00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้เนี่ยผมจะมาเล่าเรื่อง
00:00:02 → 00:00:04 เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อว่า
00:00:04 → 00:00:07 ออกซิโทซินนะครับออกซิโทซินเนี่ยมันเป็น
00:00:07 → 00:00:10 ฮอร์โมนที่บางคนอาจจะเรียกมันว่าฮอร์โมน
00:00:10 → 00:00:13 แห่งความรักนะฮะซึ่งจริงๆมันอาจจะไม่ถูก
00:00:13 → 00:00:16 ต้องซักทีเดียวนะฮะแต่ว่าวันนี้เดี๋ยวเรา
00:00:16 → 00:00:19 มาลงรายละเอียดในแง่ของว่าออกซิโตซินเมัน
00:00:19 → 00:00:22 มีไว้ทำไมในร่างกายของคนเรานะครับและมัน
00:00:22 → 00:00:24 มีฮอร์โมนอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยที่เกี่ยว
00:00:24 → 00:00:26 ข้องกับความรักนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:26 → 00:00:29 แพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:29 → 00:00:31 ประเทศสหรัฐนฬิกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูก
00:00:31 → 00:00:34 ถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับผมขอเริ่มต้น
00:00:35 → 00:00:37 ด้วยเรื่องความเข้าใจที่อาจจะคลาดเคลื่อน
00:00:37 → 00:00:40 ไปนิดนึงก่อนนะครับหลายคนเรียกฮอร์โมน
00:00:40 → 00:00:43 ออกซิโทซินว่าฮอร์โมนแห่งความรักทำให้
00:00:43 → 00:00:45 เกิดความรักซึ่งจริงๆเนี่ยอาจจะคาด
00:00:45 → 00:00:48 เคลื่อนไปนะครับสิ่งที่ออกซิโทซินมันทำ
00:00:48 → 00:00:51 จริงๆในเรื่องเกี่ยวข้องกับความรักก็คือ
00:00:51 → 00:00:54 การทำให้ความสัมพันธ์เหนียวแน่นนะครับ
00:00:54 → 00:00:57 หรือที่เราเรียกว่า bonding นั่นเองนะ
00:00:57 → 00:01:00 ครับจุดมุ่งหมายของมันเนี่ยทำให้เราเนี่ย
00:01:00 → 00:01:03 อยู่กับคู่ของเราได้นานนะครับมีความรัก
00:01:03 → 00:01:06 แบบเป็นครอบครัวถ้าเรามีการคลอดลูกออกมา
00:01:06 → 00:01:10 นะครับเราก็จะมีความรักความผูกพันกับลูก
00:01:10 → 00:01:12 นะครับออกซิโทซินเนี่ยจะเป็นฮอร์โมนที่ทำ
00:01:12 → 00:01:15 หน้าที่ประมาณนี้นะครับเดี๋ยวเราลงราย
00:01:15 → 00:01:17 ละเอียดว่าเฮ้ยแล้วทำไมมันถึงไม่ใช่
00:01:17 → 00:01:20 ฮอร์โมนแห่งความรักตรงๆนะครับแล้วก็จะ
00:01:20 → 00:01:23 เล่าลงไปถึงว่าออกซิโทซินมันมายังไงมาจาก
00:01:23 → 00:01:26 ไหนแล้วอะไรไปกระตุ้นมันได้ผมขอเริ่มต้น
00:01:26 → 00:01:30 ด้วยว่าคนเราเนี่ยจริงๆเกิดมาเราก็ต้องมี
00:01:30 → 00:01:33 การสืบต่อนะครับสืบต่อเป็นรุ่นลูกรุ่น
00:01:34 → 00:01:37 หลานใช่มั้ยครับสิ่งนึงซึ่งทำให้คนเรา 2
00:01:37 → 00:01:40 คนน่ะชอบกันได้นะครับก็คือความแตกต่างกัน
00:01:40 → 00:01:44 ของระบบอันนึงในร่างกายที่เรียกว่า hla
00:01:44 → 00:01:47 Human leucite antigen นะครับตัวนี้
00:01:47 → 00:01:50 เนี่ยแต่ละคนมันจะไม่ค่อยเหมือนกันนะครับ
00:01:50 → 00:01:56 และการที่เรารักชอบใครสักคนที่มี hoa ที่
00:01:56 → 00:01:58 แตกต่างจากกันเนี่ยนะครับมันจะสามารถทำ
00:01:58 → 00:02:02 ให้ลูกที่คอออกมามีความผสมผสานระหว่าง hla
00:02:02 → 00:02:06 2 ระบบได้แล้วการที่เรามี H ที่แตกต่าง
00:02:06 → 00:02:10 กันผสมกันเนี่ยจะทำให้เรามีภูมิต้านทาน
00:02:10 → 00:02:13 ต่อสิ่งต่างๆได้ดีมากขึ้นดังนั้นโดย
00:02:13 → 00:02:16 ธรรมชาตินะครับก็เลยมีการคัดเลือกทำให้คน
00:02:16 → 00:02:19 ที่มี hoa ที่ไม่เหมือนกันเนี่ยรู้สึก
00:02:19 → 00:02:22 เห็นชอบว่าเอ้ออีกฝ่ายนึงเนี่ยหน้าตาดี
00:02:22 → 00:02:26 หน่าอยู่ใกล้รู้สึกอยากอยู่ใกล้นะครับ H
00:02:26 → 00:02:29 ที่ไม่เหมือนกันก็จะสามารถทำให้ร่างกาย
00:02:29 → 00:02:32 ของเราเนี่ยมีกลิ่นนะครับมีฟีโรโมนที่ไม่
00:02:32 → 00:02:36 เหมือนกันส่วนหนึ่งได้นะครับอันเนี้ยเป็น
00:02:36 → 00:02:39 เป็นเรื่องของทางชีววิทยาที่มีความเกี่ยว
00:02:39 → 00:02:43 ข้องกับการกำเนิดความรักอย่างหนึ่งแต่ตรง
00:02:43 → 00:02:45 นี้เดี๋ยวไว้วันหลังเราค่อยลงรายละเอียด
00:02:45 → 00:02:48 นะครับถ้าสมมุติว่าเราไปเจอคนๆนึงเราชอบ
00:02:48 → 00:02:51 เราเริ่มมีความผูกพันแล้วอะไรเกิดขึ้น
00:02:51 → 00:02:53 ความรักเนี่ยมันเริ่มมาจากฮอร์โมนอยู่ 3-4
00:02:53 → 00:02:57 ตัวนั่นแหละครับตัวแรกคือโดปามีน
00:02:57 → 00:03:00 ฮอร์โมนแห่งการให้รางวัลและเสพติดนั่นเอง
00:03:01 → 00:03:03 นะครับคือโดปามีนเนี่ยบางคนจะบอกว่าเอ๊ะ
00:03:03 → 00:03:06 มันฟังชื่อแล้วถ้าไปเคยได้ยินมามากๆนะมัน
00:03:06 → 00:03:09 รู้สึกไม่ดีเพราะมันทำให้เราติดติดการ
00:03:09 → 00:03:12 พนันก็โดปามีนติดบุหรี่ก็โดปามีนติดเหล้า
00:03:12 → 00:03:15 ก็โดปามีนเฮ้ยโดปามีนเเหมือนเป็นฮอร์โมน
00:03:15 → 00:03:18 ที่ไม่ดีเลยเนาะมันมีไว้ทำไมนะครับจริงๆ
00:03:18 → 00:03:20 ไอ้โดปามีนเนี่ยมันก็เป็นจุดเริ่มต้น
00:03:20 → 00:03:23 อย่างหนึ่งที่ทำให้เราเกิดความรักความชอบ
00:03:23 → 00:03:26 อะไรักอย่างมากๆมันเป็นตัวที่ควบคุมทาง
00:03:26 → 00:03:29 ด้านของการให้รางวัลแก่ร่างกายซึ่งจริงๆ
00:03:29 → 00:03:32 ผมเคยพูดเรื่องของโดปามีนกับซีโรโทนินไป
00:03:32 → 00:03:34 แล้วถ้าจำไม่ได้เนี่ยลองย้อนไปฟังคลิป
00:03:34 → 00:03:36 นั้นดูก็ได้นะครับตัวโดปามีนเนี่ยมันจะ
00:03:37 → 00:03:39 หลั่งเพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการที่เรามี
00:03:39 → 00:03:42 ความรักมันจะทำให้เรารู้สึกว่าการที่เรา
00:03:42 → 00:03:44 ได้เจอคู่ของเราเนี่ยมันเหมือนเป็นรางวัล
00:03:45 → 00:03:47 ชีวิตนะครับมันเป็นเรื่องตื่นเต้นมันเป็น
00:03:47 → 00:03:50 เรื่องที่เราจำเป็นจะต้องเก็บมันไว้รักษา
00:03:50 → 00:03:53 มันไว้เจออยากจะเจอนะครับโดปามีนจะหลัง
00:03:54 → 00:03:57 มากในช่วงแรกของการที่มีความรักแต่พอไป
00:03:57 → 00:04:00 ช่วงหลังเนี่ยมันจะหลัลดลงและนะครับเพราะ
00:04:00 → 00:04:03 ว่าถ้าเราเริ่มมีความสัมพันธ์ที่มันเ่อคง
00:04:03 → 00:04:07 ที่นะครับแข็งแรงมั่นคงมันก็จะค่อยๆลดบท
00:04:07 → 00:04:10 บาทหน้าที่ลงไปตัวที่ 2 ที่เกี่ยวข้องนะ
00:04:10 → 00:04:13 ครับก็คือ Nine หรือเราเรียกอีกชื่อนึง
00:04:13 → 00:04:15 ว่า nor adrenaline ตัวนี้นี่แหละครับ
00:04:15 → 00:04:18 ที่มันจะทำให้เรารู้สึกว่าตื่นเต้นนะครับ
00:04:18 → 00:04:22 มีพลังรู้สึกว่าปกติเนี่ยถ้าเราตื่นมาตอน
00:04:22 → 00:04:25 เช้าแล้วต้องไปทำงานเราต้องไปเจอลูกค้า
00:04:25 → 00:04:28 เราต้องไปอ่าเจอคนที่เราไม่ชอบหน้าเนี่ย
00:04:28 → 00:04:30 เราก็อาจจะไม่มีแรงไม่ไม่มีกำลังใจจะไปทำ
00:04:30 → 00:04:33 งานเราจะเบื่อเราจะเหนื่อยใช่มั้ยฮะแต่
00:04:33 → 00:04:35 ถ้าวันไหนที่เรามีนัดกับคนที่เราชอบเรา
00:04:35 → 00:04:37 รักอย่างเงี้ยมันจะรู้สึกตื่นเต้นพลังจะ
00:04:37 → 00:04:40 มาเหลือล้นเลยเมื่อคืนก็นอนไม่หลับนะครับ
00:04:40 → 00:04:44 อันเนี้ยก็เป็นเพราะว่าตัวน adrenaline
00:04:44 → 00:04:49 หรือนฟนั่นเองนะครับถ้าใครที่เคยอยู่ต่าง
00:04:49 → 00:04:52 ประเทศเนี่ยจะเคยรู้สึกแล้วก็เคยได้ยินคำ
00:04:52 → 00:04:56 ๆหนึ่งนะครับที่เากล่าวว่าเวลาคนที่มี
00:04:56 → 00:04:58 ความรับเนี่ยจะเหมือนกับมีผีเสื้อบินอยู่
00:04:58 → 00:05:00 ในท้อง
00:05:00 → 00:05:03 stomach นะครับคำๆนี้เนี่ยที่มันรู้สึก
00:05:03 → 00:05:05 บรรยายไม่ถูกมันเหมือนกับว่ามีผีเสื้อบิน
00:05:05 → 00:05:07 อยู่นท้องอะไรเนี่ยก็เกิดเพราะฮอร์โมนตัว
00:05:07 → 00:05:11 นี้นี่แหละครับนรนีของเรานี่แหละอีกตัว
00:05:11 → 00:05:14 นึงก็คือรนารีมันทำหน้าที่คล้ายกันเลยนะ
00:05:14 → 00:05:17 ครับแต่ว่าตัวนรินจะเป็นตัวที่มันค่อน
00:05:17 → 00:05:19 ข้างเด่นในเรื่องของความรักมากกว่านะครับ
00:05:19 → 00:05:21 ไอ้ฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันออกมาจากต่อม
00:05:21 → 00:05:24 หมวกไตนะครับส่วนโดปามีนเนี่ยมันอยู่ใน
00:05:24 → 00:05:26 สมองนะครับซะเยอะ
00:05:26 → 00:05:30 นะอีกอย่างนึงก็คือซีโรโทนินในช่วงแรกของ
00:05:30 → 00:05:34 ความรักมันจะลดลงนะครับมันจะลดลงนะแล้วก็
00:05:34 → 00:05:37 คอร์ติซอลในช่วงแรกนะช่วงแรกคอร์ติซอล
00:05:37 → 00:05:39 ซึ่งมันเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดเนี่ย
00:05:39 → 00:05:42 มันจะเยอะขึ้นนะครับมันจะเยอะขึ้นเพื่อ
00:05:42 → 00:05:46 ส่วนหนึ่งนะครับคิดว่าอาจจะมีความเกี่ยว
00:05:46 → 00:05:49 ข้องกับการที่จะมาควบคุมไม่ให้เรามีความ
00:05:49 → 00:05:51 เคล้นความเครียดที่เยอะเกินไปจากการที่
00:05:51 → 00:05:54 เรามีรนีกับนนีที่สูงขึ้นในร่างกายนะครับ
00:05:54 → 00:05:58 ร่างกายเรามันควบคุมซึ่งกันและกันนะฮะตรง
00:05:58 → 00:06:00 นี้เนี่ยจะเป็นเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง
00:06:00 → 00:06:03 กับการสร้างความรักขึ้นมามีโดปามีนนะครับ
00:06:03 → 00:06:08 ในการเริ่มความรักดรีนนรีนทำให้เรารู้สึก
00:06:08 → 00:06:12 ตื่นเต้นมีกำลังนะครับไม่เจ็บไม่ปวดนะฮะ
00:06:12 → 00:06:15 แล้วก็ฮอร์โมนที่ลดลงไปในช่วงแรกก็คือ
00:06:15 → 00:06:18 ซีโรโทนินก่อนแต่เดี๋ยวตอนหลังมันจะกลับ
00:06:18 → 00:06:21 มาแล้วก็คอร์ติซอลมันจะสูงขึ้นในช่วงแรก
00:06:21 → 00:06:24 แต่ยังไม่หมดแค่นั้นครับจะมีฮอร์โมนแอ่ง
00:06:24 → 00:06:26 ความสุขอีกตัวนึงที่หลังมาตอนแรกหลังจาก
00:06:26 → 00:06:28 ที่เราเริ่มมีความรักไปได้นิดนึงก็คือ
00:06:28 → 00:06:31 endorphin endorphin เนี่ยเราจะเรียก
00:06:32 → 00:06:35 ว่าเป็น endogenous opioid endogenous
00:06:35 → 00:06:37 คือแปลว่ามาจากร่างกายของเรา opioid
00:06:37 → 00:06:40 เนี่ยคือสิ่งที่มีคุณสมบัติคล้ายฝิ่นนะ
00:06:40 → 00:06:44 ครับคือร่างกายเราสร้างเอนโดฟินมันคล้ายๆ
00:06:44 → 00:06:46 ฝิ่นหมายความว่ายังไงหมายความว่ามัน
00:06:46 → 00:06:51 สามารถลดความเจ็บปวดได้มันสามารถที่จะทำ
00:06:51 → 00:06:55 ให้เราเนี่ยมีความสุขได้นะครับเนี่ยฤทธิ์
00:06:55 → 00:06:58 ของเอนดอร์ฟินดังนั้นคนที่มีความรักใน
00:06:58 → 00:07:03 ช่วงแรกก็จะรู้สึกว่าตื่นเต้นอยากเจอดีใจ
00:07:03 → 00:07:07 นะครับรู้สึกเออมันอยู่ไม่สุขเลยมีความ
00:07:07 → 00:07:10 สุขมากนะครับไม่เจ็บไม่ปวดทุกอย่างดู
00:07:10 → 00:07:13 เหมือนโรคจะกลายเป็นสีชมพูอะไรที่มันดู
00:07:13 → 00:07:15 เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับเราตอนนี้
00:07:15 → 00:07:17 มันก็ไม่หนักหนาสาหัสสำหรับแล้วก็เพราะ
00:07:17 → 00:07:20 ไอ้ฮอร์โมนพวกนี้นี่แหละครับนะฮะมีหลาก
00:07:20 → 00:07:22 หลายตัวเลยแต่ตัวพวกเนี้ยคือตัวที่เกี่ยว
00:07:22 → 00:07:26 ข้องทีนี้หลังจากนั้นแล้วออกซิโทซินมัน
00:07:26 → 00:07:29 ออกมาตรงไหนออกซิโทซินเนี่ยเป็นฮอร์โมน
00:07:29 → 00:07:31 ที่ต้องใช้ใช้เวลาในการหลั่งมันไม่หลั่ง
00:07:31 → 00:07:33 ออกมาตั้งแต่แรกนะครับมันจะค่อยๆหลั่งไป
00:07:33 → 00:07:35 เมื่อเราเริ่มมีความรักไปสักระยะหนึ่ง
00:07:36 → 00:07:38 แล้วเรารู้สึกว่าคนเนี้ยใช่คนเเป็นคนที่
00:07:38 → 00:07:41 เราอยากอยู่ด้วยออกซิโทซินมันจะเริ่มมี
00:07:41 → 00:07:45 การลังออกมาและออกซิโทซินเนี่ยจะถูกสร้าง
00:07:45 → 00:07:47 ด้วยส่วนหนึ่งของสมองที่เราเรียกว่า
00:07:47 → 00:07:50 ไฮโปทาลามัสหลังจากนั้นมันก็ส่งมาเกลบ
00:07:50 → 00:07:53 เก็บไว้ที่ต่อมใต้สมองหรือต่อมพี่รอเวลา
00:07:53 → 00:07:57 ที่จะหลั่งออกมานะครับอะไรบ้างที่กระตุ้น
00:07:57 → 00:08:00 การหลั่งนะครับตัวออกซิโทซินเนี่ยกระตุ้น
00:08:00 → 00:08:05 ด้วยการกอดการสัมผัสการอยู่ใกล้นะครับถ้า
00:08:05 → 00:08:07 แล้วก็มีอีกอย่างนึงก็คือเรื่องของ
00:08:07 → 00:08:09 เพศสัมพันธ์อันนี้ก็เป็นการกระตุ้น
00:08:09 → 00:08:12 ออกซิโทซินนะครับอีกอย่างนึงซึ่งเกี่ยว
00:08:12 → 00:08:14 ข้องโดยเฉพาะในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไปแล้ว
00:08:14 → 00:08:18 นะครับออกซิโทซินเนี่ยมันมีหน้าที่ในการ
00:08:18 → 00:08:21 ออกมาทำให้มะลูกของเราบีบตัวเวลาที่เรา
00:08:21 → 00:08:25 คลอดนะครับและอีกอย่างนึงก็คือการที่เรา
00:08:25 → 00:08:27 ให้นมบุตถ้าเกิดว่าลูกของเราเนี่ยมันดูด
00:08:27 → 00:08:30 นมนะฮะมันก็ต้องมีน้ำนมมาให้ลูกกินนไม่
00:08:30 → 00:08:32 งั้นมันก็ไม่มีอะไรกินก็แย่ได้นะครับ
00:08:32 → 00:08:35 ออกซิโทซินเนี่ยจะเป็นฮอร์โมนตัวนึงซึ่ง
00:08:35 → 00:08:38 ออกมาเยอะเวลาที่ลูกเนี่ยเค้าดื่มดมแม่นะ
00:08:38 → 00:08:43 ครับก็จะเป็นเช่นนั้นแล้วออกซิโทซินมันมี
00:08:43 → 00:08:47 ความสำคัญมากๆอย่างหนึ่งนะครับก็คือว่า
00:08:47 → 00:08:52 มันจะแตกต่างจากฮอร์โมนตัวอื่นสมมุติเรา
00:08:52 → 00:08:54 เริ่มกันที่เรื่องของการคลอดบุดก่อนนะ
00:08:54 → 00:08:56 ครับออกซิโทซินเนี่ยมันไม่ใช่มีไว้แค่
00:08:57 → 00:08:59 คลอดบุษกับให้นมลูกแค่นั้นนะแต่มันมันยัง
00:09:00 → 00:09:03 ทำให้เราเนี่ยผูกพันกับลูกผูกพันกับ
00:09:03 → 00:09:05 ครอบครัวเพื่อที่จะเลี้ยงลูกของเราให้โต
00:09:05 → 00:09:10 ไปสืบต่อสกุลสืบต่อทายาทได้ถ้าคุณขาด
00:09:10 → 00:09:14 ออกซิโทซินเยอะๆเนี่ยมันก็ไม่มีสิ่งเหล่า
00:09:14 → 00:09:17 นี้เกิดขึ้นนะครับงั้นจะรู้สึกว่าฮอร์โมน
00:09:17 → 00:09:19 ออกซิโทซินมันดูแลเราตั้งแต่แรกจนกระทั่ง
00:09:19 → 00:09:24 เราคลอดลูกออกมาเลยนะครับออกซิโทซินเนี่ย
00:09:24 → 00:09:26 เมื่อกี้เราบอกะว่าสร้างมาจากส่วนของสมอง
00:09:26 → 00:09:28 ที่เรียกว่าไฮโปทาลามัสเอามาเก็บไว้ที่
00:09:28 → 00:09:31 ต่อมใต้สมอง py แนแล้วหลังจากนั้นก็หลั่ง
00:09:31 → 00:09:33 ออกมาตามสิ่งกระตุ้นเมื่อตะกี้ที่บอกไป
00:09:33 → 00:09:36 ตั้งแต่เริ่มมีความรักการกอดการสัมผัสนะ
00:09:36 → 00:09:38 ครับการจูบการที่มีเพสัมพันธ์พวกนี้ก็
00:09:38 → 00:09:40 สามารถทำให้มะลังออกมาได้นะครับแล้วก็จะ
00:09:40 → 00:09:43 ยิ่งทำให้เรารู้สึกผูกพันกับคู่คู่นั้น
00:09:43 → 00:09:46 มากขึ้นเรื่อยๆนะครับจนกระทั่งถ้าเราคลอด
00:09:46 → 00:09:49 บุตรเนี่ยตรงนั้นก็มีความสำคัญละผู้ชาย
00:09:49 → 00:09:53 ออกซิโทซินเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายด้วย
00:09:53 → 00:09:55 ต้องบอกก่อนนะครับว่าออกซิโทซินเนี่ยจะมี
00:09:55 → 00:09:57 เยอะในผู้หญิงผู้ชายจะมีน้อยกว่านะครับ
00:09:57 → 00:10:00 แต่น้อยกว่าที่คือโดยเฉลี่ยนะไม่ได้น้อย
00:10:00 → 00:10:03 กว่ามากๆนะครับแล้วตัวออกซิโทซินในผู้ชาย
00:10:03 → 00:10:07 นอกเหนือจากเรื่องของความผูกพันนะครับมัน
00:10:07 → 00:10:10 จะมีอีกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องก็คือการ
00:10:10 → 00:10:12 หลั่งอสุจินั่นเองถ้าเกิดว่าออกซิโทซิน
00:10:12 → 00:10:14 ไม่ออกมาตอนนั้นน่ะผู้ชายก็ไม่หลั่งนะ
00:10:14 → 00:10:17 ครับอ่าผู้ชายก็ไม่หลัแต่ถ้ามันมีเยอะ
00:10:17 → 00:10:20 เกินไปมีปัญหามยมีมันมีความเกี่ยวข้องกับ
00:10:20 → 00:10:23 โรคต่อมลุหมากโตนะครับตรงเนี้ยก็อาจจะมี
00:10:23 → 00:10:25 ความเกี่ยวข้องได้บ้างอย่างไรก็ตาม
00:10:25 → 00:10:27 ออกซิโตซินไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยเดียวที่
00:10:27 → 00:10:29 ทำให้มีปัญหาเรื่องต่อมลูกมาโตมันยังมี
00:10:30 → 00:10:32 อีกหลายอย่างนะครับตรงเนี้ยมีอีกหลาย
00:10:32 → 00:10:36 อย่างนะฮะออและอย่าลืมเรื่องของฮอร์โมน
00:10:36 → 00:10:40 เพศตรงนี้มีส่วนด้วยคือคนเรามีความรักมัน
00:10:40 → 00:10:42 ก็ต้องเริ่มเพื่อที่จะสร้างครอบครัวแล้ว
00:10:43 → 00:10:45 ต้องมีการ bonding สร้างความสัมพันธ์ก็
00:10:45 → 00:10:48 เริ่มจากเฮ้ยเราเห็นคู่ที่มี hoa ไม่
00:10:48 → 00:10:51 เหมือนกับเราเค้าดึงดูดเราชอบเค้าเริ่มมี
00:10:51 → 00:10:55 ความรักฮอร์โมนโดปามีนออกมานนีรนีหลัออก
00:10:55 → 00:10:57 มานะครับเอ็นดอร์ฟินเริ่มทำให้เรามีความ
00:10:57 → 00:10:59 สุขเริ่มรู้สึกว่าโรคเป็นสีชมพูไม่เจ็บ
00:10:59 → 00:11:02 ไม่ปวดอะไรหลังจากนั้นก็จะเริ่มเข้าสู่
00:11:02 → 00:11:05 เรื่องของเพศและเทสโทสเตอโรนเนี่ยมีทั้ง
00:11:05 → 00:11:08 ผู้ชายผู้หญิงนะครับแล้วเทสโทสเตอโรนใน
00:11:08 → 00:11:09 เรื่องเกี่ยวข้องกับเพศเนี่ยมันจะทำให้
00:11:10 → 00:11:13 เรามีความต้องการทางเพศต้องการออกไปหาคู่
00:11:13 → 00:11:15 นะครับส่วนเอสโตรเจนก็มีทั้งผู้ชายผู้
00:11:15 → 00:11:17 หญิงเหมือนกันแต่แน่นอนผู้หญิงมีเยอะกว่า
00:11:17 → 00:11:19 นะครับส่วนเทสโทสเตอโรนเนี่ยผู้ชายมีเยอะ
00:11:19 → 00:11:21 กว่าแต่ผู้หญิงก็ต้องมีนะครับเอสโตรเจน
00:11:21 → 00:11:24 เนี่ยมันจะทำให้เรารู้สึกเออมีความ
00:11:24 → 00:11:28 ต้องการในการที่จะหาคู่เหมือนกันแต่ว่า
00:11:28 → 00:11:31 เทสเนี่ยจะเป็นฝ่ายบุกเอสโตรเจนจะเป็น
00:11:31 → 00:11:34 ฝ่ายรับมากกว่านะครับก็จะเป็นทำนองนี้นะ
00:11:34 → 00:11:37 หลังจากนั้นพอเรามีบุตรออกมาฮอร์โมนเหล่า
00:11:37 → 00:11:40 เนี้ยก็จะมีผลต่อเนื่องตามกันมานะ
00:11:40 → 00:11:44 ฮะหลังจากที่เราคลอดลูกออกมาแล้วแน่นอน
00:11:44 → 00:11:46 ฮอร์โมนพวกนี้ก็ยังมีผลอยู่แต่ว่ามันจะมี
00:11:46 → 00:11:49 ความเปลี่ยนแปลงไปนะครับความรักในระยะแรก
00:11:49 → 00:11:51 เนี่ยจะเป็นความรักที่หวือหวาจะมีพวก
00:11:51 → 00:11:54 โดปามีนมาให้รางวัลกับร่างกายเรานะครับ
00:11:54 → 00:11:56 แต่พอมันผูกพันไปมากๆโดปามีนจะเริ่มลด
00:11:56 → 00:11:59 ความสำคัญลงมันจะค่อยๆลดลงไปะซีโรโทนิน
00:11:59 → 00:12:01 ที่ตอนแรกมันตกไปมันจะเริ่มค่อยๆขึ้นมา
00:12:01 → 00:12:03 ซีโรโทนินเนี่ยเหมือนเป็นความสุขที่ยั่ง
00:12:03 → 00:12:06 ยืนกว่าเมื่อรวมกับออกซิโทซินซึ่งเกิด
00:12:06 → 00:12:08 ขึ้นก็สามารถทำให้เกิดความสุขที่ยั่งยืน
00:12:08 → 00:12:12 ได้นะครับงั้นเราจะสังเกตว่าเมื่อกี้ผม
00:12:12 → 00:12:14 เคยบอกว่าออกซิโทซินเนี่ยมันสามารถ
00:12:14 → 00:12:17 กระตุ้นได้ด้วยการอยู่ใกล้การกอดนะครับ
00:12:17 → 00:12:19 การสัมผัสครอบครัวไหนที่มีความรักความ
00:12:19 → 00:12:23 ใกล้ชิดกันมากนะครับกอดสัมผัสกันเรื่อยๆ
00:12:23 → 00:12:25 ก็จะเป็นการเสริมสร้างทำให้มีความอบอุ่น
00:12:26 → 00:12:29 ผูกพันมากขึ้นก็เกิดจากฮอร์โมนตัวนี้นั่น
00:12:29 → 00:12:32 เองนะครับอันเนี้ยเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งอ่า
00:12:32 → 00:12:35 น่าสนใจอย่างหนึ่งแต่บางคนอาจจะคิดไปว่า
00:12:35 → 00:12:37 เอ๊เมื่อตะกี้เนี่ยเราบอกว่าออกซิโทซิน
00:12:37 → 00:12:40 เนี่ยนะครับเป็นฮอร์โมนที่มันมีมากในผู้
00:12:40 → 00:12:42 หญิงเมื่อเทียบกับผู้ชายถูกมั้ยครับอผู้
00:12:42 → 00:12:44 ชายก็มีแหละแต่มันน้อยกว่าผู้หญิงอย่าง
00:12:44 → 00:12:47 นี้ก็แปลว่าเฮ้ยผู้หญิงเนี่ยจะเป็นคนที่
00:12:47 → 00:12:50 รักครอบครัวมากกว่าผู้ชายจะรักลูกมากกว่า
00:12:50 → 00:12:53 ผู้ชายจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบรักเดียวใจ
00:12:53 → 00:12:56 เดียวได้มากกว่าผู้ชายอย่างงั้นตลอดไป
00:12:56 → 00:12:59 เพราะว่าออกซิโทซินหรือเปล่าครับคำตอบก็
00:12:59 → 00:13:02 คือไม่ใช่ครับเพราะว่าการที่เราจะมีความ
00:13:02 → 00:13:04 อบอุ่นความสัมพันธ์กับใครที่มันลึกซึ้ง
00:13:04 → 00:13:06 แล้วก็ยาวนานเป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคง
00:13:06 → 00:13:08 เนี่ยนะครับมันไม่ได้เกิดเพราะว่าเหตุผล
00:13:08 → 00:13:11 อย่างนี้อย่างเดียวมันยังมีความเกี่ยว
00:13:11 → 00:13:15 ข้องกับเรื่องของสังคมนะครับอ่าสังคมการ
00:13:15 → 00:13:17 เลี้ยงดูอื่นๆซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
00:13:18 → 00:13:21 ฮอร์โมนนะครับค่านิยมนะเพื่อนอย่างเงี้ย
00:13:21 → 00:13:23 นะครับเดี๋ยวนี้ก็มีเกี่ยวข้องก็คือสาร
00:13:23 → 00:13:25 เสพติดอะไรเข้ามาเยอะแยะไปหมดดังนั้นของ
00:13:25 → 00:13:27 พวกนี้เนี่ยนะครับมันไม่ได้เป็นเพราะว่า
00:13:27 → 00:13:30 ฮอร์โมนเพียงอย่างเดียวเราจะไปโทษฮอร์โมน
00:13:30 → 00:13:32 ว่าเอ้ยผู้หญิงที่เค้าอ่ามีความสัมพันธ์
00:13:33 → 00:13:35 ที่มั่นคงมันเป็นเพราะว่าเค้าเนี่ยมีไอ้
00:13:35 → 00:13:37 ตัวออกซิโทซินเยอะกว่าผู้ชายอย่างเรา
00:13:37 → 00:13:40 เนี่ยมันก็ไม่มีสิมีน้อยกว่างั้นแปลว่า
00:13:40 → 00:13:42 ไอ้สิ่งที่เราทำมันก็เป็นเพราะว่าร่างกาย
00:13:42 → 00:13:45 เรามันสั่งให้เราทำมันสั่งให้เราไปนอกใจ
00:13:45 → 00:13:47 มันสั่งให้เราไปอย่างเงี้ยนะครับไม่
00:13:47 → 00:13:48 เกี่ยวอะไรกันเลยนะครับตรงนั้นคนละอย่าง
00:13:48 → 00:13:51 กันนะฮะจะได้ไม่สามารถอ้างได้ผมรู้ว่าบาง
00:13:51 → 00:13:53 คนฟังแล้วไอยากจะเอาไปอ้างกับคนอื่นเานะ
00:13:53 → 00:13:57 ครับก็ไม่ใช่เชเช่นนั้นนะฮะทีนี้ถ้าเกิด
00:13:57 → 00:13:59 ว่าใครอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวข้องกับ
00:13:59 → 00:14:01 ออกซิโทซินลึกๆเนี่ยอาจจะต้องไปอ่านเพิ่ม
00:14:01 → 00:14:04 นิดนึงเพราะว่าตัวออกซิโทซินเี่มันมีกลไก
00:14:04 → 00:14:08 พิเศษบางอย่างก็คือแตกต่างจากฮอร์โมนหลาย
00:14:08 → 00:14:10 ๆตัวเลยฮอร์โมนหลายๆตัวเนี่ยมันจะมีสิ่ง
00:14:10 → 00:14:13 ที่เรียกว่า Negative feedback หมายความ
00:14:13 → 00:14:14 ว่าถ้ามันโดนสั่งให้สร้างฮอร์โมนแล้ว
00:14:14 → 00:14:16 เนี่ยถ้าฮอร์โมนมันเยอะเช่นสมมุติ
00:14:16 → 00:14:18 สเตียรอยด์ในร่างกายเราถูกสั่งให้สร้างมา
00:14:18 → 00:14:21 นะครับสมองเราสั่งฮอร์โมนมาที่ต่อหมกไต
00:14:21 → 00:14:23 ให้สร้างสเตียรอยด์ขึ้นมาถ้าสตีรมันมี
00:14:23 → 00:14:25 เยอะแล้วมันจะไปบอกสมองเฮ้ยหยุดสร้างได้
00:14:25 → 00:14:28 แล้วพอะไม่ต้องนะครับแต่ออกซิโทซินเนี่ย
00:14:28 → 00:14:31 จะต้องตรงกันข้ามจะไม่ใช่เป็น Negative
00:14:31 → 00:14:33 feedback Loop แต่มันจะเป็น Positive
00:14:33 → 00:14:36 feedback Loop แปลว่าอะไรแปลว่าถ้ามัน
00:14:36 → 00:14:38 ยิ่งหลั่งมันยิ่งกระตุ้นให้มันหลังมามาก
00:14:38 → 00:14:41 กว่าเดิมอีกนะครับเช่นถ้าเกิดคุณกอดกัน
00:14:41 → 00:14:45 ออกซิโทซินหลังถ้าเป็นฮอร์โมนอื่นเออกอด
00:14:45 → 00:14:48 กันเสร็จหยุดหยุดหลังพอๆเยอะและนะครับไม่
00:14:48 → 00:14:50 อยากจะมีความสัมพันธ์ไม่มากกว่านี้และแต่
00:14:50 → 00:14:53 ออกซิโทซินไม่ใช่ถ้าคุณยิ่งกอดมันยิ่ง
00:14:53 → 00:14:55 หลังยิ่งกอดยิ่งหลังไปเรื่อยๆนะครับและใน
00:14:56 → 00:14:59 ช่วงที่เราคลอดลูกก็เหมือนกันนะครับตอน
00:14:59 → 00:15:02 ที่เรามีออกซิโทซินหลังมามดลูกเราบีบตัว
00:15:02 → 00:15:05 ลูกเราออกมาตอนที่กำลังออกมาเนี่ยมันจะ
00:15:05 → 00:15:07 เป็นการกระตุ้นมดลูกการกระตุ้นมดลูกก็
00:15:07 → 00:15:09 ยิ่งทำให้ออกซิโทซินมันหลั่งเนี่ยมันก็จะ
00:15:09 → 00:15:11 วนไปวนมาอย่างเงี้ยจนกว่าลูกจะคลอดออกมา
00:15:11 → 00:15:15 ออกซิโทซินถึงเริ่มหลังลดลงแต่ถ้าไม่
00:15:15 → 00:15:17 หลั่งเลยก็ไม่ได้นะครับเพราะว่ามดลูกมัน
00:15:17 → 00:15:20 จะไม่บีบตัวแล้วเกิดการตกเลือดหลังคลอด
00:15:20 → 00:15:22 ได้โดยเฉพาะเวลาที่รกมันไม่คลอดแล้วเราจะ
00:15:22 → 00:15:25 สังเกตว่าบางทีเนี่ยในทางการแพทย์นะครับ
00:15:25 → 00:15:28 เราจะมีการให้ออกซิโทซินเป็นยาเร่งคลอด
00:15:28 → 00:15:32 ด้วยนะฮะเออในช่วงในในช่วงที่เราจะคลอด
00:15:32 → 00:15:35 ลูกเนี่ยก็จะมีการใช้ยาพวกเนี้ยนะฮะหรือ
00:15:35 → 00:15:37 ว่าบางทีที่เรามีการตกเลือดหลังค้อเราก็
00:15:37 → 00:15:39 รู้สึกว่าเอ๊ะไอ้ตัวมดลูกเราเนี่ยมันไม่
00:15:39 → 00:15:41 หดตัวก็จะมีการให้อ่าฮอร์โมนออกซิโทซิน
00:15:41 → 00:15:45 แต่เป็นแบบสังเคราะห์นะครับให้มีการขอตัว
00:15:45 → 00:15:47 ของบลูกเพื่อที่จะลดการเสียเลือดแล้วก็ทำ
00:15:47 → 00:15:50 ให้เอ่อแม่เนี่ยไม่มีปัญหาทางด้านการตก
00:15:50 → 00:15:54 เลือดได้หลังจากคลอดนะครับอันนี้ก็อาจจะ
00:15:54 → 00:15:56 มีความสำคัญสำหรับผู้หญิงที่เค้าคลอดเ
00:15:56 → 00:15:59 เพราะว่าบางคนถ้าเลือดตกเยอะๆเนี่ยมัน
00:15:59 → 00:16:01 อันตรายอย่างนึงคือบางคนบอกว่าเอ้ยเลือด
00:16:01 → 00:16:03 ตกเยอะๆนี่ก็เสียชีวิตได้เราให้เลือดก็
00:16:03 → 00:16:07 น่าจะพอแต่ว่าคุณรู้มว่าตอนที่เราเนี่ยมี
00:16:07 → 00:16:10 ลูกนะครับมันจะมีปัญหาอย่างหนึ่งคือต่อม
00:16:10 → 00:16:13 พิตี่คือต่อมใต้สมองของเราเนี่ยมันจะขนาด
00:16:13 → 00:16:15 โตขึ้นหน่อยมันต้องการเลือดเยอะขึ้นถ้า
00:16:15 → 00:16:17 อยู่ๆมีการตกเลือดแล้วขาดเลือดทันทีเนี่ย
00:16:17 → 00:16:20 ไอ้ต่อมพิตี่ของเราเนี่ยมันอาจจะขาดเลือด
00:16:20 → 00:16:23 ได้ทำให้เราเนี่ยฮอร์โมนหายไปหมดเลยนะ
00:16:23 → 00:16:26 ครับจะหายมากหายน้อยก็แล้วแต่คนนะครับ
00:16:26 → 00:16:28 แล้วก็บางทีบางคนเนี่ยฮอร์โมนหลายๆอย่าง
00:16:29 → 00:16:32 อย่างหายไปเช่นเฮ้ยทำไมไม่มีน้ำนมเลยนะ
00:16:32 → 00:16:34 ครับเพราะว่าฮอร์โมนโปรแลคตินที่สร้างมา
00:16:34 → 00:16:36 เนี่ยมันหายเพราะว่าต่อมมันขาดเลือดแล้ว
00:16:36 → 00:16:39 มันตายไปแล้วบางคนทำไมโอ๋คลอดออกมาเสร็จ
00:16:39 → 00:16:42 รู้สึกเหนื่อยไม่มีแรงเพลียก็เพราะว่า
00:16:42 → 00:16:45 ฮอร์โมนที่กระตุ้นไทรรอยด์อ่ะมันหายไปจาก
00:16:45 → 00:16:47 การที่คุณตกเลือดเยอะๆเนี่ยไอ้ต่อมมันขาด
00:16:47 → 00:16:49 เลือดนะครับพวกนี้เราจะมีภาวะอันนึงเรา
00:16:49 → 00:16:51 เรียกว่า shean Syndrome นะครับเกิดจาก
00:16:51 → 00:16:53 การที่เราขาดเลือดเพราะว่าเราตกเลือดหลัง
00:16:53 → 00:16:56 คลอดเยอะๆจนกระทั่งไอ้ต่อมอ่า py แกนหรือ
00:16:56 → 00:16:57 ต่อมใต้สมองเนี่ยมันขาดเลือดเยอะจน
00:16:58 → 00:17:00 กระทั่งเกิดปัญหาขาดฮอร์โมนต่างๆเต็มไป
00:17:00 → 00:17:04 หมดเลยนะครับอืตรงนี้มีส่วนแต่อย่างไรก็
00:17:04 → 00:17:07 ตามออกซิโทซินเนี่ยอาจจะไม่ขาดนะครับอ่า
00:17:07 → 00:17:12 เพราะว่ามันซ่อนอยู่ในไฮโปทาลามัสมันไม่
00:17:12 → 00:17:15 ได้อยู่ในต่อมใต้สมองมันยังคงหลังออกมา
00:17:15 → 00:17:17 ได้ต่อมใต้สมองเป็นเพียงแค่ที่เก็บเท่า
00:17:17 → 00:17:19 นั้นเองนะครับังถือว่าโชคดีเนอะถึงแม้ว่า
00:17:19 → 00:17:22 เราจะเศร้าจากการเสียเลือดเราจะมีรู้สึก
00:17:22 → 00:17:24 ว่าต่อมมันขาดเลือดแล้วมันไม่สามารถสร้าง
00:17:24 → 00:17:26 ฮอร์โมนได้แต่เรายังสามารถที่จะมีความผูก
00:17:26 → 00:17:29 พันความอบอุ่นอะไรได้อยู่นะครับตรงนี้ก็
00:17:29 → 00:17:31 เป็นความสำคัญอันหนึ่งนะครับของ
00:17:31 → 00:17:33 ออกซิโทซินซึ่งมีกระบวนการ Positive
00:17:33 → 00:17:35 feedback ที่แตกต่างจากฮอร์โมนหลายๆตัว
00:17:35 → 00:17:38 ในร่างกายของเราแล้วก็ตัวลับของ
00:17:38 → 00:17:41 ออกซิโทซินเนี่ยนอกเหนือจากบริเวณอ่าเต้า
00:17:41 → 00:17:44 นมของแม่นะครับเ่อมดลูกนะฮะถ้าผู้ชายก็
00:17:45 → 00:17:48 ตรงบริเวณใกล้ต่อมลูกหมากนะฮะตรงท่ออัน
00:17:48 → 00:17:50 นึงซึ่งเรียกว่า vast difference นะครับ
00:17:50 → 00:17:53 ตรงนั้นก็จะมีส่วนนะฮะแล้วก็อีกที่นึงคือ
00:17:53 → 00:17:55 สมองก็แน่นอนเพราะว่าความรู้สึกความรัก
00:17:55 → 00:17:57 ความผูกพันความอบอุ่นต่างๆมันอยู่ที่สมอง
00:17:57 → 00:18:01 ก็ต้องมีการไปอ่าจับกับที่สมองแล้วก็ถ้า
00:18:01 → 00:18:02 ใครอยากจะรู้ว่าจับบริเวณไหนอันต้องไป
00:18:02 → 00:18:04 อ่านเพิ่มนิดนึงแต่ผมใบ้ให้นิดหน่อยแล้ว
00:18:05 → 00:18:08 กันนะครับตรงส่วนอิานะฮะิามันจะเป็นตัว
00:18:08 → 00:18:12 ที่บ่งบอกเราว่าเฮ้ยเ่อถ้าเรามีความ
00:18:12 → 00:18:15 เสี่ยงความน่ากลัวนะครับเราต้องระวังตัว
00:18:15 → 00:18:18 ไว้ไอ้ฮอร์โมนออกซิโทซินเนี่ยมันจะไปปลด
00:18:18 → 00:18:20 ล็อคตรงนี้ทำให้เราไม่ได้กังวลระวังตัว
00:18:20 → 00:18:23 เพราะคนเราปกติใครๆเดินเข้ามาถึงเราก็ไม่
00:18:23 → 00:18:25 อยากจะไปจับเค้าใช่มั้ยฮะเราไม่อยากให้
00:18:25 → 00:18:27 เขาคเข้าใกล้แต่ว่าฮอร์โมนออกซิโทซิน
00:18:27 → 00:18:30 เนี่ยมันจะบอกว่าเอ้ยถ้าเป็นคนเนี้ยได้
00:18:30 → 00:18:33 เข้ามาได้นะครับก็จะไปบอกอิล่าเราบอกว่า
00:18:33 → 00:18:36 เฮ้ยเอ่อคนเโอเคอยู่นะครับดังนั้นโดยสรุป
00:18:36 → 00:18:40 นะครับเรื่องราวความรักมันเกิดขึ้นได้
00:18:40 → 00:18:42 เนี่ยจริงๆมันมีมากกว่านี้อีกเยอะนะครับ
00:18:42 → 00:18:45 แต่ว่าหลักๆอย่างนึงเลยก็คือคนเราจะชอบ
00:18:45 → 00:18:47 กันได้เนี่ยส่วนหนึ่งก็คือมี hoa ที่แตก
00:18:47 → 00:18:49 ต่างกันนะครับมันเป็นโมเลกุลอย่างนึง
00:18:49 → 00:18:52 แล้วะกันที่เราได้รับสืบทอดมาจากพ่อแม่
00:18:52 → 00:18:54 ของเรานะครับอยู่ตามเซลล์ต่างๆของเรานะ
00:18:54 → 00:18:56 ถ้ามันแตกต่างกันเราก็จะมีความรู้สึกเห็น
00:18:56 → 00:18:59 เพศอีกคนนึงเ่ะที่เป็นคนตรงข้ามกับเรา
00:18:59 → 00:19:02 เนี่ยแล้วเราชอบเขานะครับอ่าตรงเนี้ยพอ
00:19:02 → 00:19:04 เราชอบเสร็จปุ๊บก็เรื่องเรื่องราวของความ
00:19:04 → 00:19:07 รักที่เกิดขึ้นก็จะเกี่ยวข้องกับการ
00:19:07 → 00:19:10 กระตุ้นฮอร์โมนต่างๆนะโดปามีนน่ะเป็นตัว
00:19:10 → 00:19:13 หลักเลยนอยรีนีอะดรีนาลีนก็ตามมา
00:19:13 → 00:19:15 เซโรโทนินกับพวกเ่อซีโรโทนินจะต่ำลง
00:19:15 → 00:19:18 คอร์ติซอลเนี่ยก็จะสูงขึ้นในช่วงแรกนะ
00:19:18 → 00:19:20 ครับแล้วก็มีเอนดอร์ฟินหลั่งออกมาในตอน
00:19:20 → 00:19:23 นั้นเทสโทสเตอโรนเอสโตรเจนก็จะเริ่มค่อยๆ
00:19:23 → 00:19:27 มาละนะครับพอถึงช่วงที่เราเริ่มมีความ
00:19:27 → 00:19:30 สัมพันธ์ที่ดีขึ้นคงที่และก็จะเริ่มเป็น
00:19:30 → 00:19:32 ความสัมพันธ์ที่เรามีออกซิโทซินออกมา
00:19:32 → 00:19:36 อันเนี้ยการกอดการมีความรักซึ่งกันและกัน
00:19:36 → 00:19:38 การสัมผัสพวกนี้ก็จะสามารถกระตุ้นให้มัน
00:19:38 → 00:19:41 ออกมาได้ทำให้เรามีความอ่าชอบในครอบครัว
00:19:41 → 00:19:44 ของเราเรามีความรักที่มั่นคงเรามีความอบ
00:19:44 → 00:19:47 อุ่นนะครับอ่ะวันนี้ก็เล่าให้ฟังเพียง
00:19:47 → 00:19:49 ประมาณเท่านี้แล้วกันนะครับถ้าใครมีอะไร
00:19:49 → 00:19:51 ที่เป็นประสบการณ์ก็ลองมาแบ่งปันกันนะ
00:19:51 → 00:19:53 ครับวันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:19:53 → 00:19:56 สวัสดีครับ