00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับปัจจุบันนะครับก็มีกูรู
00:00:03 → 00:00:06 influencer เกิดขึ้นมามากมายนะครับแล้ว
00:00:06 → 00:00:09 ก็มีการให้ข้อมูลต่างๆเยอะแยะไปหมดนะฮะ
00:00:09 → 00:00:12 บางอันก็เป็นข้อมูลที่เป็นความจริงบางอัน
00:00:12 → 00:00:14 ก็เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงบางอันก็
00:00:14 → 00:00:17 เป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลที่จริงแล้ว
00:00:17 → 00:00:19 มันก็ไม่จริงนะครับเพื่อผลประโยชน์บาง
00:00:19 → 00:00:23 อย่างโดยเฉพาะการขายอาหารเสริมเรื่องนี้
00:00:23 → 00:00:26 เนี่ยมันก็เป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เรามี
00:00:26 → 00:00:28 ปัญหาได้นะครับคนที่ทำตามแล้วไม่มีปัญหา
00:00:28 → 00:00:31 อันนี้ก็โชคดีไปส่วนคนที่ทำตามแล้วไปเจอ
00:00:31 → 00:00:34 ปัญหาบางทีมันแก้ไขไม่ทันนะครับวันนี้ก็
00:00:34 → 00:00:36 เลยอยากจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ
00:00:36 → 00:00:39 เป็นเรื่องของบุคคลคนหนึ่งซึ่ง
00:00:39 → 00:00:42 บางคนอาจจะไม่เคยรู้จักบางคนอาจจะรู้จัก
00:00:42 → 00:00:46 นะครับแต่ว่าอันนี้ไม่ใช่เป็นคนที่ท่าน
00:00:46 → 00:00:49 กำลังคิดอยู่หรอกครับคนๆที่ผมจะพูดถึงใน
00:00:49 → 00:00:53 วันนี้ก็คือ liver King นะครับอ่าเจ้า
00:00:53 → 00:00:57 แห่งตับหรือราชาแห่งตับซึ่งโปรโมทตัวเอง
00:00:57 → 00:01:00 ว่าแข็งแรงเพราะว่ากินกินอาหารแบบ
00:01:00 → 00:01:03 Carnival Diet นะครับอ่ากินแต่เนื้อ
00:01:03 → 00:01:07 คราวนี้พอไดเอทกินพวกตับสดๆเลยนะครับกิน
00:01:07 → 00:01:11 พวกเนื้อสับสดๆอะไรพวกนี้นะครับหรือไข
00:01:11 → 00:01:15 กระดูกสดๆกินอัณฑะวัวนะครับพวกนี้นะครับ
00:01:15 → 00:01:18 เพื่อที่จะบอกว่าเขากินแบบนั้นร่างกายเขา
00:01:18 → 00:01:21 แข็งแรงมีกล้ามเป็นมัดนะครับออกกำลังกาย
00:01:21 → 00:01:24 ได้อย่างถึกทนมากนะครับนี่คือสิ่งที่เขา
00:01:24 → 00:01:28 บอกมานะฮะก็ลองฟังดูนะครับพบกับผมนะครับ
00:01:28 → 00:01:30 นายแพทย์ธนินธนีวรรณนะครับเป็นอาจารย์
00:01:30 → 00:01:32 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:01:32 → 00:01:34 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:01:34 → 00:01:38 บำบัดนะฮะสำหรับเลเวอร์คิงนะครับเขาเป็น
00:01:38 → 00:01:42 คนที่ออกมาโฆษณาตัวเองชัดเจนนะครับเป็นคน
00:01:42 → 00:01:44 ที่ถ้าท่านไป Google หาชื่อเขาเนี่ยจะ
00:01:44 → 00:01:47 เป็นคนๆนึงที่ไว้ผมยาวๆมีหนวดแล้วก็กล้าม
00:01:47 → 00:01:49 แบบนักกล้ามเลยกล้ามเยอะมากนะครับเยอะ
00:01:49 → 00:01:53 เต็มตัวไปหมดเลยนะครับแล้วเขาก็บอกว่าเขา
00:01:53 → 00:01:56 เป็นคนที่ไม่เคยใช้สเตียรอยด์เลยไม่ใช้ยา
00:01:56 → 00:01:59 เพิ่มอะไรสักอย่างเลยไม่ได้ใช้
00:01:59 → 00:02:01 Performance นะครับคือยาที่เพิ่ม
00:02:01 → 00:02:04 สมรรถภาพร่างกายต่างๆไม่ใช้แต่วันๆเนี่ย
00:02:04 → 00:02:07 เขาทำตัวเหมือนบรรพตบุรุษของมนุษย์สมัย
00:02:07 → 00:02:11 ก่อนนะครับหรือที่เขาเรียกว่าเป็น
00:02:11 → 00:02:14 assettral Diet นะครับ and settral ก็
00:02:14 → 00:02:17 คือบรรพบุรุษนะครับเขาเหล่านี้เนี่ยคนคน
00:02:17 → 00:02:19 นี้เนี่ยคือเขาก็จะโฆษณาว่าตัวเขาเอง
00:02:19 → 00:02:22 เนี่ยแข็งแรงแบบนั้นได้เพราะว่าทำการกิน
00:02:22 → 00:02:25 คาลิเบลไดเอทกินอะไรบ้างกินตับสดๆเลยนะ
00:02:25 → 00:02:28 ครับกินเนื้อบางทีก็เป็นเนื้อสดๆเนื้อดิบ
00:02:28 → 00:02:31 หรือกินอัณฑะวัวนะครับเพื่อที่จะเพิ่ม
00:02:31 → 00:02:33 testosterone ให้กับร่างกายในการสร้าง
00:02:33 → 00:02:37 กล้ามนะครับถ้าเขาก็โฆษณาแบบนี้รวมทั้ง
00:02:37 → 00:02:39 เขาก็มีการขายอาหารเสริมของตัวเองนะฮะ
00:02:39 → 00:02:45 แล้วก็มีการบอกว่าเนี่ยเขาก็ไปสกัดมาจาก
00:02:45 → 00:02:47 สิ่งที่เขากินนี่แหละนะฮะทำมาเป็นอาหาร
00:02:47 → 00:02:49 เสริมให้ทุกๆคนกินได้ง่ายขึ้นนะครับแล้ว
00:02:49 → 00:02:52 ก็โปรโมทว่าการทำตัวแบบเป็นคาร์ดิโอไดเอท
00:02:52 → 00:02:55 ออกกำลังกายให้มันหนักๆสม่ำเสมอนะครับ
00:02:55 → 00:02:58 เพื่อความแข็งแรงนะครับมันจะทำให้ร่างกาย
00:02:58 → 00:03:59 หุ่นดีแบบเขานะครับ
00:03:59 → 00:04:01 อย่างมี winstall นะครับ
00:04:02 → 00:04:06 มีมีอะไรอ่ะอันนี้ผมก็จำไม่ได้แล้วแต่มัน
00:04:06 → 00:04:08 มีมีเยอะมากนะครับที่เขาใช้อยู่นะครับใช้
00:04:08 → 00:04:09 อยู่ในปัจจุบัน
00:04:09 → 00:04:12 โดยเขาบอกว่าเนี่ยเขาต้องการที่จะแข็งแรง
00:04:12 → 00:04:14 มากขึ้นกว่านี้มีกล้ามใหญ่ขึ้นกว่านี้
00:04:14 → 00:04:17 แล้วปัจจุบันเนี่ยเขามีไขมันอยู่ที่เดียว
00:04:17 → 00:04:19 คือตรง Love handle คือข้างๆเอวที่เขา
00:04:19 → 00:04:22 อยากจะให้มันหายไปเขาก็เลยสอบถามไปที่
00:04:22 → 00:04:24 โค้ชคนนี้นะครับแล้ว
00:04:24 → 00:04:27 โค้ชคนนี้เนี่ยคือท่านต้องไปสืบเอาเองว่า
00:04:27 → 00:04:31 คือใครนะฮะมันมีมันมีหลักฐานบางอย่างและ
00:04:31 → 00:04:34 โค้ชคนนี้ก็คือไม่รู้ไปมีปัญหาอะไรกัน
00:04:34 → 00:04:36 หรือว่าขี่หรืออะไรหรือเปล่าทำให้มีการ
00:04:36 → 00:04:38 ลีกข้อมูลตรงนี้รั่วออกมาในอินเตอร์เน็ต
00:04:38 → 00:04:41 ทำให้ทุกคนรู้หมดเลยนะครับแล้วโค้ชคนนี้
00:04:41 → 00:04:44 เนี่ยเวลาเขาอีเมลอะไรต่างๆเนี่ยมันต่าง
00:04:44 → 00:04:47 กับ River King ประมาณ 12 ชั่วโมงซึ่งก็
00:04:47 → 00:04:49 สงสัยไปว่าเฮ้ยมันเป็นคนที่อยู่ที่ไทย
00:04:49 → 00:04:50 หรือเปล่าแล้วเขาไปเจอโค้ชฝรั่งคนนึงที่
00:04:50 → 00:04:54 อยู่ที่ไทยนะครับต่างกับที่อเมริกาเนี่ย
00:04:54 → 00:04:56 12 ชั่วโมงเรียกว่าทีมเป็นคนอเมริกันนะ
00:04:56 → 00:04:58 ฮะแล้วก็โค้ชเขาเนี่ยอยู่ห่างกัน 12
00:04:58 → 00:05:59 ชั่วโมงซึ่งก็เป็นประเทศไทย
00:05:59 → 00:06:02 ที่เขาเป็นแบบนั้นน่ะมันเพราะยาทั้งหมดนะ
00:06:02 → 00:06:05 ครับเพราะฉะนั้นบางทีเวลาเราไปฟังอะไรใน
00:06:05 → 00:06:08 อินเทอร์เน็ตมาเนี่ยครับคือโดยเฉพาะพวก
00:06:08 → 00:06:09 ที่มีผลประโยชน์
00:06:09 → 00:06:13 คิดให้ดีเลยนะครับว่าสิ่งที่เขาพูดเนี่ย
00:06:13 → 00:06:16 บางทีมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นน่ะนะครับมัน
00:06:16 → 00:06:19 อาจจะมีผลประโยชน์ชัดเจนแล้วว่าเนี่ยผล
00:06:19 → 00:06:23 ประโยชน์ของเขาคือการขายอาหารเสริมชัดเจน
00:06:23 → 00:06:25 แต่เรื่องของ River King เนี่ยมันต้อง
00:06:25 → 00:06:29 มองอีกมุมหนึ่งด้วยว่าโอเคเขาอาจจะมี
00:06:29 → 00:06:31 ปัญหากับโค้ชคนนั้นอะไรสักอย่างก็ได้ไม่
00:06:31 → 00:06:33 รู้อาจจะไม่จ่ายเงินหรืออะไรอันนี้ผมไม่
00:06:33 → 00:06:35 ทราบรายละเอียดนะครับก็ทำให้โค้ชโมโหแล้ว
00:06:35 → 00:06:39 ก็อาจจะลีกอีเมลตรงนั้นออกมาหรืออีกอย่าง
00:06:39 → 00:06:43 หนึ่งคืออะไรครับแบบดาราไทยเลยครับดารา
00:06:43 → 00:06:44 ไทยบางคนนะครับอันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
00:06:44 → 00:06:49 ว่าใครนะครับที่พยายามสร้างกระแสให้กับ
00:06:49 → 00:06:52 ตัวเองอ่าไม่ว่าจะเป็นกระแสในแง่ลบหรือใน
00:06:52 → 00:06:54 แง่ดีแต่ถ้ามันเป็นกระแสขึ้นมาแล้วก็จะทำ
00:06:54 → 00:06:56 ให้คนรู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้นนะครับ
00:06:56 → 00:06:59 เพราะว่าหลังจากมีอีเมลฉบับนี้ออกออกมา
00:07:00 → 00:07:03 สู่สายตาคนทั่วไปแล้วก็ทำให้กูรูทางด้าน
00:07:03 → 00:07:06 ฟิตเนสต่างๆทางด้านคนที่เกี่ยวข้องกับ
00:07:06 → 00:07:08 สเตียรอยด์ออกมาพูดทาง YouTube เต็มไปหมด
00:07:08 → 00:07:11 เลยนะครับก็ทำให้คนเนี่ยพยายามค้นหา River
00:07:11 → 00:07:14 King ว่าตกลงคนๆนี้คือใครกันแน่นะครับดู
00:07:14 → 00:07:19 ไปดูมาแล้วหลายๆคนอาจจะคิดว่าโอเคชีวิต
00:07:19 → 00:07:21 ของคนๆนี้จบแล้ว
00:07:21 → 00:07:24 เรารู้แล้วโดนเปิดโปงว่าเขาใช้สเตียรอยด์
00:07:24 → 00:07:27 ใช้ performansing Drop ใช้ ped โดนเปิด
00:07:27 → 00:07:31 โปงบริษัทอาหารเสริมเขาต้องเจ๊งแน่ๆเรา
00:07:31 → 00:07:34 คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับไม่หรอกครับเผลอๆ
00:07:34 → 00:07:37 มันจะขายดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำไป
00:07:37 → 00:07:40 เผลอๆจะขายดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำไปนะครับ
00:07:40 → 00:07:43 เพราะว่าคนรู้จักมากขึ้นไอ้คนกลุ่มที่ไม่
00:07:43 → 00:07:46 รู้จักมันก็อาจจะไม่สนใจอาจจะมีส่วนนึง
00:07:46 → 00:07:49 อ่ะที่หนีออกจากเขาไปคือเอ้ยนี่มันโกหก
00:07:49 → 00:07:52 เราออกไปจับมันดีกว่าส่วนอีกคนที่เหลือ
00:07:52 → 00:07:54 เนี่ยก็คงจะยังใช้อาหารเสริมของเขาต่อไป
00:07:54 → 00:07:56 เหมือนเดิมเพราะคิดว่ามันไม่น่าเกี่ยว
00:07:56 → 00:08:59 อะไรอาหารเสริมมีวิจัยมาดีมีการพูดที่ดี
00:08:59 → 00:09:02 เพราะว่าที่ออกมาโฆษณาว่าดีที่รัฐบาลบอก
00:09:02 → 00:09:06 ว่าดีที่องค์การอาหารและยาบอกว่าดีที่ fda
00:09:06 → 00:09:09 อเมริกาบอกว่าดีหรือไม่ว่าจะเป็น CDC ของ
00:09:09 → 00:09:12 อเมริกาบอกว่า dwho บอกว่าดีพวกนี้เป็น
00:09:12 → 00:09:16 งานวิจัยที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง
00:09:16 → 00:09:20 นะครับเขาใช้คำอ้างแบบนี้แหละครับเพราะ
00:09:20 → 00:09:22 ว่าไม่รู้จะไม่รู้จะใช้เหตุผลทาง
00:09:22 → 00:09:24 วิทยาศาสตร์อะไรในการไปต่อสู้นะครับก็ต่อ
00:09:24 → 00:09:27 สู้ไม่ได้เขาก็แถไปแบบนี้แหละครับนะนี่
00:09:27 → 00:09:29 เป็นคำแถ;ที่ผมเจอบ่อยมากเลยนะครับหลายๆ
00:09:29 → 00:09:31 คนก็บอกว่าไม่มีใครรู้หรอกความรู้ทาง
00:09:31 → 00:09:33 วิทยาศาสตร์เนี่ยเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนแปลง
00:09:33 → 00:09:35 นะครับใครจะไปรู้ว่าในอนาคตความรู้มันจะ
00:09:36 → 00:09:38 เปลี่ยนไปแบบไหนอันเนี้ยถูกต้องนะครับผม
00:09:38 → 00:09:40 ไม่เถียงนะว่าความรู้มันอาจจะเปลี่ยนแปลง
00:09:40 → 00:09:44 ได้แต่ความรู้ที่มันกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่
00:09:44 → 00:09:47 ในขณะนี้เนี่ยมันจะมีคนที่คิดพาเราแล้วก็
00:09:47 → 00:09:50 อาจจะเจอเอ๊ะอันนี้มันน่าจะน่าจะจริงนะ
00:09:50 → 00:09:54 แต่มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์นะครับเวลา
00:09:54 → 00:09:56 มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์เนี่ยมันเป็น
00:09:56 → 00:09:59 อันตรายมากถ้าท่านไม่มีพื้นฐานในด้านความ
00:10:00 → 00:10:01 เชี่ยวชาญทางด้านนั้นเช่นถ้าท่านไม่ใช่
00:10:01 → 00:10:03 หมอแล้วมาพูดเรื่องของหมอแล้วไม่เกี่ยว
00:10:03 → 00:10:05 ข้องอะไรกับสุขภาพเช่นกูรูเหล่านี้นะครับ
00:10:05 → 00:10:08 มันขาดพื้นฐานเพราะมันขาดพื้นฐานไปเจอข้อ
00:10:08 → 00:10:11 มูลใหม่ๆแล้วก็จะเฮ้ยนี่ข้อมูลใหม่เรา
00:10:11 → 00:10:13 เป็นคนรู้คนแรกเราทำการศึกษาเราอ่าน
00:10:13 → 00:10:15 Google ไปเรื่อยๆแล้วมันจะเริ่มเจอ
00:10:15 → 00:10:16 เรื่องพวกนี้ขึ้นไปเรื่อยๆเพราะว่า Google
00:10:16 → 00:10:19 มันจะรู้ว่าท่านกูท่านต้องการจะหาเรื่อง
00:10:19 → 00:10:21 ไหนมันจะเอาเรื่องนั้นมาโชว์ให้ท่านเห็น
00:10:21 → 00:10:23 เรื่อยๆนะครับถูกมั้ยฮะมันเป็นเป็นระบบ
00:10:23 → 00:10:25 ของมันท่านก็จะเห็นเรื่องนี้เรื่อยๆอ่าน
00:10:25 → 00:10:29 ไปเรื่อยๆเฮ้ยเราโหสุดยอดเข้าใจเลยว่ะแต่
00:10:29 → 00:10:31 ทำไมหมอเขาไม่บอกอย่างเงี้ยทำไมไอ้
00:10:31 → 00:10:34 warshow ไม่บอกอย่างนี้เฮ้ยพวกนั้นมันมี
00:10:34 → 00:10:36 การตลาดหรือเปล่ามันมีเรื่องเงินหรือ
00:10:36 → 00:10:39 เปล่านะครับเราเป็นคนรู้คนแรกอย่างนี้เรา
00:10:39 → 00:10:42 ต้องเป็นศาสดาเราออกมาชี้แจงแบบนี้เรา
00:10:42 → 00:10:44 ต้องเป็นคนถูกหมอเนี่ยมันผิดนะครับองค์
00:10:44 → 00:10:47 การพวกเนี้ยมันมีเหตุผลมันมันผิดหมดเรา
00:10:47 → 00:10:50 เนี่ยถูกนะครับก็เลยออกมาแบบเนี้ยนะครับ
00:10:50 → 00:10:53 แต่ปัญหาคือถ้ามันยังไม่ได้โดนการ
00:10:53 → 00:10:55 วิเคราะห์ว่ามันถูกแน่ๆนะครับแล้วถ้าไม่
00:10:55 → 00:10:57 มีพื้นฐานเรื่องพวกนี้นะฮะมันก็ทำให้พลาด
00:10:57 → 00:11:01 ได้หรือบางคนถ้าสมมุติว่าเป็นหมอที่แบบ
00:11:01 → 00:11:04 อาจจะไม่เชี่ยวชาญทางด้านจริงๆแล้วไปดู
00:11:04 → 00:11:08 แล้วแล้วบังเอิญเกิดเป็นคนที่วินิจฉัยไม่
00:11:08 → 00:11:10 เป็นนะครับผมก็ต้องยอมรับว่าจะมีหมอบางคน
00:11:10 → 00:11:12 ที่เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะวิเคราะห์
00:11:12 → 00:11:14 เรื่องงานวิจัยไม่เป็นก็ต้องมีเพราะว่า
00:11:14 → 00:11:18 อะไรเพราะว่าขนาดผมสอนนิสิตแพทย์ที่นี่
00:11:18 → 00:11:20 ยังมีกลุ่มที่เก่งกับกลุ่มที่ไม่เก่งเลย
00:11:20 → 00:11:23 นะครับแน่นอนบางคนกลุ่มที่ไม่เก่งออกไปก็
00:11:23 → 00:11:25 อาจจะไม่เก่งก็ได้นะครับกลุ่มที่เก่งก็
00:11:25 → 00:11:27 อาจจะเก่งต่อไปหรือมันอาจจะกลับกันอันนี้
00:11:27 → 00:11:30 ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันเราบอกไม่ได้นะฮะเรา
00:11:30 → 00:11:33 ไปตีค่าเขาไม่ได้แต่เรารู้นะว่าถ้าตรง
00:11:33 → 00:11:37 เนี้ยไปตีความมันแล้วมันมีปัญหาอ่ะนะครับ
00:11:37 → 00:11:41 แล้วมันจะได้ผลออกมาถูกต้องได้ยังไงเป็น
00:11:41 → 00:11:43 ไปไม่ได้นะครับพอมันเป็นไปได้เสร็จปุ๊บ
00:11:43 → 00:11:46 เนี่ยนะฮะข้อมูลเหล่านี้มันอาจจะเปลี่ยน
00:11:46 → 00:11:48 ซ้ำไปก็ได้โอเคอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่
00:11:48 → 00:11:51 ท่านบอกก็ได้ในอนาคตก็ได้แต่มันก็อาจจะ
00:11:51 → 00:11:54 ไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะครับดังนั้นเนี่ย
00:11:54 → 00:11:57 จริงๆเวลาเจอข้อมูลพวกเนี้ยสิ่งนึงซึ่งผม
00:11:57 → 00:11:59 อยากจะให้ท่านพิจารณาอะไรนะครับ
00:11:59 → 00:12:01 ข้อมูลมันเชื่อได้แค่ไหนนะครับถ้าเชื่อ
00:12:01 → 00:12:05 ได้แค่ไหนถามว่าแล้วถ้าผมบอกข้อมูลโรงแรม
00:12:05 → 00:12:07 เชื่อไม่ได้แล้วท่านจะเชื่อตรงไหนได้ไปดู
00:12:07 → 00:12:10 องค์การใหญ่ๆครับเช่นองค์การอาหารและยา
00:12:10 → 00:12:15 fda wso นะครับพวกนี้เชื่อค่อนข้างจะ
00:12:15 → 00:12:17 ได้ถามว่าทำไมถึงเชื่อได้เพราะว่าเขามี
00:12:18 → 00:12:20 ผู้เชี่ยวชาญที่เยอะมากๆแล้วเขาพิจารณา
00:12:20 → 00:12:23 ข้อมูลที่มันมีทั้งโลกในตอนนั้น
00:12:23 → 00:12:27 ข้อมูลเนี่ยเราว่ากันเป็นในตอนนั้นนะครับ
00:12:27 → 00:12:29 เราอ่านข้อมูลทั้งหมดถ้าเราสามารถสรุป
00:12:29 → 00:12:31 อะไรออกมาได้อย่างมั่นใจจากข้อมูลอันนั้น
00:12:31 → 00:12:34 เราสรุปแบบนั้นครับถ้าข้อมูลอะไรที่มัน
00:12:34 → 00:12:36 ใหม่จนเกินไปแล้วมันยังไม่สามารถสรุปแบบ
00:12:36 → 00:12:39 นั้นได้และเราไปด่วนสรุปเหมือนพวกกูรู
00:12:39 → 00:12:42 ทั้งหลายแล้วเนี่ยส่วนสรุปมันก็พลาดได้ฮะ
00:12:42 → 00:12:45 ท่านอาจจะบังเอิญโชคดีถ้าทำแล้วมันถูก
00:12:45 → 00:12:47 ขึ้นมาก็ได้นะครับแต่ว่ามันมีโอกาสพลาด
00:12:47 → 00:12:50 ได้ดังนั้นเนี่ยไม่งั้นเขาไม่มีผู้เชี่ยว
00:12:50 → 00:12:52 ชาญขึ้นมาดูเรื่องนี้โดยเฉพาะหรอกครับไม่
00:12:52 → 00:12:54 งั้นใครก็ได้นะครับถูกแล้วถูกมั้ยฮะไป
00:12:54 → 00:12:56 อ่านอะไรมาไปฟังที่ไหนมาแล้วเอามาพูดต่อ
00:12:56 → 00:12:59 ก็ได้มันก็ไม่เหมาะสมนะครับดังนั้นพวกนี้
00:12:59 → 00:13:02 ต้องระวังให้ดีๆเลยนะครับและอย่างเรื่อง
00:13:02 → 00:13:04 ของ River King เนี่ยเป็นตัวแบบชัดเจน
00:13:04 → 00:13:07 มากเลยว่ามีอะไรสิ่งที่เขาบอกว่าเขาทำ
00:13:07 → 00:13:10 ทั้งหมดเนี่ยนะครับสุดท้ายมันมันหลอกลวง
00:13:10 → 00:13:13 หมดเลยมันหลอกลวงทั้งเรื่องเลยอ่ะครับ
00:13:13 → 00:13:15 แล้วก็
00:13:15 → 00:13:18 มันมีมันมีหลักฐานที่แบบตอนแรกก็น่าจะ
00:13:18 → 00:13:20 เห็นชัดโอเคถ้าเราดูหุ่นเขาแล้วเราไม่รู้
00:13:20 → 00:13:22 ว่าเขากินสเตียรอยด์เราเราคิดว่าโอเคเข้า
00:13:22 → 00:13:24 ไม่ได้ใช้หรอกสเตียรอยด์เราเชื่อไปตามเขา
00:13:24 → 00:13:26 น่าจะเป็น Carnival Diet มันต้อง
00:13:26 → 00:13:28 คาร์ดิโอไดเอทเท่านั้นต้องดีดีเท่านั้น
00:13:28 → 00:13:32 อย่างนี้แหละนะครับถูกต้องแล้วทำไปตามเขา
00:13:32 → 00:13:35 มันมีอันนึงที่ท่านควรจะเอะใจครับอะไรฮะ
00:13:35 → 00:13:40 อาหารเสริมครับขายอาหารเสริมมีผลประโยชน์
00:13:40 → 00:13:42 ชัดเจนถ้าเมื่อไหร่มีผลประโยชน์ชัดเจน
00:13:42 → 00:13:46 ขนาดนี้แล้วก็ต้องระวังนะครับถึงแม้ว่า
00:13:46 → 00:13:49 ฝ่ายเขาเนี่ยนะครับจะบอกว่าเฮ้ยในสังคม
00:13:49 → 00:13:52 ทั่วไปเนี่ยนะครับที่เห็นต่างจากเราเนี่ย
00:13:52 → 00:13:54 มันมีการบอกว่า
00:13:54 → 00:13:58 มีผลประโยชน์มีทฤษฎีสมคบคิดว่าเฮ้ยพวก
00:13:58 → 00:13:59 นั้นเขาได้ประโยชน์เขาถึงทำเข้าใจออกมา
00:13:59 → 00:14:02 แบบนี้แต่ตัวถ้าเรามีผลประโยชน์ตรงกว่า
00:14:02 → 00:14:04 ครับผลประโยชน์ในแง่ของการขายอาหารเสริม
00:14:04 → 00:14:06 ของตัวเองเนี่ยตรงที่สุดในโลกแล้วมันไม่
00:14:06 → 00:14:08 รู้จะตรงไปมากกว่านี้ได้ยังไงแล้วนะฮะดัง
00:14:08 → 00:14:10 นั้นถ้าเกิดว่าใครดูตรงนี้แล้วยังไม่รู้
00:14:10 → 00:14:12 เนี่ยผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงมันอาจจะตาบอด
00:14:12 → 00:14:14 มากขนาดไหนที่เราจะไปเชื่อได้ขนาดนั้นนะ
00:14:15 → 00:14:18 ฮะแล้วพอตาบอดขนาดนี้ปุ๊บต่อให้ไปดูข้อ
00:14:18 → 00:14:20 มูล w h o c DC หรือที่ไหนก็แล้วแต่
00:14:20 → 00:14:22 ท่านก็จะไม่เชื่อท่านก็จะเชื่อในสิ่งที่
00:14:22 → 00:14:26 ตัวเองอยากจะเชื่อนะครับตรงนี้ก็ต้อง
00:14:26 → 00:14:27 ระวังและเรื่องของ River King เนี่ยมัน
00:14:27 → 00:14:29 เป็นตัวสอนอย่างดีเลยนะฮะและที่สำคัญคือ
00:14:30 → 00:14:32 ผมก็เชื่อว่าเรียกว่าคิงเนี่ยมันไม่หายไป
00:14:32 → 00:14:35 ไหนหรอกครับยังไงก็ยังขายเอ่อเรื่องของ
00:14:35 → 00:14:37 อาหารเสริมเขาได้เหมือนเดิมขายได้เหมือน
00:14:37 → 00:14:39 เดิมไม่ได้มีปัญหาเผลอๆอาจจะดังขึ้นกว่า
00:14:39 → 00:14:41 เดิมด้วยนะครับแล้วก็คนที่เป็นกูรูทั้ง
00:14:41 → 00:14:44 หลายแหล่ที่ขายอาหารเสริมเนี่ยต่อให้โดน
00:14:44 → 00:14:46 เปิดโปงยังไงต่อให้มันเจอว่ามันมีผลเสีย
00:14:46 → 00:14:49 ยังไงนะก็จะแถไปเรื่อยๆครับด้วยเหตุผล
00:14:49 → 00:14:51 ข้างๆคูลๆแล้วก็สุดท้ายก็ยังขายอาหาร
00:14:51 → 00:14:53 เสริมได้เหมือนเดิมเผลอๆอาจจะรวยขึ้นกว่า
00:14:53 → 00:14:56 เดิมด้วยซ้ำไปนะครับโอเคผมไม่ได้ว่าอาหาร
00:14:56 → 00:14:59 เสริมของเขาไม่ดีนะครับต้องต้องแยกว่า
00:14:59 → 00:15:03 อาหารเสริมเขาอาจจะดีก็ได้แต่เนี่ย
00:15:03 → 00:15:08 เราจะเอาอะไรกับคนแบบนี้มันโกหกซะแบบชัด
00:15:08 → 00:15:11 เจนมากขนาดนี้นะครับก็ยังไงก็ระวังให้ดี
00:15:12 → 00:15:14 แล้วกันนะครับถ้าเราจะใช้อะไรโดยเฉพาะของ
00:15:15 → 00:15:17 ที่มีผลประโยชน์เราก็ต้องระวังไว้นิดนึง
00:15:17 → 00:15:19 ว่าเราเนี่ยโดนหลอกแล้วเราเต็มใจให้หลอก
00:15:19 → 00:15:22 แล้วเราบางทีเราคิดว่าเราฉลาดแล้วแต่
00:15:22 → 00:15:24 บังเอิญเราโดนหลอกซะเองนะครับก็ต้องระวัง
00:15:24 → 00:15:26 เรื่องพวกนี้ไว้จริงๆถ้าเราจะไปใช้อาหาร
00:15:26 → 00:15:29 เสริมเหล่านั้นหรือไปทำตามอย่างทำตาม
00:15:29 → 00:15:31 River King กินคาร์ดิโอ Diet แล้วจะ
00:15:31 → 00:15:34 เป็นแบบนั้นเนี่ยท่านก็คิดดีๆครับเพราะ
00:15:34 → 00:15:37 สิ่งที่ท่านพยายามจะทำตามพยายามจะไปกิน
00:15:37 → 00:15:39 มันอาจจะไม่ได้ผลแบบนั้นนะครับมันอาจจะ
00:15:39 → 00:15:42 ได้ผลก็ได้หรือมันอาจจะไม่ได้ผลก็ได้เช่น
00:15:42 → 00:15:45 กันอาจจะไม่มีปัญหาแต่ก็อาจจะมีปัญหาเช่น
00:15:45 → 00:15:47 กันนะครับโอเควันนี้ฝากไว้เท่านี้นะครับ
00:15:47 → 00:15:51 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ