00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้เนี่ยผมมีเรื่องราวที่
00:00:02 → 00:00:05 น่าประทับใจมากเรื่องนึงอยากจะมาแบ่งปัน
00:00:05 → 00:00:08 ครับมันเป็นเรื่องของคุณปู่ชาวออสเตรเลีย
00:00:08 → 00:00:10 คนหนึ่งชื่อว่า James Christopher
00:00:10 → 00:00:14 harrison เขาเป็นผู้ที่มีเลือดชนิดพิเศษ
00:00:14 → 00:00:17 มากๆโดยเลือดของเขาสามารถเอาไปสกัดสร้าง
00:00:17 → 00:00:21 แอนติบอดี้ตัวนึงชื่อว่า Anti
00:00:21 → 00:00:24 immunoglobulin และตลอดชีวิตเขาครับเขา
00:00:24 → 00:00:25 บริจาคเลือดทั้งหมด
00:00:25 → 00:00:30 1,1 73 ครั้งซึ่งเลือดพิเศษของเขาได้
00:00:30 → 00:00:33 ช่วยเหลือเด็กทารกทั่วออสเตรเลียกว่า 2,
00:00:33 → 00:00:37 400,000 คนเลยทีเดียวครับเรื่องราวมันจะ
00:00:37 → 00:00:39 เป็นอย่างไรนั้นเลือดของคุณปู่คนนี้วิเศษ
00:00:39 → 00:00:42 ยังไงแล้วมันช่วยอะไรเด็กทารกพวกนี้ได้
00:00:42 → 00:00:45 วันนี้ผมจะเล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับ
00:00:45 → 00:00:47 นายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:47 → 00:00:49 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:49 → 00:00:54 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับคุณปู่คน
00:00:54 → 00:00:56 นี้นะครับ James Christopher harrison
00:00:56 → 00:01:00 เนี่ยเคเคยได้รับการผ่าตัดใหญ่มาเมื่อตอน
00:01:00 → 00:01:04 ที่เขาอายุ 14 ปีแล้วตอนนั้นเนี่ยครับเขา
00:01:04 → 00:01:08 ต้องได้รับเลือดทั้งหมด 13 ถุงเมื่อเขา
00:01:08 → 00:01:11 รอดพ้นจากการผ่าตัดมาได้เนี่ยเขาก็ตั้ง
00:01:11 → 00:01:14 ปณิธานไว้เลยครับว่าเขาจะตอบแทนบุญคุณของ
00:01:14 → 00:01:17 ผู้ที่บริจาคเลือดให้เขาด้วยการบริจาค
00:01:17 → 00:01:21 เลือดตัวเองเมื่อเขาอายุครบ 18 ปีเขาก็
00:01:21 → 00:01:25 เริ่มบริจาคเลือดเป็นครั้งแรกและเาก็ได้
00:01:26 → 00:01:28 เรียนรู้ว่าเลือดของเขาเนี่ยมีความพิเศษ
00:01:28 → 00:01:32 มากอย่างหนึ่งคือคือมันสามารถเอาไปสกัด
00:01:32 → 00:01:36 เป็นแิอิมมูโนโกลบูลินได้ดีมากกว่าเลือด
00:01:36 → 00:01:41 ของคนทั่วไปซึ่งแอนติอิมูกิตัวนี้เนี่ย
00:01:41 → 00:01:45 มันสามารถที่จะเอาไปใช้ในการป้องกันการ
00:01:45 → 00:01:49 เกิดโรคเม็ดเลื้อแดงแตกในเด็กได้วันนี้
00:01:49 → 00:01:51 เนี่ยเดี๋ยวเราจะลงลึกเลยว่ามันป้องกัน
00:01:51 → 00:01:55 ได้ยังไงนะครับคุณปู่คนนี้นะฮะพอเครู้
00:01:55 → 00:01:58 อย่างนี้ปุ๊บเนี่ยเค้าบริจาคไม่ใช่เป็น
00:01:58 → 00:02:01 บริจาคตัวเลือดนะครับเบริจาคตัวพลาสมา
00:02:01 → 00:02:05 ซึ่งมันก็คือน้ำเลือดที่มีแอนติบอดี้ไอ้้
00:02:05 → 00:02:08 ตัวเนี้ยอยู่ในนั้นแล้วเขาก็เอาไปสกัดนะ
00:02:08 → 00:02:12 ครับเคทำการบริจาคบ่อยมากเลยตั้งแต่อายุ
00:02:12 → 00:02:15 18 ปีจนล่าสุดที่เขาบริจาคครั้งสุดท้าย
00:02:15 → 00:02:19 คือเขาอายุ 81 ปีในปี 2018 ครับตอนนั้น
00:02:19 → 00:02:21 เขาไม่ได้อยากจะเลิกบริจาคนะครับเขาอยาก
00:02:21 → 00:02:26 จะบริจาคไปตลอดชีวิตเลยทีเดียวนะฮะแต่แน่
00:02:26 → 00:02:29 นอนครับอายุ 81 ปีเนี่ยเกินอายุที่จะ
00:02:29 → 00:02:32 บริจาคเลือดมาได้นานมากะส่วนใหญ่ก็จะ
00:02:32 → 00:02:34 บริจาคถึงอายุประมาณ 60 ปีแต่เลือดของเขา
00:02:34 → 00:02:38 เนี่ยเขาเลือกที่จะบริจาคจนถึงอายุ 81
00:02:38 → 00:02:42 แล้วก็ทางกาชาตของออสเตรเลียเนี่ยก็ขอ
00:02:42 → 00:02:46 ร้องนะครับกึ่งบังคับว่าคุณปู่ครับพอแล้ว
00:02:46 → 00:02:49 นะฮะคุณปู่ได้ช่วยเหลือชาวออสเตรเลียมา
00:02:49 → 00:02:53 มากมายพอแล้วต่อจากนี้เดี๋ยวจะให้คนอื่น
00:02:53 → 00:02:59 ช่วยเหลือทดแทนได้นะครับคุณปู่แกก็เลยบริ
00:02:59 → 00:03:02 จากเลือดครั้งสุดท้ายในเดือนพฤษภาคมปี
00:03:02 → 00:03:06 2018 นะแล้วเขาก็ได้เหรียญรางวัลจากทาง
00:03:06 → 00:03:10 ออสเตรเลียในปี 1999 ด้วยเพราะว่าเขาได้
00:03:10 → 00:03:13 ทำการช่วยเหลือโลกมนุษย์อย่างเยอะเลยอ่ะ
00:03:13 → 00:03:16 ชาวออสเตรเลียทุกคนเป็นหนี้บุญคุณของเขา
00:03:16 → 00:03:20 นะครับเพราะว่าไอ้ตัวนี้นี่แหละทีนี้
00:03:20 → 00:03:24 เนี่ยผมจะลงลึกไปจนถึงว่าเหตุผลที่มัน
00:03:24 → 00:03:26 เกิดเช่นนี้ขึ้นมาได้มันเพราะอะไรแล้ว
00:03:27 → 00:03:29 เรื่องราวเรื่องนี้ผมเอามาเล่าเพราะว่า
00:03:29 → 00:03:32 คือเราเรียกได้เลยนะครับว่าคนๆนึงเนี่ย
00:03:32 → 00:03:36 เขาคเห็นคุณค่าของเลือดทุกหยดที่มาบริจาค
00:03:36 → 00:03:39 ให้กับตัวเขาในขณะที่เขาต้องการมากๆนะ
00:03:39 → 00:03:42 ครับแล้วในโลกเนี้ยมันมีคนทุกคนต้องการ
00:03:42 → 00:03:45 เลือดอยู่ตลอดเวลาแต่ว่าจำนวนเลือดที่มี
00:03:45 → 00:03:47 อยู่ในคลังเนี่ยมันไม่เพียงพอนะครับดัง
00:03:47 → 00:03:50 นั้นแกก็เลยเห็นว่านี่แหละจะเป็นโอกาสที่
00:03:50 → 00:03:54 เขาจะสามารถตอบแทนคนที่เขาให้เลือดกับตัว
00:03:54 → 00:03:56 เคในยามที่ต้องการได้เคก็เลยทำมาตลอด
00:03:56 → 00:04:00 ชีวิตนะฮะเรื่องราวมันเป็นอย่างงี้ครับ
00:04:00 → 00:04:06 ไอ้โรคที่เด็กเนี่ยเค้าจะเกิดขึ้นก็คือ
00:04:06 → 00:04:08 เราต้องมารู้จักหมู่เลือดหมู่หนึ่งก่อน
00:04:08 → 00:04:12 ชื่อว่าหมู่ rh นะครับมันปกติเลือดของเรา
00:04:12 → 00:04:14 เนี่ยมีหลายหมู่นะครับเช่นหมู่ abo แล้ว
00:04:14 → 00:04:18 ก็หมู่ rh นะครับ rh เนี่ยคือมันเป็นหมู่
00:04:18 → 00:04:21 อีกอย่างนึงที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับ abo
00:04:21 → 00:04:24 นะครับ R เนี่ยมันย่อมาจาก resus Monkey
00:04:24 → 00:04:27 เพราะว่ามันมีการศึกษาหมู่เลือดชนิดเนี้ย
00:04:27 → 00:04:30 ในลิงีัมาก่อนนะครับแล้วก็ถึงเอามาเจอว่า
00:04:30 → 00:04:33 อ๋อมันมีในคนด้วยนะครับโดยหมู่เลือดเนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 นะครับมันถ้าเราเคยได้ยินน่ะเราจะเคยได้
00:04:36 → 00:04:39 ยินว่าอ่าเราเป็นหมู่ A + เป็นหมู่ B +
00:04:39 → 00:04:43 อ่าหรือหมู่ o + บว o ลบอย่างเงี้ยครับ
00:04:43 → 00:04:46 บวกลบนี่คืออะไรนะครับไอ้ตัวบวกตัวลบ
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยนะครับคือหมูเลือด rh ครับคำว่าบวก
00:04:49 → 00:04:53 เนี่ยหมายความว่าเรามีแอนติเจนหรือสิ่ง
00:04:53 → 00:04:57 ที่อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดงนะครับที่เป็น
00:04:57 → 00:05:02 ตัว D ใหญ่นะครับถ้าเรามีตัว D ใหญ่เราก็
00:05:02 → 00:05:05 จะถือว่ามี rh + แต่ถ้าเราไม่มี D ใหญ่
00:05:05 → 00:05:09 เราจะถือว่าเป็น rh ลบนะครับซึ่ง is ลบ
00:05:09 → 00:05:12 เนี่ยมีหลายตัวมากเลยมี C ให่ E เล็กอ่า C
00:05:13 → 00:05:15 แล้วก็พวกเนี้ยเยอะแยะไปหมดนะครับเราจะ
00:05:15 → 00:05:18 แยกเป็น 2 อย่างก็คือมี D ใหญ่กับไม่มี D
00:05:18 → 00:05:20 ใหญ่นะครับไอ้ส่วนไม่ใช่ D ใหญ่เนี่ยเป็น
00:05:20 → 00:05:23 อะไรอีกเยอะแยะไปหมดนะครับทีนี้ครับปัญหา
00:05:23 → 00:05:28 มันอยู่ตรงนี้ในคนที่ไม่มี D ใหญ่นะครับ
00:05:28 → 00:05:31 ไม่มี D ใหญ่สิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นกับคน
00:05:31 → 00:05:35 เหล่านี้ก็คือถ้าได้รับเลือดจากคนที่มี D
00:05:35 → 00:05:37 ใหญ่หรือ rh บวกเข้ามาในร่างกายของเขา
00:05:37 → 00:05:39 แล้วเนี่ยเขจะรู้สึกว่าเป็นของแปลก
00:05:39 → 00:05:41 ประหลาดจะต้องสร้างแอนติบอดี้ไปทำลายมัน
00:05:41 → 00:05:44 ทิ้งซะนะครับดังนั้นแล้ว
00:05:44 → 00:05:47 เนี่ยคุณลุงคนเนี้ยเค้าเป็นคนที่มีเลือด
00:05:47 → 00:05:52 เป็น rh ลบเค้าไม่มี D ใหญ่ตอนที่เขาผ่า
00:05:52 → 00:05:54 ตัดตอนช่วงอายุ 14 นะครับเขาได้เลือดจาก
00:05:54 → 00:05:56 คนอื่นเยอะแยะไปหมดซึ่งคาว่าหนึ่งในนั้น
00:05:56 → 00:05:59 คงจะต้องมี ih + เป็นแน่แท้ถ้าทำให้ตัว
00:06:00 → 00:06:02 ของคุณลุงเนี่ยเค้าสร้างแอนติบอดี้
00:06:02 → 00:06:07 ต่อต้านดีใหญ่ขึ้นมาแล้วต่อต้านแบบเยอะ
00:06:07 → 00:06:11 มากด้วยมีเยอะมากๆนะครับเค้าก็เลยสามารถ
00:06:11 → 00:06:13 เอาไปสกัดทำตัวนี้ได้
00:06:13 → 00:06:19 นะทีนี้ละครับถ้าสมมุติว่ามีคน 2 คนแต่ง
00:06:19 → 00:06:24 งานกันแล้วมีลูกนะครับถ้าแม่เนี่ยเป็น rh
00:06:24 → 00:06:29 ลบแล้วพ่อเป็น rh บวกแต่งงานกันนะครับลูก
00:06:29 → 00:06:32 ออกมาจะเป็น rh + ปัญหามันจะอยู่ตรงนี้
00:06:33 → 00:06:38 ครับในการตั้งครรภ์ครั้งแรกครั้งแรกนะฮะ
00:06:38 → 00:06:41 ลูกที่เป็น rh + เนี่ยมันจะมีเลือดส่วน
00:06:41 → 00:06:46 หนึ่งสามารถที่จะเข้าไปสู่กระแสเลือดของ
00:06:46 → 00:06:50 แม่ได้พอเข้าไปปุ๊บเนี่ยแม่ซึ่งเป็น rh
00:06:50 → 00:06:53 -บไม่เคยเห็น rh + มาก่อนในชีวิตนี้ก็จะ
00:06:53 → 00:06:55 รู้สึกว่านี่คือเลือดที่แปลกประหลาดไม่สม
00:06:55 → 00:06:58 ควรจะอยู่ในร่างกายของแม่แม่ก็จะสร้าง
00:06:58 → 00:06:59 แอนติบอดี้
00:06:59 → 00:07:03 ชนิดเดียวกับลุงนี่แหละคือแอนตี้ดีใหญ่ไป
00:07:03 → 00:07:08 ทำลายเม็ดเลือดของลูกโดยทันทีนะครับเหตุ
00:07:08 → 00:07:10 การณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นในการตั้งครรภ์
00:07:10 → 00:07:14 ครั้งแรกนะครับเพราะว่าเลือดของลูกมันจะ
00:07:15 → 00:07:19 มาปนกับแม่มักจะเป็นในช่วงที่คลอดนะครับ
00:07:19 → 00:07:21 ก็จะเข้าไปนิดนึงคราวนี้แม่เห็นเลือดผิด
00:07:21 → 00:07:24 ปกติปุ๊บสร้างแอนติบอดี้อ่ะลูกคนแรกคลอด
00:07:24 → 00:07:26 ไปแล้วไม่มีปัญหาผ่านไปแต่แม่ก็จะรู้แล้ว
00:07:26 → 00:07:28 เพราะว่ามันมีของประหลาดเข้ามาในร่างกาย
00:07:28 → 00:07:32 ของแม่ครั้งหนึทีนี้แหละครับคันถัดๆไป
00:07:32 → 00:07:36 หรือลูกคนถัดๆไปซึ่งเป็น rh + แม่มี
00:07:36 → 00:07:39 แอนติบอดี้พร้อมและถ้าตั้งครรภอีกรอบนึง
00:07:39 → 00:07:42 นะครับแอนติบอดี้เหล่านี้ในแม่จะผ่านรกไป
00:07:42 → 00:07:44 แล้วก็ไปทำลายเม็ดเลือดแดงในลูกทำให้ลูก
00:07:44 → 00:07:50 ในรภเสียชีวิตครับนี่คือปัญหาปัญหาครั้ง
00:07:50 → 00:07:54 ใหญ่เซียด้วยนะครับแล้วเราจะทำยังไงได้
00:07:54 → 00:07:58 บ้างทำยังไงได้บ้างวิธีในการทำยังไงได้
00:07:58 → 00:08:02 บ้างเนี่ยคือเราต้องป้องกันไม่ให้แม่ที่
00:08:02 → 00:08:06 เป็น rh ลบเนี่ยสร้างแอนติบอดี้ขึ้นมาต่อ
00:08:06 → 00:08:11 เม็ดเลือดแดงของลูกวิธีก็คือเราจะต้องใช้
00:08:11 → 00:08:14 เลือดพิเศษของคุณลุงนี่แหละมาสกัดเป็น
00:08:14 → 00:08:18 แอนตี้อิมมูโนโกลบูลินคือแอนติบอดี้อย่าง
00:08:18 → 00:08:21 เดียวกับแม่เปี๊ยบเลยอ่ะตรงนี้อาจจะงงนิด
00:08:21 → 00:08:23 นึงเดี๋ยวผมจะเล่าให้เข้าใจมากกว่านั้น
00:08:23 → 00:08:25 เราต้องไม่ให้แม่สร้างนะครับแต่เราเอาของ
00:08:26 → 00:08:30 คุณลุงเนี่ยฉีดเข้าไปในแม่ฉีดเข้าไปทำไม
00:08:30 → 00:08:33 นะครับฉีดเข้าไปเพื่อที่จะให้มันวิ่งไป
00:08:33 → 00:08:37 จับกับเมลอแดงของลูกนะครับพอจับกับสมมุติ
00:08:37 → 00:08:39 ตงนี้เป็นเมอแดงของลูกเราฉีดของคุณลุง
00:08:39 → 00:08:42 เข้าไปจับเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยฮะทีนี้พอ
00:08:42 → 00:08:46 จับเรียบร้อยปุ๊บแม่เนี่ยจะไม่สามารถมอง
00:08:46 → 00:08:50 เห็น rh + ของลูกได้คือเหมือนมีอะไรไป
00:08:50 → 00:08:54 ห่อหุ้มไปบังตาของเอ่อระบบภูมิต้านทานของ
00:08:54 → 00:08:57 แม่ไว้นะครับทีนี้พอแม่ไม่เห็นแม่ก็จะไม่
00:08:57 → 00:09:00 สร้างแอนติบอดี้ต่อเลือดของของลูกครับนี่
00:09:00 → 00:09:04 คือกลไกการทำงานนะฮะเราเอาของคุณลุงฉีด
00:09:04 → 00:09:06 เข้าไปได้นะมันไม่ทำให้เกิดเม็ดเลือดแดง
00:09:06 → 00:09:10 แตกอะไรเพราะเราฉีกแค่ครั้งนึงนะฮะไม่
00:09:10 → 00:09:14 เกิดปัญหากับลูกนะอ่ามันพอสิ่งที่เกิด
00:09:14 → 00:09:17 ขึ้นคือสมมุติเมลอแดงจากลูกเข้ามาในแม่
00:09:17 → 00:09:20 แล้วเจอแอนติบอดี้ที่เราฉีดของลุงเข้าไป
00:09:20 → 00:09:23 ไปจับกับเมอร์แดงตัวนี้ระบบภูมิต้านทาน
00:09:23 → 00:09:26 ของแม่มองไม่เห็นมองไม่เห็นมันก็จะไม่โดน
00:09:26 → 00:09:29 ทำลายแล้วแม่ก็จะไม่สร้างแอนติบอดี้วิ่ง
00:09:29 → 00:09:31 เข้าไปนรกไปทำลายที่ตัวลูกนี่คือกลไกการ
00:09:31 → 00:09:33 ทำงานของมันนะ
00:09:33 → 00:09:37 ครับแล้วด้วยเหตุผลนี้นี่แหละสามารถทำให้
00:09:37 → 00:09:40 เด็กทารกหลายคนเนี่ยรอดมาได้ในออสเตรเลีย
00:09:40 → 00:09:43 เนี่ยมีการประมาณการว่ามีคนที่จำเป็นจะ
00:09:43 → 00:09:46 ต้องใช้เนี่ยอยู่ทั้งหมด 17% ซึ่งถือว่า
00:09:46 → 00:09:49 เยอะมากนะฮะในประเทศเขาประเทศไทยเราเนี่ย
00:09:49 → 00:09:51 อาจจะไม่ค่อยเจอหมู่ rh ลบแต่พักหลัง
00:09:51 → 00:09:54 เนื่องจากว่ามีการแต่งงานกับชนอ่าคนต่าง
00:09:54 → 00:09:58 ชาติเยอะเราก็จะเริ่มเจอคนที่ rh ลบเยอะ
00:09:58 → 00:10:01 ขึ้นแล้วถ้าแม่เป็น rh ลบเนี่ยโอกาสที่
00:10:01 → 00:10:03 แต่งงานกับคนที่เป็น rh + และลูกออกมา
00:10:03 → 00:10:06 เป็น rh + เนี่ยสูงมัน 100% น่ะถ้าเกิด
00:10:06 → 00:10:10 ว่าพ่อเป็น rh + แล้วแม่เป็น IS ลบลูก
00:10:10 → 00:10:12 มันออกมาเป็น IS บวกจะมีปัญหาได้ทันทีนะ
00:10:12 → 00:10:16 ฮะคืออาจจะมีเม็ดเลือแดงแตกได้เลยนะมีเม็
00:10:17 → 00:10:19 เลแรงแตกแล้วก็เด็กก็จะเสียชีวิตนะครับ
00:10:19 → 00:10:21 ดังนั้นจำเป็นจะต้องใช้การรักษาด้วยวิธี
00:10:21 → 00:10:28 นี้นี่แหละนะฮะทีนี้คุณรู้มครับว่าลูกสาว
00:10:28 → 00:10:32 ของคุณลุงก็เป็นหนึ่งในคนที่จำเป็นต้อง
00:10:32 → 00:10:36 ใช้พลาสมาของคุณลุงที่สกัดออกมาเป็น
00:10:36 → 00:10:41 แินฉีดเพราะว่าตัวลูกของเค้าลูกสาวของคุณ
00:10:41 → 00:10:45 ลุงเนี่ยมีหมู่เลือด rh ลบครับหมู่เลือด
00:10:45 → 00:10:47 rh ลบและลูกหรือหลานของคุณลุงเนี่ยเป็น
00:10:47 → 00:10:52 RS บวกก็ต้องรักษานะฮะนี่แหละครับผมคิด
00:10:52 → 00:10:55 ว่ามันเป็นเรื่องราวที่ดูน่าประทับใจมาก
00:10:55 → 00:10:57 นะครับแล้วก็อยากจะให้ทุกคนอ่ารับรู้ไว้
00:10:57 → 00:10:59 นะฮะ
00:11:00 → 00:11:04 ต่อไปนี้ผมจะลงรายละเอียดลึกๆเกี่ยวข้อง
00:11:04 → 00:11:07 กับหมู่ RS และนะครับสำหรับคนทั่วไปก็ฟัง
00:11:07 → 00:11:10 เอาสนุกๆแล้วกันนะครับแต่ว่าสำหรับคนที่
00:11:10 → 00:11:13 ต้องการรู้ลึกๆผมจะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้
00:11:13 → 00:11:18 ว่า rh เนี่ยมันยังไงนะครับ rh เนี่ยมัน
00:11:18 → 00:11:21 จะมีเฉพาะเซลล์เมลืแดงเซลล์อื่นน่ะไม่มี
00:11:21 → 00:11:24 นะครับเซลล์อื่นๆไม่มีเลยหน้าที่ของมัน
00:11:24 → 00:11:26 เนี่ยยังไม่ชัดเจนว่ามันมีไว้ทำไมบนผิว
00:11:26 → 00:11:30 เซลล์แต่เา้าคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ
00:11:30 → 00:11:33 เรื่องของการที่ทำให้ตัวอ่าเยื่อหุ้มเม
00:11:33 → 00:11:36 เลืแดงเนี่ยมันคงรูปคงตัวได้อาจจะมีการ
00:11:36 → 00:11:39 ส่งถ่ายสารบางอย่างเช่นคาร์บอนไดออกไซด์
00:11:39 → 00:11:43 กับพวกแอมโมเนียได้แต่อันยังมีข้อถกเถียง
00:11:43 → 00:11:45 กันอยู่ว่าหน้าที่ของมันจริงๆมีไว้ทำอะไร
00:11:45 → 00:11:48 กันแน่นะครับแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
00:11:48 → 00:11:53 มันมีความสำคัญมากในกรณีที่เราจะให้เลือด
00:11:53 → 00:11:55 แล้วก็อีกอย่างนึงคือในกรณีที่มีลูกนะ
00:11:55 → 00:11:59 ครับสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับว่าทำไมทำไม
00:11:59 → 00:12:03 เด็กถึงตายได้นะฮะคือถ้าเป็นนักเรียน
00:12:03 → 00:12:06 แพทย์เาจะรู้นะครับว่าเอ๊ะถ้าเกิดว่าแม่
00:12:06 → 00:12:08 เนี่ยสร้างแอนติบอดี้ซึ่งมันถือว่าเป็น
00:12:08 → 00:12:11 อิมมูโนโกลบูลิน g ไอ้ตัวเนี้ยมันจะ
00:12:11 → 00:12:14 สามารถผ่านรกแล้วไปที่ลูกได้แล้วไปทำลาย
00:12:14 → 00:12:18 เมลอแดงของลูกในนั้นเลยนะครับจะเกิดภาวะ
00:12:18 → 00:12:22 หนึ่งที่เรียกว่า hdr fetalis นะครับลูก
00:12:22 → 00:12:26 เนี่ยจะมีน้ำในท้องท้องมารเลยนะครับน้ำใน
00:12:26 → 00:12:28 เยื้อหุ้มหัวใจน้ำในเยื่อหุ้มปอดแล้วก็
00:12:28 → 00:12:31 น้ำ่จะมีขนาดเอ่อมีเยอะขึ้นเราเรียกว่า
00:12:32 → 00:12:35 เอ่อเป็นน้ำคร่ำแบบอย่างเยอะเลยนะ
00:12:35 → 00:12:39 ฮะแล้วสุดท้ายเนี่ยเด็กจะหัวใจวายตายคน
00:12:39 → 00:12:42 ที่เรียนแพทย์เนี่ยจะรู้แค่นี้แต่ถามถาม
00:12:42 → 00:12:45 ตรงๆเลยว่าเอ๊ะแล้วมันไปทำอะไรยังไงทำไม
00:12:45 → 00:12:48 ถึงเด็กบวมได้ถึงเป็นบวมน้ำแบบนั้นได้
00:12:48 → 00:12:51 เกิดอะไรขึ้นนะครับจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้
00:12:51 → 00:12:53 ครับเพราะว่าสมัยก่อนไม่มีอาจารย์คนไหน
00:12:53 → 00:12:56 สอนผมแบบนี้นะครับผมจะเล่าให้คุณหลายๆคน
00:12:56 → 00:13:00 ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับถ้าแม่ท้องครั้ง
00:13:00 → 00:13:03 แรกเไม่มีปัญหานะครับลูกคนแรกเกิดมาจาก
00:13:03 → 00:13:08 ปกตินะแต่ว่ามันจะมีการสร้างแอนติบอดี้
00:13:08 → 00:13:11 ต่อตัว D ใหญ่ของแม่เกิดขึ้นดังนั้นการ
00:13:11 → 00:13:13 ตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 ตัวนี้จะวิ่งเข้าไป
00:13:13 → 00:13:15 ในตัวลูกพอวิ่งเข้าไปเนี่ยมันจะไปจับกับ
00:13:16 → 00:13:19 เม็ดเลือดแดงของลูกที่อยู่ในตัวลูกนะครับ
00:13:19 → 00:13:22 พอจับเสร็จปุ๊บเนี่ยเม็ดเลือดแดงพอมี
00:13:22 → 00:13:25 แอนติบอดี้นี้จับอยู่บนหัวมันจะวิ่งไปที่
00:13:25 → 00:13:29 ตับและม้ามในตับและม้ามเนี่ยจะมี
00:13:29 → 00:13:32 เม็ดเลือดกลุ่มหนึ่งเรียกว่าแครานะครับ
00:13:32 → 00:13:35 เป็นเป็นเซลล์ภูมิต้านทานเราตัวนึมันก็จะ
00:13:35 → 00:13:40 จับเอาเม็ดเลือดที่มีแอนติบอดี้เกาะไป
00:13:40 → 00:13:43 ทำลายทิ้งซะทีนี้แหละครับก็จะเกิดการ
00:13:43 → 00:13:47 ทำลายของเม็เลือดแดงมากมายมหาศาลในเด็กพอ
00:13:47 → 00:13:51 เม็ลแดงมันโดนทำลายไปเด็กจะเกิดโลหิตจาง
00:13:51 → 00:13:54 พอเกิดโลหิตจางสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ
00:13:54 → 00:13:57 หัวใจต้องทำงานหนักมากเนื่องจากว่าแต่
00:13:57 → 00:14:00 ก่อนเนี่ยมันปั๊มครั้งนึงก็ได้เลือดไป
00:14:00 → 00:14:03 เยอะนะครับเลือดพวกเก็มีฮีโมโกลบินเพียง
00:14:03 → 00:14:06 พอเอาไปเก็บออกซิเจนเอาไปให้เนื้อเยื่อ
00:14:06 → 00:14:08 ต่างๆได้เยอะแต่ทีนี้ถ้าโลหิตจางมันไม่
00:14:08 → 00:14:10 ค่อยมีเม็ดเลื้อดแดงที่มีฮีโมโกลบินเหลือ
00:14:10 → 00:14:12 แล้วมันมันตายไปหมดแล้วมันโดนกินไปหมด
00:14:12 → 00:14:14 แล้วปั๊มครั้งเดียวก็ออกไปได้นิดเดียวนะ
00:14:14 → 00:14:16 ครับดังนั้นต้องปั๊มเยอะๆเยอๆนะครับการ
00:14:16 → 00:14:19 ที่มันปั๊มเยอะๆเนี่ยจะเกิดภาวะหัวใจวาย
00:14:19 → 00:14:20 ขึ้นมาที่เราเรียกว่า High output
00:14:20 → 00:14:24 cardiac faia นะครับพอเป็นแบบนี้ปุ๊บ
00:14:24 → 00:14:26 สิ่งที่เกิดทืมตามมานะครับมันปั๊มได้ไม่
00:14:26 → 00:14:29 เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายทำมากๆ
00:14:29 → 00:14:32 ปุ๊บเราก็จะเริ่มเกิดภาวะน้ำท่วมปอดเพราะ
00:14:32 → 00:14:34 มันปั๊มออกไปไม่ได้ตามที่เราต้องการมันก็
00:14:34 → 00:14:37 ท้นกลับมานะครับในตัวปอดของของเด็กพวกนี้
00:14:38 → 00:14:40 แล้วมันก็รั่วออกไปข้างนอกนะครับแล้วก็
00:14:40 → 00:14:41 ไม่เพียงแค่
00:14:41 → 00:14:45 นั้นคือพอมันเป็นอย่างนี้เรื่อยๆเนี่ย
00:14:45 → 00:14:47 ร่างกายของเด็กเขาจะต้องพยายามเต็มที่ใน
00:14:47 → 00:14:51 การสร้างไม้้อแดงเพิ่มขึ้นก็จะเกิดภาวะ
00:14:51 → 00:14:54 ที่มีการสร้างไม้้อแดงเพิ่มขึ้นในตับแล้ว
00:14:54 → 00:14:56 ก็บริเวณอื่นๆที่ปกติมันไม่ควรจะเกิดขึ้น
00:14:56 → 00:15:00 ตรงบริเวณนั้นนะครับทำให้มีตับโตม้ามโตนะ
00:15:00 → 00:15:04 ฮะและพอมันเป็นแบบนี้ปุ๊บหน้าที่การทำงาน
00:15:04 → 00:15:07 ของตับก็เสียตับมันมีหน้าที่ในการสร้าง
00:15:07 → 00:15:09 โปรตีนถ้าโปรตีนสร้างไม่
00:15:09 → 00:15:14 ได้ก็มีปัญหาปัญหาอะไรโดยปกติโปรตีนเนี่ย
00:15:14 → 00:15:18 โดยเฉพาะอัลบูมินมันจะทำให้น้ำเนี่ยคงตัว
00:15:18 → 00:15:21 อยู่ในเส้นเลือดได้นะครับมันดึงน้ำเข้ามา
00:15:21 → 00:15:23 ไว้ในเส้นเลือดถ้าไม่มีอัลบูมินเพราะตับ
00:15:23 → 00:15:26 มันเสียไปแล้วเนื่องจากว่าเกิดการสร้าง
00:15:26 → 00:15:28 เมลดแดงเยอะๆในตับซึ่งปกติไม่ควรจะส้าง
00:15:28 → 00:15:30 เยอะขนานั้นมันสร้างแบบมหาศาลตับโตเลย
00:15:30 → 00:15:33 เนี่ยมันก็ไปเบียดกินที่การสร้างบูมินของ
00:15:33 → 00:15:36 เซลล์ตับปกติมันก็ทำให้น้ำเลือดพวกเนี้ย
00:15:36 → 00:15:38 รั่วออกไปนอกเลือดเต็มไปหมดเลยก็จะเกิด
00:15:38 → 00:15:41 อาการผิวหนังบวมน้ำนะครับน้ำในท้องของ
00:15:41 → 00:15:44 เด็กนะท้องมาแินะครับหรือน้ำในช่องเยื่อ
00:15:44 → 00:15:47 คุมปอดนะครับ plural effusion น้ำในช่อง
00:15:47 → 00:15:49 เยื่อหุ้มหัวใจ pericardial effusion นะ
00:15:49 → 00:15:54 ครับแล้วก็ตัวน้ำคร่ำของเด็กก็จะเยอะ
00:15:54 → 00:15:57 ขึ้นซึ่งพอเป็นแบบนี้เนี่ยเด็กก็เลยบวม
00:15:57 → 00:16:00 ครับก็เลยเกิดเิดภาวะไฮดรอ phis แล้วสุด
00:16:00 → 00:16:04 ท้ายเด็กก็เสียชีวิตนะฮะนี่คือกลไกการ
00:16:04 → 00:16:09 เกิดไฮดรอ phis ทั้งหมดทีนี้มาถึงว่าแล้ว
00:16:09 → 00:16:12 เราจะไม่ให้ภาวะนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงนะ
00:16:12 → 00:16:16 ครับก็ต้องมาทราบอย่างนี้ก่อนในการตั้ง
00:16:16 → 00:16:18 ครรภ์ครั้งแรกถ้าเรารู้ว่าแม่เนี่ยเป็น RS
00:16:19 → 00:16:21 ลบเมื่อไหร่แล้วล่ะก็เราต้องดูด้วยว่าพ่อ
00:16:21 → 00:16:24 เป็น RS บวกหรือเปล่าถ้าเป็นอันนี้แหละ
00:16:24 → 00:16:30 ที่ตอนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์จะต้องมีการ
00:16:30 → 00:16:34 ฉีดแอนตี้ดีเข้าไปนะครับ 28 สัปดาห์แล้ว
00:16:34 → 00:16:39 ก็จะฉีดอีกครั้งหนึงภายใน 72 ชมงหลังคลอด
00:16:39 → 00:16:43 นะครับนี่คือโปรโตคอลที่เราทำกันนะครับจะ
00:16:43 → 00:16:46 ฉีดมากฉีดน้อยหรืออาจจะต้องฉีดมากกว่านี้
00:16:46 → 00:16:49 ขึ้นกับว่ามีเลือดของทารกมาปนอยู่ในเลือด
00:16:49 → 00:16:52 แม่มากน้อยแค่ไหนแต่ถ้าเป็นโดยทั่วไปไม่
00:16:52 → 00:16:55 ได้มีอะไรพิเศษพิเศษพิสดารอะไรเนี่ยก็ที่
00:16:55 → 00:17:00 28 สัปดาห์แล้วก็หลังคลอดภายใน 72 ชมง
00:17:00 → 00:17:04 แต่ถ้าเกิดว่าการคลอดเนี่ยมันเลย 40
00:17:04 → 00:17:06 สัปดาห์ไปแล้วอาจจะต้องฉีดเพิ่มนะครับ
00:17:06 → 00:17:08 เพราะว่าแอนติบอดี้ที่เราฉีดจากคุณลุง
00:17:08 → 00:17:11 เข้าไปในร่างกายของคนทั่วไปจากที่เป็นแม่
00:17:11 → 00:17:13 เนี่ยมันก็จะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 เดือน
00:17:13 → 00:17:16 แล้วก็หมดนะครับดังนั้นถ้าตั้งครรภ์เกิน
00:17:16 → 00:17:19 40 เนี่ยก็ต้องฉีดนอกเหนือจากนี้เหตุ
00:17:19 → 00:17:22 การณ์อย่างอื่นก็อาจจะต้องฉีดเช่นการท้อง
00:17:22 → 00:17:26 นอก้าลูกการแทงนะครับการที่เราจะต้องทำ
00:17:26 → 00:17:28 หัตการการเจาะน้ำคร่ำการที่ไปยุ่งกับเด็ก
00:17:28 → 00:17:31 นะฮะแล้วมีเลือดออกพวกเนี้ยจะต้องมีการ
00:17:31 → 00:17:35 ให้ตัวแอนติเสริมไปในกรณีที่แม่เป็น rh
00:17:35 → 00:17:38 ลบเพื่อป้องกันไม่ให้แม่สร้างแอนติบอดี้
00:17:38 → 00:17:44 เลยมิฉะนั้นลูกคันถัดไปจะมีปัญหาทันทีนะ
00:17:44 → 00:17:47 ครับทีนี้แล้วเนี่ยถ้าเกิดว่าเราให้ไม่
00:17:47 → 00:17:51 ทันแล้วเกิดอะไรขึ้นถ้าเราให้ไม่ทันนะ
00:17:51 → 00:17:54 ครับแม่เค้าก็จะสร้างแอนติ
00:17:54 → 00:17:55 อิมมูโนโกลบูลิน
00:17:55 → 00:17:59 มาสะสมไว้ในร่างกายละถ้ามีลูกคนถัดไปอ่ะ
00:17:59 → 00:18:02 ลูกก็มีโอกาสเสียชีวิตได้แล้วถามว่าใน
00:18:02 → 00:18:05 กรณีนั้นน่ะทำยังไงได้บ้างต้องบอกก่อนนะ
00:18:05 → 00:18:09 ครับว่าถ้าแม่สร้างแอนิแอนติบอดี้ต่อตัว
00:18:09 → 00:18:13 ดีขึ้นมาแล้วเนี่ยนะครับการฉีดเข้าไป
00:18:13 → 00:18:16 เสริมไม่ช่วยอะไรเลยเพราะเราต้องอย่าลืม
00:18:16 → 00:18:20 ที่เราฉีดเข้าไปในตอนแรกเนี่ยเพื่อเอาไป
00:18:20 → 00:18:22 หุ้มเมดเลือดแดงของเด็กไว้ทำให้แม่มองไม่
00:18:22 → 00:18:25 เห็นว่ามีเม็ดเลื้อแดงแบบนี้จึงไม่สร้าง
00:18:25 → 00:18:29 ภูมิต้านทานไปต่อต้านมันนะครับอันเนี้ย
00:18:29 → 00:18:32 ดังนั้นถ้าแม่สร้างแล้วฉีดเข้าไปไม่เกิด
00:18:32 → 00:18:35 ประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นนะต้องเข้าใจตรงนี้
00:18:35 → 00:18:39 แล้วถามว่าเราทำยังไงเราทำได้แค่ติดตาม
00:18:39 → 00:18:43 อาการของลูกและเมื่อไหร่มีโลหิตจังรุนแรง
00:18:43 → 00:18:46 เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องให้เลือดครับ
00:18:46 → 00:18:48 ตรงนี้แหละครับที่สมัยก่อนตอนผมเป็นเด็ก
00:18:48 → 00:18:50 นักเรียนเี่เคไม่ค่อยสอนกันเท่าไหร่เรา
00:18:50 → 00:18:53 ต้องไปอ่านเอาเองนะครับเจะรู้ยยไงว่าเด็ก
00:18:53 → 00:18:59 เป็นโลหิตจางเออนะฮะก็จะมีการทำัาลอรนะ
00:18:59 → 00:19:01 ครับเพื่อไปดูเส้นเลือดเส้นหนึ่งชื่อว่า
00:19:01 → 00:19:03 middle cerebral anery ที่สมองนะครับ
00:19:03 → 00:19:06 ถ้าเกิดมีโลหิตจาที่รุนแรงเนี่ยความเร็ว
00:19:06 → 00:19:08 ของเส้นเลือดเส้นเนี้ยความเร็วของเลือด
00:19:08 → 00:19:09 ที่เดินในเส้นเลือดเส้นเนี้ยมันจะเร็วมาก
00:19:09 → 00:19:12 ขึ้นนะครับเา้าจะเอาความเร็วเฉลี่ยมา
00:19:12 → 00:19:15 เฉลี่ยกันถ้ามันเร็วกว่าเกินกว่า 1.5
00:19:15 → 00:19:18 เท่าของค่าเฉลี่ยในอายุครรภ์ตอนนั้นเนี่ย
00:19:18 → 00:19:21 ก็ถือว่าน่าจะมีภาวะโลหิจังงรุนแรงเพราะ
00:19:21 → 00:19:24 ว่าเขาครู้อยู่แล้วอ่ะแม่เป็น R ลบฉีดไม่
00:19:24 → 00:19:26 ทันสร้างแอนติบอดี้มาเรียบร้อยการตรวจ
00:19:26 → 00:19:28 แอนติบอดี้เนี่ยไม่ได้ตรวจยากอะไรนะครับ
00:19:28 → 00:19:31 เราจะตรวจสิ่งนึงซึ่งเรียกว่าเป็นคุ้มเทส
00:19:31 → 00:19:33 นะครับแล้วก็จะตรวจเจอแอนติบอดี้ได้ว่าเอ
00:19:33 → 00:19:36 มันทำให้เมเลื้อแดงมีปัญหาได้มันแตกได้นะ
00:19:36 → 00:19:39 ครับพอเรารู้แบบนี้ปุ๊บแล้วเราตรวจเด็ก
00:19:39 → 00:19:42 อุ้ยมันมีความเร็วของเส้นเลือดเส้นเนี้ย
00:19:42 → 00:19:44 เลือดมันเดินเร็วมากเลยก็แปลว่าน่าจะมี
00:19:45 → 00:19:48 โลหิตจางนะครับทีนี้พอมีโลหิตจางแบบแย่
00:19:48 → 00:19:50 อย่างงั้นะเราก็ต้องให้เลือดเออแล้วให้
00:19:50 → 00:19:52 เลือดเด็กทารกในคันให้ยังไง
00:19:52 → 00:19:57 อ่ะมันต้องเจาะเข้าไปในสายสะดือคือแทง
00:19:57 → 00:20:00 ผ่านหน้าท้องของแม่เลยนี่แหละเข้าไปในสาย
00:20:00 → 00:20:04 สะดือแล้วก็ให้เลือดเข้าไปทางนั้นโดยให้
00:20:04 → 00:20:06 บางทีก็ต้องให้บ่อยบางทีก็อาจจะไม่ได้
00:20:06 → 00:20:09 บ่อยเช่นมีตั้งแต่ 1 ทุก 1 สัปดาห์จนถึง
00:20:09 → 00:20:11 ทุก 3 สัปดาห์แล้วแต่ความรุนแรงของโรคนะ
00:20:11 → 00:20:15 ครับนี่คือวิธีในการให้เลือดคำถามคืออ
00:20:15 → 00:20:17 แล้วให้เลือดแบบไหนเราจะเอาเลือดมาให้
00:20:17 → 00:20:21 เด็กเนี่ยเลือดอะไรนะครับมันจะเป็นเลือด
00:20:21 → 00:20:25 เอ่อตัวเนี้ยมันจะเป็นเลือดที่เราเรียก
00:20:25 → 00:20:29 ว่าเป็นกรุ๊ป O rh Negative
00:20:29 → 00:20:33 irradiated แล้วก็ L Reduce พวกนี้คือ
00:20:33 → 00:20:37 อะไรฟังแล้วงงนะครับเลือดหมู่ O rh ลบนะ
00:20:37 → 00:20:40 ครับจะเป็นเลือดที่เราเอาไปให้ลูกนะนะ
00:20:40 → 00:20:42 ครับแล้วก็
00:20:42 → 00:20:46 irradiated คืออะไร irradiated เนี่ย
00:20:46 → 00:20:49 เป็นการฉายรังสีเข้าไปในเลือดนะครับเพื่อ
00:20:49 → 00:20:52 ทำลายเซลล์ภูมิปกันเม็ดเลือดขาวชนิดที่
00:20:52 → 00:20:56 เรียกว่า T เซลนะครับ T เซลคือในเลือด
00:20:56 → 00:20:57 เนี่ยเราต่อให้เราคัดมาแต่เมื้อเล็ดแดง
00:20:57 → 00:21:00 ยังไงมันก็จะมีมีเม็ดเลือดขาวซ่อนอยู่ใน
00:21:00 → 00:21:03 นั้นแล้วไอ้เม็ดเลือดขาวพวกนี้เนี่ยนะฮะ
00:21:03 → 00:21:05 โดยเฉพาะ T เซลล์ถ้ามันยังทำหน้าที่ได้ดี
00:21:05 → 00:21:08 อยู่นะฮะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันเข้าไปใน
00:21:08 → 00:21:11 เด็กเนี่ยบางครั้งนะครับมันไปทำลายเด็ก
00:21:11 → 00:21:14 ด้วยซ้ำไปนะฮะเกิดภาวะ transfusion
00:21:14 → 00:21:17 related grap verus Host disease
00:21:17 → 00:21:21 โรคเนี้ถึงตายนะฮะถึงตายเลยงั้นต้องทำลาย
00:21:21 → 00:21:24 T Sell ก่อนนะฮะ lc Reduce คือการลด
00:21:24 → 00:21:26 ปริมาณเม็ดเลือดขาวก็คือจะมีตัวกรองเอา
00:21:26 → 00:21:28 เม็ดเลือดขาวออกไปเหตุผลที่ต้องกรองเม็ด
00:21:28 → 00:21:31 เลือดขาวออกไปเนี่ยคือข้อแรกเพื่อป้องกัน
00:21:31 → 00:21:37 ไม่ให้เกิดพวกไข้เกิดพวกอ่าปฏิกิริยาที่
00:21:37 → 00:21:39 ไม่พึงประสงค์ต่างๆแล้วก็เพื่อไม่ให้มี
00:21:40 → 00:21:43 การทำให้เด็กเค้าเนี่ยสร้างแอนติบอดี้ผิด
00:21:43 → 00:21:48 ปกติต่อบางอย่างที่เรียกว่า H เพราะว่า
00:21:48 → 00:21:50 มันจะอยู่บนเมล็ดขาวบเมล็ดแดงไม่มี H
00:21:50 → 00:21:52 อะไรอยู่บนหัวมันนะเมล็ดขาวมีเราไม่
00:21:52 → 00:21:54 ต้องการให้เด็กสร้างปัญหาต่อตัวพวกนี้
00:21:54 → 00:21:57 เพราะว่าจะมีปัญหาต่อในอนาคตได้คือหาหมู่
00:21:57 → 00:21:59 เลือดที่มาให้หรือว่าปลูกถ่ายอวัยวะอะไร
00:21:59 → 00:22:02 พวกเนี้ยลำบากมากขึ้นในอนาคตนั้นเราก็จะ
00:22:02 → 00:22:04 ต้องใช้พวกนี้นะ
00:22:04 → 00:22:07 ครับการทำแบบเนี้ยมันเป็นแล้วการเอาเม
00:22:07 → 00:22:09 เลือดขาวออกไปยังมีประโยชน์อีกอย่างนึงก็
00:22:09 → 00:22:12 คือว่าในแมเลือดขาวเนี่ยมันเป็นแหล่งที่
00:22:12 → 00:22:16 ซ่อนของไวรัสตัวนึงชื่อว่าไตมไวรัส cmv
00:22:16 → 00:22:18 เราไม่อยากให้ cmv เข้าไปในเด็กเพราะว่า
00:22:18 → 00:22:21 เดี๋ยวเด็กมันแย่ได้ cmv ในเด็กเนี่ยมัน
00:22:21 → 00:22:23 ทำให้สมองมีปัญหาได้นะครับแล้วก็บางคน
00:22:23 → 00:22:26 คลอดออกมาก็ไม่ปกติเลยนะฮะดังนั้นจะต้อง
00:22:26 → 00:22:31 เป็น O Negative นะครับ lc Reduce คือ
00:22:31 → 00:22:34 ทำลายพวกเมล็ดเอาเมล็ดขาวออกไปให้หมดนะ
00:22:34 → 00:22:37 ครับไม่ให้มี cmv ไม่ให้มีปฏิกิริยาไม่
00:22:37 → 00:22:38 พึงประสงค์นะครับไม่ให้เด็กสร้าง
00:22:38 → 00:22:42 แอนติบอดี้ผิดปกติแล้วก็ต้องเป็นอ
00:22:42 → 00:22:44 radiator ฉายรังสีเข้าไปเพื่อไม่ให้เกิด
00:22:44 → 00:22:47 ภาวะที่เม็ดเลือดขาวชนิด T เซลลเข้าไปใน
00:22:47 → 00:22:49 ร่างกายเด็กแล้วไปทำลายเซลล์ของเด็กนะ
00:22:49 → 00:22:53 ครับจะเป็นแบบนี้นะนอกเหนือจากนี้ยังต้อง
00:22:53 → 00:22:56 มีการเอาไปดูซิว่ามันเข้ากับเลือดแม่ได้
00:22:56 → 00:22:58 หรือเปล่านะครับทำการ Cross Match เพราะ
00:22:58 → 00:23:00 ว่าถ้าแม่มีแอนติบอดี้ต่อเม็ดเลือดพวก
00:23:00 → 00:23:03 เนี้ยสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับแอนติบอดี้ใน
00:23:03 → 00:23:05 แม่เนี่ยจะส่งผ่านรกไปที่ลูกแล้วก็ไป
00:23:05 → 00:23:08 ทำลายเม็ดเลือดที่เราให้ไปเนี่ยหมดเลยหมด
00:23:08 → 00:23:12 เลยนะครับอืมดังนั้นก็ต้องมีความระมัด
00:23:12 → 00:23:15 ระวังมากนะฮะแล้วที่ต้องให้ไปเป็นหมู่ rh
00:23:15 → 00:23:18 ลบเพราะว่าอะไรรู้มั้ยก็แม่เป็น rh ลบ
00:23:18 → 00:23:20 เลือดที่เราให้ก็ต้องเป็น rh ลบเพราะเรา
00:23:20 → 00:23:23 ให้ rh บวกเข้าไปปุ๊บแิบในแม่ก็วิ่งเข้า
00:23:23 → 00:23:25 ไปทำลายไม่เลแดงก็แตกเหมือนเดิมดังนั้น
00:23:25 → 00:23:27 เราต้องให้เป็น R ลบครับทีเนี้ยเราก็จะ
00:23:27 → 00:23:31 รู้แล้วว่าเราต้องให้อะไรยังไงนะฮะเราก็
00:23:31 → 00:23:35 ต้องทำอย่างเงี้ยจนกระทั่งคลอดนะฮะอ้อ
00:23:35 → 00:23:39 เมื่อกี้มีอีกอย่างนึงซึ่งอ่าผมไม่ได้พูด
00:23:39 → 00:23:42 ไปก็คือเราจะให้
00:23:42 → 00:23:46 แอนตี้ดียังไงให้มากน้อยแค่ไหนแล้วมันใช้
00:23:46 → 00:23:49 กับโรคอะไรได้อีกเอออันเนี้ยตรงเน่าสนุกะ
00:23:49 → 00:23:53 นะครับคือในทางการแพทย์เนี่ยเราจะประมาณ
00:23:53 → 00:23:57 การให้โดสของยาตัวเนี้ยตามปริมาณเม็ดเลือ
00:23:58 → 00:24:02 แดงของูกลูกที่รั่วเข้าไปในการไลวิเลือด
00:24:02 → 00:24:05 ของแม่เอ๊ะแล้วเราจะประมาณการได้ไงเราจะ
00:24:05 → 00:24:10 รู้ได้ไงนะฮะโดยทั่วไปเนี่ยนะครับเราจะ
00:24:10 → 00:24:15 ประมาณการได้โดย 2 วิธีวิธีแรกเนี่ยเรา
00:24:15 → 00:24:19 เรียกว่าเ่อ C hover เก้ Test นะครับ
00:24:19 → 00:24:22 วิธีก็คือเอาเลือดแม่มาเนี่ยแล้วมาไถลงใน
00:24:22 → 00:24:25 สไลด์นะฮะแล้วเราหยดกรดลงไปเม็ดเลือดของ
00:24:25 → 00:24:28 แม่เนี่ยซึ่งมันมีฮีโมโกลบินชนิดปกปติ
00:24:28 → 00:24:31 ฮีโมโกลบิน a เนี่ยมันมันจะสลายหายไปได้
00:24:31 → 00:24:34 ง่ายมากเลยแต่เมลแดนของเด็กเนี่ยจะมี
00:24:34 → 00:24:37 ฮีโมโกลบิน F มันจะไม่สลายดังนั้นเมื่อ
00:24:37 → 00:24:40 หยดกรดลงไปปุ๊บเซลล์เมแดงของแม่มันจะแตกๆ
00:24:40 → 00:24:42 ๆไปหมดเลยของลูกเนี่ยมันจะยังเหมือนเดิม
00:24:42 → 00:24:45 แล้วเราก็ย้อมสีมันซะพอเราย้อมสีเสร็จ
00:24:45 → 00:24:47 ปุ๊บเนี่ยจะเห็นว่าโอมีเม็ดและแดงของลูก
00:24:47 → 00:24:49 เนี่ยกี่ตัวเม็ดและแดงของแม่ก็จะเห็นเป็น
00:24:49 → 00:24:52 ใสๆเราจะเรียกว่าเซลล์ผีหรือ OST เซลล์นะ
00:24:52 → 00:24:55 ครับแล้วเราก็นับว่ามันมีกี่เปอร์เซ็นต์
00:24:55 → 00:24:58 พอมีกี่เปอร์เซ็นต์ปุ๊บเราก็ไปคูณว่าเม็ด
00:24:58 → 00:25:00 เลือดเอ่อเลือดของแม่ทางร่างกายมีประมาณ
00:25:00 → 00:25:02 เท่าไหร่นะครับส่วนใหญ่ก็จะประมาณอ่าเรา
00:25:02 → 00:25:06 จะคิดคร่าวๆคือ 70 ซีซีต่อกิกันะครับของ
00:25:06 → 00:25:08 แม่เนี่ยก็จะได้ปริมาณน้ำเลือดทางร่างกาย
00:25:09 → 00:25:11 เราเอามาคูณด้วยจำนวนเนี่ยก็จะรู้ว่าอ๋อ
00:25:12 → 00:25:13 มีของลูกอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ยังไงบ้างนะ
00:25:13 → 00:25:17 ครับก็จะสามารถประมาณการได้โดยถ้าเกิดว่า
00:25:17 → 00:25:19 เราประมาณการเฉพาะเม็ดเลือดแดงของลูก
00:25:19 → 00:25:23 เนี่ยมีตั้งแต่ 15 มลขึ้นไปนะถ้า 15 มล
00:25:23 → 00:25:28 เราจะให้ยาตัวแอนติเนี่ยโดสละประมาณ 300
00:25:29 → 00:25:31 ไมโครกรัมแต่ก็แล้วแต่ประเทศบางประเทศมัน
00:25:31 → 00:25:33 ก็ 250 นะครับแต่ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ 300
00:25:33 → 00:25:36 ไมโครกรัมก็จะให้ประมาณเนี้ยทีนี้ถ้าเกิด
00:25:36 → 00:25:38 ว่ามันมีเหตุผลเช่นเลือดออกหรืออะไรก็
00:25:38 → 00:25:40 แล้วแต่นะครับที่เลือดของลูกมันปนเข้าไป
00:25:40 → 00:25:42 มากกว่านั้นน่ะก็อาจจะต้องให้โดสที่มัน
00:25:42 → 00:25:45 สูงขึ้นนะครับประมาณนั้นอันนี้คือวิธีใน
00:25:45 → 00:25:47 การประเมินนะครับแต่แน่นอนว่าการทำแบบ
00:25:47 → 00:25:50 เนี้ยมันมันก็ไม่ได้แม่นยำอะไรมากดังนั้น
00:25:50 → 00:25:53 เดี๋ยวเนี้ยมีวิธีที่แม่นกว่าคือการทำ
00:25:53 → 00:25:56 สิ่งที่เรียกว่า flom นะครับเราเอาเลือด
00:25:56 → 00:25:59 แม่ออกมาเหมือนกันนะครับแล้วเราก็ใส่อ่า
00:25:59 → 00:26:02 ตัวแอนติบอดี้ที่มันมีจุดเรืองแสงนะครับ
00:26:02 → 00:26:05 เข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน f เข้าไปจับเสร็จ
00:26:05 → 00:26:07 ปุ๊บแล้วก็ผ่านเครื่องนะเครื่องมันก็จะ
00:26:07 → 00:26:09 นับอ่ะมีกี่ตัวเรืองแสงมาให้เครื่องนับ
00:26:09 → 00:26:12 วุบๆๆขึ้นมากี่ตัวพอเราได้ขึ้นมาเราก็จะ
00:26:12 → 00:26:14 รู้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มันแน่นอนมากกว่าไ H
00:26:14 → 00:26:17 BG Test นะครับมากเลยนะพอเราเป็นแบบนี้
00:26:17 → 00:26:19 ปุ๊บเราก็สามารถไปคำนวณต่อได้ว่าเราจะใช้
00:26:19 → 00:26:23 อ่ายาแอนตี้ดีเท่าไหร่นะครับอ่าเนี่ยก็
00:26:23 → 00:26:26 เป็นรายละเอียดลึกๆนะครับที่ผมรู้สึกว่า
00:26:26 → 00:26:29 เล่าแล้วมันจะได้เข้าใจเรื่องนี้อย่าง
00:26:29 → 00:26:33 เต็มๆนะครับว่ามันเป็นมายังไงนะครับทีนี้
00:26:33 → 00:26:38 ไอ้เนี่ยแี้ดีมันไม่ได้เอาไว้แก้ไขปัญหา
00:26:38 → 00:26:39 เรื่องนี้เรื่องเดียวนะครับแต่ว่ามัน
00:26:39 → 00:26:41 สามารถที่จะเอาไปรักษาอีกโรคนึ่งได้แต่
00:26:41 → 00:26:44 ว่าไม่ใช่ยาในกลุ่มแรกที่เราจะให้นั่นก็
00:26:44 → 00:26:50 คือโรคที่เรียกว่า itp นะครับอ่า itp บาง
00:26:50 → 00:26:52 คนอาจจะคุ้นๆนะครับ immune trom
00:26:52 → 00:26:56 cytopenia นะครับคือภาวะที่มีร่างกาย
00:26:56 → 00:26:59 เนี่ยสร้างภูมิต้านทานไปทำลายเกล็ดเลือด
00:26:59 → 00:27:02 นะครับแล้วเราให้ตัวนี้ได้เฉพาะในคนที่
00:27:02 → 00:27:06 เป็นกลุ่ม rh + นะครับคนที่เป็นโรค itp
00:27:06 → 00:27:08 R + โดยทั่วไปเราจะใช้วิธีอื่นก่อนเรา
00:27:08 → 00:27:11 จะให้พวกอ่า dexasone ในการรักษาเราจะให้
00:27:11 → 00:27:14 ivig ในการรักษาหรือแล้วแต่วิธีแต่การ
00:27:14 → 00:27:18 ให้ anty D เนี่ยมันก็ช่วยได้มันไปช่วย
00:27:18 → 00:27:21 ไงมันช่วยอย่างงี้ครับเราให้ไปในคนที่
00:27:21 → 00:27:24 เป็น RS + ใช่มั้ยครับมี D อยู่บนผิวของ
00:27:24 → 00:27:27 เซลล์นะ anty D มันก็จะวิ่งเข้าไปจับจับ
00:27:27 → 00:27:30 เสร็จปุ๊บเนี่ยเมเลือแดงที่มันมีแอนตี้ดี
00:27:30 → 00:27:34 พวกเนี้ยก็จะโดนพวกม้ามเนี่ยทำลายม้ามมัน
00:27:34 → 00:27:36 ก็จะยุ่งอยู่กับการทำเลไมเลือดแดงไม่มี
00:27:36 → 00:27:41 เวลาไปทำลายตัวเกล็ดเลือดก็จะทำให้เกล็ด
00:27:41 → 00:27:43 เลือดไม่โดนทำลายนะฮะแมเลือดแดงโดนทำลาย
00:27:43 → 00:27:44 ไปนิดหน่อยเนี่ยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่
00:27:44 → 00:27:47 มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นนะครับเพงั้นบางคน
00:27:47 → 00:27:48 จะบอกว่าอุ้ยเราฉีดเข้าไปเมเลือดแดงก็ซีด
00:27:49 → 00:27:51 ไปเลยสิทำให้คนซีดนะฮะก็ไม่เป็นแบบนั้นนะ
00:27:52 → 00:27:56 ฮะแต่แน่นอนมันก็มีข้อห้ามอย่างหนึ่งก็
00:27:56 → 00:28:01 คือถ้าไอ TP ร่วมกับ autoimmune hemic
00:28:01 → 00:28:03 anemia หรือ aisa เนี่ยจะมีภาวะนึงเรียก
00:28:03 → 00:28:05 ว่า Evan Syndrome ภาวะนี้ไม่ควรให้นะ
00:28:05 → 00:28:08 ทำไมรู้มั้ยก็ปกติเมลแดงมันแตกอยู่แล้ว
00:28:08 → 00:28:11 ด้วยด้วยภูมิต้านทานที่สร้างมาผิดปกติถ้า
00:28:11 → 00:28:13 คุณไปให้อย่างเงี้ก็แตกมากกว่าเดิมอีกก็
00:28:13 → 00:28:16 ยิ่งซีดนะครับดังนั้นคนที่มีภาวะ Evan
00:28:16 → 00:28:18 เนี่ยไม่สามารถให้แบบนี้ได้ก็จะต้องให้ใน
00:28:18 → 00:28:21 คนที่มีโรค igp เพียงอย่างเดียวนะครับแต่
00:28:21 → 00:28:23 แน่นอนไม่ใช่ปัญญาตัวแรกไม่งั้นเดี๋ยวคน
00:28:23 → 00:28:25 ที่เป็น itp จะมาถามว่าเอ๊ยเราจะให้ตัว
00:28:25 → 00:28:27 นี้ได้ที่ไหนยังไงเมื่อไหร่จะไปหาจากไหน
00:28:27 → 00:28:29 ได้บ้างบ้างหรือต้องบินไปออสเตรเลียเอา
00:28:29 → 00:28:32 เลือดจากคุณลุงมาใช้นะฮะก็ไม่ขนาดนั้นนะ
00:28:32 → 00:28:36 ครับที่เมืองไทยก็มีสุดท้ายนะครับก็คงมี
00:28:36 → 00:28:38 คนสงสัยอีกอย่างนึงก็คือทำไมเราจะต้อง
00:28:38 → 00:28:40 สร้างแอนตี้ดีจากเลือดของคุณลุงด้วยเรา
00:28:41 → 00:28:43 สังเคราะห์มันขึ้นมาเองไม่ได้เหรอคำตอบก็
00:28:43 → 00:28:45 คือมีคนพยายามแล้วครับแต่มันไม่สำเร็จนะ
00:28:45 → 00:28:49 ฮะเหตุผลที่มันไม่สำเร็จนะครับมันยากมาก
00:28:49 → 00:28:52 ตรงนี้เวลาเราจะสร้างแอนติบอดี้ออกมาสัก
00:28:52 → 00:28:54 ตัวนึงเนี่ยนะครับบางคนอาจจะบอกว่าเรามี
00:28:54 → 00:28:57 เทคโนโลยีถอดรหัสยีนให้มันสร้างมาตามนั้น
00:28:57 → 00:28:59 ได้มั้ย
00:28:59 → 00:29:01 มันก็ได้แต่พอสร้างเสร็จปุ๊บเนี่ย
00:29:01 → 00:29:03 แอนติบอดี้หลายๆตัวจะมีสิ่งนึงซึ่งเรียก
00:29:03 → 00:29:07 ว่า Post translational modification
00:29:07 → 00:29:09 หมายความว่ามันอ่านพิมพ์เขียวมันสร้าง
00:29:09 → 00:29:11 เป็นโปรตีนแล้วอ่ะหลังจากสร้างโปรตีนตัว
00:29:11 → 00:29:14 นั้นออกมาจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างมี
00:29:14 → 00:29:18 การแก้ไขปรับปรุงอะไรบางอย่างที่ส่วนใหญ่
00:29:18 → 00:29:21 แล้วเราทำไม่ได้ตรงนี้แหละครับที่มันทำ
00:29:21 → 00:29:24 ให้สร้างแอนติบอดี้ต่อดีแบบสังเคราะห์ไม่
00:29:24 → 00:29:27 สำเร็จสักทีนะครับแต่ก็ไม่แน่ในอนาคต
00:29:27 → 00:29:29 เนี่ยเราจะสำเร็จเพราะว่าตอนนี้เรามี a
00:29:29 → 00:29:33 AI และนะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าติดลมมา
00:29:33 → 00:29:36 ซะนานเลยนะครับหวังว่าจะได้ประโยชน์ใน
00:29:36 → 00:29:38 เชิงลึกหลายๆอย่างนะครับสำหรับคนที่เข้า
00:29:38 → 00:29:41 มาฟังนะฮะผมก็จะเล่าเพราะว่าเรื่องนี้มัน
00:29:41 → 00:29:43 ทำให้เวลาที่เรา
00:29:43 → 00:29:47 เรียนเข้าใจทั้งทั้งหมดทั้งภาพรวมเลยฮะ
00:29:47 → 00:29:50 ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในด็กเป็นอย่าง
00:29:50 → 00:29:52 นั้นเป็นอย่างนี้ทำไม hris เกิดขึ้นทำไม
00:29:52 → 00:29:54 เด็กมันต้องบวมด้วยมเลือแดงแตกโลหิตจาง
00:29:54 → 00:29:58 แล้วทำไมมันต้องบวมอ่าแล้วเราต้องให้ไอ
00:29:58 → 00:30:00 anty DO เท่าไหร่เมื่อไหร่ยังไงคำนวณ
00:30:00 → 00:30:03 จากอะไรวันเนี้ยเราก็ได้รับทราบทุกอย่าง
00:30:03 → 00:30:06 แล้วนะครับไม่มีความรู้อะไรที่ลึกเกินไป
00:30:06 → 00:30:09 นะครับแต่ว่าถ้าเราอยากรู้เราต้องรู้แล้ว
00:30:09 → 00:30:11 เรารู้แล้วมันจะช่วยอะไรหลายๆอย่างกับเรา
00:30:11 → 00:30:14 ได้เรื่องนี้จริงๆไม่ใช่เรื่องที่ผมชำนาน
00:30:14 → 00:30:16 นะครับแต่ผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากผมก็
00:30:16 → 00:30:19 เลยอ่ายังพอมีความรู้ด้านนี้ติดหัวมาตั้ง
00:30:19 → 00:30:21 แต่สมัยที่เรียนก็ยังพอพูดได้บ้างนะครับ
00:30:21 → 00:30:23 อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่ค่อยครบ
00:30:23 → 00:30:26 นะครับแต่ผมก็ว่ามันน่าจะครบเยอะพอสมควร
00:30:26 → 00:30:28 เลยนะครับโอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียง
00:30:28 → 00:30:31 เท่านี้นะครับแล้วก็ต้องขอขอบคุณคุณลุง
00:30:31 → 00:30:33 มากๆเลยจริงๆนะคุณลุง James ครอร์
00:30:33 → 00:30:37 harrison นะครับแกเป็นคนที่บริจาคเลือด
00:30:37 → 00:30:40 มาทั้งชีวิตอ่ะนะครับถ้ามีคนอย่างแกเยอะๆ
00:30:40 → 00:30:43 ในประเทศไทยนะครับผมคิดว่าหลายๆคนเนี่ยก็
00:30:43 → 00:30:46 คงจะได้รับการช่วยเหลือไม่มากก็น้อยนะ
00:30:46 → 00:30:48 ครับคิดว่าน่าจะช่วยเหลือคนได้มากกว่านี้
00:30:48 → 00:30:50 เยอะเลยนะครับวันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณ
00:30:50 → 00:30:54 มากครับสวัสดีครับ