00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้นี่ผมมีเรื่องของโบติก
00:00:03 → 00:00:04 ตัวนึงจะมาเล่าทุกคนฟังนะครับเพราะว่ามัน
00:00:04 → 00:00:07 เป็นตัวที่น่าสนใจมากตัวนี้เนี่ยมันเพิ่ง
00:00:08 → 00:00:11 ค้นพบมาเมื่อปี 2004 นี่เองนะครับแต่ว่า
00:00:11 → 00:00:14 มันอาจจะทำให้เราสามารถลดความอ้วนได้ป้อง
00:00:14 → 00:00:17 กันการเกิดเบาหวานโรคหัวใจและโรคอื่นๆที่
00:00:17 → 00:00:19 เกิดจากการอักเสบในร่างกายได้นะครับชื่อ
00:00:19 → 00:00:21 ของมันมีชื่อว่า
00:00:21 → 00:00:25 aeria muin นะครับชื่อมันยาวขนาดนี้นะ
00:00:25 → 00:00:27 ครับแล้วก็มีขายตามท้องตลาดด้วยนะแต่วัน
00:00:27 → 00:00:30 นี้เนี่ยผมจะเล่าให้ฟังเลยว่ามันมีที่มา
00:00:30 → 00:00:32 ที่ไปอย่างไรเไปค้นพบมันได้อย่างไรนะครับ
00:00:32 → 00:00:34 แล้วต้องกินเท่าไหร่กินไปนานแค่ไหนรวม
00:00:34 → 00:00:36 ทั้งผลข้างเคียงของมันเนี่ยมีโอกาสจะเกิด
00:00:36 → 00:00:39 ปัญหาอะไรได้บ้างนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:39 → 00:00:41 แพทย์ธนีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:41 → 00:00:43 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:43 → 00:00:48 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับในปี 2004
00:00:48 → 00:00:50 เนี่ยนะครับมีนักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยี่ยม
00:00:50 → 00:00:53 คนหนึ่งชื่อ marel deren นะครับ marel
00:00:53 → 00:00:57 daren เนี่ยเค้าก็อยากจะดูซิว่ามันมี
00:00:57 → 00:01:01 ความแตกต่างอะไรในคนที่สุขภาพดีกับคนที่
00:01:01 → 00:01:04 มีความอ้วนเป็นโรคเบาหวานมยนะครับเาก็เลย
00:01:05 → 00:01:08 มีการศึกษาดูซิว่าในทางเดินอาหารของเรา
00:01:08 → 00:01:11 เนี่ยมันมีแบคทีเรียอะไรมยที่เกี่ยวข้อง
00:01:11 → 00:01:13 กับเรื่องพวกนี้นะครับโดยตอนแรกเนี่ยสิ่ง
00:01:13 → 00:01:17 ที่เขาศึกษาคือเขาอยากจะดูสิว่าไอ้ตัว
00:01:17 → 00:01:20 เรื่องของทางเดินอาหารของเราเนี่ยมันมี
00:01:20 → 00:01:23 ป้อมปราการอันนึงซึ่งเป็นเมือกนะครับ
00:01:23 → 00:01:25 เมือกที่เคลือบตามเยื่ออาหารนี่แหละเราจะ
00:01:25 → 00:01:27 เรียกเมือกเนี้ยว่ามิวซินนะครับถ้าเกิด
00:01:27 → 00:01:30 ว่ามันมีเมือกที่มีความแข็งแรงมีมีความ
00:01:30 → 00:01:33 หนาเนี่ยมันน่าจะสามารถป้องกันการที่สิ่ง
00:01:33 → 00:01:36 ที่ไม่พึงประสงค์จากในลำไส้เราเนี่ยจะถูก
00:01:36 → 00:01:38 ดูดซึมเขไปในร่างกายเราได้นะครับแล้วเขา
00:01:38 → 00:01:41 เชื่อว่ามันอาจจะสามารถป้องกันการเกิดการ
00:01:41 → 00:01:44 อักเสบต่างๆได้เา้าก็เลยเอาไอ้ตัวมิวซิน
00:01:44 → 00:01:47 เนี่ยมาเพาะเลี้ยงนะครับดูซิว่ามันมี
00:01:47 → 00:01:50 เชื้ออะไรอยู่ในนั้นที่น่าสนใจบ้างปรากฏ
00:01:50 → 00:01:52 ว่าเขาก็ไปเจอเชื้ออยู่ตัวนึงซึ่งมัน
00:01:52 → 00:01:56 จำเป็นจะต้องกินตัวเมือกนะฮะเพื่อการอยู่
00:01:56 → 00:01:59 รอดของมันแล้วก็ไปค้นพบแบคทีเรียตัวนี้
00:01:59 → 00:02:03 แหละครับแีย muin นะครับิิเี่คือมันมาจาก
00:02:03 → 00:02:06 คำว่าซินซินนี่ก็คือตัวเมือกนะครับ fill
00:02:07 → 00:02:09 คือความชอบนะครับก็คือเชื้อตัวเนี้ยมัน
00:02:09 → 00:02:12 ชอบเมือกนะมันก็ต้องกินไอ้เมือกพวกนี้
00:02:12 → 00:02:15 เป็นอาหารก็เลยเจอว่าเป็นแบคทีเรียสาย
00:02:15 → 00:02:18 พันธุ์ใหม่นะฮะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับ
00:02:18 → 00:02:20 ไอ้เมือกพวกนี้มากๆทีนี้พอมันมีความ
00:02:20 → 00:02:23 เกี่ยวข้องกับเมือกอ่ะแล้วมันดียังไงนะฮะ
00:02:23 → 00:02:28 เคก็ไปดูอีกิว่าในคนที่เขาคอ้วนกับคนที่
00:02:28 → 00:02:31 เค้ามีเบาหวานเนี่ยเไปเจอว่าไอ้แบคทีเรีย
00:02:31 → 00:02:34 ตัวนี้เนี่ยมันมีน้อยนะครับแต่ในขณะเดียว
00:02:34 → 00:02:37 กันถ้าคนไหนที่แข็งแรงหุ่นดีนะครับมันมี
00:02:37 → 00:02:39 แบคทีเรียตัวนี้เยอะคราวนี้ก็เลยเริ่ม
00:02:39 → 00:02:41 สงสัยแล้วเฮ้ยมันเกี่ยวข้องอะไรกันหรือ
00:02:41 → 00:02:43 เปล่านะครับแต่ตอนเนี้ยคุณต้องคิด 2
00:02:44 → 00:02:46 อย่างนะอย่างแรกมันอาจจะเป็นเพราะว่าคน
00:02:46 → 00:02:48 ที่เค้าอ้วนน้ำหนักเยอะเป็นเบาหวานเป็น
00:02:48 → 00:02:51 โรคอักเสบต่างๆในร่างกายเนี่ยสภาวะแวด
00:02:51 → 00:02:53 ล้อมที่อยู่ในลำไส้ของเขาคอาจจะไม่เหมาะ
00:02:54 → 00:02:55 สมทำให้ไอ้เชื้อแบคทีเรียตัวเนี้ยมัน
00:02:56 → 00:02:59 เจริญก็ได้นะครับถ้ามันเป็นเช่นนั้นเนี่ย
00:02:59 → 00:03:02 ก็ก็มีความสงสัยว่าเอถ้าเกิดว่าเราเสริม
00:03:02 → 00:03:04 เอาแบคทีเรียตัวดีตัวเนี้ยเข้าไปในร่าง
00:03:04 → 00:03:09 กายจะสามารถทำให้เรื่องของโรคต่างๆที่เขา
00:03:09 → 00:03:11 เป็นน่ะมันดีขึ้นได้หรือเปล่าหรือมันเป็น
00:03:11 → 00:03:14 แค่เหตุผลอย่างอื่นเพราะว่าถ้าเกิดว่าเรา
00:03:14 → 00:03:17 อ้วนแล้วทำให้สภาวะแวดล้อมของอ่าในลำไส้
00:03:17 → 00:03:19 ของเราเนี่ยมันไม่เหมาะสมกับการอยู่รอด
00:03:20 → 00:03:22 ของแบคทีเรียตัวนี้ถ้าเราให้แบคทีเรีย
00:03:22 → 00:03:25 เข้าไปมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอยู่ดีถูกมั้ย
00:03:25 → 00:03:27 ครับมันก็ไม่ควรจะเกิดอะไรขึ้นอยู่ดี
00:03:27 → 00:03:28 เพราะว่าเหมือนกับว่าบ้านน่ะมันไม่น่า
00:03:28 → 00:03:31 อยู่นะครับเราเอาผู้อยู่อาศัยเข้ามาอยู่
00:03:31 → 00:03:33 ไปสักพั้มันก็ตายมันก็ไม่ได้ช่วยทำให้
00:03:33 → 00:03:35 บ้านเราเจริญขึ้นแต่อย่างใดนะครับนี่ก็
00:03:35 → 00:03:38 คือเป็นเหตุผลหนึซึ่งต้องทำการทดลองแต่
00:03:38 → 00:03:41 ว่าพอเขาทำการทดลองในสัตว์ครับเขาเอาไอ
00:03:41 → 00:03:46 ตัวเนี่ยแมนซ mif ใส่เข้าไปแล้วปรากฏว่า
00:03:46 → 00:03:49 อะไรรู้มั้ยครับหลังจากผ่านไปประมาณสัก
00:03:49 → 00:03:53 8-12 สัปดาห์เนี่ยสัตว์พวกเนะครับมันมี
00:03:53 → 00:03:55 ทุกอย่างที่ดีขึ้นนะครับโดยเฉพาะเรื่อง
00:03:55 → 00:03:58 ของ insulin sensitivity คือเรื่องการ
00:03:58 → 00:04:01 ดื้อของอินซูลินมันดีขึ้นนะมันดีขึ้น
00:04:01 → 00:04:04 สามารถคุมน้ำหนักได้ดีขึ้นนะเรื่องของค่า
00:04:04 → 00:04:08 การอักเสบต่างๆในเลือดลดลงนะครับก็เลย
00:04:08 → 00:04:10 เริ่มรู้สึกเอ๊ะมันน่าสนใจมากแล้วเพราะ
00:04:10 → 00:04:12 ว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน
00:04:12 → 00:04:15 ของหนูหนูมันจะกินอะไรก็กินตามใจเลยกินจน
00:04:15 → 00:04:17 อ้วนเป็นหนูตัวใหญ่ก็ได้นะครับแต่ว่าพอ
00:04:18 → 00:04:20 เสริมตัวนี้เข้าไปแล้วเฮ๊ทำไมทุกๆอย่าง
00:04:20 → 00:04:22 มันดีขึ้นก็เลยเริ่มเป็นที่มาของการที่
00:04:22 → 00:04:25 เริ่มมีการศึกษาตัวนี้ว่าเราจะเอามาใช้
00:04:25 → 00:04:29 กับคนได้หรือเปล่านะครับนตรงนี้เป็นที่มา
00:04:29 → 00:04:32 นะฮนะอันนี้ผมขอลงลึกรายละเอียดนิดนึงว่า
00:04:32 → 00:04:35 ไอ้เชื้อตัวเนี้ยโปรไบโอติกตัวเนี้ยมันไป
00:04:35 → 00:04:38 ทำอะไรกันแน่นะครับเพราะเมื่อตะกี้ผมบอก
00:04:39 → 00:04:42 แล้วว่ามันต้องกินมิวซินแต่ฟังดูแล้วเอ๊
00:04:42 → 00:04:44 เมื่อตะกี้เราเล่าแล้วเหมือนสับสนนะใช่มย
00:04:44 → 00:04:46 เพราะว่าถ้าเรามีมิวซินมีเมือกที่มันหนาๆ
00:04:47 → 00:04:49 อยู่ในทางเดินอาหารของเรามันจะป้องกันไม่
00:04:49 → 00:04:51 ให้สารพิษถูกดูดซึมเข้าไปในสู่กระแสเลือด
00:04:52 → 00:04:54 ของเราได้แต่ไอ้ตัวนี้มันกินมิวซินน่ะมัน
00:04:54 → 00:04:56 ไม่ใช่กินแล้วไม่เมือกมันต้องหายไปเหรอ
00:04:57 → 00:05:00 ใช่มั้ยฮะเปล่าเลยครับเชื้อตัวนี้เนี่ย
00:05:00 → 00:05:04 มันกินมิวซินที่มันเก่าแล้วเก่าแล้วเสีย
00:05:04 → 00:05:07 แล้วคุณภาพไม่ดีมันย่อยทิ้งให้เรานะครับ
00:05:07 → 00:05:09 แต่ว่าพอมันย่อยทิ้งออกไปแล้วเนี่ยมัน
00:05:09 → 00:05:13 สร้างสารพิเศษขึ้นมา 2 ตัวนะครับสารเนี้
00:05:13 → 00:05:15 เรียกว่า Short chain fatty Acid นะ
00:05:15 → 00:05:19 ครับเป็นกรดไขมันตัวที่มันขนาดสั้นๆนะคือ
00:05:19 → 00:05:23 อะซิเตตกับโอเนตนะ 2 ตัวนี้เนี่ยมันมี
00:05:23 → 00:05:26 ส่วนทำให้เยื่อบุของทางเดือนลำไส้ของเรา
00:05:26 → 00:05:29 เนี่ยเจริญเติบโตได้ดีนะครับการที่มัน
00:05:29 → 00:05:32 ย่อยมิวซินเก่าๆทิ้งอ่ะมันก็ทำให้ร่างกาย
00:05:32 → 00:05:34 ของเราต้องผลิตมิวซินตัวใหม่ออกมาทดแทนนะ
00:05:34 → 00:05:37 ครับก็จะเป็นมิวซินที่คุณภาพดีแข็งแรงนะ
00:05:37 → 00:05:40 ครับทีนี้พอผลิตมิวซินที่ดีแข็งแรงรวม
00:05:40 → 00:05:43 ทั้งได้สารที่มันไปทำให้ตัวเซลล์ของลำไส้
00:05:43 → 00:05:46 เราแข็งแรงขึ้นด้วยเนี่ยก็เป็นที่มาของ
00:05:46 → 00:05:51 การที่มีแบคทีเรียแมนซ muin เนี่ยทำให้
00:05:51 → 00:05:53 เยื่อบุของลำไส้เราแข็งแรงขึ้นสามารถ
00:05:53 → 00:05:57 สร้างชั้นเมือกที่หนาแข็งแรงขึ้น
00:05:57 → 00:06:00 ได้นอกจากเหนือจากนี้เคยังมีการ
00:06:00 → 00:06:06 วัดผลตัวนึงในเลือดเราเรียกว่าซีรัม Lip
00:06:06 → 00:06:10 ซาด Lip pois หรือ LPS เนี่ยมันเป็นส่วน
00:06:10 → 00:06:13 ประกอบหนึ่งของตัวเยื่อหุ้มแบคทีเรียโดย
00:06:13 → 00:06:15 เฉพาะแบคทีเรียแกมรบนะครับตัวนี้เนี่ย
00:06:15 → 00:06:18 เวลามันเข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้ร่างกาย
00:06:18 → 00:06:20 เราเกิดการอักเสบต่างๆขึ้นมานะครับจะไป
00:06:20 → 00:06:23 กระตุ้นภูมิต้านทานเราถ้าเกิดว่าใครเรียน
00:06:23 → 00:06:25 แพทย์มาเนี่ยมันจะไปกระตุ้นตัวรับตัวนึง
00:06:25 → 00:06:28 ชื่อ tlr4 นะครับแล้วก็สุดท้ายจะทำให้
00:06:28 → 00:06:32 เกิดการอเสบขึ้นโดยการสร้างอิโตคิน 6 นะ
00:06:32 → 00:06:35 ครับ gnf Alpha แล้วก็อิโตคิน 1 เบต้า
00:06:35 → 00:06:37 พวกนี้เป็นสารที่ทำให้เกิดการอักเสบต่างๆ
00:06:37 → 00:06:40 ในร่างกายถ้ามีปริมาณมากนะมันจะทำให้เกิด
00:06:40 → 00:06:44 หลอดเลือดอักเสบพอหลอดเลือดอักเสบปุ๊บอ่า
00:06:44 → 00:06:46 แน่นอนทุกคนก็จะเริ่มเชื่อมโยงกันละว่า
00:06:46 → 00:06:48 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:06:48 → 00:06:51 โรคหลอเลือดสมองโรคหลอดเลือดส่วนปายนะ
00:06:51 → 00:06:54 ครับแล้วไม่พอมันยังสามารถที่จะไปทำให้
00:06:54 → 00:06:58 เกิดคอเลสเตอรอลสูงเกิดไขมันพอกต่ำแล้วก็
00:06:58 → 00:07:01 เกิดปัญหาเกี่ยวข้องกับเรื่องของเบาหวาน
00:07:01 → 00:07:03 เพราะว่ามันจะไปทำให้ร่างกายของเราดื้อ
00:07:03 → 00:07:07 ต่ออินซูลินได้ถ้าเกิดว่าคุณมีโปพแาดเข้า
00:07:07 → 00:07:11 มาในเลือดเยอะๆก็จะเป็นแบบนี้นะครับดัง
00:07:11 → 00:07:14 นั้นตอนนี้เนี่ยมันก็ยิ่งตื่นเต้นใหญ่สิ
00:07:14 → 00:07:18 ครับเพราะว่าถ้าเราเติมแีย mif เข้าไปใน
00:07:18 → 00:07:22 ทางเดินอาหารของหนูมันไปสามารถทำให้ตัว
00:07:22 → 00:07:24 เยื่อเมือกที่บุทางเดินอาหารเนี่ยหนาตัว
00:07:24 → 00:07:27 เพิ่มขึ้นนะครับแล้วมันก็ไปลดการดูดซึม
00:07:27 → 00:07:31 โปลิแซคคาไรด์เข้าไปไปในเลือดสามารถลดการ
00:07:31 → 00:07:34 อักเสบได้ในเลือดนะครับแล้วพอลดการอักเสบ
00:07:34 → 00:07:36 ได้ไอ้สิ่งที่เหลือตามมาทุกอย่างมันดีหมด
00:07:36 → 00:07:39 เลยนี่แหละมันถึงน่าตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจ
00:07:39 → 00:07:43 ตรงนี้นะครับแล้วหลังจากนั้นเนี่ยแน่นอน
00:07:43 → 00:07:45 ทุกคนก็คงจะอยากรู้แล้วครับแล้วคนเอามา
00:07:45 → 00:07:48 กินมันจะได้อะไรขึ้นมาต้องบอกอย่างนี้
00:07:48 → 00:07:51 ก่อนข้อมูลในคนเนี่ยยังมีไม่ค่อยเยอะเท่า
00:07:51 → 00:07:54 ไหร่นะครับจะบอกว่ามันจะได้ผลแบบหนูเนี่ย
00:07:54 → 00:07:57 100% เป็นไปไม่ได้นะครับงานทดลองในคนที่
00:07:57 → 00:07:59 ผมไปอ่านมานานที่สุดก็คือทำอยู่ทั้งหมด 3
00:07:59 → 00:08:04 เดือนด้วยกันก็คือ 12 สัปดาห์นะฮะทีเนี้ย
00:08:04 → 00:08:07 ต้องบอกว่าในคนเนี่ยเค้ายังไม่ได้ดูนะว่า
00:08:07 → 00:08:09 สามารถลดน้ำหนักไปได้เท่าไหร่แต่ว่ามีการ
00:08:09 → 00:08:13 บ่งบอกว่าภาวะดื้ออินซูลินเนี่ยดีขึ้นนะ
00:08:13 → 00:08:16 ฮะคำถามต่างๆที่ตามมาก็คือแล้วเราต้องกิน
00:08:16 → 00:08:18 ไปนานเท่าไหร่เนี่ยมันถึงจะเริ่มเห็นผลนะ
00:08:18 → 00:08:22 ฮะแล้วมันมีผลเสียอะไรมรวมทั้งไอ้ที่มัน
00:08:22 → 00:08:26 มีขายเนี่ยเราจะไปเลือกมันยังไงนะฮะผม
00:08:26 → 00:08:29 ต้องบอกอย่างนี้ก่อนปริมาณที่ควรจะกิน
00:08:29 → 00:08:32 เข้าไปนะคือเราควรจะต้องเอาตามในวิจัยที่
00:08:32 → 00:08:36 เค้าศึกษานะครับก็คืออยู่ที่ 10,000 ล้าน
00:08:36 → 00:08:39 cfu cfu ย่อมาจาก colony forming Unit
00:08:39 → 00:08:43 นะครับ 10,000 ล้าน cfu นะครับถ้าเกิดว่า
00:08:43 → 00:08:45 ใครไปกินต่ำกว่าเนี้ยซึ่งผมไปเห็นมันมี
00:08:45 → 00:08:47 บางยี่ห้อที่ปริมาณต่ำกว่านี้ก็ต้องบอก
00:08:47 → 00:08:51 เลยครับว่าในเมื่อมันเป็นงานวิจัยที่ยัง
00:08:51 → 00:08:54 ไม่ชัดเจนแล้วคุณไปทำให้มันต่ำกว่าในงาน
00:08:54 → 00:08:56 วิจัยอย่างเงี้มันจะไม่ได้ผลแล้วบังเอิญ
00:08:56 → 00:08:58 ผมไม่สามารถบอกยี่ห้อได้นะแต่มันเป็น
00:08:58 → 00:09:01 ยี่ห้อดังซะซะด้วยที่ทำชื่อออกมาแบบชื่อ
00:09:01 → 00:09:04 ชื่อแบบสวยหรูมากแล้วก็อ่าอาจจะเกี่ยว
00:09:04 → 00:09:06 ข้องกับการช่วย metabolic Health ช่วย
00:09:06 → 00:09:09 เรื่องโรค ncd ต่างๆนะครับบันดันเป็น
00:09:09 → 00:09:13 ยี่ห้อดังแต่ว่า้าไปนับปริมาณละมีน้อยมาก
00:09:13 → 00:09:17 เลยนะฮะหลักแค่ 50 ล้านตัวเองนะ 50 ล้าน
00:09:17 → 00:09:20 เองไอ้นี่ต้องหมื่นล้านนะฮะดังนั้นต้องดู
00:09:20 → 00:09:23 ดีๆด้วยว่าคุณเลือกโปรไบโอติกจากแหล่งที่
00:09:23 → 00:09:26 ไหนมาแล้วมันมีจำนวนที่เราต้องการมนะครับ
00:09:26 → 00:09:28 รวมทั้งมีหน่วยงานอิสระมาตรวจสอบหรือ
00:09:28 → 00:09:31 เปล่าว่ามันมีจำนวนแบคทีเรียเท่านั้นจริง
00:09:31 → 00:09:33 ๆนะครับไม่ได้มีสารพิษอย่างอื่นเจอปนมา
00:09:33 → 00:09:36 ไม่มีปรอดตะกั่วหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เรา
00:09:36 → 00:09:38 ไม่อยากจะให้มีในนั้นนะครับอันนี้ผมไม่
00:09:38 → 00:09:40 สามารถบอกยี่ห้อได้นะคุณจะต้องไปศึกษาเอา
00:09:40 → 00:09:42 เองนะครับว่ามันยี่ห้อไหนที่มันเป็นแบบ
00:09:42 → 00:09:47 นี้แต่ว่าให้ดูปริมาณของ accm inin f
00:09:47 → 00:09:50 เป็นหลักว่ามันต้องมีจำนวนอย่างน้อย 10
00:09:50 → 00:09:53 หมื่ล้านตัวหรือ 10 หมื่ล้าน cfu นะครับ
00:09:53 → 00:09:56 ต้องดูตรงนี้เป็นหลักแล้วถ้าจะกินก็ต้อง
00:09:56 → 00:10:00 กินไปอย่างน้อย 3 เดือนตามในงานวิจักินไป
00:10:00 → 00:10:03 นานกว่านั้นได้มน่าจะได้ครับนะน่าจะได้
00:10:03 → 00:10:06 แต่ว่าข้อมูลมันยังไม่ชัดเจนนะครับและแน่
00:10:06 → 00:10:09 นอนว่าเออแล้วมันมีผลเสียเลยมั้ยถ้าเรา
00:10:09 → 00:10:11 กินเข้าไปโปรไบโอติกเนี่ยนะครับหลายๆคน
00:10:11 → 00:10:14 เนี่ยเวลากินครั้งแรกโดยเฉพาะในช่วง
00:10:14 → 00:10:16 ประมาณอาทิตย์ 2 อาทิตย์แรกเนี่ยมันจะมี
00:10:16 → 00:10:18 การเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียที่อยู่ในลำ
00:10:18 → 00:10:20 ไส้นะครับการเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียพวกนี้
00:10:20 → 00:10:23 เนี่ยบางคนอาจจะมีอาการจุกเสียดท้องเสีย
00:10:23 → 00:10:26 หรือมีลมในท้องได้นะครับดังนั้นเป็น
00:10:26 → 00:10:28 เรื่องปกติแต่ว่ามันจะค่อยๆดีขึ้นไปเอง
00:10:28 → 00:10:31 ซึ่งการกินต่อเนื่องก็จะสามารถช่วยทำให้
00:10:31 → 00:10:36 ปัญหาพวกนี้มันหายไปได้นะครับต่อมาคนที่
00:10:36 → 00:10:38 มีภูมิต้านทานบกพร่องอันนี้ผมเคยเตือนใน
00:10:38 → 00:10:41 คลิปของโปรไบโอติกแล้วนะฮโดยเฉพาะคนที่
00:10:41 → 00:10:44 กินยากดภูมิชนิดต่างๆอยู่คนที่ปลูกไถย
00:10:44 → 00:10:46 อวัยวะคนที่มีภูมิต้านทานผิดปกติต้องกิน
00:10:46 → 00:10:49 ยากดภูมิพวกนี้เนี่ยมันอาจจะทำให้เชื้อ
00:10:49 → 00:10:52 โรคหรืออะไรก็แล้วแต่โดยเฉพาะโปรไบโอติก
00:10:52 → 00:10:54 ที่เรากินเข้าไปเยอะๆเนี่ยสามารถซึมเข้า
00:10:54 → 00:10:56 สู่กระแสเลือดเกิดการติดเชื้อในกระแส
00:10:56 → 00:10:58 เลือดได้นะครับดังนั้นคนที่มีภูมิต้านทา
00:10:58 → 00:11:00 บบต้องกินยากดภูมิต้านทานอยู่ไม่ว่าจะ
00:11:01 → 00:11:05 เป็นสรอยเพนินนะครับกินขนาดสูงๆกินเยอะๆ
00:11:05 → 00:11:09 นะครับกินพวกเนี้ยอยู่นะหรืออ่าทั
00:11:09 → 00:11:12 cyclosporin เกดนะครับหรือตัวอะไรก็แล้ว
00:11:12 → 00:11:15 แต่ที่มันเป็นยากดภูมิกินไปนานๆเนี่ยคุณ
00:11:15 → 00:11:17 ต้องระวังการใช้โปรไบโอติกนะเพราะว่ามัน
00:11:17 → 00:11:19 อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด
00:11:19 → 00:11:21 ได้ถึงแม้ว่าโอกาสที่เกิดขึ้นมันจะต่ำแต่
00:11:21 → 00:11:23 ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้วเนี่ยจะลำบากเพราะ
00:11:23 → 00:11:27 ว่าอะไรรู้มยฮะโปรติกบางตัวเนี่ยมันอาจจะ
00:11:27 → 00:11:31 ดื้อยาค่าเชื้อโดยทั่วไปแล้วโปรไบโอติก
00:11:31 → 00:11:33 พวกเนี้ยตัวใหม่ๆเนี่ยนะฮะบอกเลยนะครับ
00:11:33 → 00:11:36 หมอส่วนใหญ่ก็ไม่รู้จักถ้าหมอไม่ค่อยรู้
00:11:36 → 00:11:39 จักแปลว่าอะไรฮะแปลว่าเวลาที่เพาะเชื้อ
00:11:39 → 00:11:42 ออกมาเนี่ยมันอาจจะขึ้นเป็นเชื้อตัวแก
00:11:42 → 00:11:45 ประหลาดที่เราไม่เคยเจอนะครับเพราะไอ้
00:11:45 → 00:11:48 เชื้อพวกเนี้ยโดยทั่วไปมันไม่ติดในคนน่ะ
00:11:48 → 00:11:51 ถ้ามันไม่ติดในคนแล้วมันดันเป็นเชื้อที่
00:11:51 → 00:11:53 ค้นพบใหม่เมื่อสปี 2004 คุณคิดเหรอครับ
00:11:53 → 00:11:55 ว่าแลบทั่วไปเนี่ยเขาจะสามารถวิเคราะห์
00:11:55 → 00:11:59 ได้ว่าเป็นเชื้อตัวนี้ถูกมั้ยอ่ามันอาจจะ
00:11:59 → 00:12:02 โชคดีก็ได้อาจจะมีคนในแลบที่เก่งคือแบบ
00:12:02 → 00:12:05 เอ้ยเราเคยเคยผหารหูมาปี 2004 เคยมีตัว
00:12:05 → 00:12:07 นี้แล้วมันต้องเลี้ยงด้วยมิวซินด้วย
00:12:07 → 00:12:08 เลี้ยงด้วยเลี้ยงด้วยวุ้นอย่างอื่นมันก็
00:12:09 → 00:12:11 ไม่ขึ้นด้วยนะฮะงั้นถ้าเลี้ยงมาก็ต้องรู้
00:12:11 → 00:12:14 ว่าเป็นตัวนี้นะครับอันนี้คือปัญหาข้อแรก
00:12:14 → 00:12:16 เลยนะคือคนที่เพาะเลี้ยงไม่รู้ว่ามันมี
00:12:16 → 00:12:19 ตัวนี้อยู่ในโลกนี้ข้อที่ 2 เพาะเลี้ยง
00:12:19 → 00:12:21 แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าดื้อยาตัวไหนเพราะ
00:12:21 → 00:12:24 มันเป็นแบคทีเรียตัวใหม่เลยนะครับดังนั้น
00:12:25 → 00:12:27 เนี่ยถ้าเกิดติดเข้าไปในคนที่ภูมิต้านทาน
00:12:27 → 00:12:29 ออนแอ์เข้าไปในกระแสเลือดเนี่ยเราใช้ยา
00:12:29 → 00:12:32 แล้วก็อาจจะไม่รู้ว่าต้องใช้ยาตัวไหนอ่า
00:12:32 → 00:12:35 ใช่มั้ยหรือบางทีก็ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเอ้
00:12:35 → 00:12:37 มันเชื้ออะไรหรือบางทีเพาะไม่ขึ้นเพราะ
00:12:37 → 00:12:39 ว่าไม่รู้ว่าต้องเพาะยังไงทีนี้พอเพาะไม่
00:12:39 → 00:12:41 ขึ้นไม่รู้ต้องเพาะยังไงแล้วติดเชื้อเข้า
00:12:41 → 00:12:42 มาในกระแสเลือดอาการเหมือนติดเชื้อใน
00:12:42 → 00:12:45 กระแสเลือดนะแต่ไม่รู้ติดอะไรอยู่
00:12:45 → 00:12:47 อันเนี้ยน่ากลัวะนะครับดังนั้นคนที่ภูมิ
00:12:47 → 00:12:49 ต้านทานบกพร่องทุกคนไม่ว่าจะกินยากดภูมิ
00:12:50 → 00:12:52 ต้านทานอยู่หรือเป็นโรคที่ภูมิต้านทานไม่
00:12:52 → 00:12:55 ค่อยแข็งแรงเนี่ยอยกินนะครับบอกเลยอยกิน
00:12:55 → 00:12:57 เด็ดขาดไม่งั้นเนี่ยเกิดอะไรขึ้นมาเนี่ย
00:12:57 → 00:13:00 ผมก็ไม่รู้กับคุณด้วยนะครับว่ามันจะเป็น
00:13:00 → 00:13:01 อะไรมยนะ
00:13:01 → 00:13:05 ฮะคำถามต่อมาถ้าเรากินไอ้พวกนี้ไปแล้ว
00:13:05 → 00:13:09 เนี่ยเราจะต้องกินไปตลอดมยหรือเราจะกินๆ
00:13:09 → 00:13:11 หยุดๆได้นะครับผมต้องบอกอย่างงี้ก่อนครับ
00:13:12 → 00:13:15 ว่าบางคนอาจจะคิดเอ๊ะถ้าเราใส่แบคทีเรีย
00:13:15 → 00:13:17 ตัวนี้เข้าไปในลำไส้เราเรียบร้อยะเติม
00:13:18 → 00:13:20 เรียบร้อยไปเปลี่ยนแปลงระบบลำไส้เราะมัน
00:13:20 → 00:13:23 ก็น่าจะอยู่ได้แล้วสิตอนนี้ร่างกายเราก็
00:13:23 → 00:13:25 สร้างมิวซินสร้างชั้นเยื่อเมือกได้ดีนะ
00:13:25 → 00:13:27 ครับแบคทีเรียตัวนี้มันชอบมันก็น่าจะอยู่
00:13:27 → 00:13:29 ตรงนั้นได้ตลอดเวลาถูกมั้ยครับครับแต่
00:13:29 → 00:13:33 เปล่าครับการที่แบคทีเรียของแต่ละคนเนี่ย
00:13:33 → 00:13:35 มันไม่เหมือนกันส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการ
00:13:35 → 00:13:38 ใช้ชีวิตด้วยนะครับถ้าเกิดว่าคุณกินอาหาร
00:13:38 → 00:13:41 มันๆนะครับอาหารไขมันสูงมีไฟเบอร์มีผัก
00:13:41 → 00:13:44 กากใยเนี่ยต่ำนะฮะแบคทีเรียแต่ละตัวมัน
00:13:44 → 00:13:48 ไม่ชอบนะครับแมนซเนี่ยมันชอบอาหารที่มีไข
00:13:48 → 00:13:52 มันต่ำแล้วก็พวกกากใยไฟเบอร์สูงๆนะครับ
00:13:52 → 00:13:56 มันถึงจะโตได้ถ้าเกิดคุณเป็นคนที่กินคีโต
00:13:56 → 00:13:59 นะครับไม่กินผักเลยนะหรือคุณไม่ไม่ชอบผัก
00:13:59 → 00:14:02 เลยสักอย่างไม่ได้กินคีโตก็ตามนะครับพวก
00:14:02 → 00:14:06 เนี้ยแมนเซียมันอยู่สักพักมันก็ตายนะตาย
00:14:06 → 00:14:09 เสร็จปุ๊บผลที่มันทำไว้มันก็หายไปดังนั้น
00:14:09 → 00:14:11 เนี่ยในกรณีแบบนี้คุณจำเป็นจะต้องกินมัน
00:14:11 → 00:14:14 เติมไปเรื่อยๆนะครับกินระยะยาวจะมีปัญหา
00:14:14 → 00:14:16 อะไรมยอันนี้ไม่มีใครตอบได้ครับเพราะว่า
00:14:16 → 00:14:18 เรายังมีการศึกษาเพียงแค่ 3 เดือนเท่า
00:14:18 → 00:14:20 นั้นเองข้อจำกัดอยู่ตรงนี้กินไปนานจะเป็น
00:14:20 → 00:14:24 อะไรยไม่มีคนตอบได้นะครับแล้วจะต้องกิน
00:14:24 → 00:14:26 กินบ่อยแค่ไหนอันนี้ก็ไม่มีใครตอบได้
00:14:26 → 00:14:28 เหมือนกันแต่อย่างน้อยก็ 3 เดือนจะได้ผล
00:14:28 → 00:14:32 เหมือนกับที่เา้าเขียนไว้ในอ่าในงานวิจัย
00:14:32 → 00:14:35 ที่มีนะครับถ้าเกิดกินไปนานๆโดยทางทฤษฎี
00:14:35 → 00:14:37 แล้วไม่ควรจะมีปัญหาอะไรน่าจะสามารถกิน
00:14:37 → 00:14:39 ต่อเนื่องได้ระยะยาวนะครับสำหรับคนที่บอก
00:14:39 → 00:14:41 ว่าตัวเองกินผักอะไรพวกนี้ไม่ค่อยได้นะ
00:14:41 → 00:14:44 ครับหรือชอบกินอาหารมันๆการกินไอ้ตัวเก็
00:14:44 → 00:14:46 อาจจะเป็นทางเลือกทางหนึซึ่งควรจะจะต้อง
00:14:46 → 00:14:47 กินไปตลอดนะครับเพราะว่าเมื่อไหร่ที่คุณ
00:14:47 → 00:14:50 หยุดกินแล้วคุณไปทำตัวเหมือนเดิมก็คือกิน
00:14:50 → 00:14:53 ผักน้อยๆไม่ค่อยกินอะไรอย่างอื่นที่มัน
00:14:53 → 00:14:56 ส่งเสริมการเจริญเติบโตของตัวแบคทีเรีย
00:14:56 → 00:14:59 ตัวนี้เลยเดี๋ยวสุดท้ายคนก็กลับมามา
00:14:59 → 00:15:01 เหมือนเดิมนะครับเกิดการอักเสบในร่างกาย
00:15:01 → 00:15:03 นะครับดื้ออินซูลินเป็นเบาหวานอ้วนโรคหัว
00:15:03 → 00:15:06 ใจโรคสมองอะไรตามมานะครับพวกนั้นก็เป็น
00:15:06 → 00:15:09 สิ่งนึงซึ่งเราอาจจะต้องทราบนิดนึงนะอ่า
00:15:10 → 00:15:13 วันนี้ก็เล่ามาพอสมควรแล้วนะครับตัวแมซ
00:15:13 → 00:15:15 minilla ตัวนี้เนี่ยมันเป็นโบติกตัวใหม่
00:15:15 → 00:15:19 นะฮะที่มีวางขายเยอะและที่อเมริกาก็มีที่
00:15:19 → 00:15:21 ไทยไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่านะต้องลองหาเอา
00:15:21 → 00:15:25 เองนะฮะตัวนี้เนี่ยโดยทฤษฎีแล้วมันสามารถ
00:15:25 → 00:15:28 ที่จะทำให้ชั้นเยื่อเมือกที่ทางเดินอาหาร
00:15:28 → 00:15:31 ของเรามีความหนามากขึ้นแล้วก็ทำให้เซลล์
00:15:31 → 00:15:33 เยื่อบุลำไส้แข็งแรงเพิ่มขึ้นเป็นการป้อง
00:15:33 → 00:15:36 กันการเล็ดรอดของแบคทีเรียแล้วก็สารที่
00:15:36 → 00:15:39 ไม่ดีจากลำไส้เข้าไปสู่ในร่างกายเราก็คือ
00:15:39 → 00:15:43 สารโปลิคคาดการที่ไม่มีสารพวกนี้เข้าไปใน
00:15:43 → 00:15:45 ร่างกายก็จะสามารถลดการอักเสพให้กับร่าง
00:15:45 → 00:15:48 กายของเราได้นำไปสู่ความแข็งแรงของร่าง
00:15:48 → 00:15:51 กายนะครับน้ำหนักก็จะไม่ค่อยเพิ่มนะครับ
00:15:51 → 00:15:53 แล้วก็อาจจะช่วยเรื่องของเบาหวานการ
00:15:53 → 00:15:56 อักเสบในหลอดเลือดต่างๆได้นะฮะที่ผมพูดมา
00:15:56 → 00:15:58 ทั้งหมดเนี่ยคือข้อมูลมีแค่ระยะสั้นนะ
00:15:58 → 00:16:00 ครับระยะยาวเนี่ยมันจะเป็นยังไงไม่สามารถ
00:16:00 → 00:16:03 ตอบได้แล้วมันจะสามารถช่วยคนที่เป็นเบา
00:16:03 → 00:16:05 หวานเป็นความดันเป็นอะไรพวกนี้ได้ไมก็
00:16:05 → 00:16:07 ต้องตอบอย่างนี้ครับว่าถ้าเกิดว่าคุณมี
00:16:07 → 00:16:10 โรคอยู่แล้วเบาหวานความดันไขมันโรคอ้วน
00:16:10 → 00:16:13 หรือโรคอะไรก็แล้วแต่ให้ใช้การรักษาแผน
00:16:13 → 00:16:15 ปัจจุบันก่อนนะครับไม่ใช่คุณไปเอา
00:16:15 → 00:16:18 โปรไบโอติกตัวนี้มากินระหว่างว่ามันจะหาย
00:16:18 → 00:16:20 มันไม่หายครับเผลอๆมันอจะเป็นรุนแรงมาก
00:16:20 → 00:16:22 ขึ้นก็ได้นะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเกิดคุณจะ
00:16:22 → 00:16:26 ใช้แนะนำว่าใช้ควบคู่ไปกับการรักษาแผน
00:16:26 → 00:16:30 ปัจจุบันนะครับถ้ากคุณเป็นเบาหวานหมอบอก
00:16:30 → 00:16:33 ว่าให้กินอ่ะกินเมมินกินกิินนะครับหรือ
00:16:33 → 00:16:36 กินดาซินหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยนะฮะกิน
00:16:36 → 00:16:38 ได้ครับแล้วถ้าเกิดคุณอยากจะกิน
00:16:38 → 00:16:41 โปรไบโอติกคุณก็กินคู่กันไปนะฮะแต่ห้าม
00:16:41 → 00:16:43 กินแค่โปรไบโอติกตัวนี้เดี่ยวๆโดยที่คุณ
00:16:43 → 00:16:46 ไม่ได้รักษาโดนแผนประจุมบอนะครับไม่
00:16:46 → 00:16:48 ฉะนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับร่างกายของคุณ
00:16:48 → 00:16:51 ได้นะตรงนี้เป็นหลักเลยที่คุณต้องรู้นะ
00:16:51 → 00:16:54 ครับแล้วก็อย่างที่บอกขนาดที่กินคืออย่าง
00:16:54 → 00:16:58 น้อย 10,000 ล้าน cfu นะครับกินวันละ
00:16:58 → 00:17:02 ครั้งกินไปอย่างน้อยก็ 3 เดือนถึงจะพอ
00:17:02 → 00:17:07 เห็นผลบ้างแต่อันเนี้ยผลในการศึกษาของคน
00:17:07 → 00:17:09 มันยังไม่ชัดเจนแปลว่าอะไรแปลว่าถ้าเกิด
00:17:09 → 00:17:12 คุณกินไป 3 เดือนแล้วคุณไม่เห็นถึงความ
00:17:12 → 00:17:14 แตกต่างอะไรเลยแม้แต่น้อยนะครับคุณหยุด
00:17:14 → 00:17:17 กินได้เลยไม่มีประโยชน์สำหรับคุณนะครับ
00:17:17 → 00:17:21 ถ้าอยากจะให้ชัวร์ก่อนหน้าที่จะไปกิน
00:17:21 → 00:17:23 เนี่ยก็ไปตรวจร่างกายให้เรียบร้อยซะก่อน
00:17:23 → 00:17:25 ตรวจเลือดดูที่มันมีการอักเสบอะไรในร่าง
00:17:25 → 00:17:28 กายมยแล้วลองกินไป 3 เดือนกินแล้วดูซิ
00:17:28 → 00:17:30 เอ๊ะน้ำหนักเรามันดีขึ้นมั้ยเบาหวานเรา
00:17:30 → 00:17:32 โอเคหรือเปล่าน้ำตาลที่มันปริ่มๆมันกลับ
00:17:32 → 00:17:35 มาคุมได้ดีมั้ยแล้วก็ค่าการอักเสบต่างๆใน
00:17:35 → 00:17:37 เลือดมันหายไปหรือเปล่าถ้าถ้าเกิดก่อน
00:17:37 → 00:17:40 ก่อนกินอ่ะมันเยอะเลยแต่หลังกินเอ้ยมัน
00:17:40 → 00:17:42 หายไปก็แปลว่าคุณเนี่ยตอบสนองต่อ
00:17:42 → 00:17:45 โปรไบโอติกตัวนี้สามารถกินต่อได้ของผม
00:17:45 → 00:17:47 เนี่ยมีหลักการอย่างนึงครับอาหารเสริมทุก
00:17:47 → 00:17:50 ชนิดเนี่ยถ้าจะกินมันต้องวัดผลได้ถ้าเกิด
00:17:50 → 00:17:52 คุณกินเข้าไปแล้วเค้าบอกว่ามันดีอย่าง
00:17:52 → 00:17:55 นั้นดีอย่างนี้อ่ะลดความดันลดอ้วนลดอะไร
00:17:55 → 00:17:57 อย่าเงี้ยนะฮะแต่ถ้าเกิดกินไปเสร็จปุ๊บ
00:17:57 → 00:17:59 แล้วมันไม่เห็นเห็นผลเลยอ่ะคุณต้องมาคิด
00:17:59 → 00:18:02 แล้วนะครับว่าคุณกินขนาดเพียงพอหรือเปล่า
00:18:02 → 00:18:07 ใช่มฮะกินนานเพียงพอมแล้วก็เวลาที่คุณกิน
00:18:07 → 00:18:09 เ่ะคุณเอามาจากแหล่งไหนในแหล่งนั้นมันมี
00:18:09 → 00:18:11 การตรวจสอบหรือเปล่าถ้าตรวจสอบแล้วมันได้
00:18:11 → 00:18:13 ตามนั้นจริงหรือเปล่าเพราะว่าถ้ามันไม่
00:18:13 → 00:18:15 ได้มาตรฐานกินเข้าไปเอามันเป็นแคปซูล
00:18:15 → 00:18:17 เปล่าไม่มีอ่าแบคทีเรียตัวดีอยู่ในนั้น
00:18:17 → 00:18:19 เลยไอย่างี้คุณก็กินฟรีถูกมั้ยครับดัง
00:18:19 → 00:18:21 นั้นเนี่ยจำเป็นจะต้องมีของพวกเนี้ยให้
00:18:21 → 00:18:24 ชัดเจนก่อนแล้วต้องวัดผลด้วยก่อนและหลัง
00:18:24 → 00:18:25 ถ้าเกิดวัดผลก่อนและหลังมันไม่ต่างกัน
00:18:25 → 00:18:27 อย่างนี้คุณไม่ต้องกินแล้วครับเพราะว่า
00:18:27 → 00:18:29 สิ่งที่คุณกินอยู่มันอาจจะไม่ได้ผลถ้า
00:18:29 → 00:18:32 เกิดกรณีที่คุณเชื่อนะฮว่ามาจากแหล่งที่
00:18:32 → 00:18:34 ดีกินขนาดที่ถึงกินนานเพียงพอแล้วมันยัง
00:18:34 → 00:18:37 ไม่ได้ผลจริงๆอันนั้นก็แปลว่าของคุณเ่ะ
00:18:37 → 00:18:40 ไม่ต้องกินะเสียตังค์ฟรีนะครับอ่ะวันนี้
00:18:40 → 00:18:41 ก็มาเล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับถ้าใคร
00:18:41 → 00:18:44 อยากจะกินก็ให้แน่ใจก่อนว่าตัวเองไม่มี
00:18:44 → 00:18:47 โรคที่มีภูมิต้านทานบกพร่องนะครับไม่ได้
00:18:47 → 00:18:49 ให้เคมีบำบัดหรือทำอะไรซักอย่างอยู่นะ
00:18:49 → 00:18:53 ครับก็ตัดสินใจดูแล้วมันเป็นหน้าที่ของ
00:18:53 → 00:18:56 คุณที่จะต้องไปดูเอาเองว่ายี่ห้อไหนถึงจะ
00:18:56 → 00:18:59 เอามากินได้ผมไม่สามารถแนะนำเป็นยี่ห้อ
00:18:59 → 00:19:00 ได้แต่ว่าผมสามารถบอกได้แค่ว่าหลักการคือ
00:19:00 → 00:19:04 ยังไงแล้วจำเป็นจะต้องมีตัว acc mn อยู่
00:19:04 → 00:19:07 ทั้งหมดกี่ตัวนะครับโอเควันนี้ก็เล่าให้
00:19:07 → 00:19:08 ฟังเพียงเท่านี้นะครับถ้าใครสงสัยอะไรก็
00:19:08 → 00:19:13 สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ