00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice คนที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
00:00:08 → 00:00:10 ลำไส้ใหญ่นะครับก็คือเรื่องของอายุยิ่ง
00:00:10 → 00:00:12 อายุที่มากกว่า 50 ปีขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ย
00:00:12 → 00:00:15 คือพีคเลยเรื่องของกรพันธ์นะครับยิ่งยากิ
00:00:15 → 00:00:17 สายตรงเราเป็นเนี่ยยิ่งมีความเสี่ยงมาก
00:00:17 → 00:00:22 เลยใพ่อแม่พี่น้องหรือว่าลูกนะครับพระ
00:00:22 → 00:00:25 กรรมพันธ์นี่ชัดเจนเลยครับเรื่องของอาหาร
00:00:25 → 00:00:27 การกินเนาะเพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยสังเกตเลย
00:00:27 → 00:00:30 ว่าอาหารเป็นอาหารแปรรูปเป็นส่วนสใหญ่เนา
00:00:30 → 00:00:33 แล้วก็วิถีชีวิตต่างๆเนาะดื่มเหล้าสู
00:00:33 → 00:00:36 บุหรี่พวกนี้ก็จะเป็นปัจจัยเสียงที่ทำให้
00:00:36 → 00:00:38 เกิดโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้และอีกอย่าง
00:00:39 → 00:00:42 เลยคือภาวะโรคอ้วนโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:00:42 → 00:00:45 เนี่ยเป็นโรคของคนมีอันจะ
00:00:45 → 00:00:49 กินฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 This Is tha PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:56 → 00:00:59 คุณผู้ฟังวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง
00:00:59 → 00:01:02 เรื่องของของมะเร็งลำไส้ใหญ่นะคะรู้ทัน
00:01:02 → 00:01:04 ยังป้องกันได้นะแต่รายละเอียดเรื่องต่างๆ
00:01:05 → 00:01:06 เหล่านี้นะคะเดี๋ยววันนี้เราจะพูดคุยกับ
00:01:06 → 00:01:10 นายแพทย์กริตพาตกฤตพัฒนพงษ์นายแพทย์ชำนาญ
00:01:10 → 00:01:13 การศัลยกรรมอนุสาขาผ่าตัดส่องกล้องโรง
00:01:13 → 00:01:16 พยาบาลสมเด็จพระยุพราชปวดจังหวัดน่านค่ะ
00:01:16 → 00:01:20 สวัสดีค่ะคุณหมอคะครับสวัสดีครับค่ะวัน
00:01:20 → 00:01:22 นี้เรามาพูดคุยกันถึงเรื่องของมะเร็งลำ
00:01:22 → 00:01:24 ไส้ใหญ่กันหน่อยนะคะคุณหมอคะก็เป็นอีก
00:01:24 → 00:01:27 เรื่องนึงที่ต้องบอกว่าคนใกล้ตัวที่รู้
00:01:27 → 00:01:30 จักเนี่ยค่ะเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:01:30 → 00:01:33 มา 2 คนแล้วค่ะคุณหมอนะคะแต่ว่าอืในราย
00:01:33 → 00:01:36 ละเอียดหรือข้อมูลชุดความรู้ว่าเอ๊ะทำไมเ
00:01:36 → 00:01:38 ถึงเป็นหรือมันทำไมยังไงบ้างเนี่ยยังไม่
00:01:39 → 00:01:41 ได้เป็นชุดข้อมูลความรู้เลยก็เลยวันนี้
00:01:41 → 00:01:43 เดี๋ยวจะได้พูดคุยกับคุณหมอแล้วก็ได้เป็น
00:01:43 → 00:01:45 เอ่อสิ่งที่เป็นข้อมูลให้กับคุณผู้ฟัง
00:01:45 → 00:01:48 ด้วยนะคะก่อนอื่นเลยค่ะคุณหมอคะคงต้องให้
00:01:48 → 00:01:51 คุณหมอได้อธิบายถึงเรื่องของหน้าที่ของลำ
00:01:51 → 00:01:54 ไส้ใหญ่เค้าทำหน้าที่อะไรอ่าอะไรที่จะ
00:01:54 → 00:01:56 เกิดกับลำไส้ใหญ่ได้บ้างที่เกี่ยวกับ
00:01:56 → 00:01:59 เรื่องของเอ่อการเกิดโรคอะไรต่างๆเหล่า
00:01:59 → 00:02:01 นี้ค่ะให้คุณหมอได้ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
00:02:01 → 00:02:03 เรื่องของบรรเลงลำไส้ใหญ่นะครับเราต้องมา
00:02:03 → 00:02:05 คุยกันถึงเรื่องเรื่องลำไส้ใหญ่กันก่อน
00:02:05 → 00:02:08 แต่ก่อนที่จะไปนะครับเราขออภัยเพนที่กิน
00:02:08 → 00:02:11 ข้าวไว้ก่อนเลยว่าเพราะว่าวันนี้เราจะคุย
00:02:11 → 00:02:13 กันเรื่องลำไส้ใหญ่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้
00:02:13 → 00:02:16 จริงๆที่เราจะคุยกันถึงเรื่องของอาหาร
00:02:16 → 00:02:19 เก่าหรือว่าของเสียกากอาหารเนาะผมจะขอ
00:02:19 → 00:02:22 เรียกแทนสิ่งนว่าน้องก้อนแล้วกันฟังดูดี
00:02:22 → 00:02:25 ขึ้นมั้ยอก็คือเดี๋ยวนะคือก้อนอุจาระนั่น
00:02:25 → 00:02:27 แหละนะคอันนี้บอกไว้ก่อนคุณผู้ฟังใช่ครับ
00:02:27 → 00:02:30 ผมใช่ๆจะขอเรียกว่าน้องก้อนแล้วกันเพื่อ
00:02:30 → 00:02:34 ทำให้การฟังมันรื่นหูขึ้นเนาะอค่ะอือฮึ
00:02:34 → 00:02:36 โอเคครับเรื่องของลำไส้ใหญ่เนี่ยครับหรือ
00:02:36 → 00:02:39 ภาษาอังกฤษเนี่ยอ่าเดี๋ยวก่อนที่จะไปฟัง
00:02:39 → 00:02:42 นะเรามาลองแบบฟันแฟกคร่าวๆก่อนแล้วกันนะ
00:02:42 → 00:02:44 ครับลำไส้ใหญ่หรือโคลอนเนี่ยคุณรีว่ามัน
00:02:44 → 00:02:46 เกี่ยวข้องอะไรกับเครื่องหมายโคลอนหรือ
00:02:46 → 00:02:50 เซมิโคลอน่ะเซมิโคลอนคือมันเป็นกลมๆขดๆ
00:02:50 → 00:02:53 อะไรอย่างงี้รือเปล่าไม่แน่ใจว่าเกี่ยว
00:02:53 → 00:02:55 กันวเคียงใกล้เคียงออ
00:02:55 → 00:02:58 เหรอโคลอนหรือเซมิโคลอนเปกติเราใช้
00:02:58 → 00:03:00 เครื่องหมายเหล่านี้ในการแบ่งไปประโยค
00:03:00 → 00:03:04 หรือแบ่งคถูกมั้ยครับอ๋อๆๆค่ะอ่าเใหญ่ของ
00:03:04 → 00:03:07 เราก็เหมือนกันไปดูจากภาพนะครับมันจะเห็น
00:03:07 → 00:03:09 ลักษณะเนี่ยมันจะเป็นกระเปาะเป็นช่วงๆเ
00:03:09 → 00:03:12 ครับอือมันเหมือนจะแบ่งเป็นกระเปาะเป็น
00:03:12 → 00:03:15 เป็นช่วงๆเป็นแนวๆของมันนะครับเนาะจะไม่
00:03:15 → 00:03:18 เหมือนกับลำไส้เล็กที่จะเรียบตรงนะครับอื
00:03:18 → 00:03:20 ซึ่งไอ้การที่มันเป็นกระเปาะเนี่ทำให้
00:03:20 → 00:03:22 น้องก้อนของเราเนี่ยมันเป็นก้อนๆเนาะไม่
00:03:22 → 00:03:26 เป็นทรงตรงยาวตรงเนี้ยมันจะทำให้อุจจาระ
00:03:26 → 00:03:29 ของเราเนี่ยมันออกมาลักษณะเป็นก้อนอ๋อนะ
00:03:29 → 00:03:34 ครับออเข้าใจแล้วมันไม่ได้แบบแบบจะยาวๆมา
00:03:34 → 00:03:37 แล้วมันไม่ได้แบบว่าจะหลุดออกมาหรือว่าจะ
00:03:37 → 00:03:39 แบบเป็นสเค้าเรียกอะไรอ่ะทำให้มันหลุดออก
00:03:39 → 00:03:43 มาเป็นช่วงๆได้เนาะเออใช่ใช่ครับมันเลยจะ
00:03:43 → 00:03:46 ออกมาเป็นก้อนๆนี่แหละครับครับทีนี้เราจะ
00:03:46 → 00:03:48 มาพูดเรื่องของตำแหน่งของลำไส้ใหญ่กันละ
00:03:48 → 00:03:50 นะครับลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ยมันต่อออกมา
00:03:50 → 00:03:53 จากลำไส้เล็กโดยจะเริ่มตำแหน่งของลำไส้
00:03:53 → 00:03:55 ใหญ่เนี่ยจากตำแหน่งขวาล่างของเราคือ
00:03:55 → 00:03:57 ตำแแหน่งของไส้ติ่งนั่นเองนะครับแล้วมัน
00:03:57 → 00:04:00 ก็จะอ้อมขึ้นมาเป็นตัวยหหคว่ำไปต่อกับลำ
00:04:00 → 00:04:03 ไส้ตรงโดยตำแหน่งของลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ย
00:04:03 → 00:04:06 ความยาวของมันนะครับอยู่ที่ประมาณ 1.5 -
00:04:06 → 00:04:10 1.8 เมตก็ประมาณความสูงของคน 1 คนนะครับ
00:04:10 → 00:04:13 ความยาวของลำไส้ใหญ่นะโอโดยลำไส้ใหญ่ด้าน
00:04:13 → 00:04:17 ขวาเนี่ยจะมีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วก็จะแคบลง
00:04:17 → 00:04:20 เรื่อยๆไปจนถึงด้านซ้ายนะครับโดยตรงเนี้ย
00:04:20 → 00:04:22 สำคัญให้ท่านผู้ฟังจำไว้ดีๆนะครับซึ่งเรา
00:04:22 → 00:04:25 จะไปพูดถึงเรื่องของอาการอีกทีนึงจำไว้
00:04:25 → 00:04:27 ว่าด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้ายเล็กกว่านะ
00:04:27 → 00:04:30 ครับอืค่ะอ่าหน้าที่ของไส้ใหญ่เนี่ยหน้า
00:04:31 → 00:04:33 ที่ของมันทำหน้าที่ในการดูดซึมน้ำและสาร
00:04:33 → 00:04:36 อาหารบางชนิดที่มาจากลำไส้เล็กเพราะว่า
00:04:36 → 00:04:38 อาหารที่มาจากลำไส้เล็กเนี่ยเป็นอาหารที่
00:04:38 → 00:04:41 ผ่านการย่อยละการดูดซึมละบางส่วนตอนที่
00:04:41 → 00:04:44 มันออกมาเนี่ยจะยังเป็นของเหลวข้นๆอยู่
00:04:44 → 00:04:46 ค่ะนะครับพอลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ยจะทำหน้า
00:04:46 → 00:04:49 ที่ในการดูดน้ำดูดสารอาหารบางส่วนเนี่ย
00:04:49 → 00:04:52 ออกไปเพื่อให้มันกลายเป็นลักษณะเป็นก้อน
00:04:52 → 00:04:55 แล้วเราก็ถ่ายออกมาอค่ะนะครับอือฮลำไส้
00:04:55 → 00:04:57 ใหญ่นี่ยังเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียอีก
00:04:57 → 00:05:00 กว่าแบบแสนล้านตัวเลยเนาะค่ะซึ่งพวกเนี้ย
00:05:00 → 00:05:03 จะมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยและการดูดซึม
00:05:03 → 00:05:08 สารอาหารบางชนิดนะครับโดยลำไส้ใหญ่ของเรา
00:05:08 → 00:05:11 เนี่ยอย่างที่หมอบอกไปนะว่านำหน้าที่ดูด
00:05:11 → 00:05:13 น้ำดูดเกือแร่เป็นหลักเนี่ยครับหน้าที่
00:05:13 → 00:05:16 หลักของมันจริงๆอเราจะแบ่งเป็น 2 ช่วงอีก
00:05:16 → 00:05:19 ละเนาะลำไส้ใหญ่ด้านขวาลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย
00:05:19 → 00:05:21 โดยด้านขวาเนี่ยทำหน้าที่ดูดน้ำดูดซึม
00:05:21 → 00:05:23 เกลือแรกเป็นหลักทุกเค้าอาหารครั้งสุด
00:05:23 → 00:05:26 ท้ายพอมันดูดซึมอะไรเรียบร้อยเสร็จปุ๊บ
00:05:26 → 00:05:28 ด้านซ้ายนี่แหละมีหน้าที่ในการพักกาก
00:05:28 → 00:05:33 อาหารเพื่อรอการักออกครับอือเห็นว่าหน้า
00:05:33 → 00:05:36 ที่มันค่อนข้างเยอะเนาะหลากหลายทีเดียว
00:05:36 → 00:05:40 เลยนะครับแล้วก็โรคของลำไส้ใหญ่เนี่ยมี
00:05:40 → 00:05:44 เยอะมากนะครับตั้งแต่การอักเสบเอยท้องผูก
00:05:44 → 00:05:47 ถ่ายยากอเลือดออกในลำไส้ใหญ่พวกนี้นะครับ
00:05:47 → 00:05:50 จนไปถึงเรื่องของมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราจะ
00:05:50 → 00:05:52 คุยกันในวันนี้นั่นเองอันนี้ถามเพิ่มเติม
00:05:52 → 00:05:56 คุณหมอคะเลยครับค่ะว่าทำไมลำไส้ใหญ่ด้าน
00:05:56 → 00:05:59 ขวามันถึงใหญ่กว่าด้านซ้ายอ่ะคะแหมมันก็
00:05:59 → 00:06:02 เป็นอย่าอย่างนั้นของมันนะครับหือกำลัง
00:06:02 → 00:06:04 โดยหน้าที่ของมันตนี้ดีกว่าเพราะว่าโดย
00:06:04 → 00:06:07 หน้าที่ของมันเนาะเอาว่าด้านขวาเนี่ยขนาด
00:06:07 → 00:06:10 ของมันจะใหญ่กว่าเพื่อเพราะว่าอาหารด้าน
00:06:10 → 00:06:12 อาหารที่มันออกมาเนี่ยมันยังเป็นเหลวๆ
00:06:12 → 00:06:15 อยู่ถูกมั้ยอมันจะต้องมีพื้นที่ในการที่
00:06:15 → 00:06:17 จะต้องดูดซึมน้ำดูดซึมอาหารแล้วก็ทำหน้า
00:06:17 → 00:06:20 ที่คลุกเคล้าพวกเนี้ยครับผมค่ะอออ่ามัน
00:06:21 → 00:06:23 เลยมันเลยมีหน้าที่ของมันน่ะที่ต้องแบบมี
00:06:23 → 00:06:26 พื้นที่ผิวในที่เยอะๆในการที่จะดูดซึมน้ำ
00:06:26 → 00:06:29 ดูดซึมสารอาหารเทียบกับด้านซ้ายที่ใช้มี
00:06:29 → 00:06:31 หน้าที่ในการพักกากอาหารเหล่าเนี้ยที่ดูด
00:06:31 → 00:06:34 ซึมอะไรเรียบร้อยต่างๆพักเพื่อรอการขับ
00:06:34 → 00:06:37 ถ่ายออกไปแค่เยครับอ๋อก็เลยอาจจะต้องต้อง
00:06:37 → 00:06:39 ใช้พื้นที่เยอะักนิดนึงเพราะว่ากินอาหาร
00:06:39 → 00:06:42 ไปแล้วถ้าเกิดไม่ดดูดซึมได้ดีสารอาหาร
00:06:42 → 00:06:45 ต่างๆเราก็คงจะแบบว่าอาจจะไม่ได้เติบโตมา
00:06:45 → 00:06:48 ได้เท่าไหร่อ่ะนะคะก็จะเป็นส่วนหนึ่งด้วย
00:06:48 → 00:06:51 นะคะทีนี้หลังจากที่คุณรีฟังแล้วเนี่ยคิด
00:06:51 → 00:06:54 ว่าคนเราเนี่ยสามารถอยู่ได้โดยไม่มีลำไส้
00:06:54 → 00:06:58 ใหญ่ได้มั้ยไม่น่าจะได้นะไม่น่าเพราะดูด
00:06:58 → 00:07:01 ซึมสารอาหารนะคือจากจากลำไส้เล็กอ่ะลำไส้
00:07:01 → 00:07:04 เล็กก็ว่ายาวแล้วนะลำไส้ใหญ่ยาวเหมือนกัน
00:07:04 → 00:07:07 ได้ระดับความสูงของคนเลยอ่ะอุ๊ยมันอยู่ใน
00:07:07 → 00:07:09 ท้องเราเนี่ยนะคะคุณหมอใช่ขดอยู่ข้างใน
00:07:09 → 00:07:12 เนี่ยครับแต่ว่าสาระน่ารู้จะบอกเลยว่าคน
00:07:12 → 00:07:14 เราเนี่ยสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่มี
00:07:14 → 00:07:17 ลำไส้ใหญ่ได้นะอ้าจริงดิเอ้ามันต้องดูด
00:07:17 → 00:07:20 ซึมอาหารนะเพราะว่าดูดซึมอาหารเนี่ยลำไส้
00:07:20 → 00:07:23 เล็กทำหน้าที่ของมันไปหมดละลำไส้ใหญ่
00:07:23 → 00:07:25 เนี่ยอ้าดูดแบบครั้งสุดท้ายอาจจะแบบไม่
00:07:25 → 00:07:27 เยอะเท่าไหร่แต่หน้าที่หลักในการดูดซืม
00:07:27 → 00:07:31 สารอาหารเลยคือลำไส้เล็กอาฮะเ้าแล้วถ้า
00:07:31 → 00:07:35 งั้นก็ไม่ต้องมีก็ได้เอามาทำไมจริงๆเนี่ย
00:07:35 → 00:07:37 จะบอกว่าไม่มีก็มีชีวิตอยู่ได้แต่ถามว่า
00:07:38 → 00:07:40 การที่เราจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากลำไส้
00:07:40 → 00:07:42 ใหญ่เนี่ยเราอาจจะต้องมีการปรับตัวอะไร
00:07:42 → 00:07:45 ต่างๆเรื่องของเราต้องกินน้ำเยอะขึ้นกิน
00:07:45 → 00:07:47 เจื้อแร่อะไรต่างๆเยอะขึ้นครับแต่ถามว่า
00:07:47 → 00:07:49 เราอยู่ได้โดยที่ไม่มีมันได้มั้ยอยู่ได้
00:07:49 → 00:07:52 แต่เราต้องกลับตัวเหมือนกันอ่านี่เป็น
00:07:52 → 00:07:54 สาระน่ารู้ที่อยากจะเพิ่มเติมให้ฟังนะ
00:07:54 → 00:07:57 ครับเออน่าสนใจมากเลยแต่ตอนที่คุณหมอบอก
00:07:57 → 00:08:00 ด้วยนะตอนต้นว่าเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์
00:08:00 → 00:08:04 โอ้โหกี่ชนิดนะคะหลายหลายชนิดเลยอ่ะแสน
00:08:04 → 00:08:07 ล้านตัวเลยแสนล้านตัวเลยใช่มั้ยคะเออน่ะ
00:08:07 → 00:08:09 จุลินทรีมันก็เป็นส่วนดีที่อยู่ในร่างกาย
00:08:09 → 00:08:12 ของเราใช่มั้ยคะใช่เลยครับผมอ่าเพราะ
00:08:12 → 00:08:16 ฉะนั้นมีเถอะมีไว้เถอะเค้าทำมาแล้วใช่ตอน
00:08:16 → 00:08:20 เนี้ยมีไว้มีไว้อ่ะเอาไว้เถอะแล้วก็ดูแล
00:08:20 → 00:08:23 มันดีๆครับอ่าออ่าทีนี้แสดงว่าการดูแล
00:08:23 → 00:08:26 เนี่ยก็จำเป็นเหมือนกันไม่ใช่ว่าคือเค้า
00:08:26 → 00:08:28 เรามีเค้าแล้วเคก็ทำหน้าที่ของเา้าไปแสดง
00:08:28 → 00:08:31 ว่าเราก็ต้องดูแลเด้วยในการดูแลเพื่อไม่
00:08:31 → 00:08:33 ให้เกิดโรคต่างๆไม่ให้เกิดลำไส้ใหญ่เกิด
00:08:33 → 00:08:36 การบาดเจ็บเอะไรอย่างเงี้ยที่แบบอะไรนะ
00:08:36 → 00:08:39 ไส้ตงไส้ติ่งเส้นเลือดออกในลำไส้ใหญ่หรือ
00:08:39 → 00:08:41 อะไรพวกเนี้ยค่ะมันมันเกิดจากอะไรได้บ้าง
00:08:41 → 00:08:44 คะมันถึงทำให้เกิดความเจ็บป่วยในลำไส้
00:08:44 → 00:08:46 ใหญ่ของเราได้อ่ะค่ะโอตั้งแต่เรื่องของ
00:08:46 → 00:08:49 การติดเชื้อเลยเนาะที่เจอกันบ่อยเลยนะ
00:08:49 → 00:08:51 ครับนะเรื่องของลำไส้อักเสบลำไส้ใหญ่ติด
00:08:52 → 00:08:54 เชื้อเนี่ยครับก็จะเจอได้บ่อยเช่นการกิน
00:08:54 → 00:08:57 อาหารที่ไม่สะอาดหรือว่ามีการใช้ยา
00:08:57 → 00:09:00 ปฏิชีวนะเป็นเระยะเวลานานอที่ทำให้เจ้า
00:09:00 → 00:09:04 จุลินทรีย์ที่มันเคยอาศอยู่ในลำไส้ใหญ่
00:09:04 → 00:09:07 ของเรามันตายไปเนาะพอเจ้าจุลินทรีย์ชนิด
00:09:07 → 00:09:09 ดีๆทั้งหลายที่มันตายไปเนี่ยมันเลยเกิด
00:09:09 → 00:09:11 จุลินทรีย์ชนิดที่มันไม่ดีทำให้ลำไส้ใหญ่
00:09:11 → 00:09:14 เกิดการติดเชื้อเกิดการอักเสบฉะนั้นอัน
00:09:14 → 00:09:17 นี้ก็คือผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
00:09:17 → 00:09:19 แบบไม่จำเป็นเนาะอันนี้ผมอยากแถมไว้ให้
00:09:19 → 00:09:23 ฟังนะครับแล้วก็โรคภัยอะไรต่างๆเช่น
00:09:23 → 00:09:26 เรื่องของท้องผูกเอยถ่ายยากเอยพวกนี้ก็
00:09:26 → 00:09:30 เกิดจากการกินอาหารที่กากใยน้อยกินน้ำ
00:09:30 → 00:09:33 น้อยเนี่ยครับค่ะเนาะพอพวกท้องผูกไถยากนะ
00:09:33 → 00:09:37 ครับอ่าเป็นบ่อยๆบ่อยๆเข้าก็จะมีผลข้าง
00:09:37 → 00:09:39 เคียงในอนาคตได้เหมือนกันเนาะเช่นท้องผูก
00:09:39 → 00:09:42 ถ้าเป็นบ่อยๆก็เกิดพวกฤิสีดวงหรือว่าเกิด
00:09:42 → 00:09:45 พวกลำไส้ใหญ่ผนังมันเริ่มบางเนาะเป็น
00:09:45 → 00:09:47 กระเปาะเป็นอะไรต่างๆออกมาทำให้เลือดออก
00:09:47 → 00:09:51 ได้ง่ายอืนะครับค่ะแล้วจนไปถึงเรื่องของ
00:09:51 → 00:09:53 มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราจะคุยกันต่อไปค่ะ
00:09:53 → 00:09:55 ทั้งหมดทั้งหมวดเนี่ยมันเกิดจากพฤติกรรม
00:09:55 → 00:09:59 ในการอ่าใช้ชีวิตของเราเลยการกินการดื่ม
00:09:59 → 00:10:02 น้ำหรือภาวะต่างๆที่อาจจะเกิดจากโรคบาง
00:10:02 → 00:10:05 อย่างที่เราต้องใช้ยาอยู่โดยตลอดมันก็
00:10:05 → 00:10:07 เกิดจากปัจจัยพฤติกรรมของเราแทบจะทั้ง
00:10:07 → 00:10:11 สิ้นในจุดเริ่มต้นเลยใช่มั้ยคะใชเลยครับ
00:10:11 → 00:10:14 ผมอืแล้วทีนี้การที่จะนำไปสู่การเป็น
00:10:14 → 00:10:17 มะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยค่ะมันต้องมีอะไรมา
00:10:17 → 00:10:20 ก่อนหน้านี้แน่ๆอยู่ๆจะมาแบบตรวจปุ๊บเฮ้ย
00:10:20 → 00:10:23 เราเป็นลำไส้เอ้ยมะเร็งลำไส้ใหญ่เลยมัน
00:10:23 → 00:10:25 มันต้องมีอะไรก่อนมั้ยคะที่จะนำไปสู่ให้
00:10:25 → 00:10:28 เรารู้สึกว่าเฮ้ยมันมีความผิดปกติแล้ว
00:10:28 → 00:10:31 เอ้ยต้องไปตรวจนะหรืออะไรเงี้ยค่ะโอ้ต้อง
00:10:31 → 00:10:34 บอกเลยว่าในกลุ่มที่มีความเสี่ยงเนาะคน
00:10:34 → 00:10:36 ที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:10:36 → 00:10:40 นะครับต้องคิดไว้เลยว่าเคเรามีปัจจัย
00:10:40 → 00:10:43 เสี่ยงบางอย่างที่เราต้องไปตรวจละนะครับ
00:10:43 → 00:10:46 ปัจจัยเสี่ยงแรกเลยที่ที่เป็นนะครับก็คือ
00:10:46 → 00:10:49 เรื่องของอายุอ๋อเพราะว่ายิ่งอายุที่มาก
00:10:49 → 00:10:52 ขึ้นเนี่ยค่ะแน่นอนการทำงานของลำไส้อะไร
00:10:52 → 00:10:53 เนื้อเยื่ออะไรต่างๆของเราเนี่ยครับเกิด
00:10:54 → 00:10:56 การเสื่อมเกิดการต่างๆเนี่ยครับยิ่งอายุ
00:10:56 → 00:10:59 ที่มากกว่า 50 ปีขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ยคือ
00:10:59 → 00:11:02 ตำแหน่งพีคเลยของความเสี่ยงในการเป็น
00:11:02 → 00:11:05 มะเร็งลำไส้ใหญ่ค่ะออแล้ว 2 ก็คือเรื่อง
00:11:05 → 00:11:07 ของกรรมพันธ์นะครับยิ่งยาสายตรงเราเป็น
00:11:07 → 00:11:10 เนี่ยยิ่งมีความเสี่ยงมากเลยเนี่ยสายตรง
00:11:10 → 00:11:15 คือใครพ่อแม่พี่น้องหรือว่าลูกนะครับอค่ะ
00:11:15 → 00:11:18 พกรรพกรรมพันธ์นี่ชัดเจนเลยครับและอย่าง
00:11:19 → 00:11:20 ที่ 3 ที่เราคุยกันมาเรื่องของอาหารการ
00:11:20 → 00:11:23 กินเนาะค่ะเพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยสังเกตเลย
00:11:23 → 00:11:26 ว่าอาหารการกินต่างๆของเรามันเปลี่ยนไป
00:11:26 → 00:11:28 จากในอดีตนะครับเป็นอาหารแปรรูปเป็นส่วน
00:11:28 → 00:11:29 ใหญ่
00:11:30 → 00:11:32 คนเราเนี่ยเริ่มกินผักกินผลไม้น้อยลงกิน
00:11:32 → 00:11:35 อาหารที่มีกากใยน้อยลงไม่เหมือนในยุค
00:11:35 → 00:11:38 โบราณใช่มครับยุคก่อนที่เขาจะกินผักกิน
00:11:38 → 00:11:41 น้ำพริกกินอะไรต่างๆเดี๋ยวนี้เริ่มน้อยลง
00:11:41 → 00:11:45 ละเนาะแล้วก็วิถีชีวิตต่างๆเนาะดื่มเหล้า
00:11:46 → 00:11:48 สูบบุหรี่พวกนี้ก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่
00:11:48 → 00:11:51 ทำให้เกิดโกโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้และ
00:11:51 → 00:11:56 อีกอย่างเลยคือภาวะโรคอ้วนอือ่าเพราะว่า
00:11:56 → 00:12:00 คนที่น้ำหนักตัวเกินเนี่ยแสดงว่ามีความ
00:12:00 → 00:12:03 การการกินที่มันผิดปกติละการกินที่มันมี
00:12:03 → 00:12:07 ปัญหาละเนาะเเลยบอกว่าโรคของมะเร็งลำไส้
00:12:07 → 00:12:11 ใหญ่เนี่ยเป็นโรคของคนมีอันจะกินเอฟัง
00:12:11 → 00:12:15 แล้วแปลกๆเนาะอันจะกินอ่าใช่ครับทุกวัน
00:12:15 → 00:12:18 นี้อ้าจำนวนคนที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:12:19 → 00:12:20 เนี่ยหรือหรือเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้
00:12:20 → 00:12:23 ใหญ่มีเยอะมั้ยคะเพราะเอาแค่คนรู้จักที่
00:12:23 → 00:12:26 รู้จักกันนี่ก็ 2 คนแล้วนะคุณหมออืู้เหรอ
00:12:26 → 00:12:29 ครับรู้จักกันนี่ไม่ใช่ญาติใช่มั้ยไม่ไม่
00:12:29 → 00:12:31 ไม่ยาติค่ะรู้จักการเป็นเพื่อนอย่างอย่า
00:12:31 → 00:12:33 ที่คุณหมอบอกว่าอย่างอายุหรือว่ากรรม
00:12:33 → 00:12:35 พันธ์เนี่ยอย่างเพื่อนที่อายุไล่เรียกกัน
00:12:35 → 00:12:38 อ่าเเเสียชีวิตไปหลายปีแล้วอ่ะนะคะก็จาก
00:12:38 → 00:12:41 มะเร็งล้ำไส้ใหญ่ซึ่งอายุก็แบประมาณซัก 30
00:12:41 → 00:12:44 ปลายๆอ่ะคุณหมอเลยแบบตกใจอุ้ยถ้าเกิดคุณ
00:12:44 → 00:12:47 หมอบอกว่าคนที่อายุมากๆ 50 ปีขึ้นไปแต่
00:12:47 → 00:12:49 อันนี้อายุ 30 ปลายๆเองอ่ะเลยไม่แน่ใจว่า
00:12:49 → 00:12:52 เป็นกรมพรมาด้วยหรือเปล่าอะไรอย่าเงี้ย
00:12:52 → 00:12:54 ค่ะใชอืต้องบอกว่าเป็นไปได้นะครับเรื่อง
00:12:54 → 00:12:56 ของพันธุกรรมเรื่องของกรพันธ์แล้วก็อย่าง
00:12:56 → 00:12:58 ที่ผมบอกว่าอาหารการกินต่างๆที่มัน
00:12:58 → 00:13:02 เปลี่ยนไปนะครับนะอือบอกว่าในปัจจุบัน
00:13:02 → 00:13:04 เนี่ยอ่าโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยค่อน
00:13:04 → 00:13:07 ข้างน่ากังวลเลยเพราะว่าเป็นโรคที่เจอได้
00:13:07 → 00:13:10 เยอะเยอะมากต้องบอกว่าอัตราการเสียชีวิต
00:13:10 → 00:13:13 ตอนเนะครับค่ะเเก็บข้อมูลมาเนี่ยเป็น
00:13:13 → 00:13:16 อันดับ 3 เลยรองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็ง
00:13:16 → 00:13:21 ปอดโอ้โหอืใช่ครับตอนเยก็คือมีการเก็บข้อ
00:13:21 → 00:13:24 มูลว่าเราเนี่ยวินิจฉัยคนเป็นมะเร็งลำไส้
00:13:24 → 00:13:29 ใหญ่เนี่ยวันละ 44 คนหรือเกือบ 16,000 คน
00:13:29 → 00:13:32 ต่อปีโยตัวเลขน่ากลัวจังเลยค่ะคุณหมอกลัว
00:13:32 → 00:13:34 นะครับใช่และอัตราการเสียชีวิตนะครับอยู่
00:13:34 → 00:13:38 ที่วันละ 14 คนหรือว่าประมาณปีละ 5,100
00:13:38 → 00:13:41 คนโอ้โหอันนี้แล้วตัวเลขตรงนี้มันอาจจะมี
00:13:41 → 00:13:44 แนวโน้มเพิ่มขึ้นถ้าเรายังมีเ่อปัจจัย
00:13:44 → 00:13:46 เสี่ยงหรือพฤติกรรมของเราที่มันเสี่ยงต่อ
00:13:46 → 00:13:49 การเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อยู่อีกใช่ครับ
00:13:49 → 00:13:51 เพราะว่าเราอย่างที่เห็นเนาะว่าคนที่เป็น
00:13:51 → 00:13:54 มะเร็งลำไส้ใหญ่เดี๋ยวเนี้ยเริ่มอายุน้อย
00:13:54 → 00:13:58 ลงน้อยลงค่ะอืถ้าอย่างงี้คุณหมอมีอะไรที่
00:13:58 → 00:14:00 แบบให้เราสังเกตตัวเองหน่อยมั้ยคะะว่าเออ
00:14:00 → 00:14:03 มีความเสี่ยงแล้วนะเอ๊ะให้เอะใจนิดนึงให้
00:14:03 → 00:14:07 ไปตรวจเถอะไปอะไรอย่างเงี้ยค่ะอะไรที่แบบ
00:14:07 → 00:14:09 ได้สังเกตเบื้องต้นก่อนที่จะมารู้อีกที
00:14:09 → 00:14:11 นึงโอ้โหระยะ 3 ระยะ 4 แล้วอะไรอย่าง
00:14:11 → 00:14:13 เงี้ยค่ะแน่นอนว่าอย่างที่ผมบอกไปก่อน
00:14:13 → 00:14:15 หน้าเยคือเรื่องของปัจจัยเสี่ยงถ้าคุณมี
00:14:15 → 00:14:17 ปัจจัยเสี่ยงเนี่ยอ่าให้คุณแนะนำว่าให้
00:14:17 → 00:14:20 คุณไปปรึกษาแพทย์เลยว่าโอเคฉันมีปัจจัย
00:14:20 → 00:14:22 เสี่ยงอย่างงี้อย่างงี้นะครับต้องควรจะ
00:14:22 → 00:14:25 ต้องเริ่มการตรวจเมื่อไหร่ 2 ก็คือสังเกต
00:14:25 → 00:14:28 ดูอาการนะครับอาการของโรคมะเร็งเนี่ยมา
00:14:28 → 00:14:31 ที่โรคมะเร็งก่อนมะเร็งเนี่ยคือโรคของ
00:14:31 → 00:14:35 ก้อนเนื้อที่มันโตแบบผิดปกติเนาะไอ้พวก
00:14:35 → 00:14:37 เนื้อเยื่อที่มันโตแบบผิดปกติเนี่ยเนื้อ
00:14:37 → 00:14:39 เยื่อของมันจะแบบไม่แข็งแรงและเปราะบาง
00:14:39 → 00:14:43 มากมันจะเลือดออกง่ายอ่าฉะนั้นอาการที่
00:14:43 → 00:14:45 เราจะเห็นนะครับอาจจะมีแบบถ่ายแล้วมี
00:14:45 → 00:14:47 เลือดปนออกมาเนาะแล้วก็อาการทั่วๆไปของ
00:14:47 → 00:14:50 โรคมะเร็งก็คือเรื่องของเบื่ออาหารน้ำ
00:14:50 → 00:14:52 หนักลดเพราะว่ามะเร็งเนี่ยมันจะพยายามทำ
00:14:52 → 00:14:55 ให้ร่างกายที่มันอาศัยอยู่เนี่ยไม่แข็ง
00:14:55 → 00:14:59 แรงเนาะทำให้ต่อต้านมันไม่ได้อืนะครับอื
00:14:59 → 00:15:01 ก็อย่างที่ผมเน้นย้ำไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
00:15:01 → 00:15:05 ของขนาดของลำไส้นะครับว่าด้านขวาใหญ่ด้าน
00:15:05 → 00:15:07 ซ้ายเล็กอันเนี้ยจะทำให้อาการเนี่ยแสดง
00:15:08 → 00:15:11 ไม่เหมือนกันอืนะครับค่ะเริ่มจากทางด้าน
00:15:11 → 00:15:14 ซ้ายก่อนด้านซ้ายเนี่ยเส้นผานศูนย์กลาง
00:15:14 → 00:15:17 ของลำไส้ใหญ่มันจะเล็กกว่านะครับลองนึก
00:15:17 → 00:15:21 ภาพว่าพอมีก้อนอะไรเนี่ยไปอุดตันเนี่ยพอ
00:15:21 → 00:15:24 ก้อนลักษณะมันยังแบบไม่ใหญ่มากมันก็จะอุด
00:15:24 → 00:15:27 ตันได้ง่ายถูกมั้ยฮะค่ะงั้นคนไข้ที่มานะ
00:15:27 → 00:15:31 ครับจะมีอาการเหมือนท้องผูกเนาะถ่ายยาก
00:15:31 → 00:15:35 มากขึ้นจากคนที่เคยถ่ายทุกวันทุกวันอาจจะ
00:15:35 → 00:15:39 เป็น 3 วันครั้ง 4 วันครั้งหรือว่าคนที่
00:15:39 → 00:15:43 แบบท้องผูกอยู่แล้วท้องผูกมากกว่าเดิมอ่า
00:15:43 → 00:15:46 อืการขับถ่ายผิดปกติไปนะครับถ่ายยากอืด
00:15:46 → 00:15:50 แน่นท้องหรือว่าอาจจะมีอาการท้องผูกสลับ
00:15:50 → 00:15:54 กับท้องเสียค่ะครับเพราะว่าจากการที่ไอ้
00:15:54 → 00:15:55 เจ้าน้องก้อนของเราเนี่ยมันออกมาไม่ได้
00:15:55 → 00:15:59 ถูกมั้ยแล้วไอ้แบคทีเรียแสนล้านตัวของเรา
00:15:59 → 00:16:00 ที่มันอยู่ในลำไส้ใหญ่เนี่ยมันไปย่อยเจ้า
00:16:00 → 00:16:03 น้องก้อนของเราให้มันกลายเป็นลักษณะของ
00:16:03 → 00:16:05 เหลวจนกระทั่งผ่านตำแหน่งที่มันตีบตันออก
00:16:05 → 00:16:08 มาได้ฉะนั้นคนไข้กลุ่มเนี้ยจะมีลักษณะ
00:16:08 → 00:16:12 เหมือนว่าท้องผูกมาก่อนพอเวลาผ่านไปปุ๊บ
00:16:12 → 00:16:15 ก็จะท้องเสียออกมาแล้วก็ท้องผูกใหม่อีกละ
00:16:15 → 00:16:18 กลุ่มเนี้ยครับต้องให้สงสัยเลยว่าอุ้ยฉัน
00:16:19 → 00:16:23 อาจจะมีปัญหาของลำไส้ใหญ่อืนะแต่อีกอย่าง
00:16:23 → 00:16:25 นึงคือถ้ามีเลือดออกบริเวณเนี้ยครับถ้ามี
00:16:25 → 00:16:28 เลือดออกของอ่าบริเวณด้านซ้ายของลำไส้
00:16:28 → 00:16:30 ใหญ่นะครับจะเป็นลักษณะเป็นเลือดสดไหลล
00:16:30 → 00:16:32 ออกมาเคลือบกับไอ้ตัวน้องก้อนของเราเนี่ย
00:16:32 → 00:16:36 ออกมาเลยให้เห็นชัดเจนเลยเนาะออ๋อมัน
00:16:36 → 00:16:39 ปริมาณเลือดที่มันไหลออกมานี่มันเยอะด้วย
00:16:39 → 00:16:41 มยคะมันดูต้องดูปริมาณเลือดด้วยมั้ยคะ
00:16:41 → 00:16:44 ปริมาณเลือดเนี่ยครับมันเอาเป็นว่าบางที
00:16:44 → 00:16:47 จะสามารถสังเกตได้ดีกว่าเนาะถ้าเราสังเกต
00:16:47 → 00:16:49 สีอุจจาระของเราเนี่ยครับบางทีเราจะเห็น
00:16:49 → 00:16:53 ได้ว่าเอ๊ะมันมีลักษณะเปื้อนๆเลือดปนออก
00:16:53 → 00:16:55 มานะครับเพราะว่าถ้าเลือดมันไหลออกเยอะๆ
00:16:55 → 00:16:57 เนี่ยมันจะต้องไปแยกโรคกับเรื่องของฤิสี
00:16:57 → 00:16:59 ดวงอีกทีนึงอ
00:16:59 → 00:17:03 อ๋อแต่ว่าถ้ามันสีมาสดๆออกมานี่คือแบบเอา
00:17:03 → 00:17:07 แหละสังเกตแล้วเริ่มต้องเอะใจและอ่าอต้อง
00:17:07 → 00:17:11 เอะใจละฝั่งด้านซ้ายซ้ายทีนี้กลับมาที่
00:17:11 → 00:17:14 ด้านขวาที่ผมบอกว่าขนาดลำไส้ใหญ่เนี่ยมัน
00:17:14 → 00:17:17 จะใหญ่กว่าเส้นพานศูนย์กลางใหญ่กว่า
00:17:17 → 00:17:20 ฉะนั้นถ้ามันจะมาด้วยอุดตันเนี่ยมันจะ
00:17:20 → 00:17:23 ต้องอู้ใช้ระยะเวลานานมากคือก้อนต้องใหญ่
00:17:23 → 00:17:25 มากอ่ะมันจะตันถูกมั้ยครับฉะนั้นด้านขวา
00:17:26 → 00:17:28 เนี่ยอาการแสดงส่วนใหญ่มันจะไม่มาด้วย
00:17:28 → 00:17:32 อาการติดีบอาการตันหรือถ่ายลำบากค่ะจะมา
00:17:32 → 00:17:36 ในลักษณะของมันอาจจะมีเลือดออกที่เรามอง
00:17:36 → 00:17:39 ไม่เห็นนะครับเพราะอย่างที่หมอหมอบอกว่า
00:17:39 → 00:17:42 มะเร็งเนี่ยไอ้ตัวไอ้ตัวเนื้อเยื่อของมัน
00:17:42 → 00:17:45 จะไม่แข็งแรงทำให้เลือดออกง่ายค่ะทีนี้พอ
00:17:45 → 00:17:48 เลือดออกในฝั่งด้านขวาเนี่ยครับไอ้ตัว
00:17:48 → 00:17:50 น้องก้อนของเรามันยังไม่เป็นก้อนเนาะมัน
00:17:50 → 00:17:52 ยังเป็นลักษณะของเหลวอยู่อ่ะไอ้เลือดเย
00:17:52 → 00:17:57 มันก็จะไปปนอยู่ในตัวของตัวของเนไอ้เหลวๆ
00:17:57 → 00:17:59 ตรงเนี้ยตัวของเนื้อตรงเนี้ยครับครับแล้ว
00:17:59 → 00:18:01 ก็คลุกเคล้าปนกันไปเป็นเนื้อเดียวกันเลย
00:18:01 → 00:18:06 ฉะนั้นทำให้สังเกตได้ยากมากอ๋อค่ะใถ้า
00:18:06 → 00:18:08 เลือดออกไม่เยอะเนี่ยบางทีสังเกตไม่เห็น
00:18:08 → 00:18:10 เลยหรือว่าถ้าเลือดออกปริมาณที่มันเยอะ
00:18:10 → 00:18:14 ขึ้นหน่อยนะครับเขาจะเรียกว่าเป็นสีอุจไ
00:18:14 → 00:18:16 ตัวของน้องก้อนเราจะออกมาเป็นสีมารูนเนาะ
00:18:16 → 00:18:18 หรือว่าเ้าแปลเป็นสีว่าเป็นสีน้ำตาลเกา
00:18:18 → 00:18:23 รัดเการัดเหรอเม็ดเกาออๆเออผมก็นึกภาพไม่
00:18:23 → 00:18:24 ออกแต่ว่ามันจะต้องมันจริงๆมันจะออกสี
00:18:24 → 00:18:27 ม่วงๆนะครับผมว่ามันน่าจะคล้ายๆเปลือก
00:18:27 → 00:18:31 มังคุดมากกว่าแต่ชัดเจนใช่ประมาณนี้ครับ
00:18:31 → 00:18:34 หรือว่าตรวจตรวจสุขภาพร่างกายเนี่ยจากที่
00:18:34 → 00:18:36 ไม่เคยเลือดจางเลยอ่ะครับจะพบว่าเอ้ยอยู่
00:18:36 → 00:18:39 ๆไปตรวจรอบเนี้ยเออทำไมเลือดเราจางวะ
00:18:39 → 00:18:41 เลือดเรามันหายไปไหนอย่าเงี้ยครับอันนี้
00:18:41 → 00:18:44 อาจจะทำให้เราเอ๊ะได้ว่าเอ๊ะมันน่าจะมี
00:18:44 → 00:18:46 จุดไหนในร่างกายของเราเนี่ยที่เกิดการสูญ
00:18:46 → 00:18:49 เสียเลือดโดยที่เรามองไม่เห็นครับค่ะอ๋อ
00:18:49 → 00:18:51 จากการเลือดจ้าจากคนที่เลือดฆ่าเลือดปกติ
00:18:51 → 00:18:53 นะคะแล้วอย่างงี้ถ้าคนเป็นเลือดจางอยู่
00:18:53 → 00:18:56 แล้วอ่ะคะก็จางกว่าเดิม
00:18:56 → 00:19:01 โอ้โหมันเลยสำำคัญที่เราอภทุเพื่อดูระดับ
00:19:01 → 00:19:05 ต่างๆของของเราเครับว่าเอ้ยมันผิดปกตินะ
00:19:06 → 00:19:09 ปีนี้ผิดปกติหรือยังเราต้องไปตรวจเพิ่ม
00:19:09 → 00:19:11 เติมอะไรอย่าเงี้ยครับค่ะอืแต่เคยมี
00:19:11 → 00:19:14 เหมือนกันนะคะคุณหมอที่แบบว่าตอนนู้นนาน
00:19:14 → 00:19:17 แล้วค่ะกินแก้วมังกรสีม่วงค่ะแล้วเวลา
00:19:17 → 00:19:20 ถ่ายออกมาเนี่ยค่ะมันเป็นออกมาเป็นสีม่วง
00:19:20 → 00:19:22 ค่ะมันก็มันจะแบบเลือดออกตกใจช็อกไปเลย
00:19:22 → 00:19:26 ค่ะเอออะไรประมาณนี้จิแต่แต่พอมาสืบสาว
00:19:26 → 00:19:29 ตัวเองแล้วอ๋อกินแก้วมังกรสีม่วงไม่รู้คน
00:19:29 → 00:19:31 อื่นเป็นหรือเปล่าแต่ตอนนั้นเป็นค่ะตกใจ
00:19:31 → 00:19:34 มากคิดว่าเป็นมะเร็งแล้วอ่ะโอใช่ครับแต่
00:19:34 → 00:19:35 มันก็ต้องสังเกตไงครับอยู่ที่อาหารการกิน
00:19:35 → 00:19:38 ของเราด้วยยิ่งถ้าอาหารมีสีอย่างที่คุณี
00:19:38 → 00:19:40 กินเนี่ยคุณีกินนะเป็นแก้วมังกรสีแดงอ่ะ
00:19:40 → 00:19:42 มันก็อาจจะทำให้ลักษณะที่มันออกมาเนี่ย
00:19:42 → 00:19:45 มันดูลักษณะเหมือนเลือดปนได้เนาะแต่ว่า
00:19:45 → 00:19:47 อันนี้ต้องต้องไม่มีปัจจัยพวกเนี้ยแล้ว
00:19:47 → 00:19:50 เราสังเกตดว่าเฮ้ยสีมันเปลี่ยนไปนะอเฮ้ย
00:19:50 → 00:19:53 ฉันจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเลือดออกหรือ
00:19:53 → 00:19:55 เปล่าอะไรเงี้ยครับอแต่เอาจริงๆคุณหมอ
00:19:55 → 00:19:59 ส่วนใหญ่อ่ะพอถ่ายออกมาแล้วอ่ะไม่มีใคร
00:19:59 → 00:20:02 หันไปมองไม่มีใครอยากกลับไปมองส่วนใหญ่ก็
00:20:02 → 00:20:05 จะกดชะโครกไปเลยหรือแบบใช่มคะเราไม่ค่อย
00:20:05 → 00:20:08 สังเกตอ่ะสีหรืออะไรปนเปื้อนหรือแบบอะไร
00:20:08 → 00:20:10 อย่างเงี้ยเราเราไม่มองอ่ะเนาะเออใช่ครับ
00:20:10 → 00:20:12 เพราะจริงๆสีต้องบอกว่าสีของเจ้าก้อนเรา
00:20:12 → 00:20:15 เนี่ยมันสามารถบอกโรคอะไรต่างๆได้หลาย
00:20:15 → 00:20:17 อย่างมากเลยเนาะอันนี้ก็เป็นหนึ่งหนึ่งใน
00:20:17 → 00:20:19 ส่วนที่ทำให้เราสามารถวินิจฉัยตัวเองได้
00:20:19 → 00:20:23 เบื้องต้นว่าเออถ้าสีมันออกเป็นสีม่วงๆ
00:20:23 → 00:20:26 เนาะสีอ่าสีน้ำตาลที่มันเข้มๆขึ้นเงี้ย
00:20:26 → 00:20:29 ครับเนาะทำให้เราสงสัยว่าเอ๊ะน่าจะมี
00:20:29 → 00:20:31 เรื่องของเลือดออกหรือเปล่าหรือถ้าเป็นสี
00:20:31 → 00:20:34 ดำเลยสีดำเนี่ยแสดงว่ามีเลือดออกแต่ว่า
00:20:34 → 00:20:36 เป็นเลือดออกที่ในกระเพาะอาหารออนะครับ
00:20:37 → 00:20:40 ค่ะว่าถ้าเป็นสีซีดลงแสดงว่าอาจจะมีปัญหา
00:20:40 → 00:20:44 เรื่องทางเดินน้ำดีอือสีบอกโรคได้นั่นเอง
00:20:44 → 00:20:48 ีบอกโรคได้ใช่น่าสนใจมากคือแต่ต้องหันไป
00:20:48 → 00:20:51 มองก่อนนะคะคือมันอาจจะไม่น่าโสภาในการ
00:20:51 → 00:20:54 มองเท่าไหร่ล่ะแต่ว่าก็ต้องสังเกตนานๆที
00:20:54 → 00:20:56 มองทีนึงก็ได้หรือว่าแบบดูให้เป็นแบบ
00:20:56 → 00:21:00 นิสัยไปเลยว่าเออเสร็จปุ๊บเออเออโอเคปกติ
00:21:00 → 00:21:03 สีปกติอะไรอย่างเงี้ยเออเนาะใช่มยคะตอน
00:21:03 → 00:21:05 แรกมันก็อยู่ในตัวเรานั่นแหละพอมันออกมา
00:21:05 → 00:21:06 ทำเป็น
00:21:06 → 00:21:09 รังเกียจมันก็คืออาหารของเรานั่นแหละก็
00:21:09 → 00:21:13 พูดไปอ้าคุณหมอเดี๋ยวเอานี้เอ่อเรื่องของ
00:21:13 → 00:21:15 การถ้าสมมุติว่าเอ้ยมันมีความผิดปกตินี่
00:21:15 → 00:21:18 คือเอาแหละผิดสังเกตะอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:21:18 → 00:21:20 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่คุณ
00:21:20 → 00:21:23 หมอบอกมาเนี่ยต้องรีบไปหาหมอเลยใช่มั้ยคะ
00:21:23 → 00:21:25 คุณหมอจะวินิจฉัยแล้วก็เรื่องการรักษาก็
00:21:25 → 00:21:28 กังวลเหมือนกันนะคือคำว่ามะเร็งอ่ะคุณหมอ
00:21:28 → 00:21:31 ไม่ใช่เรื่องที่แบบจะทำใจได้ง่ายๆนะคะ
00:21:31 → 00:21:35 เอือใช่มันฟังดูมันก็รู้สึกว่าโอ้โห
00:21:35 → 00:21:38 มะเร็งเลยทีเดียวนะครับก่อนที่จะไปถึงการ
00:21:38 → 00:21:42 รักษาเนาะเรามาที่การคัดกรองก่อนอค่ะอ่า
00:21:42 → 00:21:43 เพราะว่าอย่างที่บอกว่าใครที่มีปัจจัย
00:21:43 → 00:21:45 เสี่ยงหรือว่ามีอาการที่น่ากังวลเนี่ยเรา
00:21:45 → 00:21:49 จะคัดกรองยังไงถูกมั้ยค่ะอืมจริงๆเดี๋ยว
00:21:49 → 00:21:52 นี้เรามีการคัดกรองหลากหลายวิธีเลยนะครับ
00:21:52 → 00:21:55 เช่นการเอาเนี่ยเจ้าน้องก้อนของเราเนี่ย
00:21:55 → 00:21:59 ไปตรวจว่ามีเลือดปนหรือเปล่าเพสวดแบบนี้
00:21:59 → 00:22:01 จะเป็นการคัดกรองเบื้องต้นนะครับเพราะว่า
00:22:01 → 00:22:03 ถ้ามีเลือดปนออกมาอ่าเดี๋ยวเราก็ต้องไป
00:22:03 → 00:22:05 ส่องกล้องดูลำไส้เพิ่มนะครับแต่นี้เป็น
00:22:05 → 00:22:07 การแค่คัดกรองเบื้องต้นเฉยๆแต่ว่าข้อ
00:22:08 → 00:22:10 จำกัดของการตรวจว่ามีเลือดปนออกมาหรือ
00:22:10 → 00:22:13 เปล่าเนี่ยครับจะมีข้อจำกัดมากเลยเช่นบาง
00:22:13 → 00:22:15 ทีเราไปกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เนื้อ
00:22:15 → 00:22:19 แดงหรือว่าเลือดสัตว์บางชนิดเครับเลือด
00:22:19 → 00:22:21 หรือว่าเป็นผักบางชนิดยาบางชนิดเช่นยารส
00:22:21 → 00:22:24 อักเสบยาแอสไพรินเนี่ยพวกเทำให้เกิดผลบวก
00:22:24 → 00:22:27 ลวงได้ผลบวกลวงคืออะไรเช่นเราไม่ได้มี
00:22:27 → 00:22:30 เลือดออกนะแต่ไอ้อาหารพวกเนี้ยอาหารการ
00:22:30 → 00:22:32 กินทั้งหมดของเราพวกเนี้ยทำให้การแปรผล
00:22:32 → 00:22:34 ออกมาว่าเรามีเลือดปนออกมาอันนี้เค้า
00:22:35 → 00:22:38 เรียกว่าบวกลวงอืออครับหรือว่าการกินพวก
00:22:38 → 00:22:41 วิตามินซีเนี่ยกลุ่มนี้จะทำให้เกิดลบลวง
00:22:41 → 00:22:44 อ่าลบลวงคืออะไรเช่นจริงๆเรามีเลือดออกนะ
00:22:44 → 00:22:48 แต่ไอ้วิตามินซีเนี่ยไปก่อไปเหมือนกับไป
00:22:48 → 00:22:51 กวนกระบวนการตรวจทำให้เราเกิดว่าอ้าวเรา
00:22:51 → 00:22:53 ไม่มีเลือดป่นออกมาซึ่งแบบเยมีข้อจำกัด
00:22:53 → 00:22:57 เยอะมากอ๋อนะครับค่ะอือฮึใช่แล้วก็เลย
00:22:57 → 00:22:59 เดี๋ยวเเลยมีการตรวจอุจจาระอีกแบบนึงก็
00:22:59 → 00:23:02 คือตรวจเป็นสารประกอบโปรตีนจำเพาะเลยที่
00:23:02 → 00:23:04 อยู่ในเลือดมนุษย์เท่านั้นนะครับซึ่งจะ
00:23:04 → 00:23:07 ได้ผลที่แม่นยำขึ้นแต่แบบเนี้ยอถ้าตรวจ
00:23:07 → 00:23:09 แล้วมันลบเนี่ยก็ต้องตรวจทุกปีทุกปีอยู่
00:23:09 → 00:23:12 ดีนะครับอหรือว่าถ้าสมัยใหม่ขึ้นก็คือ
00:23:12 → 00:23:15 ตรวจสารประกอบ DNA เลยที่มันผิดปกติที่
00:23:15 → 00:23:18 มันป่นออกมาเลยว่ามันมีไอ้ DNA ที่มันผิด
00:23:18 → 00:23:21 ปกติเนี่ยมันออกมาจากเจ้าก้อนมะเร็งนี่
00:23:21 → 00:23:26 แหละค่ะอืนี้คือการตรวจคัดกองใคัดกรอง
00:23:26 → 00:23:29 เบื้องต้นแต่จริงๆเรามีการคัดรองที่อ่า
00:23:29 → 00:23:32 เทคนิคเยอะกว่านี้เช่นการตรวจ xray
00:23:32 → 00:23:36 คอมพิวเตอร์ค่ะนะครับแบบเนี้ยไม่เจ็บตัว
00:23:36 → 00:23:38 นะครับแต่ว่าจะกว่าจะตรวจเจอได้เนี่ยมัน
00:23:38 → 00:23:41 ต้องเป็นรอยโรคที่มันใหญ่ขึ้นละนะครับอีก
00:23:41 → 00:23:44 ทั้งต่อให้เจอแล้วก็มันไม่สามารถเอาชิ้น
00:23:44 → 00:23:47 เนื้อมาตรวจได้สุดท้ายต้องไปจบที่การตรวจ
00:23:48 → 00:23:50 ที่เป็นสแตนดาร์ดเลยวิธีมาตรฐานเลยคือการ
00:23:50 → 00:23:52 ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ครับ
00:23:52 → 00:23:56 ออซึ่งแบบนี้เนี่ยสามารถจะดูได้ตลอดทั้ง
00:23:56 → 00:24:01 ลำไส้ใหญ่เลยว่ามันมีอะไรผิดปกติของลำไส้
00:24:01 → 00:24:03 ใหญ่หรือเปล่าและอีกทั้งยังสามารถตรัด
00:24:03 → 00:24:05 ชิ้นเนื้อของเราเนี่ยมาตรวจได้ด้วยถ้า
00:24:05 → 00:24:07 สมมุติว่ามีก้อนที่มันผิดปกตินะครับหรือ
00:24:08 → 00:24:10 ว่าถ้าเป็นลักษณะก้อนเล็กๆเนี่ยครับ
00:24:10 → 00:24:12 สามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อรักษาได้เลย
00:24:12 → 00:24:15 เหมือนกันค่ะผ่าตัด 2 กล้องเป็นในรูปแบบ
00:24:16 → 00:24:19 ที่แผลเล็กหายก็เร็วขึ้นอะไรอย่าเงี้ย
00:24:19 → 00:24:22 วิธีการผ่าตัดเนี่ยเก็จะปกติก็มีวิธีแบบ
00:24:22 → 00:24:25 ธรรมดากับ 2 กล้องด้วยใช่มั้ยคะใช่ครับผม
00:24:25 → 00:24:29 แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับคนไข้หรือว่าระยะของ
00:24:29 → 00:24:32 มะเร็งเกี่ยวมคะใช่เออเอางี้ต้องบอกว่า
00:24:32 → 00:24:34 การรักษาของเรื่องของมะเร็งเนี่ยครับ
00:24:34 → 00:24:36 มะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยต้องบอกว่าการรักษา
00:24:36 → 00:24:39 หลักคือการผ่าตัดนะครับถ้ายังไม่ใช่ระยะ
00:24:39 → 00:24:42 แพร่กระจายนะเราจะใช้วิธีการผ่าตัดเป็น
00:24:42 → 00:24:44 หลักเลยนะครับอการผ่าตัดแบบดั้งเดิมเนี่ย
00:24:44 → 00:24:47 จะเป็นแบบแผลเดียวเลยยาวกลางท้องเลยครับ
00:24:47 → 00:24:50 เป็นผาตัดแบบเปิดอค่ะเพื่อทำการเอาลำไส้
00:24:50 → 00:24:52 ส่วนนี้เป็นมะเร็งออกพร้อมกับการเลาะต่อม
00:24:52 → 00:24:55 น้ำเหลืองนะครับแล้วก็ตัดต่อลำไส้ใหม่นะ
00:24:55 → 00:24:58 ครับแต่พวกเนี้ยอแน่นอนมันจะปวดเนาะอแผ
00:24:58 → 00:25:01 ใหญ่แผลยาวนะครับแล้วก็ฟื้นตัวได้ช้าอื
00:25:01 → 00:25:03 แล้วก็การผ่าตัดแบบปัจจุบันเนี่ยเราใช้
00:25:04 → 00:25:06 การผ่าตัดแบบ 2 กล้องเนาะคือเจาะรูเล็กๆ
00:25:06 → 00:25:08 เข้าไปที่หน้าท้องนะครับไปตัดลำไส้เลาะ
00:25:08 → 00:25:10 น้ำเหลืองเลาะต่อมน้ำเหลืองต่างๆแบบเเรา
00:25:11 → 00:25:13 จะเห็นรายละเอียดการผาตัดได้ชัดนะครับแน่
00:25:13 → 00:25:16 นอนมันปวดแผลน้อยกว่านะครับเพราะว่าแผล
00:25:16 → 00:25:18 เนี่ยมันเล็กๆนิดเดียวเองนะครับส่วนใหญ่
00:25:18 → 00:25:20 วันแรกเนี่ยก็สามารถเดินเหินช่วยเหลือตัว
00:25:20 → 00:25:23 เองได้เลยอันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
00:25:23 → 00:25:25 ที่สุดคือสังเกตอาการตัวเองครับถ้าเป็น
00:25:25 → 00:25:28 เนี่ยระยะแรกๆเนี่ยหายขาดต้องบอกเลยนะอ่า
00:25:28 → 00:25:31 ปาหายปาสูงมากใช่แต่ว่ามันจะกลับมาเป็น
00:25:31 → 00:25:33 อีกได้รือเปล่าคะเป็นอีกได้ครับผมต้องบอก
00:25:33 → 00:25:36 ว่าพวกเนี้ยมันต้องต้องหลังจากรักษาแล้ว
00:25:36 → 00:25:40 เนี่ยก็ต้องมาทำการตรวจติดตามเป็นระยะๆะ
00:25:40 → 00:25:43 จากที่คุณหมอนัดเนาะค่ะเพราะว่าไม่ใช่ว่า
00:25:43 → 00:25:46 ตัดหายปุ๊บเราจะหายขาดเลยหายสนิมเลยนะ
00:25:46 → 00:25:49 ครับพวกนี้มีโอกาสเป็นได้แต่ถ้าเป็นเจอ
00:25:49 → 00:25:52 อีกก็รักษาอีกพวกเนี้ยมันหายขาดได้อ๋อแต่
00:25:52 → 00:25:56 ก็ต้องระวังในไอเราทิ้งไว้นานเป็นระยะที่
00:25:56 → 00:25:58 แบบว่า 3-4 หรืออะไรอย่างเงี้ยมันอาจจะ
00:25:58 → 00:26:01 ต้องค่อนข้างอันตรายแหละหรือความเสี่ยงมี
00:26:01 → 00:26:04 มากขึ้นนะคะถ้ารู้เร็วสังเกตเร็วก็สามารถ
00:26:04 → 00:26:07 ผ่าตัดรักษาหายได้แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ
00:26:07 → 00:26:10 ความเสี่ยงในการกลับมาเป็นก็จะน้อยลงด้วย
00:26:10 → 00:26:13 วันนี้ขอบคุณคุณหมอค่ะครับสวัสดีครับค
00:26:13 → 00:26:16 สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังค่ะพบ
00:26:16 → 00:26:18 กันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย
00:26:18 → 00:26:21 PBS podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะ
00:26:21 → 00:26:22 สวัสดี
00:26:22 → 00:26:26 ค่ะ This Is tha PBS podcast ทำไมการ
00:26:26 → 00:26:29 เป็นโรคเบาหวานจึงมีผลต่อความระว่างคู่
00:26:29 → 00:26:31 รักโดยเฉพาะปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ผู้
00:26:31 → 00:26:33 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท์วิภาดิลกสัมพันธ์
00:26:33 → 00:26:36 ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัว
00:26:36 → 00:26:40 มาเล่าให้ฟังครับคำว่าเบาหวานเนี่ยเบา
00:26:40 → 00:26:42 เนี่ยในภาษาโบราณก็คือปัสสาวะนี่แหละ
00:26:42 → 00:26:45 ปัสสาวะหวานนะก็คือเนื่องจากว่าคนที่เป็น
00:26:45 → 00:26:48 เบาหวานเนี่ยเอ่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับ
00:26:48 → 00:26:50 เรื่องของอินซูลินนะฮะฮอร์โมนที่สามารถ
00:26:51 → 00:26:54 ดึงน้ำตาลเนี่ยเอาออกมาจากระบบขับถ่ายของ
00:26:54 → 00:26:58 เราเนี่ยนะคะแล้วก็เอาไปทิ้งเอาไปเอาไป
00:26:58 → 00:27:01 ใช้ในในกระแสเลือดแต่เนื่องจากว่าพอเป็น
00:27:01 → 00:27:03 โรคเบาหวานเนี่ยเจ้าตัวเนี้ยเจ้าอินซูลิน
00:27:04 → 00:27:06 เนี่ยมันเสื่อมกำลังลงหรือว่ามันอ่อนแอนะ
00:27:06 → 00:27:09 ฮะก็ไม่สามารถที่จะดึงเอาน้ำตาลเนี่ยไป
00:27:09 → 00:27:13 ใช้ได้นะคะน้ำตาลมันก็เลยถูกขับออกมาทาง
00:27:13 → 00:27:15 ปัสสาวะซึ่งปกติจะไม่มีเพราะว่ามันต้อง
00:27:15 → 00:27:19 รักษาสมดุลของร่างกายใช่มั้ยคะจึงทำให้พบ
00:27:19 → 00:27:22 ว่าคนไข้ที่ไปฉี่ใส่กระโถนหรืออะไรเพราะ
00:27:23 → 00:27:25 เดี๋ยวนี้มันเป็นโถส้วมคนจะไม่ค่อยทราบ
00:27:25 → 00:27:28 สมัยก่อนเนี่ยเจะฉี่ใส่กระโถนกันปว่ามดก็
00:27:28 → 00:27:32 มาขึ้นปัสสาวะเพราะว่าน้ำตาลมันอยู่ในใน
00:27:32 → 00:27:35 ปัสสาวะเจึงเรียกกันว่าโรคเบาหวานเพราะ
00:27:35 → 00:27:37 ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาตรงเนี้ยระดับน้ำตาลใน
00:27:37 → 00:27:39 เลือดสูงนี่แหละค่ะมันก็มีผลกระทบต่อ
00:27:39 → 00:27:43 ฮอร์โมนนะคะทำให้เอ่อเกิดภาวะดื้อ
00:27:43 → 00:27:46 อินซูลินด้วยนะฮะการผลิตฮอร์โมนของร่าง
00:27:46 → 00:27:48 กายโดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความ
00:27:48 → 00:27:50 ต้องการทางเพศเก็ลดต่ำลงทั้งผู้หญิงผู้
00:27:50 → 00:27:53 ชายเห็นมั้ยฮะร่างกายเมันเป็นระบบที่มัน
00:27:53 → 00:27:56 เกี่ยวข้องกันไปหมดอ่ะค่ะนะฮะทีนี้พอมี
00:27:56 → 00:27:59 ภาวะการดื้ออสุรินเนี่ยมันก็จะทำให้เรา
00:27:59 → 00:28:03 เกิดการเหนื่อยล้านะฮะจากความผันผวนของ
00:28:03 → 00:28:05 ระดับน้ำตาลในร่างกายเเห็นว่าคนเป็นเบา
00:28:05 → 00:28:09 หวานมักจะอ่อนเพลียเหนื่อยนะฮะเมื่อมัน
00:28:09 → 00:28:11 อ่อนเพลียเหนื่อยมันก็เลยขาดความสนใจทาง
00:28:11 → 00:28:13 เพศไปด้วยจากที่คุณหมอท่านทำวิจัยกันมา
00:28:13 → 00:28:17 เนี่ยนะฮะจะพบว่าผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน
00:28:17 → 00:28:19 ประมาณ 50% แล้วก็ผู้หญิงที่เป็นโรคเบา
00:28:19 → 00:28:23 หวานประมาณ 25% นะคะจะมีปัญหาเกี่ยวกับ
00:28:23 → 00:28:27 เรื่องเพศเพราะฉะนั้นอีก 50% และอีก 75%
00:28:27 → 00:28:30 ไม่มีค่ะนะฮะเพราะฉะนั้นจะบอกว่ามีจริงม
00:28:30 → 00:28:32 จริงแต่ไม่ใช่กับทุกคนโดยทั่วๆไปเนี่ย
00:28:33 → 00:28:34 เพราะอะไรนะฮะปัญหาเหล่านี้มันก็อาจจะ
00:28:35 → 00:28:37 เกี่ยวกับเรื่องของเบื่อหน่ายในเซ็กก์นะ
00:28:37 → 00:28:40 ฮะความต้องการทางเพศน้อยลงหรือว่ามีการ
00:28:40 → 00:28:43 ติดเชื้อในเ่อระบบปัสสาวะหรืออุ้งเชิง
00:28:44 → 00:28:46 กรานนะคะแล้วก็มีการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
00:28:46 → 00:28:49 อะไรพวกนี้ล่ะ
00:28:49 → 00:28:53 ค่ะ This Is tha PBS
00:28:53 → 00:28:57 podcast ติดตามรายการของไย PBS podcast
00:28:57 → 00:29:13 ได้ทเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th
00:29:13 → 00:29:16 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice คนที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
00:00:08 → 00:00:10 ลำไส้ใหญ่นะครับก็คือเรื่องของอายุยิ่ง
00:00:10 → 00:00:12 อายุที่มากกว่า 50 ปีขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ย
00:00:12 → 00:00:15 คือพีคเลยเรื่องของกรพันธ์นะครับยิ่งยากิ
00:00:15 → 00:00:17 สายตรงเราเป็นเนี่ยยิ่งมีความเสี่ยงมาก
00:00:17 → 00:00:22 เลยใพ่อแม่พี่น้องหรือว่าลูกนะครับพระ
00:00:22 → 00:00:25 กรรมพันธ์นี่ชัดเจนเลยครับเรื่องของอาหาร
00:00:25 → 00:00:27 การกินเนาะเพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยสังเกตเลย
00:00:27 → 00:00:30 ว่าอาหารเป็นอาหารแปรรูปเป็นส่วนสใหญ่เนา
00:00:30 → 00:00:33 แล้วก็วิถีชีวิตต่างๆเนาะดื่มเหล้าสู
00:00:33 → 00:00:36 บุหรี่พวกนี้ก็จะเป็นปัจจัยเสียงที่ทำให้
00:00:36 → 00:00:38 เกิดโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้และอีกอย่าง
00:00:39 → 00:00:42 เลยคือภาวะโรคอ้วนโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:00:42 → 00:00:45 เนี่ยเป็นโรคของคนมีอันจะ
00:00:45 → 00:00:49 กินฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 This Is tha PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:56 → 00:00:59 คุณผู้ฟังวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง
00:00:59 → 00:01:02 เรื่องของของมะเร็งลำไส้ใหญ่นะคะรู้ทัน
00:01:02 → 00:01:04 ยังป้องกันได้นะแต่รายละเอียดเรื่องต่างๆ
00:01:05 → 00:01:06 เหล่านี้นะคะเดี๋ยววันนี้เราจะพูดคุยกับ
00:01:06 → 00:01:10 นายแพทย์กริตพาตกฤตพัฒนพงษ์นายแพทย์ชำนาญ
00:01:10 → 00:01:13 การศัลยกรรมอนุสาขาผ่าตัดส่องกล้องโรง
00:01:13 → 00:01:16 พยาบาลสมเด็จพระยุพราชปวดจังหวัดน่านค่ะ
00:01:16 → 00:01:20 สวัสดีค่ะคุณหมอคะครับสวัสดีครับค่ะวัน
00:01:20 → 00:01:22 นี้เรามาพูดคุยกันถึงเรื่องของมะเร็งลำ
00:01:22 → 00:01:24 ไส้ใหญ่กันหน่อยนะคะคุณหมอคะก็เป็นอีก
00:01:24 → 00:01:27 เรื่องนึงที่ต้องบอกว่าคนใกล้ตัวที่รู้
00:01:27 → 00:01:30 จักเนี่ยค่ะเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:01:30 → 00:01:33 มา 2 คนแล้วค่ะคุณหมอนะคะแต่ว่าอืในราย
00:01:33 → 00:01:36 ละเอียดหรือข้อมูลชุดความรู้ว่าเอ๊ะทำไมเ
00:01:36 → 00:01:38 ถึงเป็นหรือมันทำไมยังไงบ้างเนี่ยยังไม่
00:01:39 → 00:01:41 ได้เป็นชุดข้อมูลความรู้เลยก็เลยวันนี้
00:01:41 → 00:01:43 เดี๋ยวจะได้พูดคุยกับคุณหมอแล้วก็ได้เป็น
00:01:43 → 00:01:45 เอ่อสิ่งที่เป็นข้อมูลให้กับคุณผู้ฟัง
00:01:45 → 00:01:48 ด้วยนะคะก่อนอื่นเลยค่ะคุณหมอคะคงต้องให้
00:01:48 → 00:01:51 คุณหมอได้อธิบายถึงเรื่องของหน้าที่ของลำ
00:01:51 → 00:01:54 ไส้ใหญ่เค้าทำหน้าที่อะไรอ่าอะไรที่จะ
00:01:54 → 00:01:56 เกิดกับลำไส้ใหญ่ได้บ้างที่เกี่ยวกับ
00:01:56 → 00:01:59 เรื่องของเอ่อการเกิดโรคอะไรต่างๆเหล่า
00:01:59 → 00:02:01 นี้ค่ะให้คุณหมอได้ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
00:02:01 → 00:02:03 เรื่องของบรรเลงลำไส้ใหญ่นะครับเราต้องมา
00:02:03 → 00:02:05 คุยกันถึงเรื่องเรื่องลำไส้ใหญ่กันก่อน
00:02:05 → 00:02:08 แต่ก่อนที่จะไปนะครับเราขออภัยเพนที่กิน
00:02:08 → 00:02:11 ข้าวไว้ก่อนเลยว่าเพราะว่าวันนี้เราจะคุย
00:02:11 → 00:02:13 กันเรื่องลำไส้ใหญ่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้
00:02:13 → 00:02:16 จริงๆที่เราจะคุยกันถึงเรื่องของอาหาร
00:02:16 → 00:02:19 เก่าหรือว่าของเสียกากอาหารเนาะผมจะขอ
00:02:19 → 00:02:22 เรียกแทนสิ่งนว่าน้องก้อนแล้วกันฟังดูดี
00:02:22 → 00:02:25 ขึ้นมั้ยอก็คือเดี๋ยวนะคือก้อนอุจาระนั่น
00:02:25 → 00:02:27 แหละนะคอันนี้บอกไว้ก่อนคุณผู้ฟังใช่ครับ
00:02:27 → 00:02:30 ผมใช่ๆจะขอเรียกว่าน้องก้อนแล้วกันเพื่อ
00:02:30 → 00:02:34 ทำให้การฟังมันรื่นหูขึ้นเนาะอค่ะอือฮึ
00:02:34 → 00:02:36 โอเคครับเรื่องของลำไส้ใหญ่เนี่ยครับหรือ
00:02:36 → 00:02:39 ภาษาอังกฤษเนี่ยอ่าเดี๋ยวก่อนที่จะไปฟัง
00:02:39 → 00:02:42 นะเรามาลองแบบฟันแฟกคร่าวๆก่อนแล้วกันนะ
00:02:42 → 00:02:44 ครับลำไส้ใหญ่หรือโคลอนเนี่ยคุณรีว่ามัน
00:02:44 → 00:02:46 เกี่ยวข้องอะไรกับเครื่องหมายโคลอนหรือ
00:02:46 → 00:02:50 เซมิโคลอน่ะเซมิโคลอนคือมันเป็นกลมๆขดๆ
00:02:50 → 00:02:53 อะไรอย่างงี้รือเปล่าไม่แน่ใจว่าเกี่ยว
00:02:53 → 00:02:55 กันวเคียงใกล้เคียงออ
00:02:55 → 00:02:58 เหรอโคลอนหรือเซมิโคลอนเปกติเราใช้
00:02:58 → 00:03:00 เครื่องหมายเหล่านี้ในการแบ่งไปประโยค
00:03:00 → 00:03:04 หรือแบ่งคถูกมั้ยครับอ๋อๆๆค่ะอ่าเใหญ่ของ
00:03:04 → 00:03:07 เราก็เหมือนกันไปดูจากภาพนะครับมันจะเห็น
00:03:07 → 00:03:09 ลักษณะเนี่ยมันจะเป็นกระเปาะเป็นช่วงๆเ
00:03:09 → 00:03:12 ครับอือมันเหมือนจะแบ่งเป็นกระเปาะเป็น
00:03:12 → 00:03:15 เป็นช่วงๆเป็นแนวๆของมันนะครับเนาะจะไม่
00:03:15 → 00:03:18 เหมือนกับลำไส้เล็กที่จะเรียบตรงนะครับอื
00:03:18 → 00:03:20 ซึ่งไอ้การที่มันเป็นกระเปาะเนี่ทำให้
00:03:20 → 00:03:22 น้องก้อนของเราเนี่ยมันเป็นก้อนๆเนาะไม่
00:03:22 → 00:03:26 เป็นทรงตรงยาวตรงเนี้ยมันจะทำให้อุจจาระ
00:03:26 → 00:03:29 ของเราเนี่ยมันออกมาลักษณะเป็นก้อนอ๋อนะ
00:03:29 → 00:03:34 ครับออเข้าใจแล้วมันไม่ได้แบบแบบจะยาวๆมา
00:03:34 → 00:03:37 แล้วมันไม่ได้แบบว่าจะหลุดออกมาหรือว่าจะ
00:03:37 → 00:03:39 แบบเป็นสเค้าเรียกอะไรอ่ะทำให้มันหลุดออก
00:03:39 → 00:03:43 มาเป็นช่วงๆได้เนาะเออใช่ใช่ครับมันเลยจะ
00:03:43 → 00:03:46 ออกมาเป็นก้อนๆนี่แหละครับครับทีนี้เราจะ
00:03:46 → 00:03:48 มาพูดเรื่องของตำแหน่งของลำไส้ใหญ่กันละ
00:03:48 → 00:03:50 นะครับลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ยมันต่อออกมา
00:03:50 → 00:03:53 จากลำไส้เล็กโดยจะเริ่มตำแหน่งของลำไส้
00:03:53 → 00:03:55 ใหญ่เนี่ยจากตำแหน่งขวาล่างของเราคือ
00:03:55 → 00:03:57 ตำแแหน่งของไส้ติ่งนั่นเองนะครับแล้วมัน
00:03:57 → 00:04:00 ก็จะอ้อมขึ้นมาเป็นตัวยหหคว่ำไปต่อกับลำ
00:04:00 → 00:04:03 ไส้ตรงโดยตำแหน่งของลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ย
00:04:03 → 00:04:06 ความยาวของมันนะครับอยู่ที่ประมาณ 1.5 -
00:04:06 → 00:04:10 1.8 เมตก็ประมาณความสูงของคน 1 คนนะครับ
00:04:10 → 00:04:13 ความยาวของลำไส้ใหญ่นะโอโดยลำไส้ใหญ่ด้าน
00:04:13 → 00:04:17 ขวาเนี่ยจะมีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วก็จะแคบลง
00:04:17 → 00:04:20 เรื่อยๆไปจนถึงด้านซ้ายนะครับโดยตรงเนี้ย
00:04:20 → 00:04:22 สำคัญให้ท่านผู้ฟังจำไว้ดีๆนะครับซึ่งเรา
00:04:22 → 00:04:25 จะไปพูดถึงเรื่องของอาการอีกทีนึงจำไว้
00:04:25 → 00:04:27 ว่าด้านขวาใหญ่กว่าด้านซ้ายเล็กกว่านะ
00:04:27 → 00:04:30 ครับอืค่ะอ่าหน้าที่ของไส้ใหญ่เนี่ยหน้า
00:04:31 → 00:04:33 ที่ของมันทำหน้าที่ในการดูดซึมน้ำและสาร
00:04:33 → 00:04:36 อาหารบางชนิดที่มาจากลำไส้เล็กเพราะว่า
00:04:36 → 00:04:38 อาหารที่มาจากลำไส้เล็กเนี่ยเป็นอาหารที่
00:04:38 → 00:04:41 ผ่านการย่อยละการดูดซึมละบางส่วนตอนที่
00:04:41 → 00:04:44 มันออกมาเนี่ยจะยังเป็นของเหลวข้นๆอยู่
00:04:44 → 00:04:46 ค่ะนะครับพอลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ยจะทำหน้า
00:04:46 → 00:04:49 ที่ในการดูดน้ำดูดสารอาหารบางส่วนเนี่ย
00:04:49 → 00:04:52 ออกไปเพื่อให้มันกลายเป็นลักษณะเป็นก้อน
00:04:52 → 00:04:55 แล้วเราก็ถ่ายออกมาอค่ะนะครับอือฮลำไส้
00:04:55 → 00:04:57 ใหญ่นี่ยังเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียอีก
00:04:57 → 00:05:00 กว่าแบบแสนล้านตัวเลยเนาะค่ะซึ่งพวกเนี้ย
00:05:00 → 00:05:03 จะมีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยและการดูดซึม
00:05:03 → 00:05:08 สารอาหารบางชนิดนะครับโดยลำไส้ใหญ่ของเรา
00:05:08 → 00:05:11 เนี่ยอย่างที่หมอบอกไปนะว่านำหน้าที่ดูด
00:05:11 → 00:05:13 น้ำดูดเกือแร่เป็นหลักเนี่ยครับหน้าที่
00:05:13 → 00:05:16 หลักของมันจริงๆอเราจะแบ่งเป็น 2 ช่วงอีก
00:05:16 → 00:05:19 ละเนาะลำไส้ใหญ่ด้านขวาลำไส้ใหญ่ด้านซ้าย
00:05:19 → 00:05:21 โดยด้านขวาเนี่ยทำหน้าที่ดูดน้ำดูดซึม
00:05:21 → 00:05:23 เกลือแรกเป็นหลักทุกเค้าอาหารครั้งสุด
00:05:23 → 00:05:26 ท้ายพอมันดูดซึมอะไรเรียบร้อยเสร็จปุ๊บ
00:05:26 → 00:05:28 ด้านซ้ายนี่แหละมีหน้าที่ในการพักกาก
00:05:28 → 00:05:33 อาหารเพื่อรอการักออกครับอือเห็นว่าหน้า
00:05:33 → 00:05:36 ที่มันค่อนข้างเยอะเนาะหลากหลายทีเดียว
00:05:36 → 00:05:40 เลยนะครับแล้วก็โรคของลำไส้ใหญ่เนี่ยมี
00:05:40 → 00:05:44 เยอะมากนะครับตั้งแต่การอักเสบเอยท้องผูก
00:05:44 → 00:05:47 ถ่ายยากอเลือดออกในลำไส้ใหญ่พวกนี้นะครับ
00:05:47 → 00:05:50 จนไปถึงเรื่องของมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราจะ
00:05:50 → 00:05:52 คุยกันในวันนี้นั่นเองอันนี้ถามเพิ่มเติม
00:05:52 → 00:05:56 คุณหมอคะเลยครับค่ะว่าทำไมลำไส้ใหญ่ด้าน
00:05:56 → 00:05:59 ขวามันถึงใหญ่กว่าด้านซ้ายอ่ะคะแหมมันก็
00:05:59 → 00:06:02 เป็นอย่าอย่างนั้นของมันนะครับหือกำลัง
00:06:02 → 00:06:04 โดยหน้าที่ของมันตนี้ดีกว่าเพราะว่าโดย
00:06:04 → 00:06:07 หน้าที่ของมันเนาะเอาว่าด้านขวาเนี่ยขนาด
00:06:07 → 00:06:10 ของมันจะใหญ่กว่าเพื่อเพราะว่าอาหารด้าน
00:06:10 → 00:06:12 อาหารที่มันออกมาเนี่ยมันยังเป็นเหลวๆ
00:06:12 → 00:06:15 อยู่ถูกมั้ยอมันจะต้องมีพื้นที่ในการที่
00:06:15 → 00:06:17 จะต้องดูดซึมน้ำดูดซึมอาหารแล้วก็ทำหน้า
00:06:17 → 00:06:20 ที่คลุกเคล้าพวกเนี้ยครับผมค่ะอออ่ามัน
00:06:21 → 00:06:23 เลยมันเลยมีหน้าที่ของมันน่ะที่ต้องแบบมี
00:06:23 → 00:06:26 พื้นที่ผิวในที่เยอะๆในการที่จะดูดซึมน้ำ
00:06:26 → 00:06:29 ดูดซึมสารอาหารเทียบกับด้านซ้ายที่ใช้มี
00:06:29 → 00:06:31 หน้าที่ในการพักกากอาหารเหล่าเนี้ยที่ดูด
00:06:31 → 00:06:34 ซึมอะไรเรียบร้อยต่างๆพักเพื่อรอการขับ
00:06:34 → 00:06:37 ถ่ายออกไปแค่เยครับอ๋อก็เลยอาจจะต้องต้อง
00:06:37 → 00:06:39 ใช้พื้นที่เยอะักนิดนึงเพราะว่ากินอาหาร
00:06:39 → 00:06:42 ไปแล้วถ้าเกิดไม่ดดูดซึมได้ดีสารอาหาร
00:06:42 → 00:06:45 ต่างๆเราก็คงจะแบบว่าอาจจะไม่ได้เติบโตมา
00:06:45 → 00:06:48 ได้เท่าไหร่อ่ะนะคะก็จะเป็นส่วนหนึ่งด้วย
00:06:48 → 00:06:51 นะคะทีนี้หลังจากที่คุณรีฟังแล้วเนี่ยคิด
00:06:51 → 00:06:54 ว่าคนเราเนี่ยสามารถอยู่ได้โดยไม่มีลำไส้
00:06:54 → 00:06:58 ใหญ่ได้มั้ยไม่น่าจะได้นะไม่น่าเพราะดูด
00:06:58 → 00:07:01 ซึมสารอาหารนะคือจากจากลำไส้เล็กอ่ะลำไส้
00:07:01 → 00:07:04 เล็กก็ว่ายาวแล้วนะลำไส้ใหญ่ยาวเหมือนกัน
00:07:04 → 00:07:07 ได้ระดับความสูงของคนเลยอ่ะอุ๊ยมันอยู่ใน
00:07:07 → 00:07:09 ท้องเราเนี่ยนะคะคุณหมอใช่ขดอยู่ข้างใน
00:07:09 → 00:07:12 เนี่ยครับแต่ว่าสาระน่ารู้จะบอกเลยว่าคน
00:07:12 → 00:07:14 เราเนี่ยสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่มี
00:07:14 → 00:07:17 ลำไส้ใหญ่ได้นะอ้าจริงดิเอ้ามันต้องดูด
00:07:17 → 00:07:20 ซึมอาหารนะเพราะว่าดูดซึมอาหารเนี่ยลำไส้
00:07:20 → 00:07:23 เล็กทำหน้าที่ของมันไปหมดละลำไส้ใหญ่
00:07:23 → 00:07:25 เนี่ยอ้าดูดแบบครั้งสุดท้ายอาจจะแบบไม่
00:07:25 → 00:07:27 เยอะเท่าไหร่แต่หน้าที่หลักในการดูดซืม
00:07:27 → 00:07:31 สารอาหารเลยคือลำไส้เล็กอาฮะเ้าแล้วถ้า
00:07:31 → 00:07:35 งั้นก็ไม่ต้องมีก็ได้เอามาทำไมจริงๆเนี่ย
00:07:35 → 00:07:37 จะบอกว่าไม่มีก็มีชีวิตอยู่ได้แต่ถามว่า
00:07:38 → 00:07:40 การที่เราจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากลำไส้
00:07:40 → 00:07:42 ใหญ่เนี่ยเราอาจจะต้องมีการปรับตัวอะไร
00:07:42 → 00:07:45 ต่างๆเรื่องของเราต้องกินน้ำเยอะขึ้นกิน
00:07:45 → 00:07:47 เจื้อแร่อะไรต่างๆเยอะขึ้นครับแต่ถามว่า
00:07:47 → 00:07:49 เราอยู่ได้โดยที่ไม่มีมันได้มั้ยอยู่ได้
00:07:49 → 00:07:52 แต่เราต้องกลับตัวเหมือนกันอ่านี่เป็น
00:07:52 → 00:07:54 สาระน่ารู้ที่อยากจะเพิ่มเติมให้ฟังนะ
00:07:54 → 00:07:57 ครับเออน่าสนใจมากเลยแต่ตอนที่คุณหมอบอก
00:07:57 → 00:08:00 ด้วยนะตอนต้นว่าเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์
00:08:00 → 00:08:04 โอ้โหกี่ชนิดนะคะหลายหลายชนิดเลยอ่ะแสน
00:08:04 → 00:08:07 ล้านตัวเลยแสนล้านตัวเลยใช่มั้ยคะเออน่ะ
00:08:07 → 00:08:09 จุลินทรีมันก็เป็นส่วนดีที่อยู่ในร่างกาย
00:08:09 → 00:08:12 ของเราใช่มั้ยคะใช่เลยครับผมอ่าเพราะ
00:08:12 → 00:08:16 ฉะนั้นมีเถอะมีไว้เถอะเค้าทำมาแล้วใช่ตอน
00:08:16 → 00:08:20 เนี้ยมีไว้มีไว้อ่ะเอาไว้เถอะแล้วก็ดูแล
00:08:20 → 00:08:23 มันดีๆครับอ่าออ่าทีนี้แสดงว่าการดูแล
00:08:23 → 00:08:26 เนี่ยก็จำเป็นเหมือนกันไม่ใช่ว่าคือเค้า
00:08:26 → 00:08:28 เรามีเค้าแล้วเคก็ทำหน้าที่ของเา้าไปแสดง
00:08:28 → 00:08:31 ว่าเราก็ต้องดูแลเด้วยในการดูแลเพื่อไม่
00:08:31 → 00:08:33 ให้เกิดโรคต่างๆไม่ให้เกิดลำไส้ใหญ่เกิด
00:08:33 → 00:08:36 การบาดเจ็บเอะไรอย่างเงี้ยที่แบบอะไรนะ
00:08:36 → 00:08:39 ไส้ตงไส้ติ่งเส้นเลือดออกในลำไส้ใหญ่หรือ
00:08:39 → 00:08:41 อะไรพวกเนี้ยค่ะมันมันเกิดจากอะไรได้บ้าง
00:08:41 → 00:08:44 คะมันถึงทำให้เกิดความเจ็บป่วยในลำไส้
00:08:44 → 00:08:46 ใหญ่ของเราได้อ่ะค่ะโอตั้งแต่เรื่องของ
00:08:46 → 00:08:49 การติดเชื้อเลยเนาะที่เจอกันบ่อยเลยนะ
00:08:49 → 00:08:51 ครับนะเรื่องของลำไส้อักเสบลำไส้ใหญ่ติด
00:08:52 → 00:08:54 เชื้อเนี่ยครับก็จะเจอได้บ่อยเช่นการกิน
00:08:54 → 00:08:57 อาหารที่ไม่สะอาดหรือว่ามีการใช้ยา
00:08:57 → 00:09:00 ปฏิชีวนะเป็นเระยะเวลานานอที่ทำให้เจ้า
00:09:00 → 00:09:04 จุลินทรีย์ที่มันเคยอาศอยู่ในลำไส้ใหญ่
00:09:04 → 00:09:07 ของเรามันตายไปเนาะพอเจ้าจุลินทรีย์ชนิด
00:09:07 → 00:09:09 ดีๆทั้งหลายที่มันตายไปเนี่ยมันเลยเกิด
00:09:09 → 00:09:11 จุลินทรีย์ชนิดที่มันไม่ดีทำให้ลำไส้ใหญ่
00:09:11 → 00:09:14 เกิดการติดเชื้อเกิดการอักเสบฉะนั้นอัน
00:09:14 → 00:09:17 นี้ก็คือผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะ
00:09:17 → 00:09:19 แบบไม่จำเป็นเนาะอันนี้ผมอยากแถมไว้ให้
00:09:19 → 00:09:23 ฟังนะครับแล้วก็โรคภัยอะไรต่างๆเช่น
00:09:23 → 00:09:26 เรื่องของท้องผูกเอยถ่ายยากเอยพวกนี้ก็
00:09:26 → 00:09:30 เกิดจากการกินอาหารที่กากใยน้อยกินน้ำ
00:09:30 → 00:09:33 น้อยเนี่ยครับค่ะเนาะพอพวกท้องผูกไถยากนะ
00:09:33 → 00:09:37 ครับอ่าเป็นบ่อยๆบ่อยๆเข้าก็จะมีผลข้าง
00:09:37 → 00:09:39 เคียงในอนาคตได้เหมือนกันเนาะเช่นท้องผูก
00:09:39 → 00:09:42 ถ้าเป็นบ่อยๆก็เกิดพวกฤิสีดวงหรือว่าเกิด
00:09:42 → 00:09:45 พวกลำไส้ใหญ่ผนังมันเริ่มบางเนาะเป็น
00:09:45 → 00:09:47 กระเปาะเป็นอะไรต่างๆออกมาทำให้เลือดออก
00:09:47 → 00:09:51 ได้ง่ายอืนะครับค่ะแล้วจนไปถึงเรื่องของ
00:09:51 → 00:09:53 มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เราจะคุยกันต่อไปค่ะ
00:09:53 → 00:09:55 ทั้งหมดทั้งหมวดเนี่ยมันเกิดจากพฤติกรรม
00:09:55 → 00:09:59 ในการอ่าใช้ชีวิตของเราเลยการกินการดื่ม
00:09:59 → 00:10:02 น้ำหรือภาวะต่างๆที่อาจจะเกิดจากโรคบาง
00:10:02 → 00:10:05 อย่างที่เราต้องใช้ยาอยู่โดยตลอดมันก็
00:10:05 → 00:10:07 เกิดจากปัจจัยพฤติกรรมของเราแทบจะทั้ง
00:10:07 → 00:10:11 สิ้นในจุดเริ่มต้นเลยใช่มั้ยคะใชเลยครับ
00:10:11 → 00:10:14 ผมอืแล้วทีนี้การที่จะนำไปสู่การเป็น
00:10:14 → 00:10:17 มะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยค่ะมันต้องมีอะไรมา
00:10:17 → 00:10:20 ก่อนหน้านี้แน่ๆอยู่ๆจะมาแบบตรวจปุ๊บเฮ้ย
00:10:20 → 00:10:23 เราเป็นลำไส้เอ้ยมะเร็งลำไส้ใหญ่เลยมัน
00:10:23 → 00:10:25 มันต้องมีอะไรก่อนมั้ยคะที่จะนำไปสู่ให้
00:10:25 → 00:10:28 เรารู้สึกว่าเฮ้ยมันมีความผิดปกติแล้ว
00:10:28 → 00:10:31 เอ้ยต้องไปตรวจนะหรืออะไรเงี้ยค่ะโอ้ต้อง
00:10:31 → 00:10:34 บอกเลยว่าในกลุ่มที่มีความเสี่ยงเนาะคน
00:10:34 → 00:10:36 ที่มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:10:36 → 00:10:40 นะครับต้องคิดไว้เลยว่าเคเรามีปัจจัย
00:10:40 → 00:10:43 เสี่ยงบางอย่างที่เราต้องไปตรวจละนะครับ
00:10:43 → 00:10:46 ปัจจัยเสี่ยงแรกเลยที่ที่เป็นนะครับก็คือ
00:10:46 → 00:10:49 เรื่องของอายุอ๋อเพราะว่ายิ่งอายุที่มาก
00:10:49 → 00:10:52 ขึ้นเนี่ยค่ะแน่นอนการทำงานของลำไส้อะไร
00:10:52 → 00:10:53 เนื้อเยื่ออะไรต่างๆของเราเนี่ยครับเกิด
00:10:54 → 00:10:56 การเสื่อมเกิดการต่างๆเนี่ยครับยิ่งอายุ
00:10:56 → 00:10:59 ที่มากกว่า 50 ปีขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ยคือ
00:10:59 → 00:11:02 ตำแหน่งพีคเลยของความเสี่ยงในการเป็น
00:11:02 → 00:11:05 มะเร็งลำไส้ใหญ่ค่ะออแล้ว 2 ก็คือเรื่อง
00:11:05 → 00:11:07 ของกรรมพันธ์นะครับยิ่งยาสายตรงเราเป็น
00:11:07 → 00:11:10 เนี่ยยิ่งมีความเสี่ยงมากเลยเนี่ยสายตรง
00:11:10 → 00:11:15 คือใครพ่อแม่พี่น้องหรือว่าลูกนะครับอค่ะ
00:11:15 → 00:11:18 พกรรพกรรมพันธ์นี่ชัดเจนเลยครับและอย่าง
00:11:19 → 00:11:20 ที่ 3 ที่เราคุยกันมาเรื่องของอาหารการ
00:11:20 → 00:11:23 กินเนาะค่ะเพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยสังเกตเลย
00:11:23 → 00:11:26 ว่าอาหารการกินต่างๆของเรามันเปลี่ยนไป
00:11:26 → 00:11:28 จากในอดีตนะครับเป็นอาหารแปรรูปเป็นส่วน
00:11:28 → 00:11:29 ใหญ่
00:11:30 → 00:11:32 คนเราเนี่ยเริ่มกินผักกินผลไม้น้อยลงกิน
00:11:32 → 00:11:35 อาหารที่มีกากใยน้อยลงไม่เหมือนในยุค
00:11:35 → 00:11:38 โบราณใช่มครับยุคก่อนที่เขาจะกินผักกิน
00:11:38 → 00:11:41 น้ำพริกกินอะไรต่างๆเดี๋ยวนี้เริ่มน้อยลง
00:11:41 → 00:11:45 ละเนาะแล้วก็วิถีชีวิตต่างๆเนาะดื่มเหล้า
00:11:46 → 00:11:48 สูบบุหรี่พวกนี้ก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่
00:11:48 → 00:11:51 ทำให้เกิดโกโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้และ
00:11:51 → 00:11:56 อีกอย่างเลยคือภาวะโรคอ้วนอือ่าเพราะว่า
00:11:56 → 00:12:00 คนที่น้ำหนักตัวเกินเนี่ยแสดงว่ามีความ
00:12:00 → 00:12:03 การการกินที่มันผิดปกติละการกินที่มันมี
00:12:03 → 00:12:07 ปัญหาละเนาะเเลยบอกว่าโรคของมะเร็งลำไส้
00:12:07 → 00:12:11 ใหญ่เนี่ยเป็นโรคของคนมีอันจะกินเอฟัง
00:12:11 → 00:12:15 แล้วแปลกๆเนาะอันจะกินอ่าใช่ครับทุกวัน
00:12:15 → 00:12:18 นี้อ้าจำนวนคนที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:12:19 → 00:12:20 เนี่ยหรือหรือเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้
00:12:20 → 00:12:23 ใหญ่มีเยอะมั้ยคะเพราะเอาแค่คนรู้จักที่
00:12:23 → 00:12:26 รู้จักกันนี่ก็ 2 คนแล้วนะคุณหมออืู้เหรอ
00:12:26 → 00:12:29 ครับรู้จักกันนี่ไม่ใช่ญาติใช่มั้ยไม่ไม่
00:12:29 → 00:12:31 ไม่ยาติค่ะรู้จักการเป็นเพื่อนอย่างอย่า
00:12:31 → 00:12:33 ที่คุณหมอบอกว่าอย่างอายุหรือว่ากรรม
00:12:33 → 00:12:35 พันธ์เนี่ยอย่างเพื่อนที่อายุไล่เรียกกัน
00:12:35 → 00:12:38 อ่าเเเสียชีวิตไปหลายปีแล้วอ่ะนะคะก็จาก
00:12:38 → 00:12:41 มะเร็งล้ำไส้ใหญ่ซึ่งอายุก็แบประมาณซัก 30
00:12:41 → 00:12:44 ปลายๆอ่ะคุณหมอเลยแบบตกใจอุ้ยถ้าเกิดคุณ
00:12:44 → 00:12:47 หมอบอกว่าคนที่อายุมากๆ 50 ปีขึ้นไปแต่
00:12:47 → 00:12:49 อันนี้อายุ 30 ปลายๆเองอ่ะเลยไม่แน่ใจว่า
00:12:49 → 00:12:52 เป็นกรมพรมาด้วยหรือเปล่าอะไรอย่าเงี้ย
00:12:52 → 00:12:54 ค่ะใชอืต้องบอกว่าเป็นไปได้นะครับเรื่อง
00:12:54 → 00:12:56 ของพันธุกรรมเรื่องของกรพันธ์แล้วก็อย่าง
00:12:56 → 00:12:58 ที่ผมบอกว่าอาหารการกินต่างๆที่มัน
00:12:58 → 00:13:02 เปลี่ยนไปนะครับนะอือบอกว่าในปัจจุบัน
00:13:02 → 00:13:04 เนี่ยอ่าโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยค่อน
00:13:04 → 00:13:07 ข้างน่ากังวลเลยเพราะว่าเป็นโรคที่เจอได้
00:13:07 → 00:13:10 เยอะเยอะมากต้องบอกว่าอัตราการเสียชีวิต
00:13:10 → 00:13:13 ตอนเนะครับค่ะเเก็บข้อมูลมาเนี่ยเป็น
00:13:13 → 00:13:16 อันดับ 3 เลยรองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็ง
00:13:16 → 00:13:21 ปอดโอ้โหอืใช่ครับตอนเยก็คือมีการเก็บข้อ
00:13:21 → 00:13:24 มูลว่าเราเนี่ยวินิจฉัยคนเป็นมะเร็งลำไส้
00:13:24 → 00:13:29 ใหญ่เนี่ยวันละ 44 คนหรือเกือบ 16,000 คน
00:13:29 → 00:13:32 ต่อปีโยตัวเลขน่ากลัวจังเลยค่ะคุณหมอกลัว
00:13:32 → 00:13:34 นะครับใช่และอัตราการเสียชีวิตนะครับอยู่
00:13:34 → 00:13:38 ที่วันละ 14 คนหรือว่าประมาณปีละ 5,100
00:13:38 → 00:13:41 คนโอ้โหอันนี้แล้วตัวเลขตรงนี้มันอาจจะมี
00:13:41 → 00:13:44 แนวโน้มเพิ่มขึ้นถ้าเรายังมีเ่อปัจจัย
00:13:44 → 00:13:46 เสี่ยงหรือพฤติกรรมของเราที่มันเสี่ยงต่อ
00:13:46 → 00:13:49 การเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อยู่อีกใช่ครับ
00:13:49 → 00:13:51 เพราะว่าเราอย่างที่เห็นเนาะว่าคนที่เป็น
00:13:51 → 00:13:54 มะเร็งลำไส้ใหญ่เดี๋ยวเนี้ยเริ่มอายุน้อย
00:13:54 → 00:13:58 ลงน้อยลงค่ะอืถ้าอย่างงี้คุณหมอมีอะไรที่
00:13:58 → 00:14:00 แบบให้เราสังเกตตัวเองหน่อยมั้ยคะะว่าเออ
00:14:00 → 00:14:03 มีความเสี่ยงแล้วนะเอ๊ะให้เอะใจนิดนึงให้
00:14:03 → 00:14:07 ไปตรวจเถอะไปอะไรอย่างเงี้ยค่ะอะไรที่แบบ
00:14:07 → 00:14:09 ได้สังเกตเบื้องต้นก่อนที่จะมารู้อีกที
00:14:09 → 00:14:11 นึงโอ้โหระยะ 3 ระยะ 4 แล้วอะไรอย่าง
00:14:11 → 00:14:13 เงี้ยค่ะแน่นอนว่าอย่างที่ผมบอกไปก่อน
00:14:13 → 00:14:15 หน้าเยคือเรื่องของปัจจัยเสี่ยงถ้าคุณมี
00:14:15 → 00:14:17 ปัจจัยเสี่ยงเนี่ยอ่าให้คุณแนะนำว่าให้
00:14:17 → 00:14:20 คุณไปปรึกษาแพทย์เลยว่าโอเคฉันมีปัจจัย
00:14:20 → 00:14:22 เสี่ยงอย่างงี้อย่างงี้นะครับต้องควรจะ
00:14:22 → 00:14:25 ต้องเริ่มการตรวจเมื่อไหร่ 2 ก็คือสังเกต
00:14:25 → 00:14:28 ดูอาการนะครับอาการของโรคมะเร็งเนี่ยมา
00:14:28 → 00:14:31 ที่โรคมะเร็งก่อนมะเร็งเนี่ยคือโรคของ
00:14:31 → 00:14:35 ก้อนเนื้อที่มันโตแบบผิดปกติเนาะไอ้พวก
00:14:35 → 00:14:37 เนื้อเยื่อที่มันโตแบบผิดปกติเนี่ยเนื้อ
00:14:37 → 00:14:39 เยื่อของมันจะแบบไม่แข็งแรงและเปราะบาง
00:14:39 → 00:14:43 มากมันจะเลือดออกง่ายอ่าฉะนั้นอาการที่
00:14:43 → 00:14:45 เราจะเห็นนะครับอาจจะมีแบบถ่ายแล้วมี
00:14:45 → 00:14:47 เลือดปนออกมาเนาะแล้วก็อาการทั่วๆไปของ
00:14:47 → 00:14:50 โรคมะเร็งก็คือเรื่องของเบื่ออาหารน้ำ
00:14:50 → 00:14:52 หนักลดเพราะว่ามะเร็งเนี่ยมันจะพยายามทำ
00:14:52 → 00:14:55 ให้ร่างกายที่มันอาศัยอยู่เนี่ยไม่แข็ง
00:14:55 → 00:14:59 แรงเนาะทำให้ต่อต้านมันไม่ได้อืนะครับอื
00:14:59 → 00:15:01 ก็อย่างที่ผมเน้นย้ำไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง
00:15:01 → 00:15:05 ของขนาดของลำไส้นะครับว่าด้านขวาใหญ่ด้าน
00:15:05 → 00:15:07 ซ้ายเล็กอันเนี้ยจะทำให้อาการเนี่ยแสดง
00:15:08 → 00:15:11 ไม่เหมือนกันอืนะครับค่ะเริ่มจากทางด้าน
00:15:11 → 00:15:14 ซ้ายก่อนด้านซ้ายเนี่ยเส้นผานศูนย์กลาง
00:15:14 → 00:15:17 ของลำไส้ใหญ่มันจะเล็กกว่านะครับลองนึก
00:15:17 → 00:15:21 ภาพว่าพอมีก้อนอะไรเนี่ยไปอุดตันเนี่ยพอ
00:15:21 → 00:15:24 ก้อนลักษณะมันยังแบบไม่ใหญ่มากมันก็จะอุด
00:15:24 → 00:15:27 ตันได้ง่ายถูกมั้ยฮะค่ะงั้นคนไข้ที่มานะ
00:15:27 → 00:15:31 ครับจะมีอาการเหมือนท้องผูกเนาะถ่ายยาก
00:15:31 → 00:15:35 มากขึ้นจากคนที่เคยถ่ายทุกวันทุกวันอาจจะ
00:15:35 → 00:15:39 เป็น 3 วันครั้ง 4 วันครั้งหรือว่าคนที่
00:15:39 → 00:15:43 แบบท้องผูกอยู่แล้วท้องผูกมากกว่าเดิมอ่า
00:15:43 → 00:15:46 อืการขับถ่ายผิดปกติไปนะครับถ่ายยากอืด
00:15:46 → 00:15:50 แน่นท้องหรือว่าอาจจะมีอาการท้องผูกสลับ
00:15:50 → 00:15:54 กับท้องเสียค่ะครับเพราะว่าจากการที่ไอ้
00:15:54 → 00:15:55 เจ้าน้องก้อนของเราเนี่ยมันออกมาไม่ได้
00:15:55 → 00:15:59 ถูกมั้ยแล้วไอ้แบคทีเรียแสนล้านตัวของเรา
00:15:59 → 00:16:00 ที่มันอยู่ในลำไส้ใหญ่เนี่ยมันไปย่อยเจ้า
00:16:00 → 00:16:03 น้องก้อนของเราให้มันกลายเป็นลักษณะของ
00:16:03 → 00:16:05 เหลวจนกระทั่งผ่านตำแหน่งที่มันตีบตันออก
00:16:05 → 00:16:08 มาได้ฉะนั้นคนไข้กลุ่มเนี้ยจะมีลักษณะ
00:16:08 → 00:16:12 เหมือนว่าท้องผูกมาก่อนพอเวลาผ่านไปปุ๊บ
00:16:12 → 00:16:15 ก็จะท้องเสียออกมาแล้วก็ท้องผูกใหม่อีกละ
00:16:15 → 00:16:18 กลุ่มเนี้ยครับต้องให้สงสัยเลยว่าอุ้ยฉัน
00:16:19 → 00:16:23 อาจจะมีปัญหาของลำไส้ใหญ่อืนะแต่อีกอย่าง
00:16:23 → 00:16:25 นึงคือถ้ามีเลือดออกบริเวณเนี้ยครับถ้ามี
00:16:25 → 00:16:28 เลือดออกของอ่าบริเวณด้านซ้ายของลำไส้
00:16:28 → 00:16:30 ใหญ่นะครับจะเป็นลักษณะเป็นเลือดสดไหลล
00:16:30 → 00:16:32 ออกมาเคลือบกับไอ้ตัวน้องก้อนของเราเนี่ย
00:16:32 → 00:16:36 ออกมาเลยให้เห็นชัดเจนเลยเนาะออ๋อมัน
00:16:36 → 00:16:39 ปริมาณเลือดที่มันไหลออกมานี่มันเยอะด้วย
00:16:39 → 00:16:41 มยคะมันดูต้องดูปริมาณเลือดด้วยมั้ยคะ
00:16:41 → 00:16:44 ปริมาณเลือดเนี่ยครับมันเอาเป็นว่าบางที
00:16:44 → 00:16:47 จะสามารถสังเกตได้ดีกว่าเนาะถ้าเราสังเกต
00:16:47 → 00:16:49 สีอุจจาระของเราเนี่ยครับบางทีเราจะเห็น
00:16:49 → 00:16:53 ได้ว่าเอ๊ะมันมีลักษณะเปื้อนๆเลือดปนออก
00:16:53 → 00:16:55 มานะครับเพราะว่าถ้าเลือดมันไหลออกเยอะๆ
00:16:55 → 00:16:57 เนี่ยมันจะต้องไปแยกโรคกับเรื่องของฤิสี
00:16:57 → 00:16:59 ดวงอีกทีนึงอ
00:16:59 → 00:17:03 อ๋อแต่ว่าถ้ามันสีมาสดๆออกมานี่คือแบบเอา
00:17:03 → 00:17:07 แหละสังเกตแล้วเริ่มต้องเอะใจและอ่าอต้อง
00:17:07 → 00:17:11 เอะใจละฝั่งด้านซ้ายซ้ายทีนี้กลับมาที่
00:17:11 → 00:17:14 ด้านขวาที่ผมบอกว่าขนาดลำไส้ใหญ่เนี่ยมัน
00:17:14 → 00:17:17 จะใหญ่กว่าเส้นพานศูนย์กลางใหญ่กว่า
00:17:17 → 00:17:20 ฉะนั้นถ้ามันจะมาด้วยอุดตันเนี่ยมันจะ
00:17:20 → 00:17:23 ต้องอู้ใช้ระยะเวลานานมากคือก้อนต้องใหญ่
00:17:23 → 00:17:25 มากอ่ะมันจะตันถูกมั้ยครับฉะนั้นด้านขวา
00:17:26 → 00:17:28 เนี่ยอาการแสดงส่วนใหญ่มันจะไม่มาด้วย
00:17:28 → 00:17:32 อาการติดีบอาการตันหรือถ่ายลำบากค่ะจะมา
00:17:32 → 00:17:36 ในลักษณะของมันอาจจะมีเลือดออกที่เรามอง
00:17:36 → 00:17:39 ไม่เห็นนะครับเพราะอย่างที่หมอหมอบอกว่า
00:17:39 → 00:17:42 มะเร็งเนี่ยไอ้ตัวไอ้ตัวเนื้อเยื่อของมัน
00:17:42 → 00:17:45 จะไม่แข็งแรงทำให้เลือดออกง่ายค่ะทีนี้พอ
00:17:45 → 00:17:48 เลือดออกในฝั่งด้านขวาเนี่ยครับไอ้ตัว
00:17:48 → 00:17:50 น้องก้อนของเรามันยังไม่เป็นก้อนเนาะมัน
00:17:50 → 00:17:52 ยังเป็นลักษณะของเหลวอยู่อ่ะไอ้เลือดเย
00:17:52 → 00:17:57 มันก็จะไปปนอยู่ในตัวของตัวของเนไอ้เหลวๆ
00:17:57 → 00:17:59 ตรงเนี้ยตัวของเนื้อตรงเนี้ยครับครับแล้ว
00:17:59 → 00:18:01 ก็คลุกเคล้าปนกันไปเป็นเนื้อเดียวกันเลย
00:18:01 → 00:18:06 ฉะนั้นทำให้สังเกตได้ยากมากอ๋อค่ะใถ้า
00:18:06 → 00:18:08 เลือดออกไม่เยอะเนี่ยบางทีสังเกตไม่เห็น
00:18:08 → 00:18:10 เลยหรือว่าถ้าเลือดออกปริมาณที่มันเยอะ
00:18:10 → 00:18:14 ขึ้นหน่อยนะครับเขาจะเรียกว่าเป็นสีอุจไ
00:18:14 → 00:18:16 ตัวของน้องก้อนเราจะออกมาเป็นสีมารูนเนาะ
00:18:16 → 00:18:18 หรือว่าเ้าแปลเป็นสีว่าเป็นสีน้ำตาลเกา
00:18:18 → 00:18:23 รัดเการัดเหรอเม็ดเกาออๆเออผมก็นึกภาพไม่
00:18:23 → 00:18:24 ออกแต่ว่ามันจะต้องมันจริงๆมันจะออกสี
00:18:24 → 00:18:27 ม่วงๆนะครับผมว่ามันน่าจะคล้ายๆเปลือก
00:18:27 → 00:18:31 มังคุดมากกว่าแต่ชัดเจนใช่ประมาณนี้ครับ
00:18:31 → 00:18:34 หรือว่าตรวจตรวจสุขภาพร่างกายเนี่ยจากที่
00:18:34 → 00:18:36 ไม่เคยเลือดจางเลยอ่ะครับจะพบว่าเอ้ยอยู่
00:18:36 → 00:18:39 ๆไปตรวจรอบเนี้ยเออทำไมเลือดเราจางวะ
00:18:39 → 00:18:41 เลือดเรามันหายไปไหนอย่าเงี้ยครับอันนี้
00:18:41 → 00:18:44 อาจจะทำให้เราเอ๊ะได้ว่าเอ๊ะมันน่าจะมี
00:18:44 → 00:18:46 จุดไหนในร่างกายของเราเนี่ยที่เกิดการสูญ
00:18:46 → 00:18:49 เสียเลือดโดยที่เรามองไม่เห็นครับค่ะอ๋อ
00:18:49 → 00:18:51 จากการเลือดจ้าจากคนที่เลือดฆ่าเลือดปกติ
00:18:51 → 00:18:53 นะคะแล้วอย่างงี้ถ้าคนเป็นเลือดจางอยู่
00:18:53 → 00:18:56 แล้วอ่ะคะก็จางกว่าเดิม
00:18:56 → 00:19:01 โอ้โหมันเลยสำำคัญที่เราอภทุเพื่อดูระดับ
00:19:01 → 00:19:05 ต่างๆของของเราเครับว่าเอ้ยมันผิดปกตินะ
00:19:06 → 00:19:09 ปีนี้ผิดปกติหรือยังเราต้องไปตรวจเพิ่ม
00:19:09 → 00:19:11 เติมอะไรอย่าเงี้ยครับค่ะอืแต่เคยมี
00:19:11 → 00:19:14 เหมือนกันนะคะคุณหมอที่แบบว่าตอนนู้นนาน
00:19:14 → 00:19:17 แล้วค่ะกินแก้วมังกรสีม่วงค่ะแล้วเวลา
00:19:17 → 00:19:20 ถ่ายออกมาเนี่ยค่ะมันเป็นออกมาเป็นสีม่วง
00:19:20 → 00:19:22 ค่ะมันก็มันจะแบบเลือดออกตกใจช็อกไปเลย
00:19:22 → 00:19:26 ค่ะเอออะไรประมาณนี้จิแต่แต่พอมาสืบสาว
00:19:26 → 00:19:29 ตัวเองแล้วอ๋อกินแก้วมังกรสีม่วงไม่รู้คน
00:19:29 → 00:19:31 อื่นเป็นหรือเปล่าแต่ตอนนั้นเป็นค่ะตกใจ
00:19:31 → 00:19:34 มากคิดว่าเป็นมะเร็งแล้วอ่ะโอใช่ครับแต่
00:19:34 → 00:19:35 มันก็ต้องสังเกตไงครับอยู่ที่อาหารการกิน
00:19:35 → 00:19:38 ของเราด้วยยิ่งถ้าอาหารมีสีอย่างที่คุณี
00:19:38 → 00:19:40 กินเนี่ยคุณีกินนะเป็นแก้วมังกรสีแดงอ่ะ
00:19:40 → 00:19:42 มันก็อาจจะทำให้ลักษณะที่มันออกมาเนี่ย
00:19:42 → 00:19:45 มันดูลักษณะเหมือนเลือดปนได้เนาะแต่ว่า
00:19:45 → 00:19:47 อันนี้ต้องต้องไม่มีปัจจัยพวกเนี้ยแล้ว
00:19:47 → 00:19:50 เราสังเกตดว่าเฮ้ยสีมันเปลี่ยนไปนะอเฮ้ย
00:19:50 → 00:19:53 ฉันจะมีปัญหาอะไรบางอย่างเลือดออกหรือ
00:19:53 → 00:19:55 เปล่าอะไรเงี้ยครับอแต่เอาจริงๆคุณหมอ
00:19:55 → 00:19:59 ส่วนใหญ่อ่ะพอถ่ายออกมาแล้วอ่ะไม่มีใคร
00:19:59 → 00:20:02 หันไปมองไม่มีใครอยากกลับไปมองส่วนใหญ่ก็
00:20:02 → 00:20:05 จะกดชะโครกไปเลยหรือแบบใช่มคะเราไม่ค่อย
00:20:05 → 00:20:08 สังเกตอ่ะสีหรืออะไรปนเปื้อนหรือแบบอะไร
00:20:08 → 00:20:10 อย่างเงี้ยเราเราไม่มองอ่ะเนาะเออใช่ครับ
00:20:10 → 00:20:12 เพราะจริงๆสีต้องบอกว่าสีของเจ้าก้อนเรา
00:20:12 → 00:20:15 เนี่ยมันสามารถบอกโรคอะไรต่างๆได้หลาย
00:20:15 → 00:20:17 อย่างมากเลยเนาะอันนี้ก็เป็นหนึ่งหนึ่งใน
00:20:17 → 00:20:19 ส่วนที่ทำให้เราสามารถวินิจฉัยตัวเองได้
00:20:19 → 00:20:23 เบื้องต้นว่าเออถ้าสีมันออกเป็นสีม่วงๆ
00:20:23 → 00:20:26 เนาะสีอ่าสีน้ำตาลที่มันเข้มๆขึ้นเงี้ย
00:20:26 → 00:20:29 ครับเนาะทำให้เราสงสัยว่าเอ๊ะน่าจะมี
00:20:29 → 00:20:31 เรื่องของเลือดออกหรือเปล่าหรือถ้าเป็นสี
00:20:31 → 00:20:34 ดำเลยสีดำเนี่ยแสดงว่ามีเลือดออกแต่ว่า
00:20:34 → 00:20:36 เป็นเลือดออกที่ในกระเพาะอาหารออนะครับ
00:20:37 → 00:20:40 ค่ะว่าถ้าเป็นสีซีดลงแสดงว่าอาจจะมีปัญหา
00:20:40 → 00:20:44 เรื่องทางเดินน้ำดีอือสีบอกโรคได้นั่นเอง
00:20:44 → 00:20:48 ีบอกโรคได้ใช่น่าสนใจมากคือแต่ต้องหันไป
00:20:48 → 00:20:51 มองก่อนนะคะคือมันอาจจะไม่น่าโสภาในการ
00:20:51 → 00:20:54 มองเท่าไหร่ล่ะแต่ว่าก็ต้องสังเกตนานๆที
00:20:54 → 00:20:56 มองทีนึงก็ได้หรือว่าแบบดูให้เป็นแบบ
00:20:56 → 00:21:00 นิสัยไปเลยว่าเออเสร็จปุ๊บเออเออโอเคปกติ
00:21:00 → 00:21:03 สีปกติอะไรอย่างเงี้ยเออเนาะใช่มยคะตอน
00:21:03 → 00:21:05 แรกมันก็อยู่ในตัวเรานั่นแหละพอมันออกมา
00:21:05 → 00:21:06 ทำเป็น
00:21:06 → 00:21:09 รังเกียจมันก็คืออาหารของเรานั่นแหละก็
00:21:09 → 00:21:13 พูดไปอ้าคุณหมอเดี๋ยวเอานี้เอ่อเรื่องของ
00:21:13 → 00:21:15 การถ้าสมมุติว่าเอ้ยมันมีความผิดปกตินี่
00:21:15 → 00:21:18 คือเอาแหละผิดสังเกตะอย่างที่คุณหมอบอกมา
00:21:18 → 00:21:20 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่านั้นที่คุณ
00:21:20 → 00:21:23 หมอบอกมาเนี่ยต้องรีบไปหาหมอเลยใช่มั้ยคะ
00:21:23 → 00:21:25 คุณหมอจะวินิจฉัยแล้วก็เรื่องการรักษาก็
00:21:25 → 00:21:28 กังวลเหมือนกันนะคือคำว่ามะเร็งอ่ะคุณหมอ
00:21:28 → 00:21:31 ไม่ใช่เรื่องที่แบบจะทำใจได้ง่ายๆนะคะ
00:21:31 → 00:21:35 เอือใช่มันฟังดูมันก็รู้สึกว่าโอ้โห
00:21:35 → 00:21:38 มะเร็งเลยทีเดียวนะครับก่อนที่จะไปถึงการ
00:21:38 → 00:21:42 รักษาเนาะเรามาที่การคัดกรองก่อนอค่ะอ่า
00:21:42 → 00:21:43 เพราะว่าอย่างที่บอกว่าใครที่มีปัจจัย
00:21:43 → 00:21:45 เสี่ยงหรือว่ามีอาการที่น่ากังวลเนี่ยเรา
00:21:45 → 00:21:49 จะคัดกรองยังไงถูกมั้ยค่ะอืมจริงๆเดี๋ยว
00:21:49 → 00:21:52 นี้เรามีการคัดกรองหลากหลายวิธีเลยนะครับ
00:21:52 → 00:21:55 เช่นการเอาเนี่ยเจ้าน้องก้อนของเราเนี่ย
00:21:55 → 00:21:59 ไปตรวจว่ามีเลือดปนหรือเปล่าเพสวดแบบนี้
00:21:59 → 00:22:01 จะเป็นการคัดกรองเบื้องต้นนะครับเพราะว่า
00:22:01 → 00:22:03 ถ้ามีเลือดปนออกมาอ่าเดี๋ยวเราก็ต้องไป
00:22:03 → 00:22:05 ส่องกล้องดูลำไส้เพิ่มนะครับแต่นี้เป็น
00:22:05 → 00:22:07 การแค่คัดกรองเบื้องต้นเฉยๆแต่ว่าข้อ
00:22:08 → 00:22:10 จำกัดของการตรวจว่ามีเลือดปนออกมาหรือ
00:22:10 → 00:22:13 เปล่าเนี่ยครับจะมีข้อจำกัดมากเลยเช่นบาง
00:22:13 → 00:22:15 ทีเราไปกินอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เนื้อ
00:22:15 → 00:22:19 แดงหรือว่าเลือดสัตว์บางชนิดเครับเลือด
00:22:19 → 00:22:21 หรือว่าเป็นผักบางชนิดยาบางชนิดเช่นยารส
00:22:21 → 00:22:24 อักเสบยาแอสไพรินเนี่ยพวกเทำให้เกิดผลบวก
00:22:24 → 00:22:27 ลวงได้ผลบวกลวงคืออะไรเช่นเราไม่ได้มี
00:22:27 → 00:22:30 เลือดออกนะแต่ไอ้อาหารพวกเนี้ยอาหารการ
00:22:30 → 00:22:32 กินทั้งหมดของเราพวกเนี้ยทำให้การแปรผล
00:22:32 → 00:22:34 ออกมาว่าเรามีเลือดปนออกมาอันนี้เค้า
00:22:35 → 00:22:38 เรียกว่าบวกลวงอืออครับหรือว่าการกินพวก
00:22:38 → 00:22:41 วิตามินซีเนี่ยกลุ่มนี้จะทำให้เกิดลบลวง
00:22:41 → 00:22:44 อ่าลบลวงคืออะไรเช่นจริงๆเรามีเลือดออกนะ
00:22:44 → 00:22:48 แต่ไอ้วิตามินซีเนี่ยไปก่อไปเหมือนกับไป
00:22:48 → 00:22:51 กวนกระบวนการตรวจทำให้เราเกิดว่าอ้าวเรา
00:22:51 → 00:22:53 ไม่มีเลือดป่นออกมาซึ่งแบบเยมีข้อจำกัด
00:22:53 → 00:22:57 เยอะมากอ๋อนะครับค่ะอือฮึใช่แล้วก็เลย
00:22:57 → 00:22:59 เดี๋ยวเเลยมีการตรวจอุจจาระอีกแบบนึงก็
00:22:59 → 00:23:02 คือตรวจเป็นสารประกอบโปรตีนจำเพาะเลยที่
00:23:02 → 00:23:04 อยู่ในเลือดมนุษย์เท่านั้นนะครับซึ่งจะ
00:23:04 → 00:23:07 ได้ผลที่แม่นยำขึ้นแต่แบบเนี้ยอถ้าตรวจ
00:23:07 → 00:23:09 แล้วมันลบเนี่ยก็ต้องตรวจทุกปีทุกปีอยู่
00:23:09 → 00:23:12 ดีนะครับอหรือว่าถ้าสมัยใหม่ขึ้นก็คือ
00:23:12 → 00:23:15 ตรวจสารประกอบ DNA เลยที่มันผิดปกติที่
00:23:15 → 00:23:18 มันป่นออกมาเลยว่ามันมีไอ้ DNA ที่มันผิด
00:23:18 → 00:23:21 ปกติเนี่ยมันออกมาจากเจ้าก้อนมะเร็งนี่
00:23:21 → 00:23:26 แหละค่ะอืนี้คือการตรวจคัดกองใคัดกรอง
00:23:26 → 00:23:29 เบื้องต้นแต่จริงๆเรามีการคัดรองที่อ่า
00:23:29 → 00:23:32 เทคนิคเยอะกว่านี้เช่นการตรวจ xray
00:23:32 → 00:23:36 คอมพิวเตอร์ค่ะนะครับแบบเนี้ยไม่เจ็บตัว
00:23:36 → 00:23:38 นะครับแต่ว่าจะกว่าจะตรวจเจอได้เนี่ยมัน
00:23:38 → 00:23:41 ต้องเป็นรอยโรคที่มันใหญ่ขึ้นละนะครับอีก
00:23:41 → 00:23:44 ทั้งต่อให้เจอแล้วก็มันไม่สามารถเอาชิ้น
00:23:44 → 00:23:47 เนื้อมาตรวจได้สุดท้ายต้องไปจบที่การตรวจ
00:23:48 → 00:23:50 ที่เป็นสแตนดาร์ดเลยวิธีมาตรฐานเลยคือการ
00:23:50 → 00:23:52 ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ครับ
00:23:52 → 00:23:56 ออซึ่งแบบนี้เนี่ยสามารถจะดูได้ตลอดทั้ง
00:23:56 → 00:24:01 ลำไส้ใหญ่เลยว่ามันมีอะไรผิดปกติของลำไส้
00:24:01 → 00:24:03 ใหญ่หรือเปล่าและอีกทั้งยังสามารถตรัด
00:24:03 → 00:24:05 ชิ้นเนื้อของเราเนี่ยมาตรวจได้ด้วยถ้า
00:24:05 → 00:24:07 สมมุติว่ามีก้อนที่มันผิดปกตินะครับหรือ
00:24:08 → 00:24:10 ว่าถ้าเป็นลักษณะก้อนเล็กๆเนี่ยครับ
00:24:10 → 00:24:12 สามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อรักษาได้เลย
00:24:12 → 00:24:15 เหมือนกันค่ะผ่าตัด 2 กล้องเป็นในรูปแบบ
00:24:16 → 00:24:19 ที่แผลเล็กหายก็เร็วขึ้นอะไรอย่าเงี้ย
00:24:19 → 00:24:22 วิธีการผ่าตัดเนี่ยเก็จะปกติก็มีวิธีแบบ
00:24:22 → 00:24:25 ธรรมดากับ 2 กล้องด้วยใช่มั้ยคะใช่ครับผม
00:24:25 → 00:24:29 แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับคนไข้หรือว่าระยะของ
00:24:29 → 00:24:32 มะเร็งเกี่ยวมคะใช่เออเอางี้ต้องบอกว่า
00:24:32 → 00:24:34 การรักษาของเรื่องของมะเร็งเนี่ยครับ
00:24:34 → 00:24:36 มะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ยต้องบอกว่าการรักษา
00:24:36 → 00:24:39 หลักคือการผ่าตัดนะครับถ้ายังไม่ใช่ระยะ
00:24:39 → 00:24:42 แพร่กระจายนะเราจะใช้วิธีการผ่าตัดเป็น
00:24:42 → 00:24:44 หลักเลยนะครับอการผ่าตัดแบบดั้งเดิมเนี่ย
00:24:44 → 00:24:47 จะเป็นแบบแผลเดียวเลยยาวกลางท้องเลยครับ
00:24:47 → 00:24:50 เป็นผาตัดแบบเปิดอค่ะเพื่อทำการเอาลำไส้
00:24:50 → 00:24:52 ส่วนนี้เป็นมะเร็งออกพร้อมกับการเลาะต่อม
00:24:52 → 00:24:55 น้ำเหลืองนะครับแล้วก็ตัดต่อลำไส้ใหม่นะ
00:24:55 → 00:24:58 ครับแต่พวกเนี้ยอแน่นอนมันจะปวดเนาะอแผ
00:24:58 → 00:25:01 ใหญ่แผลยาวนะครับแล้วก็ฟื้นตัวได้ช้าอื
00:25:01 → 00:25:03 แล้วก็การผ่าตัดแบบปัจจุบันเนี่ยเราใช้
00:25:04 → 00:25:06 การผ่าตัดแบบ 2 กล้องเนาะคือเจาะรูเล็กๆ
00:25:06 → 00:25:08 เข้าไปที่หน้าท้องนะครับไปตัดลำไส้เลาะ
00:25:08 → 00:25:10 น้ำเหลืองเลาะต่อมน้ำเหลืองต่างๆแบบเเรา
00:25:11 → 00:25:13 จะเห็นรายละเอียดการผาตัดได้ชัดนะครับแน่
00:25:13 → 00:25:16 นอนมันปวดแผลน้อยกว่านะครับเพราะว่าแผล
00:25:16 → 00:25:18 เนี่ยมันเล็กๆนิดเดียวเองนะครับส่วนใหญ่
00:25:18 → 00:25:20 วันแรกเนี่ยก็สามารถเดินเหินช่วยเหลือตัว
00:25:20 → 00:25:23 เองได้เลยอันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
00:25:23 → 00:25:25 ที่สุดคือสังเกตอาการตัวเองครับถ้าเป็น
00:25:25 → 00:25:28 เนี่ยระยะแรกๆเนี่ยหายขาดต้องบอกเลยนะอ่า
00:25:28 → 00:25:31 ปาหายปาสูงมากใช่แต่ว่ามันจะกลับมาเป็น
00:25:31 → 00:25:33 อีกได้รือเปล่าคะเป็นอีกได้ครับผมต้องบอก
00:25:33 → 00:25:36 ว่าพวกเนี้ยมันต้องต้องหลังจากรักษาแล้ว
00:25:36 → 00:25:40 เนี่ยก็ต้องมาทำการตรวจติดตามเป็นระยะๆะ
00:25:40 → 00:25:43 จากที่คุณหมอนัดเนาะค่ะเพราะว่าไม่ใช่ว่า
00:25:43 → 00:25:46 ตัดหายปุ๊บเราจะหายขาดเลยหายสนิมเลยนะ
00:25:46 → 00:25:49 ครับพวกนี้มีโอกาสเป็นได้แต่ถ้าเป็นเจอ
00:25:49 → 00:25:52 อีกก็รักษาอีกพวกเนี้ยมันหายขาดได้อ๋อแต่
00:25:52 → 00:25:56 ก็ต้องระวังในไอเราทิ้งไว้นานเป็นระยะที่
00:25:56 → 00:25:58 แบบว่า 3-4 หรืออะไรอย่างเงี้ยมันอาจจะ
00:25:58 → 00:26:01 ต้องค่อนข้างอันตรายแหละหรือความเสี่ยงมี
00:26:01 → 00:26:04 มากขึ้นนะคะถ้ารู้เร็วสังเกตเร็วก็สามารถ
00:26:04 → 00:26:07 ผ่าตัดรักษาหายได้แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆ
00:26:07 → 00:26:10 ความเสี่ยงในการกลับมาเป็นก็จะน้อยลงด้วย
00:26:10 → 00:26:13 วันนี้ขอบคุณคุณหมอค่ะครับสวัสดีครับค
00:26:13 → 00:26:16 สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังค่ะพบ
00:26:16 → 00:26:18 กันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย
00:26:18 → 00:26:21 PBS podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะ
00:26:21 → 00:26:22 สวัสดี
00:26:22 → 00:26:26 ค่ะ This Is tha PBS podcast ทำไมการ
00:26:26 → 00:26:29 เป็นโรคเบาหวานจึงมีผลต่อความระว่างคู่
00:26:29 → 00:26:31 รักโดยเฉพาะปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ผู้
00:26:31 → 00:26:33 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท์วิภาดิลกสัมพันธ์
00:26:33 → 00:26:36 ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัว
00:26:36 → 00:26:40 มาเล่าให้ฟังครับคำว่าเบาหวานเนี่ยเบา
00:26:40 → 00:26:42 เนี่ยในภาษาโบราณก็คือปัสสาวะนี่แหละ
00:26:42 → 00:26:45 ปัสสาวะหวานนะก็คือเนื่องจากว่าคนที่เป็น
00:26:45 → 00:26:48 เบาหวานเนี่ยเอ่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับ
00:26:48 → 00:26:50 เรื่องของอินซูลินนะฮะฮอร์โมนที่สามารถ
00:26:51 → 00:26:54 ดึงน้ำตาลเนี่ยเอาออกมาจากระบบขับถ่ายของ
00:26:54 → 00:26:58 เราเนี่ยนะคะแล้วก็เอาไปทิ้งเอาไปเอาไป
00:26:58 → 00:27:01 ใช้ในในกระแสเลือดแต่เนื่องจากว่าพอเป็น
00:27:01 → 00:27:03 โรคเบาหวานเนี่ยเจ้าตัวเนี้ยเจ้าอินซูลิน
00:27:04 → 00:27:06 เนี่ยมันเสื่อมกำลังลงหรือว่ามันอ่อนแอนะ
00:27:06 → 00:27:09 ฮะก็ไม่สามารถที่จะดึงเอาน้ำตาลเนี่ยไป
00:27:09 → 00:27:13 ใช้ได้นะคะน้ำตาลมันก็เลยถูกขับออกมาทาง
00:27:13 → 00:27:15 ปัสสาวะซึ่งปกติจะไม่มีเพราะว่ามันต้อง
00:27:15 → 00:27:19 รักษาสมดุลของร่างกายใช่มั้ยคะจึงทำให้พบ
00:27:19 → 00:27:22 ว่าคนไข้ที่ไปฉี่ใส่กระโถนหรืออะไรเพราะ
00:27:23 → 00:27:25 เดี๋ยวนี้มันเป็นโถส้วมคนจะไม่ค่อยทราบ
00:27:25 → 00:27:28 สมัยก่อนเนี่ยเจะฉี่ใส่กระโถนกันปว่ามดก็
00:27:28 → 00:27:32 มาขึ้นปัสสาวะเพราะว่าน้ำตาลมันอยู่ในใน
00:27:32 → 00:27:35 ปัสสาวะเจึงเรียกกันว่าโรคเบาหวานเพราะ
00:27:35 → 00:27:37 ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาตรงเนี้ยระดับน้ำตาลใน
00:27:37 → 00:27:39 เลือดสูงนี่แหละค่ะมันก็มีผลกระทบต่อ
00:27:39 → 00:27:43 ฮอร์โมนนะคะทำให้เอ่อเกิดภาวะดื้อ
00:27:43 → 00:27:46 อินซูลินด้วยนะฮะการผลิตฮอร์โมนของร่าง
00:27:46 → 00:27:48 กายโดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความ
00:27:48 → 00:27:50 ต้องการทางเพศเก็ลดต่ำลงทั้งผู้หญิงผู้
00:27:50 → 00:27:53 ชายเห็นมั้ยฮะร่างกายเมันเป็นระบบที่มัน
00:27:53 → 00:27:56 เกี่ยวข้องกันไปหมดอ่ะค่ะนะฮะทีนี้พอมี
00:27:56 → 00:27:59 ภาวะการดื้ออสุรินเนี่ยมันก็จะทำให้เรา
00:27:59 → 00:28:03 เกิดการเหนื่อยล้านะฮะจากความผันผวนของ
00:28:03 → 00:28:05 ระดับน้ำตาลในร่างกายเเห็นว่าคนเป็นเบา
00:28:05 → 00:28:09 หวานมักจะอ่อนเพลียเหนื่อยนะฮะเมื่อมัน
00:28:09 → 00:28:11 อ่อนเพลียเหนื่อยมันก็เลยขาดความสนใจทาง
00:28:11 → 00:28:13 เพศไปด้วยจากที่คุณหมอท่านทำวิจัยกันมา
00:28:13 → 00:28:17 เนี่ยนะฮะจะพบว่าผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวาน
00:28:17 → 00:28:19 ประมาณ 50% แล้วก็ผู้หญิงที่เป็นโรคเบา
00:28:19 → 00:28:23 หวานประมาณ 25% นะคะจะมีปัญหาเกี่ยวกับ
00:28:23 → 00:28:27 เรื่องเพศเพราะฉะนั้นอีก 50% และอีก 75%
00:28:27 → 00:28:30 ไม่มีค่ะนะฮะเพราะฉะนั้นจะบอกว่ามีจริงม
00:28:30 → 00:28:32 จริงแต่ไม่ใช่กับทุกคนโดยทั่วๆไปเนี่ย
00:28:33 → 00:28:34 เพราะอะไรนะฮะปัญหาเหล่านี้มันก็อาจจะ
00:28:35 → 00:28:37 เกี่ยวกับเรื่องของเบื่อหน่ายในเซ็กก์นะ
00:28:37 → 00:28:40 ฮะความต้องการทางเพศน้อยลงหรือว่ามีการ
00:28:40 → 00:28:43 ติดเชื้อในเ่อระบบปัสสาวะหรืออุ้งเชิง
00:28:44 → 00:28:46 กรานนะคะแล้วก็มีการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
00:28:46 → 00:28:49 อะไรพวกนี้ล่ะ
00:28:49 → 00:28:53 ค่ะ This Is tha PBS
00:28:53 → 00:28:57 podcast ติดตามรายการของไย PBS podcast
00:28:57 → 00:29:13 ได้ทเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th
00:29:13 → 00:29:16 [เพลง]