00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 help ัง for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:32 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง
00:00:32 → 00:00:35 for Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:35 → 00:00:38 ธัญลักษณ์สดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังทุก
00:00:41 → 00:00:43 ท่านคะเรื่องที่จะมาพูดคุยกันในวันนี้นะ
00:00:43 → 00:00:45 คะเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ
00:00:45 → 00:00:47 อย่างมากเลยค่ะคือเรื่องของโรคไข้เลือด
00:00:47 → 00:00:50 ออกค่ะเราจะมาพูดคุยกับอาจารย์หมอนะคะว่า
00:00:50 → 00:00:53 โรคไข้เลือดออกเนี่ยเกิดขึ้นจากอะไรย้ำ
00:00:53 → 00:00:55 เตือนกันอีกครั้งนึงค่ะว่าทำไมโรคค่าย
00:00:55 → 00:00:58 เลือดออกเนี่ยถึงน่ากลัวเกิดจากอะไร
00:00:58 → 00:01:00 อันตรายแค่ไหนแล้วแล้วจากสถิติในปีที่
00:01:00 → 00:01:03 ผ่านมาเนี่ยมีความรุนแรงของโลกมากน้อยแค่
00:01:03 → 00:01:06 ไหนค่ะรวมถึงสัญญาณเตือนอะไรที่จะทำให้
00:01:06 → 00:01:09 เราจะต้องสังเกตอาการของโรคนี้นะคะ
00:01:09 → 00:01:12 ปัจจุบันค่ะมีการป้องกันแล้วก็การรักษา
00:01:12 → 00:01:15 โรคให้เลือดออกยังไงบ้างค่ะซึ่งผู้ที่จะ
00:01:15 → 00:01:17 ให้ข้อมูลกับเราท่านคือรองศาสตราจารย์ดร
00:01:18 → 00:01:20 แพทย์หญิงทวิตยาสุจริตรักอาจารย์ประจำ
00:01:20 → 00:01:24 สาขาโรคติดเชื้อภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะ
00:01:24 → 00:01:27 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะสวัสดี
00:01:27 → 00:01:30 ค่ะอาจารย์หมอสวัสดีค่ะค่ะก่อนอื่นอยาก
00:01:30 → 00:01:33 ให้อาจารย์หมอเย้ำกับผู้ฟังก่อนเลยค่ะ
00:01:33 → 00:01:35 ทำไมเราต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง
00:01:35 → 00:01:37 ของโรคไข้เลือดออกค่ะโรคไข้เลือดออกเนี่ย
00:01:37 → 00:01:41 มันเกิดจากอะไรคะมาจากไหนค่ะค่ะโไเลือด
00:01:41 → 00:01:43 ออกจริงๆก็เกิดจากไวรัสตัวนึงนะคะที่ชื่อ
00:01:43 → 00:01:46 ตรงกับชื่อโรคเลยก็คือไวรัสไข้เลือดออก
00:01:46 → 00:01:49 ค่ะนะคะไวรัสกลุ่มเนี้ยมันทำให้เกิดโรคใน
00:01:49 → 00:01:52 คนได้ซึ่งเดี๋ยวเราคงจะคุยกันเรื่องของ
00:01:52 → 00:01:55 อาการต่อไปแต่ว่ามันไม่ได้ติดจากคนสู่คน
00:01:55 → 00:01:58 โดยตรงเนาะก็คือต้องมีพาหนำโรคก็คือยุง
00:01:58 → 00:02:01 ที่นำโรคให้เลือดออกก็คือยุงายอเพฉะนั้น
00:02:01 → 00:02:04 ก็หมายถึงว่ายุงลายเนี่ยกัดคนที่ป่วยด้วย
00:02:04 → 00:02:06 โรคไข้เลือดออกแล้วก็ได้รับเชื้อเข้าไป
00:02:06 → 00:02:09 แล้วก็ไปเพิ่มจำนวนในตัวยุงแล้วก็สามารถ
00:02:09 → 00:02:12 แพร่ต่อไปยังคนถัดๆไปที่ยุงลายตัวเไปกัด
00:02:12 → 00:02:15 ได้ค่ะก็เลยทำให้เกิดการระบาดของโรคไข้
00:02:15 → 00:02:18 เลือดออกในบางพื้นที่ได้ค่ะทำไมเราถึงคิด
00:02:18 → 00:02:21 ว่าสถานการณ์ของปี 2567 เนี่ยอาจจะมีความ
00:02:21 → 00:02:24 รุนแรงของโลกนี้คะมันมีจากผลสถิติอะไรของ
00:02:24 → 00:02:27 ปีก่อนๆยคะอาจารย์ค่ะถ้าเราติดตามข่าวสาร
00:02:27 → 00:02:31 จะรู้ว่าปี 2566 ก็คือปีที่แล้วเนี่ยการ
00:02:31 → 00:02:34 ระบาดของโรคคเลือดออกเนี่ยรุนแรงมากค่ะ
00:02:34 → 00:02:36 มากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาเนาะเราต้องยอม
00:02:36 → 00:02:39 รับว่าช่วงปี
00:02:39 → 00:02:41 2563-2565 เนี่ยเราอยู่กับโรค covid-19
00:02:41 → 00:02:44 เพราะฉะนั้นโรคไขเลือดออกเนี่ยเหมือนจะลด
00:02:44 → 00:02:48 ลงในช่วงนั้นนะคะแต่ว่าพอเข้าปี 2566
00:02:48 → 00:02:51 เนี่ยเราพบเลยว่าสถานการณ์ของโรคไเลือด
00:02:51 → 00:02:54 ออกเนี่ยกลับมาระบาดรุนแรงมากขึ้นนะคะ
00:02:54 → 00:02:56 ซึ่งจริงๆมากกว่าช่วงก่อนที่จะมีการระบา
00:02:56 → 00:03:00 ของโควิด- 19 ก็คือปี 2562 ด้วยซ้ำไปถ้า
00:03:00 → 00:03:03 พูดถึงสถิติก็คือทั้งปี 2566 เนี่ยเรามี
00:03:04 → 00:03:06 จำนวนผู้ป่วย
00:03:06 → 00:03:10 10875 รายที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วก็ราย
00:03:10 → 00:03:12 งานเข้าสู่ระบบของกรมควบคุมโรคกระทรวง
00:03:12 → 00:03:15 สาธารณสุขนะคะซึ่งคิดเป็นอัตราป่วยก็
00:03:15 → 00:03:19 ประมาณ 239 ต่อแสนประชากรซึ่งถือว่าสูง
00:03:19 → 00:03:23 มากๆถ้าเราเทียบกับปีก่อนหน้าก็คือปี 2565
00:03:23 → 00:03:26 ในช่วงเวลาเดียวกันเนี่ยตัวเลขของปี 2566
00:03:26 → 00:03:30 รุนแรงกว่า 3.5 เท่าโอแล้วก็ถ้าเราเทียบ
00:03:30 → 00:03:34 กับปี 2562 ก็คือปีที่มีการระบาดใหญ่อีก
00:03:34 → 00:03:36 ครั้งนึงแต่ว่าเป็นก่อน covid-19 เนี่ยก็
00:03:36 → 00:03:40 คือในปี 2562 เนี่ยทั้งปีเเราเจอคนไข้ไป
00:03:40 → 00:03:43 ประมาณ 130,000 รายแต่ถ้าเมื่อกี้ก็คือ
00:03:43 → 00:03:48 ของปี 2566 นี้ 15 58,000 รายคือเยอะ
00:03:48 → 00:03:51 กว่าเยอะนะคะในจำนวนเก็มีผู้เสียชีวิต
00:03:51 → 00:03:54 ด้วยซึ่งถือว่าเยอะมากนะคะในปี 2566 เรา
00:03:54 → 00:03:57 มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันว่าเสียชีวิตจาก
00:03:57 → 00:04:01 โรคไข้เลดออกเนี่ย 190 10 รายทั่วประเทศ
00:04:01 → 00:04:03 ซึ่งคิดเป็นอัตราป่วยตายก็คือ
00:04:03 → 00:04:07 0.12% อค่ะตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้ได้ยิน
00:04:08 → 00:04:10 มานานและอาจจะไม่ได้น่ากลัวหรือรุนแรงถึง
00:04:10 → 00:04:13 ขั้นนั้นหรือเปล่าแต่พอฟังสถิติในปี 2566
00:04:13 → 00:04:16 นะคะเชื่อว่าผู้ฟังหลายท่านเนี่ยกังวลใจ
00:04:16 → 00:04:20 แน่นอนค่ะยิ่งบ้านไหนที่อาจจะมีความ
00:04:20 → 00:04:23 เสี่ยงหรือว่ามีเด็กในบ้านหรือมีผู้สูง
00:04:23 → 00:04:25 อายุอยู่ในบ้านอย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่ใน
00:04:25 → 00:04:28 โรคของค่าเลือดออกค่ะอาจารย์หมอคะกลุ่ม
00:04:28 → 00:04:31 ผู้ป่วยช่วงนที่น่าห่วงบ้างคะหรือว่าเรา
00:04:31 → 00:04:34 คิดว่าเราเป็นวัยทำงานเราแข็งแรงดีเราอาจ
00:04:34 → 00:04:37 จะไม่อันตรายหรือเปล่างี้คะค่ะถ้าเราดู
00:04:37 → 00:04:40 สถิติของปี 2566 เนี่ยก็จะชัดเลยนะคะว่า
00:04:40 → 00:04:43 อ่าจริงๆไข้เลือดออกเป็นได้ทุกกลุ่มอายุ
00:04:43 → 00:04:45 เนาะตั้งแต่เด็กเล็กน้อยกว่า 1 ปีจน
00:04:45 → 00:04:49 กระทั่งผู้สูงอายุอย่างปี 2566 เนี่ยตัว
00:04:49 → 00:04:52 เลขอายุที่น้อยที่สุดที่ป่วยด้วยโรคไเลด
00:04:52 → 00:04:54 ออกก็คือน้อยกว่า 1 ปีก็คือตั้งแต่เด็ก
00:04:54 → 00:04:58 เล็กได้เลยนะคะแล้วก็สูงที่สุดนี้ 101 ปี
00:04:58 → 00:05:02 โอ้โหยังคงเป็นโรคไขเลือดออกได้นะคะแต่
00:05:02 → 00:05:04 ว่าถ้าถามว่ากลุ่มไหนคือกลุ่มเสี่ยงที่มี
00:05:04 → 00:05:07 โอกาสจะติดโรคมากที่สุดเนี่ยจากสถิติของ
00:05:07 → 00:05:10 ปีที่แล้วก็คือปี 2566 เนี่ยเราพบว่า
00:05:10 → 00:05:14 กลุ่มที่อัตราป่วยมากที่สุดคือกลุ่ม 5-14
00:05:14 → 00:05:18 ปีก็คือวัยเรียนนักเรียนนะคะลองลงมาก็คือ
00:05:18 → 00:05:21 วัยเด็กเล็กก็คือ 0-4 ปีแล้วก็อันดับ 3
00:05:21 → 00:05:25 ก็คือวัยทำงาน 15-24 ปีอนะคะเพราะฉะนั้น
00:05:25 → 00:05:28 จริงๆโรคเนี้ยเป็นโรคของนักเรียนกับคนที่
00:05:28 → 00:05:31 เป็นหนุ่มวัยทำงานเพราะว่าจริงๆยุงลายที่
00:05:31 → 00:05:34 เป็นพาหาน้ำโรคเนี่ยจะชอบกัดตอนกลางวัน
00:05:34 → 00:05:37 เพราะฉะนั้นใครที่มีโอกาสที่จะแบบทำงาน
00:05:37 → 00:05:39 หรือไปโรงเรียนในช่วงกลางวันเนี่ยก็มี
00:05:39 → 00:05:42 โอกาสที่จะถูกยุงกัดแล้วก็เป็นยุงที่อาจ
00:05:42 → 00:05:44 จะนำโรคไข้เลือดออกได้เพราะฉะนั้นก็จะ
00:05:44 → 00:05:46 เป็นกลุ่มเนี้ยที่ติดเชื้อเยอะนะคะสำหรับ
00:05:46 → 00:05:49 ปี 2566 จริงๆตัวเลขมันก็ใกล้เคียงกันใน
00:05:49 → 00:05:51 การระบาดของก่อนหน้านี้เช่นเดียวกันนะคะ
00:05:51 → 00:05:54 แต่ถามว่าถ้าป่วยหนักจนกระทั่งถึงเสีย
00:05:54 → 00:05:57 ชีวิตเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยจะเป็นผู้สูงอายุ
00:05:57 → 00:06:00 นะคะก็คือกลุ่มที่เอ่อเสียชีวิตหลักๆของ
00:06:00 → 00:06:03 ปีที่ผ่านมาก็จะเป็นกลุ่มที่มีอายุค่อน
00:06:03 → 00:06:05 ข้างที่จะเยอะนิดนึงอ่ะค่ะก็คือ 65 ปี
00:06:05 → 00:06:08 ขึ้นไปค่ะแล้วก็กลับมาเป็นอีกกลุ่มนึงที่
00:06:08 → 00:06:11 มีจำนวนอัตราของป่วยและเสียชีวิตก็คือ
00:06:11 → 00:06:14 กลุ่ม 25-34 ปีอาจจะเป็นไปได้ว่ากลุ่มนี้
00:06:14 → 00:06:16 มีจำนวนผู้ติดเชื้อค่อนข้างเยอะก็เลยทำ
00:06:16 → 00:06:18 ให้ลักษณะของโอกาสที่จะมีอารเสียชีวิตก็
00:06:18 → 00:06:21 จะเยอะตามไปด้วยแต่ว่าหลักๆก็คือผู้สูง
00:06:21 → 00:06:23 อายุคือเด็กเล็กเนี่ยเป็นเยอะก็จริงนะคะ
00:06:23 → 00:06:26 แต่ว่าส่วนใหญ่อาการจะไม่ค่อยรุนแรงค่ะ
00:06:26 → 00:06:28 ตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านที่กำลังฟัง
00:06:28 → 00:06:31 podcast อยู่แล้วก็อยู่ในช่วงกลางวันนะ
00:06:31 → 00:06:34 คะออกมาทำงานฟัง podcast ด้วยอาจจะเริ่ม
00:06:34 → 00:06:37 ระวังระวังตัวนะคะมองหายุงไลายนะคะ
00:06:37 → 00:06:39 อาจารย์หมอคะตรงที่หลายคนคิดว่าเคยเป็น
00:06:39 → 00:06:42 ไข้เลือดออกแล้วก็โอกาสที่จะเป็นซ้ำเนี่ย
00:06:42 → 00:06:45 น้อยอันนี้จริงหรือเปล่าคะค่ะก็จริงๆไข้
00:06:45 → 00:06:47 เลือดออกหรือไวรัสที่ทำให้เกิดโรคไข้
00:06:47 → 00:06:49 เลือดออกเนี่ยมี 4 สายพันธุ์ซึ่งสาย
00:06:49 → 00:06:52 พันธุ์ก็คือเรียงตามเลยนะคะสายพันธุ์ที่ 1
00:06:52 → 00:06:55 2 3 แล้วก็ 4 ในบ้านเราเนี่ยสายพันธุ์
00:06:55 → 00:06:57 ที่ระบาดหลัก 8 90% ในแต่ละปีเนี่ยส่วน
00:06:58 → 00:07:01 ใหญ่จะเป็น 1 กับ 2 นะส่วน 3 กับ 4 เจะ
00:07:01 → 00:07:04 เจอประปรายเนาะแต่ว่าถ้าใครพอที่จะติดตาม
00:07:04 → 00:07:06 ข่าวสารเนี่ยจะรู้ว่าสายพันธุ์ที่ 2 คือ
00:07:06 → 00:07:08 สายพันธุ์ที่รุนแรงของโรคไขเลดออกนะคะ
00:07:08 → 00:07:11 เพราะฉะนั้นบ้านเราก็มีการระบาดของตัวนี้
00:07:11 → 00:07:13 อ่าอยู่พอสมควรอาจจะไม่ได้เยอะที่สุดแต่
00:07:13 → 00:07:18 ว่าก็เจอได้นะคะเอ่อทีนี้ถามว่าเวลาเรา
00:07:18 → 00:07:20 เป็นไขได้ออกแล้วครั้งนึงเนี่ยเ่าเราจะมี
00:07:20 → 00:07:22 ภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์ที่เราติดแล้ว
00:07:22 → 00:07:25 ตลอดชีวิตอันนี้เป็นเรื่องจริงนะคะแต่ว่า
00:07:25 → 00:07:27 อ่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากสายพันธุ์
00:07:27 → 00:07:29 ที่เราเคยติดเชื้อไปแล้วเนี่ยอาจจะข้ามไป
00:07:29 → 00:07:31 ป้องกันสายพันธุ์อื่นๆที่เหลือเนี่ยได้
00:07:31 → 00:07:34 ชั่วคราวเท่านั้นก็คือจะอยู่ได้ประมาณ
00:07:34 → 00:07:37 6-12 เดือนโดยเฉลี่ยนะคะเพราะฉะนั้นเรา
00:07:37 → 00:07:41 ก็อาจจะมีโอกาสคือเมื่อผ่าน 1 ปีหลังจาก
00:07:41 → 00:07:43 การติดเชื้อครั้งแรกไปแล้วเนี่ยอาจจะภูมิ
00:07:43 → 00:07:45 พุ้มกันของเราต่อสายพันธุ์อื่นที่เหลือก็
00:07:45 → 00:07:47 อาจจะค่อยๆลดลงตามเวลาที่ผ่านไปแล้วก็มี
00:07:47 → 00:07:50 โอกาสจะติดเชื้อซ้ำได้ซึ่งโรคไขเลือดออก
00:07:50 → 00:07:53 เนี่ยความสำคัญของเขาก็คือการติดเชื้อซ้ำ
00:07:53 → 00:07:55 เนี่ยก็คือตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไปเนี่ย
00:07:55 → 00:07:57 มีความสัมพันธ์กับการที่จะเกิดโรคชนิด
00:07:57 → 00:08:02 รุนแรงได้อือเลยต้องทำดยคนที่เคยป่วยมา
00:08:02 → 00:08:05 แล้วจะต้องระมัดระวังมาขึ้นว่าการป่วยใน
00:08:05 → 00:08:08 ครั้งถัดๆไปมีโอกาสแต่อาจจะไม่ใช่ 100%
00:08:08 → 00:08:10 นะคแต่มีโอกาสที่โรคเนี่ยอาจจะรุนแรงขึ้น
00:08:10 → 00:08:14 ได้ยังไงก็ตามก็ไม่ควรชะลาใจในเรื่องของ
00:08:14 → 00:08:17 โรคไข้เลิศออกนะคะเราอาจจะคิดว่าอุ่นใจ
00:08:17 → 00:08:20 แล้วแล้วเคยติดมาแล้วอาจจะไม่รุนแรงหรือ
00:08:20 → 00:08:22 เปล่าในครั้งต่อๆไปนะคะก็อาจจะมีโอกาส
00:08:22 → 00:08:25 เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแล้วก็ทุกวัยเลยต้อง
00:08:25 → 00:08:28 ระมัดระวังทุกวัยไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุ
00:08:28 → 00:08:31 หรือในกลุ่มเด็กเท่านั้นนะคะเรามาพูดถึง
00:08:31 → 00:08:34 อาการกันสักนิดนึงค่ะอาจารย์ขาอาการอะไร
00:08:34 → 00:08:38 ที่ทำให้คนป่วยแยกได้ว่าอันนี้ไม่ใช่
00:08:38 → 00:08:40 โควิดแต่อันนี้อาจจะเป็นไข้เลือดออกแล้ว
00:08:40 → 00:08:42 ทำให้เรารีบมาเจอคุณหมออย่างเงี้ยค่ะซึ่ง
00:08:42 → 00:08:44 อันนี้เป็นสิ่งที่ยากในทางเวชปฏิบัตินะคะ
00:08:44 → 00:08:47 เพราะว่าอ่าฤดูกาลระบาดเนี่ยค่อนข้างใกล้
00:08:47 → 00:08:50 เคียงกันก็คือปกติก็จะมีไข้เล็ดออกใช่ม
00:08:51 → 00:08:53 อย่างปีที่ผ่านมาเนี่ยพอไข้มาด้วยเรื่อง
00:08:53 → 00:08:55 ไข้เนี่ยเราต้องแยกแล้วว่า 1 เป็นไข้
00:08:55 → 00:08:58 เลือดออกหรือเปล่า 2 ก็คือเป็นไข้หวัด
00:08:58 → 00:09:00 ใหญ่หรือเปล่าซึ่งปีที่แล้วก็ระบาดหนัก
00:09:00 → 00:09:02 มากเช่นเดียวกันนะคะ 3 ก็คือเป็นโควิด
00:09:02 → 00:09:06 หรือเปล่าซึ่งบางทีด้วยอาการไข้อย่าง
00:09:06 → 00:09:08 เดียวเนี่ยค่อนข้างแยกลำบากนะคะเพราะ
00:09:08 → 00:09:10 ฉะนั้นทางแพทย์เนี่ยก็จะต้องมีการซับ
00:09:10 → 00:09:13 ประวัติเพิ่มเติมนะคะไม่ว่าจะเป็นประวัติ
00:09:13 → 00:09:16 อาการของผู้ป่วยรวมถึงประวัติการสัมผัส
00:09:16 → 00:09:18 ผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคใกล้เคียงกันว่า
00:09:18 → 00:09:20 เอ๊ะเขาอาจจะมีประวัติการสัมผัสกับการ
00:09:20 → 00:09:23 ระบาดของโรคใดโรคหนึ่งมาก่อนประวัติตรง
00:09:23 → 00:09:25 นี้มันก็จะมาช่วยประกอบการวินิจฉัยของเรา
00:09:25 → 00:09:28 อ่ะค่ะแต่ถามว่าอ่าแยกยากมั้ยในทาง
00:09:28 → 00:09:29 เวชปฏิบัติ
00:09:29 → 00:09:31 ก็เป็นประเด็นที่เราต้องแยกจริงๆค่ะอย่าง
00:09:31 → 00:09:34 ไข้เลือดออกเนี่ยส่วนใหญ่อาการก็คือไข้
00:09:34 → 00:09:36 ของเขาเนี่ยอาจจะไม่ได้มีอาการเหมือนกับ
00:09:36 → 00:09:39 อ่าติดเชื้อระบบทางเลนหายใจมากมายนักเนาะ
00:09:39 → 00:09:42 อ่าแต่ว่าจะมาเด่นเรื่องของอาการเช่นปวด
00:09:42 → 00:09:45 ศีรษะปวดกระบอกตาปวดเมื่อยเนื้อตัวคลื่น
00:09:45 → 00:09:47 ไส้อาเจียนเบื่ออาหารปวดท้องอะไรอย่าง
00:09:47 → 00:09:49 เงี้ยค่ะก็จะถ้ามีอาการลักษณะอย่างเงี้ย
00:09:49 → 00:09:52 แล้วก็บวกกับมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด
00:09:52 → 00:09:54 อยู่ตอนนั้นหรือว่าคนในครอบครัวก็เป็น
00:09:54 → 00:09:56 เพื่อนที่โรงเรียนก็เป็นอะไรแบบเนี้ยก็จะ
00:09:56 → 00:09:58 ช่วยให้เราคิดถึงโรคให้เลือดออกมากขึ้น
00:09:58 → 00:10:01 กว่าโรคอื่นๆที่อาจจะเกิดการระบาดในช่วง
00:10:01 → 00:10:03 เดียวกันได้แต่ว่าถ้ามาด้วยเรื่องของไอ
00:10:03 → 00:10:06 น้ำมูกร่วมกับมีไข้อันเนี้ยเราก็ต้องมา
00:10:06 → 00:10:08 แยกแล้วว่าเอ๊ะเป็นไข้หวัดใหญ่หรือเปล่า
00:10:08 → 00:10:10 หรือเป็นโควิดหรือเปล่ามีประวัติสัมผัส
00:10:10 → 00:10:13 กับผู้ป่วยก่อนหน้านี้มยระยะฟักตัวเข้า
00:10:13 → 00:10:16 ได้มอะไรแบบเยค่ะอือแต่ถามว่าในชีวิตจริง
00:10:16 → 00:10:20 ก็ต้องแยกจริงๆ 3 โลกนี้ค่ะยังไงก็ตามค่ะ
00:10:20 → 00:10:24 ถ้าเรามีอาการใดอาการหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว
00:10:24 → 00:10:27 เราคิดว่าอาจจะเป็นโควิดแหละเราสามารถ
00:10:27 → 00:10:29 ซื้อยาที่คุ้นเคยอย่างเงี้ยค่ะมารับ
00:10:30 → 00:10:32 ประทานมีความเสี่ยงอะไรมั้ยคะอาจารย์หมอ
00:10:32 → 00:10:35 คะคือจริงๆแล้วแนะนำนะคะโดยเฉพาะอย่าง
00:10:35 → 00:10:38 ยิ่งช่วงที่มีการระบาของหลายๆโรคแล้วก็
00:10:38 → 00:10:40 ตัวเราเองยิ่งถ้าเป็นคนที่มีโรคประจำตัว
00:10:40 → 00:10:44 หรือว่ามีเอ่อโรคอะไรอยู่หรือกินยาอะไร
00:10:44 → 00:10:46 อยู่เป็นประจำเนี่ยแนะนำว่าถ้ามีไข้แล้ว
00:10:46 → 00:10:48 เราสงสัยแม้ว่าเราสงสัยปุ๊บเนี่ยว่าเราจะ
00:10:48 → 00:10:50 เป็นไข้เลือดออกหรือเปล่าเนี่ยแนะนำให้มา
00:10:50 → 00:10:53 ตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้านนะคะเพราะว่า
00:10:53 → 00:10:55 บางครั้งการซักประวัติเพิ่มเติมอาจจะช่วย
00:10:55 → 00:10:58 บ่งชี้ได้ในระดับนึงว่าจะเป็นคิดถึงโรค
00:10:59 → 00:11:00 ไข่เลือดออกหรือเปล่าแล้วก็อาจจะมีการ
00:11:01 → 00:11:03 ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อช่วย
00:11:03 → 00:11:06 ยืนยันได้นะคะทำไมถึงไม่อยากให้ไปซื้อยาย
00:11:06 → 00:11:09 ทานเองเพราะว่าจริงๆแล้วยาลดไข้เนี่ยตาม
00:11:09 → 00:11:12 ร้านขายยาที่เราไปหาซื้อหรือเข้าถึงได้
00:11:12 → 00:11:14 เนี่ยบางทีมันจะมีหลายประเภทเนาะถ้าเป็น
00:11:15 → 00:11:17 กลุ่มอ่าอะเซตามิโนเฟนหรือพาราเซตามอลที่
00:11:17 → 00:11:19 เราคุ้นเคยเนี่ยอันเนี้ยสำหรับโรคไข้
00:11:19 → 00:11:21 เลือดออกเนี่ยรับประทานได้เพื่อลดไข้แต่
00:11:21 → 00:11:24 ว่ายาบางกลุ่มเช่นยาลดไข้สูงเช่นกลุ่ม
00:11:24 → 00:11:27 เอเสนะคะหรือว่ายาต้านการอักเสบอ่ะค่ะ
00:11:27 → 00:11:30 กลุ่มไอบู proen หรือว่าว่า asa aspirin
00:11:30 → 00:11:33 เนี่ยที่เ่าหลายๆท่านอาจจะพอหาซื้อได้
00:11:33 → 00:11:35 เนี่ยกลุ่มเนี้ยเราจะไม่แนะนำให้รับ
00:11:35 → 00:11:39 ประทานในคนไข้ที่อยู่ในภาวะที่สงสัยหรือ
00:11:39 → 00:11:41 ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกเพราะว่าตัวยาเอง
00:11:41 → 00:11:44 มันจะทำให้เกล็ดเลือดเนี่ยทำงานผิดปกติ
00:11:44 → 00:11:46 แล้วโรคไข้เลือดออกนี่มีโอกาสที่เกล็ด
00:11:46 → 00:11:48 เลือดมันจะต่ำกว่าผิดปกติอยู่แล้วเนี่ย
00:11:48 → 00:11:50 มันก็จะประกอบกันทำให้อาจจะเกิดเลือดออก
00:11:50 → 00:11:53 ง่ายผิดปกติแล้วก็เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
00:11:53 → 00:11:55 ของโรคให้เลออกตามมาได้เพราะฉะนั้นถ้าเรา
00:11:55 → 00:11:57 สงสัยตัวเราเองว่าเอ๊ะเรามีความเสี่ยง
00:11:57 → 00:12:00 หรือว่าเรามีอาการที่เราสงสัยอ่ะแนะนำให้
00:12:00 → 00:12:03 มาตรวจที่โรงพยาบาลหรือว่าสถานพยาบาลใกล้
00:12:03 → 00:12:05 บ้านจะปลอดภัยมากกว่าก่อนที่จะไปซื้อยา
00:12:05 → 00:12:08 รับประทานเองเงี้ยค่ะค่ะเป็นข้อมูลที่ดี
00:12:08 → 00:12:10 มากๆเลยค่ะที่อาจารย์หมอมาย้ำเตือนให้ผู้
00:12:11 → 00:12:12 ฟังเนี่ยได้ทำความเข้าใจตรงนี้อีกครั้ง
00:12:12 → 00:12:15 นึงนะคะเพราะว่าอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง
00:12:15 → 00:12:18 ของโรคได้ด้วยใช่โดยที่เราก็เองไม่ได้
00:12:18 → 00:12:20 ตั้งใจเนาะแต่ว่าด้วยความไม่รู้ตรงเนี้ย
00:12:20 → 00:12:23 ถ้าไม่แน่ใจปรึกษาแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้
00:12:23 → 00:12:26 บ้านจะปลอดภัยกว่าค่ะสำหรับวิธีการรักษา
00:12:26 → 00:12:29 ค่ะอาจารย์หมอคะปัจจุบันเเราคเลินออกนี้
00:12:29 → 00:12:33 วิธีการรักษายังไงบ้างคะจริงๆปัจจุบันยัง
00:12:33 → 00:12:36 ไม่มียาต้านไวรัสโดยเฉพาะนะคะก็คือการ
00:12:36 → 00:12:38 รักษาจำเพาะด้วยยาต้านไวรัสจะยังไม่มี
00:12:38 → 00:12:41 เนาะแต่ว่าจะเป็นการรักษาประคับประคองตาม
00:12:41 → 00:12:44 อาการแล้วแต่ว่าคนไข้อยู่ในระยะอะไรของ
00:12:44 → 00:12:47 โรคคือระยะของโรคไข้เลือดออกเนี่ยหลักๆจะ
00:12:47 → 00:12:50 มี 3 ระยะใช่มั้ยคะระยะต้นก็คือระยะไข้
00:12:50 → 00:12:52 กลุ่มนี้จะมีไข้สูงมากแล้วก็จะอย่างที่
00:12:52 → 00:12:54 บอกจะมีอาการร่วมค่อนข้างเยอะเนาะปวด
00:12:54 → 00:12:57 เมื่อยเนื้อตัวอ่อนเพลียแล้วก็เบื่ออาหาร
00:12:57 → 00:13:00 กินไม่ได้บางคนก็อาเจียนหรือบางคนก็อาจจะ
00:13:00 → 00:13:03 ปวดท้องเยอะมากนะคะเ่อตรงเนี้ยก็รักษา
00:13:03 → 00:13:06 ประคับประคองตามอาการก็คือเราให้ยาลดไข้
00:13:06 → 00:13:07 แต่อย่างที่บอกยาลดไข้ก็จะต้องเป็นกลุ่ม
00:13:07 → 00:13:10 ที่อ่าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของ
00:13:10 → 00:13:12 เกล็ดเลือดเนาะก็คือกลุ่มพาราเซตามอล
00:13:12 → 00:13:15 อะเซตามิโนเฟนเนี่ยใช้ได้แต่กลุ่มพวกอ่า
00:13:15 → 00:13:19 ยาต้านการอักเสบพวกอ่าเอเซตแินอย่างเงี้ย
00:13:19 → 00:13:22 ใช้ไม่ได้นะคะแล้วก็เราก็จะประเมินดูว่า
00:13:22 → 00:13:25 คนไข้เนี่ยขาดน้ำมเพราะบางคนอาจเจียนเยอะ
00:13:25 → 00:13:27 มากหรือว่าทานไม่ได้เลยเนี่ยอาจจะมีอาการ
00:13:27 → 00:13:30 ของการขาดน้ำร่วมด้วยเนี่ยอันเนี้ยแพทย์
00:13:30 → 00:13:32 จะประเมินนะคะถ้าเกิดว่าอาการขาดน้ำไม่
00:13:32 → 00:13:34 ได้รุนแรงมากเนี่ยเราก็จะอาจจะไม่ต้อง
00:13:34 → 00:13:37 จำเป็นต้องให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
00:13:37 → 00:13:39 อาจจะให้กลับไปรักษาดูแลอาการต่อที่บ้าน
00:13:39 → 00:13:42 ได้แต่ว่าให้ทานน้ำเยอะๆอะไอย่าเงี้ยค่ะ
00:13:42 → 00:13:43 ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายแต่
00:13:44 → 00:13:46 ว่าถ้าแพทย์ประเมินแล้วอุ๊ยมีอาการขาดน้ำ
00:13:46 → 00:13:48 ค่อนข้างเยอะแล้วคนไข้อาจจะทานไม่ได้จริง
00:13:48 → 00:13:51 ๆเนี่ยก็อาจจะมีการให้เข้ารับการรักษาใน
00:13:51 → 00:13:54 โรงพยาบาลเพื่อจะให้น้ำเกลือต่อไปค่ะส่วน
00:13:54 → 00:13:57 ระยะต่อมาเนี่ยเป็นระยะที่เราเรียกว่า
00:13:57 → 00:14:00 ระยะวิกฤตอ่ะนะคะซึ่งไม่ใช่ว่าผู้ป่วยทุก
00:14:00 → 00:14:02 คนจะต้องมีระยะนี้เนาะอันนี้มันแล้วแต่คน
00:14:02 → 00:14:04 ว่าจะเข้าสู่ระยะวิกฤตหรือเปล่าซึ่งระยะ
00:14:04 → 00:14:07 เนี้ยคือระยะที่ไข้เริ่มลงพอไข้เริ่มลง
00:14:08 → 00:14:10 เนี่ยสำหรับโรคไข้เล็ดออกนี่คืออันตรายนะ
00:14:10 → 00:14:12 คะคือคือเหมือนว่าในทางการแพทย์เราจะค่อน
00:14:12 → 00:14:14 ข้างต้องดูแลคนไข้ใกล้ชิดเป็นพิเศษในระยะ
00:14:14 → 00:14:17 ที่ไข้เริ่มลงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 24-48
00:14:17 → 00:14:20 ชั่วโมงแรกหลังไข้ลงค่ะเนาะเพราะว่ามันมี
00:14:20 → 00:14:24 โอกาสที่จะเกิดอ่อเรื่องราวของการอ่า
00:14:24 → 00:14:27 รุนแรงของโรคได้เพราะว่าด้วยพยาธิสภาพของ
00:14:27 → 00:14:31 โรคก็คือว่าถ้าคนไข้มีระยะวิกฤตนะคะอ่า
00:14:31 → 00:14:33 เรื่องของผนังเส้นเลือดเนี่ยโดยเฉพาะหลอด
00:14:33 → 00:14:36 เลือดเล็กเนี่ยมันจะอ่าสูญเสียการทำงานไป
00:14:36 → 00:14:39 ก็ทำให้สารน้ำที่ควรจะอยู่ในเส้นเลือด
00:14:39 → 00:14:41 เนี่ยมันรั่วออกไปนอกเส้นเลือดนะคะแต่ว่า
00:14:41 → 00:14:43 ไม่ได้รั่วออกมานอกร่างกายเนาะแต่ว่าจะ
00:14:43 → 00:14:45 รั่วไปอยู่ตามช่องต่างๆในร่างกายเช่นช่อง
00:14:45 → 00:14:48 ปอดช่องท้องอะไรอย่างเงี้ยนะคะก็จะทำให้
00:14:48 → 00:14:51 เหมือนความดันของคนไข้เนี่ยลดลงแล้วก็อาจ
00:14:51 → 00:14:53 จะเข้าสู่ภาวะช็อกได้ถ้าเกิดว่าดูแลไม่
00:14:53 → 00:14:57 ทันค่ะนะคะหรือว่าในระยะนี้ก็จะเป็นระยะ
00:14:57 → 00:15:00 ที่นอกจากไข้ลงอาจจะมีโอกาสที่สารน้ำรั่ว
00:15:00 → 00:15:02 ออกนอกเส้นเลือดแล้วเนี่ยก็จะมีโอกาสที่
00:15:02 → 00:15:04 จะเป็นช่วงที่เกล็ดเลือดเนี่ยต่ำที่สุด
00:15:04 → 00:15:07 เพราะฉะนั้นบางคนถ้าต่ำมากๆเนี่ยบางที
00:15:07 → 00:15:09 เลือดมันจะออกง่ายผิดปกติหรือว่าเลือดออก
00:15:09 → 00:15:12 อ่าโดยที่ไม่ต้องกระทบกระแทกอะไรซึ่งสิ่ง
00:15:12 → 00:15:15 ที่เราต้องระมัดระวังคือเอ๊ะมันมีเลือด
00:15:15 → 00:15:17 ออกในอวัยวะภายในหรือเปล่าเช่นบางคนก็ออก
00:15:17 → 00:15:21 ในกระเพาะอาหารบางคนก็ออกในสมองออกในช่อง
00:15:21 → 00:15:24 ท้องช่องปอดต่างๆซึ่งระยะตรงเนี้ยระยะที่
00:15:24 → 00:15:26 2 หรือระยะวิกฤตเนี่ยไม่ใช่ว่าผู้ป่วย
00:15:26 → 00:15:29 ทุกคนจะต้องมีนะคะเพราะฉะนั้นนั้นอันนี้ย
00:15:29 → 00:15:31 คือความยากของโรคไข้เลือดออกเนาว่าเรา
00:15:31 → 00:15:34 ต้องติดตามคนไข้ว่าคนไข้เมื่อไข้ลงแล้วจะ
00:15:34 → 00:15:36 เข้าสู่ระยะวิกฤตหรือเปล่าเพราะบางคนแล้ว
00:15:36 → 00:15:39 ก็ส่วนใหญ่จะไม่มีระยะนี้คือพอไข้ลงปุ๊บ
00:15:39 → 00:15:42 ก็เข้าสู่ระยะที่ 3 คือระยะฟื้นตัวได้เลย
00:15:42 → 00:15:45 แต่ว่าจะมีประมาณเ่อ 5 -10% อะไรอย่าง
00:15:46 → 00:15:48 เงี้ยค่ะที่มีโอกาสจะเข้าสู่ระยะวิกฤต
00:15:48 → 00:15:50 ซึ่งตรงเยก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรง
00:15:51 → 00:15:53 พยาบาลเพื่อให้เราเหรือบุคลากรทางการ
00:15:53 → 00:15:55 แพทย์เนี่ยได้ดูแลอย่างใกล้ชิดจริงๆเพราะ
00:15:55 → 00:15:58 ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นความดันต่ำลงหรือ
00:15:58 → 00:16:00 ว่าว่ามีเลือดออกง่ายผิดปกติเราจะได้ให้
00:16:00 → 00:16:03 การรักษาดูแลได้ทันแล้วก็ระยะสุดท้ายคือ
00:16:03 → 00:16:06 ระยะฟื้นตัวนะคะอ่าก็คือบางคนก็จะจากระยะ
00:16:06 → 00:16:08 ไข้เข้าสู่ระยะฟื้นตัวได้เลยแต่ว่าบางคน
00:16:08 → 00:16:10 ที่เข้าสู่ระยะวิกฤตแล้วเราดูแลได้ทัน
00:16:10 → 00:16:13 เนี่ยก็จะสุดท้ายก็จะเข้าสู่ระยะฟื้นตัว
00:16:13 → 00:16:15 อันนี้ทุกอย่างก็จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติ
00:16:15 → 00:16:18 คนไข้ก็จะเหลื่อมทาได้มากขึ้นอ่าเริ่มสด
00:16:18 → 00:16:22 ชื่นมากขึ้นอาจจะมีผื่นแดงๆขึ้นตามตัว
00:16:22 → 00:16:24 ซึ่งถ้าเราดูก็จะเป็นผื่นเฉพาะเห็นปุ๊บก็
00:16:24 → 00:16:27 รู้ว่าเออกำลังจะหายละอนะคะปัสสาวะอาจจะ
00:16:27 → 00:16:29 ออกเยอะขึ้นในช่วงต้นแล้วก็หลังจากนั้นก็
00:16:29 → 00:16:32 จะค่อยๆเกล็ดเลือดก็จะค่อยๆกลับสสูงขึ้น
00:16:32 → 00:16:36 มาแล้วก็สามารถกลับบ้านได้อย่างเงี้ยค่ะ
00:16:36 → 00:16:39 ในเรื่องของระยะต่างๆที่ระหว่างที่เป็น
00:16:39 → 00:16:41 โรคไข้เนออกเนี่ยทางทีมแพทย์ก็ดูแลอย่าง
00:16:41 → 00:16:45 ใกล้ชิดนะคะแล้วก็มีขบวนการขั้นตอนต่างๆ
00:16:45 → 00:16:48 ในการรักษาแต่ในเรื่องของการป้องกันลคะ
00:16:48 → 00:16:51 ที่ก่อนที่จะเกิดโรคนี้ขึ้นค่ะขออาจารย์
00:16:51 → 00:16:54 หมอทิ้งท้ายเน้นย้ำให้ผู้ฟังนะคะที่กำลัง
00:16:54 → 00:16:56 ฟังชสอยู่ว่าเราสามารถป้องกันตัวเองให้
00:16:56 → 00:16:59 ห่างไกลจากโรคนี้ได้ยังไงบ้างบ้างค่ะค่ะ
00:16:59 → 00:17:01 สำหรับโรคไข้เลือดออกการป้องกันคือสำคัญ
00:17:01 → 00:17:04 ที่สุดเพราะว่าเรายังไม่มีการรักษาเฉพาะ
00:17:04 → 00:17:06 มันจะต่างจากโควิดต่างจากไข้หวัดใหญ่ที่
00:17:06 → 00:17:08 เรามียาต้านไวรัสใช่มั้ยคะแต่ว่าไข้ได้
00:17:08 → 00:17:10 ออกยังไม่มีเพราะฉะนั้นการป้องกันตัวเอง
00:17:10 → 00:17:12 คือสิ่งสำคัญที่สุดเนาะการป้องกันเนี่ย
00:17:12 → 00:17:16 ปัจจุบันเราแบ่งเป็น 3 วิธีการใหญ่ 1 ก็
00:17:16 → 00:17:18 คือป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกยุงกัดนะคะก็
00:17:18 → 00:17:21 คือเรารู้อยู่แล้วว่ายุงลายกลุ่มที่เป็น
00:17:21 → 00:17:23 พาหน้ำโรคให้เลือดออกชอบกัดตอนกลางวัน
00:17:23 → 00:17:26 เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเรียนหรือไปทำงาน
00:17:26 → 00:17:29 เนี่ยก็จะต้องมีการทายากันยุงโลชั่นครีม
00:17:29 → 00:17:32 กันยุงหรือว่าเป็นสเปรย์พ่นเพื่อกันยุง
00:17:32 → 00:17:34 ใช่มั้คะแล้วก็สวมใส่เสื้อผ้าหลักๆก็คือ
00:17:34 → 00:17:37 เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวเพื่อป้องกันไม่
00:17:37 → 00:17:39 ให้ยุงมากัดเราแล้วก็พยายามหลีกเลี่ยงกัน
00:17:39 → 00:17:41 เข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคเนาะ
00:17:41 → 00:17:43 เพราะเราก็ไม่รู้ว่ายุงจะมากัดเราเมื่อ
00:17:43 → 00:17:46 ไหร่นะคะอันที่ 2 ก็คือกำจัดแหล่งเพาะ
00:17:46 → 00:17:48 พันธุ์ยุงนะคะยุงลายเนี่ยมีนิสัยอย่างนึง
00:17:48 → 00:17:51 คือชอบวางไข่แล้วก็แพร่พันธุ์ในน้ำที่
00:17:51 → 00:17:53 สะอาดแต่ว่านิ่งๆก็คือน้ำฝนที่ขังอยู่ตาม
00:17:53 → 00:17:56 ภาชนะต่างๆเพราะฉะนั้นในสิ่งแวดล้อมใน
00:17:56 → 00:17:59 บ้านเราเนี่ยเราต้องช่วยกันในชุมชนเรา
00:17:59 → 00:18:02 เงี้ยค่ะเช่นกระถังต้นไม้อ่ายางรถยนต์
00:18:02 → 00:18:05 กะลามะพร้าวอะไรที่มันมีน้ำขังเนี่ยจะ
00:18:05 → 00:18:07 ต้องจัดการให้หมดเพราะว่ามีโอกาสที่ยุง
00:18:07 → 00:18:10 ลายจะไปวางไข่แล้วก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น
00:18:10 → 00:18:12 แล้วก็มาสามารถจะเป็นพาหะน้ำโรคได้มาก
00:18:12 → 00:18:15 ขึ้นนะคะตรงนี้ก็ต้องช่วยกันก็จะเป็นอีก
00:18:15 → 00:18:18 วิธีการนึงหรือว่าเราอาจจะวางทรายอะเบดใน
00:18:18 → 00:18:21 น้ำหรือว่าให้คนมาช่วยพ่นยาฆ่ายุงอะไร
00:18:21 → 00:18:23 อย่างเงี้ยแต่ว่ามันก็ช่วยได้ส่วนหนึ่งนะ
00:18:23 → 00:18:26 คะแล้วสุดท้ายปัจจุบันก็ถือว่าเป็นข่าวดี
00:18:26 → 00:18:28 เพราะว่าโรคเนี้มีวัคซีนที่ใช้ในการปโรค
00:18:28 → 00:18:31 ได้แล้วนะคะปัจจุบันในประเทศไทยมีวัคซีน 2
00:18:31 → 00:18:34 ชนิดที่ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้วเนาะชนิด
00:18:34 → 00:18:37 แรกเเราใช้มาประมาณ 6-7 ปีละเ่อตัวนั้น
00:18:37 → 00:18:40 เนี่ยเป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่ต้องฉีด 3
00:18:40 → 00:18:43 เข็มนะคะห่างกัน 6 เดือนต่อเข็มเนี่ยแล้ว
00:18:43 → 00:18:47 ก็ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 ปีถึง 45 ปีนะคะ
00:18:47 → 00:18:49 แต่เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็นก็จะฉีด
00:18:49 → 00:18:51 ได้เฉพาะคนที่มีภูมิกันปกติเท่านั้นและ
00:18:51 → 00:18:54 ข้อจำกัดของวัคซีนชนิดแรกอันนี้ก็คือว่า
00:18:54 → 00:18:57 จะฉีดได้เฉพาะคนที่เคยมีหลักฐานทางการ
00:18:57 → 00:18:59 แพทย์ว่าเคยเป็นเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว
00:18:59 → 00:19:02 เท่านั้นอืค่ะถ้าเกิดว่าไม่มีประวัติหรือ
00:19:02 → 00:19:04 ไม่แน่ใจว่าเราเคยเป็นหรือยังเนี่ยแนะนำ
00:19:04 → 00:19:06 ให้ไปเจาะเลือดตรวจก่อนว่าเรามีภูมิที่
00:19:07 → 00:19:09 แสดงถึงการติดเชื้อก่อนหน้านี้มาแล้วหรือ
00:19:09 → 00:19:11 ยังถ้ามีแล้วเนี่ยฉีดได้เลยแต่ถ้ายังไม่
00:19:11 → 00:19:14 มีสำหรับวัคซีนตัวแรกอาจจะยังไม่แนะนำ
00:19:14 → 00:19:17 แล้วก็เมื่อปลายปี 2566 ก็คือปีที่แล้ว
00:19:17 → 00:19:19 เนี่ยเรามีวัคซีนตัวที่ 2 เข้ามานะคะ
00:19:19 → 00:19:21 วัคซีนตัวที่ 2 เนี่ยเป็นเชื้อเป็นเหมือน
00:19:21 → 00:19:23 กันเพราะฉะนั้นก็ยังฉีดได้เฉพาะคนที่ภูม
00:19:23 → 00:19:27 ปกปกตินะคะแต่ว่าจะฉีดแค่ 2 เข็มห่างกัน 3
00:19:27 → 00:19:30 เดือนแล้วก็ก็ใช้ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ปี
00:19:30 → 00:19:35 ถึง 60 ปีค่ะตัวเนี้ยเอ่อจากข้อมูลทางการ
00:19:35 → 00:19:37 วิจัยเนี่ยแสดงให้เห็นว่าสามารถฉีดได้
00:19:37 → 00:19:40 ทั้งคนที่เคยเป็นและไม่เคยเป็นมาก่อน
00:19:40 → 00:19:42 เพราะฉะนั้นเราสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีน
00:19:42 → 00:19:44 ได้เลยโดยที่ไม่ต้องไปค้นประวัติตัวเอง
00:19:44 → 00:19:46 ว่าเอ๊เราเคยเป็นไข้เลือดออกหรือยังหรือ
00:19:46 → 00:19:47 ว่าต้องไปเจาะเลือดเพื่อคอนเฟิร์มว่าเรา
00:19:47 → 00:19:49 เคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกมาแล้วหรือ
00:19:49 → 00:19:51 ยังคือเราสามารถฉีดวัคซีนเหมือนปกติได้
00:19:51 → 00:19:54 เลยคือเดินเข้าไปอขอฉีดวัคซีนตัวนี้ได้
00:19:54 → 00:19:57 เลยเพราะฉะนั้นถ้าใครสนใจในการป้องกัน
00:19:57 → 00:19:59 ด้วยวิธีการฉีดวัคซีนก็สามารถติดต่อสถาน
00:20:00 → 00:20:02 พยาบาลใกล้บ้านนะคะเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม
00:20:02 → 00:20:05 เติมว่าเราเหมาะสมกับวัคซีนตัวไหนแล้วก็
00:20:05 → 00:20:07 เข้ารับการฉีดวัคซีนได้เพราะว่าจริงๆไข้
00:20:07 → 00:20:09 เลือดออกเนี่ยสำหรับประเทศไทยอาจจะเยอะใน
00:20:09 → 00:20:12 ช่วงฤดูฝนนะคะแต่จริงๆเราเจอเคสทั้งปี
00:20:12 → 00:20:14 ทั้งปีเลยและยิ่งปีที่มีการระบาดใหญ่
00:20:15 → 00:20:17 เนี่ยเราก็จะเจอตั้งแต่ต้นปีเลยเพราะ
00:20:17 → 00:20:19 ฉะนั้นการถ้าเราสามารถป้องกันได้ตั้งแต่
00:20:19 → 00:20:21 เร็วโดยเร็วที่สุดอ่ะค่ะก็เป็นเรื่องที่
00:20:21 → 00:20:24 ดีที่สุดค่ะค่ะเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า
00:20:24 → 00:20:26 มากๆเลยค่ะที่ได้มาพูดคุยกับอาจารย์หมอนะ
00:20:26 → 00:20:30 คะรู้สึกว่ามันเป็นข้อมูลที่ฟังกี่ครั้ง
00:20:30 → 00:20:32 ก็ยังมีอะไรที่ต้องอัปเดตกันนะคะค่ะต้อง
00:20:33 → 00:20:35 ขอบพระคุณอาจารย์หมอมากเลยค่ะที่ให้
00:20:35 → 00:20:37 เกียรติทางรายการค่ะสำหรับวันนี้เวลาหมด
00:20:37 → 00:20:41 แล้วค่ะสวัสดีค่ะค่ะสวัสดีค่ะ med cmu
00:20:41 → 00:20:44 podcast Fun for help เพราะสุขภาพที่
00:20:44 → 00:20:51 ดีเริ่มได้จากตัว
00:20:51 → 00:20:54 เรา