00:00:10 → 00:00:13 ปวดหลังเรื้อรังยามองข้ามสัญญาณเตือนการ
00:00:13 → 00:00:16 เกิดโรคร้ายอันตรายกว่าที่
00:00:16 → 00:00:20 คิดเปิดวิธีการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรัง
00:00:20 → 00:00:24 ลดความทรมานคืนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้
00:00:24 → 00:00:27 ป่วยรู้จักแคลเซียมให้ดีกว่าเดิมเลือกรับ
00:00:27 → 00:00:30 ประทานอย่างไรให้ได้ผลดีต่อดูติดตาม
00:00:30 → 00:00:34 เรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN Health
00:00:34 → 00:00:36 วัน
00:00:36 → 00:00:39 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:39 → 00:00:42 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:42 → 00:00:46 คุ้มกันรู้ทันโลคไปกับ TNN Health นะคะ
00:00:46 → 00:00:49 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงชันดาวจังวังกร
00:00:49 → 00:00:52 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:52 → 00:00:55 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:55 → 00:00:58 ผู้ชมมาเข้าถึงทุกสาระสุขภาพด้วยกัน
00:00:58 → 00:01:00 ค่ะ
00:01:00 → 00:01:04 [เพลง]
00:01:04 → 00:01:06 สำหรับวันนี้นะคะเราจะพาคุณผู้ชมมารู้
00:01:06 → 00:01:09 เรื่องราวเกี่ยวกับอาการปวดหลังค่ะใน
00:01:09 → 00:01:12 เรื่องของปวดหลังเรื้อรังอย่ามองข้ามภาวะ
00:01:12 → 00:01:15 อันตรายเสี่ยงเกิดโรคร้ายหลายคนนะคะมี
00:01:15 → 00:01:19 อาการปวดหลังค่ะแล้วก็เมินเฉยกินยาแก้ปวด
00:01:19 → 00:01:21 กันบ้างนะคะหรือไม่ก็บริหารร่างกายแล้วก็
00:01:22 → 00:01:24 หวังใจว่าอาการปวดหลังจะหายไปแต่รู้หรือ
00:01:25 → 00:01:27 ไม่ว่าอาการปวดหลังนั้นแท้จริงอาจจะเป็น
00:01:27 → 00:01:31 สัญญาณเตือนโรคร้ายของคุณผู้ชมก็ได้ค่ะ
00:01:31 → 00:01:33 อาการปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคน
00:01:33 → 00:01:36 ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะกับคนวัยทำงานที่
00:01:37 → 00:01:40 ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานๆหรือนั่งผิดท่า
00:01:40 → 00:01:43 บางคนมีอาการปวดเล็กน้อยสามารถหายได้เอง
00:01:43 → 00:01:46 แต่บางคนปวดมากจนกลายเป็นอาการปวดหลัง
00:01:46 → 00:01:49 เรื้อรังค่ะลักษณะการปวดหลังเรื้อรังนั้น
00:01:50 → 00:01:52 สามารถเป็นได้ตั้งแต่การปวดแบบธรรมดาแต่
00:01:52 → 00:01:56 ไม่รุนแรงไปจนถึงอาการปวดแบบเฉียบพลันแต่
00:01:56 → 00:01:58 ก็มีหลายคนที่อาการปวดหลังเรื้อรังมีความ
00:01:58 → 00:02:02 รุนแรงกระต่อการดำเนินชีวิตประจำวันถึง
00:02:02 → 00:02:05 ขั้นไม่สามารถทำงานได้หรือมีอาการปวดหลัง
00:02:05 → 00:02:09 ร้าวลงขาอาการชาตามมาอาจนำไปสู่โรคที่
00:02:09 → 00:02:12 ร้ายแรงเกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลังเช่น
00:02:12 → 00:02:15 โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้หาก
00:02:15 → 00:02:18 ปล่อยไว้นานอาจถึงขั้นเคลื่อนไหวไม่ได้
00:02:18 → 00:02:21 ระบบการขับถ่ายผิดปกติซึ่งจำเป็นต้องได้
00:02:21 → 00:02:25 รับการตรวจและรักษาโดยทันทีแล้วอาการปวด
00:02:25 → 00:02:29 หลังเรืรังเป็นอย่างไรโดยปกติอาการปวด
00:02:29 → 00:02:31 หลังจากกล้ามเนื้ออักเสบในบุคคลทั่วไป
00:02:31 → 00:02:34 สามารถทุเลาได้เองนะคะในช่วงเวลา 2
00:02:34 → 00:02:37 สัปดาห์และมักจะมีอาการค่อยๆดีขึ้นหลัง
00:02:37 → 00:02:40 ได้รับการรักษาแต่สำหรับอาการปวดหลัง
00:02:40 → 00:02:43 เรื้อรังนั้นจะเป็นอาการปวดหลังที่ไม่ดี
00:02:43 → 00:02:47 ขึ้นภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ปวดหลังเป็นๆ
00:02:47 → 00:02:50 หายๆปวดหลังอย่างต่อเนื่องมากกว่า 3
00:02:50 → 00:02:53 เดือนหรืออาการปวดหลังดังกล่าวไม่บรรเทา
00:02:53 → 00:02:56 มีแต่จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นอาการปวด
00:02:56 → 00:02:59 หลังเรื้อรังที่มาจากปัญหาของกระดูกสั
00:02:59 → 00:03:02 หลังได้แก่แก่ 1 หมอนรองกระดูกทับเส้น
00:03:02 → 00:03:05 ประสาทซึ่งสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยแต่
00:03:05 → 00:03:08 ปัจจุบันพบบ่อยที่สุดในกลุ่มวัยทำงานเกิด
00:03:08 → 00:03:11 จากการฉีกขาดของเปลือกหมอนรองกระดูกทำให้
00:03:11 → 00:03:14 เกิดอาการปวดหลังเรื้อรังเวลาไอจามหรือ
00:03:14 → 00:03:17 เบ่งจะยิ่งปวดและหากส่วนเนื้อด้านในปลิ้น
00:03:17 → 00:03:19 ออกมากดทับเส้นประสาทซึ่งอยู่ด้านหลัง
00:03:19 → 00:03:22 หมอนรองกระดูกก็จะทำให้มีอาการปวดหลัง
00:03:22 → 00:03:26 ร้าวลงขาร่วมด้วย 2 กระดูกสันหลังเสื่อม
00:03:26 → 00:03:28 เกิดจากความเสื่อมตามวัยของข้อต่อกระดูก
00:03:28 → 00:03:31 สันหลังทำให้มีกระดูกงอกหรือเคลื่อนมาทับ
00:03:31 → 00:03:35 เส้นประสาทส่งผลให้มีอาการปวดหลังเรือรัง
00:03:35 → 00:03:38 หรือปวดหลังร้าวจนเกิดอาการปวดขาตามมา
00:03:38 → 00:03:42 ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ 3 กระดูกสันหลัง
00:03:42 → 00:03:44 เคลื่อนเป็นภาวะที่มีการเคลื่อนของกระดูก
00:03:44 → 00:03:47 สันหลังข้อหนึ่งไปด้านหน้าหรือด้านหลัง
00:03:47 → 00:03:51 มากกว่าปกติโดยส่วนมากมักพบการเคลื่อนของ
00:03:51 → 00:03:54 กระดูกสันหลังระดับเอวข้อที่ 4 และข้อที่
00:03:54 → 00:03:57 5 เนื่องจากข้อกระดูกสันหลังส่วนนี้จะ
00:03:57 → 00:04:00 รับน้ำหนักของร่างกายซึ่งจะทำให้เกิด
00:04:00 → 00:04:03 อาการปวดหลังเรือรังมักเกิดในขณะที่มีการ
00:04:03 → 00:04:09 ขยับหลังมากเช่นก้มเงยหรือเดินค่ะ 4 โพรง
00:04:09 → 00:04:12 กระดูกสันหลังติดแคบเกิดจากความเสื่อมของ
00:04:12 → 00:04:15 อวัยวะในกระดูกสันหลังทั้งหมอนรองกระดูก
00:04:15 → 00:04:18 เส้นเอ็นและข้อต่อเมื่อมีการเสื่อมอวัยวะ
00:04:19 → 00:04:21 เหล่านี้จะขยายขนาดขึ้นก็จะทำให้พรง
00:04:21 → 00:04:24 ประสาทที่มีเส้นประสาทอยู่ด้านในถูกเบียด
00:04:24 → 00:04:27 หรือกดทับได้ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อ
00:04:27 → 00:04:30 รังซึ่งอาการปวดมักอยู่ที่ส่วนกลางของเอว
00:04:30 → 00:04:34 และมักเป็นมากขึ้นในท่ายืนเดินหรือมีการ
00:04:34 → 00:04:38 แอ่นหลังไปด้านหลังมากๆเราสามารถเช็คความ
00:04:38 → 00:04:42 เสี่ยงจากการปวดหลังได้ดังนี้ค่ะ 1 ปวด
00:04:42 → 00:04:45 เหนือบั้นเอวทั้ง 2 ข้างมักจะเป็นอาการ
00:04:45 → 00:04:48 ที่เกิดจากความผิดปกติจากอวัยวะอื่นที่
00:04:48 → 00:04:52 ส่งผลต่อการทำงานของไตเช่นไตอักเสบนิ่วใน
00:04:52 → 00:04:56 ถุงน้ำดีซึ่งหากปล่อยทิ้งเอาไว้นานๆอาจจะ
00:04:56 → 00:05:00 ทำให้เกิดภาวะไตติดเชื้อหรือไตวายได้ 2
00:05:00 → 00:05:02 ปวดท้องและปวดบริเวณเหนือบ้านเอวทั้ง 2
00:05:02 → 00:05:05 ข้างอาการนี้คล้ายกับข้อแรกแต่มักจะมี
00:05:05 → 00:05:08 อาการปวดท้องร่วมด้วยซึ่งอาจจะเป็นอาการ
00:05:08 → 00:05:12 ของกระเพาะอาหารอักเสบลำไส้อักเสบหากไม่
00:05:12 → 00:05:15 แน่ใจควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย
00:05:15 → 00:05:18 อย่างละเอียด 3 ปวดบริเวณเอวและมีไข้หนาว
00:05:18 → 00:05:22 สั่นอาจจะเป็นภาวะของโรคกรวยไตอักเสบ
00:05:22 → 00:05:24 เฉียบพลันจากการติดเชื้อตามทางเดิน
00:05:24 → 00:05:27 ปัสสาวะซึ่งนอกจากอาการปวดหลังแล้วอาการ
00:05:27 → 00:05:31 ที่ชัดเจนก็คือการปัสสาวะขัดหรือแสบมีสี
00:05:31 → 00:05:34 ขุ่นและมีอาการไข้หนาวสั่นหากมีอาการดัง
00:05:34 → 00:05:37 กล่าวควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดย
00:05:37 → 00:05:40 ด่วนเพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะรุนแรงถึง
00:05:40 → 00:05:43 ขั้นเสียชีวิตได้ 4 ปวดหลังเรื้อรังหาก
00:05:43 → 00:05:46 ว่ามีอาการปวดหลังเรื้อรังเป็นเป็นหายๆ
00:05:46 → 00:05:48 อาจเป็นอาการของโรคอฟฟิศ Syndrome หรือ
00:05:48 → 00:05:51 โรคอื่นๆซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะทำ
00:05:51 → 00:05:54 ให้กระดูกผิดรูกหรือมีอาการบาดเจ็บรุนแรง
00:05:54 → 00:05:58 ได้เช่นกันสนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำ
00:05:58 → 00:06:04 บ้านในมือคุณ
00:06:04 → 00:06:06 และในช่วงนี้นะคะเราได้รับเกียรติจาก
00:06:06 → 00:06:09 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากแอปพลิเคชันหมอดีมา
00:06:09 → 00:06:12 ขายข้อข้องใจเกี่ยวกับอาการปวดหลังเรื้อ
00:06:12 → 00:06:14 รังกันสวัสดีค่ะ
00:06:14 → 00:06:18 อาจารย์อาการปวดหลังเรื้อรังมักเกิดขึ้น
00:06:18 → 00:06:21 กับคนกลุ่มใดคะอาจารย์อ่าเราก็ต้องมาแยก
00:06:21 → 00:06:23 ก่อนนะคะว่าอาการปวดหลังอ่ะค่ะแบ่งเป็น
00:06:23 → 00:06:26 อาการปวดหลังส่วนบนก็คือคอบ่าไหล่แล้วก็
00:06:26 → 00:06:29 หลังกับอาการปวดหลังส่วนล่างนะคะถ้าคนปวด
00:06:29 → 00:06:32 หลังส่วนบนเนี่ยตอนเพบบ่อยมากเลยค่ะตั้ง
00:06:32 → 00:06:35 แต่ใช้สมาร์ทโฟนใช้โน้ตบุ๊คแล้วก็ใช้
00:06:35 → 00:06:38 แท็บเล็ตค่ะก็ง่ายๆเลยค่ะเหล่านี้เราต้อง
00:06:38 → 00:06:41 ก้มคอเป็นเวลานานๆก็เลยเป็นต้นเหตุทำให้
00:06:41 → 00:06:43 มีอาการปวดหลังส่วนบนนะคะส่วนอาการปวด
00:06:43 → 00:06:45 หลังส่วนล่างค่ะแบ่งเป็น 3 ประเภทค่ะก็
00:06:45 → 00:06:48 ได้แก่คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะมีกล้ามเนื้อ
00:06:48 → 00:06:50 หน้าท้องอ่อนแรงแล้วก็มีกล้ามเนื้อหลัง
00:06:50 → 00:06:53 ตึงเวลายืนเนี่ยก็จะหลังแอ่นต้องลองนึก
00:06:53 → 00:06:55 ตัวอย่างของคนไข้ที่เป็นคนตั้งครรภ์นะคะ
00:06:55 → 00:06:58 อันนี้ก็จะมีอาการปวดหลังส่วนล่างค่ะอัน
00:06:58 → 00:07:00 ที่ 2 ก็จะเป็นคนที่นั่งทำงานเป็นเวลานาน
00:07:00 → 00:07:03 เช่นคนที่ต้องขับรถบรรทุกขับรถยนต์เป็น
00:07:03 → 00:07:06 เวลานานนะคะอันที่ 3 ก็คือคนที่จะต้องยก
00:07:06 → 00:07:08 ของหนักค่ะยกตัวอย่างเช่นผู้ช่วยเหลือคน
00:07:08 → 00:07:11 ไข้อ่ะค่ะก็จะต้องมีหน้าที่ในการยกผู้
00:07:11 → 00:07:14 ป่วยใช่ไมมคะก็ต้องก้มหลังลงไปยกค่ะเหล่า
00:07:14 → 00:07:16 เยค่ะจะทำให้มีอาการปวดหลังเรือลั่งค่ะ
00:07:16 → 00:07:19 อาจารย์ขาแล้วความรุนแรงของอาการปวดหลัง
00:07:19 → 00:07:23 รวมไปถึงอาการปวดคอบ่าไหล่แบบไหนถึงควรไป
00:07:23 → 00:07:27 พบแพทย์คะแน่นอนค่ะถ้ารุนแรงมากค่ะต้องพบ
00:07:27 → 00:07:29 แพทย์ทันทีเพราะว่าอาจจะมีมามากกว่ากล้าม
00:07:29 → 00:07:32 เนื้ออักเสบก็ได้อาจจะเป็นหมอนร่องกระดูก
00:07:32 → 00:07:34 ทับเส้นประสาทก็ได้นะคะแต่ถ้ารุนแรงไม่
00:07:34 → 00:07:37 เยอะนะคะเราใช้วิธีการพักหรือการรักษา
00:07:37 → 00:07:40 ด้วยตนเองก่อนถ้ายังไม่ดีขึ้นถึงแนะนำให้
00:07:40 → 00:07:43 มาพบแพทย์ค่ะยกตัวอย่างการพักนะคะเช่นเรา
00:07:44 → 00:07:46 ออกกำลังกายใช้เวทเนิปกติแล้วเราจะมี
00:07:46 → 00:07:50 กล้ามเนื้อระบมค่ะซึ่งมันควรจะหายภายใน 72
00:07:50 → 00:07:53 ชมงแต่ถ้าเกิดว่าพักไปแล้ว 72 ชั่วโมง
00:07:53 → 00:07:56 อาการยังไม่ดีขึ้นอย่างนี้จะต้องมาพบ
00:07:56 → 00:07:59 แพทย์แล้วนะคะหรือการรักษาด้วยตนเองเช่น
00:07:59 → 00:08:02 การประคบอุ่นการยืดกล้ามเนื้อการพักแล้ว
00:08:02 → 00:08:05 ก็การกินยาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วถ้า
00:08:05 → 00:08:07 อาการยังไม่ดีขึ้นค่ะแนะนำต้องควรพบแพทย์
00:08:07 → 00:08:10 เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะอาจารย์ขาแล้วถ้า
00:08:10 → 00:08:13 อาการปวดหลังเรื้อรังเนี่ยเราไม่ได้รักษา
00:08:13 → 00:08:16 แล้วก็ปล่อยเอาไว้นานๆเนี่ยจะส่งผลเสีย
00:08:16 → 00:08:19 ต่อสุขภาพระยะยาวอย่างไรบ้างคะลองนึกภาพ
00:08:19 → 00:08:22 ดูนะคะมันจะส่งผลตั้งแต่เราตื่นนอนเลยค่ะ
00:08:22 → 00:08:26 ตื่นนอนมาค่ะมีอาการปวดคอบ่าไหลเราก็จะ
00:08:26 → 00:08:29 ปวดศีรษะมันจะมีอาการคล้ายไมเกรนนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 อาการปวดเนี้ยจะทำให้เราคิดอะไรไม่ค่อย
00:08:32 → 00:08:34 ออกแล้วก็ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพนะคะ
00:08:34 → 00:08:37 ถ้าเป็นอาการปวดหลังก็จะทำให้เรานั่งนาน
00:08:37 → 00:08:40 ไม่ได้ใช่มั้ยคะก็จะทำงานไม่ได้อันต่อมา
00:08:40 → 00:08:42 ก็จะทำให้อารมณ์เราหงุดหงิดค่ะเราก็จะ
00:08:42 → 00:08:45 หงุดหงิดกับอาการปวดแล้วก็ไม่โฟกัสในงาน
00:08:45 → 00:08:48 ที่เราจะทำค่ะนอกจากนี้ปวดหลังก็ยังส่งผล
00:08:48 → 00:08:50 เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ด้วยรวมไปถึง
00:08:50 → 00:08:53 เราจะออกกำลังกายก็ไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพ
00:08:53 → 00:08:55 ที่ดีค่ะดังนั้นอาการปวดมันก็จะวนเวียน
00:08:55 → 00:08:59 ค่ะทำให้เราปวดเรื้อรังถ้าเราไม่รักษาค่ะ
00:08:59 → 00:09:01 อาการเหล่าเนี้ยจะทำให้สมองอ่ะค่ะมันแปร
00:09:01 → 00:09:05 ผลผิดปกติด้วยนะคะเขาก็จะแปรเป็นเอ่อทำ
00:09:05 → 00:09:08 ให้ร่างกายเราอ่ะตอบสนองต่อความปวดได้ไว
00:09:08 → 00:09:11 กว่าปกติค่ะอาจารย์คะแล้วผู้ที่มีอาการ
00:09:11 → 00:09:14 ปวดหลังเรื้อรังเป็นระยะเวลายาวนานนั้นจะ
00:09:14 → 00:09:17 มีความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆโรคใดได้บ้างคะ
00:09:17 → 00:09:19 เอ่อเราจะเริ่มจากอาการที่รุนแรงไม่เยอะ
00:09:19 → 00:09:22 นะคะอาการที่คอมมอนพบกันบ่อยก็คือ Office
00:09:22 → 00:09:25 syndrome ค่ะหรืออาการปวดจากกล้ามเนื้อ
00:09:25 → 00:09:28 และพังพืดค่ะอาการเนี้ยปวดไม่รุนแรงแต่
00:09:28 → 00:09:31 น่ารำคาญทงผลกับชีวิตการทำงานนะคะอันดับ
00:09:31 → 00:09:34 ถัดไปก็จะเป็นอาการปวดที่ค่อนข้างปันกลาง
00:09:34 → 00:09:36 จนถึงรุนแรงยกตัวอย่างเช่นหมอนรองกระดูก
00:09:36 → 00:09:39 ทับเส้นประสาทที่เล่าไปแล้วเมื่อกี้นะคะ
00:09:39 → 00:09:42 อาการเนี้ยค่ะเขาจะมีปวดหลัง้าลงขานั่ง
00:09:42 → 00:09:45 นานไม่ได้อาจจะมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วยนะ
00:09:45 → 00:09:47 คะอันถัดไปก็คือการที่เราอยู่ออฟฟิศ
00:09:48 → 00:09:50 ซินโดรมนานๆน่ะค่ะก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำ
00:09:50 → 00:09:53 ให้กระดูกเสื่อมนะคะกระดูกเนี่ยจะมีทั้ง
00:09:53 → 00:09:55 กระดูกสันหลังส่วนคอและกระดูกสันหลังส่วน
00:09:55 → 00:09:59 เอวค่ะถ้าเสื่อมเฉยๆเป็นไปตามวัยและการ
00:09:59 → 00:10:01 การทำงานเนี่ยไม่เป็นไรค่ะแต่ถ้าเกิด
00:10:01 → 00:10:03 เมื่อไหร่มีอาการชาและมีอาการอ่อนแรงร่วม
00:10:03 → 00:10:06 ด้วยแปลว่าอาการกระดูกสันหลังเสื่อมนั้น
00:10:06 → 00:10:09 น่ะมันทับเส้นประสาทแล้วค่ะการรักษาอาจจะ
00:10:09 → 00:10:12 ไม่ใช่แค่เพียงการเอ่อกินยาทำกายภาพบำบัด
00:10:12 → 00:10:15 อาจจะนำไปสู่ซึ่งการต้องผ่าตัดนะคะมันมี
00:10:15 → 00:10:17 ทั้งโรคหมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท
00:10:17 → 00:10:20 กับอีกอันนึงคือโรคกระดูกหลังเสื่อมทับ
00:10:20 → 00:10:23 เส้นประสาท 2 อันเนี้ยจะดูว่ารุนแรงหรือ
00:10:23 → 00:10:26 ไม่รุนแรงดูที่ว่ามีอาการอ่อนแรงมากน้อย
00:10:26 → 00:10:29 แค่ไหนนะค่ะในแต่ละโรคของเขาจะมีระดับ
00:10:29 → 00:10:31 ความรุนแรงของเขาไปอีกทีนะคะหมายความว่า
00:10:31 → 00:10:34 บางโรคอ่ะเราสามารถจะรักษาด้วยการฉีดยา
00:10:34 → 00:10:36 ระงับอาการปวดเข้าไปที่ไขสันหลังก็ได้
00:10:36 → 00:10:38 หรือบางโรคมันไม่ได้แล้วค่ะมันทับจน
00:10:38 → 00:10:41 กระดูกข้าวเท้าไม่ได้เลยก็จะมีผลต่อการ
00:10:41 → 00:10:44 เดินจึงจำเป็นต้องไปผ่าตัดนะคะแล้วอาการ
00:10:44 → 00:10:47 ปวดหลังแบบไหนที่จะนำไปสู่ภาวะหมอนรอง
00:10:47 → 00:10:50 กระดูกทับเส้นประสาทคะอาจารย์อาการเนี้ย
00:10:50 → 00:10:53 ชัดเจนเลยค่ะมันมักจะเป็นทันทีเป็นในขณะ
00:10:53 → 00:10:56 ที่เรายกของทำท่าก้มยกตัวอย่างเช่นเรา
00:10:56 → 00:11:00 อุ้มลูกจากพื้นลกขึ้นโซฟามีการออกแรงก้ม
00:11:00 → 00:11:03 หลังยกของหนักขึ้นมาและเอี้ยวตัวแล้วมี
00:11:04 → 00:11:07 อาการปวดหลังนะคะแปรบลงขาทันทีอ่ะค่ะจน
00:11:07 → 00:11:09 เราต้องหยุดกิจกรรมนั้นอันเนี้ยเป็นอาการ
00:11:09 → 00:11:12 ปวดที่รุนแรงบ่งบอกถึงว่ามีหมอนรองกระดูก
00:11:12 → 00:11:15 ทับเส้นประสาทอาจารย์คะแล้วพฤติกรรมแบบ
00:11:15 → 00:11:18 ไหนที่จะนำไปสู่อาการปวดหลังเรื้อรังได้
00:11:18 → 00:11:21 คะอันดับแรกเลยค่ะเราดูเป็นท่าทางนะคะท่า
00:11:21 → 00:11:26 นั่งท่านั่งหลังคร่อมหลังไม่ติดพนักพิงคอ
00:11:26 → 00:11:28 ยืดไหล่ห่ออันเนี้ยจะมีอาการปวดหลังส่วน
00:11:28 → 00:11:32 บนอันที่ 2 นั่งนั่งเดี๋ยวหมอนั่งให้ดู
00:11:32 → 00:11:34 นั่งค่อมอย่างนี้เลยแล้วเอาตัวท่อนหลัง
00:11:34 → 00:11:38 เนี่ยค่ะไปชนกับพนักพิงก็จะปวดหลังส่วน
00:11:38 → 00:11:42 ที่ชนกันนะคะหรือเรานั่งที่พื้นทำงานที่
00:11:42 → 00:11:44 พื้นเป็นเวลานานๆอ่ะค่ะเราก็จะปวดหลัง
00:11:44 → 00:11:46 ส่วนล่างตอนที่เราอายุน้อยๆค่ะจะไม่ปวด
00:11:47 → 00:11:48 หรอกค่ะที่เรานั่งโต๊ญี่ปุ่นอย่างเงี้ย
00:11:48 → 00:11:50 ค่ะจะไม่มีอาการปวดเท่าไหร่แต่ถ้าอายุ
00:11:50 → 00:11:53 เยอะขึ้นมีอาการกล้ามเนื้อตึงยึดเนี่ยค่ะ
00:11:53 → 00:11:55 จะมีอาการปวดหลังส่วนล่างถ้าเรานั่งโซฟา
00:11:55 → 00:11:57 ที่ไม่เหมาะสมหรือว่ามีเตียงนอนที่ไม่ได้
00:11:57 → 00:12:00 สรีระค่ะก็จะมีอาการปวดหลังเหมือนกันใน
00:12:00 → 00:12:03 ส่วนของการเลือกที่นอนนะคะเราก็จะมีคำแนะ
00:12:03 → 00:12:06 นำว่าการนอนที่นอนที่เหมาะสมสำหรับบุคคล
00:12:06 → 00:12:09 นั้นน่ะค่ะจะต้องนอนแล้วตัวกระดูกสันหลัง
00:12:09 → 00:12:12 อ่ะค่ะได้แนวสมดุลแบบธรรมชาติก็คือกระดูก
00:12:12 → 00:12:14 สันหลังส่วนคอจะมีความเว้าตามปกติสันหลัง
00:12:14 → 00:12:17 ส่วนอกจะมีความนูนนะคะและกระดูกสันหลัง
00:12:17 → 00:12:19 ส่วนเองจะมีความเว้าเมื่อเราไปลองนอนดู
00:12:19 → 00:12:23 อาจจะต้องให้เพื่อนดูให้ค่ะว่ามันได้เคิฟ
00:12:23 → 00:12:26 หรือความโค้งเว้าตามแนวธรรมชาติไหมต้องไป
00:12:26 → 00:12:28 ลองนอนเองซึ่งในแต่ละอายุค่ะกระดูกสัน
00:12:28 → 00:12:31 หลังมันก็จะไม่เหมือนกันนะคะแล้วก็อีก
00:12:31 → 00:12:33 เรื่องนะคะนี่พบตัวอย่างคนไข้จริงเลยก็
00:12:33 → 00:12:35 คือการออกกำลังกายเราคิดว่าการออกกำลัง
00:12:35 → 00:12:37 กายเป็นสิ่งที่ดีใช่มั้คะแต่สิ่งที่หมอ
00:12:37 → 00:12:40 เจอก็คือมีการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
00:12:40 → 00:12:42 ค่ะเหตุผลก็คือว่าเค้าออกกำลังกายในท่า
00:12:42 → 00:12:46 เดิมๆซ้ำๆค่ะปกติเราควรจะเปลี่ยนท่าไป
00:12:46 → 00:12:47 เรื่อยๆเพื่อให้กล้ามเนื้อแต่ละกล้าม
00:12:47 → 00:12:50 เนื้อได้รับการฝึกฝนนะคะเช่นยกตัวอย่าง
00:12:50 → 00:12:53 แบบเค้าใช้กระโดดแตะเท้าเอามือแตะเท้าค่ะ
00:12:53 → 00:12:56 ประมาณ 100-2 ครั้งต่อวันน่ะค่ะสิ่งที่
00:12:56 → 00:12:58 เกิดขึ้นคือกล้ามเนื้อมันจะหดตัวแล้วก็ก็
00:12:58 → 00:13:01 มีความไม่สมดุลเกิดขึ้นนะคะการออกกำลัง
00:13:01 → 00:13:03 กายยกตัวอย่างเช่นเท Training ถ้าเราจัด
00:13:03 → 00:13:06 ท่าไม่ได้สรีระไม่ถูกต้องอ่ะค่ะอย่างเช่น
00:13:06 → 00:13:09 สคอตแล้วมีอาการที่เข่าเลยปลายเท้าอ่ะค่ะ
00:13:09 → 00:13:12 ก็จะนำมาซึ่งการที่ข้อต่อหรือกระดูกกล้าม
00:13:12 → 00:13:14 เนื้อนั้นจะได้รับการบาดเจ็บค่ะค่ะแล้วก็
00:13:15 → 00:13:17 อีกเรื่องนึงนะการวิ่งจริงๆแล้วอ่ะค่ะจะ
00:13:17 → 00:13:19 ต้องมีการเตรียมกล้ามเนื้อก่อนวิ่งขณะ
00:13:19 → 00:13:21 วิ่งแล้วก็หลังวิ่งก่อนวิ่งเราจะต้องมี
00:13:21 → 00:13:24 การยืดเหยียดกล้ามเนื้อค่ะเอ่ออาจจะมีการ
00:13:24 → 00:13:27 วอร์มวอร์มวิ่งเหยาะๆสัก 5-10 นาทีก่อน
00:13:27 → 00:13:29 ที่จะลงวิ่งจริงนะคะเสร็จแล้วหลังจากที่
00:13:29 → 00:13:32 วิ่งเสร็จแล้วค่ะเราต้องมีการสติค่ะเพื่อ
00:13:32 → 00:13:34 ให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายค่ะซึ่งที่หมอเจอคน
00:13:34 → 00:13:37 ไข้มักจะสติท่าละ 5 ครั้งอะไรอย่าเงี้ย
00:13:37 → 00:13:39 ค่ะซึ่งมันน้อยเกินไปอ่ะค่ะจริงๆต้อง
00:13:39 → 00:13:42 String สักประมาณ 30 นาที -45 นาทีเลย
00:13:42 → 00:13:44 ค่ะเพื่อเป็นการทำให้กล้ามเนื้อเนี่ยมัน
00:13:44 → 00:13:46 หย่อนตัวมันคลายตัวแล้วก็เลือดไหลเวียนไป
00:13:46 → 00:13:48 เลี้ยงบริเวณกล้ามเนื้อนั้นดีขึ้นนะคะ
00:13:48 → 00:13:50 หลังจากที่เราวิ่งออกกำลังกายแล้วมันมี
00:13:50 → 00:13:53 การที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานเยอะๆใช่มั้คะ
00:13:53 → 00:13:56 มีการล้ากล้ามเนื้อก็ต้องมีการซ่อมแซมค่ะ
00:13:56 → 00:13:58 ดังนั้นโปรตีนเนี่ยค่ะก็ต้องมีการเสริม
00:13:58 → 00:14:00 ให้ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายนะ
00:14:00 → 00:14:03 คะแล้วก็อีกอันนึงก็คือเรื่องของการพัก
00:14:03 → 00:14:05 ด้วยค่ะเพราะว่ากล้ามเนื้อนะคะจะใช้ในการ
00:14:05 → 00:14:08 คายตัวฟื้นตัวแล้วก็ซ่อมแซมในช่วงเวลาที่
00:14:08 → 00:14:11 เราพักค่ะการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังทำ
00:14:11 → 00:14:14 ได้กี่วิธีคะอ่าเราก็แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
00:14:15 → 00:14:17 ง่ายๆเลยค่ะกลุ่มผ่าตัดและกลุ่มไม่ผ่าตัด
00:14:17 → 00:14:20 นะคะในกลุ่มผ่าตัดนั้นแปลว่าไม่ใช่แค่ปวด
00:14:20 → 00:14:23 แล้วนะคะจะต้องมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย
00:14:23 → 00:14:25 หรือมีอาการชานะคะเมื่อเรารักษาด้วยวิธี
00:14:26 → 00:14:29 ไม่ผ่าตัดมาแล้วเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
00:14:29 → 00:14:31 เต็มที่แล้วแล้วยังไม่ดีขึ้นเราไม่สามารถ
00:14:31 → 00:14:33 ควบคุมอาการปวดนั้นได้ก็นำไปสู่เรื่องของ
00:14:33 → 00:14:36 การผ่าตัดนะคะอีกกลุ่มนึงในเรื่องของการ
00:14:36 → 00:14:39 ไม่ผ่าตัดก็ยกตัวอย่างเช่นการพักก็เป็น
00:14:39 → 00:14:42 การรักษาอย่างนึงการกินยาแก้ปวดยาแก้
00:14:42 → 00:14:45 อักเสบการนวดการยืดกล้ามเนื้อการทำกายภาพ
00:14:45 → 00:14:48 บำบัดลดปวดไม่ว่าจะใช้คลื่นอัตซาวอ่า
00:14:48 → 00:14:52 เลเซอร์การทำคลื่นกระแทกหรือนวัตกรรมใหม่
00:14:52 → 00:14:55 ก็จะมีการทำขึ้นแม่เหล็กไฟฟ้านะคะหรือการ
00:14:55 → 00:14:59 ที่เราจะไปคายปมพังผืดด้วยวิธีการการทำ Dr
00:14:59 → 00:15:01 ning หรือการฝังเข็มคายปมพังผืดหรือการ
00:15:01 → 00:15:04 ฉีดยาเข้าที่ตัวปมพังผืดนั้นใดๆก็ตามถ้า
00:15:04 → 00:15:07 ทำสิ่งเหล่านี้แล้วยังไม่ดีขึ้นมีอาการ
00:15:07 → 00:15:10 ปวดรุนแรงแต่ยังไม่ถึงกับอ่อนแรงเนี่ย
00:15:10 → 00:15:13 เดี๋ยวนี้ก็จะมีการฉีดยาเข้าไปที่โพงไข
00:15:13 → 00:15:16 สันหลังเพื่อไปรบไปสงบอาการปวดเหล่านั้น
00:15:16 → 00:15:18 นะคะซึ่งวิธีนี้เนี่ยค่ะจะทำโดยวิสัญญี
00:15:18 → 00:15:21 แพทย์ค่ะจริงๆการนวดเป็นการรักษาอิ
00:15:21 → 00:15:23 Syndrome หรือการกล้ามเนื้อแล้วก็ปวดพัง
00:15:23 → 00:15:26 ผืนได้ดีเหมือนกันนะคะอยากจะให้เลือกใน
00:15:26 → 00:15:29 ที่ที่เขาได้รับการอบรมมาน่ะค่ะเหตุผลก็
00:15:29 → 00:15:32 คือว่าเขาจะรู้ว่าตำแหน่งตรงไหนควรกด
00:15:32 → 00:15:33 ตำแหน่งตรงไหนเป็นเส้นประสาทตำแหน่งตรง
00:15:34 → 00:15:36 ไหนเป็นเส้นเลือดข้อสุดท้ายค่ะเป็นเรื่อง
00:15:36 → 00:15:38 ที่สำคัญมากเราอาจจะมองข้ามไปเช่นคนไข้
00:15:38 → 00:15:41 ที่มีอาการปวดขาแล้วก็ขาบวมค่ะอาการเนี้ย
00:15:41 → 00:15:44 มันมีอาการนึงก็คือหลอดเลือดดำอุดตันนะคะ
00:15:45 → 00:15:47 ซึ่งถ้าเราไปนวดเนี่ยเราสามารถกระตุ้นทำ
00:15:47 → 00:15:49 ให้ลิ่มเลือดที่อยู่ที่ขาเนี่ยค่ะกระตุ้น
00:15:49 → 00:15:52 วิ่งไปอุดที่ปอดและทำให้คนไข้เสียชีวิต
00:15:52 → 00:15:54 ได้ค่ะซึ่งอาการเนี้ยเราสังเกตง่ายๆก็คือ
00:15:55 → 00:15:57 ขาเขาจะบวมไม่เท่ากันค่ะก็ดูบวมผิดปกติ
00:15:57 → 00:16:00 เป่งมากเหมือนมีน้ำอยู่ข้างในนะคะแบบนี้
00:16:00 → 00:16:02 ถ้าเกิดว่าหมอโนดไม่แน่ใจอ่ะก็ควรจะให้ไป
00:16:02 → 00:16:05 พบแพทย์ก่อนนะคะอาจารย์คะคำถามสุดท้าย
00:16:05 → 00:16:08 สำคัญมากเลยค่ะแล้วแนวทางในการปฏิบัติตัว
00:16:08 → 00:16:11 แบบไหนซึ่งจะป้องกันเรื่องของการปวดหลัง
00:16:11 → 00:16:14 เรื้อรังได้คะค่ะอันดับแรกค่ะควรจะบรรจุ
00:16:14 → 00:16:16 อยู่ในการเรียนสมัยตั้งแต่เป็นเด็กเลยค่ะ
00:16:17 → 00:16:19 เรื่องของการจัดท่านั่งท่านอนอิริยาบถ
00:16:19 → 00:16:22 ต่างๆให้ถูกต้องนะคะอันที่ 2 ก็คือมีการ
00:16:22 → 00:16:24 ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเราอาจจะเล่นโยคะก็
00:16:24 → 00:16:28 ได้อันที่ 3 นะคะก็คือการออกกำลังกายโดย
00:16:28 → 00:16:30 เฉพาะกล้ามเนื้อหลังส่วนบนกล้ามเนื้อท้อง
00:16:30 → 00:16:33 กล้ามเนื้อสะโพกแล้วก็กล้ามเนื้อแกนกลาง
00:16:33 → 00:16:35 ลำตัวค่ะยกตัวอย่างง่ายๆก็เท tring เนี่ย
00:16:36 → 00:16:39 ค่ะอาจจะมีท่าเล่นเป็น lal พูดก็คือดึง
00:16:39 → 00:16:42 ดึงลงนะคะหนีบสะบักเข้าข้างในนะคะหรือเรา
00:16:42 → 00:16:45 แิ้หรือเป็นการเล่นที่นิยมในปัจจุบันก็
00:16:45 → 00:16:49 พิิค่ะสำหรับผู้สูงอายุอาจจะต้องออกกำลัง
00:16:49 → 00:16:51 กายเบาๆแล้วก็พบแพทย์เพื่อประเมินก่อนว่า
00:16:51 → 00:16:54 สามารถออกกำลังกายได้แค่ไหนนะคะค่ะหมอก็
00:16:54 → 00:16:57 มีคำแนะนำสำหรับการจัดท่าทำงานให้เหมาะสม
00:16:57 → 00:17:00 นะคะอ่าเวลาเาที่เรานั่งโต๊ะทำงานค่ะเรา
00:17:00 → 00:17:03 ก็ควรจะวางศอก 90 องศก็คือระดับของโต๊ะ
00:17:03 → 00:17:06 อ่ะค่ะอยู่ที่ระดับศอก 90 องศาเป็นระดับ
00:17:06 → 00:17:08 ที่วางคีย์บอร์ดนะคะในกรณีที่เราใช้
00:17:08 → 00:17:11 โน้ตบุ๊คอ่ะค่ะคีย์บอร์ดตำแหน่งของข้อศอก
00:17:11 → 00:17:14 อ่ะมันได้องศาแล้วทำให้บะเราไม่ต้องยัก
00:17:14 → 00:17:16 ไหลขึ้นกล้ามเนื้อก็จะไม่เกร็งใช่ไหมมคะ
00:17:16 → 00:17:18 แต่ว่าเราก็ยังต้องก้มคอมุดลงไปดู
00:17:18 → 00:17:22 โน้ตบุ๊คค่ะดังนั้นก็จะทำให้ปวดคอตามมาก็
00:17:22 → 00:17:24 ควรจะต้องมีอุปกรณ์เสริมในการยกจอ
00:17:24 → 00:17:27 โน้ตบุ๊กขึ้นสูงนะคะซึ่งระดับสูงแค่ไหนก็
00:17:27 → 00:17:30 คือระดับขอบบนของเนื้อหาค่ะให้อยู่ใน
00:17:30 → 00:17:33 ระดับสายตาโดยที่เราไม่ต้องก้มคอลงไปค่ะ
00:17:33 → 00:17:36 ความห่างอ่ะประมาณ 50-70 ซมนะคะในระดับ
00:17:36 → 00:17:39 สายตาที่เรามองภาพได้ชัดค่ะส่วนโน้ตบุ๊ค
00:17:39 → 00:17:42 อ่ะค่ะเราเมื่อเราแยกต้องแยกคีย์บอร์ดออก
00:17:42 → 00:17:44 มาเพราะว่าบางคนเขาก็จะมีการหนีบหนีบ
00:17:44 → 00:17:47 สะบักไว้แล้วก็ใช้กด Control Alternate
00:17:47 → 00:17:50 delete ดยการหักข้อมือค่ะก็จะนำสู่นำไป
00:17:50 → 00:17:53 สู่เรื่องของการปวดเอ็นคนนกโปงอักเสบนะคะ
00:17:53 → 00:17:56 นอกจากนี้เวลาที่เราใช้แบบเราขี้เกียจแยก
00:17:56 → 00:17:59 คีย์บอร์ดอ่ะเรายกเทิร์นขึ้นขึ้นมาเฉยๆ
00:17:59 → 00:18:01 อ่ะค่ะก็จะมีการหักข้อมือสูงขึ้นถ้าเมื่อ
00:18:01 → 00:18:05 ไหร่ข้อมือกระโดกนานมากกว่า 30 องศก็จะมี
00:18:05 → 00:18:07 การไปกดที่โพงเส้นประสาทที่ข้อมือทำให้มี
00:18:07 → 00:18:10 อาการมือชาตามมานะคะสังเกตง่ายๆตื่นนอนมา
00:18:10 → 00:18:13 แล้วชามืออาจจะชาิ 3 นิ้วโป้งชี้กลางหรือ
00:18:13 → 00:18:16 ชาทั้ง 5 นิ้วเลยก็ได้หรือในขณะที่ใช้งาน
00:18:16 → 00:18:19 แล้วชามากขึ้นเนี่ยค่ะเป็นอาการของการทับ
00:18:19 → 00:18:22 เส้นประสาทนะคะก็จะแนะนำว่าควรจะปรับให้
00:18:22 → 00:18:25 ได้สรีระแต่ว่าในปัจจุบันน่ะค่ะมีการทำ
00:18:25 → 00:18:28 งานเปลี่ยนไปเขาก็จะใช้เป็นฮอ Seed ก็คือ
00:18:28 → 00:18:31 ไม่สามารถจัด Economic ใดๆได้ก็หมอก็จะ
00:18:31 → 00:18:33 แนะนำว่าให้ลุกเดินบ่อยๆค่ะครึ่งชั่วโมง
00:18:33 → 00:18:36 อาจจะลุกยืนทีนึงเปลี่ยนอิริยาบถค่ะเพื่อ
00:18:36 → 00:18:38 ให้เราอ่ะไปออกกำลังที่กล้ามเนื้อส่วน
00:18:38 → 00:18:41 อื่นๆส่วนที่เรากำลังเกร็งคออยู่ก็จะได้
00:18:41 → 00:18:44 พักนะคะในคนที่ทำงานในมือถือเยอะๆนะคะ
00:18:44 → 00:18:47 เช่นเป็นแอดมินหรือว่าเอ่อเป็นขายของ
00:18:47 → 00:18:49 ออนไลน์ค่ะเราก็จะใช้งานก้มคออยู่เป็น
00:18:49 → 00:18:51 เวลานานอยู่แล้วมีอาการปวดอยู่แล้วในขณะ
00:18:51 → 00:18:53 ที่เราพักเราก็ยังจะต้องใช้มือถืออยู่
00:18:53 → 00:18:56 เนาะไม่ว่าจะดูซีรีส์ใดๆก็ตามเนี่ยค่ะ
00:18:56 → 00:18:58 อยากจะให้หาอุปกรณ์เสริมช่วยนะคะเพื่อลด
00:18:58 → 00:19:01 การทำงานของคอค่ะเช่นแท่นยกมือถือเป็นต้น
00:19:01 → 00:19:03 หรือว่าอยู่บ้านเราเปิดหนังดูจอใหญ่เลย
00:19:03 → 00:19:06 ค่ะจะได้สบายค่ะค่ะขอขอบพระคุณนะคะ
00:19:06 → 00:19:09 อาจารย์หมอจากแอปพลิเคชันหมอดีที่มาให้
00:19:09 → 00:19:12 ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการปวดหลัง
00:19:12 → 00:19:16 เรื้อรังค่ะสนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำ
00:19:16 → 00:19:19 บ้านในมือ
00:19:19 → 00:19:23 คุณกลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการ TNN
00:19:23 → 00:19:25 Health ค่ะในช่วงนี้นะคะคุณผู้ชมเราต้อง
00:19:25 → 00:19:29 ตั้งใจฟังกันเลยว่าวิธีการทานแคลเซียมให้
00:19:29 → 00:19:31 ได้ประโยชน์สูงสุดกับกระดูกของเรารวมถึง
00:19:31 → 00:19:34 ข้อปฏิบัติดีๆในเรื่องการชะลอความเสื่อม
00:19:34 → 00:19:38 ของกระดูกเป็นอย่างไรติดตามได้เลยค่ะคุณ
00:19:38 → 00:19:41 ผู้ชมทราบหรือไม่คะว่ามวลกระดูกของคนเรา
00:19:41 → 00:19:44 จะมีความนาแน่นมากที่สุดเมื่ออายุประมาณ
00:19:44 → 00:19:48 30 ปีและจากนั้นค่ะจะเริ่มลดลงช้าๆเมื่อ
00:19:48 → 00:19:50 อายุมากขึ้นเนื่องจากกระดูกมีการสร้าง
00:19:50 → 00:19:54 ขึ้นใหม่น้อยกว่าการทำลายหลังจากอายุ 50
00:19:54 → 00:19:57 ปีการสูญเสียมวลกระดูกจะเกิดในอัตราที่
00:19:57 → 00:20:01 มากขึ้นทั้งในผู้ชายและผู้หญิงโดยเพศหญิง
00:20:01 → 00:20:04 มีโอกาสเกิดภาวะกระดูกพุนเร็วกว่าและมาก
00:20:04 → 00:20:07 กว่าเพศชายเนื่องจากเพศหญิงมีเนื้อกระดูก
00:20:07 → 00:20:11 น้อยกว่าเพศชายร้อยละ 10-30 และมีการสูญ
00:20:11 → 00:20:13 เสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วเมื่อถึงวัยหมด
00:20:13 → 00:20:16 ประจำเดือนส่งผลกระทบทั้งด้านความหนาแน่น
00:20:16 → 00:20:18 และโครงสร้างของกระดูกทำให้ความแข็งแรง
00:20:19 → 00:20:23 ของกระดูกลดลงดังนั้นเราจะมีวิธีในการ
00:20:23 → 00:20:27 ชะลอความเสื่อมของกระดูกดังนี้ค่ะ 1
00:20:27 → 00:20:30 บริหารร่างกายให้เหมาะสมการออกกำลังกายจะ
00:20:30 → 00:20:32 ช่วยชะลอไวและยังช่วยเสริมสร้างกล้าม
00:20:32 → 00:20:35 เนื้อให้แข็งแรงช่วยรองรับกระดูกและช่วย
00:20:35 → 00:20:37 ลดอาการปวดได้ด้วยอย่างไรก็ตามการออก
00:20:37 → 00:20:40 กำลังกายหนักเกินไปอาจกลายเป็นการสร้าง
00:20:40 → 00:20:43 ภาระให้กับข้อกระดูกจนเกิดปัญหาข้อกระดูก
00:20:43 → 00:20:46 เสื่อมเร็วขึ้นได้ 2 เลือกกินอย่างถูก
00:20:46 → 00:20:49 วิธีรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพราะ
00:20:49 → 00:20:52 แคลเซียมช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้
00:20:52 → 00:20:55 แข็งแรงเมื่อร่างกายมีปริมาณแคลเซียมที่
00:20:55 → 00:20:58 เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้ออ
00:20:58 → 00:21:01 อักเสบช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหอดได้ดีพบได้
00:21:01 → 00:21:03 ในนมและผลิตภัณฑ์จากนมเช่นโยเกิร์ตปลา
00:21:03 → 00:21:06 เล็กปลาน้อยเต้าหู้แผ่นและถั่เหลืองเป็น
00:21:06 → 00:21:10 ต้น 3 การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆอาจส่งผล
00:21:10 → 00:21:13 ต่อสุขภาพของเราเช่นยืนให้ตรงไม่ทิ้งน้ำ
00:21:13 → 00:21:16 หนักไปข้างใดข้างหนึ่งไม่นั่งยองๆไม่นั่ง
00:21:16 → 00:21:19 อยู่กับที่เป็นเวลานานสวมรองเท้าที่การ
00:21:19 → 00:21:22 กระแทกได้ดีและควรเลิกบุหรี่ 4 ควบคุมน้ำ
00:21:22 → 00:21:25 หนักเพราะถ่าน้ำหนักเกินเป็นหนึ่งใน
00:21:25 → 00:21:27 สาเหตุของอาการข้อเสื่อมเพราะกระดูกและ
00:21:27 → 00:21:30 ข้อต้องรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไปโดย
00:21:30 → 00:21:33 เฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเข่าสะโพกเท้าและ
00:21:33 → 00:21:35 หลังที่เป็นจุดหลักในการรับน้ำหนักของ
00:21:35 → 00:21:39 ร่างกายค่ะเราจะมีวิธีในการเลือกแคลเซียม
00:21:39 → 00:21:43 ดังนี้ค่ะอีกวิธีที่จะช่วยให้กระดูกแข็ง
00:21:43 → 00:21:45 แรงนั่นคือการรับประทานแคลเซียมให้ถูก
00:21:45 → 00:21:48 วิธีค่ะแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบมากสุดใน
00:21:48 → 00:21:51 ร่างกายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูกและ
00:21:51 → 00:21:54 ฟันมีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของร่างกาย
00:21:54 → 00:21:57 เกือบทุกส่วนและยังมีหน้าที่สร้างกระดูก
00:21:57 → 00:22:00 ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของร่างกายค่ะเราจะ
00:22:00 → 00:22:02 มีวิธีการเลือกรับประทานแคลเซียมให้ได้ผล
00:22:02 → 00:22:06 ดังนี้ค่ะ 1 แคลเซียมที่ละลายน้ำได้ดีได้
00:22:06 → 00:22:09 แก่แคลเซียมแอลทรีโอเนตแคลเซียมซิเตรต
00:22:09 → 00:22:12 แคลเซียมแลคเตทกลูโคเนตการรับประทาน
00:22:12 → 00:22:15 แคลเซียมชนิดเม็ดฟู่หรือผงชงดื่มจะละลาย
00:22:15 → 00:22:18 ได้ดีกว่าชนิดเม็ด 2 การรับประทานครั้งละ
00:22:18 → 00:22:22 600-800 มิลกรัมดูดซึมได้ดีมากกว่าการ
00:22:22 → 00:22:25 รับประทานปริมาณมากๆค่ะสำหรับการเลือกรับ
00:22:25 → 00:22:28 ประทานแคลเซียมให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือ
00:22:28 → 00:22:31 1 เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของแคลเซียม
00:22:31 → 00:22:34 แอลทรีโอเนตแคลเซียมซิเตรตและแคลเซียมแคต
00:22:34 → 00:22:37 กลูโคเนตเพื่อให้ละลายน้ำได้ดี 2 เลือก
00:22:37 → 00:22:39 แคลเซียมที่มีส่วนผสมของวิตามินดีเพื่อ
00:22:39 → 00:22:42 ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและเป็นประโยชน์
00:22:42 → 00:22:44 ต่อกระดูกทั้งนี้ควรรับประทานแคลเซียม
00:22:45 → 00:22:47 พร้อมมื้ออาหารเย็นเพราะเวลากลางคืนเป็น
00:22:47 → 00:22:50 ช่วงที่แคลเซียมไหลออกจากกระดูกมากที่สุด
00:22:50 → 00:22:53 ปริมาณแคลเซียมที่สูงขึ้นจะช่วยป้องกัน
00:22:53 → 00:22:56 ไม่ให้กระดูกบางได้ค่ะจะเห็นได้ว่าการรับ
00:22:56 → 00:22:59 ประทานแคลเซียมให้เหมาะสมสมนะคะรวมไปถึง
00:22:59 → 00:23:02 ข้อปฏิบัติต่างๆนั้นจะต้องให้ไม่มากและก็
00:23:02 → 00:23:05 ไม่น้อยจนเกินไปค่ะถึงจะพอดี
00:23:05 → 00:23:09 ค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสุขภาพดีๆ
00:23:09 → 00:23:12 ในวันนี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชม
00:23:12 → 00:23:15 จะนำสาระสุขภาพจาก tn Health ไปใช้ในการ
00:23:15 → 00:23:18 ดูแลตัวเองและครอบครัวให้ห่างไกลจากโรค
00:23:18 → 00:23:22 ภัยไข้เจ็บกันค่ะสำหรับวันนี้นะคะรายการ
00:23:22 → 00:23:24 TNN Health ต้องขอขอบคุณคุณผู้ชมทุก
00:23:24 → 00:23:27 ท่านค่ะที่ชมรายการมาถึงตรงนี้นะคะสามารถ
00:23:27 → 00:23:30 ติดตามรับชมรายการ TNN Heal เป็นประจำ
00:23:30 → 00:23:34 ได้ทุกวันเสาร์ค่ะเวลาดี 15:00 น- 15:30
00:23:34 → 00:23:38 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ไม่เพียงเท่านี้นะคะ
00:23:38 → 00:23:41 สามารถติดตามรับชมรีรันได้ทุกบ่ายวัน
00:23:41 → 00:23:46 จันทร์เวลา 14:30 นถึง 15:00 นและเอาใจคน
00:23:46 → 00:23:50 ตื่นเช้าวันเสาร์ค่ะ 6:00 น- 6:30 นนอก
00:23:50 → 00:23:53 จากนี้นะคะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด
00:23:53 → 00:23:55 Subscribe เป็นกำลังใจให้หมอดาวและทีม
00:23:55 → 00:23:58 งานทางช่องโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆตค่ะไม่
00:23:58 → 00:24:01 ว่าจะเป็น YouTube Facebook tiktok
00:24:01 → 00:24:04 Line official นะคะและที่สำคัญเรามี
00:24:04 → 00:24:07 น้องใหม่ Instagram อีกด้วยค่ะสำหรับวัน
00:24:07 → 00:24:10 นี้นะคะรายการ tn He ต้องขอตัวลาคุณผู้
00:24:10 → 00:24:13 ชมไปก่อนสำหรับวันนี้สวัสดี
00:24:13 → 00:24:26 [เพลง]
00:24:26 → 00:24:29 ค่ะ
00:24:29 → 00:24:37 [เพลง]