00:00:00 → 00:00:02 อาทิตย์นึงให้อึกี่หน่ะก็ควรจะมากกว่า
00:00:02 → 00:00:05 หรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อสัปดาห์หะเราเข้า
00:00:05 → 00:00:07 ใจมาผิดตลอดเลยนะที่พี่เคยได้ยินเขาบอก
00:00:07 → 00:00:11 ว่าเราต้องอึทุกวันอึเต็มท้องอันเนี้ยมัน
00:00:11 → 00:00:14 เป็นโรคจะวินิจฉัยได้ตั้งแต่อายุประมาณ 5
00:00:14 → 00:00:18 ขวบตัวลำไส้ไม่มีปมประสาทในการบีบตัวบาง
00:00:18 → 00:00:21 คนท้องป่องไม่อึ 7 วันอย่างเงี้ยอุ้ย
00:00:21 → 00:00:24 รักษาด้วยกันตัดลำ
00:00:24 → 00:00:29 ไส้ตรงที่ไม่มีปมประสาทออกไปหมดใช่ตัดกด
00:00:29 → 00:00:33 อ้าแล้วก็จะอืไงอ่ะหมอนุ้ยแพทย์หญิงศพิวง
00:00:33 → 00:01:00 โกวิทัแคปชั่น
00:01:00 → 00:01:02 การคัดกรองมะเร็งลำไส้ที่ได้มาตรฐานที่
00:01:02 → 00:01:06 สุดคือการส่องกล้องตวจถ้าเจอติ่งเนื้อที่
00:01:06 → 00:01:08 มันเป็นตัวอ่อนอะไรเงี้ยสามารถตัดได้ด้วย
00:01:08 → 00:01:10 กล้องด้วยค่ะบางทีตัดไปแล้วเจอตัวอ่อน
00:01:11 → 00:01:13 อุ๊ยเป็นเบบี้ของมะเร็งตัดไปแล้วก็หายไป
00:01:13 → 00:01:15 เลยไม่ต้องเป็นมะเร็งเลยเคสสิ่งแปกปอมใน
00:01:16 → 00:01:18 ทวันน่ะเซเรย์ดูแล้วก็ปรากฏว่าพอเอาออกมา
00:01:18 → 00:01:21 ดู
00:01:21 → 00:01:24 เป็นชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันเลยอัน
00:01:24 → 00:01:26 ประมาณเท่านี้อค่ะมันก็คือเข้าไปหมดแล้ว
00:01:26 → 00:01:30 แล้วเขาก็เอาออกไม่ได้โอ้จากประเทศก็จะมี
00:01:30 → 00:01:35 ลูกมะพร้าวก็มีนะแกกันเอ้อแก้วเข้าไปแล้ว
00:01:35 → 00:01:37 มันไม่แตกก็ดีอ่ะนะมันมีแตกมั้ยอ่ะมี
00:01:37 → 00:01:38 เหมือนกัน
00:01:38 → 00:01:42 [เพลง]
00:01:42 → 00:01:46 ค่ะเรื่องปัญหาการขับถ่ายอันนี้สำคัญมาก
00:01:46 → 00:01:48 เลยนะเรื่องของการเข้าห้องน้ำบางคนโอ้โห
00:01:48 → 00:01:50 เสียเวลาเข้าไปนั่งอยู่ในห้องน้ำเบ่งมัน
00:01:50 → 00:01:53 อยู่นั่นน่ะยิ่งอายุมากขึ้นอยากเบ่งมัน
00:01:53 → 00:01:57 เบ่งไม่ออกอึออกอึดไม่ออกสารพัดสารพันธ์
00:01:57 → 00:01:59 ปัญหาที่เราจะต้องคุยกันบางทีรู้เรื่อง
00:01:59 → 00:02:02 นั้นจริงบางทีรู้เรื่องนี้ไม่จริงวันนี้
00:02:02 → 00:02:05 ตั๊กทของเรามีคำตอบให้แน่นอนแต่ว่าก่อน
00:02:05 → 00:02:08 อื่นเนี่ยนะคะพี่ตั๊กอยากจะขอบพระคุณทุก
00:02:08 → 00:02:11 ท่านนะคะที่ติดตามชมรายการของเราทางช่องไ
00:02:11 → 00:02:15 doot นะคะตอนนี้ช่องไ doot ของเรา
00:02:15 → 00:02:18 100,000 Subscribe แล้วนะคะแหมขอบพระ
00:02:18 → 00:02:21 คุณมากๆอยากเห็นอะไรในตั๊กทก็แชร์กันเข้า
00:02:21 → 00:02:25 มาได้เลยนะคะส่วนใครที่ยังไม่ได้ติดตามนะ
00:02:25 → 00:02:29 คะก็ต้องฝากกดติดตามกดไลค์กดแชร์ในรายการ
00:02:29 → 00:02:31 ของเราด้วยเพื่อที่จะได้เป็นกำลังใจจ
00:02:31 → 00:02:35 อย่างมหาศาลให้พี่ตั๊กและทีมงานทุกท่านมี
00:02:35 → 00:02:37 สาระดีๆสร้างสาระดีๆให้เป็นประโยชน์กับ
00:02:37 → 00:02:41 คุณผู้ชมด้วยหมอฮะปัญหายอดฮิตที่คนมา
00:02:41 → 00:02:44 ปรึกษาหรือมารักษาคุณหมอเนี่ยส่วนใหญ่
00:02:44 → 00:02:47 เป็นเรื่องอะไรส่วนใหญ่มากๆเลยก็เป็นโรค
00:02:47 → 00:02:49 เกี่ยวกับทวารหนักค่ะเป็นพวกริสีดวงอย่าง
00:02:49 → 00:02:52 เงี้ยแผลปริขอบทวารเงี้ยค่ะเหรอใช่นี่
00:02:52 → 00:02:55 เยอะมากเลยโได้ยินนะแผลปิกขอบทวารเป็นยัง
00:02:55 → 00:02:58 ไงคะวาพวกนี้มันเกิดจากอ่าอึแข็งแล้วก็
00:02:58 → 00:03:01 ท้องท้องผูกเวลาถ่ายออกมาแล้วมันเป็นครูด
00:03:01 → 00:03:04 ครูดปากทวารอ่ะค่ะแล้วก็เจ็บมาถ่ายก็เป็น
00:03:04 → 00:03:06 เลือดมาอย่างเงี้ยค่ะแล้วก็สนมงอายุสัก
00:03:06 → 00:03:09 เท่าไหร่เป็นวัยทำงานค่ะแต่ก็พออายุเยอะ
00:03:09 → 00:03:11 ขึ้นหน่อยก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดิน
00:03:11 → 00:03:15 อาหารมากขึ้นค่ะก็มีท้องผูกท้องผูกสลับ
00:03:15 → 00:03:18 ท้องเสียอย่างเงี้ยเขมาก็ยท้องผูกสลับ
00:03:18 → 00:03:22 ท้องเสียพี่ได้ยินว่าไม่ค่อยดีก็ไม่ดีเลย
00:03:22 → 00:03:24 พอพูดถึงเรื่องท้องผูกท้องผูกกับผู้สูง
00:03:24 → 00:03:27 อายุเนี่ยถือว่าเป็นของคู่กันจะมีผู้สูง
00:03:27 → 00:03:29 อายุหลายๆคนเลยพี่เชื่อว่าเป็นทำไมได้
00:03:29 → 00:03:33 ท้องผูกอึยากอึเย็นไม่ยอมอึอันนี้บอกว่า
00:03:33 → 00:03:36 เป็นเพราะอะไรอ่ะคือธรรมชาติของคนสูงอายุ
00:03:36 → 00:03:38 ก็จะมีการเผาผลาญที่น้อยลงอยู่แล้วพวก
00:03:38 → 00:03:41 อวัยวะต่างๆมันก็ทำงานช้าลงอยู่แล้วพวกลำ
00:03:41 → 00:03:44 ไส้อย่างเงี้ยแล้วก็ผู้สูงอายุเนี่ยบางที
00:03:44 → 00:03:47 มีการกินที่น้อยลงด้วยค่ะเพราะฉะนั้นการ
00:03:47 → 00:03:50 กินที่น้อยลงเนี่ยอาจจะมีการกินกากใยที่
00:03:50 → 00:03:53 น้อยลงตามไปด้วยมีกินการกินน้ำที่น้อยลง
00:03:53 → 00:03:56 ไปด้วยแล้วก็การเคลื่อนไหวของเขาก็จะน้อย
00:03:56 → 00:03:58 ลงด้วยโดยเฉพาะคนที่แบบนอนติดเตียงเนี่ย
00:03:58 → 00:04:04 โหมีปัญหาท้องพโสญค่ะแลอีกอย่างหนก็คือยา
00:04:04 → 00:04:07 ใช่ๆแต่ยายานี่มันเกี่ยวเหรอคหมอยาโรค
00:04:07 → 00:04:09 ประจำตัวมีหลายชนิดที่ทำให้ท้องผูกได้ค่ะ
00:04:10 → 00:04:13 เชอย่างเช่นยาพาร์กินสันยานอนหลับเนี่ย
00:04:13 → 00:04:16 ใช้กันเยอะมากเลยออค่ะพวกยาขับปัสสาวะ
00:04:16 → 00:04:19 ด้วยมันจะทำให้แบบอึแข็งแล้วก็ไม่ออก
00:04:19 → 00:04:23 อย่างเงี้ก็ได้ยาแกบปวดยากัญชักหุยเยอะ
00:04:23 → 00:04:27 แยะโอพวกนี้อึยากอ๋อไม่น่าเพราะผู้ใหญ่
00:04:27 → 00:04:30 ส่วนมากเนี่ไม่มีไม่แทบไม่มีผู้ใหญ่คนไหน
00:04:30 → 00:04:32 ที่ไม่กินยาประจำอย่างวัยทำงานก็มีเหมือน
00:04:32 → 00:04:36 กันนะค่ะพวกยาคายเครียดยาไทรรอยด์หลาย
00:04:36 → 00:04:39 อย่างค่ะยาพวกนี้ที่หมอบอกมาทำไมมันถึงทำ
00:04:39 → 00:04:41 ให้อึยากมันไปเกี่ยวข้องกับระบบการขับ
00:04:41 → 00:04:44 ถ่ายอะไรยังไงส่วนใหญ่ยาที่ทำให้ท้องผูก
00:04:44 → 00:04:48 ก็คืออ่ายาขับปัสสาวะยาขับน้ำทำให้ร่าง
00:04:48 → 00:04:50 กายแห้งน้ำเนี่ยน้ำไม่พอเงี้ยเราก็อึยาก
00:04:51 → 00:04:53 ท้องผูกได้และอีกอย่างก็คือเป็นยาที่
00:04:53 → 00:04:56 เกี่ยวกับการบล็อกระบบประสาทที่ทำงาน
00:04:56 → 00:04:59 เกี่ยวกับลำไส้ระบบลำไส้เนี่ยทำงานด้วยระ
00:04:59 → 00:05:02 ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะเป็นระบบ
00:05:02 → 00:05:04 ประสาทที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลายค่ะมันก็จะ
00:05:04 → 00:05:07 เป็นคนละขั้วกับความเครียดอะไรประมาณเย
00:05:07 → 00:05:11 ค่ะใช่แล้วถ้ายาพวกเนี้ยมันจะมียาชนิดที่
00:05:11 → 00:05:14 มันบล็อกระบบประสาทประเภทผ่อนคลายอ่ะที่
00:05:14 → 00:05:17 หมอพูดไปอ่ะทั้งหมดก็จะทำให้ท้องผูกได้
00:05:17 → 00:05:20 หลายคนสงสัยว่าแบบไหนที่เขาจะเรียกว่า
00:05:20 → 00:05:23 ท้องผูกมันต้องกี่วันมันถึงจะเรียกว่า
00:05:23 → 00:05:27 ท้องผูกท้องผูกเนี่ยมันมีนิยามก็คือมีการ
00:05:27 → 00:05:31 ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์หึใช่ค่ะ
00:05:31 → 00:05:34 ร่วมกับตัวอุจจาระเนี่ยมันมีการแข็งมาก
00:05:34 → 00:05:37 ขึ้นลักษณะแข็งมีเหลี่ยมมีมุมแล้วก็เวลา
00:05:37 → 00:05:40 ถ่ายอ่ะรู้สึกว่าถ่ายออกไม่หมดถ่ายไม่สุด
00:05:40 → 00:05:43 ลักษณะเยค่ะดูก่อนเมื่อกี้หมอให้บอกว่า
00:05:43 → 00:05:46 อาทิตย์นึงให้ให้เราอึกี่หน่ะก็ควรจะมาก
00:05:47 → 00:05:50 กว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อสัปดาห์คือคือ
00:05:50 → 00:05:52 คือถ้าน้อยกว่าเนี้ยก็น่าจะเป็นท้องผูก
00:05:52 → 00:05:54 ล่ะค่ะอ้าอย่างงั้นเราเข้าใจมาผิดตลอดเลย
00:05:54 → 00:05:57 นะที่พี่เคยได้ยินเขาบอกว่าเราต้องอึทุก
00:05:57 → 00:06:01 วันอันเนี้ยคนเเข้าใจผิดเยอะมากเลยใช่ค่ะ
00:06:01 → 00:06:04 ที่เจอคนไข้จะชอบคิดว่าตัวเองอ่ะควรจะ
00:06:05 → 00:06:08 ต้องถ่ายทุกวันพอไม่ถ่ายก็ไปเบ่งพอเบ่ง
00:06:08 → 00:06:11 ปุ๊บก็กลายเป็นลิสีดวงมาอย่างี้ก็มีค่ะ
00:06:11 → 00:06:13 อ๋ออันนี้ไม่ถูกใช่มั้ยคะไม่ไม่ได้จำเป็น
00:06:13 → 00:06:16 จะต้องใช่ค่ะถ่ายทุกวันใช่คนเราไม่จำเป็น
00:06:16 → 00:06:18 จะต้องถ่ายทุกวันก็ได้โหอันนี้อันนี้ทุก
00:06:18 → 00:06:21 คนเข้าใจผิดนะพี่ยังเข้าใจผิดยังพี่จะจะ
00:06:21 → 00:06:24 ถ่ายตอนเช้าอ่ะนะฮะพอวันนี้ไม่ถ่ายเอ๊ะ
00:06:24 → 00:06:26 เย็นแล้วเฮะเกิดอะไรขึ้นกับลำไส้ของเรา
00:06:26 → 00:06:29 เห็นมั้เราเริ่มเครียดและงั้นก็ไม่จำเป็น
00:06:29 → 00:06:32 ให้อาทิตย์ละ 3 วันถือว่าปกติถือว่าปกติ
00:06:32 → 00:06:34 ค่ะ 4 วันก็ได้แต่ไม่จำเป็นจะต้อง 7 ใช่
00:06:34 → 00:06:37 ค่ะใช่เราเราไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลบางคน
00:06:37 → 00:06:40 เนี่ยมีความเชื่อว่าการขับถ่ายเวลาเดิมๆ
00:06:40 → 00:06:42 นะคะบางคนบอกเอ้ยฉันต้องเข้าตอนเช้านะ
00:06:42 → 00:06:45 เข้าห้องน้ำ 7:00 นก็จะต้อง 7:00 นแล้ว
00:06:45 → 00:06:49 แล้วได้ยินว่า 5-7 นเป็นเวลาขับถ่ายที่ดี
00:06:49 → 00:06:53 ที่สุดจริงมั้ยฮะจริงๆสุขภาพลำลำไส้มัน
00:06:53 → 00:06:56 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาค่ะคือถ้า
00:06:56 → 00:07:00 สุขภาพของลำไส้ดีเราเราดูแลดีตัวอุจจาระ
00:07:00 → 00:07:03 มันก็จะนิ่มแล้วมันก็จะถ่ายเป็นธรรมชาติ
00:07:03 → 00:07:07 นิ่มใช่แสดงว่านิ่มดีใช่มนิ่มดีค่ะนิ่ม
00:07:07 → 00:07:11 กับนิ่มนี่นิ่ขนาดไหนโอ้โหวันนี้เอาเรา
00:07:11 → 00:07:14 คุยกันเรื่องนี้นิ่มนี่นิ่ขนาดไหนนิ่มแบบ
00:07:14 → 00:07:18 ไม่บาดไม่บาดปากทางออกแล้วก็ออกมาขอขอโทษ
00:07:18 → 00:07:21 นะคะเราก็พูดกันอย่างเงี้นะออกมาปรู๊ด
00:07:21 → 00:07:25 หรือออกมาปดแบบไหนมันจะมีไม่ใช่ท้องเสีย
00:07:25 → 00:07:28 นะใช่มันมันจะต้องมีระดับเป็นเยลลี่ไม่
00:07:28 → 00:07:32 ไม่เป็นเหลวจนเกินไปแล้วก็ไม่แข็งจนบาด
00:07:32 → 00:07:36 ปากทวารเราจะรู้สึกได้เองนะวันนี้ใชๆอ่ะ
00:07:36 → 00:07:38 ขออนุญาตพูดถึงตัวเองด้วยเพราะว่าถามแทน
00:07:38 → 00:07:41 คนอื่นนะเป็นช่วงที่พี่เนี่ยทานอาหารที่
00:07:41 → 00:07:44 มีไฟเบอร์เยอะค่ะกากใหญ่แล้วก็ดูแล
00:07:44 → 00:07:48 Healthy ไม่กินอาหารที่มีปรุงรสมากร่าง
00:07:48 → 00:07:51 กายเราดีขึ้นเพราะเราอึมันอึแบบอือขอโทษ
00:07:51 → 00:07:55 นะหมอมันเหมือนก้วยหอมอ่ะอืออกมาเลยแล้ว
00:07:55 → 00:07:58 ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อืออกมาเลยโดย
00:07:58 → 00:08:01 ที่ไม่ไม่สั่งให้หยุดหือไม่หยุดอึขนาด
00:08:01 → 00:08:04 นั้นโอเคค่ะถือว่าโอเคใช่ถือว่าโอเคเลยดี
00:08:04 → 00:08:08 เลยค่ะหรือว่าเหลวก็โอเคเหลวไปก็ไม่โอเค
00:08:08 → 00:08:10 คือคือเหลวมันต้องไม่เหลวเป็นน้ำแต่มันจะ
00:08:10 → 00:08:13 ต้องมีมวลบ้างเงี้อ๋ออันนี้ถามเยอะหน่อย
00:08:13 → 00:08:15 นะฮะเพราะว่าถามเผื่อหลายคนเพราะเพื่อน
00:08:15 → 00:08:18 ฝากมาถามเยอะมากว่าเวลามันออกมาแล้วอ่า
00:08:18 → 00:08:21 มันหยุดหรือออกติ๊ดติ๊หรือจะออกมาอื๊ดไป
00:08:22 → 00:08:24 มันต้องดูยังไงะหมอเพราะว่าบางคนเนี่ยมัน
00:08:24 → 00:08:26 จะมีปัญหาเรื่องการเป็นมะเร็งด้วยจริงๆ
00:08:26 → 00:08:29 จริงๆมันมีเ้าเรียกว่ารูชาร์จมันก็จะเป็น
00:08:29 → 00:08:32 ชาร์จเกี่ยวกับการวัดระดับความแข็งของ
00:08:32 → 00:08:35 อุจจาระคคือถ้ามันกลางๆระดับเยลลี่อย่าง
00:08:35 → 00:08:37 เงี้ยโอเคถ้ามันเหลวเป็นน้ำไปก็ไม่โอเค
00:08:38 → 00:08:40 ถ้ามันแข็งจนเป็นเม็ดกระต่ายเป็นเม็ดก้อน
00:08:40 → 00:08:43 มีเหลี่ยมมีมุมมากเงี้ยก็ไม่โอเคไม่โอเค
00:08:43 → 00:08:45 นะแล้วเม็ดกระต่ายอย่างที่เด็กรุ่นใหม่ย
00:08:45 → 00:08:48 ไม่รู้หรอกอึอะไรบั้ๆเสียงมันออกมาเป็น
00:08:48 → 00:08:50 เม็ดๆแล้วเดี๋ยวมันรวมกันเป็นก้อนอ่าเม็ด
00:08:51 → 00:08:53 เล็กๆเป็นโรคอะไรมันถึงได้อึเป็นเม็ดๆม
00:08:53 → 00:08:56 อย่างเงี้ยอันนี้คือท้องผูกระดับมากๆค่ะ
00:08:56 → 00:09:00 อ๋อใช่หรือว่าอ่าในกรณีณีที่มันอึมันรีบ
00:09:01 → 00:09:04 มันเล็กลงอ่ะมันก็อาจจะเป็นไปได้จากการ
00:09:04 → 00:09:07 ที่มีก้อนในลำไส้ไปเบียดแล้วทำให้ตัวทาง
00:09:08 → 00:09:09 ผ่านเนี่ยมันเล็กลงแบบนี้ก็เป็นไปได้
00:09:09 → 00:09:13 เหมือนกันค่ะอึเล็กลงเใช่แต่อึกระต่ายอึ
00:09:13 → 00:09:16 เป็นเม็ดๆเล็กๆนี่คือท้องผูกถ้าถ้าแข็ง
00:09:16 → 00:09:18 ด้วยส่วนใหญ่เป็นท้องผูกคเราต้องนั่งเบ่ง
00:09:18 → 00:09:21 อย่าเงี้ยนะอันนั้นก็ไม่ดีดีนะฮะสาเหตุ
00:09:21 → 00:09:25 ของการเกิดท้องผูกคืออะไระหมอส่วนใหญ่มัก
00:09:25 → 00:09:28 จะมาจากการกินกากอาหารกากใยที่ไม่เพียงพอ
00:09:28 → 00:09:32 กินผลไม้น้อยกินน้ำน้อยนอนไม่พอไม่ออก
00:09:32 → 00:09:36 กำลังกายแล้วก็มีความเครียดค่ะหมแล้วก็
00:09:36 → 00:09:38 การอั้นอุจจาระนานๆอันนี้ก็เกี่ยวเหมือน
00:09:38 → 00:09:40 กันเพราะว่าการอั้นอุจจาระนานๆเนี่ยมันจะ
00:09:40 → 00:09:43 ทำให้ลำไส้ใหญ่เนี่ยมันดูดน้ำในอุจจาระ
00:09:43 → 00:09:46 ของเรากลับสู่ร่างกายหมดเลยอออึมันก็เลย
00:09:46 → 00:09:49 จะแข็งค่ะค่ะอนี่หลายหๆคนสงสัยย้อนกลับไป
00:09:50 → 00:09:51 เรื่องไฟเบอร์เรารับประทานอาหารที่มัน
00:09:51 → 00:09:54 ไฟเบอร์น้อยอ่ะสมมุติเราเราเราลคิดภาพ
00:09:54 → 00:09:57 แล้วกินข้าวนี้ถ้ามันมีผักมีอะไรนิดๆ
00:09:57 → 00:10:00 หน่อยๆเนี่ยพอมแล้วแต่ละมื้อบางมื้ออาจจะ
00:10:00 → 00:10:03 มีก๋วยเตี๋ยวอ่ามื้อเย็นอาจจะเป็นข้าว
00:10:03 → 00:10:06 แล้วอาจจะมีแกงมีอะไรแทบจะหาผักได้น้อย
00:10:06 → 00:10:09 มากแต่มันเป็นอาหารปกติค่ะหมอคิดว่าแค่เ
00:10:09 → 00:10:13 พอมหรือเราจะต้องเสริมอะไรเพื่อให้ร่าง
00:10:13 → 00:10:16 กายมันได้รับผักแล้วก็อึออกมาได้ได้ได้
00:10:16 → 00:10:20 อย่างธรรมชาติคือปกติร่างกายของมนุษย์น่ะ
00:10:20 → 00:10:22 มันจะย่อยตัวผักไม่ได้มันจะไม่เหมือนพวก
00:10:22 → 00:10:25 วัวพวกอะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นปริมาณ
00:10:25 → 00:10:27 ที่พอดีของมนุษย์อ่ะมันก็จะอยู่ที่ประมาณ
00:10:27 → 00:10:30 25-30 กรัมต่อวันซึ่งก็คือประมาณ 1 ฝา
00:10:30 → 00:10:32 มือนั่นแหละค่ะไอ้ตัวผักเนี่ยมันก็คือ
00:10:32 → 00:10:36 ไฟเบอร์ไฟเบอร์ก็มี 2 ชนิดแบบแรกก็คือกาก
00:10:36 → 00:10:39 ใยที่ละลายน้ำกากใหญ่ที่ละลายน้ำเนี่ยมัน
00:10:39 → 00:10:42 ก็จะเจอในพวกผลไม้เป็นส่วนใหญ่ผลไม้แบบ
00:10:42 → 00:10:44 อย่างเช่นมันอุ้มน้ำเวลาผ่าแล้วมันก็จะมี
00:10:44 → 00:10:47 น้ำอ่ะอย่างเช่นเป็นพวกแอปเปิ้ลฝรั่ง
00:10:47 → 00:10:51 กีวี่อะไรเงี้ยค่ะมีน้ำใช่ๆค่ะพวกนี้มัน
00:10:51 → 00:10:54 ก็จะมีบทบาทในการป้องกันไม่ให้น้ำน้ำตาล
00:10:54 → 00:10:56 น่ะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว
00:10:56 → 00:10:59 เกินไปมีผลหลักๆก็คือช่วยควบคุมดับน้ำตาล
00:10:59 → 00:11:02 นั่นแหละค่ะอ่าอ่าแล้วกากใยชนิดที่ 2 ก็
00:11:02 → 00:11:05 คือเป็นกากใยที่ไม่ละลายน้ำที่เราเห็น
00:11:05 → 00:11:08 เป็นพวกผักมันก็จะมีแบบก้านใบผักที่
00:11:08 → 00:11:11 เคี้ยวแล้วยังเหลือยังเหลือเป็นมวลอยู่
00:11:11 → 00:11:14 ที่เป็นเป็นกากใหญ่ลักษณะเนี่ยผักใบเขียว
00:11:14 → 00:11:16 ขนงคะนาปวยเร้งอะไรทั้งหลายอย่างเงี้ยคือ
00:11:16 → 00:11:19 ไม่ละลายน้ำมันจะทำให้เวลาทานเข้าไปแล้ว
00:11:19 → 00:11:22 เนี่ยทำให้อึของเราเนี่ยมันมีมวลมากขึ้น
00:11:22 → 00:11:26 แล้วพออึมันมีมวลลำไส้มันก็บีบมวลไปข้าง
00:11:26 → 00:11:28 หน้าได้มากขึ้นมันก็จะถ่ายได้ง่ายมากขึ้น
00:11:28 → 00:11:31 เพราะฉะนั้นเวลาเราทานไไฟเบอร์เนี่ยควรจะ
00:11:31 → 00:11:34 ทานไฟเบอร์ให้ครบทั้ง 2 แบบแบบละลายน้ำ
00:11:34 → 00:11:38 แล้วก็แบบไม่ละลายน้ำซึ่งก็คือทั้งผัก
00:11:38 → 00:11:40 แล้วก็ผลไม้นั่นเองผักและผลไม้นั่นเองนะ
00:11:40 → 00:11:44 ฮะเอ๊ะหมอแล้วที่เขาไปขายเท่าที่พี่เห็น
00:11:44 → 00:11:47 เนี่ยไฟเบอร์อะไรนะที่มาชงๆละลายน้ำเออ
00:11:47 → 00:11:49 อันนี้มันมันมันยังไงอ่ะคือไฟเบอร์ที่
00:11:49 → 00:11:53 ปลอดภัยคือไฟเบอร์ที่ไม่ผสมยาระบายค่ะอัน
00:11:53 → 00:11:55 นี้อันนี้เราจะต้องดูดีๆนะเพราะว่าบางที
00:11:55 → 00:11:58 ตามท้องตลาดมันไม่บอกมันไม่บอกว่าใส่ยา
00:11:58 → 00:12:01 ระบายบางบางชนิดที่ไม่ได้มาตรฐานเงี้ยมัน
00:12:01 → 00:12:04 ก็จะแอบใส่เพราะว่าเขาจะการตลาดจะอยากให้
00:12:04 → 00:12:08 กินแล้วเห็นผลเลยแอบใส่ยาระบายไปนิดนึง
00:12:08 → 00:12:11 อะไรเงี้ต้องระวังนะติดยาระบายไม่รู้ตัว
00:12:11 → 00:12:13 เลยวิธีสังเกตง่ายๆก็คือถ้าไม่กินไอ้
00:12:13 → 00:12:16 ไฟเบอร์ยี่ห้อเนี้ยเราก็จะไม่ถ่ายก็คือ
00:12:16 → 00:12:18 ติดไปเรียบร้อยแล้วจ้าอย่างเงี้ยค่ะออ๋อ
00:12:18 → 00:12:21 ประณเพราะงั้นก็ให้ดูให้ละเอียดหน่อยใช่ๆ
00:12:21 → 00:12:25 ให้เลือกดีๆค่ะถ้าอยากอึแล้วไปนั่งอึไม่
00:12:25 → 00:12:28 ออกน้ำก็แล้วอะไรก็แล้วเพราะมันมันเป็นไป
00:12:28 → 00:12:31 ได้มต่างที่มันอึไม่ออกอ่ะอึไม่ออกอย่า
00:12:31 → 00:12:34 เบ่งค่ะไม่มันไม่งั้นมันจะกลายเป็นฤิสดวง
00:12:34 → 00:12:37 ถ้าเราทานน้ำให้เยอะขึ้นปรับปรับพฤติกรรม
00:12:37 → 00:12:40 ปรับร่างกายแล้วกินน้ำเยอะพอกินผักเยอะพอ
00:12:40 → 00:12:43 นอนให้เพียงพอแล้วคิดว่าโอเคและก็สิ่งที่
00:12:43 → 00:12:46 ช่วยได้ก็คือยาระบายก็ยังช่วยได้เคยได้
00:12:46 → 00:12:49 ยินนะคะหมอเขาบอกว่ากินมากๆก็ไม่ดีคือเรา
00:12:49 → 00:12:52 ไม่ควรกินเกินอาทิตย์นึงไม่งั้นมันจะกลาย
00:12:52 → 00:12:54 เป็นลำไส้ขี้เกียจแล้วก็เป็นลำไส้ติดยา
00:12:54 → 00:12:58 ระบายได้ลำไส้ขี้เกียจคืออะไรฮะใช่ลำไส้
00:12:58 → 00:13:00 มันจะมีระบบประสาทที่ควบคุมการบีบของตัว
00:13:01 → 00:13:03 ลำไส้ใหญ่อยู่ค่ะแต่ว่าถ้าเราไปกินเป็น
00:13:03 → 00:13:07 พวกยาระบายเนี่ยกินไปซ้ำๆซ้ำๆแทนที่มันจะ
00:13:07 → 00:13:10 บีบได้ตามปกติเนี่ยมันก็ต้องแบบคล้ายๆรอย
00:13:10 → 00:13:12 ยาระบายแล้วไม่กินยาระบายมันก็ไม่บีบ
00:13:12 → 00:13:15 อย่างเงี้ยอค่ะงั้นไม่ควรกินเกิน 7 วัน
00:13:15 → 00:13:18 ใช่ค่ะถ้าสมมุติว่าเค้าอึมไม่ออกจริงๆ
00:13:18 → 00:13:21 แล้วเคกินหนดอย่างเงี้ยได้มั้ยได้ค่ะแต่
00:13:21 → 00:13:23 ไม่ต้องบ่อยเสร็จแล้วก็หยุดไปใช่ก็คือ
00:13:23 → 00:13:25 อย่ากินจนติดเป็นนิสัยเหรอแต่บางคนติด
00:13:25 → 00:13:28 จริงๆนะพี่เคยได้ยินเบอกโอ๊ยฉันไม่กินฉัน
00:13:28 → 00:13:31 อึบไม่ออกกินอะไรนะส้มส้มหรือมะขามแขก
00:13:31 → 00:13:33 อะไรก็ว่ากันไปอย่าให้ติดดีที่สุดเพราะ
00:13:33 → 00:13:36 ว่าติดแล้วปรับยากบางคนปรับกันเป็นปีหรือ
00:13:36 → 00:13:41 2 ปีก็มีค่ะโอการนั่งท่าไหนที่จะขับถ่าย
00:13:41 → 00:13:43 ได้ง่ายพี่ขอย้อนกลับไปสมัยก่อนเมืองไทย
00:13:43 → 00:13:47 เราเนี่ยจะนั่งเอ่อส้วมซึมเราก็นั่งยองๆ
00:13:47 → 00:13:50 เราเราก็นั่งอึกันได้เขาบอกว่าเอ่อส้วม
00:13:50 → 00:13:53 แบบนั้นน่ะเป็นการนั่งที่ถูกต้องที่สุด
00:13:53 → 00:13:56 จริงมั้ยหมอจริงค่ะเหรอคะการการนั่งที่
00:13:56 → 00:13:58 ถูกต้องที่สุดในการขับถ่ายก็คือการนั่ง
00:13:58 → 00:14:01 ยองเหมือนส้วมซึมสมัยก่อนน่ะ Position
00:14:01 → 00:14:04 มันจะเป็นละลักษณะที่เปิดกล้ามเนื้อใน
00:14:04 → 00:14:08 ช่องเชิงกานค่ะใช่ค่ะแล้วก็ทำให้อึออกมา
00:14:08 → 00:14:10 แต่ว่าปัจจุบันตอนเนี้ยมันจะมีการนั่ง
00:14:10 → 00:14:13 เป็นแบบนั่งชักโคกบางคนก็นั่งชักโคกแล้ว
00:14:13 → 00:14:16 นั่งหนีบที่ท่าไม่ถูกต้องไม่ให้หนีบใช่
00:14:16 → 00:14:19 นั่งหนีบนั่งองศาไม่ได้เงี้ยค่ะนั่งแบบ
00:14:19 → 00:14:24 โน้มตัวมาแบบข้างหน้าไม่ดีไม่ดีทำทำให้
00:14:24 → 00:14:27 ปิดมากเกินไปงั้นหมอกำลังจะบอกว่าให้นั่ง
00:14:27 → 00:14:30 ให้เต็มที่เลยหยังไงท่าที่ถูกต้องก็คือ
00:14:30 → 00:14:33 ท่าที่เป็นมุมคล้ายๆคล้ายๆที่เรานั่งนั่ง
00:14:33 → 00:14:37 ส้วมซึมอ่ะมาข้างหน้านิดนิดหน่อยให้น้มมา
00:14:37 → 00:14:40 ข้างหน้าแต่ถ้ามากมากไปเนี่ยมันก็จะหนีบ
00:14:40 → 00:14:43 กล้ามเนื้อช่องสะโพกอมันก็ต้องขึ้นมาเป็น
00:14:43 → 00:14:46 เป็นท่าคล้ายๆท่านั่งส้วมซึมนะฮะบางคน
00:14:46 → 00:14:50 เนี่ยนะเเล่ากันข้างหลังมันจะมีมีแผ่นนะ
00:14:50 → 00:14:52 แหมอย่างงี้เลยมันออกเหรอไม่ออกนะอย่าง
00:14:52 → 00:14:54 งี้ก็ไม่ออกเหมือนกันพิงเลยไม่ออกมากใช่
00:14:54 → 00:14:58 ค่ะใช่แล้วก็อาจจะมีอุปกรณ์ที่ช่วยก็คืออ
00:14:58 → 00:15:00 อาจจะหาอาจจะหาเก้าอี้เล็กๆมาวางหน้าชัก
00:15:00 → 00:15:03 โคกเป็นเก้าอี้เก้าอี้ยกขาขึ้นมานิดนึงยก
00:15:03 → 00:15:06 ขึ้มานึงอ๋อเหรอคอันนี้เป็นท่าที่แนะนำ
00:15:06 → 00:15:09 เลยสำหรับพวกคนท้องค่ะก็จะเป็นท่าใช่ออก
00:15:09 → 00:15:12 ง่ายขึ้นมันก็จะเป็นท่าที่เปิดเปิดกล้าม
00:15:12 → 00:15:15 เนื้อสะโพกอ๋อให้เปิดกล้ามเนื้อสะโพก
00:15:15 → 00:15:17 เพื่อให้มันออกง่ายหน่อยอันนั้นเป็นท่า
00:15:18 → 00:15:21 ที่ถูกต้องท้องผูกเบอร์ไหนอันตรายที่สุด
00:15:21 → 00:15:24 ต้องเป็นท้องผูกที่มีสัญญาณเตือนร่วมด้วย
00:15:24 → 00:15:26 ค่ะอย่างเช่นมีท้องผูกด้วยมีถ่ายเป็น
00:15:26 → 00:15:29 เลือดร่วมด้วยมีท้องผูกแล้วไม่มีลมออก
00:15:30 → 00:15:33 ด้วยผายลมไม่ได้ด้วยมีท้องเสียร่วมด้วยมี
00:15:33 → 00:15:37 น้ำหนักลดด้วยแล้วก็มีโลหิตจางด้วยมีซีด
00:15:37 → 00:15:40 ด้วยเวลาเวลาส่องกระจกก็ปิ้นหนังตาดูแล้ว
00:15:40 → 00:15:42 เหมือนมีเปลือกตาซีดๆร่วมด้วยลักษณะเออ
00:15:42 → 00:15:46 เหรอะอีกอย่างก็คือมีการปวดหน่วงท้องน้อย
00:15:46 → 00:15:49 อะไร้าวไปหลังเวลาอึแล้วปวดทุกครั้งปวด
00:15:49 → 00:15:52 อะไรอย่าเงี้ยลักษณะเก็เป็นสงเตือนออมัน
00:15:52 → 00:15:54 มีแนวโน้มว่าจะเป็นอะไรก็เป็นมะเร็งได้
00:15:54 → 00:15:58 ค่ะโอมะเร็งลำไส้เนะใช่ใช่มะเร็งลำไส้อ๋อ
00:15:58 → 00:16:00 เพราะงั้นให้ตรวจดูให้เช็คดูให้ดูที่ตา
00:16:00 → 00:16:04 ด้วยว่าตาซีดมั้ยตาซีดมั้ยล่าสุดเขาบอก
00:16:04 → 00:16:05 ว่าคนเป็นมะเร็งลำไส้เดี๋ยวนี้มันอายุ
00:16:05 → 00:16:09 น้อยลงเรื่อยๆใช่ค่ะตอนตอนสมัยเรียนเมื่อ
00:16:09 → 00:16:12 เมื่อ 10 ปีก่อนตอนจบเฉพาะทางเนาะเอาที่
00:16:12 → 00:16:14 อายุ 60 ที่จะต้องไปตรวจคัดกรองมะเร็งลำ
00:16:14 → 00:16:17 ไส้ค่ะแล้วก็พอพออยู่มาจนเงี้ยลดลงเรื่อย
00:16:17 → 00:16:21 ๆจาก 60 กลายเป็น 55 ตอนนี้เหลือ 45 ละจะ
00:16:21 → 00:16:25 ต้องไปคัดกรองมะเร็งน้ำไส้คัดกรองมะเร็ง
00:16:25 → 00:16:29 ด้วยวิธีไหนเออการคัดกรองมะเร็งเงลำไส้
00:16:29 → 00:16:31 ที่ได้มาตรฐานที่สุดคือการส่องกล้องตรวจ
00:16:31 → 00:16:33 ค่ะหมอเชื่อมั้ยพี่ไม่เคยส่องอ่ะพี่อายุ
00:16:33 → 00:16:36 ขนาดนี้พี่กลัวต้องไปแล้ว่ะถ้าไม่มีอาการ
00:16:36 → 00:16:39 ก็ต้องไปค่ะพี่การส่องกล้องเนี่ยดูได้เลย
00:16:39 → 00:16:41 ว่ามีติ่งเนื้อหรือเปล่ามีมะเร็งหรือ
00:16:41 → 00:16:45 เปล่าพอเจอเป็นการวินิจฉัยแล้วก็ถ้าเจอ
00:16:45 → 00:16:47 ติ่งเนื้อที่ที่มันเป็นตัวอ่อนอะไรเงี้ย
00:16:47 → 00:16:50 สามารถตัดได้ด้วยกล้องด้วยค่ะหมอก็จะตัด
00:16:50 → 00:16:53 เลยตัดเลยใช่เป็นการรักษาไปด้วยบางทีตัด
00:16:53 → 00:16:56 ไปแล้วเจอตัวอ่อนยังอุ๊ยเป็นเบบี้ของ
00:16:56 → 00:16:59 มะเร็งตัดไปแล้วก็หายไปเลยไม่ต้องเป็นจ
00:16:59 → 00:17:02 แล้วพี่ได้ยินว่าถ้าเช็คคัดกรองมะเร็งลำ
00:17:02 → 00:17:05 ไส้แล้วจะอยู่ได้ถึง 5 ปีเราไม่ต้องเช็ค
00:17:05 → 00:17:08 ทุกปีใช่มั้ยคือส่องกล้องทีนึงมันอยู่ได้
00:17:08 → 00:17:10 10 ปีเลยค่ะอ๋อ 10 ปีเลยเหรอ 10 ปีเลย
00:17:10 → 00:17:14 ใช่คือคือส่องปุ๊บไม่มีติ่งไม่มีอะไรเลย
00:17:14 → 00:17:16 อยู่ได้ 10 ปีเลย 10 ปีไม่ต้องส่องเลย
00:17:16 → 00:17:19 เพราะว่าเซลล์มะเร็งเนี่ยยกว่าจะขึ้นมา
00:17:19 → 00:17:22 เป็นมะเร็งได้เนี่ยมันใช้เวลา 10 ปีอ๋อโอ
00:17:22 → 00:17:24 พี่ได้ยินว่า 5 อย่างเงี้ให้ถึง 10 โพใช่
00:17:24 → 00:17:26 จริงๆเราเราก็มีเวลาเตรียมตัวกันอยู่เนาะ
00:17:26 → 00:17:30 สัก 10 ปีใช่ค่ะมฮะหมอเคยเคยส่องแล้วเห็น
00:17:30 → 00:17:33 ใครมาโอ้โหลำไส้เธอทำไมมันน่าเกลียดขนาด
00:17:33 → 00:17:34 นี้มี
00:17:34 → 00:17:39 มั้มันน่าเกลียดมันมีนเกดทำไมมันมันมันคำ
00:17:39 → 00:17:40 ว่าน่าเกียดคือไม่ใช่ลำไส้ไม่สวยแต่มัน
00:17:40 → 00:17:44 อาจจะทำไมสกปรกได้ขนาดนี้เงี้ยมันจะมีลำ
00:17:44 → 00:17:47 ไส้กระดำกระด่างของคนที่ติดยาระบายก็ก็มี
00:17:47 → 00:17:49 ค่ะมันจะไปเป็นแบบดำๆจุดๆแต่พวกนี้ไม่
00:17:49 → 00:17:52 เป็นอันตรายอะไรมันรำไส้มันมันมันไม่ได้
00:17:52 → 00:17:56 เนียนน่ะนะมันเหมือนติดติดยาใช่มติดยจมัน
00:17:56 → 00:17:59 จะเป็นจุดดำๆเเรียกว่าเมลาโนสิสโลดค่ะพวก
00:17:59 → 00:18:01 นี้ไม่มีอันตรายอะไรเลยอ่ะค่ะใช่แต่ว่า
00:18:01 → 00:18:05 มันไม่สวยคนที่ทานอาหารแบบพวกไขมันพวก
00:18:05 → 00:18:08 อาหารแปรรูปเช่นอะไรเบคอนไส้เกาะพวกนี้
00:18:08 → 00:18:11 มันจะไปเคลือบเกาะอยู่ตามลำไส้มั้ยฮะหมอ
00:18:11 → 00:18:14 ไม่ค่ะพวกนี้มันก่อมะเร็งอาหารพวกโปส Food
00:18:14 → 00:18:17 เนี่ยอ่าองค์การอนามัยโลกเขาถือว่าเป็น
00:18:18 → 00:18:20 สารกอมะร็งอันดับ 1 เทียบเท่ากับบุหรี่
00:18:20 → 00:18:23 เลยหมอพูดให้ฟังอีกทีเราเราจะได้สำเหนียก
00:18:23 → 00:18:27 กันนะมีอะไรอ่ะเบคอนเบคอนไส้กรอกไส้กรอก
00:18:27 → 00:18:30 ลมควันไส้กรอกอีสานลูกชิ้นแล้วลูกชิ้นที่
00:18:30 → 00:18:32 ที่เป็นก๋วยเตี๋วลูกชิ้นปลาได้มั้ยก็เป็น
00:18:32 → 00:18:34 เนื้อแปรรูปชนิดนึงเหมือเพราะมันเด้งเป็น
00:18:34 → 00:18:36 ลูกชิ้นเด้งอาหารแปรรูปคืออาหารที่ผ่าน
00:18:36 → 00:18:40 กระบวนการที่ผ่านความร้อนสูงๆแหนมแหนมนี้
00:18:40 → 00:18:42 ก็แปรรูปค่ะแหนมเนืองที่เป็นลูกชิ้นก้อน
00:18:42 → 00:18:45 ได้มแปรรูปเหมือนกันค่ะมันไม่มีอะไรกิน
00:18:45 → 00:18:48 แล้วแหละหมอโอกินแต่พอดีดีกว่าเอางี้ตัว
00:18:48 → 00:18:51 เนื้อแดงอ่ะกินแต่พอดีแต่ว่าเนื้อแปรรูปเ
00:18:51 → 00:18:54 ให้เลี่ยงไปเลยโอโอหนี่ที่พูดนี่เยอะมาก
00:18:54 → 00:18:57 นะองั้นเข่พวกเนื้อแดงพวกเนื้อสัตว์ที่
00:18:57 → 00:18:59 เป็นเนื้อสีแดงอ่ะเนื้อวัวเนื้อหมูอะไร
00:18:59 → 00:19:02 พวกเนี้ยกินแต่พอดีองค์การอนามัยโลกให้
00:19:02 → 00:19:05 กินเนื้อแดงน่ะจำกัดแค่ครึ่งกิลต่อ
00:19:05 → 00:19:08 สัปดาห์ครึ่งกิลต่อสัปดาห์คือ 500 กรัม
00:19:08 → 00:19:12 ครึกสใช่ 500 กัต่อสัปดาห์ออก็วิวิธีที่
00:19:12 → 00:19:16 จะทำทำให้เลี่ยงการกินเนื้อแดงมากๆก็คือ
00:19:16 → 00:19:18 ทดแทนด้วยเนื้ออย่างอื่นแทนอย่างเช่น
00:19:18 → 00:19:20 เนื้อขาวเนื้อไก่เนื้อปลาเนื้อเนื้อปลา
00:19:20 → 00:19:23 ท้องผูกย้อนกลับมาอีกทีเราจะแก้ยังไงถ้า
00:19:24 → 00:19:26 กินแล้วมันเกิดท้องผูกแล้วขับไถ่ไม่ดีเรา
00:19:26 → 00:19:29 ควรจะกินอาหารยังไงเอ่อหรืออาหารอะไรที่
00:19:29 → 00:19:31 เราควรจะหลีกเลี่ยงเมื่อกี้หมอบอกเรื่อง
00:19:31 → 00:19:34 ของว่าให้กินกากใยแล้วและอะไรที่เราควรจะ
00:19:34 → 00:19:37 หลีกเลี่ยงอ่าอาหารที่ควรจะหลีกเลี่ยงเลย
00:19:37 → 00:19:40 ก็คืออาหารแปรรูปค่ะนี่ไงสำคัญเพราะว่า
00:19:40 → 00:19:42 อาหารแปรรูปเนี่ยมันจะผ่านกระบวนการ
00:19:42 → 00:19:45 อุตสาหกรรมแล้วก็นำไฟเบอร์ออกไปหมดเลยถ้า
00:19:45 → 00:19:49 เราไม่ทานเลยคือต้องทำอาหารทานเองอนะหมอ
00:19:49 → 00:19:52 กินได้แต่ว่าถ้ากินแล้วมันก็ต้องนิดๆ
00:19:52 → 00:19:54 หน่อยๆจำกัดปริมาณดีกว่าแล้วก็เพิ่มการ
00:19:54 → 00:19:58 ทานผักผลไม้เข้าไปด้วยกินผักน้อยมันก็มัน
00:19:58 → 00:20:00 ก็จะทำให้ให้ท้องผูกได้ง่ายขึ้นกินน้ำ
00:20:00 → 00:20:03 น้อยก็เกี่ยวน้ำน้ำเนี่ยเราได้ยินว่า 6-8
00:20:03 → 00:20:07 แก้วแต่พี่เคยสัมภาษณ์น้องดาราคนเขากิน
00:20:07 → 00:20:10 ตั้ง 12 ขวดเนี่ยขวดนึงประมาณเท่าไหร่นะ
00:20:10 → 00:20:14 500 500 ลิตรกิน 12 ขวดเขาบอกเยอะไปก็
00:20:14 → 00:20:18 ไม่ดีคือปกติแล้วถ้าเรากินน้ำอ่ะตัวไตถ้า
00:20:18 → 00:20:21 ไตปกติมันก็สามารถขับออกได้ตามปกติอยู่
00:20:21 → 00:20:25 แล้วค่ะใช่ไม่มีปัญหานะฮะจริงๆแล้วหมอให้
00:20:25 → 00:20:29 สักกี่แก้วต่อวันก็จริงๆควรจะเกิน 8 แก้ว
00:20:29 → 00:20:32 ต่อวันแต่ว่าปริมาณของแต่ละคนเนี่ยมันก็
00:20:32 → 00:20:34 ขึ้นกับแต่ละคนจริงๆเราจะต้องสังเกตตัว
00:20:34 → 00:20:38 เองด้วยลักษณะอาการที่ขาดน้ำก็คือปัสสาวะ
00:20:38 → 00:20:41 สีจะเข้มอ๋อให้ดูจากปัสสาวะปัสสาวะสีจะ
00:20:41 → 00:20:43 เข้มแล้วก็เวลาผิวหนังเนี่ยมันก็จะไม่
00:20:44 → 00:20:47 เต่งตึงเวลาเราจับหยิกขึ้นมาเนี่ยมันก็จะ
00:20:47 → 00:20:50 ตั้งค้างอยู่เงี้ยค่ะอออันก็คือแห้ง
00:20:51 → 00:20:54 น้ำค้างเราอายุเยอะมันผิวมันก็แห้งอยู่
00:20:54 → 00:20:57 แล้วไงหมอแล้วเราจะดูยังไงอ่ะต้องดูที่สี
00:20:58 → 00:21:00 ปัสสาวะเป็นหลักแหละค่ะปัสสวะ 4 ปัสสาวะ
00:21:00 → 00:21:06 แล้วก็ตัวตาก็ได้ค่ะอืตาก็จะไม่ลึกโบ๋
00:21:06 → 00:21:09 อย่างเงี้ยค่ะปากก็จะไม่แห้งริมฝีปากก็จะ
00:21:09 → 00:21:11 ไม่แตกเป็นเกล็ดเป็นอะไรอย่างเงี้ยอมาพูด
00:21:11 → 00:21:14 เรื่องนี้ดีกว่าริสีดวงทวารพี่เชื่อว่าคน
00:21:14 → 00:21:19 10 คนเนี่ยต้องมีซะ 5 ที่เป็นฤิสีดวง
00:21:20 → 00:21:22 ทวารอันนี้ฤิสีดวงทวารเนี่ยเขาบอกว่าหลาย
00:21:22 → 00:21:26 คนเนี่ยไม่ค่อยกล้าไปหาหมอห้ามอายใช่ถ้า
00:21:26 → 00:21:29 ถ้าอายก็ไม่รู้โลกไงเพราะว่าที่สีดวงทวาร
00:21:29 → 00:21:32 มันมีมันมีหลายแบบหลายระยะแล้วก็มีภาวะ
00:21:32 → 00:21:35 แทรกซ้อนหรือเปล่าอะไรเงี้ยคนที่รู้ได้ก็
00:21:35 → 00:21:39 คือหมอนี่แหละค่ะจะถ่ายรูปส่งไลนมาให้หมอ
00:21:39 → 00:21:43 ดูก็ไม่รู้มันต้องตรวจมันต้องตรวจค่ะใช่
00:21:43 → 00:21:46 ก็จะมีท่าแบบอ่าเอาเข่าชิดอกนอนนอนหัน
00:21:46 → 00:21:49 หน้าเข้ากำแพงแล้วก็จะมีอุปกรณ์ในการตรวจ
00:21:49 → 00:21:51 ค่ะเป็นกล้องเล็กๆส่องเข้าไปส่องเข้าไป
00:21:51 → 00:21:54 เฉยๆก็ไม่เห็นเพราะมันมืดต้องเอาไฟส่อง
00:21:54 → 00:21:57 เข้าไปดูด้วยว่าว่าเป็นยังไง่ะเขาบอกว่า
00:21:57 → 00:22:00 ถ้าเราปล่อยไว้ถ้าไม่ดูแลเลยมันอาจจะ
00:22:00 → 00:22:03 อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเลยถ้าอันตรายมาก
00:22:03 → 00:22:07 ๆก็คืออย่างเช่นอ่ามีมีเนื้อตายมันออกมา
00:22:07 → 00:22:09 แล้วมีลิ่มเลือดอุดตันแล้วก็เน่ามีเนื้อ
00:22:10 → 00:22:14 ตายข้างนอกหรือเลือดออกไม่หยุดอลักษณะ
00:22:14 → 00:22:17 เนี่ยค่ะมีคนเสียชีวิตจากฤทธิ์สีดวง
00:22:18 → 00:22:20 เหมือนกันเพราะเลือดออกไม่หยดเพเลือดหยุด
00:22:20 → 00:22:23 เพราะงั้นแนะนำเลยว่าถ้าเป็นให้หาหมอใช่
00:22:23 → 00:22:26 แต่ว่าน้อยนะน้อยนะคนที่คนที่เสียเสียจาก
00:22:26 → 00:22:29 ฤิ4ีดวงมีน้อยอ๋อก็มีค่ะแต่ก็มีให้เห็น
00:22:29 → 00:22:33 อยู่ค่ะการยกของหนักหรือว่ายืนนานๆหรือ
00:22:33 → 00:22:35 ว่านั่งนานๆทำให้เราเป็นฤสีดวงทวารได้
00:22:35 → 00:22:39 มั้ยฮะการที่ยกของหนักอะไรพวกนี้มันมัน
00:22:39 → 00:22:41 ไม่ได้ทำให้เป็นริสีดวงทวารได้เลยเพราะ
00:22:41 → 00:22:44 ว่าส่วนใหญ่ลิสีดวงทวารหลักๆมาจากการนั่ง
00:22:44 → 00:22:49 แล้วเบ่งและท้องผูกอ่าท้องผูกก็ทำให้อึ
00:22:49 → 00:22:52 แข็งแล้วก็ทำให้เราเบ่งจังหวะที่เบ่งอ่ะ
00:22:52 → 00:22:55 ทำให้เป็นริสดวงแล้วก็มีอีกมีอีกอย่างนึง
00:22:55 → 00:22:58 ที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือการกินเผ็ดค่ะอ๋อ
00:22:58 → 00:23:01 เหรอะการกินเผ็ดเนี่ยเวลาอึเนี่ยมันจะทำ
00:23:01 → 00:23:05 ให้แสบก้นใช่มั้ยแสบก้นแล้วก็รู้สึกชา
00:23:05 → 00:23:07 แล้วพอรู้สึกชาเนี่ยมันจะทำให้คนเราแบบ
00:23:07 → 00:23:10 เบ่งโดยไม่รู้ตัวคอ่าแล้วก็เป็นรสีดวง
00:23:10 → 00:23:14 ขึ้นมาได้อ๋อพี่พี่ยังนึกว่าคนที่ท้องผูก
00:23:14 → 00:23:17 ใชแล้วก็ครูดูดไปเรื่อยๆมันเลยทำให้เป็น
00:23:17 → 00:23:20 ริสีดวงแต่จริงๆแล้วการกินเผ็ดบ่อยๆก็
00:23:20 → 00:23:22 เป็นริสีดวงได้ใช่ค่ะเกิดจากการนั่งเบ่ง
00:23:23 → 00:23:25 พอเบ่งปุ๊บเส้นเลือดปูดแล้วมันก็ตกตามแรง
00:23:25 → 00:23:28 โน้มถ่วงมาอสุดท้ายก็กลายเป็นริสีดวงอ่า
00:23:28 → 00:23:31 อย่างั้นก็อย่าเบ่งนะอันนี้ก็คนเป็นเยอะ
00:23:31 → 00:23:34 กินปุ๊บถ่ายปั๊บกินปุ๊บเข้าห้องน้ำปั๊บ
00:23:34 → 00:23:37 วันนึงเข้าห้องน้ำ 2-3 รอบคนใกล้ตัวดิฉัน
00:23:37 → 00:23:40 ก็มีพี่ตั๊กก็มีคนนึงอันนี้เกิดจากอะไร
00:23:40 → 00:23:42 ทำไมกินปุ๊บถ่ายปั๊บเลยอันนี้เกิดจาก
00:23:42 → 00:23:45 รีเฟลกรีเฟลกของคนเราไม่เท่ากันปกติ
00:23:45 → 00:23:48 ธรรมชาติของมนุษย์หรือว่าสิ่งมีชีวิต
00:23:48 → 00:23:51 เนี่ยเวลามีอาหารเข้าไปปุ๊บมันก็จะ
00:23:51 → 00:23:54 กระตุ้นเส้นประสาทของทางเดินอาหารทันทีเ
00:23:54 → 00:23:59 บางคนไวมากกว่าก็ถ่ายเร็วบางคนไวน้อยก็อ
00:23:59 → 00:24:01 กินเข้าไปแล้วก็ไม่ค่อยถ่ายอันนี้ผิดมมัน
00:24:01 → 00:24:04 มันแล้วคนไม่ไม่ผิดปกติค่ะอ๋อเหรอะแต่พี่
00:24:04 → 00:24:07 ว่ามันมันผิดปกติที่ว่าไปไหนลำบากไงมัน
00:24:07 → 00:24:09 ต้องสังเกตตัวเองด้วยบางคนแบบกินนมแล้ว
00:24:09 → 00:24:12 โอ้โหถ่ายทันทีอะไรเงี้ยบางคนแพ้อาหารแฝง
00:24:12 → 00:24:15 เงี้ยกินนมเงี้ยแล้วก็แพ้อาหารเนี่ยแล้ว
00:24:15 → 00:24:18 ก็ถ่ายบ่อยเหรอฮะบางคนไม่รู้กินอาหารที่
00:24:19 → 00:24:21 มีนมเรื่อยๆก็คิดว่าอ่ะตัวเองแบบเป็นคน
00:24:21 → 00:24:24 ทาสวัยอะไรอย่างเงี้ยต้องดูด้วยว่าตัวเอง
00:24:24 → 00:24:27 แพ้อาหารอะไรมีอาหารอะไรที่ทำให้ตัวเอง
00:24:27 → 00:24:30 แพ้แล้วมีอาการแบบนี้มาอืเมื่อกี้หมอพูด
00:24:30 → 00:24:33 เรื่องนมออกมาดีและคนที่ทานนมอาจจะเป็น
00:24:33 → 00:24:37 อะไรใส่นมก็ตามเนี่ยแล้วเค้าก็จะต้องอึ
00:24:37 → 00:24:43 เลยหรือท้องเสียพวกนี้อันตรายมั้ฮะคือถ้า
00:24:43 → 00:24:46 รู้ว่าตัวเองกินแล้วถ่ายทันทีอ่ะก็ต้อง
00:24:46 → 00:24:49 ให้คิดไว้เลยว่าเราแบบมีการอักเสบกับ
00:24:50 → 00:24:53 อาหารชนิดนี้คือถ้ากระตุ้นการอักเสบเรื้อ
00:24:53 → 00:24:55 รังมันก็มันก็ไม่ดีมันก็ส่งผลไปกับทั้ง
00:24:55 → 00:24:58 ระบบเหมือนกันอุ้ยเหรอใช่การอักเสบ
00:24:58 → 00:25:01 กระตุ้นได้หลายอย่างเลยอ่ากระตุ้นให้เกิด
00:25:01 → 00:25:03 เบาหวานโรคเรื้อรังต่างๆหัวใจและหลอด
00:25:03 → 00:25:06 เลือดรเงี้ยก็ได้หมดเลยอออช้าให้แก่เร็ว
00:25:06 → 00:25:08 อีกอันได้ยินมาเฟังแล้วแหมไม่รู้พูดดี
00:25:08 → 00:25:11 หรือเปล่าเ้าเรียกอึเต็มท้องหรือเค้า
00:25:11 → 00:25:14 เรียกว่าอืนะเราเราไม่พูดว่าครี่เนี่ยนะ
00:25:14 → 00:25:16 เราก็พูดว่าอึเต็มท้องหรือภาวะอุจจาร
00:25:16 → 00:25:19 อุตันหมอเคยได้ยินใช่มั้ยใช่ค่ะเป็นยังไง
00:25:19 → 00:25:21 อันนี้อันตรายมั้ยแล้วอาการมันเป็นังไง
00:25:21 → 00:25:23 อันเนี้ยมันเป็นโรคมันไม่ใช่ภาวะเหมือน
00:25:23 → 00:25:26 พวกลำไส้ขี้เกียจที่เป็นละหายได้อันนี้
00:25:26 → 00:25:29 คือโรคเลยค่ะอโใช่แล้วก็ก็หลายคนเนี่ยจะ
00:25:29 → 00:25:31 ชอบสับสนว่าตัวเองเป็นทองผูกมากๆอะไร
00:25:31 → 00:25:33 เงี้ยโรคอุจจาระเต็มท้องเนี่ยภาษาอังกฤษ
00:25:33 → 00:25:36 เขาเรียกว่าโรค Adult เฮชปรุงค่ะอ่าโรค
00:25:36 → 00:25:40 เนี้ยก็คือโรคที่ตัวลำไส้ไม่มีปมประสาทใน
00:25:40 → 00:25:44 การบีบตัวคือคือปมประสาทในการบีบไม่มีเลย
00:25:44 → 00:25:47 ค่ะอ่ะใช่แล้วโลกเนี้ยส่วนใหญ่จะวินิจฉัย
00:25:47 → 00:25:50 ได้ตั้งแต่อายุประมาณ 5 ขวบอ่าคือคือ 5
00:25:50 → 00:25:53 ขวบอ่ะก็จะอึไม่ได้เลยก็จะเป็นเด็กที่อึ
00:25:53 → 00:25:55 ไม่ได้เลยงั้นสมมุติว่าลูกเราก่อน 5 ขวบ
00:25:55 → 00:25:58 เราก็ต้องไปดูว่าลูกเราอึมั้ยบางคนท้อง
00:25:58 → 00:26:01 ป่องไม่อึเลยอย่างเงี้ยก็ก็เป็นโรไม่อึ
00:26:01 → 00:26:04 เลยนี่ผิดปกติแล้วนะฮะแต่ใช่ค่ะแต่ว่าบาง
00:26:04 → 00:26:07 คนเนี่ยพอแบบอึได้บ้างนิดหน่อยก็จะก็จะโต
00:26:07 → 00:26:10 มาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็กลายเป็นโรคอุจจาระ
00:26:10 → 00:26:13 เต็มท้องเนี่ยเออค่ะก็ก็จะมีอาการแบบตอน
00:26:13 → 00:26:15 แรกก็จะเข้าใจว่าตัวเองเป็นทองผูกแต่ว่า
00:26:15 → 00:26:19 ท้องผูกมันทองผูกมากๆท้องผูกจนจนท้องอืด
00:26:19 → 00:26:23 มีลมเยอะแล้วก็ไม่อืด 7 วันอย่างเงี้ยจน
00:26:23 → 00:26:25 ท้องอืดอย่างเงี้ยแล้วก็มาหาหมอสุดท้ายมา
00:26:25 → 00:26:29 หาหมอแล้วก็มาเซเรย์ก็เจอปากว่าเป็นเป็น
00:26:29 → 00:26:32 อุจจาระเต็มท้องแล้วพอหมอตรวจเจอปุ๊บหมอ
00:26:33 → 00:26:36 ก็จะตัดลำไส้นิดนึงไปตรวจไปตรวจดูว่ามัน
00:26:36 → 00:26:39 ไม่มีปมประสาทในลำไส้ก็จะค่อยวินิจฉัยได้
00:26:39 → 00:26:42 ว่าเป็นโรคนี้ค่ะค่ะเพราะฉะนั้นอ่าการ
00:26:42 → 00:26:44 ท้องผูกมากๆไม่ได้ทำให้เป็นโรคอุจจาระ
00:26:45 → 00:26:47 เต็มท้องแต่โรคอุจจาระเต็มท้องอ่ะมันก็
00:26:48 → 00:26:50 คือโรคที่มันเป็นเป็นอยู่แล้วเป็นโรคค่ะ
00:26:50 → 00:26:54 เป็นโรคชนิดนึงใช่รักษาได้ไรักษาโดยการ
00:26:54 → 00:26:58 ตัดทิ้งตัดอะไระตัดลำไส้ตัดส่วนที่มันไม่
00:26:58 → 00:27:01 มีมีปมประสาทออกลำไส้คนยาวเท่าไหร่หมอลำ
00:27:01 → 00:27:03 ไส้ประมาณ 7 มตถ้ารวมทั้งหมดแล้วอ่ะนะลำ
00:27:03 → 00:27:06 ไส้ใหญ่ก็ประมาณเมตเมตนึงเมตกว่าๆแล้ว
00:27:06 → 00:27:10 เวลาตัดตัดออกไปสมีตัดหมดค่ะ
00:27:10 → 00:27:15 หึตัดตรงที่ไม่มีปมประสาทออกไปใช่ค่ะหมด
00:27:15 → 00:27:19 ใช่ตัดหมดอ้าแล้วเคจะอึไงอ่ะจริงๆลำไส้
00:27:19 → 00:27:22 เนี่ยมันสามารถสร้างสร้างทางได้หลายอย่าง
00:27:22 → 00:27:26 ถ้าเกิดว่าเป็นเป็นโรคเนี้ยก็จะเอาลำไส้
00:27:26 → 00:27:29 เล็กมาต่อที่ทวารหนักโอโก็จะถ่ายได้
00:27:29 → 00:27:31 เหมือนเดิมแต่ว่าเพียงแต่ว่ามันต้องปรับ
00:27:31 → 00:27:34 นิดนึงเพราะว่าลำไส้เล็กเนี่ยมันมันดูด
00:27:34 → 00:27:36 น้ำกลับไม่ได้เนาะช่วงแรกๆมันก็อาจจะมี
00:27:36 → 00:27:39 แบบถ่ายเหลวแล้วมันก็จะเป็นภาระกับเค้า
00:27:39 → 00:27:42 ต่อไปในอนาคตมั้ยฮะถ้าเคทำตัดออกไปแล้ว
00:27:42 → 00:27:44 เหวก็ไม่เสียชีวิตแต่ว่ามันก็คุณภาพชีวิต
00:27:44 → 00:27:46 มันก็ไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนเดิมแต่
00:27:46 → 00:27:48 ว่ามันก็ต้องค่อยๆปรับตัวค่ะเมีคนเป็น
00:27:48 → 00:27:52 เยอะมั้ยฮะน้อยอ๋อมันก็อาจจะไม่ใช่เราใช่
00:27:52 → 00:27:55 อาจจะไม่ใช่เราก็ได้มอมีคนไข้ที่มีเคส
00:27:55 → 00:27:58 แปลกๆซึ่งอยากจะมาแชร์กันมั้ยเออดูแล้ว
00:27:59 → 00:28:01 น่าสนใจสำหรับเคสนี้หมอลองเล่าให้ฟังมี
00:28:01 → 00:28:04 มั้ยฮะเคสสิ่งแปลกปลอมแล้วกันค่ะเคสสิ่ง
00:28:04 → 00:28:07 แปลกปลอมในทวารหนักที่เจอกันมาบ่อยแสดง
00:28:07 → 00:28:10 ว่าเจอบ่อยใช่เจอกันมาบ่อยแล้วก็อ่า
00:28:10 → 00:28:12 เพื่อนหมอสันด้วยกันน่ะก็เซเรย์ดูแล้วก็
00:28:12 → 00:28:15 ปรากฏว่าพอเอาออกมาดูกลายเป็นแบบเป็น
00:28:15 → 00:28:19 โลออนชนิดเดียวกันยี่ห้อเดียวกันเลยทำไม
00:28:19 → 00:28:22 เขาถึงชอบใช้ยี่ห้อนี้นะเหรอใช่อ๋อเค้า
00:28:22 → 00:28:26 เอาโลออนไปใส่ก้นใช่ค่ะใช่แล้วเอยู่ได้ไง
00:28:26 → 00:28:28 ที่เจอบ่อยแล้วเคก็เอาเอาไม่ออกบอกค่ะเขา
00:28:28 → 00:28:31 ก็เลยมาโรงพยาบาลแล้วก็ชอบมาตอน 3:00 น
00:28:31 → 00:28:34 ด้วยนะไม่รู้เป็นไรต้อง 3:00 นทเลยไม่
00:28:34 → 00:28:37 สามาถกจัดมันได้ไม่สามารถเอาเอามันออกได้
00:28:37 → 00:28:40 ยังไม่ได้พรุดเข้าไปมันเข้าไปหมดแล้วค่ะ
00:28:40 → 00:28:42 มันก็คือเข้าไปหมดแล้วแล้วเขาก็เอาออกไม่
00:28:42 → 00:28:45 ได้แล้วก็เวลาให้ประวัติอ่ะเก็จะให้แบบ
00:28:45 → 00:28:48 สะดุดล้มแล้วมันเข้าไปอะไรหมดแบอ๋อแล้ว
00:28:48 → 00:28:52 หมอทำไงอ่ะพี่พี่ไม่อยากรู้ตอนมันเข้าไป
00:28:52 → 00:28:55 อยากรู้ตอนหมอเอามันออกมันยังไงเออโออน
00:28:55 → 00:28:57 นี่อันไม่ใช่เล็กๆนะต้องผ่าตัดหรือต้อง
00:28:57 → 00:29:01 ใช้มันอันอันประมาณเท่านี้อค่ะใช่ถ้าเอา
00:29:01 → 00:29:04 ออกได้เวลาคนเราภายใต้พวกยานมสลบหรือว่า
00:29:04 → 00:29:06 บล็อกหลังมันจะทำให้กล้ามเนื้อมันคลายได้
00:29:06 → 00:29:10 มากขึ้นอ๋อต้องใช้อยู่เฉยๆเราเราจะเอาออก
00:29:10 → 00:29:13 ไม่ได้ใช่ก็ต้องไปดมยาสลบแล้วก็คีบออกค่ะ
00:29:13 → 00:29:15 โออันนี้เรื่องใหญ่เพราะงั้นอย่าทำใช่
00:29:15 → 00:29:18 จริงๆมันก็มีต่างประเทศก็จะมีพวกโอ๊เยอะ
00:29:18 → 00:29:23 เหมือนกันนะอย่างอ่ามีแก้วโออ่ามีตัวแจ
00:29:23 → 00:29:29 กันโอ้ใช่แล้วก็ซมีิพวกของเล่นจๆมนุษย์
00:29:29 → 00:29:31 เราเนี่ยเข้าไปแล้วมันไม่แตกก็ดีอ่ะนะมัน
00:29:31 → 00:29:34 มีแตกมั้ยอ่ะมีเหมือนกันค่ะมีแตกมีแตก
00:29:34 → 00:29:38 เหมือนกันแตกแล้วทำไงอย่างอย่าอินเดีย
00:29:38 → 00:29:41 อย่างเงี้ยมันใหญ่มากเวลาหมอเีบออกมาแล้ว
00:29:41 → 00:29:45 มันแตกข้างในใช่ค่ะงี้ผ่าตัดผ่าตัดออกถ้า
00:29:45 → 00:29:47 ถ้ามันใหญ่มากๆเอาไม่ออกแบบลูกมะพร้าวก็
00:29:47 → 00:29:52 มีนะเอ้อมีหมดเลยมีหมดทุกอย่างก็ต้องผ่า
00:29:52 → 00:29:55 ตัดแล้วก็แล้วก็หมายหมายถึงว่าเปิดไส้ออก
00:29:55 → 00:29:58 แล้วก็คีบออกแล้วก็เย็บไส้ปิดแล้วก็มี
00:29:58 → 00:30:00 มะพร้าวไม่ใช่อื้อหือนะตายแล้วมนุษย์ล
00:30:00 → 00:30:03 เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรหมอคงอยากอยาก
00:30:03 → 00:30:06 พี่พูดแทนหมอแล้วกันคิดสักนิดนึงเพราะว่า
00:30:06 → 00:30:09 ถ้าถ้ามาหาหมอนี่ต้องดมยาสลบเลยเพื่อที่
00:30:09 → 00:30:13 จะเอาเออกมาเอาออกใช่ค่ะโอเทคโนโลยีใหม่ๆ
00:30:13 → 00:30:15 ตอนนี้มีมั้ยคะทางการแพทย์ที่เขาไว้ใช้ใน
00:30:15 → 00:30:19 การรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบการขับถ่าย
00:30:19 → 00:30:22 คือมันก็มีการรักษาแปลกๆสมัยโบราณที่ที่
00:30:22 → 00:30:24 ยังใช้มาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ก็มี
00:30:24 → 00:30:26 เหมือนกันอันนั้นอันอันนี้โบราณใช่มั้ยฮะ
00:30:26 → 00:30:29 แบบโบราณมากจีนโบราณน่ะค่ะเขาคก็จะเอาน้ำ
00:30:29 → 00:30:32 สีทองก็คือน้ำอุจจาระเนี่ยอุจจาระใคร
00:30:32 → 00:30:35 อุจจาระของคนที่มีสุขภาพลำไส้ดีเอาไปให้
00:30:35 → 00:30:38 คนที่เป็นท้องร่วงเรื้อรังอ่ะกินหะอันนี้
00:30:38 → 00:30:41 จีนโบราณทำแบบนั้นจริงๆค่ะมีบันทึกไว้ใน
00:30:41 → 00:30:44 ประวัติศาสตร์ว่าการรักษาโรคท้องร่วง
00:30:44 → 00:30:47 เรื้อรังเนี่ยโดยการเอาอุจจาระของคนที่
00:30:47 → 00:30:50 เป็นเป็นคนที่มีสุขภาพลำไส้ดีไปให้คนที่
00:30:50 → 00:30:52 ท้องร่วงเรื้อรังกินแล้วก็ยอมกินปรากฏว่า
00:30:52 → 00:30:55 สุขภาพลำไส้ของคนที่ทองร่วงเรื้อรังดี
00:30:55 → 00:30:57 ขึ้นอะไรอย่างเงี้ยแล้วพิสูจน์ได้เหรอคะ
00:30:57 → 00:31:00 ว่ามันจริงเทำวิธีนี้ก็ก็สมัยนี้ก็ยังยัง
00:31:00 → 00:31:04 มีนะก็ยังมีวิธีนี้อยู่เอออ๋อนั่นคือวิธี
00:31:04 → 00:31:06 โบราณนะใช่สมัยนี้ก็ยังมีเหมือนกันแต่ว่า
00:31:07 → 00:31:10 อ่าก็จะมีวิธีการไม่ให้กินนเป็นน้ำซุปละ
00:31:10 → 00:31:14 มันไม่ไหวอ่ะค่ะก็อาจจะมีแบบใส่แคปซูลเอา
00:31:14 → 00:31:17 อุจจาระของคนที่มีแบมีแบคทีเรียในล้ำไส้
00:31:17 → 00:31:20 ดีเงี้ใส่แคปซูลไปให้คนที่สุขท้องร่วง
00:31:20 → 00:31:23 เรื้อรังหรือสุขภาพลำไส้ไม่ดีกินเขาเรียก
00:31:23 → 00:31:26 วิธีการนี้ว่าอะไรอันนี้คือวิธีการปลูก
00:31:26 → 00:31:29 ไถ่อุจจาระค่ะปลูกถ่ายอุจจาระของคนนึงไป
00:31:29 → 00:31:32 ใส่อีกคนนึงใช่ๆด้วยด้วยทฤษฎีที่ว่าอ่า
00:31:32 → 00:31:34 อุจจาระของคนที่มีสุขภาพลำไส้ดีก็เป็น
00:31:34 → 00:31:38 แบคทีเรียดีเอามาปลูกถ่ายให้กับคนที่มี
00:31:38 → 00:31:41 แบคทีเรียที่ไม่ดีก็จะมีอาการแบบท่องเสีย
00:31:41 → 00:31:43 เรื้อรังท่องผูกเรือรังอย่างเงี้ยค่ะมี
00:31:43 → 00:31:45 ปัญหาทางเดินอาหารแล้วเเปลูกด้วยวิธีไหน
00:31:45 → 00:31:48 ใส่ไปในแคปซูลบางทีเขาก็จะใส่ใส่ไว้ใน
00:31:48 → 00:31:51 แคปซูลแล้วก็ให้ให้ทานเข้าไปแคปซูลเหมือน
00:31:51 → 00:31:53 แคปซูลยาใช่ค่ะแล้วแล้วทานเหรอแล้วทาน
00:31:53 → 00:31:57 เข้าไปอุ้ยก็แล้วเราคงต้องรีบกลืนเนาะอัน
00:31:57 → 00:31:59 นี้คือปราณีที่เค้าไม่ให้กินเ้า
00:31:59 → 00:32:03 ไปใช้วิธีใส่ไปในแคปซูลใช่ค่ะแล้วแล้วมัน
00:32:03 → 00:32:06 ก็มีอีกวิธีนึงก็คือการส่องกล้องเข้าทาง
00:32:06 → 00:32:09 ทวารหนักแล้วก็เอาตัวอุจจาระของคนที่มี
00:32:10 → 00:32:12 สุขภาพดีเอาไปวางไว้ในลำไส้ใหญ่เป็นการ
00:32:12 → 00:32:15 ล่อใช่มีมีมีการศึกษามีมีคนทำวิจัยอันนี้
00:32:15 → 00:32:20 เหมือนกันเหรอฮะใช่ทำในคนที่อ่าใช้ยาฆ่า
00:32:20 → 00:32:23 เชื้อเรื้อรังแล้วทำให้ลำไส้อักเสบแล้วทำ
00:32:23 → 00:32:26 ให้แบคทีเรียในลำไส้มันตายหมดค่ะเขาก็เลย
00:32:26 → 00:32:29 ส่องกล้องแล้วเอาอุจจระของคนที่คนที่มี
00:32:29 → 00:32:32 สุขภาพล้ำไส้ดีเอาไปวางไว้พอทำวิจัยออกมา
00:32:32 → 00:32:35 ก็เค้าก็บอกว่าได้ผลดีแต่ว่าสรุปในงาน
00:32:35 → 00:32:38 วิจัยตอนสุดท้ายว่าก็ยังต้องการการศึกษา
00:32:38 → 00:32:41 ตัวอย่างทดลองเพิ่มเติมโอมันก็คือตัว
00:32:41 → 00:32:43 อย่างไม่พอแต่ว่ามันก็มีคนเอาแนวคิดแบบ
00:32:43 → 00:32:47 โบราณเอามายังมาใช้อยู่แต่วิธีที่หมอว่า
00:32:47 → 00:32:50 ว่าใส่ไปทางทางกล้องใช่มั้ส่องเข้าไปเอ
00:32:50 → 00:32:53 เป็นเป็นเม็ดแคปซูลแล้วเอานำพาเข้าไปนำพา
00:32:53 → 00:32:55 เข้าไปใช่อันนี้น่าจะดีกว่าให้กินถ้ารู้
00:32:55 → 00:32:58 ว่าในแคปซูลนั้นคืออะไรพี่ตั๊กก้ากินมย
00:32:58 → 00:33:02 ค่ะไม่กินเห็นมั้ยล่ะนำพาเข้าไปนำพาเข้า
00:33:02 → 00:33:05 ไปเราไม่รู้ไงเราไม่รู้แต่เข้าทางปากนี่
00:33:05 → 00:33:09 คงไม่คงคงไม่มีทางพี่ก็ยอมเป็นอย่างนั้น
00:33:09 → 00:33:12 ต่อไปนะฮะอันนั้นอันนั้นโบราณพอเรื่อง
00:33:12 → 00:33:14 ใหม่ตอนนี้เพัฒนาแล้วแสดงว่าอุจจาระของคน
00:33:14 → 00:33:18 ที่ลำไส้ดีแบคทีเรียดีสามารถช่วยคนที่
00:33:18 → 00:33:21 แบคทีเรียไม่ดีหรือท้องเสียท้องร่วงได้
00:33:21 → 00:33:26 อ่ะอันนี้สุดท้ายะสิ่งไหนที่ควรทำ do and
00:33:26 → 00:33:30 Don't สิ่งไหนไม่ควรทำอย่าหาทำจะทำให้
00:33:30 → 00:33:34 ระบบการขับไถยมีปัญหาให้หมอบอกตรงนี้เลย
00:33:34 → 00:33:37 ข้อแรกก็คืออย่ากินเนื้อหรือว่าอาหารแปร
00:33:37 → 00:33:40 รูปมากเกินไปเพราะว่าพวกนี้มันเป็น ess
00:33:40 → 00:33:42 Food ที่นำพาไฟเบอร์ออกไปหมดแล้วแล้วก็
00:33:43 → 00:33:46 เป็นสารกองมะเร็งด้วยค่ะข้อที่ 2 ก็คือ
00:33:46 → 00:33:48 อยากกินไฟเบอร์เยอะเกินไปแล้วก็รวดเร็ว
00:33:48 → 00:33:53 เกินไปไฟเบอร์นั้นเช่นที่ชงๆหรือว่ายนี้เ
00:33:53 → 00:33:56 กินไฟเบอร์กันใช่มใช่ที่เขากินไฟเบอร์อ๋อ
00:33:56 → 00:33:58 ไม่ให้กินเยอะเพราะว่าถ้ากินเยอะมากเกิน
00:33:58 → 00:34:01 ไปโดยที่กินน้ำไม่พอเงี้ยมันจะกลายเป็น
00:34:01 → 00:34:04 ดินน้ำมันไปเกาะแทนที่จะถ่ายได้ปรากฏว่า
00:34:04 → 00:34:08 ท้องผูกกว่าเดิมอ๋ออืให้ธรรมชาติหน่อย
00:34:08 → 00:34:10 เนาะให้ธรรมชาติดีกว่ากินผักผลไม้ตาม
00:34:10 → 00:34:13 ธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสมค่ะอย่าดื่ม
00:34:13 → 00:34:16 แอลกอฮอล์เพราะว่าแอลกอฮอล์เนี่ยมันจะทำ
00:34:16 → 00:34:19 ให้ร่างกายขาดน้ำสูญเสียน้ำแล้วมันจะทำ
00:34:19 → 00:34:22 ให้ตัวอุจจาระเนี่ยแข็งมากขึ้นแล้วก็อย่า
00:34:22 → 00:34:26 กินอาหารจำพวกนมมากเกินไปพวกนี้มันจะทำ
00:34:26 → 00:34:29 ให้นมทุกวันเลยค่ะทำให้อร่อยเหรอแต่ไม่
00:34:29 → 00:34:32 เยอะนะแค่นี้นมแล้วผลิตภัณฑ์จากนมพวกชีส
00:34:32 → 00:34:35 พวกนมอะไรอย่างเงี้ยโยเกิร์ตดีนะถ้าใน
00:34:35 → 00:34:37 ปริมาณที่เหมาะสมอย่าเงี้ยดีค่ะแต่ต้องดู
00:34:37 → 00:34:41 น้ำตาลด้วยนะดูเกึดอ่ะพลิกดูบางทีแบบโน้ำ
00:34:41 → 00:34:44 ตาลโอเยอะเหมือนกันต้องดูเหมือนกันนะคะมี
00:34:44 → 00:34:47 มีอะไรควรอะไรไม่ควรอีกคะ่อย่าอ้วนเกินไป
00:34:47 → 00:34:51 อ๋อใช่เพราะว่าความอ้วนเนี่ยมันยังทำให้
00:34:51 → 00:34:54 แรงดันในท่องท้องเยอะทำให้ลำไส้บีบตัว
00:34:54 → 00:34:58 ลำบากในท้องมีแต่ไขมันให้เคลื่อนไหวยอย่า
00:34:58 → 00:35:02 นอนติดเตียงอย่าเป็นคนแก่ที่ไล activity
00:35:02 → 00:35:05 ค่ะเพราะว่าถ้าเราไม่ขยับลำไส้ก็จะไม่
00:35:05 → 00:35:08 ขยับตามตัวเราไปด้วยอค่ะแล้วอะไรล่ะคะที่
00:35:08 → 00:35:10 เราควรจะทำเพื่อให้ระบบขับถ่ายของเรา
00:35:10 → 00:35:14 เนี่ยดีอันนี้ฝากไว้ 5 ข้อค่ะเป็นเทคนิค
00:35:14 → 00:35:18 จากคำแนะนำจากวารเลยนะคะค่ะใช่ข้อแรกก็
00:35:18 → 00:35:22 คือกินอาหารกากใยให้พอดีค่ะในแต่ละวันข้อ
00:35:22 → 00:35:25 ที่ 2 ก็คือเราควรจะออกกำลังกายแล้วก็
00:35:25 → 00:35:28 ขยับอย่างสม่ำเสมอค่ะอย่างน้อยประมาณ 30
00:35:28 → 00:35:32 นาทีต่อวันค่ะค่ะแล้วก็ข้อ 3 ก็คือการกิน
00:35:32 → 00:35:35 น้ำให้เพียงพออืค่ะเพราะว่าอุจจาระจะออก
00:35:35 → 00:35:40 มันก็ต้องใช้น้ำที่เพียงพอค่ะค่ะแล้วก็
00:35:40 → 00:35:42 อย่างที่ 4 ก็คือเราต้องดูแลการนอนหลับ
00:35:43 → 00:35:45 คือการนอนที่ดีมันจะทำให้ฮอร์โมนทั้งร่าง
00:35:45 → 00:35:48 กายเนี่ยทำงานดีไปทั้งระบบเลยค่ะค่ะอ่า
00:35:48 → 00:35:51 คือถ้าฮอร์โมนทำงานดีเนี่ยระบบขับถ่ายก็
00:35:51 → 00:35:54 ทำงานดีระบบสมองก็ทำงานดีแล้วก็มันจะมี
00:35:55 → 00:35:58 การต้านการอักเสบด้วยค่ะโรคเรื้อรังต่างๆ
00:35:58 → 00:36:00 ก็จะน้อยลงด้วยอย่างเช่นโรคหัวใจและหลอด
00:36:00 → 00:36:03 เลือดโรคเบาหวานอะไรพวกเกันนหลสำคัญเอื
00:36:03 → 00:36:06 แล้วก็อันดับ 5 ก็คือเราจะต้องไปถ่ายทัน
00:36:06 → 00:36:10 ทีเมื่อรู้สึกอยากถ่ายห้ามอั้นห้ามอั้น
00:36:10 → 00:36:12 อั้นนี่เป็นสิ่งไม่ดีห้ามอั้นใช่ๆวันนี้
00:36:12 → 00:36:14 เราได้รู้แล้วล่ะเห็นมั้เป็นเรื่องที่คน
00:36:14 → 00:36:17 ถามมากที่สุดในเรื่องของการขลับถ่ายและ
00:36:17 → 00:36:20 เรื่องอุจจาระของเราวันนี้คิดว่าหมอนุ้ย
00:36:20 → 00:36:24 บอกได้เคลียร์และเห็นชัดแจ้งจริงๆเพราะ
00:36:24 → 00:36:28 งั้นอะไรที่เรารู้อาจจะไม่จริงก็ได้แต่
00:36:28 → 00:36:31 อะไรที่เราไม่เคยรู้มันอาจจะเป็นเรื่อง
00:36:31 → 00:36:34 จริงก็ได้มนุ้ยพูดอย่างเคลียร์ชัดเลยนะคะ
00:36:34 → 00:36:38 ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเพราะงั้นอะไรควรทำ
00:36:38 → 00:36:42 อะไรไม่ควรทำเพื่อการขับถ่ายที่ดีปกติของ
00:36:42 → 00:36:47 ร่างกายของเรานะคะขอบคุณมากๆค่ะชมรายการต
00:36:47 → 00:36:49 Talk แล้วก็อย่าลืมนะคะกดไลคกดแชร์กด
00:36:49 → 00:36:53 Subscribe ทางช่อง Live ทั้งทางช่อง
00:36:53 → 00:36:55 YouTube และ Facebook ด้วยนะคะแล้วก็
00:36:55 → 00:36:58 อย่าลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะคะจะได้
00:36:58 → 00:37:01 ไม่พลาดสาระดีๆจากช่อง Live doot ของเรา
00:37:01 → 00:37:05 อย่าลืมนะคะ