00:00:00 → 00:00:03 ก็สวัสดีครับวิดีโอนี้ผมจะจบรึเรื่องของ
00:00:03 → 00:00:06 ไข้นะครับว่าเอมันเป็นยังไงนะครับแล้ว
00:00:06 → 00:00:08 อุณหภูมิของเราแค่ไหนถึงจะเรียกว่าเป็น
00:00:08 → 00:00:12 ไข้ทำไมบางคนเป็นไข้แล้วรู้สึกหนาวนะมี
00:00:12 → 00:00:15 มือเท้าเย็นแต่ตัวร้อนนะครับแล้วก็จะลงไป
00:00:15 → 00:00:18 ลึกถึงว่าอะไรทำให้เกิดไข้การรักษาไข้ทำ
00:00:18 → 00:00:21 ได้อย่างไรแล้วทำไมการรักษาไข้มันช่วย
00:00:21 → 00:00:24 อะไรได้บ้างนะครับวิดีโอข้างนี้เนี่ยก็จะ
00:00:24 → 00:00:26 เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปแล้วผมก็จะลงลึกไป
00:00:26 → 00:00:29 จนถึงระดับที่แพร่ต้องรู้ด้วยนะครับก็
00:00:29 → 00:00:30 เหมาะสำหรับนิสิตนักศึกษาแพทย์ที่เข้ามา
00:00:30 → 00:00:33 ฟังนะครับรวมถึงถ้าเป็นแพทย์ทั่วไปแล้ว
00:00:33 → 00:00:35 ต้องการทบทวนความรู้ทางด้านเรื่องของไข้
00:00:35 → 00:00:38 นะครับก็น่าจะมีประโยชน์ด้วยไม่มากก็น้อย
00:00:38 → 00:00:40 นะครับยังไงก็ลองฟังดูแล้วกันนะครับพบกับ
00:00:40 → 00:00:42 ผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวันนะครับเป็น
00:00:42 → 00:00:44 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะ
00:00:44 → 00:00:46 ครับเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:00:46 → 00:00:50 เรียกบำบัดนะครับก่อนอื่นเลยนะครับต้อง
00:00:50 → 00:00:52 บอกว่าร่างกายของคนเราเนี่ยนะครับมันจะมี
00:00:52 → 00:00:56 อุณหภูมิที่ไม่คงที่ตลอดเวลานะครับในแต่
00:00:56 → 00:00:58 ละวันจะมีช่วงเวลาที่อุณหภูมิร่างกายของ
00:00:58 → 00:01:00 เราต่ำแล้วก็จะมีชั่วคือคุณภูมิร่างกาย
00:01:01 → 00:01:03 ของเราสูงนะครับอันนี้เลยว่าเป็นวัฏจักร
00:01:03 → 00:01:05 อย่างหนึ่งนะครับของร่างกายเรานะฮะ
00:01:05 → 00:01:08 อุณหภูมิของร่างกายเรานะครับจะถูกควบคุม
00:01:08 → 00:01:11 ด้วยศูนย์ควบคุมอุณหภูมินะฮะจะอยู่ในสมอง
00:01:11 → 00:01:14 ส่วนที่เรียกว่าแอนทีเรียใครโปธารามัสนะ
00:01:14 → 00:01:16 ครับซึ่งเป็นสมองส่วนที่อยู่ตรงกันกลางนะ
00:01:16 → 00:01:18 ครับท่านไป Google รูปดูได้นะครับมันจะ
00:01:19 → 00:01:21 เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางนะครับแล้วไอ้ตรง
00:01:21 → 00:01:24 ส่วนนี้นะครับที่มันจะเป็นการเซ็ตบอกว่า
00:01:24 → 00:01:26 เราจะต้องให้อุณหภูมิร่างกายของเราเป็น
00:01:26 → 00:01:30 เท่าไหร่กันแน่นะครับโดยปกติแล้วประมาณ
00:01:30 → 00:01:32 6:00 นแต่ละวันนี้ผู้นะครับผมร่างกายของ
00:01:32 → 00:01:36 เราจะต่ำที่สุดนะฮะแล้วก็ประมาณสัก 16:00
00:01:36 → 00:01:38 นถึง 18:00 นจะเป็นช่วงที่อุณหภูมิร่าง
00:01:38 → 00:01:41 กายของเราสูงที่สุดนะครับและถ้าเกิดว่า
00:01:41 → 00:01:45 เราทำการวัดปรอททางปากนะครับคืออวัยเอาไป
00:01:45 → 00:01:47 วัดใต้ลิ้นนะฮะอุณหภูมิของเราเนี่ยในช่วง
00:01:47 → 00:01:51 เช้านี้นะครับมันจะไม่ควรเกิน 37.2 องศา
00:01:51 → 00:01:54 เซลเซียสนะครับอันนี้ไม่ควรเกินนะครับถ้า
00:01:54 → 00:01:57 เกิดหน้านั้นขึ้นไปเช่น 37.4 เนี่ยอาจจะ
00:01:57 → 00:02:01 ถือว่ามีไข้ได้นะครับดีแล้วถ้าเป็นช่วง
00:02:01 → 00:02:04 บ่ายซึ่งประมาณสัก 16:00 นถึง 18:00 น
00:02:04 → 00:02:06 อย่างที่บอกก็คือว่าอุณหภูมิร่างกายของ
00:02:06 → 00:02:09 เรายังไม่ได้สุขที่สุดแต่มันก็ไม่ควรที่
00:02:09 → 00:02:12 จะสูงเกิน 37.7 องศานะครับแต่นั้นบางคลี
00:02:12 → 00:02:15 ถ้าเกิดว่าเราเจอ 31.9 อย่างนี้นะครับอาจ
00:02:15 → 00:02:19 จะมีคนบางคนที่มีอาการไข้แล้วเราก็นิยาม
00:02:19 → 00:02:21 ไข้ว่าเป็นแบบนั้นก็ได้นะครับนั้นการ
00:02:21 → 00:02:23 นิยามค่าอย่างขึ้นอยู่กับว่าเป็นช่วงไหน
00:02:23 → 00:02:27 ของวันด้วยนะฮะอย่างไรก็ตามบางครั้งมันก็
00:02:27 → 00:02:30 ทำให้เราสับสนนะฮะแล้วในทางการแพทย์ในทาง
00:02:30 → 00:02:32 ปฏิบัติจริงๆแล้วเนี่ยนะครับเราจะถือว่า
00:02:32 → 00:02:35 คนไข้มีไข้ถ้าเกิดว่าเราวัดปรอททางปาก
00:02:35 → 00:02:37 แล้วอุณหภูมิมันได้ตั้งแต่ 38 องศา
00:02:37 → 00:02:40 เซลเซียสเป็นต้นไปนะฮะไม่ได้หมายความว่า
00:02:40 → 00:02:42 ถ้าต่ำกว่านั้นคุณเป็นไข้ไม่ได้นะครับก็
00:02:42 → 00:02:44 อย่างที่บอกไปว่าถ้าในตอนเช้าเนี่ย
00:02:44 → 00:02:48 อุณหภูมิเกิน 37.2 แล้วก็ในตอนบ่ายต้อง
00:02:48 → 00:02:51 ประมาณสัก 16:00 นถึง 18:00 นคุณภูมินะ
00:02:51 → 00:02:54 ครับของร่างกายเกิน 37.7 เป็นต้นไปนะครับ
00:02:54 → 00:02:59 ก็ถือว่าน่าจะมีไข้นะครับอ่ะที่นี่มันก็
00:02:59 → 00:03:01 มีกรณีก็มีเหมือนกันที่ไม่เป็นเช่นนั้นนะ
00:03:01 → 00:03:04 ครับในคนบางคนนี้นะครับโอกาสที่จะเกิดไข้
00:03:04 → 00:03:07 มันจะยากกว่าเพราะว่าการควบคุมนำภูมิของ
00:03:07 → 00:03:10 เค้าเนี่ยจะไม่เหมือนกับคนทั่วไปนะครับคน
00:03:10 → 00:03:13 ไหนบ้างครับผู้สูงอายุเนี่ยโอกาสเกิดค่าย
00:03:13 → 00:03:16 เนี่ยจะยากกว่าแล้วก็ปกติอุณหภูมิของร่าง
00:03:16 → 00:03:19 กายเนี่ยเขาจะต่ำกว่าในคนหนุ่มสาวนะครับ
00:03:19 → 00:03:21 ในเด็กเล็กแรกเกิดเลยเนี่ยนะครับการควบ
00:03:21 → 00:03:23 คุมอุณหภูมิของเขาก็จะไม่ค่อยดีจะมีโอกาส
00:03:23 → 00:03:26 ที่จะตัวเย็นได้มากกว่าการที่จะตัวร้อนนะ
00:03:26 → 00:03:30 ครับในเด็กแรกเกิดนะครับในคนที่มีโรคไต
00:03:30 → 00:03:32 เรื้อรังนะครับพวกนี้ก็จะมีปัญหาในด้าน
00:03:32 → 00:03:34 ของการควบคุมอุณหภูมิเท่านี้เกิดไข้ได้
00:03:34 → 00:03:37 ยากกว่านะครับคนที่รับประทานยาสเตียรอยด์
00:03:37 → 00:03:40 เป็นเวลานานๆนะครับอันนี้ไม่นับสับ eloy
00:03:40 → 00:03:43 แบบพ่นเข้าปากหรือเข้าจมูกที่ใช้ในการแก้
00:03:43 → 00:03:45 ไขเรื่องโรคภูมิแพ้และก็โรคขอบคืนนะครับ
00:03:45 → 00:03:48 จะเป็นสติเราชนิดกินนะครับหรือถ้าเป็น
00:03:48 → 00:03:50 ชนิดฉีดก็ฉีดต่อเนื่องนะครับแต่ส่วนใหญ่
00:03:50 → 00:03:52 จะไปชนิดกินเช่น prednisolone นะครับ
00:03:52 → 00:03:53 dexamethasone
00:03:53 → 00:03:56 betamethasone แบบนี้เป็นต้นนะฮะถ้ารับ
00:03:56 → 00:03:58 ประทานของแบบนี้อยู่เดี๋ยวโอกาสที่จะเกิด
00:03:58 → 00:04:00 ไข้มันจะยากขึ้นนะครับโอ้นี่หมายความว่า
00:04:00 → 00:04:03 มันดีนะครับมันแปลว่าท่านอาจจะมีความผิด
00:04:03 → 00:04:06 ปกติบางอย่างที่ทำให้เกิดไข้แต่ว่าท่าน
00:04:06 → 00:04:08 ไม่สามารถที่จะสร้างอุณหภูมิของร่างกาย
00:04:08 → 00:04:11 ให้มันสูงขึ้นได้นะครับอุณหภูมิเนี่ยมัน
00:04:11 → 00:04:14 มีประโยชน์อย่างหนึ่งก็คือในสำหรับผู้
00:04:14 → 00:04:17 หญิงนะครับที่มีวัยเจริญพันธุ์อยู่นะครับ
00:04:17 → 00:04:20 เวลาที่ไข่ตกนักอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้น
00:04:20 → 00:04:24 อ่ะนะครับอันนั้นจริงๆก็เป็นการที่คุณหมอ
00:04:24 → 00:04:27 ทางด้านเจริญพันธุ์เนี่ยเขาก็จะสามารถบอก
00:04:27 → 00:04:30 แปลว่าให้เราวัดอุณหภูมิของร่างกายเรานะ
00:04:30 → 00:04:32 ครับทุกๆวันนะครับมันจะสามารถบอกแต่ว่า
00:04:32 → 00:04:35 อ้อถ้าเกิดอุณหภูมิของร่างการเริ่มสูง
00:04:35 → 00:04:37 ขึ้นนะครับเมื่อเทียบกับวันเกาะเนี่ยแปล
00:04:37 → 00:04:39 ว่าวันนั้นเราน่าจะมีการตกไข่แล้วนะครับ
00:04:39 → 00:04:42 นั้นโอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็จะสูงขึ้นนะฮะ
00:04:42 → 00:04:45 ก็จะใช้ในกรณีแบบนี้เป็นต้นนะครับต่อมา
00:04:45 → 00:04:48 เรามาดูกันว่าทำไมไข้หนึ่งเกิดขึ้นได้นะ
00:04:48 → 00:04:52 ครับไข้นั้นนะฮะมันเป็นอย่างนี้นะครับที่
00:04:52 → 00:04:55 and Pure hypothalamus นะครับมันเป็น
00:04:55 → 00:04:58 ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายนะครับแล้ว
00:04:58 → 00:05:01 0 ควรธและร่างกายเนี่ยเมื่อมีอะไรมา
00:05:01 → 00:05:03 กระตุ้นมาเนี่ยมันจะทำให้มันเปลี่ยนแปลง
00:05:03 → 00:05:06 ศูนย์การควบคุมได้นะครับให้คล้ายกับกรณี
00:05:06 → 00:05:09 ของเทอร์โมตัดที่บ้านนะครับเช่นแอร์เรา
00:05:09 → 00:05:11 ตั้งไว้แบบอะไรอย่างตั้งไว้ 25 องศาด้วย
00:05:11 → 00:05:14 ฮะอ่ะแต่วันดีคืนดีเรารู้สึกหนาวเราตั้ง
00:05:14 → 00:05:18 ให้มัน 27 พงศานะครับอุณหภูมิในห้องเนี่ย
00:05:18 → 00:05:20 มันก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนไปถึง 27 องศานะ
00:05:20 → 00:05:23 ครับในศูนย์การควบคุมเรื่องของอุณหภูมิ
00:05:23 → 00:05:25 ของร่างกายเราที่อาจจะเรียนในโปธารามัส
00:05:25 → 00:05:27 มันก็เหมือนกันปกติแล้วมันจะตั้งไว้ที่
00:05:27 → 00:05:31 ประมาณสักสามสิบเจ็ดแถวนี้นะฮะ 5 เรามี
00:05:31 → 00:05:34 ไข้มันอาจจะตั้งไว้ที่ 38 นะครับแปลว่า
00:05:35 → 00:05:38 ขณะที่เรามีไข้อุณหภูมิร่างกายเรามัน
00:05:38 → 00:05:40 ต้องการให้สูงขึ้นถึง 38 หรืออาจจะเป็น 39
00:05:40 → 00:05:43 หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่นะครับพ่อมันตั้ง
00:05:43 → 00:05:45 สูงขึ้นแบบนั้นแล้วเนี่ยร่างกายเราจะต้อง
00:05:45 → 00:05:47 ทำทุกวิถีทางเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของร่าง
00:05:47 → 00:05:51 กายให้ไปถึงที่เราตั้งไว้ได้เช่นถ้าเรา
00:05:51 → 00:05:54 ตั้งไว้ที่ 39 ร่างกายเราก็ต้องพยายาม
00:05:54 → 00:05:56 เพิ่มความร้อนของร่างกายเพิ่มได้เยอะ
00:05:56 → 00:06:00 เพื่อนได้ยังไงนะครับประการแรกคือ
00:06:00 → 00:06:02 คือวิธีการกดตัวของเส้นเลือดส่วนปลายนะ
00:06:02 → 00:06:04 ครับไม่เว้นผิวหนังแล้วก็บริเวณปลายมือ
00:06:04 → 00:06:06 ปลายเท้านะครับเวลามันปวดของเส้นเลือดพวก
00:06:06 → 00:06:09 เนี้ยก็จะทำให้เลือกเนี่ยมันไปสู่ส่วน
00:06:09 → 00:06:11 กลางของร่างกายการกลางของร่างกายนะครับ
00:06:11 → 00:06:13 มันก็จะทำให้มันร้อนมากขึ้นแล้วก็จะเพิ่ม
00:06:13 → 00:06:18 ความร้อนนะฮะอ่าแล้วนี่คือถ้าสมมุติว่า
00:06:18 → 00:06:20 บริเวณส่วนปลายมือปลายเท้าของเราเนี่ย
00:06:20 → 00:06:23 เลื่อนมาของตัวสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันจะ
00:06:23 → 00:06:25 ไม่มีเรื่องจะเลี้ยงบริเวณนั้นมากเท่า
00:06:25 → 00:06:28 ไหร่ทำให้บริเวณนั้นเย็นนะครับนั้นบางคน
00:06:28 → 00:06:30 ที่เป็นไข้เราจับมือจับเท้าเขาจะรู้สึก
00:06:30 → 00:06:33 เย็นอ่ะนะคะมันเป็นเพราะส่วนของตัวนั่น
00:06:33 → 00:06:35 เองครับซึ่งหัวตัวยังมีประโยชน์อีกอย่าง
00:06:35 → 00:06:37 นึงสำหรับอุณหภูมิร่างกายคือมันจะป้องกัน
00:06:37 → 00:06:40 ไม่ให้มีการสูญเสียความร้อนของเส้นเลือด
00:06:40 → 00:06:43 ที่อยู่หนักนะครับความร้อนจะไม่เคยออกนะ
00:06:43 → 00:06:45 มันจะกลับเข้าสู่ร่างกายทำให้อุณหภูมิของ
00:06:45 → 00:06:48 ร่างกายเราสูงขึ้นนะครับแล้วจะมีการยับ
00:06:48 → 00:06:50 ยั้งต่อมเหงื่อนะครับเพราะทั้งเหยื่อออก
00:06:50 → 00:06:52 แน่นอนว่าร่างกายก็จะต้องมีการระเหยความ
00:06:52 → 00:06:55 ร้อนออกไปนะครับแล้วถ้าเกิดสมุนว่าทำแบบ
00:06:55 → 00:06:57 นี้ร่างกายเรายังไม่สามารถทำให้อุณหภูมิ
00:06:57 → 00:07:01 ของเราเนี่ยสูงขึ้นได้จนถึงสิ่งที่เรา
00:07:01 → 00:07:04 ตั้งไว้เช่น 39 3 ก็จะมีอาการสั่นตาม
00:07:04 → 00:07:07 มานะครับหนาวสั่นหน้าอย่างที่ที่หลายๆคน
00:07:07 → 00:07:09 เป็นนะครับว่ามีใครแล้วหนาวสั่นขึ้นมามัน
00:07:09 → 00:07:12 ทำทำไมถึงเป็นเช่นนั้นนะครับร่างกายเรา
00:07:12 → 00:07:14 เนี่ยกลไกก็คือว่าถ้ามีการสัตว์นะครับมัน
00:07:14 → 00:07:17 จะเป็นการใช้กล้ามเนื้อทางร่างกายกล้าม
00:07:17 → 00:07:18 เนื้อส่วนสันเวลามันสั่นมันจะสร้างความ
00:07:18 → 00:07:21 ร้อนออกมาด้วยนะครับก็เลยเป็นการเพิ่ม
00:07:21 → 00:07:23 อุณหภูมิของร่างกายนะครับในช่วงแรกคือจะ
00:07:23 → 00:07:25 ไม่สั่นก่อนนะจะเป็นการกดตัวของเส้นเลือด
00:07:25 → 00:07:28 เกาะนะครับแล้วก็เส้นประสาทกลุ่มที่ว่า
00:07:28 → 00:07:31 มันทำหน้าที่แจ้งร่างกายบอกให้มันร้อน
00:07:31 → 00:07:33 เกินไปแล้วนะใช่มาใส่กลุ่มนี้ก็จะไม่ไหว
00:07:33 → 00:07:35 ทำงานนั้นนะฮะเพราะว่ารักจะต้องการความ
00:07:35 → 00:07:37 ร้อนเพิ่มขึ้นเพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลง
00:07:37 → 00:07:40 อุณหภูมิที่เราตั้งไว้ของศูนย์การควบคุม
00:07:40 → 00:07:42 อุณหภูมินั่นเองนะครับถ้าแค่นี้ยังไม่พอ
00:07:42 → 00:07:45 ก็จะเริ่มมีการสั่งรวมด้วยนะครับจะมี
00:07:45 → 00:07:49 เริ่มกันใช้มีการสร้างเมตาบอริซึ่มต่างๆ
00:07:49 → 00:07:51 ของร่างกายมีการทำให้บอมซึ่งตำแหน่งของ
00:07:51 → 00:07:53 ร่างกายเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความร้อนเพิ่ม
00:07:53 → 00:07:56 ขึ้นนะครับนี่คือเหตุผลที่ทำให้เกิดค่าย
00:07:56 → 00:07:58 แล้วทำไมเราถึงหนาวแล้วทำไมเราถึงสั่งได้
00:07:58 → 00:08:02 นะครับในกรณีที่มีสุขมากๆนะครับอ่ะต่อมา
00:08:02 → 00:08:05 ก็คือ a แล้วสารอะไรที่มันไปทำให้เรามี
00:08:05 → 00:08:08 ไข้ได้นะครับบริเวณที่แอนทีเรีย
00:08:08 → 00:08:10 ไฮโปทาลามัสนี้นะครับมันจะมีสารตัวหนึ่ง
00:08:10 → 00:08:15 ชื่อว่าเพราะสแกนดินีทูนะครับพ.ศกันอีนี่
00:08:15 → 00:08:17 นะครับหรือ pg&e นั่นเองนะครับเนี่ยจะไม่
00:08:17 → 00:08:19 ที่อีทูก็ได้เป็นตัวอื่นก็ได้นะแต่เพราะ
00:08:19 → 00:08:23 saucony ตัวนี้นะฮะมันเป็นตัวที่ทำให้
00:08:23 → 00:08:26 เกิดการเปลี่ยนแปลงของการเซ็ตอุณหภูมิที่
00:08:26 → 00:08:29 แอนสิเรียมปรมัตถ์ทำให้เรามีไข้นะครับ
00:08:29 → 00:08:31 แล้วเพราะสถานที่มันมาจากไหนหน้าอันนี้
00:08:31 → 00:08:34 คือมันก็ต้องมีอะไรไปกระตุ้นมันอีกทีนะ
00:08:34 → 00:08:38 ครับจริงๆแล้วสิ่งที่เกิดตุ้นให้เกิดไข้
00:08:38 → 00:08:40 ได้เนี่ยมันก็คือสิ่งที่ทำให้ร่างกายเรา
00:08:40 → 00:08:43 มีการตอบสนองด้วยการอักเสบชนิดต่างๆนะ
00:08:43 → 00:08:45 ครับเช่นสมมติว่าเรามีการติดเชื้อไวรัส
00:08:45 → 00:08:48 โกบิทเข้ามาเรามีการติดเชื้อแบคทีเรียบาง
00:08:48 → 00:08:50 อย่างเข้ามาในร่างกายก็จะมีการทำให้ร่าง
00:08:50 → 00:08:53 กายเรียนมีการตอบสนองนะครับเวลามันตอบ
00:08:53 → 00:08:56 สนองในร่างกายจะสร้างสารบางอย่างขึ้นมา
00:08:56 → 00:08:59 ซึ่งเราเรียกว่าใส่เข้าข่ายนะครับทราย
00:08:59 → 00:09:01 ราคานี้มีมากมายเหรียญ 50 ชนิดหรืออาจจะ
00:09:01 → 00:09:03 มากกว่าด้วยซ้ำไปนะผมก็ลืมนะมันมานะคะว่า
00:09:03 → 00:09:06 มีกี่ตัวแต่ตัวที่เกี่ยวข้องกับใครจริงๆ
00:09:06 → 00:09:09 เนี่ยก็มีอยู่ 4 ตัวด้วยกันนะฮะ 4 ตัว
00:09:09 → 00:09:13 อะไรบ้างหนึ่ง Interview Kim หนึ่งนะ
00:09:13 → 00:09:13 ครับ
00:09:13 → 00:09:15 interleukin-6
00:09:15 → 00:09:19 ทิลเลอร์นะก็สึก Factor นะครับเชื่อมั่น
00:09:19 → 00:09:22 ในโครเชต์สเตอร์ Alfa นะครับแล้วสุดท้าย
00:09:22 → 00:09:24 อาจจะไม่ค่อยมีคนได้ยินตัวนี้สักเท่าไหร่
00:09:24 → 00:09:26 นะครับไม่ว่าจะเป็นแพทย์เองก็ตามนะครับ
00:09:26 → 00:09:28 มันชื่อว่าซีรีส์
00:09:28 → 00:09:32 ยูโรเท็คแฮกเกอร์นะครับซีรีส์คือซีเรีย
00:09:32 → 00:09:35 ที่แปลว่านั่งขนนะครับผลโบกพัดเนี่ยสี่
00:09:35 → 00:09:38 เหลี่ยมนะครับ Series New Rolex Factor
00:09:38 → 00:09:41 นะครับ 4 ตัวนี้มันจะเป็นไซโดการซึ่ง
00:09:41 → 00:09:42 สัตว์ร่างกายสร้างขึ้นมาแล้วมันจะเป็น
00:09:42 → 00:09:44 กระตุ้นทำให้สมองส่วนที่เป็น Until I
00:09:44 → 00:09:47 ปรมัตถ์เนี่ยสร้างเพราะ saucony 2 ขึ้น
00:09:47 → 00:09:50 มามากขึ้นแล้วก็ไปเปลี่ยนอุณหภูมิที่ร่าง
00:09:50 → 00:09:53 กายเรา Set ไว้แล้วก็เลยเกาะเกิดให้ร่าง
00:09:53 → 00:09:55 กายเราเกิดไข้กดอะไรพรุ่งนี้ตามมานะครับ
00:09:55 → 00:10:00 อ่ะที่นี่ไอ้ 4 ตัวนี้ที่ผมบอกใส่มีบทที่
00:10:00 → 00:10:02 4 ตัวนะครับกับพ่อสร้างกันอินเมื่อกี้
00:10:02 → 00:10:06 มันมีความสำคัญอย่างไรนะครับตรงเนี้ยมัน
00:10:06 → 00:10:09 มีความสำคัญบางอย่างที่เพิ่มขึ้นนะครับ
00:10:09 → 00:10:12 เพราะว่าถ้าเราสามารถกินยาแล้วจะหยุดยั้ง
00:10:12 → 00:10:15 เพราะสัก ne ทูเราได้นะครับให้มันจะลบอ่ะ
00:10:15 → 00:10:18 และยาอะไรที่สามารถหยุดยั้งตรงนั้นได้นะ
00:10:18 → 00:10:20 ครับใครนอกของเรานะครับหรือว่ามีชื่อ
00:10:20 → 00:10:22 เรียกว่าพาราเซตามอลวหรืออาทิตย์ทำ
00:10:22 → 00:10:24 อินโนเซนท์นะครับก็คือยาเดียวกันทั้งนั้น
00:10:24 → 00:10:28 แหละครับนาตัวนี้เนี่ยปกติแล้วนะครับมัน
00:10:28 → 00:10:31 จะมีการผ่านเข้าสู่บริเวณสมองแล้วจะมี
00:10:31 → 00:10:34 เอนไซม์ตัวหนึ่งชื่อว่าใส่กลมพีโฟ Fifty
00:10:34 → 00:10:37 นะครับมัดเปลี่ยนแปลงมันนะฮะให้มันเป็น
00:10:37 → 00:10:40 ตัวที่สามารถที่จะยับยั้งเอนไซม์ตัวหนึ่ง
00:10:40 → 00:10:43 คือไซโครออกซิเจนเอสแอร์นะครับอาจจะมี
00:10:43 → 00:10:45 ชื่อเยอะแยะหน่อยนะคะที่สม่ำหมอที่เข้ามา
00:10:45 → 00:10:46 ฟังนะครับถ้าเราจะต้องมาตัวนี้นะครับมัน
00:10:46 → 00:10:49 ก็สามารถที่จะเป็นเปลี่ยนแปลงเอนไซม์ตัว
00:10:49 → 00:10:52 นี้ได้ทำให้เกิดการยับยั้งการสร้างพอ scan
00:10:52 → 00:10:54 in you too นะครับเพราะว่าใส่ครูออฟติ
00:10:54 → 00:10:56 เนซเนี่ยนะครับว่ามีความสำคัญในการสร้าง
00:10:56 → 00:10:59 เพราะสแกนดินนะครับถามว่าพอจะเป็นทราบว่า
00:10:59 → 00:11:02 ยังไงก็คือตรงหลอดเลือดของเรานะครับเซลล์
00:11:02 → 00:11:06 ตรงผนังอาตรงเยื่อหุ้มเซลล์ในมันจะมีตัว
00:11:06 → 00:11:09 นึงจะมีว่าราคาโดนอิกแอซิดนะครับตัวนี้
00:11:09 → 00:11:11 เนี่ยมันจะหลุดออกมาเพราะหลุดออกมาแล้วจะ
00:11:11 → 00:11:13 ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เอนไซม์ไซกลอง
00:11:13 → 00:11:16 ชุด 1 S นะครับทำให้มันกลายเป็นพอสแกน
00:11:16 → 00:11:18 ดินถ้าเราไม่ยับยั้งกลไกนี้เมื่อไหร่แล้ว
00:11:18 → 00:11:21 ก็นะครับร่างกายเราก็จะไม่เกิดไข้นะครับ
00:11:21 → 00:11:24 ไม่มีเพราะสถานีทูในส่วน Angela
00:11:24 → 00:11:27 ไฮโพทาลามัสปุ๊บเนี่ยนะครับอุณหภูมิที่
00:11:27 → 00:11:29 เราตั้งไว้ 3.93 มันก็จะลงมาเหมือนเดิม
00:11:29 → 00:11:32 คือ 37 องศานะครับพออุ๊ปส์เราก็จะขายรถ
00:11:32 → 00:11:35 หน้านะครับนี่คือเป็นการกลไกการทำงานของ
00:11:35 → 00:11:38 พาราเซตามอลนะครับอีกอย่างนึงก็คือเป็น
00:11:38 → 00:11:41 กลุ่มที่เรียกว่านอนกี่ร้อยรอบ and ถ่าย
00:11:41 → 00:11:44 infernus หรือเอ็นเสดเรานั่นเองนะครับ
00:11:44 → 00:11:47 ตัวนี้ก็ยกตัวอย่างเช่นไอบูโพรเฟนนะเพราะ
00:11:47 → 00:11:51 เส้นทะเลาะซีแคมนะครับมีอีกหลายตัวนะครับ
00:11:51 → 00:11:54 เช่นอ้ะ youtup 10 ตัวฟิก oct 10 อย่าง
00:11:54 → 00:11:57 นี้เป็นต้นนะครับเราดี Knock สินะอาจจะมี
00:11:57 → 00:11:59 ชื่อแปลกๆเยอะแยะไปหมดนะครับแต่ว่าเราไม่
00:11:59 → 00:12:01 ต้องสนใจเสือตัวนี้มันจะเป็นตัวที่เป็น
00:12:01 → 00:12:05 ยับยั้งใส่กรอสติเนซนะครับโดยตรงเลยนะ
00:12:05 → 00:12:08 ครับมันก็ทำให้เราไม่มีไข้ด้วยนะครับแตก
00:12:08 → 00:12:10 มันมีความพิเศษอย่างหนึ่งก็คือว่านอก
00:12:10 → 00:12:14 เหนือจากมันออกฤทธิ์ต่อสมองแล้วในบริเวณ
00:12:14 → 00:12:17 ที่มันทำให้เกิดไข้เพราะสแกนดิเนี่ยมัน
00:12:17 → 00:12:19 ยังมีอยู่ตามร่างกายของเราด้วยนะครับแล้ว
00:12:19 → 00:12:21 การที่เพราะสักอันนี้มันออกมาเยอะตาม
00:12:21 → 00:12:23 กล้ามเนื้อตามใกล้ๆกระดูกของเราเนี่ยมัน
00:12:23 → 00:12:26 จะไม่ลงอาการอ่อนเพลียปวดเมื่อยตามตัวการ
00:12:26 → 00:12:28 กินยาพวกนี้เข้าไปเนี่ยก็จะช่วยในแง่ของ
00:12:28 → 00:12:31 การออกฤทธิ์ตามพวกนี้ด้วยนะครับทำให้เรา
00:12:31 → 00:12:34 มีการลดการอักเสบลงได้นะครับ
00:12:34 → 00:12:38 มีสารอีก 3 ตัวหลักๆที่อยากจะพูดถึงเพราะ
00:12:38 → 00:12:41 ว่ามันมียาที่เกี่ยวข้องนะครับอย่างที่
00:12:41 → 00:12:44 เมื่อกี้ผมบอกว่าสารที่ก่อให้เกิดการเกิด
00:12:44 → 00:12:46 เป็นไข้มันมีทั้งหมด 4 ตัวเป็นโซโลคลัง 4
00:12:46 → 00:12:49 ตัวหลักๆคือ interim 1 interlaken 6
00:12:49 → 00:12:52 ถึงเมื่อนักโอซิสเตอร์ Alfa นะครับแล้วก็
00:12:52 → 00:12:57 อีตัวสุดท้ายเลยคือซีรีส์นอีโรติกซะเกิด
00:12:57 → 00:12:59 นะครับแต่ตัวสุดท้ายเราจะไม่มีอะไรที่
00:12:59 → 00:13:03 เกี่ยวนะครับตัวแรกอินเตอร์พริ้นท์หนึ่ง
00:13:03 → 00:13:05 เนี่ยมันจะมียาตัวหนึ่งชื่อว่าอาณาคืน
00:13:05 → 00:13:07 ล่างนะครับในกินว่าตัวนี้มันจะไปยับยั้ง
00:13:07 → 00:13:10 interleukin 1 ในโลกบางโลกนะครับคนที่
00:13:10 → 00:13:13 ใช้ยาตัวนี้อยู่เนี่ยโอกาสเกิดไข้ถามว่า
00:13:13 → 00:13:16 มีไหมมีได้นะครับก็ยาพวกนี้เป็นยากดภูมิ
00:13:16 → 00:13:18 ต้านทานเพราะว่าใส่ดอกถามพวกมันมีความ
00:13:18 → 00:13:20 จำเป็นต่อร่างกายถ้าเราไปยุ่งกับมันมากๆ
00:13:20 → 00:13:23 ร่างกายเราก็จะมีผลเสียบางอย่างนะครับแต่
00:13:23 → 00:13:25 ว่าถ้าร่างกายเราสร้าง Interview กินหรือ
00:13:25 → 00:13:27 ว่าสร้างสารบางอย่างมากจนเกินไปเนี่ยก็จะ
00:13:27 → 00:13:30 เกิดปัญหาดังนั้นจึงมีการผลิตยาพวกนี้
00:13:30 → 00:13:32 ขึ้นมาเพื่อที่จะแก้ไขภาวะนี้นั่นเองนะ
00:13:32 → 00:13:35 ครับอ่ะถ้าเรายังมีกระดูกชิ้นหนึ่งโอกาส
00:13:35 → 00:13:38 ที่เราเกิดให้มีได้มั้ยมีครับเพราะว่า
00:13:38 → 00:13:40 interim 6 ที่ไม่ได้คือสึก Factor ยัง
00:13:40 → 00:13:43 อยู่นะครับยังทำให้เกิดไข้ได้นะฮะพวกนี้
00:13:43 → 00:13:47 เป็นต้นงั้นส่วน interim 6 นะครับอ่ะตัว
00:13:47 → 00:13:49 นี้เป็นยาที่เราใช้ Chrome ผิดเลยครับ
00:13:49 → 00:13:52 เวลาที่คนไข้ในกำลังจะแย่ลงกำลังจะเป็นจะ
00:13:52 → 00:13:55 ต้องลง ICU หรือใส่ท่อช่วยหายใจเนี่ยนะ
00:13:55 → 00:13:58 ครับมันก็จะมีค่าอิตาลีกินหกเนี่ยสูงขึ้น
00:13:58 → 00:14:00 อย่างรวดเร็วมากๆเลยเราจะมีอ่ะสิ่งที่เรา
00:14:00 → 00:14:02 ใช้กันบ่อยๆในทางการแพทย์ก็คืออย่าชื่อ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าโทรซื้อซื้อ Map ซึ่งตัวนี้ผมพูดไป
00:14:05 → 00:14:07 ตั้งแต่ตอนคอมพิวเตอร์แล้วนะครับว่ามัน
00:14:07 → 00:14:09 ออกมาเราสามารถจะยับยั้งตัวนี้ได้พอเรา
00:14:09 → 00:14:12 หยุด il-6 นะครับหรือ interracial sex
00:14:12 → 00:14:16 นะครับมันก็จะทำให้ร่างกายของเราเนี่ยลด
00:14:16 → 00:14:18 การอักเสบทั่วไปนะครับมันช่วยน้องเหลือง
00:14:18 → 00:14:19 จะไข้ด้วยนะครับก็คือเรื่องของการเกษตร
00:14:19 → 00:14:23 นั้นนะฮะแต่คนที่ได้รับโทษสีส้มะเป็นเวลา
00:14:23 → 00:14:26 นานๆนะครับเช่นอาจจะมีโรคภูมิต้านทานบาง
00:14:26 → 00:14:28 อย่างที่ต้องได้รับยาตรงนี้นานๆเนี่ยก็จะ
00:14:28 → 00:14:30 ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถต่อต้านเชื้อบาง
00:14:30 → 00:14:34 อย่างได้นะครับสุดท้ายทูเบอร์นักศึกษา
00:14:34 → 00:14:36 เกอร์แอลฟานะครับมันก็มียาเหมือนกันนะ
00:14:36 → 00:14:39 ครับอย่าที่เป็นต่อต้านตัวนี้นะครับยกตัว
00:14:39 → 00:14:42 อย่างเช่นอะไรนะครับยกตัวอย่างเช่นกิน
00:14:42 → 00:14:44 ฟิกซ์แหม่มค่ะ darin World Map นะครับ
00:14:44 → 00:14:47 ยาตัวนี้คนที่ใช้เนี่ยอาจจะเคยได้ยินชื่อ
00:14:47 → 00:14:50 ชื่ออะไรแปลกๆนะครับมีใช้ในหลายโลกนะครับ
00:14:50 → 00:14:52 โรคผิวหนังบางโรคก็ใช้นะครับรถผมต้านทาน
00:14:52 → 00:14:55 ต่อตั้งตัวเองบางชัดบางโรคก็ใช้โรค
00:14:55 → 00:14:58 รูมาตอยด์บางคนก็ใช้นะครับอ่าหรือบางที
00:14:58 → 00:15:02 เป็นโรคปอดปอดถ้าเราก็ใช้เหมือนกันนะฮะพอ
00:15:02 → 00:15:05 เราใช้ในปัญหาของคนที่กินยาหรือใช้ยาฉีด
00:15:05 → 00:15:09 พรุ่งนี้อยู่คือมีโอกาสเป็นวัณโรครุนแรง
00:15:09 → 00:15:12 ได้ดังนั้นก่อนที่จะใช้ยาพวกนี้เราจะมี
00:15:12 → 00:15:14 การทดสอบก่อนว่ามีวัณโรคแฝงอยู่ในร่างกาย
00:15:14 → 00:15:16 หรือปรับถ้ามีโตสายหายก่อนที่เราจะใช้
00:15:16 → 00:15:19 อยากรู้พรุ่งนี้ครับแล้วในขณะที่เราใช้ยา
00:15:19 → 00:15:21 กลุ่มพวกนี้คืออินฟิกสนับ the river Map
00:15:21 → 00:15:25 นะครับเราก็มีโอกาสที่จะติดวัณโรคแล้วก็
00:15:25 → 00:15:26 เป็นรุนแรงได้ถ้าเราเป็นขึ้นมาแล้วเรา
00:15:26 → 00:15:29 ตรวจเจอเนี่ยเราจะต้องรีบรักษานะครับเหตุ
00:15:29 → 00:15:32 ผลที่ผมพูดก็คือว่าประเทศไทยเป็นประเทศ
00:15:32 → 00:15:35 ที่จะวัณโรคได้ค่อนข้างเยอะนะเนี่ยก็จะ
00:15:35 → 00:15:38 ใช้ยากลุ่มต้องระวังมากๆก็ต้องตรวจแล้วก็
00:15:38 → 00:15:41 ต้องเล่ามันหลีกเลี่ยงคนที่มีอาการป่วย
00:15:41 → 00:15:43 เรื้อรังหรือมีอาการไอเรื้อรังเพราะว่าคน
00:15:43 → 00:15:45 เหล่านั้นอาจจะเป็นวัณโรคและเราไม่รู้ตัว
00:15:45 → 00:15:46 ก็ได้นะครับ
00:15:47 → 00:15:50 มียายกลุ่มกลุ่มนึงนะครับชื่อว่าอิฐแทน
00:15:50 → 00:15:52 เสร็จนะครับตัวนี้มันจะไม่ใช่ไปยับยั้ง
00:15:52 → 00:15:55 ทุกเมื่อและก็เซ็ต ll แฝงด้วยอัลฟ่าโดย
00:15:55 → 00:15:57 ตรงนะครับแต่ว่ามันจะเป็นตัวไปหลอก
00:15:57 → 00:16:00 ทิมเมอร์นั้นก็สืบไตน์เกอร์นะครับเช่นอ่า
00:16:00 → 00:16:01 อันนี้เป็นจะได้เกิด Factor มันจะต้องไป
00:16:01 → 00:16:04 จับกับอะไรสักอย่างนะครับถ้าเราสร้างตัว
00:16:04 → 00:16:06 มาหลอกให้มันไปจับตัวนี้แทนนะครับตัวนี้
00:16:06 → 00:16:09 ก็คือกินภายในเสร็จนะครับมันจะเป็นจับตัว
00:16:09 → 00:16:11 ทุบแล้วจะ 18 เตอร์เองนะครับตัวเนี้ยก็จะ
00:16:11 → 00:16:13 ทำให้คนไข้คนนั้นเนี่ยมีโอกาสเกิดวัณโรค
00:16:13 → 00:16:16 ได้แต่ว่ามันไม่ได้รุนแรงเท่ากับยาย 2
00:16:16 → 00:16:19 ตัวที่มาที่ผมพูดไปคือดอรี่ World Map
00:16:19 → 00:16:22 แล้วก็ตัวเองพริกสิ Map นะฮะเชื่อจะแปลก
00:16:22 → 00:16:23 หน่อยนะครับสำหรับหมอนะครับถ้าเกิดคน
00:16:23 → 00:16:26 ธรรมดาทั่วไปฟังก็เอาสนุกๆและกันนะฮะไม่
00:16:26 → 00:16:29 ได้ขนาดนั้นนะครับต่อไปที่อยากจะเล่าคือ
00:16:29 → 00:16:34 ว่าเวลามีไข้แล้วเนี่ยให้มันดียังไงก็แค่
00:16:34 → 00:16:36 มันไม่ดียังไงนะครับเพราะว่าคนเราก็ไม่
00:16:37 → 00:16:40 คิดถึงว่าถ้าใครมันเป็นไข้เป็นการตอบสนอง
00:16:40 → 00:16:43 ปกติของร่างกายมันก็จะต้องดีสวยครับมัน
00:16:43 → 00:16:46 สิ่งที่มันดีแล้วก็ก็มีไข้ขึ้นมาเนี่ยมัน
00:16:46 → 00:16:49 เป็นเพราะว่าไข้ของเราออกมาเนี่ยมันจะทำ
00:16:49 → 00:16:50 ให้ร่างกายของเรามีการใช้พลังงานเพิ่ม
00:16:50 → 00:16:53 ขึ้นนะครับมีการตอบสนองเพิ่มขึ้นทำให้
00:16:53 → 00:16:55 ภูมิต้านทานของเราเนี่ยมาเริ่มทำงานเพิ่ม
00:16:55 → 00:16:57 ขึ้นเพื่อที่จะไปกำจัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆ
00:16:57 → 00:17:00 ของร่างกายนะครับอ่าไม่อยู่ตรงนั้นจะเป็น
00:17:00 → 00:17:03 อะไรก็แล้วแต่ครับบางทีอาจจะไม่ใช่สิ่ง
00:17:03 → 00:17:05 แบบออกด้วย 3 ไปมันอาจจะเป็นภูมิต่อตาตัว
00:17:05 → 00:17:07 เองนะครับคนที่มีภูมิต่อต้านตัวเองก็มี
00:17:07 → 00:17:10 ให้ได้นะครับไม่ใช่ว่าเราจะเป็นต้องได้
00:17:10 → 00:17:12 ไวรัสและแบคทีเรียได้อะไรเข้าไปในร่างกาย
00:17:12 → 00:17:15 เราถึงนี้ค่ายนะครับแต่ว่าถ้าเป็นการที่
00:17:15 → 00:17:18 เราตอบสนองผิดปกติไปด้วยตัวเองนะเราก็จะ
00:17:18 → 00:17:21 เกิดค่ายได้เช่นกันนะครับดังนั้นมันไม่
00:17:21 → 00:17:23 จำเป็นต้องดีเสมอไปนะครับถ้าไม่เป็นการ
00:17:23 → 00:17:26 ตอบโต้ต่อตัวเองแน่นอนกลุ่มต่อต้านตัวเอง
00:17:26 → 00:17:28 มันยังไม่ดีนะครับนั้นคือเป็นไข้ที่มัน
00:17:28 → 00:17:31 ไม่ควรจะเกิดเราก็ต้องรักษานะครับส่วนไข้
00:17:31 → 00:17:33 ที่มันเกิดขึ้นจากแบคทีเรียจากไวรัสหรือ
00:17:33 → 00:17:35 จากตัวอะไรที่มันเข้าในร่างกายเราเนี่ยนะ
00:17:35 → 00:17:38 ครับมันก็เป็นการที่ร่างกายตอบสนองเพื่อ
00:17:38 → 00:17:41 ที่ให้กำจัดเชื้อได้เร็วขึ้นแต่ก็มีงาน
00:17:41 → 00:17:44 วิจัยออกมาหลายๆชนิดตั้งแต่สมัยเมื่อดำ
00:17:44 → 00:17:47 มันมาแล้วนะครับผมมาเรื่อยๆเขาพบว่าการ
00:17:47 → 00:17:49 ที่เราไปลดให้เนี่ยไม่ได้ทำให้คนไข้คน
00:17:49 → 00:17:51 นั้นป่วยมากขึ้นไม่ได้ทำให้คนไข้คนนั้น
00:17:51 → 00:17:54 หายช้าลงแต่อย่างนั้นการรักษาไข้เนี่ยะ
00:17:54 → 00:17:57 มันสามารถทำได้โดยที่ไม่ยุ่งอะไรเกี่ยว
00:17:57 → 00:18:00 ข้องกับสิ่งที่ตัวเองเป็นนะครับอ่ะมีข้อ
00:18:00 → 00:18:03 ควรระวังอย่างหนึ่งของการให้ยาลดไข้ก็คือ
00:18:03 → 00:18:05 อาจจะกินสองสามอย่างด้วยกันนะครับจะเอา
00:18:05 → 00:18:07 อย่างแรกก่อนนะครับอย่างแรกก็คือว่า
00:18:07 → 00:18:11 ลักษณะของค่ายเนี่ยมันอาจจะช่วยบอกเราได้
00:18:11 → 00:18:13 ว่าคนไข้เป็นโรคอะไรนะครับอาจจะมีทั้งหมด
00:18:13 → 00:18:17 นะครับแต่มันจะช่วยพอบอกได้ในกรณีที่มัน
00:18:17 → 00:18:19 เป็นโรคไข้ที่วินิจฉัยได้ยากนะครับเพราะ
00:18:19 → 00:18:22 ว่ามันจะมีโรคติดเชื้อบางชนิดเนี่ยถ้าเรา
00:18:22 → 00:18:26 ไม่รู้ว่าไข้มันจะเป็นแบบไหนมันบอกยากว่า
00:18:26 → 00:18:28 คนไข้คนนั้นเป็นอะไรบ้างที่จะเป็นไข้ละหา
00:18:28 → 00:18:30 สาเหตุอะไรไม่เจอเลยสักอย่างก็ได้แล้วถ้า
00:18:30 → 00:18:32 เราไปให้ยากดเข้าไปเนี่ยอาจจะบอกได้เลย
00:18:32 → 00:18:35 ว่าคนให้เป็นอะไรนะครับยกตัวอย่างในทาง
00:18:35 → 00:18:37 การถ้าเราจะมีคำนั้นคือว่าเอ่อ
00:18:37 → 00:18:41 temperature เทาดิสก์ och อ่ะนะครับทำ
00:18:41 → 00:18:42 เป็นเจ้าหรือปีเวอร์เนี่ยนเจอก็คือ
00:18:42 → 00:18:45 อุณหภูมินะครับเขาก็คือเป็นที่ประจรของ
00:18:45 → 00:18:50 เรานะครับปกติแล้วนะฮะถ้าสมมติว่าเรามีมี
00:18:50 → 00:18:53 ไข้นะครับหัวใจของเราจะเต้นเร็วขึ้นแต่ใน
00:18:53 → 00:18:56 โรคบางโรคในหัวใจของเราจะไม่เต้นเดี๋ยว
00:18:56 → 00:18:58 ขึ้นแล้วบางทีช้าลงใน 3 ไปนะครับถ้า
00:18:58 → 00:19:02 อุณหภูมิของเราเพิ่มรู้จัก 37 องศาหนึ่ง
00:19:02 → 00:19:04 ของทุกๆเรื่ององศาที่เพิ่มขึ้นจาก 31
00:19:04 → 00:19:06 องศาเนี่ยควรใจเราจะเต้นเร็วขึ้นประมาณ
00:19:06 → 00:19:10 4-5 ครั้งนะครับเช่นสมมติว่าเราปกติหัว
00:19:10 → 00:19:13 ใจเต้นอ่ะ 80 ครั้งต่อนาทีถ้าเรามีไข้ 39
00:19:13 → 00:19:17 เพิ่มขึ้น 2 ถุงนะครับอ้ะมันก็เท่ากับเรา
00:19:17 → 00:19:20 เพิ่มขึ้น 5 กับอีก 5 เท่ากับ 10 นะครับ
00:19:20 → 00:19:23 ถ้าเราควรจะเต้น 80 ครั้งต่อนาทีเราเพิ่ม
00:19:23 → 00:19:25 เข้าอีกสิบควรจะเราจะเป็น 90 ครั้งต่อ
00:19:25 → 00:19:27 นาทีโดยประมาณนะครับโดยประมาณอาจจะมี
00:19:27 → 00:19:30 เปลี่ยนแปลงจะมีบ้างเล็กน้อยนะครับแต่มัน
00:19:30 → 00:19:32 จะมีบางโรคที่เป็นช่วงนี้นะครับที่
00:19:32 → 00:19:36 อุณหภูมิจะต่ำลงนะฮะอ่ะโรคพวกนี้ในทางการ
00:19:36 → 00:19:37 ถ้าเราจะต้องรู้ยกตัวอย่างเช่นโรคไทฟอยด์
00:19:37 → 00:19:41 นะครับโรคกลุ่มที่เราว่าบลูเซลล่านะครับ
00:19:41 → 00:19:44 อันนี้อาจจะอาจจะมีบางคนไม่เคยได้ยินชื่อ
00:19:44 → 00:19:46 บลูเส้นล่างลืมลง sail สิทธิ์นะครับแล้ว
00:19:46 → 00:19:49 ก็อีกร่มที่ประเทศไทยเจอบ่อยๆช่วงหน้าฝน
00:19:49 → 00:19:52 ก็คือโรคฉี่หนูหรือว่าเลปโตสไปโรซีสนะ
00:19:52 → 00:19:55 ครับ 3 โรคนี้เป็นโรคหลักๆเลยดูเซลล่า
00:19:55 → 00:19:57 ไทฟอยด์นะครับหรือที่มาจากพวกซองไว้ในล่า
00:19:57 → 00:20:01 ต่างๆนะครับแล้วก็กลุ่มเอ่อโลกของอัน
00:20:01 → 00:20:03 เลปโตสไปโรซิสฉี่หนูนั่นเองนะครับผมพรุ่ง
00:20:03 → 00:20:07 นี้เราจะรู้นะครับกลุ่มคนอื่นที่มีความ
00:20:07 → 00:20:10 พิเศษของไข้ก็อย่างเช่นกลุ่มมาลาเรียต่าง
00:20:10 → 00:20:13 ๆนะครับเพราะว่ามันจะมีมาเลย์บังช่วงนะ
00:20:13 → 00:20:16 ครับเช่นเวลาที่ไม่แรงแต่จะมาเรียนไข้เรา
00:20:16 → 00:20:18 ก็จะขึ้นที่ 1 แล้วมาเรียนแต่ละสายพันธุ์
00:20:18 → 00:20:21 เนี่ยมันมีไม่และแดงแตกไม่เหมือนกันบาง
00:20:21 → 00:20:23 อย่างหนึ่งวันบางอย่างหลายวันอะไรอย่าง
00:20:23 → 00:20:26 นี้เป็นต้นนะครับก็จะใช้พอบอกได้คร่าวๆนะ
00:20:26 → 00:20:28 ครับแต่น้องหรือจับตรงนี้แล้วเนี่ยมันไม่
00:20:28 → 00:20:30 ค่อยช่วยละเท่าไหร่แล้วก็สามารถขยายหลอด
00:20:30 → 00:20:34 ใครได้นะครับอ่ะต่อมามาถึงต้องใครไม่ดี
00:20:34 → 00:20:37 ยังไงล่ะนะครับเวลาเราเป็นไข้นะครับมันจะ
00:20:37 → 00:20:39 มีความ
00:20:39 → 00:20:43 สร้างปัญหาให้กับระบบหัวใจและหลอดเลือด
00:20:43 → 00:20:45 ของเราแล้วก็ระบบปอดและสมองเป็นหลักเลยนะ
00:20:45 → 00:20:48 ครับถ้าเราฆ่าเย้ยระบบหัวใจเราจะต้องทำ
00:20:48 → 00:20:50 งานหนักมากขึ้นนะครับคนที่มีโรคหัวใจอยู่
00:20:50 → 00:20:53 ก่อนแล้วเนี่ยก็อาจจะเกิดปัญหาได้เช่นถ้า
00:20:53 → 00:20:55 เรามีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอยู่ก่อน
00:20:55 → 00:20:57 หรือมีร้อนด้วยหัวใจที่มันปิดไปนะครับ
00:20:57 → 00:20:58 หรือเรามีโรคหัวใจวายเวลาเรามีไข้ขึ้นมา
00:20:58 → 00:21:01 ทีนึงเนี่ยอาจจะเต็มหัวใจจะวายมากขึ้นนะ
00:21:01 → 00:21:04 ครับแล้วก็กลัวใจขาดเลือดได้นะครับถ้าเรา
00:21:04 → 00:21:06 มีปัญหาเรื่องโรคปอดอยู่แล้วนะครับแน่นอน
00:21:06 → 00:21:09 ว่าเวลาที่เรามีการสร้างเมตาบอริซึ่มต่าง
00:21:09 → 00:21:11 ๆเพิ่มขึ้นในร่างกายเนี่ยมันจะมีการสร้าง
00:21:11 → 00:21:14 การ์ดกำลังใส่เพิ่มขึ้นนะครับมีการใช้
00:21:14 → 00:21:16 สิ่งต่างๆร่างกายเพิ่มขึ้นต่อเราจะทำงาน
00:21:17 → 00:21:19 หนักเพิ่มขึ้นโดยโดยใช้เหตุเลยนะครับคน
00:21:19 → 00:21:21 ที่มีโรคปอดเรื้อรังเนี่ยก็อาจจะมีอาการ
00:21:21 → 00:21:24 เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีใครได้นะครับบางคน
00:21:24 → 00:21:27 อาจจะเคยได้ยินนะครับเวลาเป็นไข้มากๆเรา
00:21:27 → 00:21:29 เผลอนะครับเพลินนั่นเป็นเพราะคุณภูมิที่
00:21:29 → 00:21:32 สูงขึ้นมันเป็นรบกวนการทำงานของสมองนะ
00:21:32 → 00:21:35 ครับและที่สำคัญคือในเด็กนะครับในเด็กนี่
00:21:35 → 00:21:37 อันตรายมากตั้งแต่ว่ามีใครสูบมากๆเนี่ยก็
00:21:37 → 00:21:40 อาจจะชักเลยนะครับนั้นจำเป็นจะต้องที่จะ
00:21:40 → 00:21:44 ลดอุณหภูมิของร่างกายลงมาให้ได้นะครับเออ
00:21:44 → 00:21:47 ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
00:21:47 → 00:21:50 ประการสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงนะครับก็คือ
00:21:50 → 00:21:54 ว่ามันมีเรื่องของไข้ซึ่งเราเรียกภาษา
00:21:54 → 00:21:56 อังกฤษว่าซีเบอร์นะครับแต่ว่ามันจะมีสอง
00:21:56 → 00:22:00 คำซึ่งเราควรจะต้องรู้ก็คือว่าเป็นคำว่าค
00:22:00 → 00:22:02 ลิ๊กนั้นไฮเปอร์เทอเมียนะครับหรือ
00:22:02 → 00:22:04 ไฮเปอร์เทอเมียอะไรอีกคำนึงคือใครเปิดภัย
00:22:04 → 00:22:06 Wake เซียวเนี่ยจะงงนิดหน่อยเนี่ยผมจะ
00:22:06 → 00:22:09 ค่อยๆไปละกันนะครับ Fever หรือค่ายเนี่ย
00:22:09 → 00:22:12 นะครับก็เป็นการที่มีการเปลี่ยนแปลงของ
00:22:12 → 00:22:15 ศูนย์ควบคุมนะครับส่วนควบคุมคือแอนทีเรีย
00:22:15 → 00:22:18 ไฮโปทาลามัสของสมองเราเนี่ยมันเปลี่ยน
00:22:18 → 00:22:20 แปลงอุณหภูมิที่ร่างการต้องการนะครับนั่น
00:22:20 → 00:22:23 คือค่ายนะฮะเราให้ยาลดไข้อุณหภูมิร่างกาย
00:22:23 → 00:22:26 จะลดลงนะครับเวลารวมภูมิร่างกายลดลงปุ๊บ
00:22:26 → 00:22:28 เนี่ยร่างกายจะต้องระบายความร้อนด้วยการ
00:22:28 → 00:22:30 ที่มีเหงื่อออกนะครับเหงื่อออกปุ๊บนะเรา
00:22:30 → 00:22:33 ไปความร้อนดีนะครับอ่ะเราก็จะคว่ำความ
00:22:33 → 00:22:37 ร้อนลดลงนะครับนั่นก็คือเป็นวิธีการหนึ่ง
00:22:37 → 00:22:39 ที่ร่างกายเราเอาค่ายออกกำลังกายนะครับ
00:22:39 → 00:22:42 นั่นคือใคร่ให้ Pearl Pirate เซียไทย
00:22:42 → 00:22:43 แว็กซ์เสียในก็แปลว่าไข้เหมือนกันมันเป็น
00:22:43 → 00:22:46 ภาษาละตินนั้นให้เปิดแปลว่าเยอะว่าสูงแต่
00:22:46 → 00:22:48 ว่ามากนะครับให้เปิดภายในเซลล์คือมีไข้
00:22:48 → 00:22:51 ที่มันสูงมากกว่าปกติมากๆเลยเช่นสูง ir
00:22:51 → 00:22:55 ใคร 42 องศา 41 องศา 42 องศา 40 ตาองค์
00:22:55 → 00:22:57 สายนี้เป็นต้นนะครับซึ่งถือว่าสูงมากนะ
00:22:57 → 00:23:00 ครับให้เปิดแพ็คเซียในเราเจอได้ในสิ่งที่
00:23:00 → 00:23:02 อาจจะติดเชื้อบางอย่างรุนแรงมากๆนะครับ
00:23:02 → 00:23:05 หรือเป็นติดเชื้อในกระแสเลือดบางคนก็จะ
00:23:05 → 00:23:08 เป็นเช่นนั้นนะครับให้ยาลดไข้เนี่ยให้มัน
00:23:08 → 00:23:10 จะลงมาได้แต่ว่ามันจะลงได้ไม่ค่อยเยอะ
00:23:10 → 00:23:12 เท่าไหร่เรามีความจำเป็นจะต้องอาจจะใช้
00:23:12 → 00:23:14 เช็ดตัวหรือใช้น้ำเกลือที่มันมีคุณภูมิ
00:23:14 → 00:23:16 ที่ต่ำลงหน่อยนะครับทำให้ระบุของร่างกาย
00:23:16 → 00:23:19 เราเนี่ยลดลงมาได้มากกว่าปกติแทนที่จะแค่
00:23:19 → 00:23:22 กินยาเฉยๆนะครับแล้วพวกใครเปิดภัยเลย์
00:23:22 → 00:23:24 เซียเนี่ยมันก็จะน่ากลัวตรงที่ว่าไข้มัน
00:23:24 → 00:23:26 จะสูงมากแล้วก็คนที่มีปัญหาเรื่องต่อ
00:23:26 → 00:23:28 เนื่องหัวใจเรื่องชาติก็งั้นก็จะยิ่งเป็น
00:23:28 → 00:23:30 ง่ายขึ้นนะครับเราจะต้องรีบเอาอุณหภูมิลง
00:23:30 → 00:23:33 มาให้ได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะ
00:23:33 → 00:23:38 ครับอ่ะอีกคำหนึ่งซึ่งถ้าเป็นแพทย์เดี๋ยว
00:23:38 → 00:23:41 จะต้องรู้จักเลยนะครับก็คือคำว่าใครเปิด
00:23:41 → 00:23:43 เทอมเนี่ยนะครับให้เปิดแปลว่าสูงอย่างนี้
00:23:43 → 00:23:46 มันที่บอกนะเธอเมียเธอมอสก็คืออุณหภูมินะ
00:23:46 → 00:23:50 ครับอันนี้ใครเปิดตัวเมียมันไม่ใช่ไข้นะ
00:23:50 → 00:23:52 ครับแต่ตัวมันจะร้อนมากนะครับถามว่ามัน
00:23:52 → 00:23:55 แตกต่างจากข้ายังไงนะครับกลไกการเกิด
00:23:55 → 00:23:57 ไฮเปอร์เทอเมียนะครับมันไม่ได้เกี่ยวข้อง
00:23:57 → 00:24:00 อะไรกับ Angela ไทยเป็นทาสแต่ของเราเล่น
00:24:00 → 00:24:03 คะมันไม่ยุ่งอะไรตรงนั้นมันไม่ได้ช่วยทำ
00:24:03 → 00:24:05 ให้มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแต่อย่างใด
00:24:05 → 00:24:08 เลยคืออุณหภูมิเรื่องของเธอหมดสัตว์
00:24:08 → 00:24:10 เรื่องเซตเซตโดยภูมิเนี่ยมันยัง 37 องศา
00:24:10 → 00:24:12 เหมือนเดิมนั่นแหละแต่ว่าร่างกายเราไปเจอ
00:24:12 → 00:24:15 อะไรสักอย่างที่ทำให้ร่างกายเราไม่สามารถ
00:24:15 → 00:24:18 ที่จะระบายความร้อนออกได้นะครับที่เราเคย
00:24:18 → 00:24:21 อาจจะเคยได้ยินบ่อยๆก็เช่นว่าฮีสโขกนะ
00:24:21 → 00:24:23 ครับคิดก็คือความร้อน Stop นี้มันไม่ใช่
00:24:23 → 00:24:25 เป็นการที่มีเส้นเลือดสมองตีบหรือแตกนะ
00:24:25 → 00:24:28 ครับ Kiss ตกนี่คือการที่เราไปอยู่ในที่
00:24:28 → 00:24:31 ที่มันร้อนมากๆแล้วก็ความร้อนเข้าสู่ร่าง
00:24:31 → 00:24:34 กายเยอะละรอบๆๆออกไม่ได้นะครับเราก็จะมี
00:24:34 → 00:24:36 ปัญหาต่างๆตามมาเช่นว่าเราอาจจะเพ้อสับสน
00:24:36 → 00:24:40 ชัดหรือว่าความดันตกได้นะครับแล้วก็กล้าม
00:24:40 → 00:24:43 เนื้อสลายตามร่างกายของเราได้นะครับมักจะ
00:24:43 → 00:24:46 เกิดในคนที่อาจจะดื่มน้ำให้ทีมพอแล้วอยู่
00:24:46 → 00:24:48 ในแดดจัดหรือไปทำงานในที่ที่มันร้อนมากๆ
00:24:48 → 00:24:52 นะครับพวกนี้ก็จะเกิดโรคสีได้นะครับต้อง
00:24:52 → 00:24:55 เลยจากนั้นมันก็จะมีอีกประมาณทรัพย์ 3
00:24:55 → 00:24:58 อย่างที่ในทางการแพทย์เราจะต้องรู้จักนะ
00:24:58 → 00:25:00 ครับตรงนี้ถ้าไม่ใช่แพทย์ฟังขอเจริญกันนะ
00:25:01 → 00:25:05 ครับอ่ะคำแรกก็คือเป็นนิวโรแลคติกเมล็ด
00:25:05 → 00:25:08 แนน Syndrome นะครับอ่านิวโรแลคติกมะเร็ง
00:25:08 → 00:25:11 อัญเชิญลงพวกนี้มันมีความเกี่ยวข้องกับยา
00:25:11 → 00:25:14 บางชนิดนะครับยาอะไรที่เกี่ยวข้องยากลุ่ม
00:25:14 → 00:25:19 ที่บ้านเรื่องของโรคจิตเภทนะครับเวลาที่
00:25:19 → 00:25:22 ยาพวกนี้มันจะไปยุ่งกับสารอย่างหนึ่งใน
00:25:22 → 00:25:25 สมองก็คือสารโดปามีนนะครับถ้ามีตัว R มี
00:25:25 → 00:25:27 มากๆเราจะหล่อนั้นเราจะเห็นภาพหลอนเราจะ
00:25:27 → 00:25:30 ร่วมมีโรคทั้งนั้นจิตเภทขึ้นมาเราจะได้
00:25:30 → 00:25:33 ยินเสียงแว่วหูแว่วหรือได้กลิ่นหรืออะไร
00:25:33 → 00:25:35 นะที่มันไม่มีอยู่จริงนะครับมันก็จะมียา
00:25:35 → 00:25:38 กลุ่มหนึ่งนะครับที่เอาไปแก้ไขอาการตรง
00:25:38 → 00:25:41 นี้โดยการลดสารโดปามีนในสมองเราลงนะครับ
00:25:41 → 00:25:44 ยกตัวอย่างเช่นยาฮาโลเพอริดอลอย่า with a
00:25:44 → 00:25:46 Doll ยาวและปีนพวกนี้นะครับมันก็จะเป็น
00:25:46 → 00:25:49 รถพวกนี้ลงนะครับการที่มันลดพรุ่งนี้ลง
00:25:49 → 00:25:53 ถ้ารถมากๆเนี่ยจะเกิดภาวะบางบางคนจะเกิด
00:25:53 → 00:25:55 ภาวะนี้ได้คือโรติกวณิช Uncen รวมคือตัว
00:25:55 → 00:25:59 จะแข็งเลยนะแข็งแบบนี้นะแล้วไข้ขึ้นสูง
00:25:59 → 00:26:02 มากๆเตือนพรุ่งนี้ค่ะยาลดไข้จะไม่หายนะ
00:26:02 → 00:26:04 ครับก็อยากลดไข้อย่างที่ผมบอกมันจะยุ่ง
00:26:04 → 00:26:08 เกี่ยวข้องกับสารเพราะสแกนดินอีกในสมองนะ
00:26:08 → 00:26:11 ครับแล้วมันจะไปเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่
00:26:11 → 00:26:13 สมองเรา save ไว้นะฮะแต่เนื่องจากให้
00:26:13 → 00:26:14 เบอร์โทรเมียมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตรง
00:26:14 → 00:26:17 นี้ดังนั้นมันไปเปลี่ยนแปลงไข้กับ
00:26:17 → 00:26:19 อุณหภูมิมันก็จะไม่ลงครับน่ะมันจะไม่ลง
00:26:19 → 00:26:24 นั้นกินยาไม่ช่วยอะไรเลยนะนี่เล็กติกวณิช
00:26:24 → 00:26:26 แฟนซินโดรมยังมีอีกกรณีหนึ่งซึ่งเป็นได้
00:26:26 → 00:26:30 ก็คือคนที่รับประทานยาพาร์กินสันนะครับ
00:26:30 → 00:26:33 ถ้าขึ้นสันก็อย่างเช่นที่คนที่มีอาจจะมี
00:26:33 → 00:26:35 เนี่ยมีสั้นแบบนี้นะครับสั้นแบบเหมือนกับ
00:26:35 → 00:26:38 เรามียารู้ก่อนเราปั้นยาแล้วก็มีวันเบื่อ
00:26:38 → 00:26:40 สั่นไม่อาจจะสั่นข้างใดข้างหนึ่งมากมาย
00:26:40 → 00:26:42 ข้างนึงก็ได้นะครับแล้วก็มีอย่างหนึ่งคือ
00:26:42 → 00:26:45 วิธีตี้ตัวมันแข็งเก่งนะครับกลุ่มพวกนี้
00:26:45 → 00:26:48 เนี่ยถ้าเขากินยาอยู่แล้วเขาหยุดยาทันที
00:26:48 → 00:26:51 เนี่ยบางคนการเป็นแบบนี้ได้เลยนะครับอัน
00:26:51 → 00:26:54 นั้นคือคนที่กินยาพาร์กินสันโดยเฉพาะกิน
00:26:54 → 00:26:57 ขนาดสูงมันๆแล้วหยุดเนี่ยไม่ไม่ไม่ขวดนะ
00:26:57 → 00:27:00 ครับเพราะว่าจะเกิดภาวะนี้ได้ไหมครับจะ
00:27:00 → 00:27:03 และฉันก็มีหลายตัวเช่น rlo ป้านะครับอ่า
00:27:03 → 00:27:06 มาดูป้าหรือว่าไอ้พวกที่ไซเนอร์แมคอะไร
00:27:06 → 00:27:09 งั้นนะครับเป็นต้นนะครับผมพวกเนี่ยถ้ากิน
00:27:09 → 00:27:11 มานานๆขนาดสูงเราจะหยุดทันทีก็ไม่ควรนะ
00:27:11 → 00:27:13 ครับอาจจะแล้วต้องระวังอย่างหนึ่งคือคน
00:27:13 → 00:27:17 ที่อยู่ไม่อยากทานยายคะไม่ได้หรือว่า
00:27:17 → 00:27:19 คนอายุเยอะแล้วลืมทานอย่างนี้นะครับหรือ
00:27:19 → 00:27:23 ยาหมดแล้วไม่ได้ทานอ่ะพวกเนี้ยการตายนะ
00:27:23 → 00:27:25 ครับนี่คือโรติกมาเล่นกัน Syndrome นะ
00:27:25 → 00:27:28 ครับอีกคนนึงคือมาเลขเน้นไฮเปอร์เทอเมีย
00:27:28 → 00:27:30 นะครับมาเล็กนั้นแต่ว่าเร็วร้ายนะครับ
00:27:30 → 00:27:32 เดี๋ยวร้ายมากๆให้เบอร์โทรเมียก็คือ
00:27:32 → 00:27:34 อุณหภูมิร่างกายสูงอันเนี้ยมักจะเกิดขึ้น
00:27:34 → 00:27:37 ในอันนี้บอกได้ว่าจะเกิดขึ้นนะครับแต่ว่า
00:27:37 → 00:27:40 มันเป็นดวงจริงๆเลยคือคนที่ได้รับยาดมสลบ
00:27:40 → 00:27:42 นะครับแล้วเกิดภาวะนี้ขึ้นมาเป็นภาวะ
00:27:42 → 00:27:45 ฉุกเฉินที่เราต้องรีบแก้ไขนะครับอ่ะบอก
00:27:45 → 00:27:47 ไม่ได้ไม่มีทางบอกได้ก่อนเลยว่าใครจะเกิด
00:27:47 → 00:27:49 ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วที่ 1 นั้นต้องระวังใน
00:27:49 → 00:27:52 การที่เราจะดมยาสลบข้างต่อไปมากๆนะครับ
00:27:52 → 00:27:54 มันมียาแก้ไขตัวนึงอย่าชื่อว่า dantrolene
00:27:54 → 00:27:57 นะนี่เราจะเป็นยาที่เราใช้ในกรณีนี้นั้น
00:27:58 → 00:28:00 แล้วสุดท้าย
00:28:00 → 00:28:02 จะมีกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งก็คือโรคที่เรียก
00:28:02 → 00:28:05 ว่ากลุ่มซีโรโทนิน Syndrome หน้า
00:28:05 → 00:28:07 ซีโรโทนินก็จะเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง
00:28:07 → 00:28:10 นะครับถ้ามันมีเยอะเกินไปเนี่ยไม่ได้นะ
00:28:10 → 00:28:12 ครับคุณภูมิร่างกายจะสูงมากๆเลยนะครับ
00:28:12 → 00:28:14 แล้วคนไข้ก็จะมีอาการ
00:28:14 → 00:28:18 มีอาการสับสนนะครับแล้วก็มีอาการรู้สึก
00:28:18 → 00:28:21 วิตกกังวลมากๆนะครับมีตาลูกพี่ทุกๆอย่าง
00:28:21 → 00:28:23 นี้เหมือนกันนะครับแล้วก็อาจจะมีสั่นนะ
00:28:23 → 00:28:26 สั่นเป็นหลักเลยนะครับแล้วเวลาที่เราทด
00:28:26 → 00:28:28 สอบในทางการท้ายเราจะทดสอบดูโครนัสนะครับ
00:28:28 → 00:28:31 โคนันเนี่ยเวลาที่เราทดสอบทดสอบที่เท้านะ
00:28:31 → 00:28:33 ครับเช่นสมมติตรงนี้เป็นหาวแล้วกันนะมือ
00:28:33 → 00:28:36 แล้วก็จับเนี่ยเราก็ดึงนะครับถ้าคนที่มี
00:28:36 → 00:28:38 คนนั้นจะเป็นอย่างนี้นะอันนี้เท้านะครับ
00:28:38 → 00:28:40 ไม่ไม่ได้มือนะครับที่มือมันไม่ค่อยเป็น
00:28:40 → 00:28:42 นะแต่บางทีก็บางคนก็เป็นได้จะเป็นรุนแรง
00:28:42 → 00:28:45 นะครับแล้วก็มีอย่างหนึ่งซึ่งพิเศษก็คือ
00:28:45 → 00:28:49 ว่ามี Flex ในมันจะไวขึ้นก็เห็นคุณหมอเขา
00:28:49 → 00:28:52 เอาที่ข้อเข่ามาคอมตรงไปเป็นข่าวแล้วขาม
00:28:52 → 00:28:54 เด้งขึ้นมามั้ยฮะแล้วปกติมกระเด้งธรรมดา
00:28:54 → 00:28:57 นะไอ้คนพวกนี้จะเด้งแบบรุนแรงมากเลยเช่น
00:28:57 → 00:28:59 ปกติเนี่ยตรงนี้เราก็ขอวิเศษนะคะเราเคาะ
00:28:59 → 00:29:01 เนี่ยมือมีเด็กมาถ้าเกิดคนพวกนั้นขอบคุณ
00:29:01 → 00:29:03 อาจจะเด้งอย่างรวดเร็วแล้วก็เดี๋ยวจะได้ 2
00:29:03 → 00:29:06 3 ครั้งก็ได้นะครับนั่นคือเป็นการที่มี
00:29:06 → 00:29:09 รีเฟล็กซ์เร็วมีการกรอกตาไปมาหรือบางคน
00:29:09 → 00:29:11 ทางการให้เราเรียกว่า News Mask นะครับ
00:29:11 → 00:29:15 เราก็อาจจะมีอาเทชั่นก็คือมีอาการที่รู้
00:29:15 → 00:29:17 สึกกระวนกระวายวิตกกังวลเยอะๆนะครับแล้ว
00:29:17 → 00:29:19 ก็วิเศษที่วัยขึ้นพวกนี้เราต้องสงสัยว่า
00:29:19 → 00:29:22 เป็นสิโนทนี Syndrome ซึ่งมันมักจะเกิด
00:29:22 → 00:29:25 จากการที่เราทานยาที่ทำให้ร่างกายเราอิน
00:29:25 → 00:29:27 โดจีนเพิ่มขึ้นและหลายตัวพร้อมกันหรือกิน
00:29:27 → 00:29:29 ขนาดสูงเราไปร่วมกับยาตูนที่เราไม่รู้ตัว
00:29:29 → 00:29:33 นะครับเช่นยาถูกล๊อคสมีนอย่างนี้เป็นต้น
00:29:33 → 00:29:38 นะครับล็อกสุดทีนเอ่อเวลา saxy นะครับกิน
00:29:38 → 00:29:40 ยาพวกนี้เราก็บังเอิญไปได้ยาวตัวอื่นเช่น
00:29:40 → 00:29:42 น่าจะได้ยาฆ่าเชื้อที่เรียกว่าอะไรใน
00:29:42 → 00:29:44 solid นะครับมันผสมผสานกันก็เลยเกิดพวก
00:29:44 → 00:29:47 นี้ขึ้นมาอันนี้ในทางการแพทย์ต้องรู้นะ
00:29:47 → 00:29:50 ครับเราจะต้องสามารถแยกโรคพวกนี้ได้ทั้ง
00:29:50 → 00:29:53 หมดเพราะว่าโรคตรงนี้อันตรายนะคะอุณหภูมิ
00:29:53 → 00:29:55 ร่างกายจะสูงมากแล้วเราไม่สามารถให้ยาลด
00:29:55 → 00:29:58 ไข้ได้มาให้ไปมันก็ไม่ลงดีเราจะต้องทำการ
00:29:58 → 00:30:02 ใช้หัวหน้าชุดน้ำมันๆมาแปะตามหลักและตาม
00:30:02 → 00:30:05 สถานีตามซอกคอเพื่อลดอุณหภูมิลงมาให้ได้
00:30:05 → 00:30:07 เร็วๆนะครับแล้วนำเกลือเราจะต้องให้น้ำ
00:30:07 → 00:30:09 เกลือที่มันมีความเย็นนิดหนึ่งเพื่อที่จะ
00:30:09 → 00:30:11 ลดอุณหภูมิร่างกายของมาให้ได้เร็วที่สุด
00:30:11 → 00:30:15 นั่นเองครับนี่ก็คือเป็นความแตกต่างกัน
00:30:15 → 00:30:18 ของอ่าอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นนะครับ
00:30:18 → 00:30:21 เป็นเนี่ยจะยาวหน่อยนะครับมันจะเข้าใจยาก
00:30:21 → 00:30:23 นิดนึงกับผมจะลงรายละเอียดพรมถึงโรง
00:30:23 → 00:30:25 ละเอียดว่าเอ่อใครมันเกิดขึ้นได้ยังไงข้อ
00:30:25 → 00:30:28 ดีของมันตอนนี้จริงมันไม่ค่อยมีข้อดีแล้ว
00:30:28 → 00:30:30 นะมันเหลือข้อเสียทำให้คนไข้ทรมานนะครับ
00:30:30 → 00:30:32 ข้อเสียก็คือมีทั้งด้านหัวใจทั้งนั้นปอด
00:30:32 → 00:30:34 แล้วก็ทั้งนั้นสมองนะครับเป็นหลักๆเลยนะ
00:30:34 → 00:30:37 ครับที่ทำให้คนไข้แย่ลงแล้วก็ไม่แล้วก็
00:30:37 → 00:30:40 ทรมานได้นะครับเราจะต้องแยกได้คนไข้เป็น
00:30:40 → 00:30:43 Fever ธรรมดาคือเป็นไข้ธรรมดาซึ่งให้ยา
00:30:43 → 00:30:45 ลดไข้ได้นะครับหรือให้เติมแพ็คเซียซึ่งจะ
00:30:45 → 00:30:48 ต้องให้ยาลดไข้ร่วมกับการที่เช็ดตัวเพื่อ
00:30:48 → 00:30:50 จะให้ลำภูลงมานะครับหรือมันเป็น
00:30:50 → 00:30:52 ไฮเปอร์เทอเมียซึ่งกรณีให้เปิดเทอมเนี่ย
00:30:52 → 00:30:55 น่ะยาลดไข้ไม่มีประโยชน์ได้ดังสิ้นไปมัน
00:30:55 → 00:30:59 ก็ไม่ลดจะต้องให้เอาพวกถ้าผมเย็นๆเอาอะไร
00:30:59 → 00:31:01 ชุดอาหารสวนภูมิร่างกายเราให้ได้เร็วที่
00:31:01 → 00:31:04 สุดนะครับตรงนี้ก็อาจจะเข้าใจยากนิดนึง
00:31:04 → 00:31:06 ถ้าเกิดว่าใครสงสัยเรื่องของข้ายังไง
00:31:06 → 00:31:10 เนี่ยก็สอบถามกันเข้ามาได้นะครับอ่าห้อ
00:31:10 → 00:31:13 งอิประกันนึงก็คือยากลุ่ม nsaids จะไม่
00:31:13 → 00:31:15 ที่ผมบอกนะครับเพื่ออ่าไอบูโปรเฟนหรือ
00:31:15 → 00:31:17 อะไรพวกนี้น่ะบางกรณีจริงเราไม่ค่อยอยาก
00:31:17 → 00:31:19 จะให้ใช้สักเท่าไหร่นะครับเพราะว่ามันจะ
00:31:19 → 00:31:22 มีปัญหาต่อโรคตับได้แล้วจะคนไข้คนไหนที่
00:31:22 → 00:31:25 มีปัญหาโรคไตอย่างนี้นะครับไม่ควรกินนะ
00:31:25 → 00:31:28 ครับเพราะมันจะยิ่งทำให้ไตวายได้ง่ายขึ้น
00:31:28 → 00:31:30 มากกว่าเดิมคนที่มีโรคหัวใจเนี่ยถ้าเกิด
00:31:30 → 00:31:32 กินกลุ่มไอบูโปรเฟนในพรุ่งนี้เข้าไปโดย
00:31:32 → 00:31:35 ที่ท่านหัวใจยังผมไม่ค่อยดีเนี่ยบางคนกิน
00:31:35 → 00:31:37 นานๆนะหัวใจวายได้นะครับเพราะว่ามันจะทำ
00:31:37 → 00:31:39 ให้ร่างกายของเราเก็บน้ำมันในร่างกายเยอะ
00:31:39 → 00:31:43 ๆหัวใจก็จะน้ำท่วมง่ายนั้นก็ต้องระวังใน
00:31:43 → 00:31:46 คนพวกนี้นะครับโอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับ
00:31:46 → 00:31:48 ใครมีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้นะครับ
00:31:48 → 00:31:51 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ