00:00:00 → 00:00:02 อันนี้คืออะไรคะมิโสะใช่มยซุปมิโสะใช่มย
00:00:02 → 00:00:05 มันจะมีความพิเศษนิดนึงเวลาที่เรากินซุป
00:00:05 → 00:00:08 มิโสะนี่มันจะมีกลิ่นพิเศษนิดนึงแล้วก็ใน
00:00:08 → 00:00:10 ญี่ปุ่นเนี่ยมันก็จะมีหลายๆอย่างที่เขาจะ
00:00:10 → 00:00:12 เอามาหมักเราอาจจะเคยได้ยินว่าเอ๊ะ
00:00:12 → 00:00:14 โยเกิร์ตมันดีกับสุขภาพซึ่งจริงๆโยเกิร์ต
00:00:14 → 00:00:17 ก็คือเอานมไปหมักใช่มยตอนเนี้ยถ้าฝั่ง
00:00:17 → 00:00:20 เอเชียก็จะมีหลายตัวนะคะไม่ว่าจะเป็น
00:00:20 → 00:00:23 นัตโตะเองนะคะหรือว่ามิโซะเองเนี่ยอันนี้
00:00:23 → 00:00:25 ก็เป็นของหมักเนาะเวลาที่หมักปุ๊บเนี่ย
00:00:25 → 00:00:28 มันก็จะมีพวกของโบติกหรืออะไรก็ตามที่
00:00:28 → 00:00:31 เกิดขึ้นอันนี้ก็จะเป็นอีกคุณค่าทางอาหาร
00:00:31 → 00:00:34 ที่ดีนะคะซึ่งจะทำให้อาหารญี่ปุ่นเนี่ยแล
00:00:34 → 00:00:37 ดูเป็นอาหารสุขภาพได้เนาะเดี๋ยวเราจะมา
00:00:37 → 00:00:40 คุยกันในเรื่องของเมโซหรือว่านัตใช่ครับ
00:00:40 → 00:00:42 อย่างฝั่งที่เป็นยุโรปเนี่ยเขาจะหมัก
00:00:42 → 00:00:44 โยเกิร์ตกันใช่มั้ยครับส่วนใหญ่เราก็จะ
00:00:44 → 00:00:46 รู้จักในชื่อแลคโตบาซิลัสใช่มั้ยครับเป็น
00:00:46 → 00:00:48 แบคทีเรียที่อยู่ในนมเนาะแต่ถ้าเกิด
00:00:49 → 00:00:50 สำหรับคนญี่ปุ่นเนี่ยเขาจะมีอีกกลุ่มนึง
00:00:50 → 00:00:53 ที่ใช้หมักค่ะเาเรียกว่าโคจิวิธีการเนี่ย
00:00:53 → 00:00:55 เขาจะเอาข้าวมาหมักซึ่งพอเอาข้าวมาหมัก
00:00:55 → 00:00:58 เนี่ยมันจะมี 2 สิ่งมีชีวิตที่โตร่วมกัน
00:00:58 → 00:01:00 นั่นก็คือส่วนของแบคทีเรียแล้วก็เชื้อรา
00:01:00 → 00:01:03 ที่เป็นเชื้อราที่ดีครับเพอเขาอยู่กันแบบ
00:01:03 → 00:01:07 เป็นเพิ่งพาอาศัยกันอ่าเเป็นเพื่อนบ้าน
00:01:07 → 00:01:09 ที่ดีต่อกันใช่ในขณะเดียวกันพอเขาเป็น
00:01:09 → 00:01:11 พื้นบ้านที่ดีต่อการเอาพลังงานจากข้าวมา
00:01:11 → 00:01:14 ใช้แล้วก็ผลิตเป็นสารอื่นๆที่ดีต่อร่าง
00:01:14 → 00:01:16 กายออกมาด้วยนะครับเขาก็จะเอาข้าวเนี่ย
00:01:16 → 00:01:19 ที่เป็นโคจิเนี่ยครับไปใส่ในถั่วเหลืองออ
00:01:20 → 00:01:22 อ่าเขาก็จะเอาทั้งข้าวทั้งถั่วเหลือง
00:01:22 → 00:01:24 เนี่ยมาทำปฏิกริยาต่างๆก็ออกมาเป็นของ
00:01:24 → 00:01:26 หมักต่างๆของประเทศญุว่าเมื่อสักครู่
00:01:27 → 00:01:29 เนี้ยเขาจะมีข้าวหมักเนาะซึ่งในข้าวหมัก
00:01:29 → 00:01:31 นั้นนมีทั้งทั้งเชื้อราแล้วก็แบคทีเรีย
00:01:31 → 00:01:33 ถูกมั้ยคะเสร็จแล้วก็จะมาหมักอยู่ในถั่ว
00:01:33 → 00:01:36 เหลืองซึ่งในถั่วเหลืองเองก็มีแป้งซึ่ง
00:01:36 → 00:01:38 เป็นสารอาหารเนาะทีนี้แบคทีเรียหรือว่า
00:01:38 → 00:01:41 เชื้อราเนี่ยก็จะเริ่มใช้พลังงานจากถั่ว
00:01:41 → 00:01:44 เหลืองและทำให้เกิดปฏิกิริยามีสารเคมีใดๆ
00:01:44 → 00:01:47 เกิดขึ้นก็เลยกลายเป็นสิ่งพิเศษที่เรียก
00:01:47 → 00:01:50 ว่านาโตะใช่มคะถูกต้องครับรวมถึงมิโสะ
00:01:50 → 00:01:52 ด้วยมิโสะนี่มันหมักอะไรอ่ะเป็นโคจิที่
00:01:52 → 00:01:55 เป็นคนละประเภทกันอ๋อแต่ว่าเป็นถั่ว
00:01:55 → 00:01:56 เหลืองเหมือนกันนะครับอย่างตัวนัตโตะ
00:01:57 → 00:01:58 เนี่ยก็จะเป็นถั่วเหลืองยังเป็นเม็ดอยู่
00:01:58 → 00:02:01 ยืดยืดอ่ะแต่ว่ามันจะมีสารต่างๆที่เกิด
00:02:01 → 00:02:02 จากโคจิเรียบร้อยแล้วเนี่ยมันก็จะทำให้
00:02:03 → 00:02:05 มันมีความยืดขึ้นในขณะเดียวกันมิโซเนี่ย
00:02:05 → 00:02:07 เขาจะเอาตัวถั่วเหลืองเนี่ยไปบดให้มัน
00:02:07 → 00:02:09 เป็นเนื้อเนียนก่อนเพราะฉะนั้น Texture
00:02:09 → 00:02:11 ก็จะเหเหมือนกันแต่ในขณะเดียวกันโคจิของ
00:02:11 → 00:02:14 ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ใช้แค่นัตโตะกับตัว
00:02:14 → 00:02:16 มิโซอย่างเดียวนะครับเขาหมักเยอะมากแม้
00:02:16 → 00:02:19 กระทั่งสระเกเองก็ตามเนี่ยก็ใช้ตัวโคจิ
00:02:19 → 00:02:20 เป็นตัวขึ้นเช่นเดียวกันครับผมฝรั่งเศส
00:02:20 → 00:02:23 เมดิเรนดื่มวายอ่าครับผมญี่ปุ่นก็จะกลาย
00:02:23 → 00:02:26 เป็นสเกครับผมกลับมาที่นัตโตะกับมิโครับ
00:02:26 → 00:02:29 พี่คราวนี้นัตโตะกับมิโซเนี่ยเมีคุณประโย
00:02:29 → 00:02:32 ยังไงบ้างครับผมโอเคก็จริงๆมันก็คือเป็น
00:02:32 → 00:02:34 หลังโปรตีนเนาะแล้วก็จะบวกอีกนิดนึงก็คือ
00:02:34 → 00:02:37 จะได้ส่วนที่จะเป็นเรื่องของตัวโบติกที่
00:02:37 → 00:02:40 บอกมาในกลุ่มของอาหารหมักกลุ่มเนี้ยก็ยัง
00:02:40 → 00:02:43 มีพวกของวิตามินที่มากขึ้นด้วยไม่ว่าจะ
00:02:43 → 00:02:45 เป็นกลุ่มของโลตไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ b6
00:02:45 → 00:02:48 นะคะหรือว่าจะเป็นเรื่องของ K2 ซึ่งจะ
00:02:48 → 00:02:51 ช่วยในเรื่องของกระดูกนะคะอันนี้ก็มีความ
00:02:51 → 00:02:53 จำเป็นแล้วก็ดีขึ้นดังนั้นอันนี้ก็เลยจะ
00:02:53 → 00:02:56 เป็นข้อดีที่มีผลดีกับสุขภาพเมื่อมีข้อดี
00:02:56 → 00:02:58 แล้วก็ต้องมีข้อเสียอ่าครับผมข้อเสียมี
00:02:58 → 00:03:00 อะไรบ้างคือเวลาที่เราไปปุปรุงพวกเยค่ะ
00:03:00 → 00:03:03 มันอาจจะมีเรื่องของโซเดียมที่เยอะนิดนึง
00:03:03 → 00:03:05 ถ้าสมมุติว่าเราซดน้ำไปเยอะๆเราจะสังเกต
00:03:05 → 00:03:08 ว่าเออมันอาจจะมีการปรุงด้วยนะคะเพราะ
00:03:08 → 00:03:10 ฉะนั้นเอาจจะต้องระมัดระวังนิดนึงว่ากิน
00:03:10 → 00:03:13 ได้แต่ว่าไม่ใช่แบบว่ากินอย่างไม่อั้นนะ
00:03:13 → 00:03:16 คะพบกับรายการ Food Choice กินดีสุขภาพ
00:03:17 → 00:03:20 ดีเลือกได้ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 นที่
00:03:20 → 00:03:23 มหิดน Channel podcast ผ่านช่องทาง
00:03:23 → 00:03:26 Facebook มหิดน Channel YouTube มหิดน
00:03:26 → 00:03:32 Channel Apple podcast spotify ang
00:03:32 → 00:03:35 [เพลง]
00:03:35 → 00:03:38 juk ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:03:38 → 00:03:43 มหาวิทยาลัยมหิดลปัญญาของแผ่น
00:03:43 → 00:03:50 [เพลง]
00:03:50 → 00:03:53 ดิน