00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปริปและนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:22 คุณผู้ฟังครับในเวลาที่เราจะต้องมี
00:00:22 → 00:00:26 ปฏิสัมพันธ์เราต้องพบปะเจอะเจอกับผู้คน
00:00:26 → 00:00:30 อีกมากมายนะครับถ้าให้เลือกระหว่างคนที่
00:00:30 → 00:00:34 มีเหตุผลกับคนที่ไม่มีเหตุผลพี่อ้อยเลือก
00:00:34 → 00:00:38 คนแบบไหนครับก็ต้องเลือกคนมีเหตุผลแล้ว
00:00:38 → 00:00:42 คุณผู้ฟังทุกคนก็ต้องเลือกแบบเดียวกันนี่
00:00:42 → 00:00:45 แหละใช่แต่ว่าหลายครั้งครับพี่อ้อยคุณผู้
00:00:45 → 00:00:50 ฟังครับผมไปเจอคนบางประเภทครับเป็นคนที่
00:00:50 → 00:00:53 มีเหตุผลเหรอ
00:00:53 → 00:00:56 [เพลง]
00:00:56 → 00:01:10 ใช่
00:01:10 → 00:01:13 มันไม่ใช่เหตุผลจริงๆหรือเปล่าอะไรอย่าง
00:01:13 → 00:01:17 นี้ใช่ไหมใช่ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยบางครั้ง
00:01:17 → 00:01:19 เนี่ยเราดูเหมือนว่าเราต้องใช้คำว่าดู
00:01:19 → 00:01:20 เหมือนมีเหตุผล
00:01:21 → 00:01:23 คือจริงๆแล้วเนี่ยมีความเชื่อว่าอย่างนี้
00:01:23 → 00:01:28 ค่ะพี่บีเชื่อว่าคนเราอ่ะจะตัดสินใจทำ
00:01:28 → 00:01:30 อะไรบางอย่าง
00:01:30 → 00:01:35 มันจะต้องมีเหตุผลที่ที่สนับสนุนว่าตกลง
00:01:35 → 00:01:37 ฉันตัดสินใจที่จะทำสิ่งนี้
00:01:38 → 00:01:41 แต่ที่บอกว่าพอเหรอเนี่ย
00:01:41 → 00:01:44 มันหมายความว่าอะไรมันหมายความว่า
00:01:44 → 00:01:45 เราจะเจอว่า
00:01:45 → 00:01:48 เขาตัดสินใจว่าจะทำอะไรบางอย่างแล้วเขาก็
00:01:48 → 00:01:52 มีเหตุผลด้วยนะแต่ว่ามันเหรอ
00:01:52 → 00:02:01 เหตุผล
00:02:01 → 00:02:05 หลายทรัพย์หลายซ้อนมากเลยเป็นปีเลยค่ะ
00:02:05 → 00:02:09 ต้องบอกเลยว่าพี่อ้อยเป็นคนมีเหตุผลเหรอ
00:02:09 → 00:02:13 วันนี้เราเจอแล้วเจอตัวจริงนะครับมันเกิด
00:02:13 → 00:02:14 อะไรขึ้นครับ
00:02:14 → 00:02:18 คือจะบอกว่าอันนี้เป็นเรื่องนึงที่ตัวเอง
00:02:18 → 00:02:22 แบบก็ขำตัวเองนะคะใช้เวลาตั้ง 2 ปีกว่า
00:02:22 → 00:02:26 แล้วนะคะกว่าจะค้นพบ
00:02:26 → 00:02:30 คือเป็นเรื่องที่ทุกคนอาจจะต้องประสบนะก็
00:02:30 → 00:02:35 คือผมร่วงนะคะโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีผมยาว
00:02:35 → 00:02:38 เนี่ยจะสังเกตง่ายมากเลยว่าตัวเองผมร่วง
00:02:38 → 00:02:43 นะคะคราวนี้เนี่ยอาการผมร่วงมา 2 ปีกว่า
00:02:43 → 00:02:45 ที่แล้วเนี่ย
00:02:45 → 00:02:51 มันก็คือร่วงเยอะมากกว่าปกตินะคะไม่ว่า
00:02:51 → 00:02:56 เวลาเราหวีผมไม่ว่าเวลาเราสระผมก็จะร่วง
00:02:56 → 00:02:56 เยอะ
00:02:56 → 00:03:00 ร่วงเยอะมากจนกระทั่งเรารู้สึกแบบใจไม่ดี
00:03:00 → 00:03:04 เวลาที่ท่อน้ำทิ้งเนาะมันก็จะผมผมผู้หญิง
00:03:04 → 00:03:07 มันจะยาวก็จะเป็นกองๆที่ท่อน้ำทิ้งอะไร
00:03:07 → 00:03:08 อย่างเงี้ย
00:03:08 → 00:03:11 ครั้งแรกที่เราสังเกตเห็นผมเราร่วงเยอะ
00:03:12 → 00:03:12 เนี่ย
00:03:12 → 00:03:15 เราก็มาสำรวจตัวเองค่ะ
00:03:15 → 00:03:17 ว่า
00:03:17 → 00:03:22 เราไปกินอะไรที่แปลกๆต่างไหมหรือเรามี
00:03:22 → 00:03:26 กิจกรรมอะไรเราเปลี่ยนอะไรเอ่อสิ่งที่เรา
00:03:26 → 00:03:30 ใช้กับศีรษะหรือเปล่า
00:03:30 → 00:03:32 ก็ไม่นะ
00:03:32 → 00:03:37 เราก็สำรวจว่าดีแล้วเราก็เลยได้เหตุผลใน
00:03:37 → 00:03:43 ครั้งนั้นว่าอ๋อมันถึงรอบการร่วงของผมรอบ
00:03:43 → 00:03:46 การร่วงของผมของตัวเองที่สังเกตมันจะ
00:03:46 → 00:03:49 ประมาณ 2 ปีครั้งหนึ่งมันจะร่วงเยอะอยู่
00:03:49 → 00:03:52 ระยะหนึ่งแล้วมันก็จะเบา
00:03:52 → 00:03:55 และเหตุผลที่ 1
00:03:55 → 00:03:59 ผ่านไปกี่เดือนก็แล้วร่วงเยอะเหมือนเดิม
00:03:59 → 00:04:03 โอ้ยผมเริ่มน้อยทำไงดีต้องมีอะไรผิดปกติ
00:04:03 → 00:04:08 แน่เลยไม่ได้ละต้องเปลี่ยนแชมพูเป็นแชมพู
00:04:08 → 00:04:12 ที่ดูแลป้องกันผมร่วง
00:04:12 → 00:04:17 ก็ซื้อมาลองอีกยี่ห้อที่ 1 ใช้ไป 2-3
00:04:17 → 00:04:20 ครั้ง
00:04:20 → 00:04:24 เหตุผลคือแชมพูที่ซื้อมาอันนี้ไม่ได้ผล
00:04:24 → 00:04:29 ซื้อยี่ห้อที่ 2 ซื้อยี่ห้อที่ 3
00:04:29 → 00:04:31 ว่า
00:04:31 → 00:04:36 ผ่านไปสักประมาณ 1 ปีเนี่ยมีแชมพูที่
00:04:36 → 00:04:41 เปลี่ยนไปทั้งหมดกี่ยี่ห้อกี่ยี่ห้อใช่นะ
00:04:41 → 00:04:46 ปีนึงเลยใช่ไหม
00:04:46 → 00:04:52 เพราะ 2-3 ครั้ง
00:04:52 → 00:04:58 น่าจะเกือบ 10 ยี่ห้อมาใช่ทั้งหมดเนี่ย 8
00:04:58 → 00:04:59 ยี่ห้อ
00:04:59 → 00:05:04 ใช้ไปแบบนิดนึงตั้งไว้ซื้อใหม่เขาว่าอัน
00:05:04 → 00:05:06 ไหนดีซื้อไว้
00:05:06 → 00:05:11 ซื้อมาลองใช้ 3-4 ครั้งไม่ได้ผลตั้งไว้ก็
00:05:11 → 00:05:15 จะที่ใน shelf ที่ไหนห้องห้องน้ำห้องอาบ
00:05:15 → 00:05:19 น้ำก็จะมีสารพัดยี่ห้ออัดแน่นมากอยู่ในบน
00:05:19 → 00:05:21 นั้นค่ะ
00:05:21 → 00:05:25 สุดท้ายเหตุผลที่บอกว่าแชมพูนั้นไม่ได้ผล
00:05:25 → 00:05:28 อันนี้ก็คือไม่ใช่ละเพราะมันเปลี่ยนมา
00:05:28 → 00:05:32 ตั้ง 8 ละ
00:05:32 → 00:05:36 ยังไงดีน้อหรือว่าใช้แชมพูครีมนวดมันไม่
00:05:36 → 00:05:41 พอต้องใช้ตัวช่วยใหม่หาเหตุผลอันที่ 3 ก็
00:05:41 → 00:05:45 คือต้องมีตัวช่วยผมเนี่ยมันจะแข็งแรงไม่
00:05:45 → 00:05:50 ได้นะถ้ารากผม
00:05:50 → 00:05:54 ไปสารพัดสรรหาซื้อโทนิคมาอีกค่ะหลาย
00:05:54 → 00:05:56 ยี่ห้อ
00:05:56 → 00:05:59 4 ข้อ 4
00:05:59 → 00:06:02 ชั้นยังว่างอยู่ยังมีที่ว่างอยู่เหมือน
00:06:02 → 00:06:04 เดิม
00:06:04 → 00:06:10 เพราะว่าตอนที่เราจะอาบน้ำสระผมเสร็จแล้ว
00:06:10 → 00:06:13 ก็สียี่ห้อ
00:06:13 → 00:06:17 เวลาผ่านไปร่วงอย่างเดิม
00:06:17 → 00:06:22 เอ๊มันแย่แล้วอ่ะผมร่วงมากเลยอ่ะเกือบ 3
00:06:22 → 00:06:26 ปีค่ะยังแก้ปัญหาไม่ได้เลยอ่ะมาทบทวนตัว
00:06:26 → 00:06:27 เองใหม่ค่ะ
00:06:27 → 00:06:33 รอบผมร่วงไปก็เกินไปแล้วแชมพูก็สารพัด 8
00:06:33 → 00:06:38 ยี่ห้อครีมนวดก็ไปแล้วโทนิคก็ไปแล้วเอ๊ะ
00:06:38 → 00:06:41 อะไรกันแน่นะที่มันทำให้ผมยังร่วงอยู่มัน
00:06:41 → 00:06:44 ต้องมีแน่ๆเลยเพราะผมเราไม่เคยร่วงขนาด
00:06:44 → 00:06:46 นี้
00:06:46 → 00:06:49 จนกระทั่งวันนึงค่ะบังเอิญอาจจะเป็นการ
00:06:49 → 00:06:52 ค้นพบโดยบังเอิญก็ได้ก็คือว่า
00:06:52 → 00:06:55 จริงๆแล้วตอนที่ผมร่วงครั้งแรกเราก็ทบทวน
00:06:55 → 00:06:58 ว่าเรามีการกินอะไรหรือเปลี่ยนอะไรอย่าง
00:06:58 → 00:06:59 เงี้ย
00:06:59 → 00:07:01 สุดท้ายเรามาทบทวนใหม่
00:07:01 → 00:07:05 ประมาณเกือบ 3 ปีที่แล้วอ่ะเราทำอะไรใหม่
00:07:05 → 00:07:09 ตอนครั้งแรกเราไม่ได้ทบทุนให้รอบคอบดีพอ
00:07:09 → 00:07:12 เราก็ไปสรุปเหตุผลว่าอ๋อมันเป็นเพราะรอบ
00:07:12 → 00:07:16 ฤดูของผมร่วงและเราก็จบตรงนั้นเราก็ไม่
00:07:16 → 00:07:19 ค้นหาเพิ่มเสร็จแล้วพอผ่านไปเกือบ 3 ปี
00:07:19 → 00:07:21 มันยังร่วงอยู่เนี่ยมันผุมันน้อยมากเลย
00:07:21 → 00:07:25 อ่ะเรามาทบทวนดีๆใหม่เราพบว่าพี่อ้อยไป
00:07:25 → 00:07:29 ทานวิตามินซีของ Asia ยี่ห้อนึงที่ลูกแนะ
00:07:29 → 00:07:30 นำ
00:07:30 → 00:07:33 แล้วปรากฏว่าก็เลยลองหยุด
00:07:33 → 00:07:37 ผ่านไป 3 สัปดาห์ 4 สัปดาห์
00:07:37 → 00:07:40 ผมมันร่วงน้อยลง
00:07:40 → 00:07:43 เราก็เลยเฮ้ยมันต้องใช่แน่ๆเลยหลังจาก
00:07:43 → 00:07:47 นั้นหยุดทันทีเลยนะคะผมมันร่วงน้อยลง
00:07:47 → 00:07:52 เรื่อยๆผ่านมาประมาณนี้เกือบปีละจากที่ 1
00:07:52 → 00:07:57 วันร่วง 1 ปริมาณร่วง 1 วันเทียบเท่า 1
00:07:57 → 00:08:00 สัปดาห์ของทุกวันนี้
00:08:00 → 00:08:04 ตอนนี้ก็คืออยู่ในเวลาของการที่เราจะให้
00:08:04 → 00:08:07 เวลาผมมันขึ้นใหม่เพราะว่าเราไม่ได้คิด
00:08:07 → 00:08:11 ถึงตัววิตามินนี้เนื่องจากว่ามันเป็น
00:08:11 → 00:08:14 วิตามินซีค่ะซึ่งใครๆก็กินได้แล้วมันก็
00:08:14 → 00:08:18 ไม่สะสมในร่างกายเราก็มองว่าวิตามินซีมัน
00:08:18 → 00:08:20 จะเป็นไปเสริมสร้างคอลลาเจนมันจะช่วย
00:08:20 → 00:08:24 เรื่องผิวผมเล็บเราไม่มองตัวนี้เลยเพราะ
00:08:24 → 00:08:26 ฉะนั้นเหตุผลแรกจึงไม่มีเรื่องนี้เกิด
00:08:26 → 00:08:29 ขึ้นพอผ่านไปเสร็จแล้วเนี่ยวันนี้เราถึง
00:08:29 → 00:08:33 เจอว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ผมเราร่วง
00:08:33 → 00:08:39 มันคือการกินวิตามินซีอันนี้ที่ที่เรา
00:08:39 → 00:08:43 เปลี่ยนไปก็เลยไปเปลี่ยนกินของของยุโรป
00:08:43 → 00:08:47 แล้วอาการนั้นก็จบไปเพราะฉะนั้นเหตุผล
00:08:47 → 00:08:51 ประมาณ 3-4 เหตุผลแรกอ่ะมันคือเหตุผลที่
00:08:51 → 00:08:55 เราไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงเราแค่เอามันมา
00:08:55 → 00:08:58 ประกอบว่าอ๋อเป็นเพราะอย่างนี้ฉันก็เลยจะ
00:08:58 → 00:08:59 ทำอย่างนี้เป็นเพราะอย่างนี้ฉันก็เลยทำ
00:08:59 → 00:09:02 อย่างนี้ฉันก็เลยเลือกแบบนี้และตัดสินใจ
00:09:02 → 00:09:07 แบบนี้ค่ะอืมซึ่งมันผิดค่ะพี่วีเป็นที่มา
00:09:07 → 00:09:12 ของการที่แบบว่าเป็นคนมีเหตุผล
00:09:12 → 00:09:15 สรุปอันนี้ดีอย่างดีนะก็คือว่าจริงๆแล้ว
00:09:15 → 00:09:18 ดูเหมือนเป็นคนมีเหตุผลแต่ว่า
00:09:18 → 00:09:22 เห็ดเราทำเราก็เลยปฏิบัติตัวแบบนั้นตาม
00:09:22 → 00:09:24 เหตุผลที่เราเจอแต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่
00:09:24 → 00:09:28 เป็นพี่อ้อยใช้คำว่าเหตุผลที่แท้จริงใช่
00:09:28 → 00:09:31 ค่ะเพราะฉะนั้นเวลาที่เราดูเหมือนว่าเรา
00:09:31 → 00:09:32 เป็นคนมีเหตุผล
00:09:32 → 00:09:37 เราก็จะต้องหรือเปล่าเออต้องหาให้เจอเหตุ
00:09:37 → 00:09:40 ผลที่แท้จริงแล้วเรื่องนี้เนี่ยยอดรู้ไหม
00:09:40 → 00:09:43 ว่าพูดถึงเรื่องนี้ผมเป็นนึกถึงนะ
00:09:43 → 00:09:48 บางครั้งเนี่ยถ้าเราไปเจอคนบางคนที่มี
00:09:48 → 00:09:49 พฤติกรรมบางอย่าง
00:09:49 → 00:09:52 แล้วเขาถามคำถามเนี่ยแสดงว่าเขาเป็นคนมี
00:09:52 → 00:09:54 เหตุผลนะ
00:09:54 → 00:09:54 ใช่ไหม
00:09:54 → 00:09:58 ว่าเขาเป็นคนมีเหตุผลแต่ว่าผมก็เจอเคสนึง
00:09:58 → 00:10:00 ที่เขาถามคำถาม
00:10:00 → 00:10:02 แต่ต้องบอกว่าดูเหมือนมีเหตุผลเพราะอะไร
00:10:03 → 00:10:06 เพราะว่าคำถามเขาเนี่ยเป็นคำถามที่ไม่
00:10:06 → 00:10:08 ต้องการคำตอบ
00:10:08 → 00:10:10 เป็นยังไงหรอคะ
00:10:10 → 00:10:14 ถ้าเกิดว่าเขาถามคำถามสังเกตข้อสังเกตนะ
00:10:14 → 00:10:17 คำถามนั้นเป็นการถามที่ไม่ต้องทำคำตอบ
00:10:17 → 00:10:20 เนี่ยข้อสังเกตง่ายๆคือถ้าเกิดว่าเขาถาม
00:10:20 → 00:10:22 คำถามดูเหมือนเขาเป็นคนมีเหตุผลใช่ไหม
00:10:22 → 00:10:25 แล้วถ้าเราตอบคำถามนี้ไปแล้วเนี่ยเขายัง
00:10:25 → 00:10:28 มีคำถามที่ 2 ตามมา
00:10:28 → 00:10:41 แสดงว่าเขาไม่ต้องการคำตอบ
00:10:41 → 00:10:52 [เพลง]
00:11:01 → 00:11:06 ร้านอาหารทุกทั้งหมดก็จะมีมาตรการว่า
00:11:06 → 00:11:09 ใครที่มาใช้บริการเนี่ยต้องใส่แมสกันมา
00:11:09 → 00:11:09 ก่อน
00:11:09 → 00:11:12 ต้องใส่แมสด้วย
00:11:12 → 00:11:14 แต่ว่าถึงแม้เป็นร้านอาหารเนี่ยแล้วใส่
00:11:14 → 00:11:16 แมสเข้ามาในร้านแล้วเวลากินอาหารต้องใส่
00:11:16 → 00:11:20 แมสด้วยต้องถอดอยู่ดีผู้ชายคนนี้เขาไม่
00:11:20 → 00:11:22 เห็นด้วยกับมาตรการนี้
00:11:22 → 00:11:25 เขาไม่ปฏิบัติตัวตาม
00:11:25 → 00:11:28 แล้วเขามาที่ร้านน้องที่เป็นพนักงานเนี่ย
00:11:28 → 00:11:32 เขาถ่ายคลิปไว้เลยนะเขาบอกว่าขอโทษนะคะ
00:11:32 → 00:11:34 คุณลูกค้าคือถ้าเข้ามาใช้บริการนี้เนี่ย
00:11:34 → 00:11:39 เราจะต้องใส่แมสก่อนถึงจะให้ใช้บริการได้
00:11:39 → 00:11:43 เขาก็เริ่มหาคำถามเลย
00:11:43 → 00:11:47 การใส่แมสเนี่ยมันช่วยอะไรได้
00:11:47 → 00:11:51 น้องแล้วก็ตอบต่อไปมันก็จะได้น้ำลายเราจะ
00:11:51 → 00:11:55 ได้ไม่กระเด็นคือตอบไปแล้วไงเขาก็ถามอัน
00:11:55 → 00:11:58 ที่ 2 ต่อแล้วคุณคิดว่าจริงๆแล้วการใส่
00:11:58 → 00:12:01 แมสเนี่ยมันจะช่วยป้องกันโควิดได้ไหม
00:12:01 → 00:12:04 น้องก็ตอบอีกต่อไปเขาก็มาคำถามที่ 3 อีก
00:12:04 → 00:12:07 คือหลังจากนั้นก็
00:12:07 → 00:12:11 พูดง่ายๆว่าสรุปที่ถามมาเนี่ยเขาไม่ต้อง
00:12:11 → 00:12:12 ทำต่อ
00:12:12 → 00:12:15 แต่ว่าฉันจะทำอย่างนี้เขาตั้งถ่วงเวลาว่า
00:12:15 → 00:12:18 ไม่ใส่
00:12:18 → 00:12:21 เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเลยไหมว่าเนี่ยดู
00:12:21 → 00:12:23 เหมือนเป็นคนมีเหตุผลนะ
00:12:23 → 00:12:26 เพราะว่าเหตุผลที่เอามาอ้าง
00:12:27 → 00:12:30 มันไม่ใช่ของจริง
00:12:30 → 00:12:35 เหตุผลที่ดูเหมือนจริงแต่เอามาหลอกกัน
00:12:35 → 00:12:38 เป็นยังไง
00:12:38 → 00:12:42 ก็คือผมเคยเป็นวิทยากรเผอิญนึกถึงเรื่อง
00:12:42 → 00:12:45 นี้เพราะว่ามันเกี่ยวกับเรื่องยาสระผม
00:12:45 → 00:12:46 ด้วย
00:12:46 → 00:12:50 ผมในช่วงหนึ่งเนี่ยผมเป็นวิทยากรบรรยาย
00:12:50 → 00:12:53 ตามโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องให้ความรู้
00:12:53 → 00:12:56 เท่าทันสื่อกับนักเรียน
00:12:56 → 00:12:59 แนวคิดของกระบวนการหรือกิจกรรมนี้ก็คือ
00:12:59 → 00:13:01 ว่า
00:13:01 → 00:13:06 พวกสินค้าต่างๆเขาจะขายของเขาก็จะทำโฆษณา
00:13:06 → 00:13:09 แต่ที่โฆษณาเนี่ยก็จะโดนเป็นตั้งเป็น
00:13:09 → 00:13:13 เหมือนจะกลายเป็นจำเลยนะว่าหลอกลวงประชา
00:13:13 → 00:13:14 ชน
00:13:14 → 00:13:18 ว่านู่นนี่นั่นแล้วก็แบบหรือสมัยนี้เวลา
00:13:18 → 00:13:20 ที่เราเห็นแม่ค้าที่ขายของในออนไลน์ไหม
00:13:20 → 00:13:23 แล้วถึงเวลาสั่งของไปแล้วได้ไม่ตรงปกอะไร
00:13:23 → 00:13:26 อย่างนี้อันนี้ก็คือถ้าเราไม่รู้เท่าทัน
00:13:26 → 00:13:30 เราก็โดนหลอกบ่อยเลยใช่ไหม
00:13:30 → 00:13:33 เวลาที่ผมไปสอนเด็กเรื่องนี้นะครับวิธี
00:13:33 → 00:13:36 ที่ผมใช้ผมจะไม่ได้ใช้บรรยายเท่าไหร่
00:13:36 → 00:13:42 ผมจะทำกิจกรรมให้ดูโฆษณาดูเสร็จแล้วให้
00:13:42 → 00:13:44 ลองคิดแล้วก็วิเคราะห์ดู
00:13:44 → 00:13:48 อ่านะมันก็มีโฆษณาสินค้าอยู่อันนึงนะฮะ
00:13:48 → 00:13:50 เป็นโฆษณายาสระผม
00:13:50 → 00:13:53 ผมก็จำชื่อยี่ห้อไม่ได้แล้วนะแต่ถึงจำได้
00:13:53 → 00:13:55 คงพูดไม่ได้อยู่ดีนะ
00:13:55 → 00:13:59 ก็เขาแต่จำข้อความที่เขาโฆษณาได้ข้อความ
00:13:59 → 00:14:02 ที่เขาโฆษณาเขาก็บอกว่า
00:14:02 → 00:14:06 ยาสระผมเขาเนี่ยจะทำให้ผมยาวเร็วขึ้น
00:14:06 → 00:14:13 2 ประมาณ 2 ซมใน 4 สัปดาห์
00:14:13 → 00:14:17 คนก็แบบเฮ้ยจริงดิก็แห่ไปใช้กันเต็มไปหมด
00:14:17 → 00:14:21 เลยนะแสดงว่าโฆษณานี้เขามีเหตุผลมากำกับ
00:14:21 → 00:14:22 [เพลง]
00:14:22 → 00:14:25 แล้วมันดูน่าเชื่อถือใช่ไหมแต่พี่อ้อยคิด
00:14:25 → 00:14:27 ว่าเขาหลอกไหม
00:14:27 → 00:14:29 มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วผมมันก็ยาวตาม
00:14:29 → 00:14:33 ธรรมชาติมันจะมีช่วงเวลาของมันใช่ค่ะคือ
00:14:33 → 00:14:38 เหตุผลที่เข้ามาอ้าเขาไม่ได้หลอก
00:14:38 → 00:14:40 เขาไม่ได้หลอกนะคะก็คือว่า
00:14:40 → 00:14:44 แต่ว่าประเด็นที่เขาหลอกก็คือ
00:14:44 → 00:14:49 ผมเนี่ยมันไม่ได้ยาว 2 ซมใน 4 สัปดาห์
00:14:49 → 00:14:50 เนี่ย
00:14:50 → 00:14:53 มันไม่ได้เป็นเพราะยาสระผมเขาเป็นเพราะ
00:14:53 → 00:14:55 ธรรมชาติเพราะว่ามันเป็นอัตราการเจริญ
00:14:55 → 00:14:58 เติบโตตามปกติของเส้นผม
00:14:59 → 00:15:02 ที่เราเห็นไหมครับว่าในความเป็นจริงของ
00:15:02 → 00:15:04 เรื่องของการมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผล
00:15:04 → 00:15:05 เนี่ยมันซับซ้อนมาก
00:15:05 → 00:15:07 [เพลง]
00:15:07 → 00:15:13 เขามีเหตุผลมาสนับสนุนนะ
00:15:13 → 00:15:18 แต่ว่าฉันไม่เกี่ยวคือยาสระผมไม่เกี่ยว
00:15:18 → 00:15:22 น้ำเปล่าไป 4 สัปดาห์หนูก็ 2.5 เซนติเมตร
00:15:22 → 00:15:24 เรียบร้อย
00:15:24 → 00:15:27 เพราะฉะนั้นเนี่ยการของเรื่องของการมี
00:15:27 → 00:15:31 เหตุผลหรือไม่มีเหตุผล
00:15:31 → 00:15:34 นอกเหนือจากว่าเราจะต้องสังเกตว่ามันมี
00:15:34 → 00:15:37 เหตุผลที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงๆหรือไม่
00:15:37 → 00:15:41 แล้วมันยังมีตัวแปลกอื่นอีก
00:15:41 → 00:15:43 แล้วเราจะเห็นเลยว่าในสังคมยุคปัจจุบัน
00:15:43 → 00:15:46 นี้คือ
00:15:46 → 00:15:49 เขาจะใช้คำว่า
00:15:49 → 00:15:53 ตรรกะหรือวิธีคิดของคนเนี่ยมันบิดเบี้ยว
00:15:53 → 00:15:56 และผิดเพี้ยนไปมากจนกระทั่งดูเหมือนมี
00:15:56 → 00:16:00 เหตุผลแต่ถ้าเราคิดดูดีๆเราจะพบความจริง
00:16:00 → 00:16:02 ในอีกด้านหนึ่ง
00:16:02 → 00:16:03 แล้ว
00:16:03 → 00:16:08 ถ้ามองในแง่ของแค่ซื้อสินค้าก็แค่เสียหาย
00:16:08 → 00:16:09 ซื้อสินค้านะ
00:16:09 → 00:16:13 แต่ถ้าเหตุผลนั้นเนี่ยมันมีมาเพื่อ
00:16:13 → 00:16:18 ชักจูงคนหรือว่าจะเรียกว่าถึงขั้นแบบ
00:16:18 → 00:16:21 สะกดจิตชี้นำคนน่ะ
00:16:21 → 00:16:25 ให้หลงทางทั้งชีวิตเลยนะยกตัวอย่างเช่นผม
00:16:25 → 00:16:27 เจออีกเคสหนึ่งในโซเชียลมีเดียตอนนี้เวลา
00:16:27 → 00:16:29 เราจะเห็นในโซเชียลมีเดียเยอะ
00:16:29 → 00:16:31 มีคนที่เป็น
00:16:31 → 00:16:35 มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย
00:16:35 → 00:16:37 มีคนติดตามเป็นล้านๆ
00:16:37 → 00:16:40 เขาพูดคำๆนึงมานะโอ้โหทุกคนเข้ามา
00:16:40 → 00:16:42 คอมเมนต์ดีงามหมดเลย
00:16:42 → 00:16:45 โดยสิ่งที่เขาพูดเขาพูดว่าอย่างนี้เลยนะ
00:16:45 → 00:16:50 เขาบอกว่าชีวิตเขาทุกวันนี้เนี่ยนะเขา
00:16:50 → 00:16:51 เนี่ย
00:16:51 → 00:16:56 จะมีความสุขอยู่กับชีวิตในปัจจุบัน
00:16:56 → 00:17:00 เข้าทางทำไมล่ะ
00:17:00 → 00:17:04 ใช่ไหมดูเหมือนจริงแล้วคนที่ตามเขาเนี่ย
00:17:04 → 00:17:08 เข้ามาเห็นดีเห็นงานชื่นชมไปใหญ่โอ้ยสุด
00:17:08 → 00:17:12 ยอดดีมากเลยดีมากดีมากแต่ว่าอันนี้เหมือน
00:17:12 → 00:17:14 กับมีเหตุผล
00:17:14 → 00:17:17 แต่ว่าเรามาแค่คิดวิเคราะห์เหตุผลนี้
00:17:18 → 00:17:19 อย่างเดียวไม่พอ
00:17:19 → 00:17:21 เราต้องดูอะไรรู้ไหมครับเราต้องดู
00:17:21 → 00:17:25 พฤติกรรมแล้วสิ่งที่เขาปฏิบัติในชีวิตดู
00:17:25 → 00:17:28 ความเป็นจริงดูความเป็นจริงของชีวิตเขา
00:17:28 → 00:17:32 ด้วยชีวิตเขาเนี่ยที่เขาพูดยกประโยคนี้มา
00:17:32 → 00:17:36 ว่าเขามีความสุขอยู่กับปัจจุบัน
00:17:36 → 00:17:39 อันนั้นเป็นสัจธรรมเป็นความเป็นจริง
00:17:39 → 00:17:41 แต่ว่าแล้วความสุขของเขาคืออะไร
00:17:41 → 00:17:44 เราก็มาตามดูชีวิตเขาในโซเชียลมีเดียนี่
00:17:44 → 00:17:45 แหละ
00:17:45 → 00:17:48 เราก็จะเห็นว่าเขามีความสุขอยู่กับ
00:17:48 → 00:17:52 เขาชื่นชมเขาภาคภูมิใจกับการที่เขาเป็น
00:17:52 → 00:17:55 influencer ในโซเชียลมีเดียและมีคนตาม 3
00:17:55 → 00:17:58 ล้าน
00:17:58 → 00:18:01 แล้วเขาจะภูมิใจเขาจะพูดถึงสิ่งนี้เสมอ
00:18:01 → 00:18:04 เวลาที่เขามีประเด็นขัดแย้งกับใครเขาก็จะ
00:18:04 → 00:18:05 บอกว่า
00:18:05 → 00:18:08 รู้ไหมว่าคนที่ตามเขาเนี่ย 3 ล้าน
00:18:08 → 00:18:11 คือเขาภาคภูมิใจแล้วเขามีความสุขกับผู้
00:18:11 → 00:18:12 ติดตาม
00:18:12 → 00:18:17 3 ล้านในโซเชียลมีเดียคำถามคืออันนี้ของ
00:18:17 → 00:18:19 จริงหรือของไม่จริง
00:18:19 → 00:18:25 ถ้าพูดถึงความสุขหมายถึง
00:18:25 → 00:18:29 ไงจริงไหมก็เราก็เห็นอยู่ว่าแล้วมันเป็น
00:18:29 → 00:18:31 ของที่มีอยู่จริงไหมถือว่าเป็นของที่
00:18:31 → 00:18:34 จีรังไหม
00:18:34 → 00:18:37 เพราะอะไรครับเพราะว่าเราเห็นเยอะมากเลย
00:18:37 → 00:18:40 คนที่มีผู้ติดตามเป็นล้านๆเนี่ย
00:18:40 → 00:18:45 สามารถที่จะกด unfollow ภายในคืนเดียวเลย
00:18:45 → 00:18:48 มีให้เห็นไม่รู้เท่าไหร่เมื่อไหร่ก็ตาม
00:18:48 → 00:18:52 ถ้ามีอะไรไม่ถูกใจเขาเรื่องเดียว
00:18:52 → 00:18:55 คือพี่อ้อยมองว่างี้พี่วี
00:18:55 → 00:18:58 มองว่ามันถามว่าที่รักไม่จีรังเพราะเพราะ
00:18:58 → 00:19:02 ไม่จีรังเพราะมันคือวัตถุภายนอกแล้วพอคุณ
00:19:02 → 00:19:05 เอาไปผูกกับคำว่าความสุขอ่ะมันผิดเพราะ
00:19:05 → 00:19:10 ว่าความสุขอ่ะมันเกิดขึ้นในใจเราเรานั่ง
00:19:10 → 00:19:13 อยู่นอนอยู่เราไม่มีหรอก Follow สักเรามี
00:19:13 → 00:19:17 Follow 0 แล้วก็มีความสุขเออมันไม่ใช่
00:19:17 → 00:19:20 ว่าไปผูกกับอันนั้นค่ะใช่อันนี้ประเด็น
00:19:20 → 00:19:22 ที่หนึ่งนะเขาบอกความสุขเขาที่เขาบอกว่า
00:19:22 → 00:19:25 เขามีความสุขกับชีวิตปัจจุบันนี้อันนี้
00:19:25 → 00:19:27 สัจธรรมแต่ว่าความสุขเขาคืออะไรอันที่ 1
00:19:27 → 00:19:30 หรือเมื่อกี้ผมบอกไปแล้วว่าผู้ติดตาม 3
00:19:30 → 00:19:34 ล้านอันต่อมาก็คือชีวิตที่เขามีความสุข
00:19:34 → 00:19:38 ตอนนี้นะก็คือพอมีผู้ติดตามปึ๊บเขาก็เป็น
00:19:38 → 00:19:43 โฆษณาขายสินค้าในนั้นคนก็ซื้อเยอะเขาก็มี
00:19:43 → 00:19:45 รายได้เยอะแล้วเขาก็เลยมีความสุขกับการ
00:19:45 → 00:19:47 ที่เอาเงินเนี่ย
00:19:47 → 00:19:49 ไปซื้อรถ
00:19:49 → 00:19:54 แบรนด์หรูๆไปซื้อบ้านหลังใหญ่ๆแล้วก็ไป
00:19:54 → 00:19:59 ซื้อที่ดินเพื่อที่จะเตรียมทำ
00:19:59 → 00:20:02 เราจะเห็นเลยว่าจริงๆทั้งหมดที่พูดถึง
00:20:02 → 00:20:05 เหล่านี้เนี่ยมันก็มาเข้าเกมที่พี่อ้อย
00:20:05 → 00:20:06 พูดเมื่อกี้เลยว่า
00:20:06 → 00:20:10 ความสุขเหล่านี้เนี่ยมันคือ
00:20:10 → 00:20:13 ถ้าจะอธิบายแบบจะเรียกว่าซับซ้อนหรือง่าย
00:20:13 → 00:20:15 ก็ไม่รู้นะ
00:20:15 → 00:20:18 ในทางคำสอนของทางพุทธศาสนาในความสุขเขามี
00:20:18 → 00:20:22 อยู่แค่ 2 อย่างเขาแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
00:20:22 → 00:20:26 ความสุขประเภทที่ 1 เขาเรียกว่า
00:20:26 → 00:20:28 อามิสสุข
00:20:28 → 00:20:31 ประเภทที่ 2 ก็คือนิราศมิตซูอันนี้ผมไม่
00:20:31 → 00:20:33 ได้บรรยายธรรมนะ
00:20:33 → 00:20:36 แต่ว่าผมจำได้เคยอ่านหนังสือเขาบอกความ
00:20:36 → 00:20:38 สุขมีใหญ่ๆอยู่ 2 ประเภท
00:20:38 → 00:20:42 คืออาร์มิสสุขกับนิรามิสุ
00:20:42 → 00:20:45 เมื่อกี้นี้ที่พี่อ้อนพูดถึงว่าความสุข
00:20:45 → 00:20:48 ที่แท้จริงก็คือเราอยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องมี
00:20:48 → 00:20:50 คน Follow เรานอนหลับสบายอย่างนี้เราก็มี
00:20:50 → 00:20:54 ความสุขแล้วเนี่ยก็คือว่าเป็นความสุขที่
00:20:54 → 00:20:56 เกิดจากภายใน
00:20:56 → 00:20:58 ไม่ต้องมีอะไรไม่ต้องเป็นอะไร
00:20:58 → 00:21:02 แต่ว่าความสุขจากก็คือเป็นความสุขจากการ
00:21:02 → 00:21:08 ที่มีอะไรเป็นอะไรคือเป็นความสุขจากจะ
00:21:08 → 00:21:10 ต้องมีอะไรต้องเป็นอะไรเป็นความสุขจากภาย
00:21:10 → 00:21:14 นอกแต่เขาบอกว่าไม่ใช่ว่าไม่สุกนะสุขแต่
00:21:14 → 00:21:17 มันไม่จริง
00:21:17 → 00:21:20 แล้วถ้าเกิดถ้าไม่มีก็ไม่สุข
00:21:20 → 00:21:23 ถ้าเกิดใครมีความสุขเพราะมีอะไรแล้วเพราะ
00:21:23 → 00:21:26 เป็นอะไรนะมนุษย์เราสิ่งที่มีสักวันหนึ่ง
00:21:26 → 00:21:30 จะไม่มีสิ่งที่เป็นจะมีวันหนึ่งที่ไม่ได้
00:21:30 → 00:21:34 เป็นแสดงว่าเราเอาความสุขไปแขวนไว้ผิดที่
00:21:35 → 00:21:38 แต่ถ้าความสุขอันนี้ขึ้นเลยกลายเป็นตอน
00:21:38 → 00:21:40 นี้จะกลายเป็นเหมือนกับเป็นธรรมะนะแต่ว่า
00:21:40 → 00:21:42 จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่
00:21:42 → 00:21:45 ดูเหมือนมีเหตุผล
00:21:45 → 00:21:47 แต่ที่ผมอยากจะเน้นย้ำก็คือว่าอย่างคนบาง
00:21:47 → 00:21:50 คนเนี่ยที่เราฟังเขาดูเหมือนมีเหตุผล
00:21:50 → 00:21:54 เราต้องสังเกตแล้วต้องคิดให้ลึกอีกนิดนึง
00:21:54 → 00:21:58 ว่าเหตุผลนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม
00:21:58 → 00:22:04 ทำ
00:22:04 → 00:22:06 เคสที่ว่า
00:22:06 → 00:22:11 คือเป็นแม่บ้านเป็นแม่บ้าน 2 คนแม่บ้านคน
00:22:11 → 00:22:13 แรกเป็นแม่บ้านของ
00:22:13 → 00:22:20 คนเคยรวยเป็นเศรษฐีนะคะแล้วก็พอตอนหลัง
00:22:20 → 00:22:24 เศรษฐีก็ไม่มีเงินแล้วแหละนะคะแต่ก็
00:22:24 → 00:22:28 ก็เขาเรียกว่าอะไรก็อยู่ใช้ชีวิตแล้วก็มี
00:22:28 → 00:22:30 แม่บ้านเนี่ยดูแล
00:22:30 → 00:22:33 แล้วก็ถ้าเทียบกับแม่บ้านบ้านพี่อ้อยเอง
00:22:33 → 00:22:37 นะคะเราไม่ได้เป็นเศรษฐีอะไรเลยนะคะแต่
00:22:37 → 00:22:40 แม่บ้านเนี่ยก็ดูแลเรา
00:22:40 → 00:22:43 ดีมากเหมือนเราเป็นแม่เขาแล้วเขาก็เป็น
00:22:43 → 00:22:46 เหมือนลูกเราแล้วเราก็ไม่ได้จ้างเขาแพง
00:22:46 → 00:22:50 อะไรนะคะเราไม่ได้แจ้งเข้าเพลงอะไรแต่ว่า
00:22:50 → 00:22:53 ทุกอย่างดูแลเราห่วงใยเรามากเวลาเราเจ็บ
00:22:53 → 00:22:55 ป่วยปวดหัวไม่ตัวร้อนอะไรอย่างเงี้ยแต่
00:22:55 → 00:22:58 ว่าของเศรษฐีคนนี้แม่บ้านมีอยู่ครั้ง
00:22:58 → 00:23:03 หนึ่งแม่บ้านขึ้นคำว่ากูมึงกับเศรษฐีคน
00:23:03 → 00:23:07 นี้แล้วเศรษฐีคนนี้บอกว่าเหตุผลที่แม่
00:23:07 → 00:23:09 บ้านขึ้นกูมึง
00:23:09 → 00:23:12 เพราะว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่มีเงินให้แม่บ้าน
00:23:12 → 00:23:16 แต่เหตุผลของพี่อ้อยที่แม่บ้านดูแลเราดี
00:23:16 → 00:23:20 เราดูแลเขาดีเพราะเขาคือญาติคนหนึ่งของ
00:23:20 → 00:23:23 เราลูกหลานคนนึงของเรานี่คือเหตุผลของพี่
00:23:23 → 00:23:26 อันนั้นคือเหตุผลของคนนั้น
00:23:26 → 00:23:31 พี่อ้อยคิดว่าเหตุผลของเศรษฐีคนเนี้ย
00:23:31 → 00:23:35 อาจจะไม่ใช่หรือเปล่าเออคุณบอกว่าเพราะ
00:23:35 → 00:23:39 คุณไม่ให้เงินเขาเขาเลยมาขึ้นกูมึงไม่
00:23:39 → 00:23:41 เหมือนเมื่อก่อนที่ร่ำรวยแล้วให้เงินเยอะ
00:23:41 → 00:23:45 ๆเนี่ยมันก็เลยเป็นเหตุผลที่ตกลงเป็นเหตุ
00:23:45 → 00:23:49 ผลที่ถูกต้องจริงหรือเปล่านะคะคือจริงๆ
00:23:49 → 00:23:51 ถึงแม้ว่าจะเป็นเศรษฐีเนี่ยแล้วก็ให้เงิน
00:23:51 → 00:23:56 เขานะแต่ถ้าเราดูแลเขาเฮ้อพฤติกรรมที่เรา
00:23:56 → 00:23:59 มีต่อใช่ค่ะ
00:23:59 → 00:24:02 ใช่อันนี้มันจริงเป็นของจริง
00:24:02 → 00:24:05 เพราะฉะนั้นก็เลยกลายเป็นว่า
00:24:05 → 00:24:11 คือดูเหมือนจะมีเหตุผลในยุคนี้เนี่ยมีมี
00:24:11 → 00:24:13 สิ่งต่างๆเกิดขึ้นเยอะแยะเยอะแยะมากมาย
00:24:13 → 00:24:16 ที่ดูเหมือนจะมีเหตุผลแต่ว่าถ้าตามด้วยคำ
00:24:16 → 00:24:20 ว่าเหรอเนี่ยแสดงว่าไม่ใช่ของจริงเพราะ
00:24:20 → 00:24:23 ฉะนั้นเราต้องระมัดระวังนะครับ
00:24:23 → 00:24:28 ก็กลับมาที่บอกว่าเวลาคนเราจะตัดสินใจ
00:24:28 → 00:24:32 อะไรสักอย่างทำอะไรสักอย่างเนี่ยเราก็บอก
00:24:32 → 00:24:36 ว่าฉันมีเหตุผลประกอบเสมอแหละแต่วันนี้นะ
00:24:36 → 00:24:38 คะที่เราคุยกันมาเราใช้เวลา
00:24:38 → 00:24:42 ในการที่สื่อสารบอกว่าเหตุผลเนี่ยมันมี
00:24:42 → 00:24:44 เหตุผลจริง
00:24:44 → 00:24:47 กับเหตุผลที่ไม่ใช่แท้จริง
00:24:47 → 00:24:51 เพราะฉะนั้นเวลาเราจะทำอะไรก็ตามถ้าเรา
00:24:51 → 00:24:53 ใช้เหตุผลที่มันไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงนะ
00:24:53 → 00:24:56 ชีวิตเราก็จะแบบอาจจะเสียหายเบี่ยงเบนมี
00:24:57 → 00:24:59 ความทุกข์เหลืออะไรอย่างเงี้ยนะคะหรือไม่
00:24:59 → 00:25:02 มีความสุขเท่าที่ควรเพราะฉะนั้นเราก็ควร
00:25:02 → 00:25:06 จะมาดูว่าเหตุผลของเราเนี่ยมันใช่หรือ
00:25:06 → 00:25:10 เปล่านะคะโดยที่ว่าเราบอกว่าเราจะรู้ได้
00:25:10 → 00:25:13 ไงว่ามันใช่หรือเปล่าถูกหรือเปล่าเนี่ย
00:25:13 → 00:25:17 จริงๆมันอาจจะยากไปนะคะแต่ถ้าเราจะดูว่า
00:25:17 → 00:25:21 เหตุผลนั้นมันเหมาะสมหรือเปล่าเนี่ยมัน
00:25:21 → 00:25:25 อาจจะง่ายขึ้นเหมาะสมหรือเปล่าแปลว่าอะไร
00:25:25 → 00:25:29 แปลว่าดีกับเราแล้วก็ดีกับเขาด้วย
00:25:29 → 00:25:31 ดีกับคนเกี่ยวข้องด้วย
00:25:31 → 00:25:34 ถ้าเหตุผลนั้นเนี่ยมันดีกับทุกฝ่ายที่
00:25:34 → 00:25:36 เกี่ยวข้อง
00:25:36 → 00:25:39 พี่อ้อยว่านั่นคือเหตุผลที่เหมาะสม
00:25:39 → 00:25:41 และดำเนินตามนั้นไป
00:25:41 → 00:25:44 ถ้ามันยังไม่ดีกับผู้เกี่ยวข้องหรือตัว
00:25:44 → 00:25:48 เราหรือตัวเขานะคะมันก็อาจจะยังไม่เหมาะ
00:25:48 → 00:25:52 สมก็อาจจะหาเหตุผลใหม่แล้วเราอ่ะต้อง
00:25:52 → 00:25:56 ระมัดระวังว่าอย่าหาเหตุผลที่มันเข้าข้าง
00:25:56 → 00:25:57 ตัวเอง
00:25:57 → 00:26:00 พอเป็นเหตุผลเข้าข้างตัวเองเมื่อไหร่
00:26:00 → 00:26:03 เนี่ยเราจะทำตัวเหมือนเดิมเราอาจจะตัดสิน
00:26:03 → 00:26:06 ใจอะไรผิดเราอาจจะแสดงพฤติกรรมอะไรผิดกับ
00:26:06 → 00:26:07 ผู้คน
00:26:07 → 00:26:11 ถ้าเราทำแบบนั้นน่ะมันก็จะพาเราไปสู่ความ
00:26:11 → 00:26:13 ทุกข์นะคะ
00:26:13 → 00:26:14 เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:26:14 → 00:26:18 รายการศัลยกรรมความสุขเป็นรายการที่จะนำ
00:26:18 → 00:26:21 พาเราให้มีความสุขเพิ่มขึ้นมีความทุกข์
00:26:21 → 00:26:22 น้อยลง
00:26:22 → 00:26:26 ถ้าเรามีเหตุผลที่มันเหมาะสมจริงๆ
00:26:27 → 00:26:31 นะคะชีวิตเราอาจจะราบรื่นมากขึ้นนะคะแล้ว
00:26:31 → 00:26:34 เราก็จะดำเนินชีวิตไปอย่างที่ไม่ต้องเกิด
00:26:34 → 00:26:37 ปัญหาอะไรที่มันจุกจิกกวนใจโดยที่ไม่สม
00:26:37 → 00:26:41 ควรจะเกิดขึ้นนะคะอ่าชีวิตเราก็จะราบรื่น
00:26:41 → 00:26:44 และมีความสุขมากขึ้นค่ะอาจารย์ศัลยกรรม
00:26:44 → 00:26:47 ความสุขในวันนี้นะครับผมพี่วีนะครับและ
00:26:47 → 00:26:49 พี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ
00:26:49 → 00:26:53 สวัสดีค่ะ
00:26:53 → 00:26:56 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:26:56 → 00:26:58 ของไทยพีแดช็อต
00:26:58 → 00:27:06 spotify Sound Google podcast Apple
00:27:06 → 00:27:11 Cast beautiful
00:27:11 → 00:27:15 [เพลง]