00:00:00 → 00:00:03 หลายคนเชื่อว่าหากพบผู้ป่วยชัก
00:00:03 → 00:00:08 จะเอาสิ่งของหรือของแข็งไปงัด หรือว่ายัดใส่ปากผู้ป่วย
00:00:08 → 00:00:09 เพื่อป้องกันการกัดลิ้น
00:00:09 → 00:00:11 แต่การกระทำอย่างนั้น เป็นสิ่งที่ผิดค่ะ
00:00:11 → 00:00:18 [เสียงดนตรี]
00:00:18 → 00:00:22 มีความเข้าใจผิดหลายอย่างเกี่ยวกับ การปฐมพยาบาลของผู้ป่วยชัก
00:00:22 → 00:00:27 เช่น การนำสิ่งของมาใส่ยัดเข้าไปในปากผู้ป่วย
00:00:27 → 00:00:29 ที่เจอบ่อยที่สุดคือ ช้อน
00:00:29 → 00:00:33 ถ้านำช้อนเข้าไปยัดในปากผู้ป่วย ตอนที่ผู้ป่วยชักอยู่
00:00:33 → 00:00:38 ก็อาจจะมีเลือดหุ้มในปาก มีอาการบาดเจ็บ หรือว่ามีเลือดออก
00:00:38 → 00:00:39 หรือว่ามีฟันหักได้
00:00:39 → 00:00:43 ซึ่งไม่ว่าเลือดหรือฟันที่หักไป
00:00:43 → 00:00:47 ก็สามารถหลุดเข้าไปในหลอดลม และทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจของผู้ป่วยได้
00:00:48 → 00:00:54 อีกอย่างหนึ่งที่นิยมกันก็คือ การนำผ้า หรือถุงเท้า รองเท้า
00:00:54 → 00:00:56 เข้าไปยัดในปากของผู้ป่วย
00:00:56 → 00:00:59 ก็จะทำให้ชิ้นส่วนผ้านั้นหลุดเข้าไปในหลอดลม
00:00:59 → 00:01:01 ก็จะทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ
00:01:01 → 00:01:03 ผู้ป่วยก็จะเสียชีวิตได้ค่ะ
00:01:04 → 00:01:08 บางคนเห็นผู้ป่วยชักอยู่ แล้วตกใจ
00:01:08 → 00:01:10 เอามือของตัวเองเข้าไปยัด
00:01:10 → 00:01:13 เพื่อป้องกันการกัดลิ้น การกัดฟันของผู้ป่วย
00:01:13 → 00:01:17 ก็จะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ทั้งกับตัวเราและผู้ป่วยได้เช่นเดียวกัน
00:01:17 → 00:01:18 ถ้าตัวเรา
00:01:18 → 00:01:21 นิ้วมือที่เราเอาไปยัด ก็อาจจะขาด
00:01:21 → 00:01:26 ส่วนผู้ป่วยเอง ถ้าเกิดชิ้นส่วนของนิ้วมือเรา หลุดเข้าไปในหลอดลมเขา
00:01:26 → 00:01:29 ก็จะทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจ ผู้ป่วยก็จะเสียชีวิตได้ค่ะ
00:01:31 → 00:01:37 บางคน เอายากับน้ำเข้าไปในปากผู้ป่่วย หรือให้ป่่วยกินตอนที่ป่่วยชักอยู่
00:01:37 → 00:01:39 อันนี้เป็นสิ่งที่ผิดนะคะ
00:01:39 → 00:01:41 เพราะว่ายากับน้ำนั้น จะทำให้ผู้ป่วยสำลัก
00:01:41 → 00:01:44 แล้วก็จะทำให้อุดกั้นทางเดินหายใจ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตได้ค่ะ
00:01:44 → 00:01:49 [เสียงดนตรี]
00:01:49 → 00:01:53 การชักนะคะ เกิดจากการนำไฟฟ้าของคลื่นสมอง ที่ผิดปกติไป
00:01:53 → 00:01:57 ซึ่งอาจเกิดได้จาก 1. ความผิดปกติของสมองของผู้ป่วยเอง
00:01:58 → 00:01:59 ก็คือมีโรคลมชักอยู่แต่เดิม
00:01:59 → 00:02:02 2. การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มไขสันหลัง
00:02:02 → 00:02:07 3. อุบัติเหตุ ทำให้เกิดการกระทบ กระแทก กระเทือนสมองค่ะ
00:02:07 → 00:02:11 ถ้าในคนไข้เด็ก ก็อาจจะเกิดจากไข้ก็ได้ค่ะ
00:02:11 → 00:02:13 ถ้าไข้สูง ก็สามารถทำให้ชักได้ค่ะ
00:02:13 → 00:02:18 [เสียงดนตรี]
00:02:18 → 00:02:20 อาการชักมีได้หลายรูปแบบ
00:02:20 → 00:02:25 คนไข้อาจจะแสดงอาการชักเลย คือ เกร็งที่แขนที่ขา ทั้งตัวเลย
00:02:25 → 00:02:27 หรือสอง อาจจะมีตาลอย
00:02:27 → 00:02:32 สามก็คือ อาจจะมีน้ำลายฟูมปาก มีกัดฟัน ลิ้นแข็งเกร็ง
00:02:32 → 00:02:36 อันที่สี่คือ อาจจะมีปัสสาวะ อุจจาระราดร่วมด้วยค่ะ
00:02:36 → 00:02:40 [เสียงดนตรี]
00:02:40 → 00:02:43 การปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการชัก
00:02:43 → 00:02:48 อย่างแรกคือ ให้ผู้ที่พบเห็นรีบโทรเรียก 1669 หรือ รถพยาบาลฉุกเฉิน
00:02:48 → 00:02:51 เพื่อจะได้มาช่วยเหลือผู้ป่วย ได้อย่างเร็วที่สุด
00:02:51 → 00:02:55 ขั้นต่อไปคือการสังเกตดูรอบตัวของผู้ป่วย
00:02:55 → 00:02:58 ว่ามีสิ่งของที่ทำให้เกิดการกระแทก กับผู้ป่วยหรือเปล่า
00:02:58 → 00:03:02 ถ้ามี ให้รีบนำผู้ป่วยมาอยู่ในที่โล่งแจ้ง
00:03:02 → 00:03:05 และห้ามจับล็อกเกร็งแขนขา
00:03:05 → 00:03:07 ปล่อยให้ผู้ป่วยชักไปค่ะ
00:03:07 → 00:03:11 เพราะว่าถ้าเราล็อกเกร็ง ก็จะทำให้ เกิดการบาดเจ็บซ้ำเติมกับผู้ป่วยได้
00:03:11 → 00:03:14 จากนั้น ปลดเสื้อผ้าผู้ป่วยให้หลวมขึ้น
00:03:14 → 00:03:16 เพื่อผู้ป่วยจะได้หายใจได้สะดวกค่ะ
00:03:16 → 00:03:20 ขั้นต่อไป ให้ผู้พบเห็น ถ่ายคลิปผู้ป่วยไว้ตลอด
00:03:20 → 00:03:23 เพื่อที่จะไปแจ้งแพทย์ได้เมื่อแพทย์มาถึงว่า
00:03:23 → 00:03:26 มีอาการชักแบบไหน รูปแบบเป็นอย่างไร
00:03:26 → 00:03:30 เพราะว่าอาการชักแต่ละรูปแบบ ให้การรักษาได้ไม่เหมือนกัน
00:03:30 → 00:03:34 สิ่งที่เราควรจะสังเกตให้กับผู้ป่วย คือการชักเกร็งว่านานเกินไปหรือเปล่า
00:03:34 → 00:03:36 ถ้านานเกิน 5 นาที
00:03:37 → 00:03:39 หรือมีการชัก โดยที่มีการหยุดชัก
00:03:39 → 00:03:43 โดยที่ระหว่างหยุด ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ประมาณ 30 นาที
00:03:43 → 00:03:45 การชักนั้น จะถือเป็นการชักต่อเนื่อง
00:03:46 → 00:03:47 หรือชักนานเกินไป
00:03:47 → 00:03:51 ก็จะทำให้เกิดการขาดเลือด ขาดออกซิเจนในสมองได้
00:03:52 → 00:03:54 ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีความพิการเกิดขึ้นได้
00:03:54 → 00:03:57 ให้ผู้พบเห็นเฝ้าระวังผู้ป่วยว่า
00:03:57 → 00:04:00 สังเกตดูว่าผู้ป่วยยังหายใจไหม
00:04:00 → 00:04:02 มีหัวใจหยุดเต้นหรือเปล่า
00:04:02 → 00:04:05 เพราะว่าถ้าผู้ป่วยมีอาการหยุดเต้นแล้ว ต้องรีบบอกทีมแพทย์
00:04:05 → 00:04:08 แล้วก็ต้องรีบทำการ ช่วยเหลือเบื้องต้นกับผู้ป่วย
00:04:08 → 00:04:10 ระหว่างที่เฝ้าระวัง
00:04:10 → 00:04:14 ถ้าผู้ป่วยชักอยู่ ก็สามารถจับผู้ป่วย นอนตะแคงด้านซ้ายไปได้
00:04:14 → 00:04:19 เพื่อที่จะให้สิ่งอุดกั้นหรือสารคัดหลั่ง ให้ออกมาจากตัวผู้ป่วย
00:04:19 → 00:04:22 ผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องสำลักสารคัดหลั่ง
00:04:22 → 00:04:23 เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง
00:04:23 → 00:04:28 ก็ให้ผู้พบเห็น นำคลิปที่เราถ่ายไว้ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่มาถึง
00:04:28 → 00:04:33 พร้อมรายงาน แล้วก็แจ้งว่าผู้ป่วยเป็นอะไร มีอาการเบื้องต้นเป็นอย่างไร
00:04:33 → 00:04:35 โรคประจำตัวเป็นอะไรด้วยค่ะ
00:04:36 → 00:04:37 อยากจะฝากถึงตัวผู้ป่วย
00:04:37 → 00:04:41 คือถ้ารู้ตัวว่า ตัวเองเป็นคนที่มีลมชักอยู่เดิม
00:04:41 → 00:04:42 แล้วกินยาอยู่ประจำแล้ว
00:04:42 → 00:04:46 อย่างแรกเลยก็คือ ขอให้กินยาต่อเนื่อง ไม่มีขาดยานะคะ
00:04:47 → 00:04:49 อันที่สองคือ ต้องเฝ้าระวังตัวเอง
00:04:49 → 00:04:53 ไม่ให้ไปอยู่ในที่ที่มีความเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการชักได้ เช่น
00:04:53 → 00:04:55 การขับรถ หรือการขับเครื่องบิน
00:04:55 → 00:04:57 เพราะว่าถ้าชักเกิดขึ้นแล้ว
00:04:57 → 00:04:59 จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรืออันตรายต่อตัวเองได้ค่ะ
00:05:00 → 00:05:02 แล้วก็พยายามพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ
00:05:02 → 00:05:04 กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
00:05:04 → 00:05:06 ไม่เครียด วิตกกังวลนะคะ
00:05:06 → 00:05:08 สุดท้าย ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ด้วยค่ะ
00:05:08 → 00:05:15 [เสียงดนตรี]
00:05:15 → 00:05:18 ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมมาพบหมอกันนะคะ