00:00:00 → 00:00:03 กำลังมีปัญหาแบบนี้อยู่หรือเปล่าท้องอืด
00:00:03 → 00:00:06 ท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อยแก๊สในกระเพาะเยอะ
00:00:06 → 00:00:09 หรือเกินถ้ากำลังมีปัญหาเหล่านี้อยู่นะคะ
00:00:09 → 00:00:13 มาฟังคลิปนี้กันเลยค่ะหมอมีวิธีแก้มาบอก
00:00:13 → 00:00:16 สวัสดีค่ะหมอเมย์เมย์ I help you นะคะ
00:00:16 → 00:00:18 Channel ที่จะพาทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับ
00:00:18 → 00:00:22 เรื่องของสุขภาพและการชะลอวัยในภาษาที่
00:00:22 → 00:00:25 เข้าใจง่ายเพื่อให้เราทุกคนได้สุขภาพดีไป
00:00:25 → 00:00:29 พร้อมๆกันนะคะรู้กันหรือเปล่าคะว่าอาการ
00:00:29 → 00:00:32 ท้องอืดท้องเฟ้อดูเหมือนมีแก๊สในกระเพาะ
00:00:32 → 00:00:34 เยอะเหลือเกินบางทีก็รู้สึกเหมือนอาหาร
00:00:34 → 00:00:39 ไม่ย่อยบางคนนะคะก็ทรมานจากการที่มีผื่น
00:00:39 → 00:00:42 แพ้เรื้อรังขึ้นตามตัวหาสาเหตุไม่ได้
00:00:42 → 00:00:46 เหล่านี้แหละค่ะอาจจะเป็นอาการของภาวะลำ
00:00:46 → 00:00:49 ไส้รั่วซึมหรือลีกขาดสิ้นโรคค่ะซึ่งใน
00:00:49 → 00:00:51 คลิปนี้นะคะหมอก็ได้พูดคุยกันไปแล้วว่า
00:00:51 → 00:00:54 ภาวะลำไส้รั่วซึมหรือลีกพิกัด Syndrome
00:00:54 → 00:00:58 นั้นมันคืออะไรมันเป็นยังไงรวมถึงในคลิป
00:00:58 → 00:01:01 นี้ด้วยเช่นกันหมอได้คุยไปแล้วว่าภาวะนี้
00:01:01 → 00:01:04 เนี่ยมันอันตรายกว่าที่คิดนะคะแม้ว่าหลาย
00:01:04 → 00:01:06 ๆคนเนี่ยจะมองว่าอาการนี้เป็นแค่อาการที่
00:01:06 → 00:01:10 รบกวนจิตใจพอจะรำคาญบ้างเท่านั้นเองทนไป
00:01:10 → 00:01:13 ก็ไม่เห็นจะเป็นไรพี่หมอฟังคลิปนี้กันเลย
00:01:13 → 00:01:15 แล้วจะรู้ว่าภาวะอะไรที่กัดซินโดรมนะ
00:01:15 → 00:01:19 เนี่ยอันตรายมากกว่าที่คิดค่ะสำหรับใครนะ
00:01:19 → 00:01:21 คะที่เพิ่งเคยเข้ามาคลิปนี้เป็นคลิปแรก
00:01:21 → 00:01:24 เนี่ยเดี๋ยวหมอสรุปให้สั้นๆก่อนว่าไอ้
00:01:24 → 00:01:27 เจ้าภาวะลำไส้รั่วซึมนี้มันคืออะไรหลายคน
00:01:27 → 00:01:31 คงจะตกใจนะคะเฮ้ยหมอไส้รั่วไส้หนูเป็นรู
00:01:31 → 00:01:33 หรอกค่ะหนูต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่าไม่
00:01:33 → 00:01:36 ใช่เลยค่ะที่รักอย่าเพิ่งตกใจไปภาวะลำไส้
00:01:36 → 00:01:38 รั่วนะคะหรือภาวะลำไส้รั่วซึมที่หลายๆคน
00:01:38 → 00:01:42 เคยได้ยินกันเนี่ยมันเป็นภาวะที่ลำไส้ของ
00:01:42 → 00:01:45 เราค่ะเกิดการเสียสมดุลขึ้นมามีการอักเสบ
00:01:45 → 00:01:48 เรื้อรังค่ะทำให้เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้
00:01:48 → 00:01:51 ของเราที่เขาทำหน้าที่เหมือนเป็นหน้าด่าน
00:01:51 → 00:01:54 ในการผ่านเข้าออกของสารที่มีประโยชน์ทั้ง
00:01:54 → 00:01:57 หลายและเป็นหน้าด่านในการป้องกันสารพิษ
00:01:57 → 00:01:59 แบคทีเรียต่างๆไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
00:01:59 → 00:02:02 เขาเกิดการอักเสบเซลล์บวมและก็เสื่อมสภาพ
00:02:02 → 00:02:06 ค่ะทำให้สารที่มันควรจะเข้าลำไส้ของเรา
00:02:06 → 00:02:09 เช่นของมีประโยชน์ทั้งหลายน้ำตาลโมเลกุล
00:02:09 → 00:02:12 เดี่ยวกรดอะมิโนกรดไขมันเหล่านี้ซึมเข้า
00:02:12 → 00:02:15 ไปไม่ได้ค่ะร่างกายก็จะขาดสารอาหารในระยะ
00:02:15 → 00:02:19 ยาวและเจ้าสารที่มันไม่ควรจะเข้าค่ะเช่น
00:02:19 → 00:02:22 พวกเชื้อโรคค่ะพวกสารพิษต่างๆรวมถึงอาหาร
00:02:22 → 00:02:26 ที่ยังย่อยไม่เสร็จกลับผ่านเข้าสู่ร่าง
00:02:26 → 00:02:28 กายของเราได้โดยการที่เกิดภัยธรรมชาติ
00:02:28 → 00:02:32 สะพานหรือรั้วเหล็กที่คอยเชื่อมเซลล์ของ
00:02:32 → 00:02:35 เยื่อบุผนังลำไส้ของเราเนี่ยมันหลวมไปค่ะ
00:02:35 → 00:02:38 ทำให้ของเสียเหล่านี้ซึมเข้าสู่ร่างกาย
00:02:38 → 00:02:40 เราได้ง่ายขึ้นเกิดเป็นอาการต่างๆตามมา
00:02:40 → 00:02:43 มากมายที่หมอได้พูดไปในเมื่อกี้นะคะเช่น
00:02:43 → 00:02:46 เรื่องของท้องอืดท้องเฟ้อมีแก๊สในกระเพาะ
00:02:46 → 00:02:49 เยอะรวมไปถึงเรื่องของมีภาวะเกี่ยวกับโรค
00:02:49 → 00:02:52 ทางภูมิคุ้มกันผื่นแพ้ขึ้นตามตัวเรื้อรัง
00:02:52 → 00:02:55 แก้ไม่หายนี่ก็เป็นอาการของริกกี้กับ
00:02:55 → 00:02:58 ซินโดรมได้เช่นกันค่ะทีนี้ปัญหาเหล่านี้
00:02:58 → 00:03:01 เนี่ยมันฟังดูเป็นสิ่งที่เรื้อรังนะคะบาง
00:03:01 → 00:03:04 คนเนี่ยก็จะเจอปัญหาแล้วล่ะไปหาหมอที่โรง
00:03:04 → 00:03:07 พยาบาลก็แล้วได้ยามาทานก็แล้วแต่ก็ยังไม่
00:03:07 → 00:03:11 ดีขึ้นวันนี้ค่ะหมอจะพาทุกคนมาทำความรู้
00:03:11 → 00:03:16 จักกับหลักการ 5r 5r นี้นะคะ 5 ข้อนี้จะ
00:03:16 → 00:03:20 ช่วยแก้ปัญหาริกกี้กับซินโดรมหรือลำไส้
00:03:20 → 00:03:23 รั่วซึมที่คุณยังแก้ไม่หายได้ค่ะเรามาฟัง
00:03:24 → 00:03:27 กันเลยดีกว่าว่าหลักการ 5r หรือ 5 ข้อนี้
00:03:27 → 00:03:31 เนี่ยมันมีอะไรบ้างมาพบกับ R1 ค่ะ R แรก
00:03:31 → 00:03:35 remove ค่ะเอาของที่มันทำร้ายลำไส้ของ
00:03:35 → 00:03:38 เราเนี่ยออกไปให้หมดเลยค่ะอย่างแรกต้อง
00:03:38 → 00:03:41 กำจัดสิ่งเหล่านี้ก่อนเลยอะไรก็ตามที่มา
00:03:41 → 00:03:44 ระคายเคืองลำไส้หรือทางเดินอาหารของเรานะ
00:03:44 → 00:03:48 คะตัวแรงวันอันดับ 1 ของเราก็ยังหนีไม่
00:03:48 → 00:03:52 พ้นในกลุ่มของยาค่ะเพราะยานะคะเช่นยาแก้
00:03:52 → 00:03:55 ปวดแก้อักเสบในกลุ่ม nsaid นะคะก็จะมี
00:03:55 → 00:03:57 ฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหารรวมถึงลำไส้
00:03:57 → 00:04:00 ของเราด้วยเช่นกันและก็ก็ยังมีในกลุ่มของ
00:04:00 → 00:04:04 ยาฆ่าเชื้อค่ะเราก็ต้องรับประทานยาฆ่า
00:04:04 → 00:04:06 เชื้อนะคะตามเหตุที่จำเป็นเท่านั้นเพราะ
00:04:06 → 00:04:09 ยาฆ่าเชื้อเรามุ่งหวังให้เขาไปกำจัดเชื้อ
00:04:09 → 00:04:12 โรคเชื้อแบคทีเรียที่มาทำร้ายร่างกายของ
00:04:12 → 00:04:15 เราใช่ไหมคะแต่จำไว้เลยนะทุกครั้งที่มี
00:04:15 → 00:04:18 การกินยาฆ่าเชื้อนอกจากเขาจะฆ่าพวกผู้
00:04:18 → 00:04:21 ร้ายเหล่านั้นแล้วนะคะเขายังฆ่าทหารตัวดี
00:04:21 → 00:04:24 ที่อยู่ในลำไส้ของเราอีกด้วยเช่นพวก
00:04:24 → 00:04:27 จุลินทรีย์ตัวดีทั้งหลายเราก็จะเสียไป
00:04:27 → 00:04:30 เช่นกันดังนั้นอย่าฆ่าเชื้อต้องทานแต่
00:04:30 → 00:04:33 จำเป็นนะคะแล้วก็ทานในระยะที่สั้นที่สุด
00:04:33 → 00:04:36 อย่ากินบ่อยอย่ากินนานอย่าทานโดยไม่
00:04:36 → 00:04:39 จำเป็นนะคะยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสกก็เช่นกัน
00:04:39 → 00:04:43 หลีกเลี่ยงการทานยาชุดอย่างเด็กค่ะเลยนะ
00:04:43 → 00:04:46 คะเพราะว่าในยาชุดเนี่ยเขามักจะมี insert
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยปนอยู่เยอะมากๆเลยค่ะต้องระวังเลยนะ
00:04:49 → 00:04:52 ต่อไปค่ะมาดูในกลุ่มของอาหารกันบ้าง
00:04:52 → 00:04:55 เรื่องกลุ่มของคาร์โบไฮเดรตนี่ต้องระวัง
00:04:55 → 00:04:58 อย่างที่สุดเลยค่ะเพราะการทาน
00:04:58 → 00:05:01 คาร์โบไฮเดรตที่มากเกินเพราะการทาน
00:05:01 → 00:05:04 คาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปรวมถึงกลุ่มน้ำ
00:05:04 → 00:05:07 ตาลเชิงเดี่ยวเช่นลูกอมน้ำเชื่อมทั้งหลาย
00:05:07 → 00:05:10 น้ำหวานทั้งหลายนะคะพวกนี้จะเป็นอาหาร
00:05:10 → 00:05:13 อย่างดีให้กับพวกผู้ร้ายของเราไม่ว่าจะ
00:05:13 → 00:05:15 เป็นยีสต์หรือว่าแบคทีเรียตัวร้ายค่ะเขา
00:05:15 → 00:05:19 จะยิ่งฟ่องฟูในลำไส้ของเราและทำให้ทหารคน
00:05:19 → 00:05:22 เก่งทหารตัวดีจุลินทรีย์ที่ดีของเราเนี่ย
00:05:22 → 00:05:26 สู้ไม่ไหวค่ะเกิดการเสียสมดุลไปและทำให้
00:05:26 → 00:05:30 เกิดภาวะลี้กัดสิ้นลมตามมาต้องพยายามหลีก
00:05:30 → 00:05:33 เลี่ยงอาหารเหล่านี้เลยนะคะหันมารับ
00:05:33 → 00:05:35 ประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนค่ะพวกข้าว
00:05:35 → 00:05:39 กล้องหรือว่าอะไรที่มีกากใยมีไฟเบอร์ก็จะ
00:05:39 → 00:05:41 ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ค่ะและถ้าใคร
00:05:41 → 00:05:44 นะคะเคยได้มีโอกาสตรวจเรื่องของภูมิแพ้
00:05:44 → 00:05:47 อาหารแสงตรวจแล้วต้องรู้จักหลีกเลี่ยงและ
00:05:47 → 00:05:49 ใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะอุตส่าห์ได้ตรวจ
00:05:49 → 00:05:52 แล้วทั้งทีต้องหลีกเลี่ยงด้วยนะบางคนตรวจ
00:05:52 → 00:05:54 มาเอ้าก็ตรวจไปอย่างนั้นตรวจมาก็แบบโอเค
00:05:54 → 00:05:57 รู้ว่าฉันแพ้อะไรแล้วก็ก็ปล่อยมันก็ฉัน
00:05:57 → 00:06:00 ชอบกินสิ่งนั้นนี่การตรวจภูมิแพ้อาหารแสง
00:06:00 → 00:06:02 นั้นก็สำคัญนะคะเพราะเขาจะช่วยให้เรารู้
00:06:02 → 00:06:06 ว่าลำไส้ของเราเนี่ยมีปฏิกิริยากับสารตัว
00:06:06 → 00:06:09 ไหนสารตัวไหนอาหารชนิดไหนที่กระตุ้นระบบ
00:06:09 → 00:06:12 ภูมิคุ้มกันที่มากเกินไปที่อยู่ตรงลำไส้
00:06:12 → 00:06:14 ของเราค่ะการที่ลำไส้ของเรานั้นถูก
00:06:14 → 00:06:18 กระตุ้นบ่อยๆเรื่อยๆก็จะทำให้เซลล์ลำไส้
00:06:18 → 00:06:20 ของเราเนี่ยมันเสื่อมสภาพเกิดการอักเสบ
00:06:20 → 00:06:23 เรื้อรังและเกิดเป็นภาวะลำไส้รั่วซึมตาม
00:06:23 → 00:06:27 มาได้ค่ะมาถึง R ที่ 2 ค่ะ R ที่ 2 ของ
00:06:27 → 00:06:31 เราคือ Republic ค่ะปรับสมดุลจุลินทรีย์
00:06:31 → 00:06:34 ในลำไส้ของเราเสียใหม่ค่ะผ่านการรับ
00:06:34 → 00:06:36 ประทานอาหารชนิดที่มีโปรไบโอติก
00:06:36 → 00:06:39 พรีไบโอติกและซินไบโอติกค่ะเฮ้ยมันคือ
00:06:39 → 00:06:42 อะไรอ่ะหมอมันดูแบบชื่อมันเอ๊ะหนูรู้จัก
00:06:42 → 00:06:44 แค่โปรไบโอติกแล้วหมอพูดอะไรนะมันยังมี
00:06:44 → 00:06:48 ฟรีไบโอติกมีซินไบโอติกอีกมันคืออะไรอ่ะ
00:06:48 → 00:06:51 ที่รักคะเรามาฟังกันแบบง่ายๆสรุปง่ายๆ
00:06:51 → 00:06:53 ก่อนเดี๋ยวคลิปต่อๆไปเดี๋ยวเรามาคุยราย
00:06:53 → 00:06:56 ละเอียดเรื่องนี้กันอันแรกเลยที่เราคุ้น
00:06:56 → 00:06:58 เคยกันดีอยู่แล้วค่ะเรื่องของโปรไบโอติก
00:06:58 → 00:06:59 ค่ะ
00:06:59 → 00:07:03 ก็คือจุลินทรีย์ตัวดีที่เวลาเรารับประทาน
00:07:03 → 00:07:05 เข้าไปแล้วเขาสามารถสร้างประโยชน์ให้กับ
00:07:05 → 00:07:09 ร่างกายของเราค่ะตัวถัดไปนะคะ prebiotic
00:07:09 → 00:07:12 ค่ะ prebiotic เนี่ยถ้าจะให้พูดง่ายๆก็
00:07:12 → 00:07:15 เหมือนกับอาหารที่เราทานเข้าไปเพื่อ
00:07:15 → 00:07:17 เลี้ยงเจ้าจุลินทรีย์ตัวดีของเราอีกทีนึง
00:07:17 → 00:07:20 นั่นเองซึ่งอาหารเหล่านี้เนี่ยมักจะเป็น
00:07:20 → 00:07:23 สิ่งที่โดยปกติแล้วร่างกายคนเราย่อยไม่
00:07:24 → 00:07:27 ได้ค่ะแต่จุลินทรีย์ของเราสามารถนำไปใช้
00:07:27 → 00:07:29 ประโยชน์ได้มักจะเป็นพวกไฟเบอร์เป็นหลัก
00:07:29 → 00:07:32 แต่ก็ยังมีสารอาหารอื่นๆอีกด้วยที่เป็น
00:07:32 → 00:07:36 พรีไบโอติกชั้นดีค่ะแล้วซินไบโอติกและค่ะ
00:07:36 → 00:07:39 หมอเวลาเราไปมองหาอาหารเสริมจำพวก
00:07:39 → 00:07:42 probiotic นะคะส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะอยู่
00:07:42 → 00:07:45 ในรูปของ synbiotic ค่ะเพราะซินไบโอติก
00:07:45 → 00:07:48 เนี่ยก็เป็นคำเรียกของการที่นำโพรไบโอติก
00:07:48 → 00:07:51 มารวมกับ Tree biotic to in one นั่น
00:07:51 → 00:07:53 เองค่ะก็เหมือนกาแฟ 3 in 1 นั่นแหละ
00:07:53 → 00:07:56 เพียงแต่ว่าอันนี้ก็เป็นซินไบโอติก
00:07:56 → 00:07:59 ทูอินวันพรีเมติกทัวร์ไบโอติกค่ะการรับ
00:07:59 → 00:08:01 ประทานอาหารเหล่าที่มี prebiotic
00:08:01 → 00:08:03 probiotic เลือกเสริมอาหารชนิด
00:08:03 → 00:08:07 ซินไบโอติกเนี่ยก็จะทำให้จุลินทรีย์ตัวดี
00:08:07 → 00:08:10 ที่อยู่ในลำไส้ของเรามีปริมาณที่เพิ่มมาก
00:08:10 → 00:08:13 ขึ้นปรับสมดุลในลำไส้ของเราให้เขาพร้อม
00:08:13 → 00:08:16 สู้กับตัวร้ายและทำให้สมดุลลำไส้ของเรา
00:08:16 → 00:08:20 เนี่ยมันดีมากขึ้นเพื่อรักษาภาวะฤทธิ์ที่
00:08:20 → 00:08:24 กัดค่ะและ R ที่ 3 ค่ะ replace ค่ะอะไร
00:08:24 → 00:08:26 ที่มันพังๆเนี่ยเราก็เติมเข้าไปก่อนค่ะ
00:08:26 → 00:08:30 ระหว่างที่รอร่างกายของเราฟื้นฟูซ่อมแซม
00:08:30 → 00:08:33 ตัวเองขึ้นมาแล้วภาวะที่กัดเนี่ยมันมี
00:08:33 → 00:08:36 อะไรที่มันพังบ้างนะคะอันแรกที่พังก็คือ
00:08:36 → 00:08:39 เอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารของเรามีไม่
00:08:39 → 00:08:42 เพียงพอค่ะแล้วมันเกิดได้จากอะไรบ้างเกิด
00:08:42 → 00:08:46 ได้จากหลายสาเหตุมากๆเลยค่ะอย่างแรกเลยนะ
00:08:46 → 00:08:48 คะเกือบจากการที่เราเคี้ยวอาหารไม่
00:08:48 → 00:08:52 ละเอียดค่ะทำให้อาหารที่ตกเข้าไปถึงทาง
00:08:52 → 00:08:54 เดินอาหารของเราเนี่ยมันมีชิ้นใหญ่เกินไป
00:08:54 → 00:08:57 ค่ะเอนไซม์ในการย่อยอาหารของเราเนี่ยก็ทำ
00:08:57 → 00:09:00 งานได้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอค่ะอันดับ
00:09:00 → 00:09:03 ถัดไปนะคะก็คือเรื่องของปริมาณที่เรารับ
00:09:03 → 00:09:06 ประทานอาหารให้มันมากเกินไปลำไส้ของเรา
00:09:06 → 00:09:08 นี่กรีดร้องเลยหยุดกินได้แล้วฉันสร้างน้ำ
00:09:08 → 00:09:10 ย่อยไม่ทันแล้วนี่แหละค่ะจะเป็นปัญหา
00:09:10 → 00:09:13 สำหรับบางคนที่ไปกินบุฟเฟ่ต์มาแล้วก็ยัด
00:09:13 → 00:09:16 เข้าไปเยอะๆจนท้องอืดท้องเฟ้อตามมานี่
00:09:16 → 00:09:19 แหละค่ะคือปัญหาจากการที่น้ำย่อยของเรามี
00:09:19 → 00:09:22 ไม่เพียงพอต่ออาหารที่เรารับประทานเข้าไป
00:09:22 → 00:09:25 ค่ะต่อไปนะคะก็คือการทานอาหารแปรรูปหรือ
00:09:25 → 00:09:28 อาหารที่ผ่านความร้อนสูงๆมาเป็นเวลานาน
00:09:28 → 00:09:32 ค่ะอาหารเหล่านี้จะทำให้เอนไซม์ที่เขา
00:09:32 → 00:09:35 ช่วยในการย่อยสลายอาหารตามธรรมชาติที่เขา
00:09:35 → 00:09:37 มีอยู่ในอาหารเหล่านั้นเสื่อมสภาพไปด้วย
00:09:37 → 00:09:40 ค่ะทำให้เราขาดเอนไซม์จากส่วนนี้
00:09:40 → 00:09:44 ประสิทธิภาพการย่อยของเราก็จะแย่ลงค่ะและ
00:09:45 → 00:09:48 ก็อย่าลืมนะคะว่าเรื่องของประสิทธิภาพการ
00:09:48 → 00:09:51 ทำงานของอวัยวะร่างกายของเราก็คือตับอ่อน
00:09:51 → 00:09:54 ของเราค่ะตับอ่อนของเราเนี่ยเป็นอวัยวะ
00:09:54 → 00:09:57 สำคัญในการช่วยสร้างเอนไซม์ช่วยย่อยต่างๆ
00:09:57 → 00:09:59 ขึ้นมาหลายชนิดเลยค่ะ
00:09:59 → 00:10:02 เป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยแต่ในพฤติกรรมของ
00:10:02 → 00:10:05 คนเรานะคะหลายๆคนก็ยังคงทำร้ายตับอ่อนเรา
00:10:05 → 00:10:09 โดยไม่รู้ตัวค่ะคือในคนที่ยังคงดื่ม
00:10:09 → 00:10:12 แอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำดื่มบ่อยๆดื่มเยอะ
00:10:12 → 00:10:15 ๆจะทำให้ตับอ่อนเราพังเร็วขึ้นแล้วก็
00:10:15 → 00:10:18 เสื่อมสภาพเร็วขึ้นการสร้างน้ำย่อยจึงมี
00:10:18 → 00:10:22 ไม่พอค่ะแล้วอะไรที่มันพังอีกบ้างกรดมี
00:10:22 → 00:10:26 ไม่พอค่ะซึ่งคำว่ากรดมีไม่พอเนี่ยเกิดได้
00:10:26 → 00:10:29 จากหลายสาเหตุมากเลยค่ะสาเหตุแรกที่เท่า
00:10:29 → 00:10:32 พิษที่สุดเลยก็คือการรับประทานยาลดกรดที่
00:10:33 → 00:10:36 มากเกินไปค่ะเพราะยาลดกรดเนี่ยเป็นยาที่
00:10:36 → 00:10:39 เราสามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาตาม
00:10:39 → 00:10:42 ห้างสรรพสินค้าทั่วไปนะคะซึ่งเป็นยาสามัญ
00:10:42 → 00:10:44 ประจำบ้านนั่นแหละไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร
00:10:44 → 00:10:48 ก็ตามการทานยาลดกรดค่ะมันมีประโยชน์ในคน
00:10:48 → 00:10:51 ที่มาที่มีภาวะกรดในกระเพาะมันเยอะเกินณ
00:10:51 → 00:10:55 ขณะนั้นๆค่ะไปโรงพยาบาลคุณหมอก็จะจ่ายยา
00:10:55 → 00:10:58 ลดกรดมาให้แต่หลายคนนะคะอุ๊ยทานแล้วดี
00:10:58 → 00:11:01 ขึ้นนี่นาในครั้งต่อไปที่เป็นอีกก็ทานอีก
00:11:01 → 00:11:05 หรือบางคนหนักหน่อยนะคะไม่เป็นแต่ก็กลัว
00:11:05 → 00:11:08 ค่ะทานกันไว้ก่อนดีกว่าไอ้คำว่าทานกันไว้
00:11:09 → 00:11:11 ก่อนนี่แหละค่ะที่อันตรายเพราะว่ากรดของ
00:11:11 → 00:11:14 เราเนี่ยมีส่วนช่วยอย่างมากในการย่อย
00:11:14 → 00:11:17 อาหารนะคะและยังมีส่วนช่วยในการช่วยดูด
00:11:17 → 00:11:20 ซึมวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอีกหลายชนิดเลย
00:11:20 → 00:11:24 ค่ะการทานยาลดกรดโดยพร่ำเพื่อทานติดต่อ
00:11:24 → 00:11:27 กันนานเกินไปเนี่ยก็จะทำให้ทางเดินอาหาร
00:11:27 → 00:11:30 ของเราเนี่ยสร้างกรดออกมาได้น้อยเกินไป
00:11:30 → 00:11:33 ค่ะจึงทำให้ประสิทธิภาพการย่อยอาหารลดลง
00:11:33 → 00:11:37 และในระยะยาวนะคะอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร
00:11:37 → 00:11:40 เรื้อรังได้ค่ะดังนั้นการรับประทานยาลด
00:11:40 → 00:11:44 กรดมันเป็นของดีก็จริงแต่ก็อยากจะแนะนำ
00:11:44 → 00:11:47 ให้ทานเฉพาะเมื่อมีอาการทานในระยะเวลา
00:11:47 → 00:11:50 สั้นๆอย่าทานเพื่อกันไว้ก่อนเพียงอย่าง
00:11:50 → 00:11:53 เดียวนะคะและการสร้างกรดของร่างกายเนี่ย
00:11:53 → 00:11:56 รู้ไหมคะว่ายิ่งพออายุเราเยอะขึ้นเยอะ
00:11:56 → 00:11:58 ขึ้นเนี่ยประสิทธิภาพในการสร้างกรดของเรา
00:11:58 → 00:12:02 ก็จะรักษาลดลงด้วยค่ะรวมไปถึงการขาดแร่
00:12:02 → 00:12:04 ธาตุบางอย่างนะคะโดยเฉพาะการขาดพวกธาตุ
00:12:04 → 00:12:07 เหล็กหรือสังกะสีก็จะทำให้ร่างกายของเรา
00:12:07 → 00:12:11 สร้างกรดน้อยลงด้วยดังนั้นต้องดูแลสาร
00:12:11 → 00:12:13 อาหารเหล่านี้ให้ครบถ้วนด้วยนะคะแล้วไอ้
00:12:13 → 00:12:17 ข้อ replace เราจะแก้ไขปัญหายังไงด้วย
00:12:17 → 00:12:20 หลักการง่ายๆเลยนะคะถ้าสมมติว่าเรามี
00:12:20 → 00:12:23 เอนไซม์ช่วยย่อยไม่พอเวลาไปหาคุณหมอคุณ
00:12:23 → 00:12:25 หมอบางท่านก็จะดูแลเรื่องของการให้
00:12:25 → 00:12:28 เอนไซม์ช่วยย่อยมารับประทานเลยค่ะซึ่งอัน
00:12:28 → 00:12:30 นี้เนี่ยแนะนำให้คุณหมอเป็นคนจัดให้นะ
00:12:30 → 00:12:33 แล้วอะไรล่ะที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
00:12:33 → 00:12:35 นะคะเวลาไปรับประทานอาหารเนี่ยพยายาม
00:12:35 → 00:12:38 เคี้ยวช้าๆเคี้ยวให้ละเอียดนะคะเพื่อให้
00:12:38 → 00:12:41 อาหารที่ตกไปยังลำไส้ในทางเดินอาหารของ
00:12:41 → 00:12:44 เรามีชิ้นเล็กที่สุดและทำให้เราย่อยง่าย
00:12:44 → 00:12:47 ขึ้นค่ะรวมไปถึงการรับประทานอาหารในมื้อ
00:12:47 → 00:12:50 ต่างๆเนี่ยควรจะทานแต่พอดีอย่าให้ทานอิ่ม
00:12:50 → 00:12:53 มากเกินไปนะคะไม่งั้นน้ำย่อยเราจะไม่พอนะ
00:12:53 → 00:12:56 หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำในระหว่างมื้อ
00:12:56 → 00:12:59 อาหารมากเกินไปค่ะเพราะการดื่มน้ำมากเกิน
00:12:59 → 00:13:02 ไปเขาจะไปเจือจางกดในทางเดินอาหารของเรา
00:13:02 → 00:13:05 ค่ะและอาจจะทำให้กรดมีไม่พอในการย่อย
00:13:05 → 00:13:08 อาหารมื้อนั้นๆได้แล้วก็อย่าลืมนะคะ
00:13:08 → 00:13:11 พยายามหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ที่มาก
00:13:11 → 00:13:13 เกินไปนะคะเพราะการดื่มแอลกอฮอล์อย่าลืม
00:13:13 → 00:13:16 ล่ะเขาไปทำร้ายตับอ่อนของเราและจะทำให้
00:13:16 → 00:13:19 สร้างน้ำย่อยได้ไม่พอค่ะต้องระวังเลยนะ
00:13:19 → 00:13:23 และข้อ 4 ค่ะ R ที่ 4 Repair ค่ะส้มค่ะ
00:13:23 → 00:13:25 แม่ส้มเขาเลยเขาพังอยู่ใช่ไหมซ่อมเขาเลย
00:13:25 → 00:13:28 ค่ะซึ่งการซ่อมเขาเนี่ยมันไม่ใช่ว่าเราจะ
00:13:28 → 00:13:30 ผ่าเขาออกมาแล้วมาเย็บซ่อมแบบนั้นนะคะ
00:13:30 → 00:13:33 เพราะเราคุยกันแล้วว่าภาวะลำไส้รั่วเนี่ย
00:13:33 → 00:13:36 มันไม่ได้หมายถึงลำไส้เราเป็นรูที่จะเย็บ
00:13:36 → 00:13:39 ซ่อมได้ขนาดนั้นการซ่อมลำไส้ที่หมอบอก
00:13:39 → 00:13:42 หมายถึงการรับประทานสารอาหารที่มี
00:13:42 → 00:13:45 ประโยชน์เข้าไปเพื่อบำรุงลำไส้เร่งการ
00:13:45 → 00:13:47 ซ่อมแซมของลำไส้ของเราค่ะซึ่งสารอาหาร
00:13:48 → 00:13:50 เหล่านี้เนี่ยมีมากมายหลายอย่างมากเลยค่ะ
00:13:50 → 00:13:53 เดี๋ยวหมอยกตัวอย่างคร่าวๆก่อนนะแล้วใน
00:13:53 → 00:13:55 คลิปถัดไปเดี๋ยวหมอจะมาคุยกันว่าเอ๊ะสาร
00:13:55 → 00:13:58 อาหารบำรุงลำไส้เนี่ยมันมีอะไรบ้างอ่ะตัว
00:13:58 → 00:14:00 แรกหมอยกตัวอย่างก่อนเลยเรื่องของแอล
00:14:00 → 00:14:03 กลูต้าีนค่ะแอลกลูตาเมนจะมีมากในพวกไข่
00:14:03 → 00:14:07 พวกนมพวกปลาทะเลนะคะพวกกะหล่ำปลีม่วงพวก
00:14:07 → 00:14:10 นี้เนี่ยก็จะมีกลามีนเยอะค่ะแล้วก็จะเป็น
00:14:10 → 00:14:13 ในกลุ่มของ Grammar Original ค่ะพวกนี้
00:14:13 → 00:14:16 จะอยู่ในน้ำมันรำข้าวเยอะพวกบิวทิเลสค่ะ
00:14:16 → 00:14:18 บิวตี้เลตเนี่ยเป็นกรดไขมันสายสั้นค่ะ
00:14:18 → 00:14:21 ซึ่งจริงๆพวกนี้เนี่ยเขาจะสร้างมาจาก
00:14:21 → 00:14:24 จุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ของเรานะคะถ้าเรา
00:14:24 → 00:14:26 อยากจะได้ butterior ที่เพิ่มมากขึ้นก็จะ
00:14:26 → 00:14:29 แนะนำให้เสริมอาหารในกลุ่มของพรีไบโอติก
00:14:29 → 00:14:32 หรือกลุ่มพวก Fiber ให้มากขึ้นค่ะนำไปสู่
00:14:32 → 00:14:35 ข้อถัดไปการทานไฟเบอร์ให้มากขึ้นก็จะช่วย
00:14:35 → 00:14:38 ในการปรับสมดุลลำไส้ซ่อมแซมลำไส้ของเรา
00:14:38 → 00:14:40 ได้เช่นกันค่ะและส่วนที่เหลือนะคะก็จะ
00:14:40 → 00:14:43 เป็นในกลุ่มของไขมันในกลุ่มของโอเมก้า 3
00:14:43 → 00:14:46 ค่ะรวมไปถึงสารแอนตี้ออกซิแดนท์ต่างๆค่ะ
00:14:46 → 00:14:49 ที่จะไปช่วยลดเรื่องของออกซิเจนสเตรทที่
00:14:49 → 00:14:53 อยู่ตามลำไส้ของเราให้น้อยลงค่ะอันที่
00:14:53 → 00:14:55 ออกซิแดนท์มีอะไรบ้างนะคะจริงๆก็มีหลาย
00:14:55 → 00:14:58 อย่างเลยหมอยกตัวอย่างนะพวกโคคิวเท็นไร้
00:14:58 → 00:15:01 ควิกก็ได้ค่ะหรือว่าไบโอฟลาโวนอยด์ต่างๆ
00:15:01 → 00:15:04 หรือมีอีกเยอะแยะมากมายเลยเดี๋ยวในคลิป
00:15:04 → 00:15:07 ถัดไปเรามาคุยกันเนาะว่าสารอาหารที่บำรุง
00:15:07 → 00:15:10 ลำไส้ของเราเนี่ยมันมีอะไรบ้างและ R สุด
00:15:10 → 00:15:13 ท้ายค่ะเรามาถึงข้อสุดท้ายกันแล้วนะข้อ 5
00:15:13 → 00:15:15 ค่ะ rebalance ค่ะสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่
00:15:15 → 00:15:18 ต้นข้อ 1 ถึงข้อ 4 เนี่ยมันใช้เวลาหลาย
00:15:18 → 00:15:21 เดือนนะกว่ามันจะค่อยๆดีขึ้นพอเราดีขึ้น
00:15:21 → 00:15:23 แล้วค่ะเราก็คงไม่อยากกลับไปเป็นซ้ำใหม่
00:15:23 → 00:15:26 ถูกต้องไหมคะดังนั้นค่ะเราต้องมีการ
00:15:26 → 00:15:28 rebalance ตัวเองค่ะคือการปรับพฤติกรรม
00:15:28 → 00:15:31 การใช้ชีวิตของเราค่ะไม่ให้มันกลับไปเป็น
00:15:31 → 00:15:33 ซ้ำค่ะอย่างแรกเลยค่ะคือการปรับ
00:15:33 → 00:15:36 พฤติกรรมการรับประทานอาหารค่ะหลีกเลี่ยง
00:15:36 → 00:15:39 เรื่องของการทานอาหารแปรรูปอาหารที่ผ่าน
00:15:39 → 00:15:42 ความร้อนเยอะเกินไปนานเกินไปนะคะหลีก
00:15:42 → 00:15:45 เลี่ยงการรับประทานแอลกอฮอล์หลีกเลี่ยง
00:15:45 → 00:15:48 การทานคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวหลีกเลี่ยง
00:15:48 → 00:15:50 การทานคาร์โบไฮเดรตที่มากเกินไปค่ะปรับ
00:15:50 → 00:15:53 พฤติกรรมการกินสิ่งนี้สำคัญมากเลยนะคะ
00:15:53 → 00:15:57 แล้วก็อีกสิ่งนึงค่ะที่สามารถส่งผลต่อทาง
00:15:57 → 00:15:59 เดินอาหารของเราได้เป็น
00:15:59 → 00:16:02 อย่างหนึ่งนะคะคือเรื่องของความเครียดค่ะ
00:16:02 → 00:16:05 เราต้องกำจัดความเครียดออกไปให้มีความ
00:16:05 → 00:16:08 เครียดน้อยที่สุดนะคะเพื่อลดภาวะ Space
00:16:08 → 00:16:11 ในลำไส้ของเราค่ะรวมไปถึงนะคะพยายามนอน
00:16:11 → 00:16:14 หลับพักผ่อนให้เพียงพอและพยายามขยับร่าง
00:16:14 → 00:16:17 กายขยับตัวให้มากขึ้นค่ะออกกำลังกายอย่าง
00:16:17 → 00:16:21 สม่ำเสมอด้วยนะคะและนี่ล่ะค่ะคือ 5 ข้อ
00:16:21 → 00:16:24 ง่ายๆง่ายหรอหมอง่ายแหละหมอว่าง่ายก็คือ
00:16:24 → 00:16:28 ง่าย 5 ข้อสั้นๆง่ายๆนะคะในการแก้ปัญหา
00:16:28 → 00:16:31 ไส้รั่วเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องของ
00:16:31 → 00:16:33 ท้องอืดท้องเฟ้อแก๊สในลำไส้เยอะรู้สึก
00:16:33 → 00:16:37 อาหารไม่ย่อยสิ่งนี้จะช่วยให้คุณอาการดี
00:16:37 → 00:16:40 ขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะลองไปทำการดูนะคะ
00:16:40 → 00:16:43 เอาล่ะหมอมาสรุปกันก่อน 5 ข้อนี้มีอะไร
00:16:43 → 00:16:47 บ้างนะคะอาชีพหนึ่งมีอะไรนะตาแรก remove
00:16:47 → 00:16:51 ค่ะ remove กำจัดเอาสิ่งที่ระคายเคืองกับ
00:16:51 → 00:16:55 ลำไส้ของเราออกไปที่ 2 ค่ะ repoperate
00:16:55 → 00:16:57 ค่ะเสริมพวก
00:16:57 → 00:16:59 พรีไบโอติกโคลเบติกหรือ Single ที่จะไป
00:16:59 → 00:17:02 ปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ของเราค่ะ R
00:17:02 → 00:17:05 ที่ 3 ค่ะ replace ค่ะอะไรที่มันพังๆเรา
00:17:05 → 00:17:08 ก็เติมเข้าไปก่อนนะคะเพื่อรอให้ร่างกาย
00:17:08 → 00:17:12 ของเราซ่อมแซมได้ดีขึ้นหาที่ 4 ค่ะ Repair
00:17:12 → 00:17:15 ค่ะซ่อมลำไส้ของเรานะคะรับประทานสารอาหาร
00:17:15 → 00:17:18 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราต่อการซ่อม
00:17:18 → 00:17:21 ลำไส้ของเราค่ะและ R ที่ 5 อันนี้สำคัญ
00:17:21 → 00:17:23 มากค่ะ rebalance ค่ะในการปรับพฤติกรรม
00:17:23 → 00:17:27 ของเราให้ความสมบูรณ์ของลำไส้อาการดีๆแบบ
00:17:27 → 00:17:29 นี้ที่เราอุตส่าห์ดีขึ้นแล้วอยู่กับเราไป
00:17:29 → 00:17:32 นานๆค่ะและถ้าเพื่อนๆคนไหนนะคะที่ชอบ
00:17:32 → 00:17:35 เนื้อหาสาระดีๆแบบนี้อย่าลืมกดไลค์กดแชร์
00:17:35 → 00:17:37 กด Subscribe และอย่าลืมกดกระดิ่ง
00:17:37 → 00:17:39 กรุ๊งกริ๊งเอาไว้จะได้ไม่พลาดเรื่องราวดี
00:17:39 → 00:17:42 ๆจากหมอนะคะรอดูคลิปต่อไปกันได้เลยบ๊าย
00:17:42 → 00:17:45 บาย