00:00:06 → 00:00:10 [เพลง]
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
00:00:22 → 00:00:24 [เพลง]
00:00:24 → 00:00:29 เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัวเรา
00:00:29 → 00:00:33 สวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง for
00:00:33 → 00:00:36 Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:36 → 00:00:38 ธัญลักษณ์สุดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังทุก
00:00:41 → 00:00:44 ท่านคะสำหรับเรื่องที่จะมาพูดคุยกันเป็น
00:00:44 → 00:00:47 เรื่องของการใช้ยาค่ะมีประเด็นที่ถูกถาม
00:00:47 → 00:00:49 มากมายบนโลกออนไลน์ค่ะเกี่ยวกับเรื่องของ
00:00:49 → 00:00:52 การใช้ยาว่าแบบนี้คือถูกหรือเปล่าแบบนี้
00:00:52 → 00:00:55 ผิดหรือเปล่าจึงหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย
00:00:55 → 00:00:58 กันนะคะว่าความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการใช้
00:00:58 → 00:01:00 ยามีอะไรบ้างการที่เราแบ่งยาให้กับเพื่อน
00:01:00 → 00:01:03 ที่เป็นโรคเดียวกันเนี่ยทำได้ไหมผู้ที่จะ
00:01:03 → 00:01:05 มาให้ข้อมูลของเรานะคะท่านก็พร้อมที่จะ
00:01:05 → 00:01:08 พูดคุยกับผู้ฟังทุกท่านแล้วค่ะขอต้อนรับ
00:01:08 → 00:01:11 เภสัชกรหญิงวิภาวดีบุญมากจากงานบริการ
00:01:11 → 00:01:14 จ่ายยาผู้ป่วยในฝ่ายเภสัชกรรมโรงพยาบาล
00:01:14 → 00:01:17 มหาราชนครเชียงใหม่คณะแพทยศาสตร์
00:01:17 → 00:01:21 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:01:21 → 00:01:23 ค่ะอย่างที่เกิดของเขารายการเลยนะคะวัน
00:01:23 → 00:01:26 นี้โชคดีมากๆที่มาพูดคุยกับเภสัชกรสาวสวย
00:01:26 → 00:01:29 เลยนะคะก็เรื่องเกี่ยวกับการใช้ยาค่ะเป็น
00:01:29 → 00:01:32 เรื่องใกล้ตัวผู้ฟังมากๆเลยค่ะก่อนอื่น
00:01:32 → 00:01:34 เรามาทำความรู้จักกันนิดนึงค่ะว่ายาคือ
00:01:34 → 00:01:38 อะไรคะค่ะยานะคะคุณฟ้าจะเป็นหนึ่งใน
00:01:38 → 00:01:41 ปัจจัย 4 นะคะที่ใช้ในการบำบัดบรรเทา
00:01:41 → 00:01:44 รักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะการเจ็บป่วย
00:01:44 → 00:01:47 นะคะเชื่อว่าทุกช่วงวัยเนี่ยเราคุ้นเคย
00:01:47 → 00:01:50 กันดีค่ะกับการที่ต้องได้ใช้ยาหรือว่ามี
00:01:50 → 00:01:53 อาการเจ็บป่วยนะคะน้อยคนมากๆที่จะไม่เคย
00:01:53 → 00:01:56 ได้ทานยาเลยนะคะเรื่องของการใช้ยาเนี่ย
00:01:56 → 00:01:58 จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆที่เราต้องมาทำ
00:01:58 → 00:02:01 ความเข้าใจให้ถูกต้องว่าการใช้ยาแบบไหน
00:02:01 → 00:02:04 ถูกและแบบไหนที่ผิดขออนุญาตเรียกชื่อเล่น
00:02:04 → 00:02:08 เป็นคนจ๋านะคะได้ค่ะคุณจ๋าคะก่อนอื่นค่ะ
00:02:08 → 00:02:10 ในเรื่องของความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยามี
00:02:10 → 00:02:14 อะไรบ้างคะส่วนใหญ่จ๋าจะยกตัวอย่างความ
00:02:14 → 00:02:16 เข้าใจผิดเกี่ยวกับยาหลักๆที่ที่เจอกัน
00:02:16 → 00:02:19 บ่อยๆนะคะอย่างประเด็นแรกนะคะจะเป็น
00:02:19 → 00:02:22 เรื่องของคนไข้มักจะเข้าใจผิดว่ายาแก้
00:02:22 → 00:02:26 อักเสบคือยาปฏิชีวนะค่ะซึ่งจริงๆแล้วยา
00:02:26 → 00:02:29 แก้อักเสบกับยาปฏิชีวนะเป็นยาคนละตัวกัน
00:02:29 → 00:02:33 นะคะโดยอาจต้องขออธิบายในความหมายของตัว
00:02:33 → 00:02:36 ยาแก้อักเสบแล้วก็ตัวยาปฏิชีวนะก่อนนะคะ
00:02:36 → 00:02:41 ตัวยาปฏิชีวนะค่ะจะเป็นตัวยาที่ใช้สำหรับ
00:02:41 → 00:02:43 รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
00:02:43 → 00:02:49 เช่นปอดอักเสบทอนซิลอักเสบนะคะแล้วก็อ่า
00:02:49 → 00:02:52 การติดเชื้อแบคทีเรียในแต่ละที่นะคะในแต่
00:02:52 → 00:02:54 ละอวัยวะของเราเนี่ยค่ะมันจะเกิดจากเชื้อ
00:02:54 → 00:02:58 สาเหตุที่แตกต่างกันนะคะส่วนในเรื่องของ
00:02:58 → 00:03:01 ตัวยาแก้อักเสบมันจะเป็นแอนตี้ infamator
00:03:01 → 00:03:06 นะคะจะไม่ใช่เป็นตัวยาปฏิชีวนะค่ะมันจะมี
00:03:06 → 00:03:09 ฤทธิ์ในการลดการอักเสบบรรเทาอาการปวดและ
00:03:09 → 00:03:12 บางชนิดสามารถที่จะลดไข้ได้ด้วยด้วยนะคะ
00:03:12 → 00:03:16 โดยยาแก้อักเสบเนี่ยจะไม่ได้มีฤทธิ์ฆ่า
00:03:16 → 00:03:17 เชื้อ
00:03:17 → 00:03:20 จะใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดหรือลดการ
00:03:20 → 00:03:23 อักเสบเช่นปวดกล้ามเนื้อกล้ามเนื้ออักเสบ
00:03:24 → 00:03:27 ปวดหลังปวดข้อข้ออักเสบประมาณนี้เป็นต้น
00:03:27 → 00:03:29 เป็นความเข้าใจที่เราอาจจะคิดว่ามันคือ
00:03:30 → 00:03:32 ตัวเดียวกันวันนี้ก็ได้ข้อมูลที่ชัดเจน
00:03:32 → 00:03:36 ขึ้นเลยนะคะในข้อต่อไปมีอะไรอีกคะก็จะ
00:03:36 → 00:03:39 เป็นเรื่องของเวลาคนไข้ไม่สบายเป็นหวัด
00:03:39 → 00:03:43 เจ็บคอจะมีความเชื่อว่าฉันต้องกินยาฆ่า
00:03:43 → 00:03:46 เชื้อหรือยาปฏิชีวนะเท่านั้นถึงจะหายใช่
00:03:46 → 00:03:49 ค่ะซึ่งอันนี้อาจจะเป็นความเชื่อที่ยัง
00:03:49 → 00:03:52 ไม่ถูกต้องบอกก่อนเลยว่าจริงๆการที่เรา
00:03:52 → 00:03:55 เจ็บคอหรือไม่สบายเป็นหวัดนะคะมันอาจจะ
00:03:55 → 00:03:58 เกิดมาจากสาเหตุเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือ
00:03:58 → 00:04:01 ว่าเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งส่วนใหญ่
00:04:01 → 00:04:04 ค่ะมักจะเป็นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสการ
00:04:04 → 00:04:07 ที่คนไข้มีอาการเจ็บคอไม่สบายจากการติด
00:04:07 → 00:04:10 เชื้อไวรัสไม่จำเป็นที่จะต้องกินตัวยา
00:04:10 → 00:04:14 ปฏิชีวนะฆ่าเชื้อก็จะใช้ยาสำหรับบรรเทา
00:04:14 → 00:04:18 อาการรักษาตามอาการของคนไข้ไปค่ะทั้งนี้
00:04:18 → 00:04:21 ถามว่าการที่เรามีการเจ็บคอเป็นหวัดเนี่ย
00:04:21 → 00:04:23 จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติด
00:04:23 → 00:04:26 เชื้อไวรัสอันนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือ
00:04:26 → 00:04:29 เภสัชกรเพื่อให้เขาแนะนำหรือว่าเลือกยา
00:04:29 → 00:04:31 ที่เหมาะสมกับโรคคนไข้มากที่สุดจะดีกว่า
00:04:31 → 00:04:35 จึงจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องมีผู้ที่
00:04:35 → 00:04:38 ให้ความรู้ในเรื่องของโรคที่เราเป็นนะคะ
00:04:38 → 00:04:42 ไม่ใช่การที่คาดเดาอาการเองหรือซื้อยาที่
00:04:42 → 00:04:46 คุ้นเคยมากินเองมากินเองสำคัญมากๆค่ะนอก
00:04:46 → 00:04:49 จากนี้ยังมีอะไรอีกคะนอกจากนี้นะคะจะมี
00:04:49 → 00:04:53 เรื่องของการที่คนไข้อาการหายดีแล้วหยุด
00:04:53 → 00:04:58 ยาเองหรือมีอาการกำเริบเพิ่มยากินเองได้
00:04:58 → 00:05:01 ไหมหรืออาการดีขึ้นลดยากินเองซึ่งคนไข้
00:05:01 → 00:05:05 มักจะมีความเชื่อแบบอ่าในเรื่องนี้ยังไม่
00:05:05 → 00:05:08 ถูกต้องนะคะในเรื่องของการปรับยาใช้งานนะ
00:05:08 → 00:05:10 คะในเรื่องของการปรับยาใช้เองโดยที่ไม่
00:05:10 → 00:05:11 ได้ปรึกษา
00:05:11 → 00:05:15 แพทย์หรือเภสัชกรอยากจะขอยกตัวอย่างอย่าง
00:05:15 → 00:05:18 แรกคือเป็นตัวอย่างปฏิชีวนะเป็นตัวอย่าง
00:05:18 → 00:05:22 ฆ่าเชื้อค่ะคือปกติค่ะคุณหมอหรือเภสัชกร
00:05:22 → 00:05:25 นะคะก็จะจ่ายยาตาม
00:05:25 → 00:05:28 คอร์สในการรักษาหมายถึงว่าช่วงเวลาในการ
00:05:28 → 00:05:31 รักษาอาจจะกิน 5 วันหรือ 7 วันประมาณนี้
00:05:31 → 00:05:34 ค่ะแต่คนไข้มักจะเข้าใจผิดว่าฉันอาการดี
00:05:34 → 00:05:39 ขึ้นแล้วหายแล้วนะคะหยุดยากินเองได้ไหมคะ
00:05:39 → 00:05:42 ซึ่งตามจริงแล้วไม่ควรหยุดยากินเองเนื่อง
00:05:42 → 00:05:44 จากมันอาจจะทำให้เกิดเชื้อดื้อยาเกิดขึ้น
00:05:44 → 00:05:48 ได้สำคัญมากเลยนะคะใช่ค่ะเป็นเหมือนกัน
00:05:48 → 00:05:50 ค่ะเชื่อว่าผู้ฟังหลายท่านเนี่ยฟังถึง
00:05:50 → 00:05:53 ท่อนนี้อาจจะมีสะดุ้งว่าเฮ้ยจัดมา 5 วัน
00:05:53 → 00:05:56 แต่ว่าวันที่ 3-4 เริ่มมีอาการดีขึ้นก็
00:05:56 → 00:06:00 อาจจะข้ามไปดีไหมหรือหยุดไปเลยดีไหมวัน
00:06:00 → 00:06:03 นี้คุณจะมาย้ำเลยนะคะว่าเราจะต้องทานให้
00:06:03 → 00:06:07 ครบครอสที่กำหนดนะคะใช่ค่ะแล้วก็อย่าง
00:06:07 → 00:06:10 ประเด็นที่ 2 นะคะในเรื่องของยายาตาม
00:06:10 → 00:06:13 อาการจริงๆง่ายๆเลยคือยาตามอาการคนไข้มัก
00:06:13 → 00:06:17 จะได้รับไปไม่ว่าจะเป็นยาแก้ไอตัวยาระบาย
00:06:17 → 00:06:20 แก้ท้องผูกหรือตัวยาแก้ปวดลดการอักเสบลด
00:06:20 → 00:06:23 ไข้เองก็ตามเงี้ยค่ะคนไข้บางคนเขาจะไม่
00:06:23 → 00:06:25 เข้าใจเนาะเขาจะบอกว่าคิดต้องกินติดต่อ
00:06:25 → 00:06:29 กันจนหมดไหมซึ่งขึ้นชื่อว่ายาตามอาการเรา
00:06:29 → 00:06:31 จะกินเมื่อมีอาการถ้าสมมติว่าอาการของเรา
00:06:31 → 00:06:35 ดีขึ้นแล้วนะคะสามารถหยุดยาได้เลยนะคะไม่
00:06:35 → 00:06:38 จำเป็นต้องกินต่อเนื่องจนหมดค่ะอันนี้คือ
00:06:38 → 00:06:40 ได้เลยนะคะเพราะว่าเราไม่มีอาการก็ไม่
00:06:40 → 00:06:45 ต้องกินใช่ค่ะแล้วก็อีกประเด็นนึงค่ะเป็น
00:06:45 → 00:06:48 ตัวยาสำหรับรักษาโรคเรื้อรังอาทิเช่นโรค
00:06:48 → 00:06:51 ความดันเบาหวานโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือ
00:06:51 → 00:06:55 โรคไตประมาณนี้ค่ะก็จะต้องเป็นยาที่ต้อง
00:06:55 → 00:06:58 กินต่อเนื่องนะคะเพื่อรักษาแล้วก็ป้องกัน
00:06:58 → 00:07:01 การเกิดภาวะแทรกซ้อนจากตัวโรคนะคะไม่ควร
00:07:01 → 00:07:03 ที่จะหยุดยาเองโดยที่ไม่ปรึกษาแพทย์นะคะ
00:07:03 → 00:07:07 มักจะมีคนไข้หลายๆคนเลยที่บอกว่าเป็นโรค
00:07:07 → 00:07:10 ความดันละแล้ววันนี้มาวัดความดันแล้วความ
00:07:10 → 00:07:13 ดันดีต้องหยุดยาความดันไหมซึ่งอันนี้ไม่
00:07:13 → 00:07:16 ถูกต้องนะคะก็คือต้องกินต่อเนื่องตามที่
00:07:16 → 00:07:18 คุณหมอสั่งเนาะเพราะว่าการที่ความดันดี
00:07:18 → 00:07:20 มันเกิดจากการที่เรากินยาความดันแล้วก็
00:07:20 → 00:07:23 สามารถที่จะควบคุมความดันได้ใช่ค่ะประมาณ
00:07:23 → 00:07:26 นี้เราอาจจะคิดว่ามันมีความดันดีเป็น
00:07:27 → 00:07:30 เพราะว่าชั้นดีขึ้นหยุดยาได้เลยซึ่งอาจจะ
00:07:30 → 00:07:34 ทำให้เกิดความดันที่ดีอยู่นะคะกลับมาเป็น
00:07:34 → 00:07:36 เหมือนตอนแรกที่ก่อนทำการรักษาก็ได้นะคะ
00:07:36 → 00:07:40 ใช่ค่ะเชื่อว่าหลายคนเป็นค่ะในเรื่องของ
00:07:40 → 00:07:43 ยาความดันนะคะมันใกล้ตัวมากๆเลยเนาะใน
00:07:43 → 00:07:45 ครอบครัวเราเนี่ยอาจจะมีใครสักคนนึงเป็น
00:07:45 → 00:07:48 ผู้ป่วยที่ต้องได้ใช้ยาเกี่ยวกับความดัน
00:07:48 → 00:07:51 ใช่ไหมคะแล้วเขาอาจจะมีการวัดความดันทุก
00:07:51 → 00:07:53 เช้าหรือทุกวันเป็นประจำอย่างเงี้ยแล้วมี
00:07:53 → 00:07:55 ความรู้สึกว่าเออฉันดีขึ้นแล้วนะหยุดไป
00:07:55 → 00:07:58 เลยก็ได้หรือแกล้งๆลืมไปกินก็ได้นะวันนี้
00:07:58 → 00:08:01 เราได้คุยกับคุณตาแล้วนะคะเราหันมาโฟกัส
00:08:01 → 00:08:04 กันอีกนิดนึงเนาะถึงเรื่องนี้ให้ความใส่
00:08:04 → 00:08:06 ใจและก็เห็นความสัมพันธ์ของการใช้ยาให้
00:08:06 → 00:08:07 ถูกวิธีค่ะ
00:08:07 → 00:08:11 ค่ะแล้วก็ประเด็นถัดไปนะคะเกี่ยวกับความ
00:08:11 → 00:08:13 เชื่อเกี่ยวกับการกินยาที่ผิดๆก็คือแบบ
00:08:13 → 00:08:18 ว่าแบ่งยากันกินอาจจะเจอในคนไข้ที่แบบว่า
00:08:18 → 00:08:22 ฉันปวดมาไม่สบายได้ยาตัวนี้มากินแล้วหาย
00:08:22 → 00:08:25 พอเจอเพื่อนแล้วเพื่อนมีอาการคล้ายๆกัน
00:08:25 → 00:08:28 เลยแบ่งยาตัวเองให้กับเพื่อนกินซึ่งอัน
00:08:28 → 00:08:32 นี้เป็นความเชื่อที่ผิดนะคะแต่ละคนนะคะมี
00:08:32 → 00:08:35 สภาวะในร่างกายแตกต่างกันเช่นการทำงานของ
00:08:35 → 00:08:39 ตับการทำงานของไตสภาวะโรคร่วงหรือบางคนมี
00:08:39 → 00:08:42 ประวัติแพ้ยาแต่บางคนไม่มีประวัติแพ้ยา
00:08:42 → 00:08:46 หรือยาที่ทานประจำอยู่นะคะถ้าสมมติว่าเรา
00:08:46 → 00:08:48 เอายาตัวนึงไปให้เพื่อนกินแต่ปรากฏว่า
00:08:48 → 00:08:52 เพื่อนดันมีประวัติแพ้ยาตัวนั้นอาจจะทำ
00:08:52 → 00:08:55 ให้เพื่อนเกิดอาการแพ้ยาขึ้นมาหรือเอายา
00:08:55 → 00:08:59 ไปให้เพื่อนกินแต่ว่าไม่ได้ตรงโลกแค่แบบ
00:08:59 → 00:09:02 มีอาการคล้ายกันเพื่อนก็ไม่หายอาจจะเพิ่ม
00:09:02 → 00:09:05 ผลข้างเคียงจากยาก็อาจจะเกิดขึ้นได้หรือ
00:09:05 → 00:09:09 ยาที่เอาไปให้เพื่อนกินอาจจะเกิดการตีกัน
00:09:09 → 00:09:10 ระหว่างยาที่เป็นโรคประจำตัวอยู่ที่
00:09:10 → 00:09:13 เพื่อนทานอยู่เองค่ะก็อาจจะเกิดผลอันตราย
00:09:13 → 00:09:17 กับเพื่อนก็ได้มันใกล้ตัวมากเลยนะเรารัก
00:09:17 → 00:09:19 เพื่อนเราเป็นห่วงเพื่อนเนอะแล้วก็แบ่งยา
00:09:19 → 00:09:22 ให้อันนี้เราทานแล้วดีไม่จริงนะคะตรงนี้
00:09:22 → 00:09:25 ถ้ารักเพื่อนเป็นห่วงเพื่อนก็ต้องทำความ
00:09:25 → 00:09:27 เข้าใจในเรื่องของการใช้ยาให้ถูกต้องแล้ว
00:09:27 → 00:09:29 ก็บอกเพื่อนว่าเดี๋ยวไปพบแพทย์ดีกว่าไหม
00:09:29 → 00:09:33 ปรึกษาเภสัชกรดีกว่าไหมนะคะใช่เป็นเรื่อง
00:09:33 → 00:09:36 ที่สำคัญมากๆเลยค่ะคุณจ๋าคะมีประโยชน์ที่
00:09:36 → 00:09:38 คุ้นหูค่ะได้ยินมาตั้งแต่เราเด็กๆกันเลย
00:09:38 → 00:09:41 หลายบ้านอาจจะพูดว่าเพิ่งโดนฝนมาเลยรีบ
00:09:41 → 00:09:44 กินยากันไว้ก่อนเลยอันเนี้ยเป็นข้อมูลที่
00:09:44 → 00:09:47 ถูกต้องไหมคะอ่าอันนี้นี่อาจจะเป็นความ
00:09:47 → 00:09:50 เชื่อที่ยังไม่ถูกต้องนะคะถ้าสมมติว่าโดน
00:09:50 → 00:09:56 ฝนมาหรืออ่าไปๆโดนน้ำไปค่ะไปเรื่อยๆมาค่ะ
00:09:56 → 00:09:59 อันเนี้ยค่ะอยากจะบอกว่ายาอาจจะไม่แนะนำ
00:09:59 → 00:10:02 ให้กินกันไว้ก่อนเนาะอาจจะรอมีอาการเช่น
00:10:02 → 00:10:04 เป็นหวัดคัดจมูกอะไรเงี้ยสามารถเริ่มกิน
00:10:04 → 00:10:07 ยาได้เลยเงี้ยค่ะหรือจะเป็นตัวยาพาราเอง
00:10:07 → 00:10:10 ก็ตามก็ไม่แนะนำให้กินดักไว้ก่อนถ้ามี
00:10:10 → 00:10:13 อาการปวดหรือมีอาการไข้ขึ้นมาจริงๆแล้วก็
00:10:13 → 00:10:15 ค่อยกินจะดีกว่าค่ะค่ะ
00:10:15 → 00:10:18 ก็มาถึงในคำถามต่อไปค่ะเชื่อว่าหลายคน
00:10:18 → 00:10:21 เนี่ยมีข้อมูลที่เราไม่แน่ใจว่าที่เรา
00:10:21 → 00:10:23 เข้าใจมันถูกหรือเปล่าคะถึงเรื่องของการ
00:10:23 → 00:10:26 กินยาให้ถูกวิธีในช่วงเวลาต่างๆค่ะอยาก
00:10:26 → 00:10:30 ก่อนอาหารยาหลังอาหารแล้วก็ยาที่ต้องทาน
00:10:30 → 00:10:32 ระหว่างทานอาหารช่วยอธิบายให้พวกเราได้
00:10:32 → 00:10:36 ฟังหน่อยค่ะถ้าก็จะมีคนไข้หลายๆคนมักจะ
00:10:36 → 00:10:38 ถามนะคะว่ากินก่อนอาหารต้องกินกี่นาที
00:10:38 → 00:10:40 หลังอาหารต้องกินกี่นาทีนะคะเดี๋ยววันนี้
00:10:40 → 00:10:43 จะมาอธิบายให้ฟังนะคะถ้าสำหรับยาก่อน
00:10:43 → 00:10:46 อาหารนะคะคือยาที่ต้องกินก่อนอาหารมักจะ
00:10:46 → 00:10:49 เป็นยาที่ถูกทำลายหรือว่าเสียประสิทธิภาพ
00:10:49 → 00:10:51 เมื่อเจอกรดนะคะหลังมาปริมาณมากหลังจาก
00:10:51 → 00:10:55 ที่กินอาหารนะคะหรือจะมีระยะเวลาในการออก
00:10:55 → 00:10:58 ฤทธิ์นะคะอาจจะต้องรอนิดนึงนะคะจึงต้อง
00:10:58 → 00:11:01 กินก่อนอาหารหรือจะเป็นอาหารมีผลต่อการ
00:11:01 → 00:11:04 ดูดซึมของยาจึงจำเป็นต้องกินก่อนอาหารนะ
00:11:04 → 00:11:07 คะโดยปกติแล้วค่ะจะให้แนะนำให้กินก่อน
00:11:07 → 00:11:11 อาหารอย่างน้อย 30 นาทีค่ะแต่ว่ายาบางตัว
00:11:12 → 00:11:14 อาจจะต้องกินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ
00:11:14 → 00:11:15 ประมาณนี้
00:11:15 → 00:11:19 ค่ะแต่ถ้าสมมุติว่าลืมกินยาก่อนอาหารจริง
00:11:19 → 00:11:22 ๆนะคะต้องกินท้องว่างก็คือกินหลังอาหารไป
00:11:22 → 00:11:25 แล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงแต่ถ้าสมมุติว่า
00:11:25 → 00:11:30 มื้อที่เราจะกินอ่ะค่ะมันใกล้กันเช่นถ้า
00:11:30 → 00:11:34 เราลืมกินยามื้อก่อนอาหารเช้านะคะแล้วเรา
00:11:34 → 00:11:36 แบบลืมแล้วนึกขึ้นได้นะคะเราจะต้องกิน
00:11:36 → 00:11:38 หลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมงแต่เมื่อ
00:11:38 → 00:11:40 อาหารกลางวันเราก็ต้องกินอีกนะคะอันนี้
00:11:40 → 00:11:43 เภสัชกรแนะนำว่ามือที่ลืมก็ข้ามไปเลยไม่
00:11:43 → 00:11:47 ต้องทบยาไม่ต้องทบยาไปกินมื้อก่อนอาหาร
00:11:47 → 00:11:49 กลางวันไปเลยนะคะโดยที่ไม่ต้องเบิ้ลยา
00:11:49 → 00:11:53 ประมาณนี้ค่ะส่วนในเรื่องของหลังอาหารนะ
00:11:53 → 00:11:55 คะยาที่กินต้องกินหลังอาหารจะแบ่งออกเป็น
00:11:55 → 00:11:58 หลังอาหารทันทีหรือหลังอาหารทั่วๆไปนะคะ
00:11:58 → 00:12:02 หลังอาหารทันทีเนี่ยจะเป็นยาที่มีฤทธิ์ใน
00:12:02 → 00:12:05 การระคายเคืองกระเพาะอาหารหรือเรียกว่า
00:12:05 → 00:12:07 กัดกระเพาะนั่นเองค่ะก็จะแนะนำให้กินหลัง
00:12:07 → 00:12:09 อาหารทันทีไปเลยนะคะ
00:12:09 → 00:12:12 แต่ถ้าสมมุติเป็นยาทั่วๆไปนะคะจะแนะนำให้
00:12:12 → 00:12:16 กินหลังอาหารประมาณ 15 นาทีประมาณนี้ค่ะ
00:12:16 → 00:12:20 แต่ถ้าสมมุติว่าคนไข้คนไหนกลัวลืมว่าแบบ
00:12:21 → 00:12:23 ปล่อยระยะเวลาไป 15 นาทีฉันไปทำอย่างอื่น
00:12:23 → 00:12:27 แล้วจะลืมทำยังไงดีสามารถกินหลังอาหารทัน
00:12:27 → 00:12:31 ทีได้เลยค่ะอ๋อใช่ค่ะส่วนอีกอันนึงจะเป็น
00:12:31 → 00:12:32 ตัวยาพร้อมอาหาร
00:12:32 → 00:12:35 ถามว่าเพราะอาหารต้องกินตอนไหนคือพร้อม
00:12:35 → 00:12:38 อาหารนะคะสามารถกินเป็นพร้อมอาหารคำแรก
00:12:38 → 00:12:42 หรือกินอาหารไปแล้วครึ่งนึงแล้วก็กินยา
00:12:42 → 00:12:45 แล้วก็หลังจากนั้นก็กินอาหารต่อประมาณนี้
00:12:45 → 00:12:49 ค่ะแล้วก็จะมีตัวยาก่อนนอนค่ะตัวยาก่อน
00:12:49 → 00:12:52 นอนค่ะก็จะมักจะเป็นยาที่ทำให้รู้สึกง่วง
00:12:52 → 00:12:56 นอนวิงเวียนศีรษะหรือตัวยาที่อาจจะต้อง
00:12:56 → 00:12:58 กินตอนเย็นหรือก่อนนอนเพื่อประสิทธิภาพใน
00:12:58 → 00:13:00 การรักษาที่ดีขึ้นเช่นยาไขมันบางตัวอย่าง
00:13:00 → 00:13:03 เงี้ยค่ะเราจะแนะนำให้กินก่อนนอน 15 ถึง
00:13:03 → 00:13:08 30 นาทีประมาณนี้ค่ะครบเลยนะคะตรงนี้
00:13:08 → 00:13:10 เพื่อฟังหลายท่านอาจจะได้ข้อมูลที่สำคัญ
00:13:10 → 00:13:13 มากๆเลยพอที่ผ่านมาเราอาจจะกินยาก่อน
00:13:13 → 00:13:16 อาหารแค่แป๊บเดียวแล้วก็กินอาหารเลยค่ะ
00:13:16 → 00:13:18 อาจจะไม่ถึง 10 นาทีหรือ 15 นาทีอย่างที่
00:13:18 → 00:13:21 คุณจ๋าได้แนะนำไว้นะคะเพราะว่าการกินยา
00:13:21 → 00:13:25 ให้ถูกวิธีมันมีผลต่อการที่เราหายเจ็บปวด
00:13:25 → 00:13:28 ได้เร็วด้วยนะคะประสิทธิภาพของยาตัวนั้น
00:13:28 → 00:13:31 น่ะมันก็อ่าเขาเรียกว่ายังไงคะส่งผลออก
00:13:31 → 00:13:34 ฤทธิ์ได้เต็มที่เนาะดีกว่าที่เราอาจจะกิน
00:13:34 → 00:13:38 ไม่ได้ตรงตามที่เภสัชกรแนะนำค่ะคุณจ๋าคะ
00:13:38 → 00:13:41 อีกเรื่องนึงค่ะที่อยากจะให้ผู้ฟังได้มา
00:13:41 → 00:13:43 ทำความรู้จักกันเป็นเรื่องของเครื่องดื่ม
00:13:43 → 00:13:45 ค่ะเราไม่สามารถกินยาคู่กับเครื่องดื่ม
00:13:45 → 00:13:50 ตัวไหนได้บ้างค่ะเออจริงๆนะคะถ้าจ๋าอยาก
00:13:50 → 00:13:53 จะให้แนะนำว่า Common เลยอยากจะให้กินยา
00:13:53 → 00:13:55 กับน้ำเปล่าอันนี้จะดีที่สุดแต่ถ้าสมมติ
00:13:55 → 00:13:58 ว่าเจอเครื่องดื่มคือไม่ใช่ไม่เชิงว่าจะ
00:13:58 → 00:14:00 ห้ามเลยซะทีเดียวแต่มันจะมียาบางตัวที่
00:14:00 → 00:14:02 ไม่สามารถกินร่วมกับเครื่องดื่มบางชนิด
00:14:02 → 00:14:07 ได้จริงๆเช่นนมน้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้ที่มี
00:14:07 → 00:14:10 รสเปรี้ยวค่ะหรือกาแฟที่มีคาเฟอีนแต่มัน
00:14:10 → 00:14:13 ขึ้นอยู่กับชนิดของยาค่ะยาบางตัวไม่
00:14:13 → 00:14:17 สามารถกินร่วมกับนมได้เนื่องจากมันจะจับ
00:14:17 → 00:14:20 กันเนาะแล้วก็อาจจะทำให้การดูดซึมยาจะลด
00:14:20 → 00:14:22 ลงประสิทธิภาพของยาก็อาจจะลดลงประมาณนี้
00:14:22 → 00:14:23 ค่ะ
00:14:23 → 00:14:28 หรือการกินยาร่วมกับน้ำผลไม้ที่มีรส
00:14:28 → 00:14:30 เปรี้ยวหรือน้ำอัดลมอ่ะค่ะคือมันจะมีกรด
00:14:30 → 00:14:33 ค่อนข้างที่จะสูงเนอะยาบางตัวค่ะอาจจะดูด
00:14:33 → 00:14:37 ซึมได้ไม่ดีในสภาวะที่มีกรดสูงซึ่งอาจจะ
00:14:37 → 00:14:40 ต้องหลีกเลี่ยงหรือตัวคาเฟอีนค่ะในกาแฟ
00:14:40 → 00:14:43 อย่างเงี้ยค่ะถ้ากินร่วมกันคือตัวคาเฟอีน
00:14:43 → 00:14:45 เนี่ยจะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาท
00:14:45 → 00:14:48 เนาะแล้วถ้าสมมุติว่าเรากินยาที่มีฤทธิ์
00:14:48 → 00:14:51 ในการกระตุ้นระบบประสาทไปร่วมกันก็อาจจะ
00:14:51 → 00:14:53 ทำให้คนไข้มีอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิด
00:14:53 → 00:14:57 ปกติได้อีกนะคะเพราะตัวรีดยาเองก็อาจจะ
00:14:57 → 00:15:00 ใช้สั่นอยู่แล้วไปกินคู่กับกาแฟไปอีกก็
00:15:00 → 00:15:03 อาจจะส่งผลทำให้ร่างกายมีเอฟเฟคได้นะคะ
00:15:03 → 00:15:06 ใช่ค่ะถ้าสมมุติว่าสงสัยว่ายาของเรา
00:15:06 → 00:15:09 สามารถกินร่วมกับน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่ม
00:15:09 → 00:15:12 เหล่านี้ได้ไหมแนะนำว่าให้สอบถามเภสัชกร
00:15:12 → 00:15:15 จะดีกว่าค่ะเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะถามค่ะ
00:15:15 → 00:15:18 ว่ายาตัวนี้ทานกับน้ำตัวนั้นได้ไหม
00:15:18 → 00:15:21 เครื่องดื่มตัวนี้ได้ไหมนะคะแต่พอได้คุย
00:15:21 → 00:15:23 กับคุณจ๋าเนี่ย Standard เลยค่ะเพื่อความ
00:15:23 → 00:15:27 ปลอดใช้น้ำเปล่าดีที่สุดค่ะทำให้เรามั่น
00:15:27 → 00:15:29 ใจได้เลยนะไม่ต้องมากังวลว่ายาตัวนี้คู่
00:15:29 → 00:15:32 กับเครื่องดื่มตัวไหนได้เนาะเป็นเรื่อง
00:15:32 → 00:15:35 ที่เราอัตลักษณ์เลยค่ะถึงช่วงสุดท้ายของ
00:15:35 → 00:15:38 รายการแล้วค่ะอยากจะให้ทิ้งท้ายถึงผู้ฟัง
00:15:38 → 00:15:40 ค่ะที่กำลังฟัง podcast อยู่ถึงเรื่องการ
00:15:40 → 00:15:44 ใช้ยายังไงให้ปลอดภัยค่ะค่ะก็อยากจะฝาก
00:15:44 → 00:15:48 ถึงท่านผู้ฟังนะคะควรจะใช้ยาตามที่แพทย์
00:15:48 → 00:15:52 สั่งหรือตามที่เภสัชกรแนะนำค่ะคือหากมี
00:15:52 → 00:15:54 ข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาควรจะปรึกษาผู้
00:15:54 → 00:15:57 เชี่ยวชาญมากกว่าก่อนที่เราจะคิดเองหรือ
00:15:57 → 00:16:01 จะไปดูโซเชียลมีเดียต่างๆเช่น tiktok
00:16:01 → 00:16:02 อะไรอย่างเงี้ยค่ะเราเอามาคิดแล้วว่าเออ
00:16:02 → 00:16:05 ฉันสามารถทำได้ไหมอันนี้ค่ะอาจจะเป็นความ
00:16:05 → 00:16:08 เชื่อที่ยังไม่ถูกรบกวนว่าถ้าหากว่ามีข้อ
00:16:08 → 00:16:10 สงสัยเกี่ยวกับการใช้ยารบกวนปรึกษา
00:16:10 → 00:16:14 เภสัชกรหรือคุณหมอจะดีกว่าค่ะเพื่อความ
00:16:14 → 00:16:16 ปลอดภัยในการใช้ยาและประสิทธิภาพในการ
00:16:16 → 00:16:19 รักษาค่ะโชคดีมากๆค่ะได้มาพูดคุยกันถึง
00:16:19 → 00:16:22 เรื่องที่ใกล้ตัวกับพวกเราทุกคนนะคะวัน
00:16:22 → 00:16:26 นี้เวลาหมดแล้วค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะและ
00:16:26 → 00:16:29 ขอขอบคุณผู้ฟังทุกท่านที่อยู่ด้วยกันตรง
00:16:29 → 00:16:32 นี้ค่ะนอกจากนี้นะคะผู้ฟังยังสามารถติด
00:16:32 → 00:16:35 ตามข่าวสารของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:16:35 → 00:16:38 เชียงใหม่ได้อีกหลากหลายช่องทางค่ะไม่ว่า
00:16:38 → 00:16:40 จะเป็นบนเว็บไซต์ Facebook YouTube
00:16:40 → 00:16:44 Twitter telegram Instagram podcast
00:16:44 → 00:16:49 PM คำที่ช่องค้นหาว่า metcmu นะคะ m e
00:16:49 → 00:16:52 d cmu เพียงเท่านี้ค่ะก็จะมีข้อมูล
00:16:52 → 00:16:55 เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอีกมากมายเลยค่ะ
00:16:55 → 00:16:57 สำหรับวันนี้นะคะต้องลาทุกท่านไปก่อน
00:16:57 → 00:17:00 ครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรอย่าลืมติดตาม
00:17:00 → 00:17:05 กันต่อนะคะสวัสดีค่ะ
00:17:05 → 00:17:11 เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัวเรา