00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมได้รับเกียรติจากหมอ
00:00:02 → 00:00:06 ดมยาหรือหมอวิสัญญีซึ่งหลายคนยังเข้าใจ
00:00:07 → 00:00:11 ว่าเป็นแผนกของพยาบาลคล้ายพยาบาลผดงคัน
00:00:11 → 00:00:14 วันนี้เรามาลองดูกันว่าจริงๆแล้วเนี่ยหมอ
00:00:14 → 00:00:18 ดมยาที่ถือว่าเป็นหนึ่งในแม่ทัพในห้องผ่า
00:00:18 → 00:00:22 ตัดมีหน้าที่อะไรในห้องผ่าตัดเนี่ยการ
00:00:22 → 00:00:25 เตรียมความพร้อมก่อนเข้าการผ่าตัดระหว่าง
00:00:26 → 00:00:30 ผ่าตัดและหลังผ่าตัดบทบาทของหมอดมยา
00:00:30 → 00:00:33 มีความสำคัญอย่างไรมีอะไรที่ประชาชนมักจะ
00:00:33 → 00:00:37 เข้าใจผิดเช่นดมยาแล้วไม่ตื่นดมยาแล้ว
00:00:37 → 00:00:42 ตื่นมาจะหลงลืมยาจะสะสมในร่างกายทำให้ตับ
00:00:42 → 00:00:47 ไตพักเด็กผู้สูงอายุไม่ควรดมยา
00:00:47 → 00:00:50 หน้าที่ของหมอดมยายาดมยาปัจจุบันไปถึงไหน
00:00:50 → 00:00:55 แล้วมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆนอกเหนือจากนี้
00:00:55 → 00:00:59 คุณหมอท่านเนี่ยนอกจากจะสง่าแล้วเป็นหมอ
00:00:59 → 00:01:02 ที่มี Follower ใน TikTok เริ่มให้ความ
00:01:02 → 00:01:04 รู้เกี่ยวกับเรื่องการดมยาแล้วคุณหมอยัง
00:01:04 → 00:01:08 มีเคล็ดลับอะไรบางอย่างที่ฟังดูง่ายๆที่
00:01:08 → 00:01:12 จะคุมสุขภาพจิตของเราเพราะเชื่อหรือไม่
00:01:12 → 00:01:17 ถ้าจะคุยเรื่องการนิ่งการคุมจิตในสภาวะ
00:01:17 → 00:01:21 ที่มีแรงกดดันสูงๆหมอคนแรกที่เราควรจะหัน
00:01:21 → 00:01:24 ไปถามคือหมอดมยานะเพราะหมอดมยานี่ขึ้น
00:01:24 → 00:01:27 ชื่อว่านิ่งที่สุดในห้องผ่าตัดและดุที่
00:01:28 → 00:01:31 สุดในบรรดาหมอผ่าตัดวันนี้ผมได้รับ
00:01:31 → 00:01:33 เกียรติจากหมอออมนะครับ
00:01:33 → 00:01:41 [ปรบมือ]
00:01:41 → 00:01:45 ก่อนจะไปต่อที่เนื้อหาสาระสำคัญก็ขอบคุณ
00:01:45 → 00:01:47 เอราวันเทคไทลนะฮะบริษัทที่อยู่คู่เมือง
00:01:47 → 00:01:51 ไทยมามากกว่า 60 ปีซึ่งเป็นผู้สนับสนุน
00:01:51 → 00:01:52 หัวข้อวันนี้
00:01:52 → 00:01:55 >> เอรวัสิงหธอพร้อมเป็นหนึ่งในเกราะป้องกัน
00:01:55 → 00:01:58 ที่แข็งแรงเพื่อช่วยกันฝ่าวิกฤตและก้าวไป
00:01:58 → 00:02:02 สู่อนาคตที่ดีกว่าด้วยกัน Viral Cut We
00:02:02 → 00:02:04 a better life
00:02:04 → 00:02:06 เอราวั
00:02:06 → 00:02:08 >> ค่ะสวัสดีค่ะชื่อแพทย์หญิงนณพัฒเกดตั้ง
00:02:08 → 00:02:11 มั่นนะคะหรือว่าเรียกสั้นๆว่าหมอออมค่ะก็
00:02:11 → 00:02:15 มาจากช่องน้องออมชอบดมยาดมค่ะปัจจุบันก็
00:02:15 → 00:02:18 เป็นวิสัญอยู่ที่โรงพยาบาลทหารพันศึกค่ะ
00:02:18 → 00:02:22 >> อืเอ๊ะคุณหมอตอนแรกผมคิดเป็นผิวหนังด้วย
00:02:22 → 00:02:25 ตอนแรกแต่ก็รู้มาว่าก็ทำทำผิวหนังบ้าง
00:02:25 → 00:02:26 เพราะทำมาตั้งนานแล้วใช่มั้
00:02:26 → 00:02:29 >> ใช่แต่หลักๆคือเราเป็นหมอดมยาถ
00:02:29 → 00:02:31 >> แต่อาจจะมีแฟชั่นเรื่องความสวยความงามใช่
00:02:31 → 00:02:32 มั้
00:02:32 → 00:02:33 >> ใช่ค่ะ
00:02:33 → 00:02:35 >> ทำไมต้องมาทำช่องtiิTokด้วยอ่ะคุณหมอเอา
00:02:35 → 00:02:38 เวลาจากไหนมาทำแล้วทำเพื่ออะไรฮะ
00:02:38 → 00:02:41 >> จริงๆต้องบอกว่าช่วงจริงๆจริงๆจริงๆต้อง
00:02:41 → 00:02:47 บอกว่าเป็นคนที่แบบชอบถ่ายทำคเทนตั้งแต่
00:02:47 → 00:02:49 แบบสมัยเรียนแล้วแต่ต้องบอกว่าช่วงเรียน
00:02:49 → 00:02:52 เนี่ยไม่ค่อยมีเวลาทีนี้พอเรียนจบก็รู้
00:02:52 → 00:02:56 สึกโอเคอยากทำตามความฝันตัวเองก็เลยแบบ
00:02:56 → 00:03:00 หันมาลองทำช่องแล้วก็เลยเลือกตอนแรกต้อง
00:03:00 → 00:03:02 เลือกแบบเลือกแพลตฟอร์มอ่ะค่ะว่าเราแบบ
00:03:02 → 00:03:04 เราอยากทำในไหนทีนี้ก็รู้สึกว่า TikTok
00:03:04 → 00:03:07 ก็เป็นอะไรที่ดูแบบ entertain ดูสนุกดี
00:03:07 → 00:03:10 เพราะว่าใจเราอ่ะคือเราก็อยากให้ความรู้
00:03:10 → 00:03:14 แต่เราก็อยากแฝงไปด้วยความสนุกด้วยก็เลย
00:03:14 → 00:03:18 แบบลองเริ่มค่อยๆทำมาค่ะ
00:03:18 → 00:03:21 >> ดีครับผมว่าทำไปได้ดีมากเลยนะปีนึงแล้ว
00:03:21 → 00:03:22 ใช่มั้ย
00:03:22 → 00:03:24 >> คนดูเยอะมากเลยนะหลังๆนะ
00:03:24 → 00:03:25 >> ขอบคุณค่ะ
00:03:25 → 00:03:27 >> ดีครับแล้วแล้วคุณหมอคุณหมออยากทำอะไรต่อ
00:03:27 → 00:03:30 เป้าหมายจริงๆทำไปเพื่อในที่สุดอยากจะ
00:03:30 → 00:03:32 เป็นอะไรอยากเป็น influencer อยากเป็น
00:03:32 → 00:03:35 ดาร่าอยากเป็นอะไรทุกวันนี้ใช่มั้ยคะจริง
00:03:35 → 00:03:39 ๆถ้าถ้าเป้าหมายเลยว่าแบบเราต้องการจะทำ
00:03:39 → 00:03:41 อะไรแบบเซต go อ่ะอาจจะยังไม่ได้แบบมี
00:03:41 → 00:03:44 ขนาดนั้นแต่แค่รู้สึกว่าทุกวันเนี้มัน
00:03:44 → 00:03:47 เป็นยุคของการสร้างตัวตนนะคะ
00:03:47 → 00:03:48 >> อื
00:03:48 → 00:03:52 >> คือออมรู้สึกว่าการที่เราสร้างตัวตนไว้
00:03:52 → 00:03:56 ออมว่ามันมีประโยชน์ไม่ว่าจะทางไหนทางนึง
00:03:56 → 00:03:59 ที่คิดว่าน่าจะสามารถใช้ในอนาคตได้ประมาณ
00:04:00 → 00:04:00 นี้
00:04:00 → 00:04:03 >> อเห็นด้วยเห็นด้วยการสร้างตัวตนอย่างน้อย
00:04:03 → 00:04:05 นอกจากจะให้ประโยชน์แก่คนอื่นแล้วก็ยัง
00:04:05 → 00:04:08 ให้ประโยชน์กับตัวเองด้วยนะครับดีครับดี
00:04:08 → 00:04:09 ครับหง
00:04:09 → 00:04:12 >> อ่ะผมเริ่มที่คำถามแรกหลายคนประชาชนราก
00:04:12 → 00:04:16 หญ้ายังเข้าใจว่าหมอดมยา
00:04:16 → 00:04:17 หรือหมอวิสัญญีเนี่ย
00:04:17 → 00:04:18 >> ค่ะ
00:04:18 → 00:04:21 >> เป็นแขนงของพยาบาลเหมือนพยาบาลผดุงครัน
00:04:21 → 00:04:23 อย่างเงี้ยครับผม
00:04:23 → 00:04:26 >> ค่ะจริงๆก็ต้องบอกว่าหลายๆคนคิดแบบนั้น
00:04:26 → 00:04:29 จริงๆค่ะตั้งแต่ต้องบอกว่าตั้งแต่ทำช่อง
00:04:29 → 00:04:32 tiok มาเนาะก็มีคนไข้หลายคนเลยค่ะบางคน
00:04:32 → 00:04:35 เนี่ยมาคอมเมนต์ว่าอ้าวก่อนหน้านี้ที่เขา
00:04:35 → 00:04:39 เคยผ่าตัดตลอดเวลาเนี่ยที่แบบเคยผ่าคลอด
00:04:39 → 00:04:41 อะไรอย่างเงี้ยคนที่อยู่หัวเตียงคนที่คอย
00:04:41 → 00:04:43 คุยกับเขาตลอดเวลาอันนี้คือหมอดมยาหรอตอน
00:04:43 → 00:04:45 แรกเเข้าใจว่าเป็นพยาบาล
00:04:45 → 00:04:45 >> อือ
00:04:45 → 00:04:48 >> ทีนี้ก็ต้องอธิบายก่อนว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:04:48 → 00:04:51 แผนกวิสัญญีอ่ะค่ะก็จะมีหมอด้วยแล้วก็มี
00:04:51 → 00:04:55 พยาบาลด้วยค่ะแล้วก็หน้าที่ของหมอหมอดมยา
00:04:55 → 00:04:57 จริงๆก็ต้องบอกว่าไม่ได้ทำแต่ในห้องผ่า
00:04:57 → 00:04:58 ตัดอ
00:04:58 → 00:05:02 >> ถ้าจะเปรียบอาชีพของหมอดมยาค่ะกับอาชีพ
00:05:02 → 00:05:04 อาชีพหนึ่งก็อยากจะขอเปรียบกับเหมือน
00:05:04 → 00:05:06 อาชีพนักบิน
00:05:06 → 00:05:08 >> นักบินน่ะค่ะเขาจะต้องมีการวางแผนเส้นทาง
00:05:08 → 00:05:10 ก่อนที่จะบินใช่มั้ยคะหมอดมยาก็ไม่ต่าง
00:05:10 → 00:05:11 กันเลย
00:05:11 → 00:05:16 >> แล้วก็อย่างนักบินเนี่ยเขาจะเวลาเขาทำงาน
00:05:16 → 00:05:18 เนี่ยเขาจะรู้สึกว่าช่วงเวลาที่สำคัญที่
00:05:18 → 00:05:20 สุดและมีความเสี่ยงที่สุดก็คือการ Take
00:05:20 → 00:05:22 off กับ Landing
00:05:22 → 00:05:22 >> อ
00:05:22 → 00:05:24 >> อันเนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ต่างกับหมอดงยาเลย
00:05:24 → 00:05:24 ค่ะอ
00:05:24 → 00:05:28 >> เพราะว่าตลอดเวลาในการดมยาสลบคนไข้เนี่ย
00:05:28 → 00:05:30 จุดที่เรารู้สึกว่ามีความเสี่ยงแล้วก็
00:05:30 → 00:05:33 สำคัญเนี่ยก็จะเป็นจุดที่เราจะเริ่มดมยา
00:05:33 → 00:05:36 สลบให้กับคนไขแล้วก็จุดที่เราจะต้องมีการ
00:05:36 → 00:05:39 โฟกัสอีกจุดนึงก็คือเป็นจุดที่เราจะต้อง
00:05:39 → 00:05:41 เริ่มที่จะปิดยาดมสลบเพื่อที่จะให้คนไข้
00:05:41 → 00:05:44 เนี่ยฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัยค่ะ
00:05:44 → 00:05:46 >> อื
00:05:46 → 00:05:51 การดมยาสลบมันมีตั้งแต่ครอบมีตั้งแต่ฉีด
00:05:51 → 00:05:53 >> ใช่ค่ะ
00:05:53 → 00:05:56 >> หลายคนยังมีความเชื่อว่าดมยาสลบแล้วกลัว
00:05:56 → 00:05:57 ไม่ตื่น
00:05:57 → 00:05:57 >> อื
00:05:57 → 00:06:00 >> กลัวแบบว่าช็อกเลยภาษาชาวบ้าน
00:06:00 → 00:06:04 >> เนี่ยฉันได้ยินมานะคนนั้นดมยาสลบช็อกเลย
00:06:04 → 00:06:06 ไม่ตื่นเลยครับ
00:06:06 → 00:06:10 >> จริงๆต้องบอกว่าการที่จะดมยาแล้วไม่ฝืน
00:06:10 → 00:06:13 เนี่ยเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนค่อนข้างกังวล
00:06:13 → 00:06:16 โดยเฉพาะคนที่จะเข้ารับการผ่าดซึ่งจริงๆ
00:06:16 → 00:06:18 ก็ต้องบอกมันก็ไม่แปลกหรอกค่ะเพราะว่า
00:06:18 → 00:06:21 เหมือนครั้งนึงในชีวิตเนาะถ้าเขาไม่เคย
00:06:21 → 00:06:23 ที่จะมาดมยาเลยอ่ะเขาก็จะมีความกลัวตรง
00:06:23 → 00:06:27 นี้ทีนี้ก็ต้องอธิบายก่อนว่ายาดมสลบอ่ะ
00:06:27 → 00:06:30 ค่ะปัจจุบันเนี่ยค่อนข้างที่จะพัฒนาไปไกล
00:06:30 → 00:06:33 มากแล้วก็ยาดมสลบแต่ละตัวทุกวันนี้ที่เรา
00:06:33 → 00:06:36 ใช้เนี่ยค่อนข้างที่จะปลอดภัยค่ะอ
00:06:36 → 00:06:40 >> ดังนั้นถ้าถามว่าเราจะไม่ฟื้นจากยาดมสลบ
00:06:40 → 00:06:43 อันเนี้โอกาสเป็นไปได้น้อยมากๆ
00:06:43 → 00:06:48 >> แต่ภาวะที่อาจจะเกิดแบบไม่ฟื้นจากการดมยา
00:06:48 → 00:06:50 สลบอันเนี้ยถามว่าถ้าเป็นความเสี่ยงจาก
00:06:50 → 00:06:52 ตัวยาเลยอ่ะค่อนข้างน้อยแต่ความเสี่ยง
00:06:52 → 00:06:56 เนี้ยอาจจะเพิ่มขึ้นถ้ามาจากปัจจัยอื่นๆ
00:06:56 → 00:06:59 ยกตัวอย่างเช่น 1 คนไข้อายุเยอะมีโรค
00:06:59 → 00:07:01 ประจำตัวเยอะอย่างเงี้ยค่ะอันเนี้เราก็
00:07:01 → 00:07:04 อาจจะต้องระวังมากขึ้น 2 ถ้าเป็นการผ่า
00:07:04 → 00:07:07 ตัดที่มันค่อนข้างที่จะเสี่ยงแล้วก็มีคิด
00:07:07 → 00:07:10 ว่าในห้องผ่าตัดอ่ะน่าจะมีภาวะเสี่ยงยก
00:07:10 → 00:07:12 ตัวอย่างเช่นการผ่าตัดหัวใจหรือผ่าตัด
00:07:12 → 00:07:15 สมองอันเนี้ยเราก็อาจจะต้องเพิ่มความ
00:07:15 → 00:07:16 ระมัดระวังมากขึ้น
00:07:16 → 00:07:17 >> อื
00:07:17 → 00:07:18 >> ประมาณนี้ค่ะ
00:07:18 → 00:07:22 >> หมออ้อมครับทำไมต้องดมยาด้วยทำไมเราต้อง
00:07:22 → 00:07:24 สลบด้วยเวลาผ่าตัด
00:07:24 → 00:07:27 >> คำถามดีมากค่ะอาจารย์คือบางคนน่ะยังมี
00:07:27 → 00:07:30 ความเข้าใจว่าทำไมแค่ให้ยาชาไม่ได้หรอ
00:07:30 → 00:07:33 ทำไมถึงต้องแบบถึงกระดมยาเลย
00:07:33 → 00:07:34 >> ทีนี้เราก็ต้องบอกว่าการผ่าตัดเนี่ยมันมี
00:07:34 → 00:07:37 หลายรูปแบบและก็หลายชนิดถ้าเป็นการผ่าตัด
00:07:37 → 00:07:40 เล็กๆอ่ะค่ะอย่างเช่นแค่เย็บแผลอย่าง
00:07:40 → 00:07:42 เงี้ยอาจจะแค่ฉีดยาชาเฉพาะที่ได้เพราะว่า
00:07:43 → 00:07:45 เราไม่จำเป็นต้องให้คนไข้หลับเราแค่ฉีดยา
00:07:45 → 00:07:47 ชาบริเวณนั้นคนไข้ก็จะไม่เจ็บและอันเนี้
00:07:47 → 00:07:48 เหมาะกับการผ่าตัดเล็กๆ
00:07:48 → 00:07:49 >> อื
00:07:49 → 00:07:51 >> แต่สาเหตุที่เราต้องดมยาเนี่ยเพราะว่ามัน
00:07:51 → 00:07:55 มีการผ่าตัดหลายๆอย่างค่ะที่เราต้องการ
00:07:55 → 00:07:57 ให้คนไข้หลับและไม่ขยับ
00:07:57 → 00:07:58 >> อื
00:07:58 → 00:08:01 >> เพราะว่าการขยับเนี่ยบางทีมันอาจจะไปกวน
00:08:01 → 00:08:02 การทำงานของหมอผ่าตัด
00:08:03 → 00:08:04 >> ประมาณนี้อื
00:08:04 → 00:08:07 >> และบางทีเนี่ยการผ่าตัดบางอย่างอ่ะค่ะบาง
00:08:07 → 00:08:09 ทีเราต้องการที่จะคอนโทรลอ
00:08:09 → 00:08:12 >> เรื่องของสัญญาณชีพคนไข้ด้วยเผื่อแบบว่า
00:08:12 → 00:08:14 เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นอะไรอย่างเงี้ยค่ะดัง
00:08:14 → 00:08:17 นั้นอันเนี้ยเป็นสิ่งที่เราจำเป็นที่จะ
00:08:17 → 00:08:18 ต้องดมยาสลบ
00:08:18 → 00:08:19 >> อื
00:08:19 → 00:08:23 >> หมอมบอกว่าจริงๆผ่าตัดเล็กฉีดยาชาธรรมดา
00:08:23 → 00:08:25 ก็ไม่เป็นไรแต่พอผ่าตัดใหญ่ผ่าตัดมีความ
00:08:25 → 00:08:26 เสี่ยง
00:08:26 → 00:08:29 >> ต้องคอนโทรลต้องทำให้คนไข้สงบนิ่งให้มาก
00:08:29 → 00:08:34 ที่สุดหมอผ่าตัดจะได้ผ่าเร็วผ่าได้ดีผ่า
00:08:34 → 00:08:35 ได้สมูทแล้วก็จบเร็วอ๋อ
00:08:35 → 00:08:36 >> ใช่ค่ะ
00:08:36 → 00:08:39 >> แสดงว่าหน้าที่ของหมอดมยาคือทำยังไงก็ได้
00:08:39 → 00:08:41 ให้คนไข้หลับ
00:08:41 → 00:08:41 >> ถูกต้อง
00:08:42 → 00:08:44 >> สงบและชีปจรปลอดภัย
00:08:44 → 00:08:47 >> ใช่ค่ะก็เป็นที่มาของคำว่าระงับความรู้
00:08:47 → 00:08:47 สึก
00:08:47 → 00:08:48 >> ออ
00:08:48 → 00:08:50 >> เวลาเราดมยาเนี่ยเราจะใช้คำว่าระงับความ
00:08:50 → 00:08:52 รู้สึกไม่ว่าจริงจริงๆต้องบอกว่ามันไม่
00:08:52 → 00:08:55 ใช่แค่การดมยาอย่างเดียวเพราะว่าวิธีนะคะ
00:08:55 → 00:08:57 ความรู้สึกมีหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการดมยา
00:08:57 → 00:09:01 การบล็อกหลังหรือบางทีเราอาจจะฉีดยาก็ได้
00:09:01 → 00:09:04 ไม่จำเป็นที่จะต้องครอบหรือว่าให้ก๊าซไอ
00:09:04 → 00:09:06 ระเหยผ่านทางเครื่องช่วยหายใจอ
00:09:06 → 00:09:08 >> อ๋อแสดงว่าหมอออบอกว่าจริงๆการทำให้เรา
00:09:09 → 00:09:10 สงบ
00:09:10 → 00:09:13 ปราศจากการปวดการเจ็บนี้มีตั้งแต่ครอบมี
00:09:13 → 00:09:16 ตั้งแต่การฉีดแล้วก็มีตั้งแต่บล็อกหลังก็
00:09:16 → 00:09:18 มีใช่มั้อ้าแล้วใครเป็นคนเลือกอ่ะครับ
00:09:18 → 00:09:20 >> ถูกต้องค่ะใครเป็นคนเลือกก็ต้องบอกว่าก็
00:09:20 → 00:09:21 จะเป็นหน้าที่ของหมอดวงยา
00:09:21 → 00:09:22 >> อ๋อ
00:09:22 → 00:09:25 >> ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดชนิดนั้นก็ต้องดู
00:09:25 → 00:09:27 ก่อนว่าการผ่าตัดนั้นนะคะมันเหมาะกับวิธี
00:09:27 → 00:09:29 การระงับความรู้สึกแบบไหนอ
00:09:29 → 00:09:31 >> อย่างแรกเนาะทีนี้อย่างที่ 2 เนี่ยจะดู
00:09:31 → 00:09:33 แต่ชนิดการผ่าตัดไม่ได้ต้องดูด้วยว่าตัว
00:09:33 → 00:09:37 คนไข้อ่ะค่ะเหมาะสมกับวิธีไหนด้วยเพราะ
00:09:37 → 00:09:39 ต้องบอกว่าบางคนเนี่ยก็อาจจะไม่สามารถทำ
00:09:40 → 00:09:42 วิธีนี้ได้เราก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปทำอีก
00:09:42 → 00:09:45 วิธีนึงแต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่เนี่ยเรา
00:09:45 → 00:09:48 จะเลือกวิธีที่ปลอดภัยแล้วก็เหมาะสมกับคน
00:09:48 → 00:09:49 ไข้แน่นอน
00:09:49 → 00:09:51 >> อื
00:09:51 → 00:09:54 ไอ้ยาที่ดมยาที่ฉีดอย่างเงี้ยหรือบล็อก
00:09:54 → 00:09:57 หลังเอาดมกับฉีดก่อนเอ๊ะแล้วมันสะสมมั้
00:09:57 → 00:10:01 บางคนบอกว่ามันจะสะสมในร่างกายทำให้ไตตับ
00:10:01 → 00:10:05 มีปัญหาเลือดมีปัญหาอือฮึจริงๆต้องบอกว่า
00:10:05 → 00:10:09 ยาที่ใช้แทบจะทุกชนิดอ่ะค่ะเป็นยาที่ออก
00:10:09 → 00:10:11 ฤทธิ์เร็วแล้วก็หมดฤทธิ์เร็ว
00:10:11 → 00:10:12 >> อือ
00:10:12 → 00:10:15 >> ก็เลยเป็นที่มาว่าเราถึงเอามาใช้ในการ
00:10:15 → 00:10:16 ระดับความรู้สึกคนไข้
00:10:16 → 00:10:19 >> ดังนั้นเนี่ยต้องบอกว่าไม่ต้องกังวลเลย
00:10:19 → 00:10:22 ว่ายาที่ให้ไปเนี่ยมันจะเกิดผลเสียในระยะ
00:10:22 → 00:10:26 ยาวอะไรอย่างเงี้ยค่ะอย่างเช่นพวกก๊าซไอ
00:10:26 → 00:10:29 ระเหยจากยาดมสลบเนี่ยเพียงแค่ปิดก๊าซ
00:10:29 → 00:10:33 เนี่ยเพียงแค่ 5-10 นาทีเนี่ยก็หมดลิแล้ว
00:10:33 → 00:10:38 >> อืมครับแล้วตื่นมาจะมีผลต่อสมองมั้ยครับ
00:10:38 → 00:10:42 เช่นความจำลดลงจำคนไม่ได้ที่เราเห็นในใน
00:10:42 → 00:10:44 หนังกันน่ะตื่นมาผ่าตัดเสร็จเอ๊ะจำเหมือน
00:10:44 → 00:10:46 ในละครน่ะนะ
00:10:46 → 00:10:49 >> คำถามดีมากค่ะอาจารย์ต้องบอกว่าถ้าเป็น
00:10:49 → 00:10:52 เรื่องของสมองเสื่อมต้องแยกก่อนว่าเป็น
00:10:52 → 00:10:54 เรื่องของความจำหรือสมองเสื่อมถ้าสมอง
00:10:54 → 00:10:57 เสื่อมเลยเนี่ยหรือที่เขา้าเป็นโรคอ่ะถ้า
00:10:57 → 00:10:59 ในภาษาอังกฤษเราจะเรียกว่ามนชียใช่มั้ยคะ
00:10:59 → 00:11:03 ต้องบอกว่าโรคเนี้ยในปัจจุบันนะการดมยา
00:11:03 → 00:11:06 สลบยังไม่มีวิจัยไหนที่บอกว่าการดมยา
00:11:06 → 00:11:08 เนี่ยทำให้เกิดโรคนี้คือโรคสมองเสื่อม
00:11:08 → 00:11:09 >> อื
00:11:09 → 00:11:12 >> ทีนี้ถ้าเป็นเรื่องของความจำล่ะความจำ
00:11:12 → 00:11:14 เนี่ยต้องบอกว่าในปัจจุบันเรามีคำคๆนึง
00:11:14 → 00:11:18 ค่ะที่หมอดมยาจะใช้กันก็คือเอ่อชื่อว่า
00:11:18 → 00:11:21 Post operative Cognitive Dysfunction
00:11:21 → 00:11:25 อันเนี้ยแปลว่าภาวะการสูญเสียการรับรู้
00:11:25 → 00:11:28 หลังผ่าตัดซึ่งภาวะเนี่ยจะเกิดได้ตั้งแต่
00:11:28 → 00:11:30 หลังผ่าตัดไปเลยค่ะจนอาจจะเกิดได้ถึง
00:11:30 → 00:11:32 ประมาณ 6 เดือน
00:11:32 → 00:11:35 >> เค้ามีงานวิจัยหลายเปอร์ค่ะตีพิมพ์เนี่ย
00:11:35 → 00:11:38 เาพบว่าภาวะเนี้ยสามารถเกิดได้
00:11:38 → 00:11:39 >> อื
00:11:39 → 00:11:41 >> ทีนี้ถามว่าเกิดได้กับทุกคนมยก็ต้องบอก
00:11:41 → 00:11:43 ว่าไม่ค่ะเพราะว่าจากงานวิจัยเนี่ยเขาพบ
00:11:43 → 00:11:46 ว่าภาวะนี้นะคะจะเกิดกับคนที่มีความ
00:11:46 → 00:11:49 เสี่ยงไม่ว่าก็จะเป็น 1 สูงอายุ
00:11:49 → 00:11:50 >> อือ
00:11:50 → 00:11:53 >> 2 มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะโรคเบาหวานหรือ
00:11:53 → 00:11:55 ว่าโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหรือ
00:11:55 → 00:11:58 เป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างที่จะนานนะคะ
00:11:58 → 00:12:00 แล้วก็อาจจะมีความเสี่ยงเยอะยกตัวอย่าง
00:12:00 → 00:12:03 เช่นการผ่าตัดหัวใจคนไข้กลุ่มเนี้ยจะมี
00:12:03 → 00:12:05 ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้
00:12:05 → 00:12:06 >> อื
00:12:06 → 00:12:08 >> ทีเนี้ยพอเรารู้แล้วว่าคนไข้กลุ่มเนี้ย
00:12:08 → 00:12:10 เกิดความเสี่ยงได้ใช่มั้คะเราก็มีวิธี
00:12:10 → 00:12:13 ป้องกันวิธีป้องกันเนี่ยเราก็เริ่มตั้ง
00:12:13 → 00:12:15 แต่ก่อนที่จะผ่าตัดถ้าเรารู้ว่าคนไข้
00:12:15 → 00:12:17 กลุ่มเมีความเสี่ยงบางทีเราอาจจะต้องคซ
00:12:17 → 00:12:20 เสาหรือปรึกษากับคุณหมอแผนกอื่น
00:12:20 → 00:12:20 >> อ
00:12:20 → 00:12:22 >> ให้มาช่วยประเมินร่วม
00:12:22 → 00:12:22 >> อือ
00:12:22 → 00:12:26 >> รวมถึงในระหว่างการผ่าตัดเราก็จะต้องทำ
00:12:26 → 00:12:29 ยังไงก็ได้ให้คนไข้เนี่ยสัญญาณชีพค่อน
00:12:29 → 00:12:30 ข้างที่จะคงที่ที่สุด
00:12:30 → 00:12:31 >> อื
00:12:31 → 00:12:34 >> รวมถึงระดับยาดมสลบด้วยเพราะว่าก็มี
00:12:34 → 00:12:36 เปเปอร์หลายอย่างหรืองานวิจัยหลายอย่าง
00:12:36 → 00:12:38 เหมือนกันบอกว่าการดมยาสลบที่ลึกไปอ่ะค่ะ
00:12:39 → 00:12:41 ก็อาจจะเกิดภาวะนี้ได้
00:12:41 → 00:12:42 >> อื
00:12:42 → 00:12:44 >> เราก็จะต้องคอนโทรลหรือว่าควบคุมยาโดนสลบ
00:12:44 → 00:12:46 ให้อยู่ในระยะให้อยู่ในเอ่อปริมาณที่
00:12:46 → 00:12:47 เหมาะ
00:12:47 → 00:12:47 อื
00:12:47 → 00:12:48 >> กับคนไข้ภาพ
00:12:49 → 00:12:51 >> อันนี้ก็จะช่วยหลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
00:12:51 → 00:12:52 ได้
00:12:52 → 00:12:55 >> อืเห็นภาพเลยครับหวังว่าเราคงเห็นภาพว่า
00:12:55 → 00:13:00 จริงๆบริบทของหมอวิสัญญีหรือหมอดมยาเนี่ย
00:13:00 → 00:13:03 หน้าที่เขาคือเปรียบเสมือน
00:13:03 → 00:13:07 แม่ทัพคือหมออ่ะเปรียบเสมือนทหารลงไปลุย
00:13:07 → 00:13:10 หน้างานเนพาตัด 2 กล้องอะไรก็ตามแต่หมอ
00:13:10 → 00:13:13 อ่ะจะไม่ได้ไม่เอาจริงๆไม่ได้เหลือบมาดู
00:13:13 → 00:13:16 คนไข้ไม่ได้เหลือบมาดูชีพจรตลอดเวลาเพราะ
00:13:16 → 00:13:20 เขาต้องโฟกัสที่หน้างานแต่คนที่จะยืนอยู่
00:13:20 → 00:13:25 ข้างบนเรามองภาพรวมให้เรามองการหายใจนะ
00:13:25 → 00:13:30 ครับมองการตื่นมองการปวดการเจ็บมองความ
00:13:30 → 00:13:34 ดันนะครับมองผื่นขึ้นมองอีกหลายอย่างคือ
00:13:34 → 00:13:39 หมอวิสันีแล้วหารู้ไม่ว่าหลายๆครั้งเนี่ย
00:13:39 → 00:13:43 ในห้องผ่าตัดเนี่ยหมอศัลยกรรมหรือหมอที่
00:13:43 → 00:13:45 ทำการผ่าตัดจะแผนกไหนก็ตามอย่างหรือผม
00:13:45 → 00:13:47 อย่างเงี้ยส่องกล้องอย่างเงี้ยตัดชิ้น
00:13:47 → 00:13:51 เนื้อมีเลือดออกเยอะๆบางทีล่ะเราก็ตื่น
00:13:51 → 00:13:53 เต้นได้นะเพราะว่าเราเป็นเจ้าของไข้เนอะ
00:13:53 → 00:13:57 เราก็แต่คนที่จะเดินมาทบไลเราบอกอาจารย์
00:13:57 → 00:14:00 ตั้งสติไม่มีอะไรอาจารย์ใจเย็นๆคือหมอดม
00:14:00 → 00:14:03 ยานะคือหมอดมยาก็เปรียบเสมือนหมอนใบนึง
00:14:03 → 00:14:06 สำหรับหมอผ่าตัดทุกคนนะก็คือพอเราหลุด
00:14:06 → 00:14:09 เนี่ยแกก็จะมาตบหลังว่าหรือว่าช่วยว่า
00:14:09 → 00:14:11 อาจารย์ไม่ต้องห่วงอย่างผมเวลาส่องกล้อง
00:14:11 → 00:14:14 เงี้ยบางทีออกซิเจนต่ำเนี่ยผมก็จะต้อง
00:14:14 → 00:14:16 หยุดละให้คนไข้ให้พักก่อนแล้วเราจะเดิน
00:14:16 → 00:14:19 หน้าต่อหมอพี่สัญญีก็จะบอกอาจารย์เดี๋ยว
00:14:19 → 00:14:22 จัดการให้ค่ะผมก็จะโล่งละอาจารย์ไม่ต้อง
00:14:22 → 00:14:25 ห่วงเดี๋ยวดูให้ระหว่างที่เราส่องกล้อง
00:14:25 → 00:14:27 ล้างปอดค่อนข้นหมอวิสัญญอาจารย์ไม่ต้อง
00:14:27 → 00:14:31 ห่วงเดี๋ยวดูให้คือเห็นภาพมั้ฮะเขาเป็น
00:14:31 → 00:14:34 หมออีกคนนึงเป็นหมอบัดดี้อีกคนนึงที่ช่วย
00:14:34 → 00:14:37 ดูแลหมอผ่าตัดทำยังไงก็ได้ช่วยกันให้เรือ
00:14:37 → 00:14:40 ลำนั้นน่ะมันผ่านไปได้ด้วยดีแล้วมันไม่จบ
00:14:40 → 00:14:43 แค่นั้นคือหลังผ่าตัดใช่มั้ยครับ
00:14:43 → 00:14:45 >> หมอหมอดมยามีหน้าที่ตั้งแต่ประเมินอย่าง
00:14:46 → 00:14:48 ที่อาจารย์ประเมินบอกแล้วว่าเลือก
00:14:48 → 00:14:51 >> ว่าจะต้องดมยาฉีดยาบล็อกหลัง
00:14:51 → 00:14:51 >> ใช่
00:14:51 → 00:14:54 >> ประเมินความเสี่ยงใช่มั้ครับว่าหลังทำ
00:14:54 → 00:14:57 แล้วจะมีโอกาสอะไรในห้องผ่าตัดอาจารย์
00:14:57 → 00:15:00 ช่วยดูแลล่ะทีนี้หลังผ่าตัดด้วยก็มีบทบาท
00:15:00 → 00:15:00 ใช่มั้ย
00:15:00 → 00:15:03 >> ถูกต้องต้องบอกว่าดมยาเนี่ยหรือหมอดมยา
00:15:03 → 00:15:05 เนี่ยเราไม่ได้มีหน้าที่แค่ในห้องผ่าตัด
00:15:05 → 00:15:07 อย่างเดียวเรามีตั้งแต่ก่อนผ่าตัดเหมือน
00:15:07 → 00:15:09 ที่อาจารย์บอกแล้วก็ระหว่างผ่าตัดรวมไป
00:15:10 → 00:15:12 ถึงหลังผ่าตัดเวลาคนไข้ออกมาจากห้องผ่า
00:15:12 → 00:15:14 ตัดสิ่งที่เราต้องดูเนี่ยก็คือ 1 เราต้อง
00:15:15 → 00:15:16 ประเมินเรื่องของภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะ
00:15:16 → 00:15:19 เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากยาดมสลบหรือจาก
00:15:19 → 00:15:21 การผ่าตัด
00:15:21 → 00:15:23 >> เพราะว่าพอหลังผ่าตัดเสร็จเนี่ยคนไข้จะ
00:15:23 → 00:15:25 ต้องไปอยู่ที่ห้องผักฟื้นค่ะประมาณ 1-2
00:15:25 → 00:15:28 ชมงนะคะทีนี้เนี่ยนอกจากภาวะแทรกซ้อนที่
00:15:28 → 00:15:30 เราดูแล้วเนี่ยอีกสิ่งนึงที่สำคัญมากๆเลย
00:15:30 → 00:15:33 คือเราต้องประเมินเรื่องของความปวดแน่นอน
00:15:33 → 00:15:35 มาผ่าตัดเนี่ยมันก็จะอาจจะต้องต้องมีความ
00:15:35 → 00:15:39 ปวดเกิดขึ้นเราต้องมีวิธีการจัดการกับ
00:15:39 → 00:15:41 ความปวดที่เกิดขึ้นค่ะไม่ว่าจะเป็นการ
00:15:41 → 00:15:45 เลือกยาเลือกโดสเลือกปริมาณยาหรือว่าบาง
00:15:45 → 00:15:48 ทีเนี่ยก็มีหัถการต่างๆที่สามารถมาระงับ
00:15:48 → 00:15:50 ปรดได้ที่ไม่ใช่ยาค่ะ
00:15:50 → 00:15:52 >> อเส้นทางชีวิตเนี่ย
00:15:52 → 00:15:53 >> ค่ะ
00:15:53 → 00:15:56 >> เรียนแพทย์เสร็จจะมาเป็นหมอดมยาเนี่ยมัน
00:15:56 → 00:15:58 ต้องผ่านอะไรบ้างครับมันต้องเรียนอะไร
00:15:58 → 00:16:00 ขั้นตอนเป็นยังไงครับ
00:16:00 → 00:16:04 >> ก็หลังจบ 6 ปีก็จะต้องไปใช้ทุนก่อนค่ะ
00:16:04 → 00:16:05 >> ใช้ทุนประมาณ 3 ปี
00:16:05 → 00:16:06 >> ใช้ที่ไหน
00:16:06 → 00:16:08 >> ใช้ที่โรงโรงพยาบาลพระเก้าค่ะ
00:16:08 → 00:16:09 >> อ๋อครับ
00:16:09 → 00:16:11 >> ประมาณ 3 ปี
00:16:11 → 00:16:16 >> คือถ้าถ้าเป็นรุ่นๆรุ่นของออมอ่ะค่ะอ่า
00:16:16 → 00:16:19 ถ้าเป็นฟรีน่ะใช้แค่ 2 ปีแต่ถ้ามีทุนน่ะ
00:16:19 → 00:16:22 ต้องใช้ 3 ปีอก็คือยังไงอย่างน้อยมินิ
00:16:22 → 00:16:24 ต้อง 2-3 ปีไม่ใช่จบแล้วต่อได้เลย
00:16:24 → 00:16:27 >> ใช่ค่ะถึงจะไปสมัครเรียนresidenceนหรือ
00:16:27 → 00:16:29 ว่าแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลต่างๆที่
00:16:29 → 00:16:30 เขาเปิดรับ
00:16:30 → 00:16:34 >> ซึ่งก็เป็นสาขาที่แย่งกันเยอะ
00:16:34 → 00:16:36 >> ก็เป็นอย่างงั้นก็ได้ถ้าเป็นต้องบอกว่า
00:16:36 → 00:16:39 ถ้าเป็นสมัยก่อนน่ะสาขาเนี้ยค่อนข้างขาด
00:16:39 → 00:16:40 แคลน
00:16:40 → 00:16:44 >> แต่เท่าที่แบบแชัถามรุ่นพี่ที่รุ่นน้องเา
00:16:44 → 00:16:47 บอกว่าปัจจุบันน่ะเป็นสาขาแบบที่ค่อนข้าง
00:16:47 → 00:16:48 แย่งกันอยู่
00:16:48 → 00:16:48 >> อื
00:16:48 → 00:16:49 >> ค่ะ
00:16:49 → 00:16:51 >> เพราะอะไรทำไมเค้าถึงแย่งกัน
00:16:51 → 00:16:53 >> ส่วนตัวคิดว่า
00:16:53 → 00:16:58 ถ้าปัจจุบันนะคะส่วนตัวมองว่าเหมือนมัน
00:16:59 → 00:17:01 อาจจะเป็นแบบเหมือนเป็นทางเลือก
00:17:01 → 00:17:03 >> คือหมอหลายๆคนเนี่ยเขาก็จะแบบ
00:17:03 → 00:17:07 >> จะเริ่มรู้สึกว่าเค้าอยากอยากมีชีวิตที่
00:17:08 → 00:17:11 อาจจะที่ที่เราเลือกได้ที่มันตอบโจทย์รวม
00:17:11 → 00:17:12 ไปถึง
00:17:12 → 00:17:12 >> อ
00:17:12 → 00:17:15 >> ใครคล้ายกับอ่า Work Life Balance อัน
00:17:15 → 00:17:17 นี้จากส่วนตัวที่ออมคิดนะคะ
00:17:17 → 00:17:19 >> แต่อันนี้ก็ต้องบอกว่าก็ขึ้นอยู่กับความ
00:17:19 → 00:17:20 ชอบของแต่ละคนเหมือนกัน
00:17:20 → 00:17:20 >> อ
00:17:20 → 00:17:23 >> ถ้าบางคนที่เขามีแพชชั่นกับสาขาใดสาขา
00:17:23 → 00:17:25 หนึ่งอย่างเงี้ยยังไงเขาก็แบบสมัครสาขา
00:17:25 → 00:17:26 นั้นอยู่แล้ว
00:17:26 → 00:17:29 >> แต่ส่วนตัวในออมมองว่าวิสัญญีเเนี่ย
00:17:29 → 00:17:33 >> ชีวิตหลังเรียนจบมันเราเหมือนเราเลือกได้
00:17:33 → 00:17:36 ว่าเราแบบโอเคเราเราชอบงานแบบนี้เราอยาก
00:17:36 → 00:17:37 ทำประมาณนี้อะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:17:37 → 00:17:40 >> ครับงั้นแสดงว่าหมอจะต้องอยู่ในห้องผ่า
00:17:40 → 00:17:44 ตัดส่วนใหญ่ชีวิตก็จะอยู่แต่ในห้องผ่าตัด
00:17:44 → 00:17:46 พอมีหลังผ่าตัดบ้างแต่วันๆก็จะอยู่แต่ใน
00:17:46 → 00:17:48 ห้องผ่าตัด
00:17:48 → 00:17:50 >> ผ่าตัดนานสุดที่อาจารย์ต้องไปยืนคุมกี่
00:17:50 → 00:17:50 ชั่วโมง
00:17:50 → 00:17:54 >> ถ้าตอนที่ไปเรนจำได้เลยว่าเคสที่นานที่
00:17:54 → 00:17:57 สุดคือประมาณ 11-12 ชมง
00:17:57 → 00:17:59 >> ออตัดตับมั้ย
00:17:59 → 00:18:01 >> ไม่ค่ะเป็นเหมือนเป็นพลาสติก
00:18:01 → 00:18:03 >> เหมือนเขาทำแฟลapทำอะไรอย่างเงี้ยค่ะมัน
00:18:03 → 00:18:06 จะต้องมีการต่อเส้นเลือดต่ออะไรอย่างงี้
00:18:06 → 00:18:09 นานมากแต่ถามว่าออมเฝ้าคนเดียว 12 ช่โมง
00:18:09 → 00:18:11 เลยมั้ก็ไม่ใช่ค่ะเพราะว่าเหมือนเราก็จะ
00:18:11 → 00:18:12 มีการเปลี่ยนกะครับ
00:18:12 → 00:18:15 >> คือพอดีว่าวันนั้นเป็นเวรเราด้วยเราก็อาจ
00:18:15 → 00:18:18 จะต้องแบบเฝ้าเคสด้วยแล้วก็พอถึงชั่วโมง
00:18:18 → 00:18:20 เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนกับคนอื่นให้มาเฝ้า
00:18:20 → 00:18:20 ต่อ
00:18:20 → 00:18:25 >> ครับคำถามที่มีคนชอบถามหรืออยากรู้พวกหมอ
00:18:25 → 00:18:30 ผ่าตัดหมอดมยาต้องยืนในห้องผ่าตัดนาน
00:18:30 → 00:18:30 >> ค่ะ
00:18:30 → 00:18:33 >> แล้วทำยังไงอ่ะมันมีอาการยังไงเวลายืนนาน
00:18:33 → 00:18:33 ๆ
00:18:33 → 00:18:35 >> หมอผ่าตัดใช่มั้คะ
00:18:35 → 00:18:37 >> ทั้งเราด้วยหมอดมยาก็ยืนมั้ยแต่มีแอบนั่ง
00:18:37 → 00:18:38 บ้างใช่มั้ย
00:18:38 → 00:18:41 >> หมอดมยาต้องบอกว่าหมอดมยา
00:18:41 → 00:18:44 ยืนก็มีแต่จะบอกว่าส่วนใหญ่ได้นั่งนะคะ
00:18:44 → 00:18:46 อาจารย์ถ้าสมมุติว่าเคสไม่ยุ่งต้องบอก
00:18:46 → 00:18:49 อย่างงี้แต่ถ้าเคสที่ยุ่งๆต้องทำนู่นทำ
00:18:49 → 00:18:52 นี่โอเคเราต้องยืนและเพราะเราต้องคอนโทรล
00:18:52 → 00:18:54 เราต้องควบคุมต้องทำหัถการบางอย่างที่อาจ
00:18:54 → 00:18:57 จะต้องมีเพิ่มเติมในระหว่างผ่าตัด
00:18:57 → 00:19:00 >> แต่โดยส่วนใหญ่ดีกว่าประมาณอาจจะประมาณ
00:19:00 → 00:19:04 ประมาณสัก 60-70% ถ้าเคส stable หมายถึง
00:19:04 → 00:19:07 ว่าหลังจากที่เริ่มดมยาสลบไปแล้วไม่ได้มี
00:19:07 → 00:19:09 ปัญหาอะไรอันเนี้เรานั่งได้
00:19:09 → 00:19:16 >> อือืคำถามหมอที่ดุที่สุดแผนกไหนในห้องผ่า
00:19:16 → 00:19:16 ตัด
00:19:16 → 00:19:18 >> ในห้องผ่าตัดหรอคะ
00:19:18 → 00:19:21 >> คือจะรู้รายละเอียดในห้องผ่าตัดคนที่จะ
00:19:21 → 00:19:23 บอกได้ดีคือหมอดมยา
00:19:23 → 00:19:27 >> จริงๆอ่ะหลายคนเขาบอกว่าหมอดมยาดุ
00:19:27 → 00:19:30 >> อืมจริงด้วย
00:19:30 → 00:19:32 >> ผมเห็นด้วย
00:19:32 → 00:19:35 >> แต่ออมรู้สึกว่าก็ไม่ได้ขนาดนั้น
00:19:35 → 00:19:37 >> คือคืองี้คือต้องบอกว่า
00:19:38 → 00:19:40 >> สาเหตุที่หลายๆคนน่ะมองว่าหมอดมยาดุนะออ
00:19:40 → 00:19:43 มองว่ามันเหมือนมันอาจจะเป็นที่ตัวงาน
00:19:43 → 00:19:45 เพราะว่าเหมือนระหว่างทำงานเนี่ยบางทีมัน
00:19:45 → 00:19:46 ต้องโฟกัส
00:19:46 → 00:19:46 >> อื
00:19:46 → 00:19:48 >> ไม่ให้เกิดแบบภาวะแทรกซ้อนอะไรอย่างเงี้ย
00:19:48 → 00:19:50 บางทีแบบทุกๆอย่างเราจะต้องมองต้อง
00:19:50 → 00:19:54 ประเมินทุกๆอย่างเลยแบบพลาดแม้แต่วินาที
00:19:54 → 00:19:56 เดียวอ่ะก็อาจจะทำให้เกิด complication
00:19:56 → 00:19:58 หรือว่าภาวะแซกได้
00:19:58 → 00:19:58 >> อือ
00:19:59 → 00:20:01 >> ก็เลยเป็นที่แม้ว่าบางทีเนี่ยหน้าตาอาจจะ
00:20:01 → 00:20:03 ดูแบบดูนิ่งๆ
00:20:03 → 00:20:03 >> อือ
00:20:03 → 00:20:06 >> ดูแบบดูขึมอะไรอย่างเงี้ยแต่จริงๆอ่ะออก
00:20:06 → 00:20:09 จากห้องพาตัดไปอ่ะก็ไปเม้ามอยกับพี่
00:20:09 → 00:20:11 พยาบาลอ
00:20:11 → 00:20:11 ครับ
00:20:11 → 00:20:14 >> แต่ในห้องพาตัดอาจจะดูแบบดูมีมากนิดนึง
00:20:14 → 00:20:14 ค่ะ
00:20:14 → 00:20:16 >> ครับๆใช่เพราะว่าต้องช่วยคอนโทรล
00:20:16 → 00:20:17 >> ใช่ถูกต้อง
00:20:17 → 00:20:20 >> แล้วหมอแผนกไหนที่ดุลองลงมาจากหมอดมยา
00:20:20 → 00:20:20 >> อ
00:20:20 → 00:20:21 >> ในห้องผ่าตัด
00:20:21 → 00:20:23 >> ในห้องผ่าตัดก็คิดว่าเป็นหมอผ่าตัดค่ะ
00:20:23 → 00:20:24 >> หมอศัลยกรรม
00:20:24 → 00:20:26 >> คิดว่าหมอ
00:20:26 → 00:20:28 ศัลยกรรม
00:20:28 → 00:20:29 ใช่ค่ะ
00:20:29 → 00:20:32 >> ความเข้าใจผิดในสังคมอันดับแรกเริ่มจาก
00:20:32 → 00:20:32 เด็กก่อน
00:20:32 → 00:20:34 >> อืค่ะ
00:20:34 → 00:20:37 >> ดมยาในเด็กแล้วข้ามไปผู้สูงอายุเลยเ้าบอก
00:20:37 → 00:20:38 อันตรายมากที่สุด
00:20:38 → 00:20:41 >> จริงจริงๆก็ต้องบอกว่าใช่เอาเริ่มจากเด็ก
00:20:41 → 00:20:44 ก่อนแล้วกันคะเด็กเนี่ยอย่างที่หลายๆคน
00:20:44 → 00:20:46 รู้กันว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ย่อส่วน
00:20:46 → 00:20:46 >> อื
00:20:46 → 00:20:50 >> ดังนั้นบางทีบางอวัยวะหรือบางระบบเนี่ย
00:20:50 → 00:20:53 เขาอาจจะยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะเรา
00:20:53 → 00:20:56 อาจจะต้องมีการโฟกัสเป็นพิเศษยิ่งต้องบอก
00:20:56 → 00:20:58 ว่าสิ่งสำคัญเลยนะคะสำหรับหมอดวงยาก็คือ
00:20:58 → 00:21:03 เรื่องของโดสยาในเด็กเนี่ยยาแค่ 0.1 หรือ
00:21:03 → 00:21:06 0.2 2ซีซเนี่ยมีผลกับเด็กต่างกับผู้ใหญ่
00:21:06 → 00:21:08 อย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ
00:21:08 → 00:21:08 >> อื
00:21:08 → 00:21:11 >> ส่วนในคนสูงอายุจริงๆก็คล้ายกันเลยต้อง
00:21:11 → 00:21:14 บอกว่าคนสูงอายุเนี่ยกลายเป็นว่าอวัยวะ
00:21:14 → 00:21:17 ต่างๆของเขาอ่ะเริ่มเสื่อมไม่ว่าจะเป็น
00:21:17 → 00:21:19 ทุกระบบเลยระบบสมองระบบหัวใจระบบหายใจ
00:21:19 → 00:21:21 อะไรอย่างเงี้ยค่ะดังนั้นเราก็อาจจะต้อง
00:21:22 → 00:21:25 มาโฟกัสแยกเลยแต่ละระบบว่าตอนเามีปัญหา
00:21:25 → 00:21:27 อะไรบ้างมยที่เราจะต้องประเมินแล้วต้องดู
00:21:27 → 00:21:30 แลเป็นพิเศษในระหว่างการผ่าตัดอีกอย่าง
00:21:30 → 00:21:33 ที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุก็คือพอผู้ส่ง
00:21:33 → 00:21:35 อายุเนี่ยโรคประจำตัวเขาเยอะใช่มั้ยคะยา
00:21:35 → 00:21:37 ที่เขาทานก็เยอะเหมือนกัน
00:21:37 → 00:21:37 >> อือ
00:21:37 → 00:21:39 >> อันนี้เป็นสิ่งที่หมอดมยาก็ต้องให้ความ
00:21:39 → 00:21:43 สำคัญมากๆเพราะต้องบอกว่ายาบางตัวต้องทาน
00:21:43 → 00:21:44 ก่อนผ่าตัดอ
00:21:44 → 00:21:47 >> ยาบางตัวต้องงดค่ะ
00:21:47 → 00:21:48 >> ยาที่เราต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษเลยก็คือ
00:21:49 → 00:21:52 พวกกลุ่มยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด
00:21:52 → 00:21:53 เพราะว่าคนไข้จะมาผ่าตัดเราก็ไม่อยากให้
00:21:53 → 00:21:55 เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
00:21:55 → 00:21:55 >> อือ
00:21:56 → 00:21:58 >> อันเนี้ต้องดูเป็นพิเศษเลยเพราะว่าต้อง
00:21:58 → 00:22:00 บอกว่าบางทีเนี่ยคนสูงอายุบางทีเขาเอาจจะ
00:22:00 → 00:22:04 ไม่รู้หรือว่าเขาอาจจะจำไม่ได้บางคนเนี่ย
00:22:04 → 00:22:06 อาจจะกินมาก่อนผ่าตัดก็มี
00:22:06 → 00:22:07 >> อือ
00:22:07 → 00:22:09 >> เราต้องซักถามแบบโดยละเอียด
00:22:09 → 00:22:10 >> ก่อนที่จะผ่าตัดค่ะ
00:22:11 → 00:22:14 >> ครับความเสี่ยงในที่นี้ที่หมอออมบอกก็คือ
00:22:14 → 00:22:17 เป็นความเสี่ยงระหว่างผ่าตัดในช่วงผ่าตัด
00:22:17 → 00:22:19 ไม่ได้เป็นความเสี่ยงระยะยาว
00:22:19 → 00:22:21 >> ใช่มั้ยไม่ไม่เพราะว่าเนื่องจากเราคุยไป
00:22:21 → 00:22:24 แล้วยาไม่ได้สะสมยาหมดฤทธิ์เร็วใช่มั้ย
00:22:24 → 00:22:28 >> ยังไงจะต่อให้มีความเสี่ยงแต่ยังไงในเด็ก
00:22:28 → 00:22:30 และผู้ใหญ่ถ้ามันจำเป็นต้องผ่าก็ต้องเดิน
00:22:30 → 00:22:31 หน้าต่อ
00:22:31 → 00:22:31 >> ถูกต้องค่ะ
00:22:31 → 00:22:35 >> โอเคครับอันดับ 2 คือโรคอะไรที่ทำให้การ
00:22:35 → 00:22:39 ผ่าตัดเนี่ยมีความซับซ้อนมากขึ้นตะกี้คุณ
00:22:39 → 00:22:41 หมอพูดแล้วก็คือพวกโรคหัวใจนะ
00:22:41 → 00:22:42 >> ค่ะ
00:22:42 → 00:22:44 >> นี่มันจะมีคนที่บอกว่าอุ๊ยเป็นเบาหวาน
00:22:44 → 00:22:45 เป็นโรคไต
00:22:45 → 00:22:47 >> ไม่ผ่า
00:22:47 → 00:22:47 >> อือ
00:22:47 → 00:22:49 >> ไม่ผ่าเพราะเดี๋ยวผ่าแล้วไม่ฟื้น
00:22:49 → 00:22:49 >> อือๆ
00:22:50 → 00:22:53 >> ตัวโรคเองมันเป็นข้อจำกัดมั้ย
00:22:53 → 00:22:56 >> อืจริงๆก็ต้องบอกว่าทุกโรคไม่ได้มีข้อ
00:22:56 → 00:22:59 จำกัดเลยในการมาขาตัดอโอเค
00:22:59 → 00:23:02 >> เพียงแต่ว่าการที่เป็นโรคนั้นนั้นนะคะ
00:23:02 → 00:23:05 ก่อนผ่านตัดเนี่ยก็จะมีคุณหมอหรือพยาบาล
00:23:05 → 00:23:08 น่ะไปประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เรื่องของ
00:23:08 → 00:23:11 ตัวโรคว่าตอนเนี้ยรุนแรงไปถึงไหนแล้วก็
00:23:11 → 00:23:14 ตอนเนี้ยควบควบคุมได้แค่ไหนยกตัวอย่าง
00:23:14 → 00:23:15 อย่างเช่นเบาหวาน
00:23:15 → 00:23:18 >> เราก็ต้องไปดูแล้วว่าณตอนเนี้ยระดับน้ำ
00:23:18 → 00:23:21 ตาลในเลือดของคนไข้เนี่ยอยู่ในเกณฑ์ปกติ
00:23:21 → 00:23:24 มั้ยสูงเกินไปมั้ยมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิด
00:23:24 → 00:23:24 ขึ้นมั้ย
00:23:24 → 00:23:25 >> อือ
00:23:25 → 00:23:29 >> โอเคถ้าเป็นการผ่าตัดที่เขาเรียกว่าเอ่อ
00:23:29 → 00:23:32 ทั่วไปที่สมมุติว่าสามารถจัดตารางได้ว่า
00:23:32 → 00:23:34 วันนี้จะผ่าอะไรอย่างเงี้ยค่ะที่ไม่รีบ
00:23:34 → 00:23:35 เอาอย่างงี้ดีกว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่ได้
00:23:35 → 00:23:38 เร่งด่วนถ้าภาวะแทรกซ้อนพวกนี้ยังจัดการ
00:23:39 → 00:23:41 ไม่ได้บางทีเราก็สามารถเลื่อนเคสออกไป
00:23:41 → 00:23:42 ก่อนได้
00:23:42 → 00:23:42 >> อื
00:23:42 → 00:23:45 >> แต่ในกรณีที่เป็นการผ่าตัดที่เร่งด่วนที่
00:23:45 → 00:23:49 คิดว่าจำเป็นกับชีวิตของคนไข้อันเนี้ก็
00:23:49 → 00:23:51 ต้องบอกว่าควรผ่า
00:23:51 → 00:23:51 >> อื
00:23:51 → 00:23:54 >> ไม่ควรที่จะแบบเอ่อเลื่อนอะไรอย่างเงี้ย
00:23:54 → 00:23:54 ค่ะ
00:23:54 → 00:24:00 >> อืโอเคตะกี้คุณหมอบอกว่าจริงๆตัวโรคยอม
00:24:00 → 00:24:02 รับว่ามันเพิ่มความเสี่ยงแต่ไม่ได้เป็น
00:24:02 → 00:24:03 ข้อห้าม
00:24:03 → 00:24:03 >> ใช่ค่ะ
00:24:03 → 00:24:08 >> ก็ไปดูว่าโรคนั้นคุมดีหรือไม่ดีถ้าไม่รีบ
00:24:08 → 00:24:10 >> การผ่าตัดที่ไม่รีบคุมให้ดีก่อนแล้วค่อย
00:24:10 → 00:24:11 มาผ่า
00:24:11 → 00:24:13 >> ใช่ค่ะเหมือนเราเหมือนเราต้องเลือกเ้า
00:24:13 → 00:24:15 เรียกว่าช่างเราก็ช่างน้ำหนักเอา
00:24:15 → 00:24:16 >> ว่าอะไรที่มี
00:24:16 → 00:24:19 >> มีข้อดีและมีผลกับคนไข้มากที่สุดเราก็
00:24:19 → 00:24:20 เลือกสิ่งนั้นก่อน
00:24:20 → 00:24:23 >> ถ้าตัวโรคสำคัญกว่าเราก็เลือกตัวโรคแต่
00:24:23 → 00:24:26 ถ้าคิดว่าการผ่าตัดเนี้ยมันสำคัญกับชีวิต
00:24:26 → 00:24:28 เขามากกว่าเราก็เลือกการผ่าตัดแค่นั้นเอง
00:24:28 → 00:24:28 ค่ะ
00:24:28 → 00:24:31 >> อครับผมถามหน่อยอย่างี้ถ้าสมมุติผ่านตัด
00:24:31 → 00:24:32 อุบัติเหตุ
00:24:32 → 00:24:33 >> ค่ะ
00:24:33 → 00:24:35 >> หรือผ่าตัดฉุกเฉินอย่างอื่นเส้นเลือดสมอง
00:24:35 → 00:24:36 แตกอย่างเงี้ย
00:24:36 → 00:24:38 >> หรือเส้นเลือดใหญ่แตก
00:24:38 → 00:24:39 >> ค่ะ
00:24:39 → 00:24:42 >> ด้วยอะไรก็ตามไส้ติ่งแตกหรืออุบัติเหตุ
00:24:42 → 00:24:45 หรือฉุกเฉินอย่างเงี้ยคนไข้ที่เกินยาอยู่
00:24:45 → 00:24:48 แล้วหรือกินยาละลายเลี่ยมเลือด
00:24:48 → 00:24:50 >> อ้าคนไข้บอกอ้าก็ไหนหมอบอกว่าต้องหยุดไม่
00:24:50 → 00:24:52 ใช่ละกรณีอย่างงั้นเราทำไงฮะ
00:24:52 → 00:24:55 >> จริงๆถ้าสมมุติว่ามันสำคัญกับชีวิตเขามาก
00:24:55 → 00:24:59 กว่าก็จำเป็นต้องผ่าแต่ทีนี้เราก็ต้องมี
00:24:59 → 00:25:03 การวางแผนและว่ายาที่เขากินเป็นยาตัวไหน
00:25:03 → 00:25:03 >> อือ
00:25:03 → 00:25:06 >> เราจำเป็นที่จะต้องเอายาตัวไหนที่มาช่วย
00:25:06 → 00:25:08 คอนโทรลหรือช่วยควบคุมมั้ย
00:25:08 → 00:25:09 >> ช่วยต้านมันมั้ยถูกต้อง
00:25:09 → 00:25:12 >> อย่างผมอย่างสมมุติคนที่กินพวกยาละลิ่ม
00:25:12 → 00:25:12 เลือดอย่างเงี้ย
00:25:12 → 00:25:13 >> ค่ะ
00:25:13 → 00:25:14 >> คุณหมอทำยังไง
00:25:14 → 00:25:16 >> บางทีเราก็จะต้องมีการปรึกษากับคุณหมอ
00:25:16 → 00:25:17 อยุรกรรม
00:25:17 → 00:25:18 >> อือ
00:25:18 → 00:25:20 >> ว่าเราจะต้องเอายาต้านน่ะมาให้ก่อนที่จะ
00:25:20 → 00:25:23 ผ่าตัดมั้ยหรือเอามาให้ระหว่างการผ่าตัด
00:25:23 → 00:25:23 ได้มั้อ
00:25:24 → 00:25:24 >> อือ
00:25:24 → 00:25:27 >> ประมาณนี้เลยก็คือเหมือนต้องบอกว่าการดม
00:25:27 → 00:25:29 ยาเนี่ยหรือหมอดมยาต้องคุยกับหมอแบบแผนก
00:25:29 → 00:25:31 มากๆคือนไม่ใช่แค่หมอผักตัดอย่างเดียว
00:25:32 → 00:25:34 เพราะว่าอย่าลืมว่าคนไข้ 1 คนเนี่ยโรค
00:25:34 → 00:25:35 ประจำตัวเยอะมาก
00:25:35 → 00:25:37 >> บางทีเนี่ยอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนนู่นนี่
00:25:37 → 00:25:39 ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะบางทีเราจะต้องมีการ
00:25:39 → 00:25:41 ปรึกษากับหมอแผนกอื่นๆ
00:25:41 → 00:25:41 >> อือ
00:25:41 → 00:25:43 >> เพื่อที่ว่าจะทำไงก็ได้ให้เขาปลอดภัยที่
00:25:44 → 00:25:44 สุด
00:25:44 → 00:25:45 >> ครับ
00:25:45 → 00:25:45 >> ประมาณนี้ค่ะ
00:25:45 → 00:25:48 >> คุณหมอเคยมีประสบการณ์แบบในห้องผ่าตัดที่
00:25:48 → 00:25:51 แบบอื้อหือโหดมากแล้วรู้สึกลืมไม่ได้เลย
00:25:51 → 00:25:51 มีมั้ย
00:25:51 → 00:25:54 >> ก็จริงๆต้องบอกว่าเป็นตอนช่วงที่แบบเป็น
00:25:54 → 00:25:57 แพทย์ประจำบ้านช่วงที่เป็น Resident จำ
00:25:58 → 00:26:00 ได้เลยว่าเป็นเวรสุดท้ายขายพอดีเป็นเวร
00:26:00 → 00:26:01 สุดท้ายที่
00:26:01 → 00:26:03 >> ใช่
00:26:03 → 00:26:06 >> เป็นแบบเป็นเหมือนเป็นเคส immergency ที่
00:26:06 → 00:26:06 เขาเหมือน
00:26:06 → 00:26:07 >> เคสฉุกเฉิน
00:26:07 → 00:26:10 >> ใช่เคสฉุกเฉินที่เหมือนมีภาวะเลือดออก
00:26:10 → 00:26:12 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วเขาต้องเซตเ้าเรียก
00:26:12 → 00:26:15 ว่าคุณหมอพาตัดน่ะต้องการผ่าตัดฉุกเฉิน
00:26:15 → 00:26:15 ให้เร็วที่สุด
00:26:15 → 00:26:17 >> อไหนฮะในช่องท้องหรือในอ๋อในช่องท้องใช่
00:26:17 → 00:26:18 ช่องท้อง
00:26:18 → 00:26:21 >> ทีนี้เนี่ยเหมือนกับก็พอคนไข้จำได้เลยว่า
00:26:21 → 00:26:26 ภาพที่เห็นก็คือเ้าเขาปั๊มหัวใจตั้งแต่
00:26:26 → 00:26:28 ที่ห้องฉุกเฉิน
00:26:28 → 00:26:28 >> ขึ้นมาเลย
00:26:28 → 00:26:29 >> อือ
00:26:29 → 00:26:31 >> เพราะว่าตอนนั้นน่ะเหมือนแบบเสียเลือด
00:26:31 → 00:26:34 เยอะมีภาวะช็อกหัวใจหยุดเต้นอะไรเงี้ยค่ะ
00:26:34 → 00:26:36 เค้าก็ปั๊มหัวใจขึ้นมาแล้วก็ลากเข้าห้อง
00:26:36 → 00:26:40 ผ่าตัดเลยพาเข้าห้องผ่าตัดก็ตอนนั้นจำได้
00:26:40 → 00:26:41 ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเพราะทุกคน
00:26:41 → 00:26:44 น่ะช่วยกันแบบบางคนก็ทำอย่างนู้นบางคนก็
00:26:44 → 00:26:46 ทำอย่างี้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเราก็มีหน้า
00:26:46 → 00:26:49 ที่เป็นคือต้องบอกว่าพอในห้องผ่าตัดเนี่ย
00:26:49 → 00:26:52 หน้าที่ของคุณหมอผ่าตัดเขาก็จะต้องโฟกัส
00:26:52 → 00:26:55 ว่าเขาจะต้องผ่าตัดให้คนไข้แบบกลับมาปลอด
00:26:55 → 00:26:57 ภัยที่สุดใช่มั้คะส่วนหน้าที่ของเราเนี่ย
00:26:57 → 00:27:01 เราก็คือต้องทำยังไงก็ได้ให้คนไข้อ่ะหลับ
00:27:01 → 00:27:04 เร็วที่สุดแล้วก็ต้องพยายามคอนโทรลหรือ
00:27:04 → 00:27:07 ควบคุมสัญญาณชีพของเขาให้ดีที่สุดแล้วตอน
00:27:07 → 00:27:08 นั้นเหมือนเราก็เป็นเหมือนเป็น leader
00:27:08 → 00:27:11 เป็นเหมือนเป็นหัวหน้าในการแบบควบคุมใน
00:27:11 → 00:27:13 การบอกหลายๆคนว่าให้ทำนู่นทำนี่อะไรเงี้ย
00:27:13 → 00:27:16 >> เราก็เหมือนจะต้องมีการคืออย่างแรกเลยนะ
00:27:16 → 00:27:17 คะต้องแบบว่าต้องตั้งสติ
00:27:17 → 00:27:18 >> อือ
00:27:18 → 00:27:20 >> อืว่าเราจะทำยังทำอะไรบ้าง 1 2 3 4
00:27:20 → 00:27:24 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็ระหว่างที่เขาปั๊มหัว
00:27:24 → 00:27:26 ใจเค้าก็เหมือนผ่านไปด้วยคือต้องมีคนนึง
00:27:26 → 00:27:29 อ่ะปั๊มหัวใจอีกคนนึงก็คือผ่าตัดไปด้วย
00:27:29 → 00:27:31 เพื่อหาจุดที่แบบช่วยหยุดเลือดอะไรอย่าง
00:27:31 → 00:27:32 เงี้ย
00:27:32 → 00:27:35 >> เราก็มีการต้องให้เลือดต้องมีการใส่เค้า
00:27:35 → 00:27:37 เรียกว่าใส่สาย
00:27:37 → 00:27:40 >> อะไรต่างๆเพื่อที่จะควบคุมสายอาชีพคนไข้
00:27:40 → 00:27:41 >> อือ
00:27:41 → 00:27:42 >> ประมาณนั้นจำได้ว่า
00:27:42 → 00:27:47 >> ประมาณ 2 ช่โมงได้ค่ะที่แบบเหมือนพยายาม
00:27:47 → 00:27:49 ที่จะสู้ไปด้วยกัน
00:27:49 → 00:27:50 >> สุดท้ายก็
00:27:50 → 00:27:51 >> สุดท้ายก็ก็ไม่ทัน
00:27:51 → 00:27:52 >> เหรอฮะอื
00:27:52 → 00:27:53 >> ใช่
00:27:53 → 00:27:57 >> แล้วคุณหมอมีวิธียังไงที่จะฝึกสติเพราะ
00:27:57 → 00:28:00 ว่าผมเชื่อว่าหมอดมยาเนี่ยจริงๆมันก็
00:28:00 → 00:28:03 มรสุมนะเข้าไปเี่มันเหมือนมวยโดนชกฝั่ง
00:28:03 → 00:28:05 นี้ชกฝั่งนี้มันมึนไปหมดเลยเดี๋ยวบางที
00:28:05 → 00:28:07 ชีปจรร่วงเดี๋ยวความดันร่วงเดี๋ออกซิเจน
00:28:08 → 00:28:11 ร่วงเดี๋คนไข้ตื่นเดี๋ยวหมอผ่าตัดกดดัน
00:28:11 → 00:28:16 เราบ้างบางทีขอให้หลับบ้างนะแล้วเรา
00:28:16 → 00:28:20 >> เรามีทักษะยังไงที่จะคุมสติให้เรานิ่ง
00:28:20 → 00:28:25 เราฝึกมั้ยตอนที่เราเทรนเค้าสอนเราอะไร
00:28:25 → 00:28:28 >> ต้องบอกว่าตอนถ้าถ้าเป็นตอนที่แบบเพิ่ง
00:28:28 → 00:28:31 ึ่งเริ่มเรียนตอนนั้นก็จะมีความร่นระดับ
00:28:31 → 00:28:34 นึงเหมือนแบบพอเจอนู่นเจอนี่มาก็จะเครียด
00:28:34 → 00:28:35 อะไรเงี้ใช่มั้คะ
00:28:35 → 00:28:39 >> ทีนี้ก็เหมือนเจออาจารย์คนนึงเค้าแบบเค้า
00:28:39 → 00:28:41 นิ่งมากคือเหมือนกับเวลาเขาจะทำอะไรอย่าง
00:28:41 → 00:28:44 เงี้ยเขาจะรู้สึกเขาจะเจะมีความคิดที่แบบ
00:28:44 → 00:28:47 เหมือนค่อยๆทำเค้าคือจำได้เลยว่าตอนที่
00:28:47 → 00:28:49 ออมแบบอยู่เองกับเค้าอะไรเงี้ยไม่รู้สึก
00:28:50 → 00:28:52 เลยว่าเขามีความแบบตื่นตระหนกอะไรอย่าง
00:28:52 → 00:28:54 เงี้ยเขาก็จะแบบค่อยๆพูดค่อยๆทำแล้วก็จัด
00:28:54 → 00:28:57 การปัญหาหลังจากนั้นเราก็เลยแบบเหมือน
00:28:57 → 00:29:01 พยายามทำตามเค้าเลียนแบบก็คือทุกครั้งที่
00:29:01 → 00:29:03 รู้สึกว่าเจอแบบเรื่องหรือเหตุการณ์อะไร
00:29:03 → 00:29:06 อย่างเงี้ยในห้องพาตัดเราก็จะค่อยๆตั้ง
00:29:06 → 00:29:09 สติแล้วก็เหมือนต้องเหมือนต้องมีแมพแมพใน
00:29:09 → 00:29:12 หัวค่ะคิดเลยว่าเป็น 1 2 3 4 ว่าเราจะ
00:29:12 → 00:29:15 ทำอะไรบ้างแล้วก็ค่อยๆทำสุดท้ายก็ทำได้
00:29:15 → 00:29:16 >> อื
00:29:16 → 00:29:16 >> ประมาณเนี้ย
00:29:16 → 00:29:19 >> แล้วใช้อย่างงี้ในชีวิตประจำวันมั้ย
00:29:19 → 00:29:19 >> ใช่ค่ะ
00:29:19 → 00:29:20 >> เอามาใช้ยังไง
00:29:20 → 00:29:24 >> ใช่ก็รู้สึกว่าพอโตขึ้นนิ่งขึ้น
00:29:24 → 00:29:24 >> อื
00:29:24 → 00:29:27 >> รู้สึกว่าแบบรู้สึกแต่ว่าความเงียบอ่ะ
00:29:27 → 00:29:30 ความนิ่งอ่ะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด
00:29:30 → 00:29:32 เวลาแบบมีปัญหาอะไรเงี้ยค่ะอ
00:29:32 → 00:29:32 >> อื
00:29:32 → 00:29:35 >> ก็จะจะแบบคือเวลาเจอปัญหาอะไรอย่างเงี้ย
00:29:35 → 00:29:38 คือออมรู้สึกว่าถ้าเราแบบตั้งสติได้ค่อยๆ
00:29:38 → 00:29:43 คิดว่าแบบเราจะทำอะไรต่อไปแค่นั้นมันก็
00:29:43 → 00:29:46 รู้สึกว่าเรื่องต่างๆมันก็จะค่อยๆคลี่
00:29:46 → 00:29:46 คลาย
00:29:46 → 00:29:47 >> อื
00:29:47 → 00:29:49 >> ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราอาจจะมีความแบบ
00:29:49 → 00:29:52 กังวลไปกับทุกๆปัญหาอะไรเงี้ย
00:29:52 → 00:29:52 >> อืออื
00:29:52 → 00:29:53 >> ประมาณนั้นค่ะ
00:29:53 → 00:29:56 >> อืวิสัญญี
00:29:56 → 00:29:59 ไม่ใช่แค่ศิลปะในห้องผ่าตัดนะมันเอามาใช่
00:29:59 → 00:30:01 ส่วนใหญ่หมอออมพูดถูก
00:30:01 → 00:30:02 >> หมอวิสัญญีจะนิ่งมาก
00:30:02 → 00:30:04 >> ในห้องผ่าตัด
00:30:04 → 00:30:04 >> ครับ
00:30:04 → 00:30:08 >> ทีนี้ปัจจุบันเทคนิคเทคโนโลยีใหม่ๆมันไป
00:30:08 → 00:30:09 ถึงไหนนะเรื่องวิสัญญี
00:30:09 → 00:30:12 >> อจริงๆต้องบอกว่าปัจจุบันเนี่ยเทคโนโลยี
00:30:12 → 00:30:16 ค่อนข้างที่จะก้าวกระโดดมากแล้วก็เรามี
00:30:16 → 00:30:19 เครื่องมือต่างๆค่ะที่จะมาช่วยคนไข้หรือ
00:30:19 → 00:30:23 มาดูแลคนไข้ให้ปลอดภัยมากขึ้นยกตัวอย่าง
00:30:23 → 00:30:26 เช่นถ้าถ้าเป็นแต่ก่อนเวลาใส่ท่อช่วยหาย
00:30:26 → 00:30:29 ใจดมยาสลบคนไข้ใช่มั้คะเราอาจจะต้องใช้
00:30:29 → 00:30:33 เค้าเรียกว่าอะไรอ่ะเป็นตัวเป็นท่อเป็น
00:30:33 → 00:30:35 เป็นเครื่องมือที่จะใส่
00:30:35 → 00:30:35 >> อือ
00:30:35 → 00:30:37 >> ปัจจุบันเราก็มีวีดีโอ
00:30:37 → 00:30:37 >> อื
00:30:37 → 00:30:40 >> ที่ทำให้การใส่รอดช่วยหายใจมันไม่ได้ยาก
00:30:40 → 00:30:41 >> อือ
00:30:41 → 00:30:43 >> เหมือนสมัยก่อนอะไรเงี้ยค่ะ
00:30:43 → 00:30:46 >> อันเนี้ยสำคัญมากๆแล้วก็จำเป็นมากๆในกรณี
00:30:46 → 00:30:50 ที่คนไข้มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจที่
00:30:50 → 00:30:53 มีแนวโน้มว่าการใส่ทอดชวนหายใจมันจะยาก
00:30:53 → 00:30:54 >> อือือ
00:30:54 → 00:30:56 >> อันเนี้ยก็จะเอามาใช้กับคนไข้กลุ่มนี้ได้
00:30:56 → 00:30:57 >> อือ
00:30:57 → 00:30:59 >> ทีนี้อุปกรณ์อื่นๆก็มีเหมือนกันปัจจุบัน
00:31:00 → 00:31:04 เราก็มีเครื่องที่คอยควบคุมสัญญาณชีพที่
00:31:04 → 00:31:06 ไม่ใช่เป็นแบบสแตนดารดหรือมาตรฐานทั่วไป
00:31:06 → 00:31:10 แล้วบางทีเราก็มีเครื่องที่สามารถดูแบบเร
00:31:10 → 00:31:12 time ได้พูดถึงแบบหมายถึงว่าดูแบบได้ทุก
00:31:12 → 00:31:16 วินาทีว่าณตอนนี้สัญาชีพของคนไข้แนวโน้ม
00:31:16 → 00:31:19 ไปทางไหนเราจะได้รีบแก้ไขแล้วก็รีบจัดการ
00:31:19 → 00:31:21 ให้ทันอ
00:31:21 → 00:31:25 >> อื่นๆก็อย่างเช่นยายาดมสลบปัจจุบันเรามี
00:31:25 → 00:31:29 เครื่องที่สามารถควบคุมระดับความลึกของยา
00:31:29 → 00:31:30 ดมสลุปได้
00:31:30 → 00:31:30 >> อื
00:31:30 → 00:31:33 >> สามารถทำให้ระดับความลึกเนี้ยมันเป็น
00:31:33 → 00:31:36 ระดับความลึกที่เหมาะสมที่จะทำให้คนไข้
00:31:36 → 00:31:38 ผ่าตัดได้และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนเพราะ
00:31:38 → 00:31:41 ต้องบอกว่ายาดมสลบถ้าน้อยไปคนไข้ก็จะตื่น
00:31:41 → 00:31:42 ถูกมั้คะ
00:31:42 → 00:31:44 >> ถ้ามากไปก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นเลย
00:31:44 → 00:31:45 ว่า
00:31:45 → 00:31:48 >> การดมยาสลบที่ลึกไปก็จะเพิ่มความเสี่ยง
00:31:48 → 00:31:50 ต่อการเกิดเรื่องของความจำ
00:31:50 → 00:31:51 >> ครับ
00:31:51 → 00:31:52 >> ประมาณนี้ค่ะ
00:31:52 → 00:31:55 >> อือ้อมครับประเทศไทยเราถือว่าใช้คำว่าฮับ
00:31:55 → 00:31:57 ก็ได้นะคนบินมาผ่าตัดเยอะ
00:31:57 → 00:31:58 >> อือ
00:31:58 → 00:32:00 >> อาจจะ 1 ด้วยด้วยราคาเราที่ดี
00:32:00 → 00:32:03 >> 2 ด้วยด้วยสแตนดารดเราที่ดีฝีมือหมอภัย
00:32:03 → 00:32:05 ก็ผ่าตัดดีใช่มั้ครับ
00:32:05 → 00:32:05 >> ใช่ค่ะ
00:32:05 → 00:32:10 >> หมออคิดว่าจุดขายหรือจุดแข็งของการผ่าตัด
00:32:10 → 00:32:14 ไทยมีอะไรที่ต้องปรับปรุงคือมีอะไรที่ดี
00:32:14 → 00:32:16 ก่อนแล้วมีอะไรที่คิดว่าน่าจะไปต่อได้อีก
00:32:16 → 00:32:17 ใหญ่อ
00:32:17 → 00:32:20 >> อือคิดว่าสิ่งที่ดีเลยคืออย่างแรกก็คือ
00:32:20 → 00:32:24 เรื่องของฝีมือเนาะความรู้สึกว่าหมอพาตัด
00:32:24 → 00:32:28 แล้วก็หมอทุกๆสาขาค่อนข้างเก่งประเทศไทย
00:32:28 → 00:32:29 เราคนเก่งเยอะค่ะ
00:32:29 → 00:32:29 >> อือ
00:32:29 → 00:32:31 >> ส่วนอย่างที่ 2 เนี่ยก็คือเรื่องของการ
00:32:31 → 00:32:34 บริการเอารู้สึกว่าแบบ
00:32:34 → 00:32:37 หมอหรือว่าระบบสาธารณสุขของบ้านเราอ่ะ
00:32:37 → 00:32:39 บริการคนไข้ค่อนข้างดีอันเนี้คิดว่าเป็น
00:32:39 → 00:32:41 สิ่งที่ทำให้
00:32:41 → 00:32:42 >> ต่างประเทศเขาอาจจะชอบ
00:32:42 → 00:32:43 >> อือ
00:32:43 → 00:32:46 >> แล้วก็อย่างที่สาวออมรู้สึกว่าประเทศเรา
00:32:46 → 00:32:49 หรือบ้านเราเนี่ยเข้าถึงระบบสาธารณสุข
00:32:49 → 00:32:50 ง่าย
00:32:50 → 00:32:52 >> ง่ายกว่าต่างประเทศค่ะ
00:32:52 → 00:32:52 >> อื
00:32:52 → 00:32:56 >> ก็เลยคิดว่าถ้าแบบในอนาคตสิ่งที่สามารถไป
00:32:56 → 00:32:58 ต่อได้ก็คือพวกเนี้ล่ะค่ะเรื่องของการ
00:32:58 → 00:33:02 บริการแล้วก็เรื่องของเทคโนโลยีต่างๆคิด
00:33:02 → 00:33:04 ว่าถ้าสมมุติทุกอย่างพวกเนี้ยเข้าหมดเข้า
00:33:04 → 00:33:07 ด้วยกันแล้วก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆอ่ะประเทศ
00:33:07 → 00:33:10 ไทยน่าจะแบบก้าวไปได้ไกลอีกเยอะมากๆค่ะ
00:33:10 → 00:33:13 >> ครับอยากเห็นบ้านเมืองดีกว่านี้หมอออม
00:33:13 → 00:33:17 อยากจะฝากอะไรกับประชาชนลักยากก่อน
00:33:17 → 00:33:20 >> เป็นเรื่องเกี่ยวกับดมาสมั้ยคะหรือว่า
00:33:20 → 00:33:21 >> ใช่
00:33:21 → 00:33:24 >> จริงๆต้องบอกว่าการดมยาสลบต้องต้องให้
00:33:24 → 00:33:26 ความรู้ก่อนว่าไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอย่าง
00:33:26 → 00:33:27 ที่คิด
00:33:27 → 00:33:28 >> อือ
00:33:28 → 00:33:31 >> แล้วก็เรื่องที่อยากจะฝากเลยนะคะจริงๆมี
00:33:31 → 00:33:33 อยู่ด้วยกัน 2 เรื่องเรื่องแรกก็คือการงด
00:33:33 → 00:33:34 น้ำงดอาหาร
00:33:34 → 00:33:35 >> อื
00:33:35 → 00:33:39 >> หลายๆคนเนี่ยบางทีไม่เค้าเรียกว่าอะไรไม่
00:33:39 → 00:33:42 เข้าใจว่าทำไมต้องงดน้ำงดอาหารบางคนต้อง
00:33:42 → 00:33:46 บอกว่าเวลาเข้ารับการผ่าตัดเนี่ยคนไข้บาง
00:33:46 → 00:33:48 คนอย่างเช่นคุณลุงคุณป้าบางทีแอบกินขนม
00:33:48 → 00:33:51 แอบกินน้ำเพราะว่าเค้าหิวซึ่งจริงๆก็ต้อง
00:33:51 → 00:33:54 ให้ความรู้เลยค่ะว่าการดมยาสลบเนี่ยไม่
00:33:54 → 00:33:57 ใช่แค่ทำให้หลับแต่ยาดมสลบที่เราให้เนี่ย
00:33:57 → 00:34:00 ค่ะบางทีไปกดเค้าเรียกว่ากดศูนย์ป้องกัน
00:34:00 → 00:34:01 การสำลัก
00:34:01 → 00:34:01 >> อือ
00:34:01 → 00:34:04 >> ดังนั้นเอ่ออาหารหรือข้าวที่เพิ่งกินเข้า
00:34:04 → 00:34:07 ไปอ่ะค่ะมีสิทธิ์ที่จะคย่อนออกมาและสำลัก
00:34:07 → 00:34:10 ข้าวปอดส่งผลให้คนไข้เสียชีวิตได้อ
00:34:10 → 00:34:12 >> อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่อยากจะให้
00:34:12 → 00:34:14 ความรู้ว่าการงนนำทหารน่ะสำคัญจริงๆ
00:34:14 → 00:34:15 >> อื
00:34:15 → 00:34:19 >> อย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของประวัติโรค
00:34:19 → 00:34:23 ประจำตัวและการใช้ยาค่ะบางคนบอกไม่ครบค่ะ
00:34:23 → 00:34:27 หรือบางทีไม่กล้าบอกโดยเฉพาะยาที่อ่ะโอเค
00:34:27 → 00:34:28 อาจจะเป็นยาเสพติด
00:34:28 → 00:34:28 >> อื
00:34:28 → 00:34:31 >> หรือเป็นยาบางอย่างที่เขารู้สึกว่าถ้าเขา
00:34:31 → 00:34:34 บอกไปเนี่ยเขาจะโดนดุใหม่อย่างเงี้ยค่ะ
00:34:34 → 00:34:36 >> ก็ต้องให้ความรู้เลยว่าอ
00:34:36 → 00:34:37 >> จำเป็นต้องบอก
00:34:37 → 00:34:38 >> ครับ
00:34:38 → 00:34:42 >> เพราะว่าต้องบอกเลยว่ายาทุกตัวมีผลต่อการ
00:34:42 → 00:34:44 ดมยาสลบทั้งสิ้นค่ะ
00:34:44 → 00:34:47 >> การที่คุณบอกเนี่ยเพื่อประโยชน์ของตัวคุณ
00:34:47 → 00:34:48 เอง
00:34:48 → 00:34:49 >> อื
00:34:49 → 00:34:51 >> อือันเห็นด้วยเลยขอบคุณมากหมอ
00:34:51 → 00:34:55 >> อยากฝากอะไรกับผู้บริหารบ้านมั่ง
00:34:55 → 00:34:58 >> ผู้บริหารหรอคะ
00:34:58 → 00:35:01 >> จริงๆก็
00:35:01 → 00:35:05 ถ้าเป็นในแง่ของการทำงาน
00:35:05 → 00:35:09 คิดว่าถ้าถ้าเป็นถ้าเป็นเรื่องของการลงยา
00:35:09 → 00:35:13 นะคะมองว่าณตอนเนี้ยก็ปัจจุบันน่ะก็ดี
00:35:13 → 00:35:16 แล้วแต่สิ่งที่
00:35:16 → 00:35:19 สิ่งที่อยากอยากให้แบบมีหลายๆอย่างมาก
00:35:19 → 00:35:22 ขึ้นก็คือเรื่องของพวกอุปกรณ์แล้วะกันค่ะ
00:35:22 → 00:35:22 >> อ
00:35:22 → 00:35:25 >> เพราะว่าบางทีต้องบอกว่าอุปกรณ์บางอย่าง
00:35:25 → 00:35:29 เนี่ยกว่าจะแบบซื้อเข้ามาได้มันยากอะไร
00:35:29 → 00:35:29 อย่างเงี้ย
00:35:29 → 00:35:32 >> ก็ก็จะรู้สึกว่าเหมือนบางอย่างมันอาจจะ
00:35:32 → 00:35:34 จำเป็นกับคนไข้จริงๆอะไรอย่างเงี้ยรู้สึก
00:35:35 → 00:35:38 ว่าบางอย่างรู้บางบางอย่างอรู้สึกว่าถ้า
00:35:38 → 00:35:41 ถ้าได้เอามาใช้เร็วอ่ะมันดีมันมีประโยชน์
00:35:41 → 00:35:43 แล้วมันก็ปลอดภัยกับคนไข้
00:35:43 → 00:35:43 >> อ
00:35:43 → 00:35:45 >> น่าจะเป็นเรื่องเรื่องเรๆ่องนี้มากกว่า
00:35:45 → 00:35:49 >> ครับสุดท้ายคุณหมอออมดูแลสุขภาพตัวเอง
00:35:49 → 00:35:51 อย่างไรเพราะวันๆก็อยู่แต่ในห้องผ่าตัด
00:35:52 → 00:35:52 >> ค่ะ
00:35:52 → 00:35:55 >> ไม่ได้โดนแดดเลยมั้งใช่มั้ย
00:35:55 → 00:35:56 >> ครับ
00:35:56 → 00:35:58 >> ก็นอนกี่โมงกินยังไง
00:35:58 → 00:36:03 >> โหจะบอกว่าช่วงพออายุ 30 อ่ะค่ะดูแลตัว
00:36:03 → 00:36:06 เองมากขึ้นมากๆเพราะว่ารู้สึกว่าพอเข้า
00:36:06 → 00:36:08 เลข 3 แล้วทุกอย่างมันเปลี่ยนแต่ก่อนที่
00:36:08 → 00:36:11 เรานอนแค่ 4 ชม.แล้วเราแบบเราไหวอะไร
00:36:11 → 00:36:11 เงี้ย
00:36:11 → 00:36:11 >> อือ
00:36:11 → 00:36:14 >> ทุกวันเนี้นอน 4 ช่โมงหน้ามืดและเวียนหัว
00:36:14 → 00:36:17 และดังนั้นเนี่ยอย่างแรกเลยก็คือนอนออมจะ
00:36:17 → 00:36:22 นอนประมาณ 8 ชม.เลยแล้วก็เรื่องของการกิน
00:36:23 → 00:36:25 หลักๆก็ตอนเก็คือหันมารับประทานโปรตีนมาก
00:36:25 → 00:36:27 ขึ้นรู้สึกว่าเน้นเป็นโปรตีนเป็นหลักกิน
00:36:27 → 00:36:31 โปรตีนให้ถึงในแต่ละวันอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:36:31 → 00:36:32 >> แล้วก็การดื่มน้ำเหมือนกันการดื่มน้ำก็
00:36:32 → 00:36:36 สำคัญมากๆก็ต้องดื่มน้ำวันละแบบ 6-8 แก้ว
00:36:36 → 00:36:37 ต่อวันอย่างเงี้ยค่ะ
00:36:37 → 00:36:37 >> อื
00:36:37 → 00:36:40 >> อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือสุขภาพจิต
00:36:40 → 00:36:40 >> อื
00:36:40 → 00:36:44 >> รู้สึกว่าแบบพอสุขภาพจิตเราดีอ่ะสุขภาพ
00:36:44 → 00:36:46 กายเราก็จะดีไปด้วย
00:36:46 → 00:36:51 >> ดูแลยังไงสุขภาพจิตสุขภาพจิตก็เหมือนกับ
00:36:51 → 00:36:53 ทุกวันนี้ถ้าสมมุติว่าเจอเรื่องเครียดก็
00:36:53 → 00:36:57 อาจจะต้องพยายามตั้งสติแล้วก็โฟกัสกับ
00:36:57 → 00:37:00 สิ่งที่เราทำไปแต่ละวันน่ะค่ะแล้วก็
00:37:00 → 00:37:03 พยายามแก้ไขปัญหาค่อยๆแก้ไปอ
00:37:03 → 00:37:05 >> คือออมรู้สึกว่าชีวิตเราอ่ะปัญหามันเข้า
00:37:05 → 00:37:07 มาแบบไม่จบไม่สิ้นอยู่แล้วคือทุกคนมี
00:37:07 → 00:37:09 ปัญหาชีวิตอย่างนี้ดีกว่า
00:37:09 → 00:37:09 >> อือ
00:37:09 → 00:37:12 >> แต่เราจะทำยังไงให้เราแบบอยู่กับปัญหา
00:37:12 → 00:37:15 ชีวิตแล้วก็สามารถที่จะ on ไปได้อย่างแบบ
00:37:15 → 00:37:16 แฮปปี้
00:37:16 → 00:37:17 >> อือื
00:37:17 → 00:37:17 >> ประมาณนี้ค่ะ
00:37:17 → 00:37:20 >> อืแล้วคุณหมอออมกินอาหารเสริมมีอะไรเป็น
00:37:20 → 00:37:21 พิเศษมั้
00:37:21 → 00:37:24 >> อาหารเสริมจริงๆก็มีทานบ้าง
00:37:24 → 00:37:24 >> อ
00:37:24 → 00:37:27 >> ส่วนใหญ่ตัวที่รับประทานประจำก็จะมี
00:37:27 → 00:37:28 วิตามินซี
00:37:28 → 00:37:29 >> อือ
00:37:29 → 00:37:31 >> ที่กินทุกวันค่ะแล้วก็มีแคลเซียมมี 2 ตัว
00:37:31 → 00:37:31 ค่ะ
00:37:31 → 00:37:35 >> อโอเคแล้วออกกำลังกายยังไงฮะ
00:37:35 → 00:37:37 >> ออกกำลังกายอันนี้อันนี้ก็ต้องยอมรับว่า
00:37:37 → 00:37:40 แต่ก่อนอ่ะไม่ออกเลยแล้วก็พอเรารู้สึกว่า
00:37:40 → 00:37:42 ร่างกายเราเริ่มไม่ไหวแหละก็หันมาออก
00:37:42 → 00:37:44 กำลังกายอย่างน้อยเนี่ยออมรู้สึกว่า
00:37:44 → 00:37:47 ประมาณสัก 2 วันต่อสัปดาห์
00:37:47 → 00:37:47 >> อือ
00:37:47 → 00:37:51 >> อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีก็จริงๆทุก
00:37:51 → 00:37:53 วันนี้ก็พยายามจะทำให้ได้อยู่อ่ะค่ะ
00:37:53 → 00:37:57 >> ดีครับดีถ้าใครอยากสง่าเหมือนหมอออมก็
00:37:57 → 00:37:59 >> นี่ผมแอบถามให้แล้วนะครับหมอออมก็ไม่ได้
00:37:59 → 00:38:01 ทำอะไรเป็นพิเศษเน
00:38:01 → 00:38:03 >> ไม่ได้กินไดเอ็ดกินอาหารอะไรเป็นพิเศษกิน
00:38:03 → 00:38:04 เหมือนชาวบ้านนี่แหละ
00:38:04 → 00:38:08 >> แต่ว่าเน้นโปรตีนเน้นนอนเน้นออกกำลังกาย
00:38:08 → 00:38:09 ถูกต้อง
00:38:09 → 00:38:11 >> หวังว่าวันนี้คงจะได้ประโยชน์หวังว่าผม
00:38:11 → 00:38:14 ได้ทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มที่นะครับคำ
00:38:14 → 00:38:17 ถามที่ผมพยายามทำการบ้านมาหวังว่าหมอออม
00:38:17 → 00:38:21 ได้ตอบเราทุกคนนะครับผมเชื่อว่าอยากให้
00:38:21 → 00:38:24 ข้อมูลนี้ไปถึงคนรากหญ้าให้มากที่สุดคน
00:38:24 → 00:38:29 ที่กลัวการผ่าตัดคนที่กลัวการดมยานะครับ
00:38:29 → 00:38:32 บ้านเมืองจะพัฒนาได้เป็นหน้าที่ของเราทุก
00:38:32 → 00:38:36 คนไม่ใช่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งนะ
00:38:36 → 00:38:37 ครับ
00:38:37 → 00:38:41 พcสหมอชวนคุยกับปัญหาบ้านเมืองในภาษาบ้าน
00:38:41 → 00:38:44 ๆกับแขกรับเชิญคนที่เก่งมีความสามารถมา
00:38:44 → 00:38:45 แบ่งปัน
00:38:45 → 00:38:49 มาไขความเข้าใจผิดนะครับเพื่อ
00:38:49 → 00:38:52 วัตถุประสงค์เดียวคือบ้านเมืองเราประเทศ
00:38:52 → 00:38:55 ไทยเราจะต้องดีขึ้นทุกวัน
00:38:55 → 00:38:59 แขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใครรอติดตามผมหมอ
00:38:59 → 00:39:05 วินัยลาแล้วครับสวัสดีครับ
00:39:05 → 00:39:19 [เพลง]