00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้เนี่ยผมจะมาพูดเกี่ยว
00:00:02 → 00:00:05 ข้องกับเรื่องของเครื่องดื่มอย่างนึงซึ่ง
00:00:05 → 00:00:07 ผมคิดว่าหลายคนน่าจะชอบมากเลยนะครับนั่น
00:00:07 → 00:00:11 ก็คือชานมไข่มุกครับภาษาอังกฤษเราเรียก
00:00:11 → 00:00:14 มันว่า Bubble Tea หรือ boba TE นะครับ
00:00:14 → 00:00:17 แต่หลายคนนะครับก็คงจะไม่รู้นะครับว่าเอ๊
00:00:17 → 00:00:20 ชาเนี่ยมันมีที่มาที่ไปอย่างไรนะครับมัน
00:00:20 → 00:00:22 มีผลอะไรต่อสุขภาพของเรามยนอกจากเรื่อง
00:00:22 → 00:00:25 น้ำตาลที่หลายๆคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว
00:00:25 → 00:00:28 นะครับงั้นวันนี้เนี่ยผมจะเล่าให้ฟังถึง
00:00:28 → 00:00:30 รายละเอียดตั้งแต่ว่ามันทำมาได้ยังไงนะ
00:00:30 → 00:00:34 ครับแล้วมันมีผลอะไรมยต่อร่างกายรวมทั้ง
00:00:34 → 00:00:36 ถ้าเราจะกินมันให้ปลอดภัยหรือกินให้ได้
00:00:36 → 00:00:39 พลังงานแคลอรีที่ไม่สูงจนเกินไปนั้นมันมี
00:00:39 → 00:00:42 วิธีอย่างไรบ้างนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:42 → 00:00:44 แพทย์ธนีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:44 → 00:00:46 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:46 → 00:00:49 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับสำหรับชา
00:00:49 → 00:00:52 นมไข่มุกนะครับมันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศ
00:00:52 → 00:00:56 ไต้หวันครับแต่ก็มี 2 ทฤษฎีที่ออกมาค้าน
00:00:56 → 00:01:00 กันว่าใครกันแน่ที่เป็นคนคิดค้นชานมไข่
00:01:00 → 00:01:03 มุกนะครับเจ้าแรกที่ออกมาบอกว่าตัวเอง
00:01:03 → 00:01:07 เป็นคนคิดค้นชานมไข่มุกก็คือร้านชาชื่อ
00:01:07 → 00:01:11 ว่าชุนสุ่ยถังนะครับร้านนี้เนี่ยเขาก็บอก
00:01:11 → 00:01:13 ว่าสมัยก่อนนะครับที่ไต้หวันเนี่ยจะ
00:01:13 → 00:01:16 เสิร์ฟแต่ชาร้อนกาแฟร้อนแล้ววันนึงเจ้า
00:01:16 → 00:01:18 ของร้านไปเที่ยวญี่ปุ่นครับเเจอว่าที่
00:01:18 → 00:01:21 ญี่ปุ่นเนี่ยไม่มีแค่ชาร้อนกาแฟร้อนนะแต่
00:01:21 → 00:01:24 มันมีการเสิร์ฟกาแฟเย็นด้วยเฮ้ยเค้าก็เลย
00:01:24 → 00:01:28 เกิดไอเดียครับมาทำเป็นชาเย็นแทนที่จะ
00:01:28 → 00:01:32 เป็นชาร้อนนะฮะฮะแล้วหลังจากที่เคทำชา
00:01:32 → 00:01:34 เย็นขึ้นมาเนี่ยก็เป็นกระแสเลยครับที่
00:01:34 → 00:01:37 ไต้หวันเนี่ยกระแสชาเย็นก็ตามมาไม่ใช่ชา
00:01:37 → 00:01:40 เย็นของเหมือนประเทศไทยนะชาของชาของปกติ
00:01:40 → 00:01:43 นั่นแหละครับแต่ทำเป็นแบบเย็นนะฮะทีนี้
00:01:43 → 00:01:46 อยู่มาวันนึงครับเค้าก็เกิดอยากจะประชุม
00:01:46 → 00:01:51 นะฮะลูกน้องทั้งหมดแล้วก็ผู้จัดการแล้ว
00:01:51 → 00:01:54 เขาก็ไปเอาไข่มุกนี่แหละใส่เข้าไปในชาที่
00:01:54 → 00:01:57 เป็นชาเย็นแล้วเติมนมด้วยปรากฏว่ามัน
00:01:57 → 00:02:00 อร่อยคนก็ชอบหลังจากนั้นก็บูมกันเลยครับ
00:02:00 → 00:02:04 นะส่วนทฤษฎีที่ 2 เนี่ยก็มีการอ้างว่าอีก
00:02:04 → 00:02:06 ร้านหนึต่างหากล่ะที่เป็นคนคิดค้นชานมไข่
00:02:06 → 00:02:10 มุกนะครับร้านนั้นมีชื่อว่าฮัหลินนะครับ
00:02:10 → 00:02:13 ร้านฮัหลินทีเฮ้าส์นะครับร้านนี้เนี่ยเขา
00:02:13 → 00:02:16 ก็บอกว่าเค้านั่นแหละเป็นคนคิดค้นแล้วก็
00:02:16 → 00:02:19 ไอ้ตัวไข่มุกที่อยู่ข้างในเนี่ยตอนแรกมัน
00:02:19 → 00:02:22 เป็นสีขาวที่เขาทำขึ้นมานะครับเค้าก็ใช้
00:02:22 → 00:02:25 อ่าเหมือนเป็นขนมพื้นบ้านของทางไต้หวัน
00:02:25 → 00:02:28 น่ะเป็นคนมาทำจนปัจจุบันเนี้ยก็ยังเถียง
00:02:28 → 00:02:30 กันไม่จบว่าตกลง 2 ล้านนี้ร้านไหนเป็นคน
00:02:31 → 00:02:34 คิดค้นกันขึ้นมาแน่นะครับแต่แน่นอนครับ
00:02:34 → 00:02:37 กระแสของชานมไข่มุกเนี่ยมันดังมานานมากะ
00:02:37 → 00:02:39 เริ่มผลิตตั้งแต่ครั้งแรกเนี่ยน่าจะ
00:02:39 → 00:02:43 ประมาณปี 198 กว่าๆนะ 1986 1988 แถว
00:02:43 → 00:02:45 เนี้ยฮะยังไม่ชัดเจนว่าตกลงแล้วออกมาจาก
00:02:45 → 00:02:49 ร้านไหนนะครับแต่ว่าก็ประมาณนี้จนกระทั่ง
00:02:49 → 00:02:52 ตอนนี้นะครับกระแสมันดังฉุดไม่อยู่และถึง
00:02:52 → 00:02:55 ขั้นมีวัน National Bubble TE Day เลย
00:02:55 → 00:02:58 นะครับก็คือวันที่ 30 เมษายนของทุกปีจะ
00:02:58 → 00:03:02 ถือว่าเป็นวันชานมไข่มุกแห่งชาติของที่
00:03:02 → 00:03:04 ไต้หวันเลยนะครับมีการตั้งขึ้นมาขนาดนั้น
00:03:05 → 00:03:06 เลยนะ
00:03:06 → 00:03:10 ฮะแล้วไม่เพียงแค่นั้นครับรสชาติของตัว
00:03:10 → 00:03:12 ไข่มุกเนี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลงไปหลาย
00:03:12 → 00:03:16 ครั้งรวมทั้งผิวสัมผัสนะครับความเด้งดึ๋
00:03:16 → 00:03:19 ของมันเนี่ยทางไต้หวันเขาก็จะมีคำศัพท์
00:03:19 → 00:03:22 ของความเด้งอย่างเงี้ยเรียกว่าคิวตัว
00:03:22 → 00:03:25 อักษรคิวนี่แหละเขาจะเวลาเคี้ยวเข้าไปเรา
00:03:25 → 00:03:28 มันรู้สุกคิวๆดีคิวๆนี่คือมันจะนิ่มๆดึ๋ๆ
00:03:28 → 00:03:31 เหมือนแบบลูกชิ้นหมูเด้งอะไรเงี้ยฮะก็
00:03:31 → 00:03:32 ประมาณนั้นเป็นความรู้สึกอย่างนึ่งซึ่ง
00:03:33 → 00:03:35 ไต้หวันนะครับเขาก็ทำผมก็มีเพื่อนไต้หวัน
00:03:35 → 00:03:38 นะครับแล้วเขาก็ทำชานมไข่มุกกินเองที่
00:03:38 → 00:03:41 บ้านได้ด้วยนะฮะอันนี้ก็แสดงให้เห็นถึง
00:03:41 → 00:03:44 ว่าทางไต้หวันเนี่ยเขาให้ความสำคัญกับ
00:03:44 → 00:03:47 เรื่องนี้มากขนาดไหนนะครับอ่ะแต่ทีนี้มา
00:03:47 → 00:03:51 ดูดีกว่าว่าแล้วไอ้ตกลงนะครับตัวไข่มุก
00:03:51 → 00:03:54 เนี่ยเค้าทำมายังไงกันแน่นะครับก็ต้องตอบ
00:03:54 → 00:03:57 ว่ามันเริ่มมาจากรากของพืชชนิดหนึ่งชื่อ
00:03:57 → 00:04:01 ว่าคาานะครับเค้าทำบดมันออกมาเป็นแป้งนะ
00:04:01 → 00:04:03 ครับพอมันได้เป็นแป้งเนี่ยแป้งตัวนี้จะ
00:04:03 → 00:04:06 เรียกว่าเป็นทิก้า starch นะครับแล้วพอ
00:04:06 → 00:04:09 ได้แป้งมาเ้าก็เติมน้ำเข้าไปปั้นมันเป็น
00:04:09 → 00:04:11 ก้อนนะครับก็แล้วแต่ขนาดที่เราอยากได้
00:04:11 → 00:04:14 ส่วนใหญ่ก็ประมาณซักมีมีตั้งแต่แบบเล็กๆ
00:04:14 → 00:04:16 เล็กจิ๋วไปเลยจนกระทั่งประมาณ 8 มมอย่าง
00:04:17 → 00:04:19 ที่เรากินกันทั่วๆไปเนี่ยก็ประมาณ 8 มลม
00:04:19 → 00:04:22 นะครับเส้นผ่านศูนย์กลางนะครับแล้วพอ
00:04:22 → 00:04:25 เสร็จปุ๊บเนี่ยเค้าก็ต้มอีกทีนึงให้มัน
00:04:25 → 00:04:29 เป็นนิ่มๆนะฮะแล้วก็มีการเติมสีเติมกลิ่น
00:04:29 → 00:04:31 ครับคาราเมลเติมน้ำตาลอะไรเข้าไปนะครับ
00:04:31 → 00:04:34 ไซรับต่างๆเพื่อที่จะให้มันอร่อยเพิ่มมาก
00:04:34 → 00:04:36 ขึ้นนะครับดังนั้นอันเนี้ยเราจะเห็นได้
00:04:36 → 00:04:40 ว่ามันมีน้ำตาลนะครับอาจจะมีสีสันมี
00:04:40 → 00:04:42 คาราเมลมีอะไรขึ้นมาอีกเยอะแยะเลยนะครับ
00:04:42 → 00:04:44 แล้วถ้าให้ความร้อนมากเกินไปเนี่ยบางที
00:04:44 → 00:04:47 มันก็เกิดเป็นสารที่มันมีปัญหาได้เช่นสาร
00:04:47 → 00:04:50 กร่อมมะเร็งบางตัวนะครับถ้าต้มจนเกินไปนะ
00:04:50 → 00:04:54 ครับแต่ก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้นครับเพราะ
00:04:54 → 00:04:58 ว่าถ้าเราอยากจะเก็บไอ้ตัวไข่มุกเนี่ยให้
00:04:58 → 00:05:01 นานๆนะโดยที่มันไม่เสียไปซะก่อนมันไม่มัน
00:05:01 → 00:05:04 ไม่เละไปซะก่อนนะครับเค้าก็จะมีกระบวนการ
00:05:04 → 00:05:08 ครับใช้สารอลูมิเนียมอ่าอลูมิเนียมที่เรา
00:05:08 → 00:05:11 เจอนะอลูมิเนียมฟอยล์นะอลูมิเนียมต่างๆ
00:05:11 → 00:05:13 เนี่ยก็จะเป็นสารที่อ่าเราใช้กันนะครับ
00:05:13 → 00:05:17 ถ้าบางคนก็ใช้ตัวสารส้มเลยนี่แหละนะมันจะ
00:05:17 → 00:05:20 ทำให้ตัวไข่มุกเนี่ยนะครับมีความคงทนมี
00:05:20 → 00:05:23 ความเด้งนะครับแล้วก็ไม่เสียง่ายไม่เละ
00:05:23 → 00:05:25 ง่ายนะครับนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งเจอได้
00:05:25 → 00:05:29 นะครับแต่อีกอย่างนึงซึ่งสมัยก่อนเจอแต่
00:05:29 → 00:05:31 ตอนเนี้ยไม่ค่อยเจอแล้วเพราะว่ามันถือว่า
00:05:31 → 00:05:35 ผิดกฎหมายนั่นก็คือศา bx ครับอ่า bx ถ้า
00:05:35 → 00:05:38 อยู่ในประเทศไทยเนี่ยเด็กๆก็จะเคยโดนสอม
00:05:38 → 00:05:40 แล้วว่าลูกชิ้นที่ใส่บอแรกมันจะเป็นลูก
00:05:40 → 00:05:44 ชิ้นที่เด้งได้นะมันกรอบมันเด้งดึ๋นะครับ
00:05:44 → 00:05:46 แต่ว่ามันเป็นสารที่มีปัญหาต่อร่างกาย
00:05:46 → 00:05:48 ครับเกิดพิษต่างๆขึ้นมามากมายดังนั้น
00:05:48 → 00:05:51 เนี่ยทุกประเทศเขาก็เลยแบนไม่ให้ใช้ตัว
00:05:51 → 00:05:57 สารบอแรกอีกต่อไปแล้วถ้าเราไปเอาตัวเนี่ย
00:05:57 → 00:06:00 ไข่มุกมาจากที่ที่ใดที่หนึ่งที่เราไม่รู้
00:06:00 → 00:06:03 ที่มาที่ไปนะครับคุณก็ต้องระวังไว้ด้วย
00:06:03 → 00:06:05 เพราะว่าของพวกนั้นก็คือแปลว่าไม่ได้ถูก
00:06:05 → 00:06:08 การควบคุมโดยกฎหมายจริงมั้ยครับอ่านั่น
00:06:08 → 00:06:11 น่ะคือปัญหาใหญ่เลยนะทีนี้พอเรารู้แล้ว
00:06:11 → 00:06:15 ว่าไอ้ตัวโบบ้าหรือไอ้ไข่มุกเนี่ยมันทำ
00:06:15 → 00:06:19 ยังไงแล้วในแก้วแกหนึ่งมันมีอะไรอยู่ใน
00:06:19 → 00:06:22 นั้นบ้างแน่นอนนะครับปกติเรากินเราก็คง
00:06:22 → 00:06:24 ไม่กินแก้วเล็กๆคนส่วนใหญ่ชอบกินแก้วใหญ่
00:06:24 → 00:06:28 ๆสะใจแบบ 16 ออนไปเลยนะฮะก็จะมีตัวชานะ
00:06:28 → 00:06:31 ครับชาเนี่ยก็หลากหลายนะครับแล้วแต่ว่า
00:06:31 → 00:06:33 ใครจะเติมชาอะไรเดี๋ยวนี้มันก็มีชาทุก
00:06:33 → 00:06:38 ประเภทตั้งแต่ชาไทยชาจัสมินชาจีนชาอู่หลง
00:06:38 → 00:06:41 เยอะแยะไปหมดนะครับโฮจิฉะอะไรเงี้ยนะฮะก็
00:06:41 → 00:06:44 แล้วแต่ว่าคนชอบอะไรแล้วก็เติมนมเข้าไปใน
00:06:44 → 00:06:47 นั้นนะครับหลังจากเติมนมก็ไม่พอก็จะมีการ
00:06:47 → 00:06:50 เติมไอ้ตัวไข่มุกเข้าไปแล้วก็ความหวานก็
00:06:50 → 00:06:53 อาจจะมีการเติมน้ำเชื่อมน้ำตาลนะครับดัง
00:06:53 → 00:06:57 นั้นทั้งหมดเนี่ยมันมีอะไรที่เราต้องรู้
00:06:57 → 00:07:00 ว่ามันมีผลต่อสุขภาพบ้างเพราะว่าข้อแรก
00:07:00 → 00:07:04 ล่ะครับผลดีที่มีแน่ๆดีต่อใจครับมันอร่อย
00:07:04 → 00:07:06 นะครับอย่างผมกินเี่ผมก็ชอบมากนะมันอร่อย
00:07:06 → 00:07:08 มากเลยนะฮะแล้วถ้าจะให้ไม่กินมันเลยก็รู้
00:07:08 → 00:07:11 สึกอืยังไงยังไงอยู่ใช่มั้ยครับแต่ทีนี้
00:07:11 → 00:07:13 เนี่ยเราก็ต้องมาเข้าใจก่อนนะครับว่ามัน
00:07:13 → 00:07:16 มีผลเสียอะไรต่อร่างกายไหมเพราะผมรู้เลย
00:07:16 → 00:07:18 นะครับว่าเด็กๆสมัยก่อนเนี่ยไม่มีใครรู้
00:07:18 → 00:07:22 หรอกครับว่าไอ้เนี่ยมันไม่ดีมันกินแล้ว
00:07:22 → 00:07:24 มันมีปัญหามันกินแล้วมันมีน้ำตาลหรือมี
00:07:24 → 00:07:26 สารอย่างอื่นปนเปื้อนนะครับเด็กทุกคนน่ะ
00:07:26 → 00:07:28 สมัยผมตอนเด็กๆผมก็คิดว่าเออชายนมไข่มุก
00:07:28 → 00:07:31 เนี่ยมันไม่ได้มีปัญหาอะไรจากสุขภาพหรอก
00:07:31 → 00:07:34 เราก็กินไปดีกว่าอร่อยดีใช่มยฮะเหมือนกับ
00:07:34 → 00:07:36 ขนมอย่างอื่นทั่วไปเนี่ยก็เอ้อมันก็อร่อย
00:07:36 → 00:07:40 ดีมันไม่น่ามีปัญหาแต่ลองมาดูครับชานมไข่
00:07:40 → 00:07:44 มุกเนี่ยแก้วนึงนะครับโดยประมาณเนี่ยมี
00:07:44 → 00:07:46 แคลอรี่ประมาณ 300 กิล
00:07:46 → 00:07:49 แคลอรีแล้วบางยี่ห้อถ้าเรามีการเติมความ
00:07:49 → 00:07:52 หวานนะครับหรือเรากินขนาดเยอะหรือไอ้ตัว
00:07:52 → 00:07:55 ไข่มุกเนี่ยมีการเสริมพวกน้ำตาลอะไรเข้า
00:07:55 → 00:07:57 ไปเยอะเนี่ยนะครับมันอาจจะสูงถึงเกือบ
00:07:57 → 00:08:01 1,000 กิโลแคลอรีเลยก็ได้นะครับถ้าพูด
00:08:01 → 00:08:03 อย่างเงี้ยบางคนก็ไม่เห็นภาพเอ๊ะ 300 ก
00:08:03 → 00:08:06 แคลอรี่มันคืออะไรนะครับเอาง่ายๆคุณวิ่ง
00:08:06 → 00:08:08 ด้วยความเร็วปานกลางสักชั่วโมงนึงอ่ะเอ้ย
00:08:08 → 00:08:11 สักครึ่งชั่วโมงคุณจะวิ่งได้ 300 กิ
00:08:11 → 00:08:14 แคลอรี่ถ้าคุณเร่งไปกว่านั้นก็โอเคอาจจะ
00:08:14 → 00:08:16 วิ่งแค่ 20 นาทีก็ได้ 300 กิแคลอรี่นะ
00:08:17 → 00:08:20 ครับแต่ถ้า 1,000 นึงล่ะโน่นคุณวิ่งไปเลย
00:08:20 → 00:08:25 ครับ 10 กว่ากิโลคุณถึงจะเผาผลาญหมด 1,000
00:08:25 → 00:08:28 กิแคลอรี่นะครับดังนั้นเนี่ยสิ่งที่คุณจะ
00:08:28 → 00:08:31 ต้องรู้เลยก็คือคือปริมาณแคลอรี่ในชานม
00:08:31 → 00:08:35 ไข่มุกเนี่ยมันสูงมากๆนะครับที่สำคัญ
00:08:35 → 00:08:38 แคลอรี่เกือบทั้งหมดมันมาจากน้ำตาลครับ
00:08:38 → 00:08:41 น้ำตาลล้วนๆเลยนะฮะดังนั้นคนที่เป็นเบา
00:08:41 → 00:08:45 หวานคนที่เป็นโรคอ้วนนะครับก็จะมีปัญหา
00:08:45 → 00:08:48 จากการที่ได้รับน้ำตาลพวกนี้เข้าไปในร่าง
00:08:48 → 00:08:50 กายได้นะครับคนที่มีไขมันพอกตับคนที่มี
00:08:50 → 00:08:54 ไตรกิลด์สูงน้ำตาลพวกเนี้ยมันก็ถ้ามันมี
00:08:54 → 00:08:56 ความเยอะเกินไปมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปเป็น
00:08:56 → 00:08:59 ไตรกีสาายในร่างกายเราไปสะสมตามที่ต่างๆ
00:08:59 → 00:09:02 ได้แล้วก็ก่อโรคต่างๆขึ้นมานะครับดังนั้น
00:09:02 → 00:09:05 เราต้องรู้ก่อนว่าไอ้น้ำตาลพวกเนี้ยมันมี
00:09:05 → 00:09:08 ปัญหาได้นะครับแต่ก็ไม่เพียงแค่นั้นครับ
00:09:08 → 00:09:12 เมื่อตะกี้ผมบอกแล้วใช่มั้ยครับว่ามันมี
00:09:12 → 00:09:16 อลูมิเนียมได้อยู่ในนั้นนะครับอลูมิเนียม
00:09:16 → 00:09:19 เนี่ยนะครับถ้ามันมีปริมาณที่เยอะเกินมัน
00:09:19 → 00:09:22 ก็จะก่อโรคต่างๆเช่นเอ่อเยอะเกินนี่ไม่
00:09:22 → 00:09:24 ได้หมายความว่าท่านได้รับจากการกินแก้วนึ
00:09:25 → 00:09:27 นะเยอะไม่ไม่เยอะนะครับไม่เยอะแต่ถ้าเกิด
00:09:27 → 00:09:29 กินแก้วนึงอ่ะประจำกินทุกวันแบเป็น
00:09:29 → 00:09:31 พนักงานออฟฟิศลงมาตอนพักก็ต้องมาซื้อไอ้
00:09:31 → 00:09:34 เนี่ยกินทุกพักเลยอย่างเงี้ยไอย่างเงี้มี
00:09:34 → 00:09:36 โอกาสเกินได้นะครับเกินแล้วการได้
00:09:36 → 00:09:39 อลูมิเนียมเกินไปในร่างกายเกิดอะไรขึ้น
00:09:39 → 00:09:42 ข้อแรกนะครับมันสามารถเข้าสู่สมองของเรา
00:09:42 → 00:09:45 ได้แล้วก็มีความเกี่ยวข้องกับการเสื่อม
00:09:45 → 00:09:48 ของระบบประสาทอาจจะเจอความเสื่อมทางระบบ
00:09:48 → 00:09:51 ประสาทจนถึงขั้นมีอัลไซเมอร์มีพิสันมี
00:09:51 → 00:09:54 ปัญหาทางด้านความคิดความจำความอ่านก็ได้
00:09:54 → 00:09:57 นะครับอันนี้คือหนึ่งในปัญหาที่เรารู้ว่า
00:09:57 → 00:10:01 มันสามารถทำให้เกิดปัญหากับระบบประสาทได้
00:10:01 → 00:10:05 ต่อมามันสามารถทำให้กระดูกของเรามีปัญหา
00:10:05 → 00:10:09 ได้ครับนะฮะมันขัดขวางกระบวนการที่กระดูก
00:10:09 → 00:10:12 น่ะมันจะต้องเสริมแร่ธาตุพวกแคลเซียมอ่า
00:10:12 → 00:10:14 ฟอสฟอรัสแมกนีเซียมอะไรเข้าไปในตัวกระดูก
00:10:14 → 00:10:17 เนี่ยอลูมิเนียมจะไปขัดขวางกระบวนพวกนี้
00:10:17 → 00:10:20 นะครับทำให้ทางกระดูกของเราเนี่ยมีเกิด
00:10:20 → 00:10:24 กระดูกบางได้นะครับกระดูกบางหรือถ้ามัน
00:10:25 → 00:10:27 มันแย่มากๆก็แย่ได้เลยนะครับแล้วกระดูก
00:10:27 → 00:10:29 บางนี่ไม่ใช่กระดูกบางธรรมดานะครับครับ
00:10:29 → 00:10:32 มันเป็นกระดูกบางแบบปวดได้ด้วยนะครับอ่า
00:10:32 → 00:10:34 เป็นเป็นปวดได้ด้วยนะฮะนี้ก็คือเป็นสิ่ง
00:10:34 → 00:10:37 ที่เราต้องรู้ถ้าเรากินมันระยะยาวนะครับ
00:10:37 → 00:10:42 อย่างที่ 3 ครับคือมันจะทำให้เกิดโลหิต
00:10:42 → 00:10:45 จางได้อ่าอลูมิเนียมเทำให้เกิดโลหิตจางนะ
00:10:45 → 00:10:47 ครับถ้าเป็นทางการแพทย์เราก็จะบอกว่า
00:10:47 → 00:10:50 โลหิตจางมันมีการแบ่งตามขนาดของเม็ดเลือด
00:10:50 → 00:10:54 นะครับใหญ่นะครับขนาดปกติและขนาดเล็กนะ
00:10:54 → 00:10:58 ครับขนาดเล็กเนี่ยเป็นขนาดที่เราเรียกว่า
00:10:58 → 00:11:01 microcytic อนีเมียไมโครคือเล็ก cic คือ
00:11:01 → 00:11:03 ไตคือเซลล์นะครับไมคร site microcytic
00:11:03 → 00:11:05 ก็คือเซลล์เล็กนะครับอนีเมียก็แปลว่า
00:11:05 → 00:11:08 โลหิตจางนะครับถ้าเราได้รับอลูมิเนียม
00:11:08 → 00:11:12 เป็นระยะเวลานานนะครับมันจะทำให้เราเกิด
00:11:12 → 00:11:15 โลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงเล็กและโดยทั่ว
00:11:15 → 00:11:18 ไปเวลาเราเจอโลหิตจางชนิดเม็ดเลื่องแดง
00:11:18 → 00:11:21 เล็กเนี่ยเรามักจะคิดถึง 2 โรคหลักๆโรค
00:11:21 → 00:11:25 แรกซีเมียครับโรคที่ 2 ขาดธาตุเหล็กครับ
00:11:25 → 00:11:28 นะแต่ว่าเวลาเราดูสไลด์เนี่ยเราจะรู้เลย
00:11:28 → 00:11:31 ว่าโอ๊ยเนี่ยมันไม่ใช่ซีเมนแน่ๆนะครับหมอ
00:11:31 → 00:11:34 เจะดูเป็นนะครับก็ตัดออกไปได้อ่ะแต่ถ้า
00:11:34 → 00:11:36 เกิดว่ามันเป็นธาตุเหล็กล่ะมันแยกกันไม่
00:11:36 → 00:11:40 ออกครับกับพิษจากอลูมิเนียมระยะเรื้อรัง
00:11:40 → 00:11:43 ทีนี้แหละครับส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเราเจอเมเล
00:11:43 → 00:11:46 แดงขนาดขนาดเล็กแล้วเราไปตรวจดูธาตุเหล็ก
00:11:46 → 00:11:48 ทุกอย่างจะปกติหมดครับคุณให้ธาตุเหล็ก
00:11:48 → 00:11:51 เสริมเข้าไปมันก็ไม่หายครับงั้นบางคน
00:11:51 → 00:11:53 เนี่ยเคยมาสอบถามผมว่าเอ๊ะเราเป็นโลหิต
00:11:53 → 00:11:56 จางเราจะต้องกินอะไรเราจะต้องกินอ่า
00:11:56 → 00:11:58 วิตามินตัวไหนเสริมต้องกินธาตุเหล็กมั้ย
00:11:58 → 00:12:01 กินโฟเลตมมั้ยนะครับกินวิตามิน B12 มั้ย
00:12:01 → 00:12:04 มันถึงจะหายลงอจางผมก็ต้องบอกว่าคุณต้อง
00:12:04 → 00:12:06 รู้ก่อนว่าทำไมมันถึงเป็นครับไม่ฉะนั้น
00:12:06 → 00:12:08 เนี่ยคุณกินไปก็อาจจะมีโอกาสไม่หายอะไร
00:12:08 → 00:12:12 เลยก็ได้นะครับอย่างกรณีได้อลูมิเนียม
00:12:12 → 00:12:15 เยอะเกินไปเนี่ยก็คุณกินธาตุเหล็กกิน
00:12:15 → 00:12:17 วิตามิน B 122 กินโฟดกินทุกอย่างไม่มี
00:12:17 → 00:12:19 ทางหายครับคุณต้องหยุดอลูมิเนียมไปเท่า
00:12:19 → 00:12:21 นั้นแหละต้องหยุดไประยะเวลานานๆเลยมันก็
00:12:21 → 00:12:24 ขึ้นอยู่กับว่าคุณสะสมในร่างกายของคุณมา
00:12:24 → 00:12:25 นานเท่าไหร่นะ
00:12:25 → 00:12:29 ครับแล้วก็คนที่มีความเสี่ยงสูง
00:12:29 → 00:12:33 กับการดื่มชานมไข่มุกเข้าไปมากๆนอกเหนือ
00:12:33 → 00:12:36 จากพวกที่เป็นเบาหวานไขมันพอกตับโรคอ้วน
00:12:36 → 00:12:39 อะไรพวกนี้แล้วนะฮะโรคไต
00:12:39 → 00:12:44 ครับถามว่าทำไมถ้าคุณบังเอิญไปได้ตัวไข่
00:12:44 → 00:12:46 มุกที่มันมีกระบวนการทำที่มันมีปนเปื้อน
00:12:46 → 00:12:49 อลูมิเนียมนะครับคนที่เป็นโรคไตเนี่ยมัน
00:12:49 → 00:12:52 จะขับอลูมิเนียมออกไม่ค่อยได้เพราะว่า
00:12:52 → 00:12:54 อลูมิเนียมจะต้องขับออกทางไตครับแล้วถ้า
00:12:54 → 00:12:56 มันมีปัญหาโรคไตอยู่แล้วเนี่ยมันขับไม่
00:12:56 → 00:12:59 ออกดังนั้นปัญหาเมื่อตะกี้ที่พูดเป็นทั้ง
00:12:59 → 00:13:02 หมดเนี่ยเช่นอ่ามีปัญหาต่อสมองนะครับมี
00:13:02 → 00:13:04 ปัญหาต่อระบบเลือดมีปัญหาต่อระบบกระดูก
00:13:04 → 00:13:07 มันจะยิ่งเป็นง่ายขึ้นแล้วคนที่เป็นโรคไต
00:13:07 → 00:13:09 เนี่ยมันเป็นโรคทางกระดูกง่ายขึ้นอยู่
00:13:09 → 00:13:12 แล้วด้วยตัวมันเองนะครับอ่าผมก็เคยพูดไว้
00:13:12 → 00:13:14 แล้วในคลิปเรื่องโรคไตเรื้อรังนะครับถ้า
00:13:15 → 00:13:17 ใครจำไม่ได้ก็ลองกลับไปฟังดูนะครับเพราะ
00:13:17 → 00:13:19 ว่าโรคไตเนี่ยมันมีปัญหาตั้งแต่การผลิต
00:13:19 → 00:13:21 วิตามินดีเรื่องของแคลเซียมเรื่องของอะไร
00:13:21 → 00:13:24 หลายๆอย่างนะครับก็ทำให้กระดูกมันมีแนว
00:13:24 → 00:13:27 โน้มที่จะแย่อยู่แล้วนะฮะถ้าเจอปัญหา
00:13:27 → 00:13:31 เรื่องนี้เข้าไปอีกเนี่ยก็นะครับแย่เลยนะ
00:13:31 → 00:13:33 ดังนั้นคนที่เป็นโรคไตนะครับก็ต้องระมัด
00:13:33 → 00:13:36 ระวังอย่าดื่มชานมไข่มุกมากขนาดนั้นนะฮะ
00:13:36 → 00:13:39 บางคนก็สอบถามอโรคไตมี 5 ระยะระยะไหนที่
00:13:39 → 00:13:42 ดื่มไม่ได้คือเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่คุณ
00:13:42 → 00:13:45 เริ่มต้นระยะที่ 3 เป็นต้นไปแล้วเนี่ย
00:13:45 → 00:13:47 ต้องมีความระมัดระวังมากกว่านะครับเพราะ
00:13:47 → 00:13:49 ว่าระยะที่ 1 กับ 2 เนี่ยส่วนใหญ่มันจะ
00:13:49 → 00:13:50 ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่หรอกถ้าเราดู
00:13:51 → 00:13:53 แลตัวเองดีๆมันก็ไม่ได้กลายไปเป็นระยะ 3
00:13:53 → 00:13:55 และระยะ 4 หรือ 5 นะครับดังนั้นอันเนี้ย
00:13:55 → 00:13:59 ก็ต้องบอกไว้ให้ชัดเจนก่อนว่ามันมีปัญญหา
00:13:59 → 00:14:03 อะไรได้บ้างนะครับสำหรับชานมไข่มุกอ่ะเรา
00:14:03 → 00:14:07 รู้แล้วแหละว่ามันมันไม่ดียังไงแต่มัน
00:14:07 → 00:14:11 อร่อยอ่ะมันอร่อยเราจะมีวิธีกินมันยังไง
00:14:11 → 00:14:16 ให้ปลอดภัยไนะครับประการแรกเลยนะฮะถ้าเรา
00:14:16 → 00:14:20 จะกินของหวานส่วนตัวผมผมก็มีวิธีบางอย่าง
00:14:20 → 00:14:23 ของตัวเองเหมือนกันคือผมจะเลือกกินหลัง
00:14:23 → 00:14:27 จากออกกำลังกายครับถามว่าทำไมแล้วบางคนก็
00:14:27 → 00:14:29 บอกว่าอุ๊ยเสียดายอุตส่าห์ไปออกกำลังกาย
00:14:29 → 00:14:31 เบิร์นมาตั้งหลายแคลอรี่เนี่ยต้องกินชานม
00:14:31 → 00:14:34 ไข่มุกเข้าไปก็เหมือนกับไอ้เมื่อกี้ไม่
00:14:34 → 00:14:37 ได้ทำอะไรเลยสิอืมันก็ใช่ส่วนหนึ่งนะครับ
00:14:37 → 00:14:40 แต่อะไรรู้มยครับเวลาที่เราออกกำลังกาย
00:14:40 → 00:14:42 เยอะๆเนี่ยครับโดยเฉพาะเวลาที่เราเล่นเวท
00:14:42 → 00:14:45 หนังๆเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับหลังจาก
00:14:45 → 00:14:47 ที่เราออกกำลังกายเสร็จเนี่ยช่วงนั้นนี่
00:14:47 → 00:14:48 แหละมันจะเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อต้องการ
00:14:48 → 00:14:52 น้ำตาลสูงที่สุดแล้วมันก็จะมีช่องทาง
00:14:52 → 00:14:55 อย่างนึงเราเรียกว่าเป็น gul 4 นะครับ GR
00:14:55 → 00:14:59 4 นะครับเป็น glucose Transporter 4
00:14:59 → 00:15:01 มันเป็นช่องให้น้ำตาลผ่านไอ้ช่องเนี้ยจะ
00:15:01 → 00:15:04 มีปริมาณมากๆมากเยอะเลยแหละหลังจากที่เรา
00:15:04 → 00:15:07 ออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆดังนั้นเนี่ยน้ำตาล
00:15:07 → 00:15:08 ที่เรากินเข้าไปแล้วดูดซึมเข้าสู่กระแส
00:15:08 → 00:15:10 เลือดน่ะมันจะผ่านช่องทางเเข้าไปในกล้าม
00:15:10 → 00:15:13 เนื้อได้ดีมากขึ้นแล้วส่วนน้ำตาลที่มัน
00:15:13 → 00:15:16 ยังหลงเหลืออยู่ในอ่าระดบเลือดของเรา
00:15:16 → 00:15:18 เนี่ยมันก็จะไปกระตุ้นอินซูลินซึ่งบางคน
00:15:18 → 00:15:20 ไม่ชอบอินซูลินบอกเฮ้ยกระตุ้นอินซูลิน
00:15:20 → 00:15:21 เดี๋ยวเราจะเป็นเบาหวานอะไรขนาดนั้นหรือ
00:15:21 → 00:15:24 เปล่าจะดื้ออินซูลินหรรือเปล่าอ่าแต่
00:15:24 → 00:15:27 สำหรับคนที่เล่นเวทนะครับเล่นกล้ามก็คงจะ
00:15:27 → 00:15:30 เคยได้ยินนักกล้ามบางคนทำไมฉีดอินซูลิน
00:15:31 → 00:15:33 เออน้ากล้ามเไม่ได้เป็นเบาหวานนะครับแต่
00:15:33 → 00:15:37 ก็ฉีดอินซูลินฉีดทำไมเพราะว่าอินซูลิน
00:15:37 → 00:15:39 เนี่ยมันทำให้กล้ามเนื้อมันมีขนาดโตขึ้น
00:15:39 → 00:15:43 ได้ครับนมันเป็นสารประเภทอนาบอลิคชนิด
00:15:43 → 00:15:46 หนึ่งที่ทำให้อวัยวะต่างๆมีขนาดใหญ่ขึ้น
00:15:46 → 00:15:48 รวมทั้งกล้ามเนื้อนี้ด้วยนะครับทีนี้
00:15:48 → 00:15:51 เนี่ยถ้าเราไปกระตุ้นอินซูลินหลังจากที่
00:15:51 → 00:15:54 เราเล่นเวทมาใหม่ๆเนี่ยสำหรับผมนะข้อแรก
00:15:54 → 00:15:56 มันเอาน้ำตาลเข้าไปในเซลล์กล้ามเนื้อได้
00:15:56 → 00:15:58 เร็วมากขึ้นอยู่แล้วด้วยตัวมันเองข้อที่ 2
00:15:58 → 00:16:00 ก็คือมีการกระตุ้นอินซูลินทำให้กล้าม
00:16:00 → 00:16:02 เนื้อของเรามีโอกาสโตมากขึ้นได้แต่ทั้ง
00:16:02 → 00:16:05 หมดที่ผมพูดมาเนี่ยยังเป็นแค่ทฤษฎีที่ผม
00:16:05 → 00:16:08 คิดขึ้นมาแล้วก็จากการที่เข้าใจในเรื่อง
00:16:08 → 00:16:10 ระบบกลไกของร่างกายมากๆเท่านั้นเองผมก็
00:16:10 → 00:16:13 เลยทำแบบนี้นะครับแล้วก็อย่างน้อยไปกิน
00:16:13 → 00:16:15 หลังจากที่เราออกกำลังกายเสร็จมันก็ดี
00:16:15 → 00:16:17 กว่าการที่คุณกินแล้วก็ไม่ออกกำลังกายเลย
00:16:17 → 00:16:21 แน่ๆนะครับอ่ะอันนี้ประการแรกนะประการที่
00:16:21 → 00:16:25 2 แน่นอนว่าควรจะลดความถี่ในการกินถ้า
00:16:25 → 00:16:28 คุณกินทุกวันอ่ะมันมีปัญหาแน่ๆมันสะสมใน
00:16:28 → 00:16:30 ร่างกายการที่คุณไม่ได้กินทุกวันเช่นคุณ
00:16:30 → 00:16:33 กินอาทิตย์ละครั้งนึงเนี่ยมันดียังไงนอก
00:16:33 → 00:16:36 เหนือจากการที่คุณจะลดปริมาณแคลอรี่ลด
00:16:36 → 00:16:40 ปริมาณสารต่างๆที่มันไม่ดีมันมีอีกอย่าง
00:16:40 → 00:16:43 นึงครับมันเหมือนคุณให้รางวัลชีวิตตัวเอง
00:16:43 → 00:16:45 ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาในคุณไม่ได้กินเลยนะ
00:16:45 → 00:16:49 ครับคุณอดทนคุณต้องฝ่าฟันความยากลำบากคุณ
00:16:49 → 00:16:51 อยากกินมันมากๆแล้วสุดท้ายมาถึงวันที่คุณ
00:16:51 → 00:16:53 ให้รางวัลตัวเองคุณกินมันเข้าไปมันจะรู้
00:16:54 → 00:16:55 สึกเหมือนว่าไอ้ชานมไข่มุกเนี่ยอื้อหือ
00:16:55 → 00:16:57 มันเป็นสุดยอดมันได้รางวัลที่อย่างดีแต่
00:16:57 → 00:16:59 คุณลองคิดดูสิครับถ้าคุณได้รางวัลแบบ
00:17:00 → 00:17:02 เนี้ยทุกวันไปเรื่อยๆเนี่ยสักวันนึงคุณก็
00:17:02 → 00:17:05 ต้องเบื่อนะครับสักวันนึงคุณก็ต้องกินมัน
00:17:05 → 00:17:07 2 แก้วเพราะแก้วเดียวมันไม่ได้ให้ความ
00:17:07 → 00:17:11 รู้สึกมีรางวัลขนาดนั้นแล้วสักวันนึงคุณ
00:17:11 → 00:17:13 ก็อาจจะต้องเติมอะไรเข้าไปในนั้นนะน้ำตาล
00:17:13 → 00:17:17 ขอเพิ่มเลยจากหวาน 25% ขอเป็นหวาน 125%
00:17:17 → 00:17:19 ไปเลยอย่างเงี้ยบางคนก็จะกลายเป็นแบบนั้น
00:17:19 → 00:17:23 ขึ้นมานะครับอ่ะประการที่ 3 สิ่งที่คุณทำ
00:17:23 → 00:17:28 ได้นะครับคือลองเลือกลองเลือกร้านที่คุณ
00:17:28 → 00:17:30 สามารถปรับเปลี่ยนของที่อยู่ข้างในได้นะ
00:17:30 → 00:17:33 ครับอ่าถ้าช้าแล้วคุณอยากจะใส่นมเข้าไป
00:17:33 → 00:17:35 คุณก็ลองเลือกนมชนิดอื่นที่ไม่ใช่นม
00:17:35 → 00:17:37 ธรรมดาเพราะว่านมธรรมดามันก็มีไขมันอยู่
00:17:37 → 00:17:39 ในนั้นนะมีแคลอรีอยู่ในนั้นนะฮะถ้าคุณ
00:17:39 → 00:17:41 เป็นนมพืชนมอะไรสักอย่างเนี่ยโอเคมันอาจ
00:17:41 → 00:17:44 จะไม่ได้อร่อยเท่านะแต่ว่ามันก็จะมีความ
00:17:44 → 00:17:49 อ่าดีต่อสุขภาพมากขึ้นหน่อยส่วนไอ้ตัวไข่
00:17:49 → 00:17:52 มุกเนี่ยคุณสามารถเลือกไข่มุกชนิดอื่นได้
00:17:52 → 00:17:55 นะครับที่มีแคลอรีต่ำเช่นไข่มุกที่มาจาก
00:17:55 → 00:17:59 ตัวผงบุกนะครับมันก็จะทำผงบุกมาเป็นเป็น
00:17:59 → 00:18:02 เม็ดไข่มุกเหมือนกันตัวเนี้ยก็จะแคลอรี่
00:18:02 → 00:18:05 ต่ำนะครับต่อมาที่แคลอรี่ต่ำอีกอันนึงก็
00:18:05 → 00:18:09 จะเป็นตัววาดอาหางจระเข้แล้วก็ตัวเฉาก๊วย
00:18:09 → 00:18:12 3 อันเนี้ยมันมันต่ำเรียงลำลำดับนะบุก
00:18:12 → 00:18:16 เนี่ยต่ำสุดแน่ๆนะครับแล้วก็อ่าลองลงมา
00:18:16 → 00:18:19 ที่มีแคลอรีสูงกว่านั้นนิดนึงนะครับก็
00:18:19 → 00:18:23 เป็นตัวอโลเวราก็คือตัวอ่าว่านหางจระเข้
00:18:23 → 00:18:25 ถ้าสูงขึ้นมาอีกหน่อยนึงก็จะเป็นเรื่อง
00:18:25 → 00:18:27 ของเฉาก๊วยแล้วแต่ก็แน่นอนครับบางคนก็จะ
00:18:27 → 00:18:29 บอกว่าอจะไปรู้ได้ว่าร้านเคเติมน้ำตาลลง
00:18:29 → 00:18:31 ไปในนั้นหรือเปล่าอันนี้ก็ตอบไม่ได้แล้ว
00:18:31 → 00:18:33 ครับแต่ว่าถ้าเค้าไม่เติมน้ำตาลเนี่ยมัน
00:18:33 → 00:18:36 ก็เรียงตามนี้ในเรื่องของแคลอรีที่เรามี
00:18:36 → 00:18:38 นะครับอ่าอันนี้เป็นสิ่งที่เราทำ
00:18:38 → 00:18:42 ได้แต่เราไม่มีทางรู้นะครับว่าถ้าเรา
00:18:42 → 00:18:45 เลือกไข่มุกแบบดั้งเดิมเนี่ยมันจะมีการ
00:18:45 → 00:18:48 เติมผสมอลูมิเนียมเข้ามาเท่าไหร่ตอบไม่
00:18:48 → 00:18:52 ได้เลยนะอ่าแต่โอเคถ้าดีที่สุดแล้วเรายัง
00:18:52 → 00:18:54 อยากจะกินอีกแล้วเราไม่อยากจะได้อะไรพวก
00:18:54 → 00:18:57 นี้เลยคุณทำเองเลยครับคุณทำเองที่บ้านคุณ
00:18:57 → 00:18:59 ต้มไข่มุกเองคุณจะได้รู้ว่าคุณไม่ต้องใส่
00:18:59 → 00:19:01 อลูมิเนียมคุณทำเสร็จใหม่ๆแล้วก็เออเอาไป
00:19:01 → 00:19:04 ใส่ในชาของคุณคุณก็เลือกนมเองได้เลือกชา
00:19:04 → 00:19:07 เองได้นะครับถ้าเกิดบางคนไปเจออ้าวโออัน
00:19:07 → 00:19:11 นี้มันชาชาไทยหืส้มเลยมันมีสาร Sunset
00:19:11 → 00:19:13 Yellow ที่ผมเล่าไปแล้วใช่มั้ยฮะถ้าคุณ
00:19:13 → 00:19:15 กินเยอะๆอ่ามีปัญหาอีกนะครับแต่ที่นี้คุณ
00:19:15 → 00:19:18 ทำเองคุณก็เลือกชาไทยที่มันไม่ส้มได้ใช่
00:19:18 → 00:19:21 มยครับคุณก็เลือกชาทุกอย่างที่คุณอยากได้
00:19:21 → 00:19:24 คุณเอาชาตัวไหนมาที่คุณรู้ว่าแหล่งที่มา
00:19:24 → 00:19:26 มันเป็นยังไงนะครับไม่มีสารปนเปื้อนแน่ๆ
00:19:27 → 00:19:29 นะครับไม่มีโลหะหนักแน่ๆอ่ะคุณเลือกของ
00:19:29 → 00:19:32 คุณเองเลยอันเนี้ยปลอดภัยที่สุดแล้วแหละ
00:19:32 → 00:19:34 เท่าที่ผมจะคิดได้อันนั้นถ้าคุณจะกินจริง
00:19:34 → 00:19:37 ๆนะแล้วก็แน่นอนครับการเติมน้ำตาลเข้าไป
00:19:37 → 00:19:39 ในนั้นก็เป็นการเพิ่มเติมแคลอรีให้กับ
00:19:39 → 00:19:42 ร่างกายของคุณเองนะนั้นก็ต้องระวังในส่วน
00:19:42 → 00:19:46 นี้นะครับงั้นอันนี้คือทั้งหมดของชานมไข่
00:19:46 → 00:19:48 มุกนะครับที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์
00:19:48 → 00:19:51 กับหลายๆคนที่คิดจะกินมันต่อไปนะครับหรือ
00:19:51 → 00:19:54 ว่าอยากจะกินแต่ว่าตอนนี้น้ำหนักตัวเยอะ
00:19:54 → 00:19:56 แล้วจะทำยังไงดีกินยังไงให้ให้มันได้
00:19:56 → 00:19:59 ประโยชน์นะครับแล้วก็คนที่เป็นโรคตคนที่
00:19:59 → 00:20:01 มีเบาหวานไขมันสูงอะไรพวกเอาจจะต้องมี
00:20:01 → 00:20:05 ความระมัดระวังในการดื่มชานงไขมุกบ่อยๆนะ
00:20:05 → 00:20:08 ครับอ่าโอเควันนี้ผมก็หวังว่าพวกนี้จะ
00:20:08 → 00:20:11 เป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะครับเรารู้ที่มา
00:20:11 → 00:20:13 ที่ไปมันมายังไงแล้วนะครับมาจากไต้หวัน
00:20:13 → 00:20:16 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะแล้วก็รู้ด้วยอีกซ้ำไป
00:20:16 → 00:20:19 นะครับว่าเอ่อมีวันที่ 30 เมษายนดันเป็น
00:20:19 → 00:20:23 วันชานมไข่มุกแห่งชาติโอ้โหอันนี้แบบดูผม
00:20:23 → 00:20:25 ก็เพิ่งเคยได้ยินอันนี้แต่ตลกดีเหมือนกัน
00:20:25 → 00:20:27 นะครับโอเควันนี้ก็เท่านี้แล้วกันนะครับ
00:20:27 → 00:20:29 ถ้าใครมีอะไรสงสัยก็สสอบถามมานะครับ
00:20:29 → 00:20:33 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ