00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell f for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:32 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง
00:00:32 → 00:00:35 for Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:35 → 00:00:38 ธัญลักษณ์สดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังทุก
00:00:41 → 00:00:44 ท่านคะกลับมาพบกันในช่วงของเทศกาล
00:00:44 → 00:00:48 สงกรานต์แบบนี้นะคะเชื่อว่าเป็นที่นิยม
00:00:48 → 00:00:52 สำหรับในภาคเหนือหรือว่าภาคอีสานรวมถึง
00:00:52 → 00:00:55 หลากหลายจังหวัดนะคะในประเทศไทยเราที่มัก
00:00:55 → 00:01:00 จะนิยมรับประทานลาบลู่ซ่าหรือว่าเเนู
00:01:00 → 00:01:02 ประจำถิ่นต่างๆที่ใช้หมูดิบและมักจะนิยม
00:01:02 → 00:01:06 รับประทานแบบดิบหรือสุกๆดิบๆนะคะซึ่งอาจ
00:01:06 → 00:01:10 จะมีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคไข้หูดับได้
00:01:10 → 00:01:14 ค่ะดังนั้นค่ะก่อนที่จะมีการเฉลิมฉลองเรา
00:01:14 → 00:01:18 จึงนำเรื่องนี้มาพูดคุยกันได้ย้ำเตือนผู้
00:01:18 → 00:01:20 ฟังอีกครั้งนะคะเกี่ยวกับเรื่องของการ
00:01:20 → 00:01:24 ฉลองสงกรานต์กับเมนูที่เรามักจะเลือกทาน
00:01:24 → 00:01:28 นะคะอาจจะทำให้นำมาสู่การเป็นโรคไข้หูดับ
00:01:28 → 00:01:31 ได้ค่ะรวมถึงถึงสถิติของผู้ป่วยโรคไขหู
00:01:31 → 00:01:34 ดับเมื่อปีที่แล้วเป็นยังไงบ้างมีเพิ่ม
00:01:34 → 00:01:38 ขึ้นมากน้อยแค่ไหนแล้วใครบ้างเมนูไหนบ้าง
00:01:38 → 00:01:41 ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงนะคะรวมถึงเราจะป้อง
00:01:41 → 00:01:44 กันตัวเองและคนที่เรารักให้ห่างไกลจากโลก
00:01:44 → 00:01:47 นี้ได้ยังไงบ้างค่ะผู้ที่จะมาพูดคุยกับ
00:01:47 → 00:01:50 เราท่านคือรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงสนทร
00:01:50 → 00:01:53 เชาวศิลป์อาจารย์ประจำภาควิชาโสดสนาสิก
00:01:53 → 00:01:57 วิทยาคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
00:01:57 → 00:02:01 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์สวัสดีค่ะคเราได้กลับ
00:02:01 → 00:02:04 มาพูดคุยกันปีนึงช่วงเทศกาลต่างๆก็จะมาพบ
00:02:04 → 00:02:06 เจอกับอาจารย์นะคะยิ่งช่วงปีใหม่เมือง
00:02:06 → 00:02:09 หรือว่าสงกรานต์นั่นเองนะคะเมนูยอดฮิที่
00:02:09 → 00:02:12 หลายคนมักจะนิยมรักประทานเกี่ยวกับเรื่อง
00:02:12 → 00:02:15 ของหมูดิบนะคะแล้วก็จะมาย้ำเตือนกันทุกๆ
00:02:15 → 00:02:19 ปีค่ะปีนี้ก็เช่นกันก่อนอื่นเราไปพูดถึง
00:02:19 → 00:02:22 สถิติของปีก่อนนิดนึงค่ะอาจารย์ขาว่า
00:02:22 → 00:02:25 สำหรับโรคให้หูดับเนี่ยมีน้อยลงหรือเปล่า
00:02:25 → 00:02:29 ค่ะค่ะสำหรับสถิติโรคไข้หูดับเนาะในช่วง 5
00:02:29 → 00:02:33 ปี 3 เนี่ยนะคะก็จะมีผู้ป่วยประมาณซัก 300
00:02:33 → 00:02:37 กว่าคนนะคะต่อปีนะคะจะมีซักช่วงปี 2566
00:02:37 → 00:02:39 ที่เพิ่มขึ้นหน่อยประมาณ 600 กว่าคนเนาะ
00:02:39 → 00:02:42 แต่ว่าสถิติการเสียชีวิตก็อยู่ในประมาณ
00:02:42 → 00:02:45 ร้อยละ 5-10 นะคะคราวนี้ล่าสุดเนี่ยตอนปี
00:02:45 → 00:02:48 67 เท่าที่ดูข้อมูลมาจะมีข้อมูลที่
00:02:48 → 00:02:51 บันทึกในช่วงประมาณ 4 เดือนแรกของปีนะคะ
00:02:51 → 00:02:54 ก็คือตั้งแต่มกราคมถึงช่วงเมษายนเนาะก็จะ
00:02:54 → 00:02:57 มีผู้ป่วยประมาณ 200 กว่าคนนะคะก็อัตรา
00:02:57 → 00:03:00 ตายก็เท่าๆเดิมนะคะประมาณอ่าร้อยละ 5
00:03:00 → 00:03:04 ประมาณนี้นะคะก็ถือว่ายังทรงสนนะคะแต่ว่า
00:03:04 → 00:03:09 4 เดือนนี้ก็นอนใชค่ะค่ะพอดีว่าอาจจะ
00:03:09 → 00:03:12 เป็นช่วงที่แบบเป็นช่วงอ่ะต่อจากปีใหม่
00:03:12 → 00:03:16 ไทยแล้วก็มาปีใหม่เมืองต่อเนาะก็เลยอาจจะ
00:03:16 → 00:03:19 เยอะในช่วงแรกๆของปีหน่อยค่ะค่ะไปอ่านเจอ
00:03:19 → 00:03:21 บทความหลายคนบอกว่าไม่กินหรอค่ะหมูดิบดู
00:03:22 → 00:03:24 แลตัวเองอย่างดีแต่ชอบกินหมูกระทะแล้วก็
00:03:24 → 00:03:27 ใช้ตะเกียบรวมเอมันก็มีโอกาสเหมือนกันวัน
00:03:27 → 00:03:29 นี้ผู้ฟังหลายท่านที่ฟังขอแชทอาจจะคิดว่า
00:03:29 → 00:03:33 มันไกลตัวเรามันอาจจะไม่ได้ไกลอย่างที่
00:03:33 → 00:03:36 คิดนะคะนึกถึงใครที่เป็นสายมูกระทะก็ต้อง
00:03:36 → 00:03:39 ฟังได้เหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ค่ะก็พอ
00:03:39 → 00:03:42 ได้รู้สถิติคร่าวๆแล้วอยากให้อาจารย์ช่วย
00:03:42 → 00:03:45 เล่าให้ฟังค่ะลงถึงรายละเอียดนิดนึงค่ะ
00:03:45 → 00:03:49 ว่าเชื้ออะไรในหมูคะที่มันมาสัมผัสโดนเรา
00:03:49 → 00:03:53 แล้วก็ทำให้มีอาการโรคไขหูดับได้ค่ะค่ะ
00:03:53 → 00:03:56 สำหรับโรคไขหูดับเนาะจริงๆเนี่ยมันเกิด
00:03:56 → 00:03:59 จากตัวเชื้อแบคทีเรียตัวนึงค่ะคุณฟ้าชื่อ
00:03:59 → 00:04:04 ว่าเชื้อสปตคัสซีนะคะซึ่งเชื้อตัวเนี้ย
00:04:04 → 00:04:07 โดยมากมักจะเจอในหมูอบอกว่าเจอในหมูเลยะ
00:04:07 → 00:04:10 กันเนาะซึ่งเวลาเชื้อตัวเอยู่ในหมูเนี่ย
00:04:11 → 00:04:14 ก็แล้วแต่ว่าหมูบางตัวถ้าแข็งแรงดีเนาะ
00:04:14 → 00:04:16 หมูตัวนั้นก็จะเป็นแค่พาหะเฉยๆนะแต่ถ้า
00:04:16 → 00:04:18 สมมุติว่าหมูตัวนั้นสุขภาพอาจจะไม่ค่อยดี
00:04:18 → 00:04:21 เท่าไหร่หมูตัวนั้นก็อาจจะป่วยได้นะคะ
00:04:21 → 00:04:23 เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ได้เกี่ยวเลยว่าอ่า
00:04:23 → 00:04:26 บางทีเนี่ยเราคิดว่าเราซื้อเนื้อหมูที่
00:04:26 → 00:04:28 หมูตนั้นสุขภาพแข็งแรงดีมาะแต่ว่าบางที
00:04:28 → 00:04:31 อ่ะอาจจะมีเชื้อก็แฝงอยู่ข้างในก็ได้เช่น
00:04:31 → 00:04:35 กันนะคะออ่ะตรงนี้ก็เหมือนแอบรู้สึกว่า
00:04:35 → 00:04:38 มันดูด้วยตาเปล่ายากนิดนึงเหมือนกันนะคะ
00:04:38 → 00:04:41 การที่เราไปจ่ายตลาดหรือว่าไปซื้อในแหลง
00:04:41 → 00:04:44 ที่เคยซื้อวันใดวันนึงเราอาจจะมาเจอหมู
00:04:44 → 00:04:47 ที่มีเชื้อนี้ก็ได้ใช่แล้วจากนั้นเราไม่
00:04:47 → 00:04:50 ได้มาทานโดยที่ปรุงสุกใช่มั้ยคะอาจารย์
00:04:50 → 00:04:52 มันเข้าสู่ร่างกายเราได้ยังไงหรือว่า
00:04:52 → 00:04:54 สัมผัสมันหรือต้องรับประทานเท่านั้นค่ะ
00:04:55 → 00:04:58 สำหรับกลไกการติดโรคเนาะจริงๆเนี่ยหลักๆ
00:04:58 → 00:05:00 มันจะมีอยู่ 2 ช่องทางดด้วยกันนะคะก็คือ
00:05:00 → 00:05:03 อันที่ 1 คือเรารับประทานหมูหรือว่ากิน
00:05:03 → 00:05:06 หมูที่ไม่ได้ถูกปรุงสุกด้วยความร้อนนะคะ
00:05:06 → 00:05:09 ต้องเน้นย้ำว่าปรุงสุกด้วยความร้อนนะแล้ว
00:05:09 → 00:05:11 ก็เชื้อตัวเก็เลยเข้าสู่ทางเดือนอาหารเรา
00:05:11 → 00:05:15 ไปตามอกระแสเลือดไปยังอ่าอวยวะต่างๆนะคะ
00:05:15 → 00:05:18 หรือว่าเกิดเกิดจากกลไกที่ 2 นะคะกลไกที่
00:05:18 → 00:05:21 2 ก็คือจากการที่บังเอิญว่าเราอาจจะมี
00:05:21 → 00:05:24 แผลบริเวณผิวหนังนะคะแผลบริเวณผิวหนัง
00:05:24 → 00:05:28 หรือว่าบังเอิญว่าเราอ่าอาจจะสัมผัสหมู
00:05:28 → 00:05:31 ดิบนั้นแล้วก็บังเอิญอ่ะไปขยี้ตาเนาะตัว
00:05:31 → 00:05:34 เชื้อนั้นเนี่ยก็เข้าสู่เยื่อบุตาเราได้
00:05:34 → 00:05:36 นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็สามารถเข้าทางบาด
00:05:36 → 00:05:39 แผลทางผิวหนังได้ถ้าเราไปสัมผัสเนื้อหมู
00:05:39 → 00:05:42 ดิบเนาะอย่างเช่นอ่ะเราเป็นอ่ะคนทำอาหาร
00:05:42 → 00:05:44 หรือว่าเป็นคนชำแหละเนื้อแล้วบังเอิญเรา
00:05:44 → 00:05:47 มีแผลตรงมือพอดีอย่าเงี้ยค่ะแล้วบังเอิญ
00:05:47 → 00:05:50 ว่าหมูตัวนั้นเนี่ยหมูชิ้นนั้นเนี่ยมี
00:05:50 → 00:05:52 เชื้อพอดีก็เลยเข้าสู่ร่างกายเราได้แล้ว
00:05:52 → 00:05:55 ก็เข้าไปตามกระแสเลือดไปอย่างระบบต่างๆ
00:05:55 → 00:05:58 ต่อไปนะคแม้ว่าจะไม่ได้รับประทานได้เช่น
00:05:58 → 00:06:02 กันนะคะคราวนี้อ่าถ้าสมมุติเชื้อมันเข้า
00:06:02 → 00:06:04 ไปในร่างกายเราแล้วเนาะเราจะเริ่มมีอาการ
00:06:04 → 00:06:06 เมื่อไหร่นะคุณฟ้าสงสัยคะว่าเราจะเริ่มมี
00:06:06 → 00:06:09 อาการเมื่อไหร่สงสเหมือนกันแต่ว่าจะทันที
00:06:09 → 00:06:12 ทันใดรือเปล่าค่ะคราวนี้เนี่ยมันก็จะมี
00:06:12 → 00:06:16 ช่วงเวาเวลาระยะฟักตัวอยู่นะคะระยะฟักตัว
00:06:16 → 00:06:19 เนี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 3 วันถึง 2 สัปดาห์
00:06:19 → 00:06:23 ค่ะนะคราวนี้เนี่ยอาการหลักๆเลยเนี่ยคน
00:06:23 → 00:06:26 ไข้ก็มักจะมีอาการตามชีโรคนะค่ะมีไข้เนาะ
00:06:26 → 00:06:31 ไข้เนี่ยไข้สูงเลยเนาะไข้สูงปวหัวนะคะบาง
00:06:31 → 00:06:34 คนอาจจะรู้สึกว่าเหมือนมีอาเจียนท้องเสีย
00:06:34 → 00:06:37 เวียนศีรษะง่ายกว่าปกตินะคะหลังจากนั้น
00:06:37 → 00:06:40 เนี่ยอาจจะมีเรื่องของการซึมลงเพราะว่า
00:06:40 → 00:06:42 เวลาที่เชื้อมันเข้าไปเนี่ยมันเข้าสู่
00:06:42 → 00:06:44 กระแสเลือดแล้วเชื้อตัวเนี้ยชอบไปติด
00:06:44 → 00:06:47 เชื้อบริเวณเยื้อหุ้มสมองนะคะเพราะฉะนั้น
00:06:47 → 00:06:50 เนี่ยตอนแรกก็ไข้สูงปวดหัวซึมลงมาโรง
00:06:50 → 00:06:54 พยาบาลนะคะค่ะตัวเชื้อเนี่ยอาจจะกระจายไป
00:06:54 → 00:06:56 ตามอวัยวะอื่นๆได้เช่นเยื่อบุกหัวใจเนาะ
00:06:56 → 00:07:00 ไปตามข้อต่างๆไปตามตาหรือว่าไปตามกล้าม
00:07:00 → 00:07:02 เนื้อก็เกิดการอักเสบของบริเวณอวัยวะต่าง
00:07:02 → 00:07:05 ๆตามมานะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยคนไข้เวลาถ้า
00:07:05 → 00:07:07 มีการติดเชื้อที่รุนแรงเนี่ยโดยมากมันจะ
00:07:07 → 00:07:11 ต้องนอนโรงพยาบาลเนาะรักษาด้วยการฉีกยา
00:07:11 → 00:07:14 ฆ่าเชื้อเนาะเข้าทางเส้นเลือดดำนะคะคราว
00:07:14 → 00:07:16 นี้มันยังไม่มีเรื่องหูเลยเนาะคุณฟ้า
00:07:16 → 00:07:19 สงสัยมั้ยว่าเอมันจะไปที่หูยัง
00:07:19 → 00:07:22 ไงจะไปถึงหูได้ยังไงคะอาจารย์คใช่ค่ะคือ
00:07:22 → 00:07:25 คราวนี้น่ะต้องให้เรานึกภาพเนาะว่าหูกับ
00:07:25 → 00:07:28 สมองเนี่ยมันติดกันใช่มั้ยคะหลักๆตัว
00:07:28 → 00:07:30 เชื้อเนี่ยมันมันมักจะไปทำให้เกิดเยืหุ้ม
00:07:31 → 00:07:35 สมองอสีนะตัวน้ำที่อยู่ในสมองเนี่ยกับน้ำ
00:07:35 → 00:07:38 ที่อยู่ในหูชั้นในเนี่ยมันมีการเชื่อมต่อ
00:07:38 → 00:07:42 กันอยู่แล้วเนาะคราวนี้เนี่ยด้วยกลไกการ
00:07:42 → 00:07:44 รับเสียของร่างกายเนี่ยหูชั้นในหรือเส้น
00:07:44 → 00:07:46 ประสาหูของเราเนี่ยมันถือว่าเป็นเหมือน
00:07:46 → 00:07:49 เซ็นเซอร์รับเสียงค่ะเมื่อมีเยื่อมสมอง
00:07:49 → 00:07:52 อักเสบแล้วเนี่ยบางทีเนี่ยตัวเชื้อมันลาม
00:07:52 → 00:07:55 เข้าไปในน้ำในหูชั้นในก็จะเกิดการอักเสบ
00:07:55 → 00:07:59 ในหูชั้นในเกิดขึ้นนะคะจริงๆเนี่ยด้วยตัว
00:07:59 → 00:08:02 หูชั้นในของเราเนี่ยอ่าโดยปกติมันจะทำ
00:08:02 → 00:08:06 หน้าที่ 2 อย่างเนาะก็คือ 1 รับฟังเสียง 2
00:08:06 → 00:08:09 คือควบคุมการทรงตัวเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
00:08:09 → 00:08:11 ด้วยเอฟเฟคของตัวโรคเนี่ยเมื่อไหร่ก็ตาม
00:08:11 → 00:08:14 ที่มีการติดเชื้อในหูชั้นในปุ๊บเนี่ยมัน
00:08:14 → 00:08:17 ก็จะทำให้มีทั้งการสูญเสียการได้ยินร่วม
00:08:17 → 00:08:20 กับการทรงตัวที่อาจจะมีปัญหาในระยะยาวได้
00:08:20 → 00:08:23 ค่ะโอเคค่ะอาจารย์ขาแล้วแบบนี้ผู้ฟังหลาย
00:08:23 → 00:08:25 ท่านก็บอกว่าสบายใจได้ไม่ค่อยทานหมูดิบ
00:08:25 → 00:08:28 แต่ว่าทานอย่างอื่นดิบอยากจะเป็นอาหาร
00:08:28 → 00:08:30 ทะเลหรือเนื้อหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:08:30 → 00:08:33 อาจารย์ขามีรายงานเกี่ยวกับเรื่องของตัว
00:08:33 → 00:08:36 เชื้อตัวนี้ในสัตว์อื่นๆมคะค่ะจริงๆด้วย
00:08:36 → 00:08:40 ตัวเชื้อตัวนี้เนาะหลักๆก็จะพบในหมูนะคะ
00:08:40 → 00:08:43 ส่วนในสัตว์อื่นที่เป็นสัตว์ที่เรายังไม่
00:08:43 → 00:08:46 ได้อ่าไม่ได้ปรุงสุกด้วยเนื้อของเขาด้วย
00:08:46 → 00:08:49 ความร้อนเนี่ยก็ยังไม่ได้มีรายงานชัดเจน
00:08:49 → 00:08:51 แต่ว่าหมอก็คุยให้ฟังอย่างนี้เนาะว่าโดย
00:08:51 → 00:08:54 ปกติแล้วออาหารที่ยังไม่สุกเนี่ยค่ะมันก็
00:08:54 → 00:08:56 อาจจะมีเชื้ออื่นๆที่ไม่ใช่เชื้อตัวเนี้ย
00:08:56 → 00:09:00 แสงได้นะคะเช่นอ่าพวกพยาธ
00:09:00 → 00:09:02 ก็จะเจอได้เงี้ค่ะเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:09:02 → 00:09:04 อะไรก็ตามถ้าเน้นว่าปรุงสุกด้วยความร้อน
00:09:04 → 00:09:07 ก็น่าจะดีที่สุดค่ะค่ะถึงไม่ได้เจ็บให้
00:09:07 → 00:09:10 ได้ป่วยจากโรคให้หูดับก็มีโอกาสเป็น
00:09:10 → 00:09:14 เกี่ยวกับพยาธได้เพราะว่าเชอ่นเชื้อตัว
00:09:14 → 00:09:16 อื่นได้หรือว่าบางคนท้องเสียในช่วงที่
00:09:17 → 00:09:20 สภาพอากาศบ้านเราอบอ้าวร้อนอย่างงี้ใช่ม
00:09:20 → 00:09:22 คะอาหารที่ไม่สุกอย่างเงี้ก็อันตรายได้
00:09:22 → 00:09:25 เช่นกันนะคะใช่ค่ะแบบนี้ใครบ้าง่ะคะ
00:09:25 → 00:09:28 อาจารย์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงค่ะหรือว่าเมนู
00:09:28 → 00:09:32 เสี่ยงที่หมอมักจะพบเจอว่าอมากับเชื้อตัว
00:09:32 → 00:09:35 นี้ค่ะอ่าโอเคค่ะสำหรับกลุ่มเสี่ยงเนาะ
00:09:35 → 00:09:40 คือต้องบอกว่าทุกคนที่กินหมูดิบเนาะก็ถือ
00:09:40 → 00:09:42 ว่ามีความเสี่ยงทั้งหมดเพียงแต่ว่าที่จะ
00:09:42 → 00:09:44 ได้รับเชื้อตัวนี้ความเสี่ยงที่จะได้รับ
00:09:44 → 00:09:46 เชื้อตัวนี้เพียงแต่ว่าบางคนได้รับเชื้อ
00:09:46 → 00:09:49 แล้วจะแสดงอาการออกมากน้อยเนี่ยอาจจะไม่
00:09:49 → 00:09:53 เท่ากันเนาะในคนที่มีโอกาสที่จะแสดงอาการ
00:09:53 → 00:09:56 เยอะๆเนาะคือป่วยหนักอ่ะนะพูดง่ายๆก็คือ
00:09:56 → 00:09:59 กลุ่มที่ภูมิต้านทานไม่ค่อยดีนะคะเช่นอ่ะ
00:09:59 → 00:10:02 ขนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานเนาะหรือว่าคนที่
00:10:02 → 00:10:05 เป็นโรคอ้วนนะคะหรือว่าคนที่เป็นโรคตับนะ
00:10:05 → 00:10:08 คะเนาะหรือว่าในคนที่ดื่มสุราเรื้อรัง
00:10:08 → 00:10:12 เนาะรวมถึงคนที่ผู้สูงอายุเนาะก็คือคแก่
00:10:12 → 00:10:15 นะคะเนาะค่ะก็คืออยู่ในกลุ่มเสียบจารก็
00:10:15 → 00:10:17 แข็งแรงใช่ค่ะใช่ค่ะสำหรับเมนูเสี่ยงเนาะ
00:10:17 → 00:10:20 เมนูเสี่ยงอตอนนี้ฟังเริ่มแบบตั้งไปฟัง
00:10:20 → 00:10:24 แล้วนะค่ะเมนูเสี่ยงเนี่ยก็เมนูอะไรก็ตาม
00:10:24 → 00:10:28 ที่อ่าปรุงขึ้นมาจากหมูดิบเนาะหมูดิบก็
00:10:28 → 00:10:30 คือหมูที่ที่ไม่ให้ผ่านการปรุงสุกด้วย
00:10:30 → 00:10:33 ความร้อนนะคะไม่ว่าจะเป็นลาบหมูดิบเนาะ
00:10:33 → 00:10:36 ซึ่งเป็นที่นิยมนะคะในในภาคเหนือของเรานะ
00:10:36 → 00:10:39 คะเนาะอ่าคราวนี้ถ้ามีคนถามว่าเอ๊ะลาบวัว
00:10:39 → 00:10:41 ลาบควายดิบล่ะใช่มั้ยเมื่อกี้เราบอกว่า
00:10:41 → 00:10:44 มันไม่น่าจะมีเชื้อตัวนี้ใช่มั้ยแต่ว่า
00:10:44 → 00:10:46 อย่าลืมว่าบางทีเนี่ยเขาจะใส่เลือดหมูลง
00:10:46 → 00:10:49 ไปด้วยใช่มั้ยเนาะเพราะฉนั้นเนี่ยรวมใช่
00:10:49 → 00:10:51 เพราะฉะนั้นเนี่ยวัตถุดิบอะไรก็ตามที่มา
00:10:51 → 00:10:53 จากหมูและไม่ผ่านการปรุงสุบด้วยความร้อน
00:10:53 → 00:10:55 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นตัวเนื้อเองตัวเลือด
00:10:55 → 00:10:58 หรือว่าตัวเครื่องในเนาะเราก็ต้องระวังใน
00:10:58 → 00:11:01 จุดนี้ด้วยใช่มคะเนาะหรือว่าออย่างเลือดเ
00:11:01 → 00:11:03 บางทีเรากินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเงี้ยเนาะเรา
00:11:03 → 00:11:06 ก็ผ่านความร้อนที่เร็วไปนิดนึงอ่ะอันนี้
00:11:06 → 00:11:08 ก็อาจจะเป็นความเสี่ยงเล็กๆน้อยๆที่เจอ
00:11:08 → 00:11:10 ได้อันนี้เป็นเรื่องของการรับประทานเข้า
00:11:10 → 00:11:13 ไปโดยตรงเนาะอีกอันนึงก็จะเป็นเรื่องของ
00:11:13 → 00:11:16 อ่าการปนเปื้อนนะคะอย่ามาทิคุณฟ้าก็ได้
00:11:16 → 00:11:18 เกินไปเบื้องต้นแล้วว่าเอ๊ะเรากินหมู
00:11:18 → 00:11:21 กระทะอะไรใช่มั้ยจริงๆอ่ะหมูกระทะคิดว่า
00:11:21 → 00:11:24 เราทุกคนส่วนมากก็จะตั้งใจปิ้งให้มันสุก
00:11:24 → 00:11:28 ค่ะใช่มแต่ว่าบางทีเนี่ยเราก็เผลอเนาะใช้
00:11:28 → 00:11:31 ตะเกียบที่คีบหมูดิบเนี่ยไปปิ้งเสร็จแล้ว
00:11:31 → 00:11:34 ปุ๊บเอาตะเกียบเดิมที่คีบหมูดิบเนี่ยมา
00:11:34 → 00:11:38 คีบหมูที่สุกแล้วเนี่ยเข้าใช่ใช่กินเข้า
00:11:38 → 00:11:40 ไปเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้ก็จะเป็นการเกิด
00:11:40 → 00:11:43 จากการปนเปื้อนมันก็มีโอกาสทำให้เราเป็น
00:11:43 → 00:11:46 ไข้หูดับได้เช่นว่าจะปนเปื้อนไม่มากมี
00:11:46 → 00:11:48 โอกาสเพราะว่าอันนี้ก็เจอข่าวอยู่เรื่อยๆ
00:11:48 → 00:11:50 เหมือนกันค่ะมีข่าวอยู่เรื่อยๆเหมือนกัน
00:11:50 → 00:11:52 ว่าจากอู่กระทะเพราะฉะนั้นวัยรุ่นก็มี
00:11:52 → 00:11:54 โอกาสใกล้ชิดกับโรคไขหมูดอกได้เช่นกัน
00:11:55 → 00:11:58 เช่นกันค่ะถึงว่าต้องมีการมัดระวังชวนกัน
00:11:58 → 00:12:01 ไปสั่งสารกินหมูกระทะก็ต้องแยกใช่แยก
00:12:01 → 00:12:04 ตะเกียบนะหรือว่าเป็นมีที่คีบอะไรที่
00:12:04 → 00:12:06 สำหรับของดิบไปเลยอย่างเงี้ยอันนี้ก็จะ
00:12:06 → 00:12:09 ปลอดภัยนิดนึงเพราะว่าเดี๋ยวเสริมนิดนึง
00:12:09 → 00:12:12 เนาะว่าอ่าเวลาเราติดเชื้อตัวนี้ปุ๊บ
00:12:12 → 00:12:15 เนี่ยโอกาสที่หูจะดับเนี่ยก็คือมีการสูน
00:12:15 → 00:12:17 เสียการได้ยินเนี่ยประมาณครึ่งนึงเลยนะ
00:12:17 → 00:12:20 50% เนาะแล้วพอเสียการได้ยินปุ๊บเนี่ยมี
00:12:20 → 00:12:25 แค่ 1 ใน 3 ที่ฟื้นกลับมาได้อ่าเพราะ
00:12:25 → 00:12:27 ฉะนั้นเนี่ยมีโอกาสสูญเสียการได้ยินถาวร
00:12:27 → 00:12:30 ตั้ง 2 ใน 3 ถ้าเราได้เสียการได้ยินไป
00:12:30 → 00:12:34 แล้วไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะคะอารขาเพราะ
00:12:34 → 00:12:37 ว่าจากการกินความชอบความสนุกที่เรารับ
00:12:37 → 00:12:39 ประทานอาหารด้วยกันอย่างเงี้ยค่ะกลายเป็น
00:12:39 → 00:12:42 ว่าต้องสูญเสียการได้ยินแต่ถ้าสูญเสียการ
00:12:42 → 00:12:44 ได้ยินแล้วเป็นเรื่องใหญ่ในการดำรงชีวิต
00:12:44 → 00:12:48 แล้วเรใหแล้วก็ความที่จะกลับมาเป็นปกติ
00:12:48 → 00:12:50 100% เหมือนตอนแรกอ๋อค่อนข้างยากเพราะ
00:12:50 → 00:12:53 ว่าเชื้อตัวนี้เวลาทำให้เสียการได้ยิน
00:12:53 → 00:12:56 ปุ๊บส่วนมากจะเสียค่อนข้างรุนแรงเนาะบาง
00:12:56 → 00:12:58 คนอาจจะคิดว่าเอ๊ะเราเสียการได้ยินเราใช้
00:12:58 → 00:13:01 เครื่องไฟฟังได้มใช่มยแต่ว่าจริงๆเลยถ้า
00:13:01 → 00:13:03 การเสียการได้ยินในที่เยมันเสียตรง
00:13:03 → 00:13:06 เซ็นเซอร์รับเสียงนะเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:13:06 → 00:13:08 ใส่เครื่องช่วยฟังเหมือนเราเปิดลำโพงเข้า
00:13:08 → 00:13:11 หูเนาะบางทีเซ็นเซอร์เราเหลือทำงานน้อยละ
00:13:11 → 00:13:14 เราใส่เครื่องชฟังเปิดลำโพงเท่าไหร่เงี้ย
00:13:14 → 00:13:17 การได้ยินมันก็จะไม่ดีเท่าเดิมเนาะอาจจะ
00:13:17 → 00:13:20 มีวิธีอื่นที่ช่วยฟื้นฟูการได้ยินเช่นการ
00:13:20 → 00:13:23 ผ่าตัดประสาทหูเทียมนะแต่ต้องบอกว่าไม่
00:13:23 → 00:13:27 ง่ายไม่ง่ายใช่เพราะว่าการทำประสาหูเทียม
00:13:27 → 00:13:29 เนี่ยก็คือว่าเราใส่อุปกร์ปาหูเทียม
00:13:29 → 00:13:31 เตรียมเข้าไปในหูชั้นในแต่โดยมากเนี่ยหู
00:13:31 → 00:13:34 ชั้นในของคนที่เป็นไข้หูดับเนี่ยมักจะมี
00:13:34 → 00:13:37 พังผืดเยอะโออ่าเพราะฉะนั้นเวลาใส่ก็ไม่
00:13:37 → 00:13:40 ง่ายใส่อาจจะใส่ได้ไม่ครบทั้งหมดเนาะถึง
00:13:40 → 00:13:43 ใส่ครบได้ทั้งหมดเนี่ยอ่ะฟังก์ชันการทำ
00:13:43 → 00:13:44 งานเนี่ยการได้ยินมันก็จะไม่ได้เหมือน
00:13:45 → 00:13:47 เดิมค่ะเพราะฉะนั้นฟังเรื่องการรักษาแล้ว
00:13:47 → 00:13:51 ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นค่ะเรามาเริ่มที่
00:13:51 → 00:13:54 การป้องกันกันดีกว่าค่ะผู้ฟังหลายท่านที่
00:13:54 → 00:13:57 กำลังจะฉลองกำลังจะเตรียมเมนูนะคะเราก็จะ
00:13:57 → 00:14:00 ได้ไอ้ตำหนักย้ำกันอีกครั้งนึงว่าอะไรที่
00:14:00 → 00:14:02 เราควรระมัดระวังมารับประทานร่วมกันหรือ
00:14:02 → 00:14:06 ว่าจะใช้อุปกรณ์อะไรที่แยกกันให้ชัดเจน
00:14:06 → 00:14:08 การป้องกันแบบไหนที่ดีที่สุดบ้างคะ
00:14:08 → 00:14:12 อาจารย์โอเคค่ะเราจะขอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
00:14:12 → 00:14:14 ด้วยกันเนาะกลุ่มแรกก็คือผู้บริโภคก็คือ
00:14:14 → 00:14:16 ผู้รับประทานเนื้อหมูก่อนเพราะว่าน่าจะ
00:14:16 → 00:14:21 เป็นอ่าเป็นเป็นคนส่วนใหญ่นะคะคราวนี้ใน
00:14:21 → 00:14:23 แง่ของการรับประทานเนื้อหมูเนี่ยก็เริ่ม
00:14:23 → 00:14:25 ตั้งแต่การเลือกซื้อเลยใช่มั้ยเราต้อง
00:14:25 → 00:14:27 เริ่มจากการเลือกซื้อก่อนนะถ้าบังเอิญ
00:14:27 → 00:14:29 เป็นผู้ปรุงเองใช่มั้ยเวลาเลือกซื้อเนี่ย
00:14:30 → 00:14:32 ก็เลือกควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่
00:14:32 → 00:14:34 น่าเชื่อถือเนาะอาจจะสังเกตว่าหมูเนี่ย
00:14:34 → 00:14:37 ไม่ได้มีกลิ่นคาวไม่มีสีคำอะไรนะคะหรือ
00:14:38 → 00:14:40 ว่าดูราคาแล้วไม่ได้ถูกเกินจริงเนะมีการ
00:14:40 → 00:14:44 รับรองมาตรฐานจากอ่าฟาร์มที่เลี้ยงถ้า
00:14:44 → 00:14:46 เป็นถ้าเป็นไปได้เนาะอาจจะดูในจุดนี้นิด
00:14:46 → 00:14:49 นึงนะคะเนาะเวลาเลือกซื้อมาถ้าก่อนจะนำไป
00:14:49 → 00:14:53 ปรุงก็คือล้างให้สะอาดค่ะก่อนเนาะคราวนี้
00:14:53 → 00:14:56 ในแง่ของการปรุงอาหารเนาะก็เน้นอย่างเดิม
00:14:56 → 00:14:59 ว่าต้องปรุงให้สุกด้วยความร้อนแต่คราวเ
00:14:59 → 00:15:02 ร้อนเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอร้อนเท่าไหร่จะเ
00:15:02 → 00:15:06 ตอนนี้ถึงจะตายใชค่ะจริงๆเท่าที่ลองดู
00:15:06 → 00:15:09 เนาะทางกรมควบคุมโรคนะคะเขาก็ออกแนวทาง
00:15:09 → 00:15:13 การป้องกันควบคุมโรคสตปซิเนี่ยเนาะซึ่ง
00:15:13 → 00:15:16 ออกมาในปี 2565 ถ้าผู้ฟังท่านใดสนใจก็
00:15:16 → 00:15:18 สามารถไปเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตดาวน์โหลดมา
00:15:18 → 00:15:22 ดูได้นะคะเขาก็ระบุไว้ว่าให้ปรุงให้สุก
00:15:22 → 00:15:24 ด้วยความร้อนเนาะความร้อนเนี่ก็คือตั้ง
00:15:24 → 00:15:28 แต่ 70 องเซซขึ้นไปออ่าระยะเวลานานเท่า
00:15:28 → 00:15:32 ไหร่ก็คือตั้งแต่ 2 นาทีขึ้นไป 2 นาทีถ้า
00:15:32 → 00:15:36 เรากินชาบูเราก็ต้องแช่นต้า 2 นาทีเรารอ
00:15:36 → 00:15:39 กันไหวมเนี่ยคราวนี้คราวนี้คราวนี้ทดไว้
00:15:39 → 00:15:43 นิดนึงว่าอย่างเวลาบางทีถ้าหมูเนื้อหมู
00:15:43 → 00:15:47 ชิ้นหนาและชิ้นใหญ่เนาะบางที 2 นาทีไม่
00:15:47 → 00:15:50 แน่ใจว่าจะเพียงพอมั้ยใช่มั้ยอ่าเราอาจจะ
00:15:50 → 00:15:53 ต้องมีวิธีสังเกตเนาะว่าเวลาเราปรุงอาหาร
00:15:53 → 00:15:56 เสร็จแล้วเนี่ยก็คือเราต้องดูว่าตัวเนื้อ
00:15:56 → 00:15:59 ของเขาข้างในนะค่ะมันไม่ได้มีลักษณะเป็น
00:15:59 → 00:16:02 เลือดนะใช่ต้องมีไม่มีสีแดงๆของเลือดอัน
00:16:02 → 00:16:05 นี้ก็จะปลอดภัยที่สุดนะคะอันนี้ในแง่ของ
00:16:05 → 00:16:08 ผู้บริโภคเนาะทั้งการเลือกซื้อแล้วก็การ
00:16:08 → 00:16:12 ปรุงเนาะคราวนี้อ่าถ้าสมมุติมีคนถามว่า
00:16:12 → 00:16:16 เอ๊ะเราสามารถอ่าใช้พวกเครื่องเทศเนาะ
00:16:16 → 00:16:20 อย่างมะนาวเครื่องเทศอื่นๆบีบไปแล้วหมู
00:16:20 → 00:16:23 มันก็มีสีซีดขาวไม่มีสีเลือดละอันนี้ใช้
00:16:23 → 00:16:26 ทดแทนกันได้มยเนี่ยเนาะได้มค่ะอ่าเราก็
00:16:26 → 00:16:28 เน้นย้ำคำเดิมนะเพราะว่าต้องรุงสุขด้วย
00:16:28 → 00:16:31 ความร้อนเท่านั้นเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยใช่
00:16:31 → 00:16:33 พวกเครื่องเทศหรือว่ามะนาวอะไรเงี้ก็ไม่
00:16:33 → 00:16:36 ได้ทำให้เชื้อโรคตายเนาะอ่าการเอาไปแช่ใน
00:16:36 → 00:16:39 ตู้เย็นอะไรงก็ไม่ได้ทำให้เชื้อโรคตาย
00:16:39 → 00:16:41 เช่นเดียวกันนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้
00:16:41 → 00:16:45 ก็เน้นว่าปรุงสุกด้วยความร้อนเท่านั้นนะ
00:16:45 → 00:16:47 ใช่ค่ะอันนี้เป็นผู้บริโภคเนาะถ้าในฐานะ
00:16:47 → 00:16:51 ที่เป็นผู้ขายเนื้อเนาะหรือว่าผู้ที่
00:16:51 → 00:16:53 เลี้ยงหมูอะไรเงี้ยค่ะอาจจะต้องดูแลตัว
00:16:53 → 00:16:56 เองนิดนึงว่าถ้าเรามีบาดแผลเนาะต้องเน้น
00:16:56 → 00:17:00 การปิดแผลให้ดีอืคะเพราะว่าเชื้อพวกเนี้ย
00:17:00 → 00:17:01 ถ้าบังเอิญว่าหมูตรงนั้นมีเชื้อพอดีเนี่ย
00:17:02 → 00:17:04 มันก็จะเข้าสู่บาดแผลของเราได้ค่ะก็เนน
00:17:04 → 00:17:07 เป็นการดูแลตัวเองในจุดนี้หรือว่าถ้า
00:17:07 → 00:17:09 บังเอิญเราทำไงกับหมูอยู่ก็อย่าเพิ่งเอา
00:17:09 → 00:17:11 มือไปขยี้ตาอะไรอย่าเงี้เนาบางทีเราอาจจะ
00:17:11 → 00:17:15 ติดใช่ๆเข้าตามเยื่อบุต่างๆของร่างกายใช่
00:17:15 → 00:17:18 มั้ยคะอาจารย์ถูกค่ะเรารู้สึกว่ามันใกล้
00:17:18 → 00:17:21 ตัวเรามากเลยนะคะตอนแรกคิดว่าก็เป็นเมนู
00:17:21 → 00:17:25 ที่อ่าบางบางกลุ่มบางคนชอบแหละอย่างลาบ
00:17:25 → 00:17:30 ดิบอ่าูู่่ใช่มั้ยคะพมีชาบูหมูกระทะเริ่ม
00:17:30 → 00:17:32 รู้สึกว่าใกล้ตัวเราแล้ว
00:17:32 → 00:17:36 นะก็การป้องกันคือดีที่สุดค่ะสำหรับช่วง
00:17:36 → 00:17:39 เทศกาลแบบนี้หลายคนก็กำลังหาเมนูว่าจะทาน
00:17:39 → 00:17:42 อะไรกันดีมาฟังพแคสก็จะได้ระมัดระวังตัว
00:17:42 → 00:17:46 เองค่ะรวมถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หมูแต่ว่าเป็น
00:17:46 → 00:17:48 สัตว์ประเภทอื่นดิบก็ต้องระมัดระวังใน
00:17:48 → 00:17:52 เรื่องของอาจจะมีเชื้อตัวอื่นๆก่อโรกได้
00:17:52 → 00:17:55 เช่นกันค่ะค่ะก็เป็นช่วงสุดท้ายของรายการ
00:17:55 → 00:17:57 ค่ะอยากให้อาจารย์ย้ำเตือนถึงผู้ฟัง
00:17:57 → 00:18:00 เกี่ยวกับเรื่องโรคใหูดับค่ะว่าไม่ใช่
00:18:00 → 00:18:02 เรื่องเล็กๆเลยค่ะอ่าได้เลยค่ะก็คิดว่า
00:18:02 → 00:18:05 ตัวพคนี้น่าจะออกช่วงประมาณปีใหม่ไทยของ
00:18:05 → 00:18:08 เราพอดีช่วงสงานะคะก็ก่อนอื่นก็ขออนุญาต
00:18:08 → 00:18:11 สวัสดีปีใหม่ไทยทุกท่านนะคะแล้วก็คิดว่า
00:18:11 → 00:18:14 ช่วงปีใหม่ไทยเนี่ยก็น่าจะมีการเฉลิมฉลอง
00:18:14 → 00:18:17 เนาะอาจจะมีเมนูต่างๆอะไรเงี้ยค่ะก็แนะนำ
00:18:17 → 00:18:21 ว่าเน้นเป็นเมนูถ้าจะใช้เมนูหมูเนาะอย่าง
00:18:21 → 00:18:24 เช่นทำลาบเงี้ยค่ะก็อาจจะเป็นราบขั้วมั้ย
00:18:24 → 00:18:27 อ่าปลอดภัยกับสุขภาพร่างกายของเราด้วย
00:18:27 → 00:18:30 เนาะหรือถ้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นสังสารกันจ
00:18:30 → 00:18:33 หมูกระทะกันช่วงที่เป็นหยุดยาวปีใหม่ไทย
00:18:33 → 00:18:36 อ่ะค่ะก็อาจจะต้องดูนิดนึงว่าตะเกียบที่
00:18:36 → 00:18:39 เราเอาไปคีบหมูดิบน่ะไม่ได้ปนเปื้อนมาคีบ
00:18:39 → 00:18:41 หมูสุก่ะเอาเข้าปากของเรานะเพราะว่าอัน
00:18:41 → 00:18:45 นี้ก็จะเป็นความเสี่ยงอันนึงนะคะก็ขอให้
00:18:45 → 00:18:48 ทุกท่านอ่าช่วยกันดูแลในจุดนี้นะคะเพื่อ
00:18:48 → 00:18:51 จะได้อ่าอ่าเฉลิมฉลองปีใหม่ของเราเนาะได้
00:18:51 → 00:18:54 อย่างปลอดภัยด้วยแล้วก็มีความสุขสดชื่น
00:18:54 → 00:18:56 ใช่เป็นทศการแห่งความสุขก็อยากให้ทุกคนมี
00:18:56 → 00:18:59 สุขภาพที่แข็งแรงนะคะต้องขอบพระคุณ
00:18:59 → 00:19:02 อาจารย์มากๆเลยค่ะที่มาพูดคุยย้ำเตือนกับ
00:19:02 → 00:19:05 พวกเราในทุกๆปีนะคะก็เหมือนได้รับความรู้
00:19:06 → 00:19:08 ใหม่ๆตลอดเลยค่ะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง
00:19:08 → 00:19:12 ที่เราควรจะใส่ใจแล้วก็มองข้ามไม่ได้จริง
00:19:12 → 00:19:15 ๆค่ะต้องขอบพระคุณมากๆเลยค่ะขอบคุณมากนะ
00:19:15 → 00:19:18 คะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:19:18 → 00:19:27 ค่ะ for เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:19:27 → 00:19:31 เราอ