00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับทุกคนที่ได้รับการวินิจฉัยว่า
00:00:02 → 00:00:05 เป็นข้อเข่าเสื่อมเนี่ยนะครับก็คงจะทราบ
00:00:05 → 00:00:07 ดีว่าอาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นเนี่ยมัน
00:00:07 → 00:00:10 ทรมานแล้วก็น่ารำคาญมากขนาดไหนมันจะทำ
00:00:10 → 00:00:13 อะไรก็ยากลำบากนะครับจะมีกิจกรรมต่างๆมัน
00:00:13 → 00:00:16 ก็ปวดเลยทำให้เราเนี่ยไม่อยากจะทำอะไรเลย
00:00:16 → 00:00:19 แถมบางคนนะครับข้อเข่าก็มีการผิดรูปไปซะ
00:00:19 → 00:00:21 ด้วยนะครับเวลาที่ทุกคนเนี่ยได้รับการ
00:00:21 → 00:00:24 วินิจฉัยว่าเป็นโรคเนี้ยแน่นอนครับทุกคน
00:00:24 → 00:00:27 ก็อยากหายทุกคนก็อยากจะหาทางลัดที่มันแก้
00:00:27 → 00:00:29 ไขได้เร็วที่สุดและสิ่งหนึ่งซึ่งหลีกหนี
00:00:29 → 00:00:31 หนีไม่พ้นเลยนะครับในสังคมประเทศไทยแล้ว
00:00:31 → 00:00:34 ก็โลกเราเนี่ยก็คือเรื่องของอาหารเสริมนะ
00:00:34 → 00:00:37 ครับไม่ว่าเราจะไปที่ไหนจะดูเว็บไซต์อะไร
00:00:37 → 00:00:40 เนี่ยมันก็มักจะเจอโฆษณาอาหารเสริมที่ใช้
00:00:40 → 00:00:44 ในการแก้ไขภาวะเข่าเสื่อมและหนึ่งในอาหาร
00:00:44 → 00:00:46 เสริมที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดก็คือ
00:00:46 → 00:00:49 เรื่องของคอลลาเจนบางคนบอกว่าไปกิน
00:00:49 → 00:00:52 คอลลาเจนแล้วข้อเข่าเนี่ยมันดีขึ้นนะครับ
00:00:52 → 00:00:55 ก็เลยไปแนะนำคนอื่นแล้วคนอื่นก็อยากจะทำ
00:00:55 → 00:00:59 ตามก็เห็นโฆษณามีคนนั้นคนนี้มากินแล้วบอก
00:00:59 → 00:01:02 ว่าดีก็เลยอยากจะกินตามวันนี้ครับผมมีงาน
00:01:02 → 00:01:06 วิจัยจากประเทศไทยออกมาบอกแล้วนะครับว่า
00:01:06 → 00:01:09 การกินคอลลาเจนเพื่อรักษาเข่าเสื่อมมัน
00:01:09 → 00:01:12 อาจจะไม่ได้ผลอะไรเลยกินยาหลอกอาจจะได้ผล
00:01:12 → 00:01:14 เหมือนกันเปี๊ยบเลยก็ได้เรื่องราวเรื่อง
00:01:14 → 00:01:17 นี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไรงานวิจัยชิ้น
00:01:17 → 00:01:20 นี้จะบอกอะไรเราได้บ้างวันนี้เดี๋ยวผมจะ
00:01:20 → 00:01:22 เล่าฟังนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนี
00:01:22 → 00:01:24 ธนียวันณเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศ
00:01:24 → 00:01:26 สหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่าย
00:01:26 → 00:01:30 ปอดและวิกฤตบำบัดนะครับผมต้องขอบอกอย่าง
00:01:30 → 00:01:32 นี้ก่อนนะครับว่าเข่าเสื่อมของเราที่เกิด
00:01:32 → 00:01:34 ขึ้นเนี่ยมันเกิดขึ้นเพราะว่าอายุที่
00:01:34 → 00:01:37 เพิ่มขึ้นด้วย 1 อย่างอย่างที่ 2 ก็คือ
00:01:37 → 00:01:39 เรื่องของการกระทบกระแทกที่มันเป็นอยู่
00:01:39 → 00:01:42 เรื่อยๆนะครับเช่นถ้าเรามีน้ำหนักตัวที่
00:01:42 → 00:01:44 เยอะนะครับแรงกระทบกระแทกที่ข้อเข่าเนี่ย
00:01:44 → 00:01:47 มันก็จะเยอะตามไปด้วยถ้าเรามีการบาดเจ็บ
00:01:47 → 00:01:50 ข้อเข่ามันก็จะเสื่อมง่ายกว่าคนที่ไม่เคย
00:01:50 → 00:01:52 มีการบาดเจ็บที่ข้อเข่านะครับแล้วในข้อ
00:01:52 → 00:01:56 เข่าของเราเนี่ยมันจะมีน้ำหล่อเลี้ยงข้าง
00:01:56 → 00:01:59 ในแล้วก็ตัวกระดูกอ่อนอยู่ข้างในนะครับ
00:01:59 → 00:02:01 กระดูกอ่อนตัวนี้นี่แหละที่มันจะเสื่อมไป
00:02:01 → 00:02:04 ตามกาลเวลาได้เวลาที่มีอะไรมากระทบกระแทก
00:02:04 → 00:02:07 มันนะครับแล้วก็อายุที่เพิ่มขึ้นทีนี้
00:02:07 → 00:02:09 ครับกระดูกอ่อนเหล่าเนี้ยมันมีส่วนประกอบ
00:02:09 → 00:02:12 อันนึงซึ่งสำคัญมากๆนั่นก็คือคอลลาเจน
00:02:12 → 00:02:16 ชนิดที่ 2 นะครับดังนั้นแล้วเนี่ยหลายคน
00:02:16 → 00:02:18 ที่เขา้าทำเรื่องของอาหารเสริมเขาก็มี
00:02:18 → 00:02:21 ความคิดว่าเอ๊ะถ้าเกิดว่าเราเอาคอลลาเจน
00:02:21 → 00:02:23 ชนิดที่ 2 ใส่เข้าไปในข้อเข่านะครับไม่
00:02:23 → 00:02:26 ว่าจะเป็นฉีดเข้าไปหรือกินเข้าไปเนี่ยมัน
00:02:26 → 00:02:28 น่าจะต้องดีเนาะเพราะว่ามันไปเสริมทำให้
00:02:28 → 00:02:31 ตัวกระดูกอ่อนเนี่ยสร้างได้ดีก็จะป้องกัน
00:02:31 → 00:02:34 แล้วก็ชะลอหรือว่าอาจจะรักษาเรื่องข้อ
00:02:34 → 00:02:37 เข่าเสื่อมก็ได้นะครับอันนี้เป็นความคิด
00:02:37 → 00:02:39 ที่เกิดขึ้นและแน่นอนก็ความคิดแบบเนี้ย
00:02:39 → 00:02:41 มันก็เช่นเดียวกับความคิดของอาหารเสริม
00:02:41 → 00:02:45 ชนิดอื่นๆเพราะหลายครั้งปัญหาของอาหาร
00:02:45 → 00:02:49 เสริมก็คือมันไม่มีการทดลองระยะยาวใน
00:02:49 → 00:02:52 มนุษย์เวลาที่เขา้าจะเอาตัวนึงมาใช้ได้
00:02:52 → 00:02:55 เนี่ยครับเค้าบอกว่าเออเห็นในถหลอดทดลอง
00:02:55 → 00:02:57 เนี่ยมันดีกลไกของมันน่าจะดีอันนี้ต้าน
00:02:57 → 00:03:01 อนุมูลอิสระอ่าแสดงว่ามันน่าจะต้องลดแก่
00:03:01 → 00:03:04 นะครับลดการอักเสบในร่างกายได้นะฮะหรือ
00:03:04 → 00:03:06 ว่ามันน่าจะมีกลไกในการชะลอวัยหรืออะไร
00:03:06 → 00:03:09 ซักอย่างได้แต่เอาจริงๆครับมันยังไม่ได้
00:03:09 → 00:03:11 ทดลองในคนเลยเพียงแต่ว่าพอมีกลไกแบบนี้
00:03:11 → 00:03:15 แล้วถ้าเราเป็นคนที่เป็นนักธุรกิจหัวใส
00:03:15 → 00:03:18 อยากจะทำก่อนเราต้องรีบทำก่อนเพราะถ้าเรา
00:03:18 → 00:03:20 ไปทำช้าเกิดมันได้ผลมาแล้วเนี่ยเราออก
00:03:20 → 00:03:23 สตาร์ทช้าออกตัวช้าเราอาจจะไม่ได้ผลกำไร
00:03:23 → 00:03:25 ก็ได้คนที่ทำอาหารเสริมเนี่ยเนี่ยมันจะ
00:03:25 → 00:03:29 เป็นแบบเนี้ยทำให้เราต้องมาดูว่ามันมีข้อ
00:03:29 → 00:03:32 มูลอะไรสนับสนุนแค่ไหนนะครับดังนั้นเนี่ย
00:03:32 → 00:03:35 ผมจะขอเอางานวิจัยวันนี้มีงานวิจัยทั้ง
00:03:35 → 00:03:38 หมด 3 ตัวมาให้ดูแล้วเดี๋ยวสุดท้ายจะสรุป
00:03:38 → 00:03:41 ให้ฟังว่าตกลงแล้วคอลลาเจนกับอาการเข่า
00:03:41 → 00:03:44 เสื่อมเนี่ยมันจะได้ผลไม่ได้ผลอย่างไรยัง
00:03:44 → 00:03:47 ไงบ้างนะครับไปดูงานวิจัยตัวแรกที่มาจาก
00:03:47 → 00:03:49 ประเทศไทยก่อนนะครับตัวนี้เนี่ยเพิ่งตี
00:03:49 → 00:03:54 พิมพ์ลงในวารสารอ่าในวันที่ 2 กันยายนที่
00:03:54 → 00:03:56 ผ่านมานี่เองนะครับเพิ่งตีพิมพ์ตอนนี้เอง
00:03:56 → 00:03:58 ผมก็เปิดไว้ให้ทุกคนดูด้วยนะครับอ่าชื่อ
00:03:58 → 00:04:01 มันคือนี่ Efficacy of Combine and
00:04:01 → 00:04:03 Nature type 2 Collagen and Hydroly
00:04:03 → 00:04:05 Collagen Supplementation in
00:04:05 → 00:04:07 Neosteroarthritis Aomized control
00:04:07 → 00:04:11 Trial อันเนี้ยมันเป็นการทำการทดลองซึ่ง
00:04:11 → 00:04:15 มีการให้ยาหลอกแล้วก็การให้คอลลาเจนนะ
00:04:15 → 00:04:17 ครับเา้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มชัดเจนแล้วแต่ละ
00:04:17 → 00:04:19 กลุ่มเนี่ยไม่รู้ด้วยว่าตัวเองกินอะไร
00:04:19 → 00:04:21 เข้าไปซึ่งอันเนี้ยเวลาจะทำงานวิจัยมัน
00:04:21 → 00:04:24 ต้องทำแบบนี้ครับเพราะว่าถ้าแต่ละคนรู้
00:04:24 → 00:04:27 ว่าตัวเองได้รับอะไรเข้าไปมันก็อาจจะมี
00:04:27 → 00:04:30 อคติก็ได้ที่สำคัญไม่ใช่แค่ผู้ป่วยเท่า
00:04:30 → 00:04:33 นั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองได้รับอะไรไปหมอก็
00:04:33 → 00:04:36 ไม่รู้ด้วยว่าผู้ป่วยคนเนี้ยได้ยาตัวไหน
00:04:36 → 00:04:38 เพราะถ้าเกิดหมอรู้หมออาจจะมีอคติในการ
00:04:38 → 00:04:40 วิเคราะห์ก็ได้นะครับอันเนี้ยเราเรียกว่า
00:04:40 → 00:04:42 double blind ก็คือหมอก็ไม่รู้คนไข้ก็
00:04:43 → 00:04:45 ไม่รู้มันมีแต่เขียนตัวเลขไว้แล้วก็ตอน
00:04:45 → 00:04:48 หลังจะมีการเฉลยว่าอ๋อใครได้อะไรไปนะครับ
00:04:48 → 00:04:50 นี้คือจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดนะครับงั้น
00:04:50 → 00:04:53 งานวิจัยชิ้นเนี้ยทำเรื่องนี้แล้วก็บอก
00:04:53 → 00:04:55 ว่าผลิตภัณฑ์คอลลาเจนเมื่อเทียบกับยาหลอก
00:04:55 → 00:04:59 แล้วทั้ง 2 กลุ่มนะครับมันดีขึ้นแต่ว่าผล
00:04:59 → 00:05:02 ไม่แตกต่างกันเลยแปลว่าอะไรแปลว่าคุณกิน
00:05:02 → 00:05:05 ยาหลอกคุณก็ดีขึ้นได้ครับคุณไม่จำเป็น
00:05:05 → 00:05:07 ต้องไปกินคอลลาเจนคุณก็ดีขึ้นแล้วในงาน
00:05:07 → 00:05:10 เนี้ยเาค้าพบว่าทั้ง 2 วิธีไม่ว่าคุณจะ
00:05:10 → 00:05:13 กินยาหลอกหรือคุณจะกินคอลลาเจนนะครับใน
00:05:13 → 00:05:15 ช่วง 2 สัปดาห์แรกอ่ะมันจะดีขึ้นเยอะ
00:05:15 → 00:05:17 หน่อยหลังจากนั้นมันจะเริ่มไม่ค่อยดีขึ้น
00:05:17 → 00:05:20 เท่าไหร่และนะครับงานวิจัยอันนี้เค้าทำใน
00:05:20 → 00:05:23 ตัวอย่างทั้งหมด 68 คนนะครับโดยแบ่งครึ่ง
00:05:23 → 00:05:25 ครึ่งๆนะครึ่งนึงได้คอลลาเจนอีกครึ่งนึง
00:05:25 → 00:05:28 ก็ได้ยาหลอกนะครับเอาคนที่มีข้อเข่า
00:05:28 → 00:05:30 เสื่อมแบบเล็กน้อยถึงปานกลางมาแล้วก็ทำ
00:05:30 → 00:05:33 การทดสอบโดยการกินพวกเนี้ยไปทั้งหมด 3
00:05:33 → 00:05:35 เดือนด้วยกันนะครับสิ่งที่เขา้าให้กินนะ
00:05:35 → 00:05:40 ครับมีอันนี้เป็นตัว Undenature Type 2
00:05:40 → 00:05:42 คอลลาเจน 20 มกันะครับแล้วก็ Hydrol
00:05:42 → 00:05:46 คอลลาเจน 480 มกรัต่อวันนะครับตรงนี้
00:05:46 → 00:05:50 สำคัญยังไงมันจะสำคัญถ้าเกิดว่าเราเอาไป
00:05:50 → 00:05:52 เทียบกับงานวิจัยอื่นๆเพราะว่าเราต้องรู้
00:05:52 → 00:05:55 ว่าตกลงกินเท่าไหร่นะครับกินไปนานแค่ไหน
00:05:55 → 00:05:57 กินอย่างไรมันถึงจะไปเปรียบเทียบกับงาน
00:05:57 → 00:06:00 วิจัยตัวอื่นๆได้นะครับดังนั้นงานวิจัย
00:06:00 → 00:06:04 จากไทยอันเนี้ยเค้ามีการทำงานวิจัยที่รัฐ
00:06:04 → 00:06:06 กลุ่มนะครับก็มีการแบ่งกลุ่มชัดเจนแต่ละ
00:06:07 → 00:06:08 กลุ่มก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองได้รับอะไรหมอ
00:06:08 → 00:06:11 ก็ไม่รู้ด้วยแล้วก็ติดตามไป 3 เดือนนะ
00:06:11 → 00:06:14 ครับปรากฏว่าทั้ง 2 กลุ่มเนี้ยมันไม่ต่าง
00:06:14 → 00:06:17 กันทั้ง 2 กลุ่มดีขึ้นนะแต่ไม่ต่างกันเออ
00:06:17 → 00:06:20 แปลว่าถ้าเราดูจากงานวิจัยชิ้นเนี้ย
00:06:20 → 00:06:22 คอลลาเจนไม่น่าได้คน
00:06:22 → 00:06:26 แต่อ่านแค่นี้ก็ยังไม่ทะลุปลูกโปร่งเวลา
00:06:26 → 00:06:29 ที่คุณอ่านเนี่ยคุณจะต้องดูว่ามันมีอะไร
00:06:29 → 00:06:33 มั้ยที่อธิบายว่าทำไมมันถึงไม่ได้ผลได้
00:06:33 → 00:06:36 ข้อแรกนะครับเราต้องทราบบางอย่างคือ
00:06:36 → 00:06:41 กระบวนการที่พวกกระดูกอ่อนต่างๆเนี่ยมัน
00:06:41 → 00:06:43 จะเอาคอลลาเจนไปใช้แล้วก็เสริมสร้างขึ้น
00:06:43 → 00:06:46 มาใหม่เนี่ยมันใช้เวลานานใช้เวลาหลาย
00:06:46 → 00:06:49 อาทิตย์จนถึงหลายเดือนได้ดังนั้นเนี่ย 3
00:06:49 → 00:06:51 เดือนเนี่ยมันอาจจะสั้นไปหน่อย
00:06:51 → 00:06:53 นะครับอ่ะ 3 เดือนอาจจะสั้นไปหน่อยเรา
00:06:53 → 00:06:55 ต้องมาดูซิว่างานไว้ใจตัวอื่นเนี่ยเขาทำ
00:06:56 → 00:06:58 นานเท่านี้หรือว่าน้อยกว่านี้หรือมันมาก
00:06:58 → 00:07:00 กว่านี้หรือยังไงนะครับอันนี้คือต้องเก็บ
00:07:00 → 00:07:03 ไว้ในหัวทดไว้ 1 อันและอันที่ 2 นะครับ
00:07:03 → 00:07:06 จำนวนตัวอย่างไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ถูกมั้
00:07:06 → 00:07:08 ครับเวลาเราทดลองอย่างวัคซีนเวลาทดลอง
00:07:08 → 00:07:12 เนี่ยทดลองเป็นหมื่นคนถูกมั้ยอ่างานวิจัย
00:07:12 → 00:07:15 โรคหัวใจอ่าทดลองเป็นหลักพันหลักหมื่นคน
00:07:15 → 00:07:17 แต่ไอ้นี่หลักสิบคนเอ๊ะมันน้อยไปหน่อย
00:07:17 → 00:07:19 หรือเปล่ามันอาจจะทำให้เราไม่เห็นภาพก็
00:07:19 → 00:07:23 ได้เพราะว่าเวลาที่เราจะดูเรื่องของนัยยะ
00:07:23 → 00:07:25 สำคัญทางสถิติเนี่ยถ้ากลุ่มตัวอย่างเรา
00:07:25 → 00:07:28 เล็กเกินไปเราจะไม่สามารถวินิจฉัยไม่ได้
00:07:28 → 00:07:31 สามารถวัดตรงนี้ได้มันจะไม่เห็นถึงนัยยะ
00:07:31 → 00:07:33 สำคัญทางสถิติได้นะครับอ่าดังนั้นอันนี้
00:07:33 → 00:07:35 อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้ในใจว่า
00:07:35 → 00:07:39 เอ๊ตัวอย่างมันน้อยไปหรือเปล่าอันที่ 3
00:07:39 → 00:07:43 ปริมาณคอลลาเจนน้อยไปมนะครับเพราะถ้ามัน
00:07:43 → 00:07:46 น้อยไปอ่ะมันก็ไม่ได้ผลสิครับถูกมยอ่า
00:07:46 → 00:07:48 อันเนี้ยเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งเราต้องคิดว่า
00:07:48 → 00:07:51 มันเป็นไปได้หรือเปล่าแล้วเอา 3 อย่าง
00:07:51 → 00:07:52 เนี้ยไปเทียบกับงานวิจัยอื่นๆที่เกี่ยว
00:07:52 → 00:07:55 ข้องกับคอลลาเจนในกรณีโรคข่าวเสื่อมว่า
00:07:55 → 00:07:57 เค้าทำแบบไหนเค้าได้ผลหรือเปล่านะครับตรง
00:07:57 → 00:08:01 นี้ต้องเก็บไว้สิ่งนึงซึ่งต้องบอกว่าเอ่อ
00:08:01 → 00:08:04 ของเค้าที่มีการแบ่งกลุ่มทดลองกับกลุ่มยา
00:08:04 → 00:08:05 หลอกเนี่ยครับที่ต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
00:08:05 → 00:08:09 เนี้ยทุกอย่างนอกเหนือจากตัวยานี้จะต้อง
00:08:09 → 00:08:12 เหมือนกันหมดนะเช่นการตรวจติดตามผลจะต้อง
00:08:12 → 00:08:14 ตรวจบ่อยเท่ากันถ้าโทรตามคนไข้ก็ต้องโทร
00:08:14 → 00:08:17 เหมือนกันอ่าการออกกำลังกายการได้ยาแก้
00:08:17 → 00:08:20 ปวดทุกๆอย่างต้องเหมือนกันหมดเลยจะมีอะไร
00:08:20 → 00:08:23 ต่างกันได้แค่อย่างเดียวนั่นก็คือเรื่อง
00:08:23 → 00:08:25 ยาจริงกับยาหลอกเท่านั้นซึ่งกรณีงานวิจัย
00:08:25 → 00:08:30 เนี้ยเค้าทำได้ดีนะครับอ่ะในปีเดียวกัน
00:08:30 → 00:08:34 มันก็มีอีกงานวิจัยออกมาก่อนหน้านี้เพียง
00:08:34 → 00:08:36 แค่ 2 เดือนเท่านั้นเองนะครับงานวิจัย
00:08:36 → 00:08:39 ชิ้นนี้นะครับทำมาจากคนที่ออสเตรียแล้วก็
00:08:39 → 00:08:43 เยอรมันนะครับออกมาในวันที่ 15 กรกฎาคม
00:08:43 → 00:08:45 ที่ผ่านมานะฮะงานวิจัยตัวนี้เนี่ยชื่อว่า
00:08:45 → 00:08:47 Effects of Cardilage Supporting
00:08:47 → 00:08:49 Nutritional Supplementation on
00:08:49 → 00:08:52 neaprasek
00:08:52 → 00:08:55 randomized double blind controlled
00:08:55 → 00:09:01 pilot study อัน
00:09:01 → 00:09:03 หนึ่งคือตัวนี้ก็เป็น randomized control
00:09:03 → 00:09:05 tribe เหมือนกับกรณีงานของประเทศไทยเลย
00:09:05 → 00:09:09 นะครับแต่ว่ามันพูดชื่อผลิตภัณฑ์แบบพูด
00:09:09 → 00:09:12 ชื่อสินค้าตรงๆเลยอ่ะผลิตภัณฑ์ที่เขาใช้
00:09:12 → 00:09:14 คือนี่เลย Dr.
00:09:14 → 00:09:17 Gear length complex นะครับคือเอาชื่อ
00:09:17 → 00:09:20 ไอ้ตัวเนี้ยมีขายด้วยนะมีขายผมไปหามา
00:09:20 → 00:09:24 แล้วะนะครับราคาก็ถ้าตีเป็นเงินไทยก็หลัก
00:09:24 → 00:09:27 เอ่อหลักพันกว่าบาทต่อเดือนนะครับอาจจะ
00:09:27 → 00:09:29 มากกว่านั้นด้วยซ้ำไปถ้าเกิดมันมาที่
00:09:29 → 00:09:31 ประเทศไทยนะครับผลิตภัณฑ์ตัวนี้หาได้มัน
00:09:31 → 00:09:36 มีจริงๆให้ดูเลยนะครับแล้วก็เค้าทำการทด
00:09:36 → 00:09:39 ลองเนี่ยคล้ายกับของไทยก็คือแบ่งเป็น 2
00:09:39 → 00:09:41 กลุ่มนะครับแต่ละกลุ่มเนี่ยก็มีกลุ่มนึง
00:09:41 → 00:09:44 ได้ยาหล่ออีกกลุ่มนึงได้ยายาจริงก็คือไอ้
00:09:44 → 00:09:46 ตัวเนี้ย Dr. Geng complex เนี่ยนะครับ
00:09:46 → 00:09:49 แล้วที่สำคัญก็คือทั้ง 2 กลุ่มถ้านอก
00:09:49 → 00:09:50 เหนือจากตัวยาจริงยาหลอกแล้วทุกอย่าง
00:09:50 → 00:09:53 เหมือนกันหมดเลยนะครับ
00:09:53 → 00:09:56 แล้วเค้าเจอว่าทั้ง 2 กลุ่มเนี้ยมันก็ดี
00:09:56 → 00:10:00 ขึ้นแต่มันก็ไม่แตกต่างกันถ้าเกิดว่าเรา
00:10:00 → 00:10:04 เข้าไปอ่านงานวิจัยตัวเนี้ยผมมองว่ามันมี
00:10:04 → 00:10:06 ความผิดพลาดบางอย่างอยู่ถ้าเกิดคุณเข้าไป
00:10:06 → 00:10:09 อ่านจริงๆนะเออตรงนี้ต้องเข้าไปอ่านนะถึง
00:10:09 → 00:10:13 จะรู้ได้เท่านั้นถ้าคุณดูเฉพาะที่เค้า
00:10:13 → 00:10:16 เขียนนะเค้าจะบอกว่าในกลุ่มที่ใช้ดร. Boms
00:10:16 → 00:10:20 เนี่ยตัวเนี้ยมันดีขึ้นอ่ามันดีขึ้นนะ
00:10:20 → 00:10:22 เค้าบอกว่ามันดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเลย
00:10:22 → 00:10:25 เมื่อเทียบกับตัวของเขาเองก็คือในผู้ป่วย
00:10:25 → 00:10:28 คนเนี้ยเคกินไปแล้วก็บอกเอ้ยมันดีขึ้นแต่
00:10:28 → 00:10:31 ถ้าเป็นในกลุ่มยาหลอกมันไม่ค่อยดีขึ้น
00:10:31 → 00:10:35 เค้าบอกอย่างี้นะแต่สุดท้ายเค้าบอกว่าถ้า
00:10:35 → 00:10:37 เอา 2 กลุ่มเนี้ยมาเทียบกันมันดันไม่ต่าง
00:10:37 → 00:10:41 กันแฮะหมายความว่ายังไงต้องมีอะไรสัก
00:10:41 → 00:10:43 อย่างที่มันเป็นปัญหาแน่ๆถ้าคุณเข้าไปดู
00:10:43 → 00:10:46 ในงานวิจัยมันจะมีกราฟถ้าใครอ่านเรื่อง
00:10:46 → 00:10:49 สถิติเป็นนะครับเราจะรู้เลยว่าสิ่งที่เ
00:10:49 → 00:10:53 พูดว่าแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญก็คือดี
00:10:53 → 00:10:55 ขึ้นอย่างมีนยาสำคัญของคนที่กินดร.โมส
00:10:55 → 00:10:59 เนี่ยมันไม่ได้แตกต่างอย่างมีนัยะสำคัญ
00:10:59 → 00:11:01 คุณเข้าไปดูรูปก็ได้จะรู้ว่าเป็นอย่างที่
00:11:01 → 00:11:03 ผมพูดนะครับดังนั้นงานวิจัยพวกเนี้ยคุณ
00:11:03 → 00:11:05 เชื่อไม่ได้คุณต้องอ่านทั้งหมดเองนะครับ
00:11:05 → 00:11:08 ถึงจะตอบได้นะแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามครับ
00:11:08 → 00:11:11 ทั้ง 2 อันเนี้ยเราสามารถบอกได้คร่าวๆว่า
00:11:11 → 00:11:13 มันดีขึ้นทั้ง 2 กลุ่มแล้วมันก็ไม่แตก
00:11:13 → 00:11:16 ต่างกันไม่ว่าคุณจะใช้ยาจริงหรือยาหล่อ
00:11:16 → 00:11:18 แต่ว่างานทดลองครั้งเนี้ย
00:11:18 → 00:11:22 มันมีตัวอย่างแค่ 54 คนเองน้อยกว่างานทด
00:11:22 → 00:11:24 ลองของไทยอีกแถมเวลาเค้าแบ่งกลุ่มนะครับ
00:11:24 → 00:11:27 เค้ายังแบ่งแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง
00:11:27 → 00:11:30 มากกว่ากลุ่มควบคุมกลุ่มทดลองมี 36 คน
00:11:30 → 00:11:34 กลุ่มยาหลอกมี 18 คนนะครับความรุนแรงของ
00:11:34 → 00:11:37 ข้อเข่าเนี่ยเหมือนกันเล็กน้อยถึงปานกลาง
00:11:37 → 00:11:40 แล้วก็ใช้ทดสอบ 3 เดือนเท่ากันหมดเลยนะ
00:11:40 → 00:11:43 ครับแต่สิ่งที่ต่างไปมันอยู่ตรงนี้ครับ
00:11:43 → 00:11:46 ส่วนประกอบของ bom scalent complex ที่
00:11:46 → 00:11:49 เขามีเนี่ยผมได้ทำการทำตัวสีแดงไว้ให้ละ
00:11:49 → 00:11:53 คือไอ้ตัว 1 เม็ดเนี่ยมันประกอบไปด้วยสาร
00:11:53 → 00:11:55 หลายตัวมากเลยนะครับเยอะแยะไปหมดเลยไม่
00:11:55 → 00:11:58 ว่าจะเป็นกลูโคซามีนนะครับคอนโดรติน
00:11:58 → 00:12:01 ซัลเฟตแล้วก็อ่าตัวอื่นๆเยอะแยะไปหมดแต่
00:12:01 → 00:12:04 ตัวที่เน้นๆเนี่ยก็จะมีคอลลาเจน complex
00:12:04 → 00:12:07 นะครับ natural form กับคอลเagen type 2
00:12:07 → 00:12:09 ซึ่งตรงนี้เนี่ย
00:12:09 → 00:12:12 ต้องบอกว่าเค้ากิน 2 เม็ดต่อวัน 1 เม็ด
00:12:12 → 00:12:14 เช้าแล้วก็ 1 เม็ดเย็นแปลว่าเขาจะได้
00:12:14 → 00:12:18 คอลลาเจน Type 2 ทั้งหมด 120 มกรัแล้วก็
00:12:18 → 00:12:19 ได้คอลลาเจน complex Natural Form ทั้ง
00:12:19 → 00:12:24 หมด 200 มกรัเป็นไงครับแตกต่างจากกรณีของ
00:12:24 → 00:12:26 งานวิจัยของไทยเมื่อกี้นะครับของไทยเมื่อ
00:12:26 → 00:12:29 กี้ถ้าเป็น Type 2 คอลลาเจนได้ 20 นะ
00:12:29 → 00:12:33 ครับแต่ของงานเนี้ยได้ 120 นะครับส่วน
00:12:33 → 00:12:37 Hydrol คอลลาเagนของไทยได้ 480 งานครั้ง
00:12:37 → 00:12:39 เนี้ยคือเขาค้าทำ Complex คอลลาเจนเนี่ย
00:12:39 → 00:12:41 ได้ 100
00:12:41 → 00:12:44 ต่อครั้งก็กิน 2 ครั้งก็ 200 ก็คือยัง
00:12:44 → 00:12:47 น้อยอยู่นะครับงานตัวเนี้ยมันมีข้อบก
00:12:47 → 00:12:52 พร่องตรงไหนเออลองคิดตามผมนะครับอ่ะแน่
00:12:52 → 00:12:54 นอนงานทั้ง 2 อย่างเนี้ยมันสรุปออกมาได้
00:12:54 → 00:12:58 เหมือนกันว่าคุณกินมันก็ดีขึ้นทั้งคู่ไม่
00:12:58 → 00:13:01 ว่าคุณจะกินยาหลอกหรือคุณจะกินยาจริงดี
00:13:01 → 00:13:03 ขึ้นทั้งคู่นะแต่มันไม่แตกต่างกันสรุปว่า
00:13:03 → 00:13:06 ถ้าคุณเชื่อ 2 งานเนี้ยคอลลาเจนไม่ช่วย
00:13:06 → 00:13:11 อะไรเลยเออนะถ้าเชื่อ 2 งานนี้นะแต่มันมี
00:13:11 → 00:13:15 ข้อบกพร่องเช่นเดียวกัน 2 งานนี้งานที่ 2
00:13:15 → 00:13:17 เนี่ยนะครับงานของเยอรมันกับออสเตรีย
00:13:17 → 00:13:19 เนี่ยนะครับก็แน่นอนครับจำนวนตัวอย่าง
00:13:19 → 00:13:21 น้อยอ่านี้ตัวอย่างน้อยนะมันอาจจะไม่เห็น
00:13:21 → 00:13:24 ถึงนัยยะสำคัญทางสถิติสถิติก็ได้นะครับ
00:13:24 → 00:13:26 อันที่ 2 ทดสอบแค่ 3 เดือนอย่างที่ผมบอก
00:13:26 → 00:13:28 บางทีมันต้องนานกว่านั้นนะครับอันที่ 3
00:13:28 → 00:13:31 คือปริมาณคอลลาเจนเนี่ยเอ๊ะมันชักไม่เท่า
00:13:31 → 00:13:36 กันแล้วแฮะอันเนี้ดูเหมือนจะมากกว่าแต่
00:13:36 → 00:13:39 อย่าลืมนะครับว่าคอลลาเจนที่เขา้าเขียน
00:13:39 → 00:13:42 เนี่ยมันไม่ได้เขียนด้วยคำศัพท์คำเดียว
00:13:42 → 00:13:44 กันแปลว่ามันอาจจะไม่ใช่ฟอร์มเดียวกันก็
00:13:44 → 00:13:48 ได้นะครับเช่นคอลลาเจน type ที่ 2
00:13:48 → 00:13:52 มันไม่ได้เขียนชัดเจนว่าเป็น undenat
00:13:53 → 00:13:57 Type 2 เออถ้าเป็นของไทยเขียน undenager
00:13:57 → 00:14:00 คอลลาเจน type ที่ 2 อันนี้ไม่ได้เขียน
00:14:00 → 00:14:03 คุณจะอนุโลมอนุมานว่ามันเป็นเช่นนั้นไม่
00:14:03 → 00:14:06 ได้การวิจัยการทดลองไม่มีอนุโลมมันต้อง
00:14:06 → 00:14:09 เขียนมาให้เป๊ะนะครับไม่งั้นเชื่อไม่ได้
00:14:09 → 00:14:12 ตัวที่ 2 คือ collagen complex natural
00:14:12 → 00:14:15 form อันนี้คืออะไร
00:14:15 → 00:14:18 เออมันแตกต่างจาก hydrol นะครับมันคนละ
00:14:18 → 00:14:20 อย่างกันดังนั้นอันเนี้ยอาจจะเป็นไฮดรไลส
00:14:20 → 00:14:22 ก็ได้อาจจะเป็นไอโซolateก็ได้หรืออาจจะ
00:14:22 → 00:14:25 เป็นอย่างอื่นก็ได้ดังนั้นตัวนี้เนี่ย
00:14:25 → 00:14:28 เป็นการทดลองที่ศาลมันดูเหมือนจะคล้ายกัน
00:14:28 → 00:14:31 กับของงานวิจัยของไทยแต่มันไม่ใช่ตัว
00:14:31 → 00:14:33 เดียวกันฟอร์มเดียวกันเป๊ะๆดังนั้นคุณ
00:14:33 → 00:14:35 ต้องคิดอย่างเงี้ยไว้ในหัวนิดนึงว่าเออ
00:14:35 → 00:14:39 มันอาจจะมีปัญหาก็ได้นะอ่ะแต่สมมุติถ้า
00:14:39 → 00:14:41 เกิด 2 ตัวนี้มันดันกันเป็นตัวเดียวกับ
00:14:41 → 00:14:44 ที่ประเทศไทยใช้อ่ะคอลลาเจนไนี่ก็เป็นแบบ
00:14:44 → 00:14:46 undagature นะครับส่วนไอ้คอลเagen
00:14:46 → 00:14:48 natural form เนี่ยก็เป็นแบบ hydrol
00:14:48 → 00:14:52 cลenก็แปลว่างานวิจัยชิ้นเนี้ยชัใช้เยอะ
00:14:52 → 00:14:55 กว่าในเรื่องของคอลลาเagน type 2 แต่
00:14:55 → 00:14:57 น้อยกว่าในเรื่องของคอลลาagen complex
00:14:57 → 00:15:00 อืมแล้วมันก็ยังไม่ได้ผลด้วย
00:15:01 → 00:15:04 อ่าทีนี้ผมก็จะทำให้ทุกคนเห็นถึงเรื่อง
00:15:04 → 00:15:07 ของงานวิจัยชิ้นที่ 3 ซึ่งน่าจะมี
00:15:07 → 00:15:10 ประโยชน์มากกว่านะครับงานตัวนี้ตีพิมพ์มา
00:15:10 → 00:15:14 เมื่อปีที่แล้วนะครับเดือนพฤษภาคมปี 2024
00:15:14 → 00:15:17 นะครับมีชื่อว่า Efficacy and Safety
00:15:17 → 00:15:19 of Colagen derivatives for
00:15:19 → 00:15:21 osteoarthris at trial sequence
00:15:21 → 00:15:23 Metaanalysis
00:15:23 → 00:15:26 อันเนี้ยมันเป็นการทำ metaanalysis หมาย
00:15:26 → 00:15:29 ความว่ามันเอางานแบบเมื่อกี้ randomiz
00:15:29 → 00:15:32 control type หลายๆงานน่ะมารวมกันนะ
00:15:32 → 00:15:36 ครับแล้วก็ดูผลเพราะว่า
00:15:36 → 00:15:39 มันมีจำนวนตัวอย่างเนี่ยน้อยมากในแต่ละ
00:15:39 → 00:15:42 งานเมื่อกี้ผมบอกแล้วครับถ้ามีจำนวนตัว
00:15:42 → 00:15:45 อย่างน้อยบางทีเราจะไม่เห็นถึงนัยยะสำคัญ
00:15:45 → 00:15:48 ทางสถิตินะครับเราจะไม่เห็นถึงความแตก
00:15:48 → 00:15:50 ต่างมันพูดง่ายๆเราต้องมีตัวอย่างเยอะๆ
00:15:50 → 00:15:52 มันถึงจะเห็นถึงความแตกต่างๆนะครับแล้ว
00:15:52 → 00:15:55 Meta analysis อันเนี้ยบอกว่าผลิตภัณฑ์
00:15:55 → 00:15:57 คอลลาเจนนะครับเมื่อเทียบกับยาหลอกเเจอ
00:15:57 → 00:16:00 ว่าอาการเจ็บและการทำงานของเข่ามันดีขึ้น
00:16:00 → 00:16:03 เล็กน้อยถึงปานกลางนะครับถ้าคุณใช้
00:16:03 → 00:16:07 คอลลาเจนอาการจะดีขึ้นซึ่งตรงกันข้ามกับ
00:16:07 → 00:16:09 งานวิจัยของไทยแล้วก็ของเยอรมันออสเตรถูก
00:16:09 → 00:16:12 มั้อันนั้นน่ะบอกว่ายาหลอกกับคอลลาเจนไม่
00:16:12 → 00:16:16 ต่างกันอันเนี้ยมันบอกว่ามันดีขึ้นเออ
00:16:16 → 00:16:19 ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะเราต้องมาดูราย
00:16:19 → 00:16:21 ละเอียดตรงนี้ครับอันเนี้ยเนี่ยเ้าเอางาน
00:16:21 → 00:16:24 วิจัยทั้งหมด 25 งานซึ่งประกอบไปด้วยคน
00:16:24 → 00:16:29 ทั้งหมด 2,856 คนมารวมกันถ้าเป็นงานเมื่อ
00:16:29 → 00:16:31 กี้ของไทยก็หลักสิบถูกมั้ยของเยอรมัน
00:16:31 → 00:16:34 ออสเตรียก็หลัก 10 เหมือนกันอันเนี้ยหลัก
00:16:34 → 00:16:36 พันนะครับแล้วก็เอาคนที่เป็นข้อข่าว
00:16:36 → 00:16:38 เสื่อมเล็กน้อยถึงปานกลางเหมือนกับของเรา
00:16:38 → 00:16:42 เปี๊ยบเลยทดสอบนานเฉลี่ย 3-6 เดือนนาน
00:16:43 → 00:16:45 กว่าของทั้งไทยแล้วก็ของออสเตรเยอรมันบาง
00:16:45 → 00:16:48 รายงานเนี่ยถึง 12 เดือนด้วยซ้ำไปแล้ว
00:16:48 → 00:16:51 คอลลาเจนที่เขาให้นะครับเฉลี่ยแล้วอันนี้
00:16:51 → 00:16:55 คือเฉลี่ยนะครับ 40 มกรั
00:16:55 → 00:16:57 ของ Undinature Collagen Type 2 40
00:16:57 → 00:17:01 มิกนะของไทยใช้เท่าไหร่ครับ 20 มกัต่อวัน
00:17:01 → 00:17:04 ที่นี่ใช้ 40 ก็สูงกว่า 2 เท่าส่วน
00:17:04 → 00:17:08 ไฮดรไลตคอลลาเจนของไทย 480 อันนี้ล่ะ
00:17:08 → 00:17:09 5,000-1,000
00:17:09 → 00:17:11 มกรั
00:17:11 → 00:17:16 5,000-1,000 มลกรัสูงกว่ากันมหาศาล
00:17:17 → 00:17:20 มันก็อาจจะบอกเราได้ว่าเอ๊ถ้าเกิดว่าเรา
00:17:20 → 00:17:24 จะใช้คอลลาเจนเพื่อการแก้ไขอาการเจ็บปวด
00:17:24 → 00:17:27 จากข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
00:17:27 → 00:17:30 เนี่ยเราน่าจะต้องใช้คอลลาเจน Type 2
00:17:30 → 00:17:34 ที่เป็นอย่างน้อย 40 มกรัต่อวันอย่างน้อย
00:17:34 → 00:17:38 นะแล้วก็ใช้ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนสูงมาก
00:17:38 → 00:17:42 5,000-1,000 มกรัต่อวันเป็นระยะเวลา
00:17:42 → 00:17:44 อย่างน้อยๆก็ 3 เดือนแล้วมักจะต้องกิน
00:17:44 → 00:17:48 เกิน 3 เดือนไปด้วยนะครับนี่คือการตีความ
00:17:48 → 00:17:51 แล้วก็งานวิจัยชิ้นเนี้ยมันมีคนจำนวนตัว
00:17:51 → 00:17:53 อย่างเยอะกว่าของไทยแล้วก็ของเยอรมัน
00:17:53 → 00:17:56 ออสเตรียมากทำให้มันอาจจะเห็นถึงความแตก
00:17:57 → 00:17:59 ต่างเล็กๆน้อยๆซึ่งงานที่มันมีตัวอย่าง
00:17:59 → 00:18:04 น้อยเนี่ยมองไม่เห็นนะครับนั่นแปลว่าอะไร
00:18:04 → 00:18:06 ถ้าเรามาดูอย่างเงี้ยสิ่งที่เราจะต้องถาม
00:18:06 → 00:18:09 คำถามต่อไปก็คือเฮ้ยกินคอลลาเจนเยอะขนาด
00:18:09 → 00:18:11 เนี้ยมีปัญหาอะไรป่ะมีผลเสียมันตายวาย
00:18:11 → 00:18:15 อะไรมั้ยงานวิจัยชิ้นนี้เค้าก็ไม่เจอว่า
00:18:15 → 00:18:17 มีผลเสียอะไรครับจากการเอางานวิจัยทุกทุก
00:18:17 → 00:18:20 งานมารวมกันก็ไม่เจอผลเสียอะไรดังนั้นถ้า
00:18:20 → 00:18:23 ให้สรุปนะครับต้องบอกอย่างี้ว่าหลักฐาน
00:18:23 → 00:18:27 เรื่องของคอลลาเจนเนี่ยมันยังอ่อนมากอ่อน
00:18:27 → 00:18:30 มากนะฮะแต่ถ้าเกิดคุณจะกินเพื่อหวังว่า
00:18:30 → 00:18:33 ข้อเข่าคุณจะดีขึ้นได้เนี่ยนะครับวิธีกิน
00:18:33 → 00:18:36 ก็คืออย่างน้อยๆคุณก็ต้องกิน Undenature
00:18:36 → 00:18:41 คอลเจน type 2 40 มกรัต่อวันและต้องกิน
00:18:41 → 00:18:45 Hydrol คอลลาเจนอย่างน้อย 5,000-1,000
00:18:45 → 00:18:48 มกรัหรือเรียกง่ายๆก็ 5 กรัม -10 กรัมอ่ะ
00:18:48 → 00:18:51 ต่อวันอันนี้คืออย่างน้อยถ้าตามหลักฐาน
00:18:51 → 00:18:54 ที่มีทั้งหมดนะครับแล้วต้องกินไปเกิน 3
00:18:54 → 00:18:58 เดือนแน่ๆถึงจะเริ่มเห็นผลที่ดีนะครับถึง
00:18:58 → 00:19:00 จะเริ่มเห็นผลส่วนมันจะเห็นผลจริงหรือ
00:19:00 → 00:19:02 เปล่านี่ตอบไม่ได้เหมือนกันเพราะว่าถ้า
00:19:02 → 00:19:04 เราเข้าไปดูรายละเอียดของ Meta Analysis
00:19:04 → 00:19:08 อันเนี้ยมันยังมีความแตกต่างกันของการทำ
00:19:08 → 00:19:11 วิจัยในเรื่องของงานที่เขาค้าเอามารวมใน
00:19:11 → 00:19:14 การศึกษาครั้งนี้พอสมควรนะครับดังนั้น
00:19:14 → 00:19:17 อันเนี้ยสรุปได้คร่าวๆแค่นี้ว่าถ้าเกิด
00:19:17 → 00:19:19 คุณอยากจะใช้คอลลาเจนนะคุณต้องใช้ปริมาณ
00:19:19 → 00:19:21 เท่านี้และเป็นระยะเวลานานแล้วเท่าที่ดู
00:19:21 → 00:19:23 เนี่ยมันไม่มีผลข้างเคียงเท่าที่อ่าเท่า
00:19:24 → 00:19:26 ที่อ่านมาจากงานวิจัยทั้งหมดรวมทั้งของ
00:19:26 → 00:19:29 ไทยแล้วก็ของเยอรมันออสเตรียเองด้วยนะ
00:19:29 → 00:19:33 ครับอย่างไรก็ตามครับคอลลาเจนอย่างเดียว
00:19:33 → 00:19:36 มันไม่ทำให้คุณดีขึ้นหรอกครับบอกได้เลย
00:19:36 → 00:19:41 เพราะว่าคอลลาเจนเนี่ยมันก็เหมือนคุณมี
00:19:41 → 00:19:44 อิฐมีปูนเวลาเราจะไปสร้างบ้านถ้าคุณเอา
00:19:44 → 00:19:47 อิฐเอาปูนไปกองไว้เฉยๆอ่ะบ้านมันก็ไม่
00:19:47 → 00:19:50 สร้างตัวเองถูกมั้ครับมันต้องมีคนมาสั่ง
00:19:50 → 00:19:53 ให้สร้างแล้วถึงเริ่มมีคนงานเอามันมาก่อ
00:19:53 → 00:19:56 สร้างคอลลาเจนก็เหมือนกันครับถ้าคุณเอา
00:19:56 → 00:19:59 คอลลาเจนเข้าไปในร่างกายแล้วไปกองไว้เฉยๆ
00:19:59 → 00:20:02 เนี่ยมันไม่สร้างหรอกครับกระดูกมันต้องมี
00:20:02 → 00:20:04 การกระตุ้นนะครับเช่นมีการใช้งานของข้อ
00:20:04 → 00:20:07 เข่าอย่างนี้เป็นต้นมันถึงจะเอาไปใช้อยู่
00:20:07 → 00:20:08 ตรงนั้นแล้วนี่เรายังไม่รู้ด้วยนะครับว่า
00:20:09 → 00:20:11 ไอ้คอลลาเจนที่เรากินเข้าไปมันจะไปถึงข้อ
00:20:11 → 00:20:13 เข่าหรือเปล่าหรือมันเอาไปใช้ที่อื่นก่อน
00:20:13 → 00:20:15 อ่านี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับเพราะ
00:20:15 → 00:20:17 ว่าคงจะต้องมีการตรวจหมดต่อไปนะฮะซึ่ง
00:20:17 → 00:20:20 ต้องบอกว่างานวิจัยในประเทศไทยแล้วก็ของ
00:20:20 → 00:20:22 ทางเอ่อเยอรมันออสเตรเนี่ยเค้าไม่ได้ดู
00:20:23 → 00:20:25 แค่อาการเจ็บปวดข้อเข่านะเดูอย่างอื่นอีก
00:20:25 → 00:20:29 นะครับเช่นค่าการอักเสบต่างๆของร่างกายนะ
00:20:29 → 00:20:32 ครับเ่อดูได้ว่าตัวกระดูกมันมีการสร้าง
00:20:32 → 00:20:34 เพิ่มขึ้นมั้ยซึ่งจริงๆในอนาคตอาจจะต้อง
00:20:34 → 00:20:36 มีการทำ MI ข้อเข่าเพื่อพิสูจน์ว่าตกลง
00:20:36 → 00:20:38 การใช้คอลลาเจนมันดีจริงหรือไม่ดีจริงนะ
00:20:38 → 00:20:42 ครับแน่นอนครับวิธีอื่นที่จะต้องใช้แน่ๆ
00:20:42 → 00:20:45 คือการออกกำลังกายออกกำลังกายข้อเข่า
00:20:45 → 00:20:48 เนี่ยเนี่ยทำยังไงนะฮะมันจะต้องเป็นการ
00:20:48 → 00:20:50 สร้างกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆเข่าก็คือตัว
00:20:50 → 00:20:53 กล้ามเนื้อ quadricep นะครับตรงหน้าขานะ
00:20:53 → 00:20:56 ครับกล้ามเนื้อสะโพกนะพวกนี้ต้องแข็งแรง
00:20:56 → 00:20:58 เพราะว่ามันจะได้พยุงข้อเข่าของเราไม่ให้
00:20:58 → 00:21:00 มันขยับเขยื้อนเยอะนะครับถ้าขยับเขยืน
00:21:00 → 00:21:04 เยอะมันก็จะมีปัญหาได้ถ้าคนไหนที่น้ำหนัก
00:21:04 → 00:21:07 ตัวเยอะมากเช่น BMI เกิน 27 เนี่ยต้องรีบ
00:21:07 → 00:21:09 ลดลงมาครับเพราะว่าไม่งั้นเขารับภาระเยอะ
00:21:09 → 00:21:13 มันก็จะต้องปวดเป็นแน่แท้นะฮะการออกกำลัง
00:21:13 → 00:21:15 กายอีกอย่างนึงที่ทำได้ก็คือวาริริมบำบัด
00:21:15 → 00:21:17 นะครับไปออกกำลังกายในน้ำนี่ก็จะช่วยเวลา
00:21:17 → 00:21:19 คนที่มีอาการเจ็บเขาจะได้ไม่ต้องมีการ
00:21:19 → 00:21:22 กระทบกระแทกเยอะนะฮะแล้วมันก็จะทำได้ด้วย
00:21:22 → 00:21:25 นะครับส่วนบางคนบอกว่าจะออกกำลังกายเพื่อ
00:21:25 → 00:21:28 ที่จะลดน้ำหนักลงมาอันนี้บอกเลยครับว่าทำ
00:21:28 → 00:21:31 ไม่ได้ทำไม่ได้มันจะต้องออกกำลังกายให้
00:21:31 → 00:21:33 เหนื่อยมากซึ่งคนที่ปวดเข่ามันทำไม่ได้
00:21:33 → 00:21:36 อยู่แล้วนะครับดังนั้นวิธีที่จะลดน้ำหนัก
00:21:36 → 00:21:40 ลงมาให้ได้ในคนพวกนี้ก็คือคุมอาหารครับ
00:21:40 → 00:21:43 คุมอาหารคุมแคลอรี่ก่อนเลยพวกน้ำหวานขนม
00:21:43 → 00:21:46 น้ำผลไม้เนี่ยเลิกไปก่อนหลายคนกินของพวก
00:21:46 → 00:21:48 นี้เป็นประจำน้ำหนักก็ขึ้นถ้าเกิดคุณหยุด
00:21:48 → 00:21:49 ไปบางคนน้ำหนักลงมาเองโดยที่ไม่ต้องทำ
00:21:49 → 00:21:51 อะไรเลยด้วยซ้ำไปนะฮะอันนี้เป็นสิ่งที่
00:21:51 → 00:21:54 สำคัญที่จะต้องทำให้ได้ถ้าเกิดทำไม่ได้ก็
00:21:54 → 00:21:56 จะมียาในกลุ่มลดน้ำหนักซึ่งเดี๋ยวเนี้ยก็
00:21:56 → 00:21:59 มีหลายคนเใช้กันแต่ว่าคุณจะต้องไปปรึกษา
00:21:59 → 00:22:01 คุณหมอก่อนว่าข้อดีข้อเสียของมันคืออะไร
00:22:01 → 00:22:04 การปรับยาจะทำแบบไหนเพราะว่ามันก็มีผล
00:22:04 → 00:22:06 ข้างเคียงเช่นกันนะครับเช่นตอนนี้มีการ
00:22:06 → 00:22:09 ฟ้องร้องเรื่องของตาบอดที่เกิดจากยาล้น
00:22:09 → 00:22:11 น้ำหนักเซมากลูไทนตัวนี้นี่แหละนะฮะแล้ว
00:22:11 → 00:22:13 บางคนก็มีอาการตับอ่อนอักเสบมีอาการคลื่น
00:22:13 → 00:22:14 ไส้อาเจียน
00:22:15 → 00:22:17 นะครับก็ต้องระมัดระวังกันด้วยถ้าใครจะ
00:22:17 → 00:22:19 ใช้ยาพวกนี้ก็ต้องทราบว่ามันมีข้อเสีย
00:22:19 → 00:22:21 เหมือนกันดังนั้นก็ต้องปรึกษาคุณหมอเสมอ
00:22:21 → 00:22:24 นะครับเพื่อที่จะใช้ในการลดน้ำหนักนะงั้น
00:22:24 → 00:22:27 2 อย่างแรกที่ต้องทำแน่ๆสร้างกล้ามรอบๆ
00:22:27 → 00:22:29 ข้อเข่าอย่างที่บอกไปนะครับถ้าไม่รู้จะ
00:22:29 → 00:22:32 สร้างยังไงไปเจอนักกายภาพครับหรือว่าใน
00:22:32 → 00:22:34 ยิมเนี่ยเครื่องอันไหนที่มันใช้ในการออก
00:22:34 → 00:22:37 กำลังกายกล้ามเนื้อขาคุณก็ทำเครื่องนั้น
00:22:37 → 00:22:39 เลยนะครับไม่ต้องไปใช้ฟรีไม่ต้องสquออะไร
00:22:39 → 00:22:42 เยอะแยะนะครับทำแค่ใช้เครื่องนี่แหละมัน
00:22:42 → 00:22:44 จะช่วยคุณได้เยอะเลยอาจจะจ้างเทรนเนอร์
00:22:44 → 00:22:47 หรืออะไรก็อันนี้แล้วแต่นะครับ 2 อย่าง
00:22:47 → 00:22:50 นี้เป็นตัวหลักที่ต้องทำลดน้ำหนักออก
00:22:50 → 00:22:53 กำลังกายต่อมาอาจจะมีการใช้เครื่องพยุง
00:22:53 → 00:22:56 รอบๆเข่าเช่นตัวรัดเข่าอันนี้ก็ช่วยได้นะ
00:22:56 → 00:22:59 ฮะหรือบางคนจะใช้ตัวที่เป็นเจลอมทาซึ่ง
00:22:59 → 00:23:02 เจลเนี่ยมีทั้งหมด 2 อย่างที่อาจจะได้ผล
00:23:02 → 00:23:06 ดีนะครับตัวแรกคือเจลพริกแคปไซซินเจลนะ
00:23:06 → 00:23:08 ครับตัวนี้ทาเฉยๆไม่ต้องนวดมันจะร้อนๆทา
00:23:08 → 00:23:11 ได้ประมาณวันละ 4 ครั้งนะครับตัวที่ 2
00:23:11 → 00:23:15 เป็นครีมพวกเซตเช่นไครฟxนะครับเจลเอามาทา
00:23:15 → 00:23:18 เอามานวดอันเนี้ยสามารถทำได้นะครับถ้ามัน
00:23:18 → 00:23:20 มากกว่านั้นอาจจะต้องใช้ยาแก้ปวดที่มัน
00:23:20 → 00:23:23 สูงกว่านั้นก็จำเป็นจะต้องไปปรึกษาคุณหมอ
00:23:23 → 00:23:25 ที่รักษาโรคนี้โดยเฉพาะแล้วถ้าเกิดมันสุด
00:23:25 → 00:23:28 ๆจริงๆอันเนี้อาจจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อ
00:23:28 → 00:23:30 เข่านะครับอ่าแต่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าก็
00:23:30 → 00:23:33 ต้องฝืนทนอาการเจ็บเพราะว่ามันจะต้องทำ
00:23:33 → 00:23:37 การกายภาพหลังจากที่ผ่าเสร็จถ้าเราไม่ทน
00:23:37 → 00:23:39 เจ็บเลยไม่ฝืนกายภาพเนี่ยหลังจากผ่าไป
00:23:39 → 00:23:42 แล้วมันอาจจะเดินไม่ค่อยดีนะครับอ่ะวัน
00:23:42 → 00:23:43 นี้ก็หวังว่าจะได้ความรู้ความเข้าใจ
00:23:43 → 00:23:45 เกี่ยวข้องกับเรื่องของงานวิจัยแล้วก็การ
00:23:45 → 00:23:48 ใช้คอลลาเจนถ้าเราจะใช้นะครับอย่างที่บอก
00:23:48 → 00:23:51 นะครับถ้าจะใช้อันเนี้ยยังไม่ยืนยันว่า
00:23:51 → 00:23:53 มันจะได้ประโยชน์จริงๆหรือเปล่าแต่ว่าจาก
00:23:53 → 00:23:55 งานวิจัยชิ้นเล็กๆหลายอันที่เอามารวมกัน
00:23:55 → 00:23:58 เป็นงานใหญ่ๆแล้วเนี่ยเค้าได้ความเข้าใจ
00:23:58 → 00:24:02 มาว่ามันอาจจะช่วยนะครับอาจจะช่วยเราได้
00:24:02 → 00:24:05 นะฮะแต่เราต้องกินคอลลาเจน Type สอนอย่าง
00:24:05 → 00:24:09 น้อย 40 มกรัต่อวันที่เป็นแบบundagอแล้ว
00:24:09 → 00:24:12 ก็ต้องกินเป็น Hydrol คอลลาเจนร่วมไปด้วย
00:24:12 → 00:24:15 นะครับอย่างน้อย 5-10 กรัมต่อวันนะครับ
00:24:15 → 00:24:18 อันเนี้ยถ้าตามงานวิจัยนะจะต้องเป็นแบบ
00:24:18 → 00:24:22 นี้นะครับอ่ะดังนั้นก็ลองศึกษาเพิ่มเติม
00:24:22 → 00:24:23 กันเอาเองนะครับว่าใครจะทำแบบไหนใครจะกิน
00:24:24 → 00:24:26 ไม่กินนะครับตรงนี้ข้อสรุปยังไม่มีใครที่
00:24:26 → 00:24:28 แบบรู้ได้ชัดเจนว่ามันจะช่วยแบบ 100%
00:24:28 → 00:24:31 ขนาดนั้นที่มาของคอลลาเจนเนี่ยคุณก็จะ
00:24:31 → 00:24:33 ต้องไปดูด้วยว่ามีหน่วยงานอะไรตรวจสอบ
00:24:33 → 00:24:35 หรือเปล่าว่ามันเป็นคอลลาเจนแบบนั้นจำนวน
00:24:35 → 00:24:38 เท่านั้นจริงๆถ้าไม่มีหน่วยงานไหนตรวจสอบ
00:24:38 → 00:24:41 นะครับตอบไม่ได้ครับเพราะว่าหลายครั้งมัน
00:24:41 → 00:24:43 ก็มีคนขี้โกงเหมือนกันคืออยากจะได้ของ
00:24:43 → 00:24:46 ราคาถูกแต่ขายเป็นแพงๆดังนั้นเขาก็จะตัด
00:24:46 → 00:24:48 โน่นตัดนี่ทำให้ปริมาณของคอลลาเจนที่อยู่
00:24:48 → 00:24:50 ข้างในจริงๆอ่ะมันไม่เท่าสิ่งที่เขา
00:24:50 → 00:24:53 ประกาศไว้ซึ่งตรงเนี้ยถ้าเค้าเขียนแต่ไม่
00:24:53 → 00:24:55 มีหน่วยงานอะไรมาตรวจสอบคุณก็เชื่อไม่ได้
00:24:55 → 00:24:58 ครับนะฮะโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียง
00:24:58 → 00:25:00 เท่านี้นะครับถ้าใครสงสัยก็สอบถามมานะ
00:25:00 → 00:25:04 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ