องดื่มแล้วพักดื่มแล้วหยุดดื่มแล้วพัก
00:23:30 → 00:23:32 ดื่มแล้วหยุดเพราะว่าเดี๋ยวสารละลายหรือ
00:23:32 → 00:23:34 แร่ธาตุต่างๆมันสะสมในร่างกาย
00:23:34 → 00:23:35 >> สะสม
00:23:35 → 00:23:37 >> แล้วก็อ่าโอเคก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่วัน
00:23:37 → 00:23:40 นั้นฟังเสร็จคุณพ่อก็ส่งบินให้ไปดูที่
00:23:40 → 00:23:43 ประเทศไอซ์แลนด์เฟก็ไปเห็นแหล่งน้ำแหล่ง
00:23:43 → 00:23:46 ที่มาของน้ำเลยพี่ตั๊กทีเนี้ยน้ำเนี้ยก็
00:23:46 → 00:23:49 คือเกรเซียหรือทานน้ำแข็งที่ใช้เวลาฟอร์ม
00:23:49 → 00:23:51 เป็นหลายร้อยล้านปีมาก
00:23:51 → 00:23:55 ทานค่อยๆผ่านหิน
00:23:55 → 00:23:57 พิเศษที่เรียกว่า
00:23:57 → 00:23:59 แล้วมีที่เดียวเท่านั้นนะคือที่ประเทศ
00:23:59 → 00:24:00 ไซแลนด์
00:24:00 → 00:24:03 >> แล้วคุณสมบัติพิเศษของเขาก็คือค่าพีที่
00:24:03 → 00:24:04 สูงมาก
00:24:04 → 00:24:07 >> ประมาณ 8 เกิน 8 9 อัพอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:24:07 → 00:24:10 คือเราก็ไม่ได้ไปวัดที่ที่ต้นตอของ
00:24:10 → 00:24:12 บารซาติกเนี้ยค่ะ
00:24:12 → 00:24:14 >> แล้วเราก็ไปดูที่ซอสแหล่งน้ำเนี่ยคือเขา
00:24:14 → 00:24:18 เป็นเขตป่าสงวนคือคนห้ามเข้าไปทุกอย่างมี
00:24:18 → 00:24:21 การป้องกันมีโปรคชมีหมดเลยมันก็เลยเป็น
00:24:21 → 00:24:25 อะไรที่แบบโอ้โหพิเศษสุดๆจากนั้นพี่ชาย
00:24:25 → 00:24:28 ดื่มไป 1 ปีพี่ตั๊กหายจากโรคภูมิแพ้ตัวเฟ
00:24:28 → 00:24:30 เองเนี่ยไม่ได้มีปัญหาเหมือนพี่ชายเฟดูแล
00:24:30 → 00:24:32 ตัวเองอยู่แล้วในระดับนึง
00:24:32 → 00:24:35 >> พอเราได้อานิสงส์จากการดื่มน้ำแร่
00:24:35 → 00:24:38 ธรรมชาติไซแลนสปริงที่มีค่าพีที่ถึง 8.88
00:24:38 → 00:24:41 88 แบบเนี้ยไปสักพักสักพักของเฟคือต้อง
00:24:41 → 00:24:43 3-4 เดือนอัพจะรู้สึก
00:24:43 → 00:24:46 >> แต่ว่าเฟยอ่ะดื่มมาประมาณเป็น 10 ปีละ
00:24:46 → 00:24:49 >> คนก็จะบอกว่ามันโกขึ้นเรื่อยๆอ่ะพนักงาน
00:24:50 → 00:24:52 เฟยหรือทีมเฟยที่ทำงานกับเฟยอ่ะทุกวันก็
00:24:52 → 00:24:55 จะบอกอุณเฟผิวดีขึ้นอีกเนาะผิวดีขึ้นผิว
00:24:55 → 00:24:57 ดีขึ้นอะไรเงี้ยทุกวันเนี้ยจริงๆมารายการ
00:24:57 → 00:24:59 วันเนี้ก็คือแต่งหน้าแต่ปกติอ่ะจะไม่ค่อย
00:24:59 → 00:25:00 แต่งหน้าเลยพี่ตั๊ก
00:25:00 → 00:25:03 >> แล้วให้มันแบบผิวมันสะท้อนออกมาเลยเพราะ
00:25:03 → 00:25:05 เนื่องจากร่างกายเรามันอัจฉริยะมาก
00:25:05 → 00:25:08 >> ถ้าร่างกายเรามีปัญหาภายในมันมันจะไปซ่อม
00:25:08 → 00:25:08 ก่อน
00:25:08 → 00:25:09 >> ค่ะ
00:25:09 → 00:25:11 >> ผิวคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะให้คุณค่าในการ
00:25:11 → 00:25:12 ซ่อม
00:25:13 → 00:25:15 >> แปลว่าข้างในคงดีประมาณนึงแล้วมันถึงมา
00:25:15 → 00:25:18 ซ่อมผิวเราอย่างเงี้ยค่ะประโยชน์ของน้ำ
00:25:18 → 00:25:20 ด่างที่เป็นธรรมชาตินะคะน้ำแร่
00:25:20 → 00:25:22 >> อ่าที่เป็นน้ำด่างธรรมชาติอย่างเงี้ยก็
00:25:22 → 00:25:24 คือมีเยอะมากเลยแล้วก็หลายๆคนที่เฟยรู้
00:25:24 → 00:25:29 จักทั้งในวงการเองเนี่ยก็ก็ดื่มน้ำชนิด
00:25:29 → 00:25:32 นี้อยู่อย่างวันนี้นะคะเฟก็เอ่อได้มี
00:25:32 → 00:25:35 โอกาสเชิญคุณอรนง์ปัญญาวงศ์นะคะมาแชร์
00:25:35 → 00:25:39 >> ใช่ค่ะมาแชร์ประสบการณ์ว่าทำไมเถึงเลือก
00:25:39 → 00:25:42 ที่จะดื่มน้ำด่าที่มีค่าพีถึง 8.88 88
00:25:42 → 00:25:42 ตัวนี้ค่ะ
00:25:42 → 00:25:44 >> พอพูดถึงน้องอรก็ต้องบอกเลยว่าน้องอร
00:25:44 → 00:25:47 เนี่ยเป็นคนเดูแลตัวเองมาเราเล่นละคร
00:25:47 → 00:25:49 เรื่องล่าสุดเเป็นคนดูแลตัวเอง
00:25:49 → 00:25:52 >> น้องอรเนี่ยก็ดื่มน้ำมานานแล้วค่ะ
00:25:52 → 00:25:54 >> ใช่ปกติเราต้องออกได้ปกติอรเป็นคนที่ชอบ
00:25:55 → 00:25:56 แบบว่าชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว
00:25:56 → 00:25:59 >> แล้วอย่างบางทีที่พี่ตั๊กเห็นน้องอรที่
00:25:59 → 00:26:02 เราเล่นละครด้วยกันคือน้องอรก็จะพกน้ำขวด
00:26:02 → 00:26:04 ใหญ่ไว้ดื่มเลยไว้จิบไว้อะไรอย่างเงี้ย
00:26:04 → 00:26:05 ค่ะ
00:26:05 → 00:26:07 >> เราก็คิดว่าเออนั่นแหละมันดีต่อสุขภาพเรา
00:26:07 → 00:26:09 ก็ดูแลตัวเองมาเรื่อยๆการนอนหลับพักผ่อน
00:26:10 → 00:26:13 ให้เพียงพอการทานอาหารที่มีประโยชน์คือ
00:26:13 → 00:26:14 สิ่งเหล่าเนี้ยคือน้องอรก็ทำมาตั้งแต่
00:26:14 → 00:26:17 เริ่มต้นของการที่แบบว่าเออดูแลตัวเองแต่
00:26:17 → 00:26:22 พอถึงช่วงวัยนึงที่ร่างกายมันเกิดโรคขึ้น
00:26:22 → 00:26:26 มาโดยที่เราไม่รู้ตัวใช่ค่ะแล้วช่วงนั้น
00:26:26 → 00:26:27 น่ะก็เป็นช่วงที่แบบว่า
00:26:27 → 00:26:31 >> น้องอรก็ยังถ่ายละครทำงานหนักอยู่มันกลาย
00:26:31 → 00:26:34 เป็นความเครียดสะสมการที่เราไม่ได้พัก
00:26:34 → 00:26:35 ผ่อนสะสม
00:26:35 → 00:26:39 >> มันก็เลยทำให้เกิดโรคขึ้นในร่างกายแล้ว
00:26:39 → 00:26:42 โรคที่มันเกิดขึ้นคือต่อมไทยมัดของน้อง
00:26:42 → 00:26:45 อร่ะค่ะมันโตผิดปกติอ
00:26:45 → 00:26:47 >> ซึ่งตอนที่ไปหาคุณหมอค่ะเป็นช่วงที่แบบ
00:26:47 → 00:26:49 ว่าเออเราก็คิดว่าเราดูแลตัวเองดีค่ะพี่
00:26:50 → 00:26:54 ตั๊กแล้วพอไปหาคุณหมอด้วยอาการแน่นหน้าอก
00:26:54 → 00:26:55 หายใจไม่ออก
00:26:55 → 00:26:56 >> เพราะว่า
00:26:56 → 00:27:00 >> เอ่อมันเกิดความผิดปกติภายในน้องอรก็คิด
00:27:00 → 00:27:03 ว่าอ๋อสงสัยเราเพิ่งเป็นโควิดแล้วเป็น
00:27:03 → 00:27:07 อาการรองโควิดมั้งเลยหายใจไม่ไม่ทั่วท้อง
00:27:07 → 00:27:10 ปอดเราอาจจะแบบว่าทำงานได้ไม่เต็มที่แต่
00:27:10 → 00:27:13 ปรากฏว่าพอไปโรงพยาบาลแล้วคุณหมอก็ให้
00:27:13 → 00:27:15 เซเr
00:27:16 → 00:27:19 ปอดของเรามันเกิดอาการอะไรมยหรือว่าภายใน
00:27:19 → 00:27:21 ของเราเนี่ยมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
00:27:21 → 00:27:25 ปรากฏว่าภายในทรวงอกของเราค่ะมันมีก้อน
00:27:25 → 00:27:29 เทาๆหมอก็เลยบอกว่าเพื่อให้เห็นภาพได้ชัด
00:27:29 → 00:27:32 เจนมากยิ่งขึ้นก็เลยทำ TC สแกน
00:27:32 → 00:27:32 >> ค่ะ
00:27:32 → 00:27:35 >> ปรากฏว่าต่อมไทยมัดน้องอรค่ะที่อยู่ตรง
00:27:35 → 00:27:39 กลางอกซึ่งมันจะติดกับหัวใจและปอด
00:27:39 → 00:27:42 มันโตขึ้นซึ่งจริงๆต่อมเนี้ยเวลาเราอายุ
00:27:42 → 00:27:44 มากขึ้นเนี่ยมันจะหดลง
00:27:44 → 00:27:44 >> อ่า
00:27:44 → 00:27:47 >> เพราะว่าต่อมเนี้ยจะช่วยในเรื่องของระบบ
00:27:47 → 00:27:51 ภูมิคุ้มกันรวมไปถึงสร้างเซลล์ที่จะช่วย
00:27:51 → 00:27:54 ทำให้ร่างกายเนี่ยเจริญเติบโตต่อมของน้อง
00:27:54 → 00:27:57 อร่ะมันโตขึ้น 4 ซม.ผิดปกติ
00:27:57 → 00:28:00 >> ผิดปกติแล้วมันเริ่มไปเบียดอวัยวะภายในก็
00:28:00 → 00:28:03 คือหัวใจกับปอดก็เลยทำให้น้องอรเนี่ยหาย
00:28:03 → 00:28:04 ใจติดขัด
00:28:04 → 00:28:08 >> อ๋อมีนะแล้วซึ่งคุณหมอก็บอกว่ามันอาจจะ
00:28:08 → 00:28:10 เกิดขึ้นได้
00:28:10 → 00:28:12 ในกรณีที่ 1 ในแสนคน
00:28:12 → 00:28:14 >> ที่เป็นต่อมไทยมัสโต
00:28:14 → 00:28:16 >> แต่เราเป็นหนึ่งในนั้น
00:28:16 → 00:28:18 >> แต่เราเป็นใช่ค่ะซึ่ง
00:28:18 → 00:28:20 >> สาเหตุหลักๆก็คือนี่แหละค่ะพักผ่อนไม่
00:28:20 → 00:28:24 เพียงพอทำงานหนักมีความเครียดสะสมซึ่ง
00:28:24 → 00:28:27 ความเครียดน่ะเราไม่รู้แหละว่ามันจะเก็บ
00:28:27 → 00:28:30 เล็กผสมน้อยมาจากตอนไหนอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:28:30 → 00:28:34 ซึ่งพอน้องอรรู้ว่าเราเป็นต่อมไทยมาโตก็
00:28:34 → 00:28:36 เข้าสู่กระบวนการรักษาว่าทำยังไงเราจะ
00:28:36 → 00:28:39 ต้องผ่าตัดพักฟื้นตัวเองยังไงบ้างคุณหมอ
00:28:39 → 00:28:42 ก็บอกว่าคือถ้าเราอ่ะเจอแล้วเรารีบทำการ
00:28:42 → 00:28:46 รักษาโดยการผ่าตัดมันก็จะแบบว่ามีผลข้าง
00:28:46 → 00:28:49 เคียงบ้างนิดหน่อยแต่โรคมันก็จะหายไปก็
00:28:49 → 00:28:52 คือต่อมตัวเนี้ยมันจะหายไปโรคก็จะหายไป
00:28:52 → 00:28:53 ด้วย
00:28:53 → 00:28:56 >> แต่สิ่งที่ตามมาเนี่ยระบบภูมิคุ้มกันของ
00:28:56 → 00:28:57 เราเนี่ยมันจะลดลง
00:28:57 → 00:28:58 >> อื
00:28:58 → 00:29:00 >> อ่าสมมุติว่าถ้าหลังจากเนี้ยเราผ่าตัด
00:29:00 → 00:29:04 ต่อมไปแล้วเนี่ยเราอาจจะเป็นหวัดง่ายขึ้น
00:29:04 → 00:29:07 เราอาจจะได้รับผลข้างเคียงจากโรคต่างๆได้
00:29:07 → 00:29:08 มากยิ่งขึ้น
00:29:08 → 00:29:09 >> ได้อย่างี้แต่เสียอย่างงั้น
00:29:10 → 00:29:11 >> ใช่ๆค่ะ
00:29:11 → 00:29:14 >> พอรู้ว่าตัวเองจะต้องทำการผ่าตัด
00:29:14 → 00:29:15 >> ช่วงนั้นก็
00:29:15 → 00:29:18 >> ยังถ่ายละครอยู่ค่ะพี่ตั๊กก็ทำยังไงดีให้
00:29:19 → 00:29:22 ร่างกายของเราเนี่ยกักเก็บความแข็งแรงไว้
00:29:22 → 00:29:25 ก็ไปดูว่าอันหนึ่งคือต้องนอนหลับพักผ่อน
00:29:25 → 00:29:27 ให้เพียงพอเพราะว่าเตรียมร่างกายในการผ่า
00:29:27 → 00:29:31 ตัด 2 ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ 3 เลือก
00:29:31 → 00:29:34 น้ำดื่มที่จะช่วยแบบว่าทำให้ข้างในของเรา
00:29:34 → 00:29:38 เนี่ยมีความแข็งแรงหรือว่าปรับสมดุลเพราะ
00:29:38 → 00:29:41 ต่อมเนี้ยเวลาเราผ่าตัดออกไปร่างกายมันก็
00:29:41 → 00:29:44 ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดอยู่แล้วร่าง
00:29:44 → 00:29:47 กายต้องดึงส่วนต่างๆเนี่ยมาดูแลซ่อมแซม
00:29:47 → 00:29:50 แล้วน้ำก็เป็นส่วนสำคัญที่สุดในร่างกาย
00:29:50 → 00:29:52 เราน้องอรก็นี่แหละค่ะเข้าไปใน
00:29:52 → 00:29:55 ซุเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็ไปดูน้ำทุกอย่างเลย
00:29:55 → 00:29:57 จากที่เราเคยดื่มน้ำปกติดื่มน้ำแร่ดื่ม
00:29:57 → 00:30:00 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ไปดูอุ๊ยน้ำด่างน้ำ
00:30:00 → 00:30:05 นู่นนี่นั่นก็ไปเดินเลือกค่ะแล้วก็ซื้อ
00:30:05 → 00:30:06 ทุกยี่ห้อ
00:30:06 → 00:30:06 >> มาลอง
00:30:06 → 00:30:08 >> มาลองว่า
00:30:08 → 00:30:11 >> อ้ามีคนบอกหรือเปล่าว่าต้องทานน้ำประเภท
00:30:11 → 00:30:14 นี้ทำไมเราเราถึงไม่ทานน้ำปกติน้ำสะอาด
00:30:14 → 00:30:15 เฉยๆ
00:30:15 → 00:30:18 >> คือคุณหมอบอกว่าถ้าเราดื่มน้ำหรือว่าทาน
00:30:18 → 00:30:21 อาหารที่มีความเป็นด่างมันจะช่วยทำให้
00:30:21 → 00:30:22 ร่างกายของเราเนี่ย
00:30:22 → 00:30:23 >> อ๋ออ๋อ
00:30:23 → 00:30:26 >> ซ่อมแซมได้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะเวลาเราผ่า
00:30:26 → 00:30:27 ตัด
00:30:27 → 00:30:30 >> ร่างกายของเราเนี่ยมันเกิดการอักเสบหลัง
00:30:30 → 00:30:33 จากการผ่าตัดมันก็จะเป็นกรดแล้วอาหารที่
00:30:33 → 00:30:36 เรากินเข้าไปเนี่ยค่ะแม้แต่น้ำดื่มบาง
00:30:36 → 00:30:40 ครั้งเนี่ยมันก็เป็นกรดที่จะไปเสริมทำให้
00:30:40 → 00:30:43 อาการที่เราเจ็บข้างในเนี่ยมันหายช้าหรือ
00:30:43 → 00:30:46 อาการลดบวมอะไรพวกเนี้ยมันจะลดน้อยลง
00:30:46 → 00:30:48 >> แต่ถ้าเราเลือกดื่มน้ำที่เป็นน้ำด่างน้ำ
00:30:48 → 00:30:50 ธรรมชาติหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็จะ
00:30:50 → 00:30:53 ช่วยทำให้ร่างกายของเราเนี่ยปรับสมดุลให้
00:30:53 → 00:30:56 กับร่างกายแล้วพักฟื้นได้ดีมากยิ่งขึ้น
00:30:56 → 00:31:00 >> ก็ด้วยความที่ไปสรหามา
00:31:00 → 00:31:04 >> ดื่มๆก็ไม่ค่อยชอบนะแล้วมีอยู่วันนึงก็
00:31:04 → 00:31:07 >> ถ่าย Facebook เนี่ยนะค่ะก็เห็นน้องอั๋น
00:31:07 → 00:31:11 โพนาคเดื่มน้ำด่างธรรมชาติอ่ะก็ไปซื้อลอง
00:31:11 → 00:31:15 มาดื่มพ่อดื่มเอ้อรสชาติน้ำมันมีความรู้
00:31:15 → 00:31:16 สึกว่ามันอร่อยค่ะพี่
00:31:16 → 00:31:17 >> มันชอบจากรสชาติก่อน
00:31:17 → 00:31:20 >> ใช่ๆค่ะคือตั้งแต่นั้นน่ะน้องอรก็ดื่ม
00:31:20 → 00:31:22 เป็นต้นมาเลยก่อนที่จะผ่าตัด
00:31:22 → 00:31:26 แล้วปรากฏว่าน้องอรผ่าตัดเอ่อประมาณแค่ 4
00:31:26 → 00:31:30 วันออกจากโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าคือร่าง
00:31:30 → 00:31:33 กายมันฟื้นตัวได้เร็วมาก 2 สัปดาห์หลัง
00:31:33 → 00:31:36 จากที่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อต่อมไทยมัดไป
00:31:36 → 00:31:39 ตรวจค่าความเป็นมะเร็งว่ามันเป็นเนื้อ
00:31:39 → 00:31:44 ร้ายหรือเนื้อดีตอนที่เอ่อผลวิจัยออกมา
00:31:44 → 00:31:46 แล้วว่ามันเป็นเนื้อร้าย
00:31:46 → 00:31:46 >> อ
00:31:46 → 00:31:49 >> เราก็ต้องทำการรักษาขั้นตอนของการรักษา
00:31:49 → 00:31:53 มะเร็งต่อไปเพราะว่าคุณบอกว่าคือคุณอรไม่
00:31:53 → 00:31:55 ได้เป็นเอ่อระยะเริ่มต้นนะมันเป็นระยะที่
00:31:55 → 00:31:58 2 เพราะมันเริ่มมันเริ่มไปเบียดอวัยวะ
00:31:58 → 00:31:59 ภายใน
00:31:59 → 00:32:02 >> แล้วช่วงที่ผ่าตัดอ่ะค่ะเขาใช้เลเซอร์ใน
00:32:02 → 00:32:05 การผ่าตัดเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะไปกระทบ
00:32:05 → 00:32:07 กระเทือนปอดของเรานิดหน่อย
00:32:07 → 00:32:07 >> อื
00:32:07 → 00:32:10 >> เพราะฉะนั้นปอดอ่ะจะทำงานได้ไม่เต็มที่
00:32:10 → 00:32:14 แล้วร่างกายก็ต้องการการพักผ่อนพักฟื้น
00:32:14 → 00:32:17 แล้วดูแลในเรื่องของปรับสมดุลในร่างกาย
00:32:17 → 00:32:20 คือคุณหมอก็แนะนำเลยว่าถ้าเป็นไปได้คือ
00:32:20 → 00:32:23 อาหารก็พยายามอย่าให้เป็นกรดพยายามทาน
00:32:23 → 00:32:27 อาหารที่มันเป็นด่างก็คือผัดแล้วก็ทาน
00:32:27 → 00:32:32 ผลไม้เนื้อแดงทานเอ่อได้ประเภทเอ่ออาหาร
00:32:32 → 00:32:35 ทะเลแล้วก็ทานปลา
00:32:35 → 00:32:37 >> อาหารทะเลบางอย่างก็แบบว่าถ้าเป็นแบบของ
00:32:37 → 00:32:39 ดิบหรือของหมักดองอะไรเงี้ยก็ไม่ได้ก็คือ
00:32:39 → 00:32:41 ต้องดูแลให้ร่างกายเนี่ย
00:32:41 → 00:32:42 >> ไม่ได้
00:32:42 → 00:32:43 >> เป็นด่างมากที่สุดอะไรเงี้ยค่ะ
00:32:43 → 00:32:45 >> ค่ะน้องอรเปลี่ยนแปลงเป็นยังไงบ้าง
00:32:45 → 00:32:48 >> คือในช่วงที่น้องอรเอ่อผ่าตัดแล้วก่อนที่
00:32:48 → 00:32:50 จะรู้ว่าเป็นมะเร็งเก็คือร่างกายฟื้นตัว
00:32:50 → 00:32:54 ได้ดีมากยิ่งขึ้นแล้วเร็วแล้วสดชื่นคือ
00:32:54 → 00:32:57 ไม่ได้เป็นคนคนป่วยที่แบบว่านอนซมดูแลตัว
00:32:57 → 00:33:00 เองไม่เลยแล้วพอยิ่งรู้ว่าจะต้องเอ่อฉาย
00:33:01 → 00:33:04 รังสีน้องอรนอนประมาณแบบว่า 20:30 น.ก็
00:33:04 → 00:33:08 ต้องนอนเพราะต้องไปฉายรังสีเวลา 18:00 น.
00:33:08 → 00:33:12 ของทุกวันตื่น 5:00 น.แล้ว 18:00 น.คะก็
00:33:12 → 00:33:15 ต้องไปฉายรังสีแล้วนามฉายในกี่วัน
00:33:15 → 00:33:18 >> ฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้งแต่ดูไม่ได้เป็น
00:33:18 → 00:33:19 คนป่วยเลยนะ
00:33:19 → 00:33:22 >> เนี่ยค่ะแล้วทุกคนดูไม่รู้เลยว่าพี่ไม่
00:33:22 → 00:33:25 พี่เจอน้องอรพี่ลืมไปแล้วว่าน้องอรป่วย
00:33:25 → 00:33:26 >> ไม่รู้ใช่ค่ะไม่มีใครรู้เลย
00:33:26 → 00:33:28 >> โอไปฉายรังสี
00:33:28 → 00:33:31 >> 30 ครั้งใช่ค่ะคุณหมอบอกว่าด้วย
00:33:31 → 00:33:33 วิวัฒนาการทางการแพทย์ปัจจุบันเนี้ยมัน
00:33:33 → 00:33:36 สามารถรักษาได้เฉพาะจุด
00:33:36 → 00:33:38 >> แล้วก็ไม่เบิร์นแล้วที่ต้องทำเยอะเนี่ย
00:33:38 → 00:33:42 เพราะว่าไม่อยากจะให้เราโดนเอ่อรังสีแบบ
00:33:42 → 00:33:44 >> จำนวนเยอะๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่อยๆเป็น
00:33:44 → 00:33:47 ค่อยๆไปแล้วสิ่งหนึ่งที่น้องอรเห็นได้
00:33:47 → 00:33:49 อย่างชัดเจนหลังจากที่ดื่มไซแลนด์สปริงไป
00:33:49 → 00:33:52 แล้วในช่วงที่อรฉายรังสีค่ะพี่ตั๊กคือ
00:33:52 → 00:33:55 เวลาเราจิบน้ำดื่มน้ำไปแล้วเนี่ยแล้วเวลา
00:33:55 → 00:33:58 ขอโทษนะคะเวลาเข้าห้องน้ำเวลาเราแบบว่าไป
00:33:58 → 00:34:02 เอ่อปัสสาวะคือเรามีความรู้สึกว่ามันมีไอ
00:34:02 → 00:34:05 ร้อนออกมาค่ะซึ่งพอเราดื่มไอซแลนด์สปริง
00:34:05 → 00:34:07 ไปแล้วเนี่ยน้องอรนะคะเชื่อว่าตัวนี้แหละ
00:34:08 → 00:34:10 มันเป็นตัวที่ผลักความเป็นกรดออกจากร่าง
00:34:10 → 00:34:18 กายอ8
00:34:18 → 00:34:22 ที่น้องอรฉังสีอ่ะน้องอรดื่มน้ำประมาณ 4-5
00:34:22 → 00:34:25 ลิตรเลยค่ะแล้วก็คือจิบไปเรื่อยๆดื่มเหรอ
00:34:25 → 00:34:25 4-5 ลิตร
00:34:25 → 00:34:29 >> น้ำดื่มเนี่ยแหละค่ะคือดื่มไปเลยแล้วก็
00:34:29 → 00:34:32 >> มันเค้าเรียกว่ามันช่วยขับสิ่งที่แบบว่า
00:34:32 → 00:34:35 เรารักษาด้วยแล้วก็ทานยาด้วยอะไรอย่าง
00:34:35 → 00:34:38 เงี้ยค่ะแล้วมันปรับปรับสมนุษย์ให้กับ
00:34:38 → 00:34:39 ร่างกาย
00:34:39 → 00:34:42 >> จริงๆแล้วสำหรับคนที่ดื่มน้ำน้อยเค้าก็
00:34:42 → 00:34:44 บอกเดื่มไม่สามารถจะดื่มได้วันละ 3-4
00:34:44 → 00:34:48 ลิตรหรือว่าอาจจะไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าเนี่ย
00:34:48 → 00:34:51 ตรงนี้คุณเฟมีความเห็นยังไงบ้างในมุมคน
00:34:51 → 00:34:53 รักสุขภาพอยากจะให้เขาเริ่มต้นปรับ
00:34:53 → 00:34:55 เปลี่ยนพฤติกรรมยังไงบ้าง
00:34:55 → 00:34:57 >> คืออย่างงี้พี่พี่ตั๊กเคยได้ยินมั้คะว่า
00:34:57 → 00:35:00 ใช้เวลานักจิตวิทยานะคะเขาจะบอกว่าใช้
00:35:00 → 00:35:04 เวลา 21 วันในการทำอะไรก็ได้ให้เกิดความ
00:35:04 → 00:35:05 ขุนชินค่ะ
00:35:05 → 00:35:08 >> ยังไม่เป็นนิสัยนะแต่เริ่มคุ้นชินเช่นถ้า
00:35:08 → 00:35:12 คุณไม่แปรงฟัน 21 วันชเออ
00:35:12 → 00:35:15 >> เฟซก็เลยอยากจะบอกว่าลอง 3 อาทิตย์เอง
00:35:15 → 00:35:18 เนาะอยากจะให้เริ่มอย่างเงี้ยค่ะที่เฟบอก
00:35:18 → 00:35:19 ตื่นมา
00:35:19 → 00:35:22 >> กระดกเนี่ย 1 แก้วไม่ต้องแปบฟัน
00:35:22 → 00:35:22 >> 1 แก้วค่ะ
00:35:22 → 00:35:25 >> แล้วก็ตั้งเป้าไว้เลยว่าให้ดื่มให้ได้ 2
00:35:25 → 00:35:26 ขวดเนี้ย
00:35:26 → 00:35:26 >> อื
00:35:27 → 00:35:30 >> อ่าแล้วก็ทำอย่างเงี้ย 3 อาทิตย์นะจิบไป
00:35:30 → 00:35:32 เรื่อยๆระหว่างเช้าจนถึงเย็นแค่ 3
00:35:32 → 00:35:35 อาทิตย์อ่ะใครๆก็ทำได้แต่คือถ้าบอกว่าให้
00:35:35 → 00:35:39 ทำอย่างี้ไปทุกวันจนจนนานๆอย่างเงี้ยทุก
00:35:39 → 00:35:41 คนก็จะถอพอแต่ก็บอกขอความร่วมมือ 3
00:35:41 → 00:35:43 อาทิตย์แล้วให้จิบอย่างเงี้ไปทั้งทุกวัน
00:35:43 → 00:35:45 ทั้งวัน 3 อาทิตย์เนี้ย
00:35:45 → 00:35:46 >> แล้วเราจะชิน
00:35:46 → 00:35:48 >> แล้วมันจะเริ่มเกิดความเคยชินแล้วคุณจะ
00:35:48 → 00:35:51 รู้ว่าอ่ะถ้าเกิดวันไหนวางแพนว่าถ้าจะ
00:35:51 → 00:35:55 ต้องใช้ชีวิตหนักขึ้นกิจกรรมต่างๆ outdoor
00:35:55 → 00:35:58 กลางแจ้งหรือต้องพูดเยอะในที่ประชุมหรือ
00:35:58 → 00:36:01 ทานอาหารวันนั้นต้องทานอาหารที่มีรสจัด
00:36:01 → 00:36:05 มากขึ้นอะไรแบบเนี้ยก็ให้ดื่มน้ำช่วงนั้น
00:36:05 → 00:36:06 มากขึ้นนิดนึงอ
00:36:06 → 00:36:10 >> เป็นยังไงคะดูคลิปจบแล้วใครมีเคล็ดลับดีๆ
00:36:10 → 00:36:12 เกี่ยวกับเรื่องการดื่มน้ำเราก็มาแชร์กัน
00:36:12 → 00:36:16 หน่อยนะคะดื่มแบบไหนดื่มยังไงดื่มแล้วดี
00:36:16 → 00:36:19 ยังไงไม่ดียังไงก็มาคุยกันบ้างนะคะหรือ
00:36:19 → 00:36:21 ใครอยากจะให้ปรับปรุงรายการตรงไหนอยาก
00:36:22 → 00:36:25 เห็นใครมานั่งคุยกับพี่ตั๊กหรืออยากจะฟัง
00:36:25 → 00:36:28 เรื่องอะไรเราก็คอมเมนต์บอกมาได้เลยนะคะ
00:36:28 → 00:36:32 สำหรับพวกเราเราจะได้นำไปพัฒนารายการหรือ
00:36:32 → 00:36:35 หาแขกรับเชิญดีๆมานั่งคุยกันตรงนี้ค่ะฝาก
00:36:35 → 00:36:38 กดไลก์กดแชร์กดติดตามทางช่อง Live Dot
00:36:38 → 00:36:40 แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับพี่ตั๊กและก็ทีม
00:36:40 → 00:36:43 งานทุกคนด้วยและสำหรับใครที่อยากจะเริ่ม
00:36:43 → 00:36:47 ต้นดูแลตัวเองแบบจริงจังหรือกำลังหาแรง
00:36:47 → 00:36:51 บันดาลใจแบบไหนให้กับชีวิตพฤศจิกายนนี้นะ
00:36:51 → 00:36:55 คะเรามีงานใหญ่นะคะ Life Expo ที่จะ
00:36:55 → 00:36:57 เรียนให้ทราบว่างานนี้เป็นเรื่องของ
00:36:57 → 00:37:01 มหกรรมชีวิตและสุขภาพมีแบบครบทุกมิติเลย
00:37:01 → 00:37:04 ทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจแล้วก็เรื่องของ
00:37:04 → 00:37:11 ไestลฝากติดตามด้วยนะคะ Life Expo ค่ะ
00:00:00 → 00:00:04 ไปหาคุณหมอด้วยอาการแน่นหน้าอก
00:00:04 → 00:00:08 หายใจไม่ออกมันเกิดความผิดปกติภายในสงสัย
00:00:08 → 00:00:13 เราเพิ่งเป็นโควิดเป็นอาการรองโควิดมั้ง
00:00:13 → 00:00:16 เลยหายใจไม่ทั่วท้องบอดเราอาจจะทำงานได้
00:00:16 → 00:00:20 ไม่เต็มที่แล้วคุณหมอก็ให้เrayดูภายใน
00:00:20 → 00:00:24 ทรวงอกของเรามันมีก้อนเทาๆคุณหมอก็บอกว่า
00:00:24 → 00:00:29 มันอาจจะเกิดขึ้นได้ 1 ในแสนคน 1 ในแสนคน
00:00:29 → 00:00:33 ฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง
00:00:33 → 00:00:35 แต่ดูไม่ได้เป็นคนป่วยเลยนะ
00:00:35 → 00:00:38 >> เ้ามีวิธีการแนะนำในการดื่มน้ำยกตัวอย่าง
00:00:38 → 00:00:41 เช่นตื่นมาคุณควรดื่มน้ำเลยที่อุณหภูมิ
00:00:41 → 00:00:44 ห้องปกติอย่าเพิ่งแปรงฟันนะดื่มแบบมีขี้
00:00:44 → 00:00:48 ฟันเราดีๆนี่เองเพื่อเอากทีเรียที่อยู่ใน
00:00:48 → 00:00:51 ปากเราตอนกลางคืนเข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้า
00:00:51 → 00:00:53 ไปอยู่ในท้อง
00:00:53 → 00:00:55 >> เคยได้ยินคนที่ชอบดื่มน้ำรวดเดียวเยอะๆ
00:00:55 → 00:00:59 ดื่มเร็วๆบางทีถึงขั้นช็อกตายเลยเป็นไป
00:00:59 → 00:00:59 ได้มั้ฮะ
00:00:59 → 00:01:02 >> เป็นไปได้เลยค่ะเคสในต่างประเทศเกิดขึ้น
00:01:02 → 00:01:04 มาแล้ว
00:01:04 → 00:01:07 >> ตั๊ talk EP นี้ 2 Working Woman สาย
00:01:07 → 00:01:11 รักสุขภาพคุณอรออนงนางสาวไทยปี 2535 และ
00:01:11 → 00:01:14 คุณเฟอรชumานักชิมน้ำดื่มที่ทั่วโลกมี
00:01:14 → 00:01:17 เพียง 500 คนจะมาแชร์มุมมองการดื่มน้ำที่
00:01:17 → 00:01:20 ไม่ใช่แค่ดื่มแก้กระหายแต่ดื่มให้ถูกช่วย
00:01:21 → 00:01:23 เปลี่ยนชีวิตได้จริง
00:01:23 → 00:01:26 >> ก่อนจะไปชมคลิปนี้พี่ตั๊กมี 1 คำถามที่
00:01:26 → 00:01:29 อยากจะให้ทุกคนถามตัวเองว่าคุณรู้จักร่าง
00:01:29 → 00:01:33 กายและใจของตัวเองดีมากน้อยแค่ไหนถ้าคำ
00:01:33 → 00:01:37 ตอบคือไม่แน่ใจ Life Expo 2025 คือ
00:01:37 → 00:01:40 โอกาสที่คุณจะได้สำรวจตัวเองทั้งในเรื่อง
00:01:40 → 00:01:44 ของสุขภาพกายและสุขภาพจิตและการสร้างแรง
00:01:44 → 00:01:47 บันดาลใจให้กับชีวิตของคุณในเวอร์ชั่นที่
00:01:47 → 00:01:50 ดีกว่าเดิม 15-16 พฤศจิกายนนี้เรามาเจอ
00:01:50 → 00:01:55 กันที่ UOB Live Mpan Life Expo 2025
00:01:55 → 00:01:58 อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำตอบมาค้นหาตัว
00:01:58 → 00:02:02 คุณที่ดีกว่าเดิมด้วยกันค่ะคำ explore
00:02:02 → 00:02:05 the better you
00:02:05 → 00:02:10 [เพลง]
00:02:10 → 00:02:13 พูดถึงคุณเฟเนี่ยนะคะนอกจากจะทำธุรกิจ
00:02:13 → 00:02:16 เกี่ยวกับน้ำดื่มแล้วเธอยังเป็น water นะ
00:02:16 → 00:02:19 คะหรือที่เขาเรียกกันว่านักชิมน้ำดื่ม
00:02:19 → 00:02:22 นั่นเองเพราะงั้นน้ำสำคัญกับร่างกายยังไง
00:02:22 → 00:02:24 ทำไมคนถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็น
00:02:25 → 00:02:25 พิเศษ
00:02:25 → 00:02:28 >> หูยพี่ตาคือจริงๆต้องบอกก่อนอื่นเลยว่าคน
00:02:28 → 00:02:32 ไทยอ่ะอาจจะยังไม่ได้เข้าใจถึงคำว่าน้ำ
00:02:32 → 00:02:36 และความสำคัญของน้ำเทียบเท่ากับคนในต่าง
00:02:36 → 00:02:39 ประเทศนะคะอย่างเฟเนี่ยเป็น Water Sali
00:02:39 → 00:02:42 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยน้ำมีความสำคัญมาก
00:02:42 → 00:02:44 กว่าเวลาเรากระหายน้ำแล้วดื่มซึ่งอันนั้น
00:02:45 → 00:02:47 เป็นความรู้ทั่วๆไปที่ที่คนส่วนใหญ่จะ
00:02:47 → 00:02:50 ทราบก็คือว่าอ่ะเดี๋ยวฉันหิวน้ำ
00:02:50 → 00:02:53 >> ดื่มน้ำกระหายน้ำดื่มน้ำมีไว้เพื่ออะไรก็
00:02:53 → 00:02:57 แค่ดื่มแต่ในต่างประเทศอ่ะจริงๆคือเลึก
00:02:57 → 00:03:00 ซึ้งเรื่องนี้มากๆน้ำนี่มีความสำคัญแบบ
00:03:01 → 00:03:04 ว่าถ้าเกิดเราขาดน้ำ 3 วันเราเสียชีวิต
00:03:04 → 00:03:05 >> เพราะเนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบในร่าง
00:03:05 → 00:03:09 กายเยอะมาก 70-80% คือเอ่อเป็นน้ำในร่าง
00:03:09 → 00:03:12 กายแต่ในต่างประเทศเนี่ยคือเขา study
00:03:12 → 00:03:14 เรื่องนี้กันลึกมากยกตัวอย่างเช่น
00:03:14 → 00:03:17 >> เขาจะมีคำว่า Curative Water ก็คือน้ำ
00:03:17 → 00:03:21 บำบัดเพื่อสุขภาพไว้ใช้รักษาเช่นถ้าเกิด
00:03:21 → 00:03:24 ผิวไม่ดีในสมัย Ancient Europe อย่าง
00:03:24 → 00:03:25 เช่นว่า
00:03:25 → 00:03:28 >> เป็นโรคลื่นเลื้อนโรคอะไรเขาก็จะมีกลุ่ม
00:03:28 → 00:03:32 เอ่อแหล่งน้ำเฉพาะที่ว่าถ้าไปแช่ที่นี่
00:03:32 → 00:03:35 แล้วจะช่วยรักษาเรื่องผิวหนังแบบนี้อะไร
00:03:35 → 00:03:37 อย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็คือความสำคัญของน้ำ
00:03:37 → 00:03:40 จริงๆมันมีหลักการในการคำนวณค่ะพี่ตั๊ก็
00:03:40 → 00:03:42 คือเราเอาน้ำหนักตัวเรา
00:03:42 → 00:03:43 >> คูณ 30
00:03:43 → 00:03:44 >> ค่ะ
00:03:44 → 00:03:46 >> ก็จะออกมาเป็นตัวเลขตัวเลขนึง
00:03:46 → 00:03:46 >> อือ
00:03:46 → 00:03:48 >> อย่างเช่นของพี่ตั๊กเนี่ยคือน้ำหนัก
00:03:48 → 00:03:49 >> 45 + -
00:03:49 → 00:03:53 >> 45 * 30 = 1,350
00:03:53 → 00:03:54 >> มิลลต
00:03:54 → 00:03:56 >> อันเนี้คือเบสิคที่ควรคนดื่มจากนั้น
00:03:56 → 00:03:57 >> อ๋อแค่เบสิคเอง
00:03:57 → 00:04:00 >> ใช่แค่เบสิคมินิัมขั้นต่ำนะ
00:04:00 → 00:04:01 >> โอ๊ออเหรอ
00:04:01 → 00:04:05 >> อันนี้คือเพื่อเมนเทนร่างกายให้แบบว่าให้
00:04:05 → 00:04:07 มันให้มันใช้เป็นปกติแต่ละวัน
00:04:07 → 00:04:10 >> เป็นปกติแต่ว่าไม่ได้เสริมให้ร่างกายแข็ง
00:04:10 → 00:04:13 แรงหรือว่าดีนะไม่ใช่พี่ยังนึกว่าอ่ะพี่
00:04:13 → 00:04:16 จะดื่มประมาณอ่า 1,500-2 คือประมาณลิตร
00:04:16 → 00:04:17 ครึ่ง 2 ลิตร
00:04:17 → 00:04:18 >> อ่า
00:04:18 → 00:04:20 >> ถ้าอย่างงั้นแต่ละคนมันร่างกายมันไม่เท่า
00:04:20 → 00:04:22 กันมันต้องดื่มมากกว่านั้น
00:04:22 → 00:04:24 >> ถูกต้องขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนยก
00:04:24 → 00:04:26 ตัวอย่างเช่นพี่ตักออกกำลังกายมั้คะ
00:04:26 → 00:04:27 >> ออกกำลังกายค่ะ
00:04:27 → 00:04:28 >> ออกกำลังกาย
00:04:28 → 00:04:30 >> อันเดินทุกวันเดินทุกวัน
00:04:30 → 00:04:32 >> เล่นกอล์ฟอะไรอย่างเงี้ยโดนแดดมั้ยคะ
00:04:32 → 00:04:33 >> โอ้โดน
00:04:33 → 00:04:34 >> มีเหงื่อออกมั้ยคะ
00:04:34 → 00:04:37 >> โอ้เยอะ
00:04:37 → 00:04:38 >> เอ่อพูดเยอะมั้ยคะ
00:04:38 → 00:04:39 >> โอพูดมาก
00:04:39 → 00:04:42 >> นะทำงานเนี่ยพูดตลอดแล้วพูดในบ้านอีก
00:04:42 → 00:04:45 >> ใช่ค่ะแล้วเนี่ยแหละค่ะเป็นกระบวนการที่
00:04:45 → 00:04:49 เราจะต้องคำนึงถึงว่าเราจะต้องดื่มน้ำมาก
00:04:49 → 00:04:51 กว่ามินิัมขนาดไหนคะ
00:04:51 → 00:04:54 >> พี่ตั๊กทราบมั้ว่าถ้าเกิดพี่ตั๊กขาดน้ำ 1%
00:04:54 → 00:04:56 ของบอี้ของน้ำหนักร่างกายของเราเนี่ย
00:04:56 → 00:04:58 >> มันจะเกิดอะไรขึ้น
00:04:58 → 00:05:01 >> ก็จะเริ่มกระหายเริ่มอืหิวน้ำจังเลยเริ่ม
00:05:01 → 00:05:04 คอแห้งอันนี้คือ 1% ของบอเวทของน้ำหนัก
00:05:04 → 00:05:06 ตัวนั่นคือหมายความว่าถ้าเรากระหายแสดง
00:05:06 → 00:05:08 ว่าร่างกายเราขาดน้ำล่ะ
00:05:08 → 00:05:10 >> ประมาณ 1% 1% ของ bodyight ของน้ำหนัก
00:05:10 → 00:05:13 ร่างกายเราจะทำให้เราเริ่มรู้สึกกระหาย
00:05:13 → 00:05:17 น้ำถ้าอยู่ประมาณ 5% ที่เราสูญเสียน้ำออก
00:05:17 → 00:05:21 จากร่างกายนะคะก็จะเกิดภาวะสมองแบบคิดไม่
00:05:21 → 00:05:23 แล่นไม่ชารปไม่คิดแบบ
00:05:23 → 00:05:24 >> อ๋อออ
00:05:24 → 00:05:27 >> เคยเป็นเคยมีอารมณ์อย่างงี้พี่ตั๊กว่าแบบ
00:05:27 → 00:05:29 เวลาเรานั่งทำงานหรือทำอะไรเอ้ยทำไมมัน
00:05:29 → 00:05:30 คิดช้า
00:05:30 → 00:05:33 >> อ๋อถ้ารู้สึกแบบนั้นอ่ะขาดถึง 5%
00:05:33 → 00:05:37 >> เพราะมันจะเริ่มไปรบกวนสมองละเออเซลล์
00:05:37 → 00:05:38 เอ่อ Brain เซลล์
00:05:38 → 00:05:41 >> ถ้าอยู่ประมาณ 5-10% เนี่ยแปลว่ามันเริ่ม
00:05:41 → 00:05:44 กระทบต่างๆอวัยวะในร่างกายละยกตัวอย่าง
00:05:44 → 00:05:46 เช่นมันจะเริ่มกระทบ blood flow
00:05:46 → 00:05:50 blessure ใช่ค่ะในร่างกายเราจะเคยได้ยิน
00:05:50 → 00:05:53 ว่าถ้าเกิดเลือดข้นเนี่ยอ่ามันจะทำให้เรา
00:05:53 → 00:05:55 มีภาวะโรคต่างๆเกิดขึ้น
00:05:55 → 00:05:56 >> ใช่
00:05:56 → 00:05:59 >> เหล่าเนี้ยก็คือเป็นผลมาจากการสะสมของการ
00:05:59 → 00:06:03 ขาดน้ำประมาณ 5-10% ของบอเวทของน้ำหนัก
00:06:03 → 00:06:04 ร่างกายเราเป็นระยะเวลา
00:06:04 → 00:06:06 >> นั่นแสดงว่าพวกที่เส้นเลือดอุตัหรืออะไร
00:06:06 → 00:06:09 อาจจะเลือดมันไม่ flow เต็มที่เพราะงั้น
00:06:09 → 00:06:10 น้ำมันมีส่วนช่วย
00:06:10 → 00:06:14 >> ถูกต้องใช่ค่ะแล้วถ้า 15% ที่เราขาดน้ำนะ
00:06:14 → 00:06:17 ฝรั่งเขาจะบอกว่าเป็น organ fail เลยอ่ะ
00:06:17 → 00:06:20 คืออวัยวะภายในแบบแบบ
00:06:20 → 00:06:20 >> ไม่ได้ละ
00:06:20 → 00:06:27 >> ช็อกเลยหรือตายได้เสียอ้
00:06:27 → 00:06:30 >> ค่ะอย่างงั้นมันมีที่เราเราทราบกันมาตลอด
00:06:30 → 00:06:34 ว่าคนเรามันต้องดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วตาม
00:06:34 → 00:06:36 ที่เราเรียนกันมาจริงๆมันใช่มั้ยหรือว่า
00:06:36 → 00:06:38 ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:06:38 → 00:06:40 >> ไม่เหมือนกันเลยจริงๆพี่ตั๊กเพราะว่า
00:06:40 → 00:06:42 สมมุติ 8 แก้วพี่ตั๊กแค่นี้
00:06:42 → 00:06:44 >> แก้วไหนล่ะเออแก้ว
00:06:44 → 00:06:46 >> แก้วแก้วเท่านี้ป่ะหรือว่าแก้วเท่านี้
00:06:46 → 00:06:50 เป็นแก้วแก้วแบบว่าเป็นจัมโบ้หรือเปล่า
00:06:50 → 00:06:52 >> มันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวเรากำลังจะบอก
00:06:52 → 00:06:55 ว่ามันมีวิธีการดื่มน้ำด้วยที่เหมาะสมไม่
00:06:55 → 00:06:59 ใช่ว่าอยู่ดีๆกระหายแล้วค่อยดื่มเชื่อมั้
00:06:59 → 00:07:01 พี่ตั๊กว่าถ้าเกิดร่างกายเข้าสู่ตรงนั้น
00:07:01 → 00:07:03 ปุ๊บแปลว่าคุณขาดน้ำมากๆแล้วอย่างตะกี้
00:07:03 → 00:07:07 ที่ไฟบอกว่า 1% ไงแต่จริงๆแล้วเ้ามีวิธี
00:07:07 → 00:07:10 การแนะนำในการดื่มน้ำยกตัวอย่างเช่นตื่น
00:07:10 → 00:07:11 มาคุณควรดื่มน้ำเลย
00:07:11 → 00:07:12 >> ถูก
00:07:12 → 00:07:14 >> ที่อุณหภูมิห้องปกติ
00:07:14 → 00:07:17 >> อ่าอุณหภูมิห้องคืออันนี้พี่ตอนแรกพี่ไม่
00:07:17 → 00:07:20 ทราบนะพี่ไม่ทำพี่มาทำมาระยะหลัง
00:07:20 → 00:07:22 >> เชื่อมั้ยว่าสิ่งที่มันนั่นคือปกติเราเรา
00:07:22 → 00:07:24 นอนเราก็จะเปิดแอร์กันอยู่นะตื่นมาพี่ก็
00:07:24 → 00:07:28 ดื่มน้ำ 1 แก้วมันชื่นใช้คำว่ามันชื่นดี
00:07:28 → 00:07:30 กว่ามันสดชื่นใจ
00:07:30 → 00:07:31 >> จริงๆมันถูกเลยใช่มั้ฮะ
00:07:31 → 00:07:34 >> ถูกต้องมากแล้วพี่ตั๊กอย่าเพิ่งแปรงฟันนะ
00:07:34 → 00:07:37 ดื่มแบบมีขี้ฟันเราดีๆนี่เองเพื่อเอา
00:07:37 → 00:07:42 กทีเรียที่อยู่ในปากเราตอนกลางคืน
00:07:42 → 00:07:44 เข้าไปพร้อมน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในท้อง
00:07:44 → 00:07:45 >> เหรอ
00:07:45 → 00:07:47 >> ใช่ค่ะอย่าเพิ่งแปรงฟันนะเพราะว่ามันคือ
00:07:47 → 00:07:49 good bคทiaมันเป็นแบคทีเรียที่ดีที่เข้า
00:07:49 → 00:07:52 ไปช่วยเรื่องของระบบ digest หรือระบบ
00:07:52 → 00:07:54 อไม่ต้องบ้วนปากไม่ต้องแปลงฟันให้ดีแต่
00:07:54 → 00:07:57 โอเคอาจจะเกรงใจคนข้างๆนิดนึงแต่พี่ก็
00:07:57 → 00:07:58 >> ไม่เป็นไร
00:07:58 → 00:08:00 >> ตอนแรกมันก็แปลกๆนะแต่ตอนหลังมันก็ชิน
00:08:00 → 00:08:00 แล้วแหละ
00:08:00 → 00:08:04 >> ใช่ใช่มั้ยคะพี่ก็ดื่มน้ำแล้วก็ต้องเป็น
00:08:04 → 00:08:06 อุณหภูมิปกติเพราะอะไรถ้าเป็นน้ำเย็น
00:08:06 → 00:08:10 เนี่ยพี่ตั๊กร่างกายต้องใช้พลังชีวิต
00:08:10 → 00:08:12 เพื่อไปปรับอุณหภูมิของน้ำเย็น
00:08:12 → 00:08:16 >> ให้เข้ากับอุณหภูมิร่างกายเรา
00:08:16 → 00:08:19 >> เพื่อก่อนที่เขาจะไปอับสอร์บที่จะไปดูด
00:08:19 → 00:08:23 ซึมเข้าร่างกายได้ดีอือุ้
00:08:24 → 00:08:26 ตอนเช้ากลับมาเรื่องนี้ก็คือดื่มน้ำ
00:08:26 → 00:08:27 ประมาณแก้วนึง
00:08:27 → 00:08:28 >> แก้วนึงก่อน
00:08:28 → 00:08:28 >> ไม่แปลงฟัน
00:08:28 → 00:08:30 >> อ่าไม่ต้องแปลงฟัน
00:08:30 → 00:08:32 >> อ่าอันนี้ก็คือตอนเช้านะคะจากนั้นเนี่ย
00:08:32 → 00:08:35 ก่อนเที่ยนคุณก็ควรจะจิบน้ำไปเรื่อยๆคือ
00:08:35 → 00:08:37 นี่ค่ะคือถ้าเกิดไม่ได้นั่งคุยกับพี่ตั๊ก
00:08:37 → 00:08:39 เฟก็จะหยิบน้ำขึ้นมาจิบนิดนึงรับ
00:08:39 → 00:08:43 >> คุณเฟไม่ดื่มน้ำหวานน้ำอะไรมีมั้
00:08:43 → 00:08:44 >> ไม่ค่ะไม่เลย
00:08:44 → 00:08:46 >> ดื่มกาแฟมั้ย
00:08:46 → 00:08:48 >> จริงๆดื่มกาแฟนะแต่ว่าลิมิตให้ตัวเองแค่
00:08:48 → 00:08:53 วันละ 1 แก้วเพราะว่าจริงกาแฟก็คือมีผล
00:08:53 → 00:08:56 กับการทำให้ร่างกายดีไฮเดรตอ่ะเหมือน
00:08:56 → 00:08:58 >> เหมือนมันแห้งขึ้นอ่ะค่ะ
00:08:58 → 00:09:01 >> เพราะฉะนั้นถ้าพี่ตั๊กดื่มกาแฟหรือชาพี่
00:09:01 → 00:09:04 ตั๊กก็ต้องดื่มน้ำเข้าไปอีกเพิ่มเข้าไป
00:09:04 → 00:09:06 ด้วยเคยสังเกตมั้คะว่าถ้าเกิดพี่ตั๊กดื่ม
00:09:06 → 00:09:09 กาแฟอ่ะแล้วไม่ดื่มน้ำตามห้ามดื่มเลยนะ
00:09:09 → 00:09:13 เป็นไงคะมันจะแบบเริ่มเหมือนแบบคอแห้งนิด
00:09:13 → 00:09:15 นึงเออ
00:09:15 → 00:09:17 >> อะไรแบบเนี้ยแล้วถ้าเกิด
00:09:17 → 00:09:22 >> บางคนเนี่ยเคยเมากับแฟอ่ะเคยได้มีได้ยิน
00:09:22 → 00:09:23 ใช่มมันอาการเป็นไงฮะ
00:09:23 → 00:09:25 >> มันจะใจสั่นแล้วมันจะมึนๆเหมือนเมาเหล้า
00:09:25 → 00:09:26 ไส้
00:09:26 → 00:09:29 >> เออจะอ้วกจะแบบคลื่นไส้อันเนี้ยคือร่าง
00:09:29 → 00:09:30 กายขาดน้ำเยอะ
00:09:30 → 00:09:32 >> อ๋อเหรอคะ
00:09:32 → 00:09:34 >> พี่ก็เลยงงบอกเอ๊ะทำไมรู้สึกอยู่ดีๆชีวิต
00:09:34 → 00:09:38 ฉันแอนตี้กาแฟขึ้นมาดื้อๆคลื่นไส้พี่พี่
00:09:38 → 00:09:40 ไม่มึนแต่พี่จะคลื่นไส้อ๋อมันขาดน้ำใช่
00:09:40 → 00:09:40 มั้
00:09:40 → 00:09:42 >> ร่างกายเอัจฉริยาพี่ตาเขากำลังจะบอกเรา
00:09:43 → 00:09:46 ว่าคุณขาดน้ำนะรีบดื่มน้ำเข้าไปแล้วเวลา
00:09:46 → 00:09:49 เราคลื่นไส้ทำยังไงคะถ้าเกิดเราอทakeคน้ำ
00:09:49 → 00:09:53 เข้าไปในร่างกายปริมาณนึงถึงปุ๊บก็จะหาย
00:09:53 → 00:09:56 อาการที่แบบปวดหัวตุ๊บๆใจสั่นตุ๊บๆมันก็
00:09:57 → 00:09:57 จะดีขึ้น
00:09:57 → 00:09:58 >> น้ำนี่แหละ
00:09:58 → 00:10:01 >> เพราะว่าน้ำเนี่ยมีองค์ประกอบสำคัญในร่าง
00:10:01 → 00:10:04 กายช่วยอะไรบ้างไอ้ตะกี้ภาวะตะกี้คือมัน
00:10:04 → 00:10:07 ลำลำเรียงเ่อสารอาหาร
00:10:07 → 00:10:10 >> ช่วยเรื่องblessชเอร์การคอนโทรลระบบความ
00:10:10 → 00:10:12 ดันของเลือดแรงดันของเลือดใช่มั้คะแล้วก็
00:10:12 → 00:10:15 เรื่องของอุณหภูมิของร่างกายด้วยถ้าเกิด
00:10:15 → 00:10:18 เราดื่มน้ำไม่ถึงร่างกายอุณหภูมิก็จะ
00:10:18 → 00:10:21 >> ไม่ไม่ปกติด้วยในระยะยาวอย่างเงี้ยค่ะ
00:10:21 → 00:10:23 >> โอ้โหดีจังได้ความรู้เยอะมากเพราะว่าพี่
00:10:23 → 00:10:26 เป็นคนที่พี่ดื่มน้ำนะคุยกับคุณเฟพี่รู้
00:10:26 → 00:10:28 ว่าพี่ทานน้ำน้อยไปแหละนิดนึง
00:10:28 → 00:10:30 >> เพราะว่าถ้าพี่เล่นกีฬาแล้วพี่พอบางทีพี่
00:10:30 → 00:10:32 จะมีตื่นแล้วมาคอแห้งๆ
00:10:32 → 00:10:34 >> อย่างงั้นอาจจะต้องต้องการน้ำมากกว่านี้
00:10:34 → 00:10:35 แต่ละคนไม่เหมือนกัน
00:10:35 → 00:10:39 >> จริงเพราะว่าภาวะด้วยนะบางกลุ่มเช่นคน
00:10:39 → 00:10:44 ท้องคนที่ต้องรับประทานยาต้องเทคยาเยอะๆ
00:10:44 → 00:10:47 หมายถึงว่าเอ่อหรือว่าเป็นโรคป่วยสักัก
00:10:47 → 00:10:50 ชนิดนึงอย่างเงี้ยค่ะแล้วเต้องรับประทาน
00:10:50 → 00:10:51 ยาที่คุณหมอให้มา
00:10:51 → 00:10:52 >> ค่ะ
00:10:52 → 00:10:54 >> พวกเนี้ยก็ต้องกินน้ำเยอะขึ้น
00:10:54 → 00:10:55 >> อ๋อ
00:10:55 → 00:10:56 >> กว่าปกติ
00:10:56 → 00:11:00 >> คนที่ท้องคนที่ให้นมลูกเค้าต้องไปเลี้ยง
00:11:00 → 00:11:02 อีก 1 ชีวิตหรือผลิตน้ำนม
00:11:02 → 00:11:05 >> เต้องใช้น้ำมากกว่าคนปกติถ้าบางคนเป็น
00:11:05 → 00:11:09 airร์โสAgeหรือเป็นนักบินเราต้องบินบ่อย
00:11:09 → 00:11:13 >> อยู่บนอากาศโอ้โหแค่ผิวก็แห้งละแล้วอยู่
00:11:13 → 00:11:16 บนความดันที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันกะทันหัน
00:11:16 → 00:11:20 ตลอดเวลาทุกวันร่างกายต้องใช้พลังชีวิต
00:11:20 → 00:11:21 เยอะมาก
00:11:21 → 00:11:24 >> เขาต้องดื่มน้ำเยอะกว่าปกติแล้วถ้าสักพัก
00:11:24 → 00:11:26 เอยู่บนนั้นหรือแม้กระทั่งถ้าเกิดใครเดิน
00:11:26 → 00:11:29 ทางเยอะๆแล้วดื่มน้ำไม่ถึงไม่พอไปแล้วค่ะ
00:11:29 → 00:11:33 ระบบขับถ่ายเกิดขึ้นทันทีจะเห็นเลยว่าไม่
00:11:33 → 00:11:34 flว
00:11:34 → 00:11:34 >> ค่ะ
00:11:34 → 00:11:36 >> อย่างเงี้ยอันนี้ก็คือดื่มน้ำไม่ถึงแล้ว
00:11:36 → 00:11:39 นะนอกเหนือจากผิวแห้งปากแห้งหรือว่าระบบ
00:11:39 → 00:11:42 อื่นๆเรื่องของความไม่สบายก็จะเกิดขึ้น
00:11:42 → 00:11:42 ทันที
00:11:42 → 00:11:46 >> ค่ะโอ้โหฟังแล้วน้ำนี่สำคัญมากเลยนะคะเคย
00:11:46 → 00:11:48 ได้ยินคนที่ชอบดื่มน้ำรวดเดียวเยอะๆดื่ม
00:11:48 → 00:11:52 เร็วๆบางทีถึงขั้นช็อกตายเลยเออตรงนี้
00:11:52 → 00:11:54 เป็นไปได้มั้คะ
00:11:54 → 00:11:56 >> เป็นไปได้เลยค่ะพี่ตั๊ก
00:11:56 → 00:11:58 >> คือเคสในต่างประเทศเกิดขึ้นมาแล้ว
00:11:58 → 00:11:59 >> ค่ะ
00:11:59 → 00:12:02 >> เพราะว่าร่างกายรับไม่ไหวมีเหตุการณ์ที่
00:12:02 → 00:12:05 เกิดขึ้นที่เป็นนักมาราธอนวิ่ง
00:12:05 → 00:12:08 >> อย่างเงี้ยแล้วก็ขาดน้ำอย่างรุนแรง
00:12:08 → 00:12:12 >> แล้วก็ไปดื่มน้ำที่เย็นจัดแล้วก็ในปริมาณ
00:12:12 → 00:12:15 ที่เยอะมากกว่าน้ำหนักตัวที่สามารถรับได้
00:12:15 → 00:12:17 ในช่วงนั้นๆ
00:12:17 → 00:12:19 >> เก็เกิดบอดี้ช็อกแล้วก็เสียชีวิตโดยฉับ
00:12:19 → 00:12:22 พลันเพราะว่าดีที่สุดคือเราควรจะค่อยๆจิบ
00:12:22 → 00:12:24 ไปทั้งวัน
00:12:24 → 00:12:24 >> ค่ะ
00:12:24 → 00:12:27 >> จนถึงเที่ยนอ่ะเที่ยนก็ดื่มอีกอ่ะบ่ายก็
00:12:27 → 00:12:30 ค่อยๆจิบไปจนถึงเย็นก่อนนอนเช้ากลางวัน
00:12:30 → 00:12:33 เย็นก่อนนอนคุณต้องพิจารณาแล้วว่าถึง 2
00:12:33 → 00:12:36 ลิตรมยกระจายยังไงไปกระจายเองไม่ใช่ว่า
00:12:36 → 00:12:41 อยู่ดีๆ 2 ลิตรจบตอน 18:00 น.
00:12:41 → 00:12:45 อย่าตอนที่ไป
00:12:45 → 00:12:48 นะคะก็จะแบบให้ความสำคัญกับลิ้นของเรามาก
00:12:48 → 00:12:51 เลยพี่ตั๊กจริงๆอันนี้เป็นอะไรที่ aming
00:12:51 → 00:12:53 >> คือลิ้นของเราสมมุติไปขออนุญาตยกตัวอย่าง
00:12:53 → 00:12:55 นี้คือมือเป็นลิ้นเนาะ
00:12:55 → 00:12:55 >> ค่ะ
00:12:55 → 00:12:58 >> คือร่างกายของเราเนี่ยเขาก็จะถูกดีไซน์
00:12:58 → 00:13:01 ออกมาให้รับรสทั้งหมด 4 รสความหวาน
00:13:01 → 00:13:02 >> ค่ะ
00:13:03 → 00:13:04 >> ความเปรี้ยว
00:13:04 → 00:13:04 >> เปรี้ยว
00:13:04 → 00:13:07 >> ความเค็มแล้วก็ความขม
00:13:07 → 00:13:10 >> เทสบัเนี่ยนะคะในลินของเราเนี่ย
00:13:10 → 00:13:13 >> จุดรับรถไม่เท่ากันอยู่คนละจุดแล้วร่าง
00:13:13 → 00:13:17 กายถูกดีไซน์มาให้รับรถเหล่าเนี้ยเพื่อ
00:13:17 → 00:13:20 เป็นเอ่อระบบป้องกันป้องกันร่างกายของ
00:13:20 → 00:13:23 มนุษย์เรายกตัวอย่างเช่นเวลาเรารับรสหวาน
00:13:23 → 00:13:26 น่ะพี่ตั๊กรู้ไหมว่ามีไว้เพื่ออะไร
00:13:26 → 00:13:30 >> เออมีไว้เพื่อร่างกายจะ process ในสมอง
00:13:30 → 00:13:33 ว่าอันเนี้ยแปลงเป็นพลังงานเป็นแป้งและ
00:13:33 → 00:13:36 พนังงานคือคสดีๆนี้เองนี่คือรสที่มาจากรส
00:13:36 → 00:13:38 หวาน
00:13:38 → 00:13:42 2 คือความเปรี้ยวความเปรี้ยวเนี่ยเพื่อ
00:13:42 → 00:13:45 ให้ร่างกายรับรสว่าอาหารอะไรจะบูดจะเน่า
00:13:45 → 00:13:46 >> อื
00:13:46 → 00:13:49 >> อือันนี้คือลิ้นนะคะซึ่งถ้าหวานเนี่ยมัน
00:13:49 → 00:13:51 จะอยู่ตรงขอบเนี้ยถ้าเปรี้ยวมันจะเริ่มไป
00:13:51 → 00:13:52 ตรงเนี้ย
00:13:52 → 00:13:52 >> ค่ะ
00:13:52 → 00:13:55 >> ถ้าขมจะอยู่ข้างบนข้างในนะคะเวลาเรากินยา
00:13:55 → 00:13:57 เออใช่แล้วก็
00:13:57 → 00:14:00 >> ถ้าเค็มเนี่ยจะอยู่ทั่วๆเลยทีนี้ถ้าเค็ม
00:14:00 → 00:14:02 เนี่ยก็หมายถึงว่าให้ร่างกายเราอ่ะ
00:14:02 → 00:14:05 กระตุ้นน้ำลายอ่ะให้ออกมาในการย่อยนี่คือ
00:14:06 → 00:14:10 รับรับรสของความคิดความเค็มส่วนความขม
00:14:10 → 00:14:13 เนี่ยก็เพื่อป้องกันพวกท็อกสิคท็อกซิน
00:14:14 → 00:14:14 ต่างๆ
00:14:14 → 00:14:15 >> อ่ะ
00:14:15 → 00:14:17 >> เวลาเรากินยากินอะไรจะสังเกตมั้คะว่ามัน
00:14:17 → 00:14:21 จะขมตรงเนี้ยข้างในถ้าพี่ถ้าพี่ตั๊กอม
00:14:21 → 00:14:25 ลิ้นสักพักแบบ avoid จุดเนี้ยไม่ให้มัน
00:14:25 → 00:14:27 โดนยามันจะไม่ค่อยขมอ่ะ
00:14:27 → 00:14:30 >> อันนี้คือtสบัของเราเออก็คือ
00:14:30 → 00:14:32 >> ทำไมเฟถึงต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าเวลา
00:14:32 → 00:14:35 เราดื่มน้ำอ่ะตอนที่เราชิมน้ำอ่ะค่ะ
00:14:35 → 00:14:37 >> ตัวเนี้ยจะเป็นตัวรับรสของน้ำ
00:14:37 → 00:14:38 >> อ
00:14:38 → 00:14:41 >> เวลาไฟต้องชิมน้ำแต่ละประเภทโอ้ยแยกให้
00:14:41 → 00:14:42 ได้นะ
00:14:42 → 00:14:42 >> ค่ะ
00:14:42 → 00:14:44 >> เพราะการชิมน้ำเนี่ยมันก็ใช้ลิ้นมากเลย
00:14:44 → 00:14:45 ใช่มั้ย
00:14:45 → 00:14:46 >> ใช่ค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วในต่างประเทศ
00:14:46 → 00:14:51 เนี่ยเขาจะมีการเอ่อเทรนให้เราลักษณะว่า
00:14:51 → 00:14:53 น้ำชนิดไหนเหมาะกับการรับประทานอาหารแบบ
00:14:53 → 00:14:57 ไหนสมมุติอาหารเค็มถ้าเรากินน้ำประเภทนี้
00:14:57 → 00:15:00 ที่มีส่วนผสมของแบบเนี้ยจะทำให้รสชาติของ
00:15:00 → 00:15:01 อาหารดีคือหลกแย่ลง
00:15:01 → 00:15:04 >> นั่งมองคุณเฟนี่ผิวสวยมาก
00:15:04 → 00:15:04 >> ขอบคุณมาก
00:15:04 → 00:15:07 >> แล้วคนผิวสวยต้องดื่มน้ำแบบไหนอ่ะ
00:15:07 → 00:15:09 >> คน
00:15:09 → 00:15:12 อันแรกนะพี่ตั๊กดื่มน้ำให้ถึงขึ้นอยู่กับ
00:15:12 → 00:15:13 เค้าใช้ชีวิตยังไง
00:15:13 → 00:15:15 >> แต่ละคนอื
00:15:15 → 00:15:18 >> 2 เนี่ยเฟจะเลือกน้ำที่เป็นแอลคลพี่ตั๊ก
00:15:18 → 00:15:22 เคยได้ยินน้ำแอลคลมั้คะน้ำที่เป็นด่าง
00:15:22 → 00:15:25 >> คือขออนุญาตไม่ลงวิทยาศาสตร์มากนะพี่ตา
00:15:25 → 00:15:29 >> คือน้ำเนี่ยสมมุติถ้าเราดูค่าพี 1-14 คือ
00:15:29 → 00:15:32 ค่าพีเลวEL 7 คือค่าของความเป็นกลางถ้า
00:15:33 → 00:15:36 ต่ำกว่า 7 คือค่าของความเป็นกรดนะนะคะ
00:15:36 → 00:15:36 >> อือ
00:15:36 → 00:15:38 >> ถ้าสูงกว่า 7 คือค่าของความเป็นดัง
00:15:38 → 00:15:38 >> ดัง
00:15:38 → 00:15:41 >> ทีเนี้ยนักวิทยาศาสตร์เ้าวิจัยออกมาละว่า
00:15:41 → 00:15:44 ถ้าเลือดเราข้างในเราอ่ะอยู่ที่ประมาณพี
00:15:44 → 00:15:48 7.3 7.4 4 มันจะฟังก์ชันได้ดีเลือดเรา
00:15:49 → 00:15:52 จะสุบฉีดได้ดีมากจะสร้างโรดฮอร์โมนต่างๆ
00:15:52 → 00:15:55 แต่ปัญหาของการใช้ชีวิตพวกเราเนี่ยพี่
00:15:55 → 00:15:57 ตั๊กตะกี้ที่พูดมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการ
00:15:57 → 00:16:01 ออกกำลังกายก็ขับกรดเอ่อacซิดออกมาละ
00:16:01 → 00:16:03 >> ดื่มกาแฟก็เป็น
00:16:03 → 00:16:04 >> ก็เป็นกรด
00:16:04 → 00:16:06 >> ใช่มั้เพราะว่ากาแฟมันเป็นกรดใช่มั้ยก็
00:16:06 → 00:16:07 เป็น
00:16:07 → 00:16:08 >> เครียดก็เป็นกรดนอนน้อย
00:16:09 → 00:16:09 >> ก็เป็นกรด
00:16:09 → 00:16:12 >> ก็เป็นกรดก็ขับกรดออกมาในร่างกายแล้วถ้า
00:16:12 → 00:16:16 ร่างกายเรามีกรดเบาๆอยู่ในร่างกายก็จะใน
00:16:16 → 00:16:19 การสะสมนะคะถ้ามีกรดค้างอยู่ในร่างกายจะ
00:16:19 → 00:16:23 เกิดอะไรขึ้นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังโรคกรดไหล
00:16:23 → 00:16:24 ย้อนโรคกระเพาะโรคเก๊า
00:16:24 → 00:16:25 >> เบหมด
00:16:25 → 00:16:28 >> เหล่าเนี้ยคือกรดบางๆแต่ถ้าเป็นกรดหนักๆ
00:16:28 → 00:16:31 เลยก็คืออย่างตะกี้ที่พี่พี่ตั๊พูดเป็นมะ
00:16:31 → 00:16:33 มะเร็งต้องเบอกว่าต้องทำให้ร่างกายเป็น
00:16:33 → 00:16:34 ด่าง
00:16:34 → 00:16:36 >> เป็นด่างเพราะฉะนั้นคนที่มีเชื้อมะเร็ง
00:16:36 → 00:16:39 เนี่ยคุณหมอก็อาจจะบอกว่าแนะนำให้ดื่มน้ำ
00:16:39 → 00:16:43 ด่างหรือว่าให้ลดต่างๆที่จะเป็นกรดสะสม
00:16:43 → 00:16:44 เช่นเนื้อแดง
00:16:44 → 00:16:49 >> เช่นให้แนะนำให้แบบว่าเลิกแอลกอฮอล์แนะนำ
00:16:49 → 00:16:53 ให้นอนให้แบบให้นอนให้ถึงเอ่ออย่าเครียด
00:16:53 → 00:16:56 คือแนะนำให้ใช้ชีวิตแบบชีวจิตมากขึ้น
00:16:56 → 00:16:57 เพราะเราเนี้ยคือด่าง
00:16:57 → 00:16:59 >> เพราะว่าถ้าร่างกายเรามีภาวะเป็นด่างมาก
00:16:59 → 00:17:02 ขึ้นเซลล์มะเร็งก็จะเติบโตได้ยากแต่ถ้า
00:17:02 → 00:17:03 ภาวะร่างกายเราเป็นกรดพิตาก็คือเซลล์
00:17:03 → 00:17:05 มะเร็งจะเติบโตได้ง่ายกว่า
00:17:05 → 00:17:08 >> เป็นแบบนี้ทีเนี้ยกลับมาเรื่อง
00:17:08 → 00:17:13 >> เรื่องผิวก็คือว่าถ้าเกิดเราดื่มน้ำแล้ว
00:17:13 → 00:17:15 เ้าเรียกว่าดื่มน้ำไม่ถึงจริงจริงๆดื่ม
00:17:15 → 00:17:18 น้ำแล้วเป็นน้ำเป็นกรดอ่ะแบบว่าพี 45
00:17:18 → 00:17:20 อะไรอย่างเงี้ยซึ่งน้ำในท้องตลาดมีพีที่
00:17:20 → 00:17:21 ต่ำกว่า 7 เยอะมากเลยนะ
00:17:21 → 00:17:23 >> น้ำดื่มทั่วไปนี่มันต่ำกว่า 7 เหรอคะ
00:17:23 → 00:17:25 >> มีค่ะมีเยอะมากเลย
00:17:25 → 00:17:27 >> ก็ถ้าว่าเรากินน้ำปกติอ่ะแหละ
00:17:27 → 00:17:30 >> ใช่ๆอันนี้ไม่ได้ช่วยเรื่องผิวไม่ได้ช่วย
00:17:30 → 00:17:33 เรื่องผิวตายเหรอ
00:17:33 → 00:17:35 >> ใช่ค่ะคือนี่ไงไปถึงบอกความลึกซึ้งของมัน
00:17:35 → 00:17:39 น่ะก็คือ 1 ดื่มน้ำถึงมย 2 ถ้าคุณดื่มถึง
00:17:39 → 00:17:41 เนี่ยน้ำที่คุณดื่มช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ
00:17:41 → 00:17:43 ร่างกายในเชิงของ
00:17:43 → 00:17:47 >> ผิวหรือว่าเรื่องสุขภาพอะไรหรือเปล่าอ่า
00:17:47 → 00:17:49 อย่างเช่นว่าถ้าเกิดเราดื่มน้ำที่มีค่า
00:17:49 → 00:17:50 ของความเป็นด่าง
00:17:50 → 00:17:52 >> ที่ที่สูงกว่า 7
00:17:52 → 00:17:53 >> สูงกว่า 7
00:17:53 → 00:17:55 >> อย่างเช่น 8.88 88 หรืออะไรที่สูงอย่าง
00:17:55 → 00:17:58 นั้นเนี่ยที่เป็นธรรมชาตินะคะมันก็จะช่วย
00:17:58 → 00:18:02 เรื่องของผิวไปด้วยเพราะจริงๆเนี่ยน้ำถ้า
00:18:02 → 00:18:06 ถ้าไม่ใช่น้ำด่างที่เป็นธรรมชาติอาหาร
00:18:06 → 00:18:08 เนี่ยยากมากที่จะเป็นด่างส่วนใหญ่จะเป็น
00:18:08 → 00:18:12 กรดหมดเลยถ้าผ่านความร้อนแล้วผักสดเนี่ย
00:18:12 → 00:18:15 >> ที่ไม่ผ่านความร้อนก็จะมีค่าของความเป็น
00:18:15 → 00:18:18 ด่างอย่างเงี้ยแล้วปัญหาคือเราต้องกิน
00:18:18 → 00:18:21 >> 1 หน่วยของกรดเนี่ยจะมาล้างให้มันสมดุล
00:18:21 → 00:18:23 เราต้องใช้ด่าง 20 ยูนิตอ่ะคือแปลว่าเรา
00:18:23 → 00:18:26 ต้องกินผักสดเยอะมากๆอ่ะเพื่อให้ร่างกาย
00:18:26 → 00:18:29 เราสมดุลยากมากยกเว้นคุณจะนั่งนั่งแทะ
00:18:29 → 00:18:32 แครอทหรือว่านั่งนั่งกินแบบผักเป็น
00:18:32 → 00:18:33 >> ถึงจะช่วยได้
00:18:33 → 00:18:35 >> อือะไรไปเรื่อยๆทั้งวันอะไรอย่างเงี้ยก็
00:18:35 → 00:18:37 คือเพราะฉะนั้นร่างกายคนส่วนใหญ่อ่ะมี
00:18:37 → 00:18:39 ภาวะเป็นกรด
00:18:39 → 00:18:43 >> แต่ว่าสำหรับเฟเนี่ยก็คือจะมีตัวช่วยก็
00:18:43 → 00:18:46 คือจะดื่มน้ำเอ่อน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่า
00:18:46 → 00:18:47 ของความเป็นด่างที่สูง
00:18:47 → 00:18:50 >> น้ำน้ำแร่น้ำแร่ธรรมชาติกับน้ำด่าง
00:18:50 → 00:18:51 >> ไม่เหมือนกัน
00:18:51 → 00:18:52 >> ไม่เหมือนกันใช่มั้ยคะ
00:18:52 → 00:18:55 >> น้ำด่างเนี่ยเนี่ยเอาอย่างงี้น้ำด่างนะคะ
00:18:55 → 00:18:59 พี่ตั๊กคือถ้าค่าพีสูงกว่า 7 ก็เรียกว่า
00:18:59 → 00:18:59 น้ำด่างละ
00:18:59 → 00:19:02 >> เรียกว่าน้ำด่างแต่ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติล่ะ
00:19:02 → 00:19:06 >> ถ้าน้ำแร่ธรรมชาติที่มีค่าสูงกว่า 7 นั่น
00:19:06 → 00:19:10 คือน้ำด่างธรรมชาติโอเคมแต่คุณสามารถมี
00:19:10 → 00:19:11 น้ำ
00:19:11 → 00:19:14 >> ด่างที่ไม่ธรรมชาติเกิดขึ้นได้
00:19:14 → 00:19:16 >> คือเขาเรียกว่าmanนเมดฝรั่งเขาจะเรียกว่า
00:19:16 → 00:19:18 manมadealคaline water ก็คือ
00:19:18 → 00:19:18 >> man
00:19:18 → 00:19:21 >> ประดิษฐ์ให้มันเป็นน้ำด่างโดยอาจจะผ่าน
00:19:21 → 00:19:25 >> ซึ่งคือจะถามว่าดีไหมเดี๋เฟยขออนุญาตให้
00:19:25 → 00:19:29 ให้ข้อมูลแล้วก็ทำความเข้าใจตรงนี้ว่ามัน
00:19:29 → 00:19:32 คืออะไรถ้าน้ำด่างที่ไม่ธรรมชาตินะคะก็
00:19:32 → 00:19:35 แปลว่าถูกต้องก็คือต้นทางของเขาคือน้ำ
00:19:35 → 00:19:38 ประปาดีๆนี่เองเนาะเข้าไป
00:19:38 → 00:19:40 >> ไหลผ่านเข้าไปในเครื่องกรอง
00:19:40 → 00:19:42 >> หรือเครื่องชนิดนึง
00:19:42 → 00:19:44 >> ที่เปลี่ยนโมเลกุลของเขา
00:19:44 → 00:19:44 >> ออ
00:19:45 → 00:19:49 >> ทำให้เค้าอ่ะมีค่าของความเป็นด่างตอนสุด
00:19:49 → 00:19:50 ท้าย
00:19:50 → 00:19:51 >> ด่าง
00:19:51 → 00:19:52 >> แต่ไม่ใช่ตอนเริ่มประดิษฐขึ้น
00:19:52 → 00:19:55 >> ถูกประดิษฐขึ้นทีเนี้ยหลายคนอาจจะไม่ทราบ
00:19:55 → 00:19:58 แต่อันนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คือ
00:19:58 → 00:20:00 >> ถ้าเราไม่ดื่มทันทีพี่ตั๊ก
00:20:00 → 00:20:02 >> ทันทีเปิดขวดปุ๊บต้องดื่มเลย
00:20:02 → 00:20:07 >> คือเฟก็จะใช้คำว่าถ้าไม่ดื่มโดย
00:20:07 → 00:20:11 เวลาอันใกล้ชิดกับที่มันถูกพึ่งกรองออกมา
00:20:11 → 00:20:13 ผ่านเครื่องกระบวนการเครื่องกรองเสร็จอ่ะ
00:20:13 → 00:20:15 >> แต่มันจะพอจะมาถึงเรานี่มันปามาเป็นวันๆ
00:20:15 → 00:20:16 เลยนะเป็นเดือน
00:20:16 → 00:20:18 >> มันก็อาจจะค่อยๆปรับค่ะ
00:20:18 → 00:20:18 >> อ
00:20:18 → 00:20:21 >> มีความปรับพี่พี่พี่ตังค์นึกภาพนะสมมุติ
00:20:21 → 00:20:23 อันเนี้ให้ผมตรงหรือพี่ตั๊กผมตรงแล้วพี่
00:20:23 → 00:20:25 ตั๊กไปดัดให้หยิกสักพักมันก็จะ
00:20:25 → 00:20:25 >> จะคลาย
00:20:26 → 00:20:28 >> จะคลายเดิมมันก็กลับมาสู่สภาพเดิมอารมณ์
00:20:28 → 00:20:30 มันประมาณนั้นน่ะนึกออก
00:20:30 → 00:20:33 >> ดังนั้นเนี่ยน้ำดื่มที่ผ่านเครื่องกรอง
00:20:34 → 00:20:37 มันก็จะเข้าขายกระบวนการอย่างเงี้ยค่ะถาม
00:20:37 → 00:20:38 ว่าดีมย
00:20:38 → 00:20:41 >> ก็ดีกว่าไม่ไม่เป็นน้ำด่าง
00:20:41 → 00:20:43 >> คือน้ำด่างยังไงก็เป็นประโยชน์กว่าอยู่
00:20:43 → 00:20:43 แล้ว
00:20:43 → 00:20:45 >> เพราะงั้นจากที่คุณเฟบอกว่าเอ่อเครื่อง
00:20:45 → 00:20:49 ที่ทำน้ำด่างเราจำเป็นต้องดื่มทันทีเพราะ
00:20:49 → 00:20:52 ฉะนั้นน้ำด่างจากธรรมชาติมันก็น่าจะดี
00:20:52 → 00:20:52 กว่า
00:20:52 → 00:20:56 >> ใช่ค่ะใช่ค่ะน้ำด่างธรรมชาติเนี่ยคือมัน
00:20:56 → 00:21:00 มีประโยชน์มากกว่าแล้วก็มีเอ่อโมเลกุลที่
00:21:00 → 00:21:02 เขาสามารถคงสภาพได้นานกว่าอย่างเคสของพี่
00:21:02 → 00:21:05 ชายของเฟเองเนี่ยนะคะเค้า
00:21:05 → 00:21:07 >> ไม่สบายเขาเป็นโรคภูมิแพ้เป็นเม็ดๆที่
00:21:07 → 00:21:11 หลังแขนกะหลังแล้วก็ไม่ทราบสาเหตุไปหาคุณ
00:21:11 → 00:21:14 หมอคุณหมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้ก็เลยต้องกิน
00:21:14 → 00:21:18 ยาแก้แพ้เป็นกำๆทีเนี้ยเราก็โชคดีได้มา
00:21:18 → 00:21:21 เจอ CEO ของที่ต่างประเทศแล้วเขาก็แนะนำ
00:21:21 → 00:21:24 ให้เราดื่มน้ำแร่ธรรมชาติที่มีข้าวหอม
00:21:24 → 00:21:28 เป็นด่างยูพี่ชายยูเนี่ยลองดื่มน้ำเนี้ย
00:21:28 → 00:21:31 วันละ 4 ขวดก็คือขวดขนาด 0.5
00:21:31 → 00:21:31 อ่ะ
00:21:31 → 00:21:33 >> 500 มล.เนี่ยค่ะครับ
00:21:33 → 00:21:38 >> เช้ากลางวันเย็นก่อนนอนลองไป 4-6 เดือนยู
00:21:38 → 00:21:40 จะต้องเห็นถึงความแตกต่างไม่อย่างงั้น
00:21:40 → 00:21:43 oney back การันีตอนนั้นคือน่าจะหลายปี
00:21:43 → 00:21:44 แล้วประมาณ 10 กว่าปีแล้วนะคะ
00:21:44 → 00:21:46 >> เป็นน้ำอะไรนะคะ
00:21:46 → 00:21:49 >> มันเป็นน้ำแร่ธรรมชาติน้ำด่างใช่แต่ว่า
00:21:49 → 00:21:51 พี่ชายไฟฟังเสร็จก็ตอนนั้นยังไม่มีขายใน
00:21:51 → 00:21:54 ประเทศไทยนะคะพี่ชายฟังเสร็จก็โอเครับข้อ
00:21:54 → 00:21:58 เสนอความการท้าทายอันนี้ขึ้นมากลับมา
00:21:58 → 00:21:59 เมืองไทย
00:21:59 → 00:21:59 >> ทำมั้ย
00:21:59 → 00:22:03 >> ดื่มไป 3 เดือนต้องโทรกลับไปหาเขา
00:22:03 → 00:22:04 >> ว่า
00:22:04 → 00:22:07 >> อยู่ใส่สารอะไรเข้าไปในน้ำนี้หรือเปล่า
00:22:07 → 00:22:11 เพราะว่าเม็ดๆที่หลังแขนของไอมันเริ่มยุบ
00:22:11 → 00:22:14 ลงแต่ยังไม่หายนะแค่เริ่มยุบลง
00:22:14 → 00:22:16 >> ฝรั่งเลยบอกว่าเนี่ยน้ำเนี้ยมันมี
00:22:16 → 00:22:19 คุณสมบัติ 2 อย่างที่แตกต่างจากน้ำยี่ห้อ
00:22:19 → 00:22:22 อื่นอันดับแรกก็คือค่าพีที่ 8.88 88 คือ
00:22:22 → 00:22:27 สูงที่สุดพร้อมกับอีกหนึ่งคุณสมบัติคือ
00:22:27 → 00:22:31 ค่าของความบริสุทธิ์น้ำเนี้ยโดยปกติวิธี
00:22:31 → 00:22:33 วัดนะคะค่าความบริสุทธิ์ก็คือสมมุติพี่
00:22:33 → 00:22:37 ตั๊กเอาน้ำตาลเข้าไปละลายในน้ำเปล่าคนให้
00:22:37 → 00:22:40 เข้ากันมองด้วยตาเปล่ามันจะใสแจ๋วเนาะก็
00:22:40 → 00:22:43 เอาเครื่องวัดไปวัดมันก็จะขึ้นค่ากลูโคส
00:22:43 → 00:22:46 ค่านู่นค่านี่ค่านั่นเช่นเดียวกันถ้าเอา
00:22:46 → 00:22:49 เครื่องวัดเไปวัดในน้ำไซแลนสปริงเนี่ยค่า
00:22:49 → 00:22:51 ที่มีสารละลายหลงเหลืออยู่ในน้ำฝรั่งเขา
00:22:51 → 00:22:53 เรียกว่า Total Dissolve Solids หรือ
00:22:53 → 00:22:57 TDS ค่าที่วัดสารละลายที่หลงเหลืออยู่ใน
00:22:57 → 00:23:00 น้ำเนี่ยคือเท่ากับประมาณ 58 ยูนิตต่อ
00:23:01 → 00:23:05 มิลลิกรัมเนี่ยต่อน้ำเนี่ยที่ที่วัดเนี่ย
00:23:05 → 00:23:07 ถือว่าต่ำมากแปลว่าอะไร
00:23:07 → 00:23:09 >> ฟังเสร็จไม่เข้าใจในวันนั้นนะพี่ตั๊กแต่
00:23:09 → 00:23:13 ว่าฝรั่งเขาก็เลยอธิบายว่ายูมันหมายความ
00:23:13 → 00:23:15 ว่าค่าของความเป็นด่างเนี่ยสูงแล้วมัน
00:23:15 → 00:23:19 เป็นธรรมชาติแล้วก็สารละลายที่ลงอยู่ใน
00:23:19 → 00:23:21 น้ำเนี่ยต่ำมากแปลว่ายูดื่มน้ำนี้ได้
00:23:21 → 00:23:22 เรื่อยๆเลย
00:23:22 → 00:23:23 >> อื
00:23:23 → 00:23:25 >> ไม่สะสมแร่ธาตุในร่างกายจะเคยได้ยินว่า
00:23:25 → 00:23:28 โดยปกติบางทีเนี่ยน้ำแร่ธรรมชาติอ่ะเรา
00:23:28 → 00:23:30 ต้องดื่มแล้วพักดื่มแล้วหยุดดื่มแล้วพัก
00:23:30 → 00:23:32 ดื่มแล้วหยุดเพราะว่าเดี๋ยวสารละลายหรือ
00:23:32 → 00:23:34 แร่ธาตุต่างๆมันสะสมในร่างกาย
00:23:34 → 00:23:35 >> สะสม
00:23:35 → 00:23:37 >> แล้วก็อ่าโอเคก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่วัน
00:23:37 → 00:23:40 นั้นฟังเสร็จคุณพ่อก็ส่งบินให้ไปดูที่
00:23:40 → 00:23:43 ประเทศไอซ์แลนด์เฟก็ไปเห็นแหล่งน้ำแหล่ง
00:23:43 → 00:23:46 ที่มาของน้ำเลยพี่ตั๊กทีเนี้ยน้ำเนี้ยก็
00:23:46 → 00:23:49 คือเกรเซียหรือทานน้ำแข็งที่ใช้เวลาฟอร์ม
00:23:49 → 00:23:51 เป็นหลายร้อยล้านปีมาก
00:23:51 → 00:23:55 ทานค่อยๆผ่านหิน
00:23:55 → 00:23:57 พิเศษที่เรียกว่า
00:23:57 → 00:23:59 แล้วมีที่เดียวเท่านั้นนะคือที่ประเทศ
00:23:59 → 00:24:00 ไซแลนด์
00:24:00 → 00:24:03 >> แล้วคุณสมบัติพิเศษของเขาก็คือค่าพีที่
00:24:03 → 00:24:04 สูงมาก
00:24:04 → 00:24:07 >> ประมาณ 8 เกิน 8 9 อัพอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:24:07 → 00:24:10 คือเราก็ไม่ได้ไปวัดที่ที่ต้นตอของ
00:24:10 → 00:24:12 บารซาติกเนี้ยค่ะ
00:24:12 → 00:24:14 >> แล้วเราก็ไปดูที่ซอสแหล่งน้ำเนี่ยคือเขา
00:24:14 → 00:24:18 เป็นเขตป่าสงวนคือคนห้ามเข้าไปทุกอย่างมี
00:24:18 → 00:24:21 การป้องกันมีโปรคชมีหมดเลยมันก็เลยเป็น
00:24:21 → 00:24:25 อะไรที่แบบโอ้โหพิเศษสุดๆจากนั้นพี่ชาย
00:24:25 → 00:24:28 ดื่มไป 1 ปีพี่ตั๊กหายจากโรคภูมิแพ้ตัวเฟ
00:24:28 → 00:24:30 เองเนี่ยไม่ได้มีปัญหาเหมือนพี่ชายเฟดูแล
00:24:30 → 00:24:32 ตัวเองอยู่แล้วในระดับนึง
00:24:32 → 00:24:35 >> พอเราได้อานิสงส์จากการดื่มน้ำแร่
00:24:35 → 00:24:38 ธรรมชาติไซแลนสปริงที่มีค่าพีที่ถึง 8.88
00:24:38 → 00:24:41 88 แบบเนี้ยไปสักพักสักพักของเฟคือต้อง
00:24:41 → 00:24:43 3-4 เดือนอัพจะรู้สึก
00:24:43 → 00:24:46 >> แต่ว่าเฟยอ่ะดื่มมาประมาณเป็น 10 ปีละ
00:24:46 → 00:24:49 >> คนก็จะบอกว่ามันโกขึ้นเรื่อยๆอ่ะพนักงาน
00:24:50 → 00:24:52 เฟยหรือทีมเฟยที่ทำงานกับเฟยอ่ะทุกวันก็
00:24:52 → 00:24:55 จะบอกอุณเฟผิวดีขึ้นอีกเนาะผิวดีขึ้นผิว
00:24:55 → 00:24:57 ดีขึ้นอะไรเงี้ยทุกวันเนี้ยจริงๆมารายการ
00:24:57 → 00:24:59 วันเนี้ก็คือแต่งหน้าแต่ปกติอ่ะจะไม่ค่อย
00:24:59 → 00:25:00 แต่งหน้าเลยพี่ตั๊ก
00:25:00 → 00:25:03 >> แล้วให้มันแบบผิวมันสะท้อนออกมาเลยเพราะ
00:25:03 → 00:25:05 เนื่องจากร่างกายเรามันอัจฉริยะมาก
00:25:05 → 00:25:08 >> ถ้าร่างกายเรามีปัญหาภายในมันมันจะไปซ่อม
00:25:08 → 00:25:08 ก่อน
00:25:08 → 00:25:09 >> ค่ะ
00:25:09 → 00:25:11 >> ผิวคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะให้คุณค่าในการ
00:25:11 → 00:25:12 ซ่อม
00:25:13 → 00:25:15 >> แปลว่าข้างในคงดีประมาณนึงแล้วมันถึงมา
00:25:15 → 00:25:18 ซ่อมผิวเราอย่างเงี้ยค่ะประโยชน์ของน้ำ
00:25:18 → 00:25:20 ด่างที่เป็นธรรมชาตินะคะน้ำแร่
00:25:20 → 00:25:22 >> อ่าที่เป็นน้ำด่างธรรมชาติอย่างเงี้ยก็
00:25:22 → 00:25:24 คือมีเยอะมากเลยแล้วก็หลายๆคนที่เฟยรู้
00:25:24 → 00:25:29 จักทั้งในวงการเองเนี่ยก็ก็ดื่มน้ำชนิด
00:25:29 → 00:25:32 นี้อยู่อย่างวันนี้นะคะเฟก็เอ่อได้มี
00:25:32 → 00:25:35 โอกาสเชิญคุณอรนง์ปัญญาวงศ์นะคะมาแชร์
00:25:35 → 00:25:39 >> ใช่ค่ะมาแชร์ประสบการณ์ว่าทำไมเถึงเลือก
00:25:39 → 00:25:42 ที่จะดื่มน้ำด่าที่มีค่าพีถึง 8.88 88
00:25:42 → 00:25:42 ตัวนี้ค่ะ
00:25:42 → 00:25:44 >> พอพูดถึงน้องอรก็ต้องบอกเลยว่าน้องอร
00:25:44 → 00:25:47 เนี่ยเป็นคนเดูแลตัวเองมาเราเล่นละคร
00:25:47 → 00:25:49 เรื่องล่าสุดเเป็นคนดูแลตัวเอง
00:25:49 → 00:25:52 >> น้องอรเนี่ยก็ดื่มน้ำมานานแล้วค่ะ
00:25:52 → 00:25:54 >> ใช่ปกติเราต้องออกได้ปกติอรเป็นคนที่ชอบ
00:25:55 → 00:25:56 แบบว่าชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว
00:25:56 → 00:25:59 >> แล้วอย่างบางทีที่พี่ตั๊กเห็นน้องอรที่
00:25:59 → 00:26:02 เราเล่นละครด้วยกันคือน้องอรก็จะพกน้ำขวด
00:26:02 → 00:26:04 ใหญ่ไว้ดื่มเลยไว้จิบไว้อะไรอย่างเงี้ย
00:26:04 → 00:26:05 ค่ะ
00:26:05 → 00:26:07 >> เราก็คิดว่าเออนั่นแหละมันดีต่อสุขภาพเรา
00:26:07 → 00:26:09 ก็ดูแลตัวเองมาเรื่อยๆการนอนหลับพักผ่อน
00:26:10 → 00:26:13 ให้เพียงพอการทานอาหารที่มีประโยชน์คือ
00:26:13 → 00:26:14 สิ่งเหล่าเนี้ยคือน้องอรก็ทำมาตั้งแต่
00:26:14 → 00:26:17 เริ่มต้นของการที่แบบว่าเออดูแลตัวเองแต่
00:26:17 → 00:26:22 พอถึงช่วงวัยนึงที่ร่างกายมันเกิดโรคขึ้น
00:26:22 → 00:26:26 มาโดยที่เราไม่รู้ตัวใช่ค่ะแล้วช่วงนั้น
00:26:26 → 00:26:27 น่ะก็เป็นช่วงที่แบบว่า
00:26:27 → 00:26:31 >> น้องอรก็ยังถ่ายละครทำงานหนักอยู่มันกลาย
00:26:31 → 00:26:34 เป็นความเครียดสะสมการที่เราไม่ได้พัก
00:26:34 → 00:26:35 ผ่อนสะสม
00:26:35 → 00:26:39 >> มันก็เลยทำให้เกิดโรคขึ้นในร่างกายแล้ว
00:26:39 → 00:26:42 โรคที่มันเกิดขึ้นคือต่อมไทยมัดของน้อง
00:26:42 → 00:26:45 อร่ะค่ะมันโตผิดปกติอ
00:26:45 → 00:26:47 >> ซึ่งตอนที่ไปหาคุณหมอค่ะเป็นช่วงที่แบบ
00:26:47 → 00:26:49 ว่าเออเราก็คิดว่าเราดูแลตัวเองดีค่ะพี่
00:26:50 → 00:26:54 ตั๊กแล้วพอไปหาคุณหมอด้วยอาการแน่นหน้าอก
00:26:54 → 00:26:55 หายใจไม่ออก
00:26:55 → 00:26:56 >> เพราะว่า
00:26:56 → 00:27:00 >> เอ่อมันเกิดความผิดปกติภายในน้องอรก็คิด
00:27:00 → 00:27:03 ว่าอ๋อสงสัยเราเพิ่งเป็นโควิดแล้วเป็น
00:27:03 → 00:27:07 อาการรองโควิดมั้งเลยหายใจไม่ไม่ทั่วท้อง
00:27:07 → 00:27:10 ปอดเราอาจจะแบบว่าทำงานได้ไม่เต็มที่แต่
00:27:10 → 00:27:13 ปรากฏว่าพอไปโรงพยาบาลแล้วคุณหมอก็ให้
00:27:13 → 00:27:15 เซเr
00:27:16 → 00:27:19 ปอดของเรามันเกิดอาการอะไรมยหรือว่าภายใน
00:27:19 → 00:27:21 ของเราเนี่ยมันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
00:27:21 → 00:27:25 ปรากฏว่าภายในทรวงอกของเราค่ะมันมีก้อน
00:27:25 → 00:27:29 เทาๆหมอก็เลยบอกว่าเพื่อให้เห็นภาพได้ชัด
00:27:29 → 00:27:32 เจนมากยิ่งขึ้นก็เลยทำ TC สแกน
00:27:32 → 00:27:32 >> ค่ะ
00:27:32 → 00:27:35 >> ปรากฏว่าต่อมไทยมัดน้องอรค่ะที่อยู่ตรง
00:27:35 → 00:27:39 กลางอกซึ่งมันจะติดกับหัวใจและปอด
00:27:39 → 00:27:42 มันโตขึ้นซึ่งจริงๆต่อมเนี้ยเวลาเราอายุ
00:27:42 → 00:27:44 มากขึ้นเนี่ยมันจะหดลง
00:27:44 → 00:27:44 >> อ่า
00:27:44 → 00:27:47 >> เพราะว่าต่อมเนี้ยจะช่วยในเรื่องของระบบ
00:27:47 → 00:27:51 ภูมิคุ้มกันรวมไปถึงสร้างเซลล์ที่จะช่วย
00:27:51 → 00:27:54 ทำให้ร่างกายเนี่ยเจริญเติบโตต่อมของน้อง
00:27:54 → 00:27:57 อร่ะมันโตขึ้น 4 ซม.ผิดปกติ
00:27:57 → 00:28:00 >> ผิดปกติแล้วมันเริ่มไปเบียดอวัยวะภายในก็
00:28:00 → 00:28:03 คือหัวใจกับปอดก็เลยทำให้น้องอรเนี่ยหาย
00:28:03 → 00:28:04 ใจติดขัด
00:28:04 → 00:28:08 >> อ๋อมีนะแล้วซึ่งคุณหมอก็บอกว่ามันอาจจะ
00:28:08 → 00:28:10 เกิดขึ้นได้
00:28:10 → 00:28:12 ในกรณีที่ 1 ในแสนคน
00:28:12 → 00:28:14 >> ที่เป็นต่อมไทยมัสโต
00:28:14 → 00:28:16 >> แต่เราเป็นหนึ่งในนั้น
00:28:16 → 00:28:18 >> แต่เราเป็นใช่ค่ะซึ่ง
00:28:18 → 00:28:20 >> สาเหตุหลักๆก็คือนี่แหละค่ะพักผ่อนไม่
00:28:20 → 00:28:24 เพียงพอทำงานหนักมีความเครียดสะสมซึ่ง
00:28:24 → 00:28:27 ความเครียดน่ะเราไม่รู้แหละว่ามันจะเก็บ
00:28:27 → 00:28:30 เล็กผสมน้อยมาจากตอนไหนอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:28:30 → 00:28:34 ซึ่งพอน้องอรรู้ว่าเราเป็นต่อมไทยมาโตก็
00:28:34 → 00:28:36 เข้าสู่กระบวนการรักษาว่าทำยังไงเราจะ
00:28:36 → 00:28:39 ต้องผ่าตัดพักฟื้นตัวเองยังไงบ้างคุณหมอ
00:28:39 → 00:28:42 ก็บอกว่าคือถ้าเราอ่ะเจอแล้วเรารีบทำการ
00:28:42 → 00:28:46 รักษาโดยการผ่าตัดมันก็จะแบบว่ามีผลข้าง
00:28:46 → 00:28:49 เคียงบ้างนิดหน่อยแต่โรคมันก็จะหายไปก็
00:28:49 → 00:28:52 คือต่อมตัวเนี้ยมันจะหายไปโรคก็จะหายไป
00:28:52 → 00:28:53 ด้วย
00:28:53 → 00:28:56 >> แต่สิ่งที่ตามมาเนี่ยระบบภูมิคุ้มกันของ
00:28:56 → 00:28:57 เราเนี่ยมันจะลดลง
00:28:57 → 00:28:58 >> อื
00:28:58 → 00:29:00 >> อ่าสมมุติว่าถ้าหลังจากเนี้ยเราผ่าตัด
00:29:00 → 00:29:04 ต่อมไปแล้วเนี่ยเราอาจจะเป็นหวัดง่ายขึ้น
00:29:04 → 00:29:07 เราอาจจะได้รับผลข้างเคียงจากโรคต่างๆได้
00:29:07 → 00:29:08 มากยิ่งขึ้น
00:29:08 → 00:29:09 >> ได้อย่างี้แต่เสียอย่างงั้น
00:29:10 → 00:29:11 >> ใช่ๆค่ะ
00:29:11 → 00:29:14 >> พอรู้ว่าตัวเองจะต้องทำการผ่าตัด
00:29:14 → 00:29:15 >> ช่วงนั้นก็
00:29:15 → 00:29:18 >> ยังถ่ายละครอยู่ค่ะพี่ตั๊กก็ทำยังไงดีให้
00:29:19 → 00:29:22 ร่างกายของเราเนี่ยกักเก็บความแข็งแรงไว้
00:29:22 → 00:29:25 ก็ไปดูว่าอันหนึ่งคือต้องนอนหลับพักผ่อน
00:29:25 → 00:29:27 ให้เพียงพอเพราะว่าเตรียมร่างกายในการผ่า
00:29:27 → 00:29:31 ตัด 2 ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ 3 เลือก
00:29:31 → 00:29:34 น้ำดื่มที่จะช่วยแบบว่าทำให้ข้างในของเรา
00:29:34 → 00:29:38 เนี่ยมีความแข็งแรงหรือว่าปรับสมดุลเพราะ
00:29:38 → 00:29:41 ต่อมเนี้ยเวลาเราผ่าตัดออกไปร่างกายมันก็
00:29:41 → 00:29:44 ได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดอยู่แล้วร่าง
00:29:44 → 00:29:47 กายต้องดึงส่วนต่างๆเนี่ยมาดูแลซ่อมแซม
00:29:47 → 00:29:50 แล้วน้ำก็เป็นส่วนสำคัญที่สุดในร่างกาย
00:29:50 → 00:29:52 เราน้องอรก็นี่แหละค่ะเข้าไปใน
00:29:52 → 00:29:55 ซุเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็ไปดูน้ำทุกอย่างเลย
00:29:55 → 00:29:57 จากที่เราเคยดื่มน้ำปกติดื่มน้ำแร่ดื่ม
00:29:57 → 00:30:00 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ไปดูอุ๊ยน้ำด่างน้ำ
00:30:00 → 00:30:05 นู่นนี่นั่นก็ไปเดินเลือกค่ะแล้วก็ซื้อ
00:30:05 → 00:30:06 ทุกยี่ห้อ
00:30:06 → 00:30:06 >> มาลอง
00:30:06 → 00:30:08 >> มาลองว่า
00:30:08 → 00:30:11 >> อ้ามีคนบอกหรือเปล่าว่าต้องทานน้ำประเภท
00:30:11 → 00:30:14 นี้ทำไมเราเราถึงไม่ทานน้ำปกติน้ำสะอาด
00:30:14 → 00:30:15 เฉยๆ
00:30:15 → 00:30:18 >> คือคุณหมอบอกว่าถ้าเราดื่มน้ำหรือว่าทาน
00:30:18 → 00:30:21 อาหารที่มีความเป็นด่างมันจะช่วยทำให้
00:30:21 → 00:30:22 ร่างกายของเราเนี่ย
00:30:22 → 00:30:23 >> อ๋ออ๋อ
00:30:23 → 00:30:26 >> ซ่อมแซมได้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะเวลาเราผ่า
00:30:26 → 00:30:27 ตัด
00:30:27 → 00:30:30 >> ร่างกายของเราเนี่ยมันเกิดการอักเสบหลัง
00:30:30 → 00:30:33 จากการผ่าตัดมันก็จะเป็นกรดแล้วอาหารที่
00:30:33 → 00:30:36 เรากินเข้าไปเนี่ยค่ะแม้แต่น้ำดื่มบาง
00:30:36 → 00:30:40 ครั้งเนี่ยมันก็เป็นกรดที่จะไปเสริมทำให้
00:30:40 → 00:30:43 อาการที่เราเจ็บข้างในเนี่ยมันหายช้าหรือ
00:30:43 → 00:30:46 อาการลดบวมอะไรพวกเนี้ยมันจะลดน้อยลง
00:30:46 → 00:30:48 >> แต่ถ้าเราเลือกดื่มน้ำที่เป็นน้ำด่างน้ำ
00:30:48 → 00:30:50 ธรรมชาติหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็จะ
00:30:50 → 00:30:53 ช่วยทำให้ร่างกายของเราเนี่ยปรับสมดุลให้
00:30:53 → 00:30:56 กับร่างกายแล้วพักฟื้นได้ดีมากยิ่งขึ้น
00:30:56 → 00:31:00 >> ก็ด้วยความที่ไปสรหามา
00:31:00 → 00:31:04 >> ดื่มๆก็ไม่ค่อยชอบนะแล้วมีอยู่วันนึงก็
00:31:04 → 00:31:07 >> ถ่าย Facebook เนี่ยนะค่ะก็เห็นน้องอั๋น
00:31:07 → 00:31:11 โพนาคเดื่มน้ำด่างธรรมชาติอ่ะก็ไปซื้อลอง
00:31:11 → 00:31:15 มาดื่มพ่อดื่มเอ้อรสชาติน้ำมันมีความรู้
00:31:15 → 00:31:16 สึกว่ามันอร่อยค่ะพี่
00:31:16 → 00:31:17 >> มันชอบจากรสชาติก่อน
00:31:17 → 00:31:20 >> ใช่ๆค่ะคือตั้งแต่นั้นน่ะน้องอรก็ดื่ม
00:31:20 → 00:31:22 เป็นต้นมาเลยก่อนที่จะผ่าตัด
00:31:22 → 00:31:26 แล้วปรากฏว่าน้องอรผ่าตัดเอ่อประมาณแค่ 4
00:31:26 → 00:31:30 วันออกจากโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าคือร่าง
00:31:30 → 00:31:33 กายมันฟื้นตัวได้เร็วมาก 2 สัปดาห์หลัง
00:31:33 → 00:31:36 จากที่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อต่อมไทยมัดไป
00:31:36 → 00:31:39 ตรวจค่าความเป็นมะเร็งว่ามันเป็นเนื้อ
00:31:39 → 00:31:44 ร้ายหรือเนื้อดีตอนที่เอ่อผลวิจัยออกมา
00:31:44 → 00:31:46 แล้วว่ามันเป็นเนื้อร้าย
00:31:46 → 00:31:46 >> อ
00:31:46 → 00:31:49 >> เราก็ต้องทำการรักษาขั้นตอนของการรักษา
00:31:49 → 00:31:53 มะเร็งต่อไปเพราะว่าคุณบอกว่าคือคุณอรไม่
00:31:53 → 00:31:55 ได้เป็นเอ่อระยะเริ่มต้นนะมันเป็นระยะที่
00:31:55 → 00:31:58 2 เพราะมันเริ่มมันเริ่มไปเบียดอวัยวะ
00:31:58 → 00:31:59 ภายใน
00:31:59 → 00:32:02 >> แล้วช่วงที่ผ่าตัดอ่ะค่ะเขาใช้เลเซอร์ใน
00:32:02 → 00:32:05 การผ่าตัดเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะไปกระทบ
00:32:05 → 00:32:07 กระเทือนปอดของเรานิดหน่อย
00:32:07 → 00:32:07 >> อื
00:32:07 → 00:32:10 >> เพราะฉะนั้นปอดอ่ะจะทำงานได้ไม่เต็มที่
00:32:10 → 00:32:14 แล้วร่างกายก็ต้องการการพักผ่อนพักฟื้น
00:32:14 → 00:32:17 แล้วดูแลในเรื่องของปรับสมดุลในร่างกาย
00:32:17 → 00:32:20 คือคุณหมอก็แนะนำเลยว่าถ้าเป็นไปได้คือ
00:32:20 → 00:32:23 อาหารก็พยายามอย่าให้เป็นกรดพยายามทาน
00:32:23 → 00:32:27 อาหารที่มันเป็นด่างก็คือผัดแล้วก็ทาน
00:32:27 → 00:32:32 ผลไม้เนื้อแดงทานเอ่อได้ประเภทเอ่ออาหาร
00:32:32 → 00:32:35 ทะเลแล้วก็ทานปลา
00:32:35 → 00:32:37 >> อาหารทะเลบางอย่างก็แบบว่าถ้าเป็นแบบของ
00:32:37 → 00:32:39 ดิบหรือของหมักดองอะไรเงี้ยก็ไม่ได้ก็คือ
00:32:39 → 00:32:41 ต้องดูแลให้ร่างกายเนี่ย
00:32:41 → 00:32:42 >> ไม่ได้
00:32:42 → 00:32:43 >> เป็นด่างมากที่สุดอะไรเงี้ยค่ะ
00:32:43 → 00:32:45 >> ค่ะน้องอรเปลี่ยนแปลงเป็นยังไงบ้าง
00:32:45 → 00:32:48 >> คือในช่วงที่น้องอรเอ่อผ่าตัดแล้วก่อนที่
00:32:48 → 00:32:50 จะรู้ว่าเป็นมะเร็งเก็คือร่างกายฟื้นตัว
00:32:50 → 00:32:54 ได้ดีมากยิ่งขึ้นแล้วเร็วแล้วสดชื่นคือ
00:32:54 → 00:32:57 ไม่ได้เป็นคนคนป่วยที่แบบว่านอนซมดูแลตัว
00:32:57 → 00:33:00 เองไม่เลยแล้วพอยิ่งรู้ว่าจะต้องเอ่อฉาย
00:33:01 → 00:33:04 รังสีน้องอรนอนประมาณแบบว่า 20:30 น.ก็
00:33:04 → 00:33:08 ต้องนอนเพราะต้องไปฉายรังสีเวลา 18:00 น.
00:33:08 → 00:33:12 ของทุกวันตื่น 5:00 น.แล้ว 18:00 น.คะก็
00:33:12 → 00:33:15 ต้องไปฉายรังสีแล้วนามฉายในกี่วัน
00:33:15 → 00:33:18 >> ฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้งแต่ดูไม่ได้เป็น
00:33:18 → 00:33:19 คนป่วยเลยนะ
00:33:19 → 00:33:22 >> เนี่ยค่ะแล้วทุกคนดูไม่รู้เลยว่าพี่ไม่
00:33:22 → 00:33:25 พี่เจอน้องอรพี่ลืมไปแล้วว่าน้องอรป่วย
00:33:25 → 00:33:26 >> ไม่รู้ใช่ค่ะไม่มีใครรู้เลย
00:33:26 → 00:33:28 >> โอไปฉายรังสี
00:33:28 → 00:33:31 >> 30 ครั้งใช่ค่ะคุณหมอบอกว่าด้วย
00:33:31 → 00:33:33 วิวัฒนาการทางการแพทย์ปัจจุบันเนี้ยมัน
00:33:33 → 00:33:36 สามารถรักษาได้เฉพาะจุด
00:33:36 → 00:33:38 >> แล้วก็ไม่เบิร์นแล้วที่ต้องทำเยอะเนี่ย
00:33:38 → 00:33:42 เพราะว่าไม่อยากจะให้เราโดนเอ่อรังสีแบบ
00:33:42 → 00:33:44 >> จำนวนเยอะๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่อยๆเป็น
00:33:44 → 00:33:47 ค่อยๆไปแล้วสิ่งหนึ่งที่น้องอรเห็นได้
00:33:47 → 00:33:49 อย่างชัดเจนหลังจากที่ดื่มไซแลนด์สปริงไป
00:33:49 → 00:33:52 แล้วในช่วงที่อรฉายรังสีค่ะพี่ตั๊กคือ
00:33:52 → 00:33:55 เวลาเราจิบน้ำดื่มน้ำไปแล้วเนี่ยแล้วเวลา
00:33:55 → 00:33:58 ขอโทษนะคะเวลาเข้าห้องน้ำเวลาเราแบบว่าไป
00:33:58 → 00:34:02 เอ่อปัสสาวะคือเรามีความรู้สึกว่ามันมีไอ
00:34:02 → 00:34:05 ร้อนออกมาค่ะซึ่งพอเราดื่มไอซแลนด์สปริง
00:34:05 → 00:34:07 ไปแล้วเนี่ยน้องอรนะคะเชื่อว่าตัวนี้แหละ
00:34:08 → 00:34:10 มันเป็นตัวที่ผลักความเป็นกรดออกจากร่าง
00:34:10 → 00:34:18 กายอ8
00:34:18 → 00:34:22 ที่น้องอรฉังสีอ่ะน้องอรดื่มน้ำประมาณ 4-5
00:34:22 → 00:34:25 ลิตรเลยค่ะแล้วก็คือจิบไปเรื่อยๆดื่มเหรอ
00:34:25 → 00:34:25 4-5 ลิตร
00:34:25 → 00:34:29 >> น้ำดื่มเนี่ยแหละค่ะคือดื่มไปเลยแล้วก็
00:34:29 → 00:34:32 >> มันเค้าเรียกว่ามันช่วยขับสิ่งที่แบบว่า
00:34:32 → 00:34:35 เรารักษาด้วยแล้วก็ทานยาด้วยอะไรอย่าง
00:34:35 → 00:34:38 เงี้ยค่ะแล้วมันปรับปรับสมนุษย์ให้กับ
00:34:38 → 00:34:39 ร่างกาย
00:34:39 → 00:34:42 >> จริงๆแล้วสำหรับคนที่ดื่มน้ำน้อยเค้าก็
00:34:42 → 00:34:44 บอกเดื่มไม่สามารถจะดื่มได้วันละ 3-4
00:34:44 → 00:34:48 ลิตรหรือว่าอาจจะไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าเนี่ย
00:34:48 → 00:34:51 ตรงนี้คุณเฟมีความเห็นยังไงบ้างในมุมคน
00:34:51 → 00:34:53 รักสุขภาพอยากจะให้เขาเริ่มต้นปรับ
00:34:53 → 00:34:55 เปลี่ยนพฤติกรรมยังไงบ้าง
00:34:55 → 00:34:57 >> คืออย่างงี้พี่พี่ตั๊กเคยได้ยินมั้คะว่า
00:34:57 → 00:35:00 ใช้เวลานักจิตวิทยานะคะเขาจะบอกว่าใช้
00:35:00 → 00:35:04 เวลา 21 วันในการทำอะไรก็ได้ให้เกิดความ
00:35:04 → 00:35:05 ขุนชินค่ะ
00:35:05 → 00:35:08 >> ยังไม่เป็นนิสัยนะแต่เริ่มคุ้นชินเช่นถ้า
00:35:08 → 00:35:12 คุณไม่แปรงฟัน 21 วันชเออ
00:35:12 → 00:35:15 >> เฟซก็เลยอยากจะบอกว่าลอง 3 อาทิตย์เอง
00:35:15 → 00:35:18 เนาะอยากจะให้เริ่มอย่างเงี้ยค่ะที่เฟบอก
00:35:18 → 00:35:19 ตื่นมา
00:35:19 → 00:35:22 >> กระดกเนี่ย 1 แก้วไม่ต้องแปบฟัน
00:35:22 → 00:35:22 >> 1 แก้วค่ะ
00:35:22 → 00:35:25 >> แล้วก็ตั้งเป้าไว้เลยว่าให้ดื่มให้ได้ 2
00:35:25 → 00:35:26 ขวดเนี้ย
00:35:26 → 00:35:26 >> อื
00:35:27 → 00:35:30 >> อ่าแล้วก็ทำอย่างเงี้ย 3 อาทิตย์นะจิบไป
00:35:30 → 00:35:32 เรื่อยๆระหว่างเช้าจนถึงเย็นแค่ 3
00:35:32 → 00:35:35 อาทิตย์อ่ะใครๆก็ทำได้แต่คือถ้าบอกว่าให้
00:35:35 → 00:35:39 ทำอย่างี้ไปทุกวันจนจนนานๆอย่างเงี้ยทุก
00:35:39 → 00:35:41 คนก็จะถอพอแต่ก็บอกขอความร่วมมือ 3
00:35:41 → 00:35:43 อาทิตย์แล้วให้จิบอย่างเงี้ไปทั้งทุกวัน
00:35:43 → 00:35:45 ทั้งวัน 3 อาทิตย์เนี้ย
00:35:45 → 00:35:46 >> แล้วเราจะชิน
00:35:46 → 00:35:48 >> แล้วมันจะเริ่มเกิดความเคยชินแล้วคุณจะ
00:35:48 → 00:35:51 รู้ว่าอ่ะถ้าเกิดวันไหนวางแพนว่าถ้าจะ
00:35:51 → 00:35:55 ต้องใช้ชีวิตหนักขึ้นกิจกรรมต่างๆ outdoor
00:35:55 → 00:35:58 กลางแจ้งหรือต้องพูดเยอะในที่ประชุมหรือ
00:35:58 → 00:36:01 ทานอาหารวันนั้นต้องทานอาหารที่มีรสจัด
00:36:01 → 00:36:05 มากขึ้นอะไรแบบเนี้ยก็ให้ดื่มน้ำช่วงนั้น
00:36:05 → 00:36:06 มากขึ้นนิดนึงอ
00:36:06 → 00:36:10 >> เป็นยังไงคะดูคลิปจบแล้วใครมีเคล็ดลับดีๆ
00:36:10 → 00:36:12 เกี่ยวกับเรื่องการดื่มน้ำเราก็มาแชร์กัน
00:36:12 → 00:36:16 หน่อยนะคะดื่มแบบไหนดื่มยังไงดื่มแล้วดี
00:36:16 → 00:36:19 ยังไงไม่ดียังไงก็มาคุยกันบ้างนะคะหรือ
00:36:19 → 00:36:21 ใครอยากจะให้ปรับปรุงรายการตรงไหนอยาก
00:36:22 → 00:36:25 เห็นใครมานั่งคุยกับพี่ตั๊กหรืออยากจะฟัง
00:36:25 → 00:36:28 เรื่องอะไรเราก็คอมเมนต์บอกมาได้เลยนะคะ
00:36:28 → 00:36:32 สำหรับพวกเราเราจะได้นำไปพัฒนารายการหรือ
00:36:32 → 00:36:35 หาแขกรับเชิญดีๆมานั่งคุยกันตรงนี้ค่ะฝาก
00:36:35 → 00:36:38 กดไลก์กดแชร์กดติดตามทางช่อง Live Dot
00:36:38 → 00:36:40 แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับพี่ตั๊กและก็ทีม
00:36:40 → 00:36:43 งานทุกคนด้วยและสำหรับใครที่อยากจะเริ่ม
00:36:43 → 00:36:47 ต้นดูแลตัวเองแบบจริงจังหรือกำลังหาแรง
00:36:47 → 00:36:51 บันดาลใจแบบไหนให้กับชีวิตพฤศจิกายนนี้นะ
00:36:51 → 00:36:55 คะเรามีงานใหญ่นะคะ Life Expo ที่จะ
00:36:55 → 00:36:57 เรียนให้ทราบว่างานนี้เป็นเรื่องของ
00:36:57 → 00:37:01 มหกรรมชีวิตและสุขภาพมีแบบครบทุกมิติเลย
00:37:01 → 00:37:04 ทั้งสุขภาพกายสุขภาพใจแล้วก็เรื่องของ
00:37:04 → 00:37:11 ไestลฝากติดตามด้วยนะคะ Life Expo ค่ะ