00:00:00 → 00:00:02 เคยมีประสบการณ์มั้ครับเราถามหมอบางอย่าง
00:00:02 → 00:00:08 หมอตอบว่าไม่รู้เรารู้สึกแปลกๆงงๆว่า
00:00:08 → 00:00:13 เอ๊ะถ้าหมอไม่รู้แล้วใครจะรู้ล่ะเป็นหมอ
00:00:13 → 00:00:17 ก็ต้องรู้สิเคยมั้ยครับผมเชื่อว่าในฐานะ
00:00:17 → 00:00:21 คนไข้และในฐานะแพทย์ก็ต้องมีคนเจอ
00:00:21 → 00:00:25 ประสบการณ์อย่างนี้ผมคือหนึ่งในนั้นแล้ว
00:00:25 → 00:00:29 ไม่อายเลยที่จะบอกว่าไม่รู้วันนี้เรามา
00:00:29 → 00:00:32 ลองเข้าใจ mindset เมื่อหมอบอกว่าไม่รู้
00:00:32 → 00:00:35 เนี่ยแปลว่าอะไรแสดง
00:00:35 → 00:00:39 ว่าเค้าไม่ใช่หมอเหรอเค้าไม่ใช่รู้จริง
00:00:39 → 00:00:43 เหรอเรามาลองดูกัน
00:00:43 → 00:00:47 ครับสวัสดีครับหมอชวนคุยวันอาทิตย์เช้า
00:00:47 → 00:00:50 เจอกันใหม่กับพcส mindset Health Care
00:00:50 → 00:00:55 ทำยังไงให้เราหายป่วยนอกจากจะได้หมอที่ดี
00:00:55 → 00:00:57 ยาที่ดีการตรวจที่ดีแล้วคือการปรับ
00:00:57 → 00:01:02 Mindset ของเราต่อจากคลิปที่ผมไล่ซีรีย์
00:01:02 → 00:01:05 มาเนี่ยนำมาสู่หัวข้อวันนี้
00:01:05 → 00:01:09 คือทำไมเราถามหมอแล้วแล้วหมอตอบไม่ได้
00:01:09 → 00:01:13 หรือหมอไม่รู้เรามาลองเข้าใจmindsตตรงนี้
00:01:13 → 00:01:16 ก่อนว่าหมอของเราเมื่อเขาตอบว่าเค้าไม่
00:01:16 → 00:01:21 รู้เนี่ยมันแปลว่าอะไรได้บ้างอ่ะยกตัว
00:01:21 → 00:01:25 อย่างครั้งหนึ่งในชีวิตในบ้านผมมีเพื่อน
00:01:25 → 00:01:28 แม่มาที่บ้าน
00:01:28 → 00:01:30 แล้ว
00:01:30 → 00:01:34 เอ่อผมกำลังทำอาหารอันนี้ประมาณ 10 ปีที่
00:01:34 → 00:01:38 แล้วนะครับแล้วก็เข้าไมโครเวฟหรือเข้า
00:01:38 → 00:01:40 อุ่นโอเว่น
00:01:40 → 00:01:44 something และเขาก็หันมาถามผมว่าเฮ้ยเธอ
00:01:44 → 00:01:46 ทำอาหารร้อนแบบนี้เนี่ยเธอไม่กลัวเป็น
00:01:47 → 00:01:48 มะเร็ง
00:01:48 → 00:01:50 เหรอผมก็บอก
00:01:50 → 00:01:56 ผมก็อึ้งไปสักพักเขาก็ต่อเธอไม่รู้เหรอ
00:01:56 → 00:02:00 ว่าศาลรังสีพวกนี่ความร้อนที่ทำมาแบบนี้
00:02:00 → 00:02:03 เนี่ยกระตุ้นให้เกิดสารก่อมะเร็งเไม่รู้
00:02:03 → 00:02:07 จริงเหรอบังเอิญอาจจะเป็นคนสนิทของแม่เขา
00:02:07 → 00:02:10 ก็เลยกล้าพูดได้ถึงขนาดนี้
00:02:10 → 00:02:14 ว่าเธอเป็นหมอจริงหรือเปล่าเธอไม่รู้
00:02:14 → 00:02:17 เลยโอเคอันนี้ไม่เห็นมั้ยครับอ่าเหตุ
00:02:17 → 00:02:23 การณ์ที่ 2 อะไรครับญาติเอาเอ่อสมุนไพร
00:02:23 → 00:02:25 อะไรสักอย่างนะครับผมขอไม่พูดก็แล้วกัน
00:02:25 → 00:02:27 แล้วบอกว่าเนี่ยคุณหมอ
00:02:27 → 00:02:30 กินสมุนไพรตัวนี้ตัวนี้ตัวนี้ตัวนี้ได้
00:02:30 → 00:02:35 มั้ยเพื่อรักษาโรคหรือ 3 เเอายาอะไรมาไม่
00:02:35 → 00:02:39 รู้เนี่ยเอามาให้นะครับแล้วก็บอกว่าอยาก
00:02:39 → 00:02:44 จะกินยาตัวนี้เพื่อส่งเสริม 1 2 3
00:02:44 → 00:02:49 4 ผมก็จะตอบตรงๆเลยวะผมไม่รู้ครับผมไม่
00:02:49 → 00:02:51 มีข้อมูลแล้วก็ผมไม่มี
00:02:51 → 00:02:54 ประสบการณ์คำถามคือเวลาเราตอบไปอย่างี้คน
00:02:54 → 00:02:59 ไข้ก็ทำหน้างงๆนิดนิดนึงนะครับอ่ะเรามาดู
00:02:59 → 00:03:02 กันว่าแปลว่าอะไรเมื่อหมอเค้าตอบว่าเค้า
00:03:02 → 00:03:05 ไม่รู้อันที่
00:03:05 → 00:03:08 1 ต้องชื่นชมอันนี้ไม่ได้ไม่ได้เข้าข้าง
00:03:08 → 00:03:11 ตัวเองนะฮะอาจจะชื่นชมหน่อยว่าการที่เค้า
00:03:11 → 00:03:14 บอกเค้าไม่รู้แปลว่าเค้าจริงใจกับเราเค้า
00:03:14 → 00:03:18 มีความซื่อสัตย์กับคนไข้ของตัวของเค้า
00:03:18 → 00:03:21 เค้าไม่จำเป็นต้องแสดงว่าเขารู้ทุกอย่าง
00:03:21 → 00:03:24 หรือเขาเก่งทุกอย่างไม่รู้คือไม่รู้ซึ่ง
00:03:24 → 00:03:28 อันนี้ก็เป็นบุคลิกที่ในเวลาเราเป็นนัก
00:03:28 → 00:03:32 ศึกษาแพทย์เนี่ยผู้หลักผู้ใหญ่อาจารย์ก็
00:03:32 → 00:03:38 จะสอนมาเสมอคือไม่รู้ก็ต้องกล้าตอบว่าไม่
00:03:38 → 00:03:42 รู้จะไปอ่านจะไปค้นคว้าก็ว่ากันไปแต่ไม่
00:03:42 → 00:03:46 ให้ไถไม่ให้โม้ไม่ให้ไม่ให้เปลี่ยนไม่ให้
00:03:46 → 00:03:49 สร้างภาพไม่รู้ก็ต้องกล้าบอกว่าไม่รู้นะ
00:03:49 → 00:03:53 ครับเพราะว่าผู้ที่มาปรึกษาเขาจะได้เขาจะ
00:03:53 → 00:03:56 ได้รู้ว่าเราไม่รู้เรื่องนี้นะครับอันนี้
00:03:56 → 00:03:59 คือต้องกล้าและชื่นชมนะครับต้องชื่นชมหมอ
00:03:59 → 00:04:01 ของเราถ้าเค้าบอกว่าเค้าไม่รู้นะฮะอ่าที่
00:04:02 → 00:04:08 2 คือเค้าไม่รู้เนี่ยแสดงว่า 1 สายที่ยู
00:04:08 → 00:04:11 กำลังปรึกษาเนี่ยเค้าไม่มีประสบการณ์เลย
00:04:11 → 00:04:13 เค้าไม่ได้เป็นหมอทางด้าน
00:04:13 → 00:04:17 นั้น 2 จะต่อให้เรารู้สึกว่ามันเป็น
00:04:17 → 00:04:22 เรื่องเบสิคของสามัญชนที่ใช้ชีวิตทุกวัน
00:04:23 → 00:04:27 เนี่ยเขาไม่รู้ไม่ได้มันก็ไม่ใช่บางทีการ
00:04:27 → 00:04:31 ที่เขาบอกเค้าไม่รู้คือเค้าอาจจะเค้าอาจ
00:04:31 → 00:04:34 จะไม่อยากออกความคิดเห็นเนื่องจากมันเป็น
00:04:34 → 00:04:39 ข้อมูล 2 กระแสนะครับบางทีการตัดบทคือบอก
00:04:39 → 00:04:42 ไม่ทราบจริงๆเลยครับว่าข้อมูลมันเป็นยัง
00:04:42 → 00:04:46 ไงแต่เขาอาจจะต่อท้ายด้วยว่าอย่างเช่น
00:04:46 → 00:04:49 ไมโครเวฟหรือโอเว่นพวกเนี้ยว่าถ้ามันก่อ
00:04:49 → 00:04:53 มะเร็งจริงใน 10 ปี 20 ปีก็น่าจะมีคนไข้
00:04:53 → 00:04:56 ที่เป็นมะเร็งมากขึ้นทวีคูณทวีคูณแบบนะฮะ
00:04:56 → 00:04:59 ถ้ามันมีตัวกระตุ้นชัดเจนเค้าคงจะให้เหตุ
00:04:59 → 00:05:02 ผลของเค้านะครับแต่เขาจะใช้คำว่าเอาจจะ
00:05:02 → 00:05:05 ตอบไม่ได้ 100% หรือเ้าไม่รู้นะครับแต่
00:05:05 → 00:05:08 เชื่อว่าน่าจะปลอดภัยอะไรประมาณนี้นะฮะ
00:05:08 → 00:05:10 อ่าอันที่ 3
00:05:10 → 00:05:13 คือคนละศาสตร์เลยเค้าเป็นหมอก็จริงแต่ว่า
00:05:13 → 00:05:17 สิ่งที่เราปรึกษามันเป็นหมอสายเอ่อทาง
00:05:17 → 00:05:21 เลือกหมอสมุนไพรนะครับหรือแพทย์อชัอื่นนะ
00:05:21 → 00:05:26 ฮะเช่นแพทย์แผ่นตะวันออกกลางนะครับแฟด
00:05:26 → 00:05:29 ฝั่งยุโรปอย่างเงี้ยมันมีหลายมันมีหลาย
00:05:29 → 00:05:33 หลายศิลปะของการรักษาซึ่งถ้าเขาตอบไม่รู้
00:05:33 → 00:05:37 ก็แสดงว่ามันไม่ใช่ศาสตร์ของเค้าเลยโอเค
00:05:37 → 00:05:40 นะครับอันนี้คือหัวข้อที่ 2 คือเขาไม่รู้
00:05:40 → 00:05:44 จริงๆอันที่ 3 คืออันนี้อันนี้พูดส่วน
00:05:44 → 00:05:49 น้อยนะครับไม่รู้อาจจะเป็นไปได้ว่าเราถาม
00:05:49 → 00:05:52 เยอะจนเขาเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่รู้จริงๆ
00:05:52 → 00:05:57 เลยว่าคุณถามมุมมองไหนคุณต้องการจะเข้าใจ
00:05:57 → 00:06:01 ยังไงคุณต้องการจะมีความคิดยังไงหรือ
00:06:01 → 00:06:05 ต้องการจะดึงการรักษาไปถึงไหนเพราะเราอาจ
00:06:05 → 00:06:09 จะไม่เคลียร์เราอาจจะถามไม่เคลียร์นะฮะเา
00:06:09 → 00:06:11 เลยตัดบทไปเลยคือไม่รู้เพื่อไม่ให้เสีย
00:06:11 → 00:06:15 เวลานะครับอันนี้อาจจะเกิดในบริบทที่คน
00:06:15 → 00:06:19 ไข้เยอะมากและเราไม่ได้เตรียมการบ้านมาดี
00:06:19 → 00:06:22 ๆไม่ได้ถามให้ถูกจังหวะหรือถูกsequนนะ
00:06:22 → 00:06:26 ครับอันนี้ขอหัวข้อนี้อันนี้ผมเท่าที่ผม
00:06:26 → 00:06:29 สังเกตนะครับขออิฟไว้อาจจะไม่ได้ใช้หรือ
00:06:29 → 00:06:32 เกิดกับหมอทุกคนนะครับแต่เท่าที่ผมสังเกต
00:06:32 → 00:06:36 การตอบไม่รู้คือเพื่อตัดบทเพราะว่าดูแล้ว
00:06:36 → 00:06:39 เป็นคำถามที่อาจจะไม่มีความสัมพันธ์กับ
00:06:39 → 00:06:42 การรักษาของเขานะครับเพราะว่าเราไม่ได้ทำ
00:06:42 → 00:06:46 การบ้านมาโอเคนำมาสู่หัวข้อต่อ
00:06:47 → 00:06:50 ไปผมอยากให้เรารู้ว่าจะต่อให้เรื่องบาง
00:06:50 → 00:06:52 เรื่องนะ
00:06:52 → 00:06:56 ครับบางทีหมอเราเองก็อาจจะไม่ได้รู้ทุก
00:06:56 → 00:06:59 เรื่องเวลาที่เราเรียนเพศเนี่ยเราจะเน้น
00:06:59 → 00:07:03 เรียนเรื่องโรคมากกว่านะครับกินอยู่คืน
00:07:03 → 00:07:06 หรือว่า Heth being เนี่ยอาจจะน้อยผมไม่
00:07:06 → 00:07:09 รู้ปัจจุบันมีการผลักดันแค่ไหนแต่การ
00:07:09 → 00:07:12 เรียนของแพทย์เนี่ยหรือหลักสูตรเนี่ยจะ
00:07:12 → 00:07:17 มุ่งเน้นไปที่โรคเพื่อรักษาโรค
00:07:17 → 00:07:21 นั้นแต่การส่งเสริมอาจจะไม่ได้ไม่ได้มี
00:07:21 → 00:07:25 คาบเยอะแล้วก็ไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาแพทย์
00:07:25 → 00:07:28 เองหรือแพทย์ที่ทำงานเวลาเรียนหรือเวลาทำ
00:07:28 → 00:07:30 งานปัจจุบันเนี่ยมันก็ไม่ได้เป็น
00:07:31 → 00:07:34 ไลฟ์สไตล์ที่ถูกดีไซน์มาแบบ healthy นะ
00:07:34 → 00:07:37 ครับเช่นการทำงานอย่างเงี้ยครับก็ไม่ได้
00:07:37 → 00:07:40 มีใครปกเป็นค่านิยมเรื่อง Work Life
00:07:40 → 00:07:43 Balance นะครับว่าทำยังไงต้อง balance
00:07:43 → 00:07:47 การทำงานนะครับอาจารย์ท่านไหนอยากจะไปราว
00:07:47 → 00:07:49 20:00 น. 21:00 น.ฮึบหน่อย 225 น.อย่าง
00:07:49 → 00:07:53 เงี้ยก็ดึงยาวไปเลยก็มีครับรุ่นรุ่นผมนะ
00:07:53 → 00:07:58 ฮะนะฮะบางคนสอนจนถึงดึกเลยนะครับเพราะเรา
00:07:58 → 00:08:00 ตื่นเช้ามา 5:30 น. 18:00 น.อะไรอย่าง
00:08:00 → 00:08:04 เงี้ยก็มีนะครับเสาร์อาทิตย์ก็ทำงานเอ่อ
00:08:04 → 00:08:06 ความเป็น Love work life balance โดย
00:08:06 → 00:08:09 เฉพาะ Family Balance เนี่ยผมว่าอาจจะ
00:08:09 → 00:08:12 ยังไม่ได้ถูกบรรจุในค่านิยมอยู่ในหลัก
00:08:13 → 00:08:18 สูตรเท่าไหร่นะครับเอ่อก็เลยทำให้ผมผมมอง
00:08:18 → 00:08:22 นะฮะนี่มุมมองผมคือความเข้าใจชีวิตของ
00:08:22 → 00:08:26 แพทย์ระหว่างการเรียนการสอนเนี่ยอาจจะอาจ
00:08:26 → 00:08:29 จะไม่มีมากเท่าไหร่นะครับเพราะว่าส่วน
00:08:29 → 00:08:32 ใหญ่ก็ต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่มาอยู่หอพัก
00:08:32 → 00:08:36 นะครับก็ใช้ชีวิตเอ่อเพื่อที่จะเทรนนิ่ง
00:08:36 → 00:08:37 อย่าง
00:08:37 → 00:08:41 เดียวอันนี้ก็เป็นปัญหาอีกโจทย์นึงที่ผม
00:08:41 → 00:08:46 มองแต่ผมกำลังจะบอกว่ามันไม่มีใครรู้ทุก
00:08:46 → 00:08:50 อย่างเพราะว่าเราเรียนเฉพาะโรคเรื่อง
00:08:50 → 00:08:53 คุณภาพชีวิตเรื่อง mental illness
00:08:53 → 00:08:56 เรื่องสุขภาพจิตเรื่องความรู้สึกอย่าง
00:08:56 → 00:08:59 เงี้ยมันอาจจะไม่ได้เป็นหัวข้อที่ถูกถูก
00:08:59 → 00:09:03 เรียนถูกสอนกันมามากเท่าไหร่นะครับเอ่อ
00:09:03 → 00:09:05 แม้กระทั่งไลฟ์สไตล์ของแพทย์อย่างที่ผม
00:09:05 → 00:09:07 พูดนะครับมันก็เลยทำให้แพทย์เนี่ยอาจจะ
00:09:07 → 00:09:10 ไม่ได้เข้าใจทุกมุมมองระหว่างที่เขากำลัง
00:09:10 → 00:09:12 โตเป็นแพทย์
00:09:12 → 00:09:16 อยู่เช่นเดียวกับช่างที่เค้าซ่อมรถอย่าง
00:09:16 → 00:09:19 เงี้ยบางทีเค้าอาจจะซ่อมรถเป็นนะถ้าเค้า
00:09:19 → 00:09:22 เราแจ้งปัญหาเค้าเอาจจะแก้ถูกแต่ถ้าเราไป
00:09:22 → 00:09:26 ถามเค้าว่าเหล็กนี้มาจากไหนหลอมมาได้ยัง
00:09:26 → 00:09:30 ไงมีส่วนผสมอะไรบ้างเค้าอาจจะไม่รู้ฮะนะ
00:09:30 → 00:09:33 ครับเพราะว่ามันก็ไม่ได้เป็นหัวข้อที่
00:09:33 → 00:09:36 เค้าสู่เทรนมาเค้าเทรนมาเพื่อซ่อมเพื่อ
00:09:36 → 00:09:40 แก้นะฮะอาจจะเพื่อป้องกันบ้างแต่ว่าอาจจะ
00:09:40 → 00:09:43 ไม่ได้รู้หมดในแง่ป้องกันหรือส่งเสริม
00:09:43 → 00:09:45 ซึ่งผมเชื่อว่าอนาคตเนี่ยทิศทางก็น่าจะดี
00:09:45 → 00:09:48 ขึ้นแม้กระทั่งพยาบาลฮะหลายที่ครับเหมือน
00:09:48 → 00:09:52 กันครับเอ่อดังนั้นเมื่อเราไปถามหมอเนี่ย
00:09:52 → 00:09:56 บางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจเรานะครับเพราะว่า
00:09:56 → 00:10:00 จริงๆเราต้องเข้าใจว่าเราเข้าไปในฐานะโรค
00:10:00 → 00:10:03 หรือเรามีปัญหาเขาจะแก้ในเรื่องนั้นที่
00:10:03 → 00:10:08 เขาเก่งที่เขาถนัดแต่นอกจากนั้นก็จะไม่
00:10:08 → 00:10:11 ใช่ทุกคนที่อาจจะตอบเราได้นะครับผมเองก็
00:10:11 → 00:10:15 ยอมรับฮะผมก็ตอบคนไข้ไม่ได้ในหลายเหตุ
00:10:15 → 00:10:18 การณ์เหมือนกันถ้าเราเข้าไปตรวจเนี่ยบาง
00:10:18 → 00:10:24 ทีหมอเฉพาะเรื่องนึงเค้าก็จะเก่งกับ
00:10:24 → 00:10:28 เรื่องๆ่นึงโรคของเรื่องๆนั้นวิธีการแก้
00:10:28 → 00:10:32 ของเรื่องๆนั้นข้อมูลอัปเดตในการรักษาของ
00:10:32 → 00:10:36 เรื่องๆนั้นหรือขอบเขตของเขาอาจจะตอบเรา
00:10:36 → 00:10:39 ไม่ได้ทุกอย่างนะครับซึ่งอันนี้ไม่แปลกนะ
00:10:39 → 00:10:43 ครับแล้วก็อย่าไปเพิ่งรู้สึกว่าเค้าไม่มี
00:10:43 → 00:10:47 ความรู้หรืออะไรมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่
00:10:47 → 00:10:51 เค้าไม่ได้ใส่ใจหรือไม่ได้สนใจมันอยู่ใน
00:10:51 → 00:10:55 นอกขอบเขตการปฏิบัติงานของเค้าโอเคนะครับ
00:10:55 → 00:10:58 เอ่อ anyway คือกำลังจะบอกว่ากว่าพวกเรา
00:10:58 → 00:11:01 จะมารู้เรื่อง Healthy Living การอยู่
00:11:01 → 00:11:05 แบบดีๆอยู่แบบมีสุขภาพที่ดีเนี่ยมันก็
00:11:05 → 00:11:09 ต้องผ่านช่วงนึงของชีวิตไปอ่ะนะอันอีกอัน
00:11:09 → 00:11:12 นึงก็คือเรื่องสุขภาพจิตเรื่องอารมณ์
00:11:12 → 00:11:15 เรื่องความไวต่อความรู้สึกเราก็ไม่ได้
00:11:15 → 00:11:18 ถูกคือมันไม่ได้มีการสอนมากแล้วมันไม่ได้
00:11:18 → 00:11:22 มีการพูดถึงมากนะครับอย่างมากก็มีการสอน
00:11:22 → 00:11:26 เรื่องจิตโรคจิตแพทย์ทั้งหลายโรคจิตเวท
00:11:26 → 00:11:28 ทั้งหลายอ่ะ Sorry Pychological
00:11:28 → 00:11:31 disorder ทั้งหลายแต่ความรู้สึกเราความ
00:11:31 → 00:11:33 คิดของเราความเชื่อของเรา values
00:11:33 → 00:11:37 philosophy ไม่ได้มีการคุยมากเท่าไหร่ผม
00:11:37 → 00:11:40 ไม่รู้เมืองนอกมีแค่ไหนนะฮะแต่ว่าเอ่อ
00:11:40 → 00:11:44 เมืองไทยอาจจะไม่ได้เยอะมากนะครับก็มันก็
00:11:44 → 00:11:46 เลยทำให้อาจจะทำให้ความรู้สึกหรือความ
00:11:47 → 00:11:50 เข้าใจหรือปรัชญาชีวิตอาจจะไม่ได้ไม่ได้
00:11:50 → 00:11:54 เยอะมากนะครับอันนี้ไม่ได้บอกว่าใครผิด
00:11:54 → 00:11:56 ใครถูกแล้วไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมพูดนี่ผม
00:11:56 → 00:11:59 มีหมดทุกอย่างไม่ใช่นะครับพูดในมุมมองของ
00:11:59 → 00:12:02 ผมว่าอยากให้เราเข้าใจตรงนี้มากกว่าว่า
00:12:02 → 00:12:06 เมื่อหมอเตอบว่าเาไม่รู้เนี่ยจริงๆมันก็
00:12:06 → 00:12:09 มีที่มาที่ไปเขาไม่รู้ในขอบเขตของเขาก็
00:12:09 → 00:12:12 จริงแต่ในหลายๆเรื่องเขาไม่รู้ก็เพราะว่า
00:12:12 → 00:12:14 เค้าเไม่ได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น
00:12:14 → 00:12:18 น่ะเขาอาจจะไม่เข้าใจเราก็ได้นะครับคนไข้
00:12:18 → 00:12:21 หลายคนมักจะชอบพูดว่าหมอไม่เข้าใจผมก็
00:12:21 → 00:12:25 เห็นด้วยนะครับหมอไม่เข้าใจเพราะว่าการจะ
00:12:25 → 00:12:28 เข้าใจมนุษย์คนนึงได้ภาพรวมเนี่ยหมอเองก็
00:12:28 → 00:12:30 ต้องผ่านชีวิตอย่างนั้นมา
00:12:30 → 00:12:33 บ้างหมออาจจะมาเริ่มเข้าใจเมื่อตัวเอง
00:12:33 → 00:12:37 เป็นพ่อเป็นแม่นะครับหรือคนในบ้านป่วยนี้
00:12:37 → 00:12:40 ขอโทษนะฮะผมอาจจะผิดก็ได้นะครับหลายคนถ้า
00:12:40 → 00:12:44 คิดได้มีอไซตดีก็โอเคถ้ามีความเมตตามีจิต
00:12:44 → 00:12:47 ดีก็ดีมากอยู่แล้วครับแต่กำลังบอกว่าถ้า
00:12:47 → 00:12:50 เค้าไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจบริบทด้วยว่า
00:12:50 → 00:12:53 เราถูกเทรนมาอย่างเงี้ยเพื่อรักษาโรคงั้น
00:12:53 → 00:12:56 เราคนเข้ามาเนี่ยเค้าก็จะมองมันเป็นโรค
00:12:56 → 00:12:59 อะไรยาปรับหรือยังเป็นใครปรับพฤติกรรม
00:12:59 → 00:13:02 หรือยังเป้าหมายการรักษาถึงหรือยังเขาจะ
00:13:02 → 00:13:04 ทำอะไรได้บ้างคุณเข้าใจมั้โฟกัสเจะอยู่
00:13:04 → 00:13:07 ตรงนั้นแต่ถ้ายูไปถามเอ้ยสมุนไพรนี้ใช้
00:13:07 → 00:13:10 ชีวิตแบบนี้เอ้ยได้ข่าวว่าไปโอโซนอย่างี้
00:13:10 → 00:13:13 ไปแช่น้ำเย็นอย่างี้กินน้ำมะนาวแบบนี้
00:13:13 → 00:13:15 เค้ารู้มั้ยเค้าไม่รู้ครับเราไม่ได้ไม่
00:13:15 → 00:13:17 ได้ถูกเรียนมาเรื่องพวกนี้ครับเราเรียนมา
00:13:17 → 00:13:22 ว่าโรคๆนี้ใช้ยาแบบนี้ตัวชี้วัดอย่างนี้
00:13:22 → 00:13:24 กี่เดือนต้องรู้สึกเห็นผลถ้าไม่เห็นผลจะ
00:13:24 → 00:13:28 ต้องทำอะไรโฟกัสแค่นี้เลยเห็นภาพมั้ยเห็น
00:13:28 → 00:13:31 ภาพมั้ยงั้นพอเราถามอะไรมากกว่านี้ถ้าหมอ
00:13:31 → 00:13:34 ที่เค้ามีความรู้หรือชอบอ่านชอบใฝ่รู้
00:13:34 → 00:13:37 อยู่แล้วเนี่ยเค้าอาจจะตอบเราได้ก็ได้แต่
00:13:37 → 00:13:40 ผมเนี่ยไม่น่าจะตอบได้เพราะผมไม่ได้
00:13:40 → 00:13:43 ต้องการรู้ทุกอย่างในชีวิตนะครับเอ่อแล้ว
00:13:43 → 00:13:45 ก็ผมก็เชื่อว่าหมอหลายๆคนก็ไม่น่าจะมี
00:13:45 → 00:13:49 เวลาไปรู้ทุกอย่างเพราะว่าความคิดเดี๋ยว
00:13:49 → 00:13:51 นี้มันโอ้โหส่งกันมาผ่าน Line เนี่ย
00:13:51 → 00:13:54 เดี๋ยววันนี้คนนี้บอกว่าใช้น้ำอุ่นวันนี้
00:13:54 → 00:13:57 คนนี้บอกใช้น้ำเย็นวันนี้คนนี้บอกมะนาว 3
00:13:57 → 00:14:00 ลูกวันนี้คนนี้บอกมะนาว 2 ลูกโอมันมันมัน
00:14:00 → 00:14:04 มันสาดมันเยอะไปหมดเลยนะครับงั้นไม่แปลก
00:14:04 → 00:14:07 ที่ถ้าจะบอกว่าเราไม่รู้ซึ่งแสดงว่าเรา
00:14:07 → 00:14:12 จริงใจกับคนไข้โอเคนะฮะเห็นภาพนะอ่ะหวัง
00:14:12 → 00:14:15 ว่าคงได้ประโยชน์แล้วเจอกันใหม่อาทิตย์
00:14:15 → 00:14:20 [เพลง]