00:00:00 → 00:00:02 1 เดือนฉีดอีกรอบนึง 6 เดือนฉีดอีกรอบ
00:00:02 → 00:00:04 นึงแล้วหลังจากนั้นทุกปีฉีดอีกรอบนึงอัน
00:00:04 → 00:00:07 แรกการฉีดบ่อยๆถ้าเราดู virtualtine ใน
00:00:07 → 00:00:10 แต่ละขวดมันจะเห็นว่าเขาเขียนว่ามีอยู่
00:00:10 → 00:00:13 กี่ยูนิตสมมุติใน 100 ยูนิตในนั้นที่เคย
00:00:13 → 00:00:15 เจอในงานวิจัยมีที่มีการรายงานคือมีอยู่
00:00:15 → 00:00:18 เป็นหมื่นอยู่ทำไมมันได้ผลน้อยลงทำไมมัน
00:00:18 → 00:00:20 ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้นเอ๊ะเราเปลี่ยนยี่ห้อ
00:00:20 → 00:00:22 ฉีดกันดีไหมยี่ห้อนี้มันไม่ดีหรือเปล่า
00:00:22 → 00:00:24 อันนี้เป็นจุดอันแรกที่ทำให้รู้สึกว่า
00:00:24 → 00:00:26 เฮ้ยเราคงต้องทำอะไรสักอย่างนึงแล้วล่ะ
00:00:26 → 00:00:29 กับสิ่งที่เราเจอ
00:00:29 → 00:00:32 podcast สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหา
00:00:32 → 00:00:36 ตั้งแต่หัวจดเท้า
00:00:36 → 00:00:40 หลายคนรู้จักโบว์โบท็อกหรือว่าโบทูรินัม
00:00:40 → 00:00:43 ท็อกซิมเป็นอย่างดีนะครับเพราะว่าเป็นลูก
00:00:43 → 00:00:45 ค้าที่ฉีดเข้าไปแล้วก็เพื่อที่จะลดเลือน
00:00:45 → 00:00:48 ริ้วรอยแล้วก็ยกกระชับนะฮะแต่วันนี้นะ
00:00:48 → 00:00:51 ครับผมขออนุญาตใช้คำว่าโบว์ละกันเพราะ
00:00:51 → 00:00:54 หลายคนมักจะเข้าใจผิดแล้วก็ติดคำว่า Botox
00:00:54 → 00:00:57 ซึ่งจริงๆแล้วคำว่า Botox เนี่ยครับมัน
00:00:57 → 00:00:59 เป็นชื่อแบรนด์นะครับเราจะใช้คำว่าโบว์
00:00:59 → 00:01:02 ตลอดรายการวันนี้เลยนะครับเราเคยพูดถึง
00:01:02 → 00:01:05 โบว์ไปแล้วใน top2 Episode ที่ 10 นะ
00:01:06 → 00:01:08 ครับว่ามือใหม่หัดโบข้อควรรู้ก่อนที่จะ
00:01:08 → 00:01:11 ฉีด Pro ครั้งแรกในรายการวันนั้นนะครับ
00:01:11 → 00:01:14 เรามีการแมนชั่นถึงสิ่งที่หลายๆคนกังวล
00:01:14 → 00:01:17 ว่าฉีดไปแล้วน่าจะแข็งหรือเปล่าแล้วถ้า
00:01:17 → 00:01:20 หยุดฉีดหน้าจะเป็นยังไงและหนึ่งในข้อ
00:01:20 → 00:01:22 กังวลก็คือว่าเราจะดื้อโบลด์หรือเปล่านะ
00:01:22 → 00:01:26 ครับรู้ไหมครับว่าคนที่เริ่มสงสัยว่าตัว
00:01:26 → 00:01:29 เองจะดื้อโบว์หรือเปล่าเนี่ย 2 ใน 3 ของ
00:01:29 → 00:01:32 คนกลุ่มนั้นเนี่ยครับจะเจอภาวะดื้อโบสถ์
00:01:32 → 00:01:35 ครับแล้วเราก็ไม่รู้จะทำยังไงเนอะไม่มี
00:01:35 → 00:01:38 วิธีการตรวจเลยแต่วันนี้มีข่าวดีครับทุก
00:01:38 → 00:01:42 คนเพราะว่ามีนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศ
00:01:42 → 00:01:45 ไทยคิดค้นโดยคนไทยแล้วนะครับเราสามารถที่
00:01:45 → 00:01:49 จะตรวจภาวะดื้อโบได้แล้ววันนี้โชคดีมาก
00:01:49 → 00:01:52 ครับเราอยู่กับผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจ
00:01:52 → 00:01:55 ภาวะดื้อโบลด์นะครับอยู่กับศาสตราจารย์
00:01:55 → 00:01:58 แพทย์หญิงรังสิมาวันนี้ภักดีเดชาจากภาค
00:01:58 → 00:02:02 วิชาแต่จะก็จะคณะแพทยศาสตร์ศรีรพยาบาล
00:02:02 → 00:02:05 มหาวิทยาลัยมหิดลครับอาจารย์เพ็ญสวัสดี
00:02:05 → 00:02:08 ครับสวัสดีใจมากครับเพราะว่าเป็นหนึ่ง
00:02:08 → 00:02:11 เรื่องที่ผมอยากรู้และอยากได้ความรู้มากๆ
00:02:11 → 00:02:14 เดี๋ยววันนี้อาจารย์เพ็ญนะครับจะมาให้
00:02:14 → 00:02:16 ความรู้กับทุกคนทุกมุมเลยแต่ก่อนที่จะไป
00:02:16 → 00:02:19 ถึงเรื่องการตรวจอยากให้อาจารย์เพ็ญช่วย
00:02:19 → 00:02:22 ปูพื้นให้กับคุณผู้ชมก่อนว่าโบว์เนี่ยมัน
00:02:22 → 00:02:25 คืออะไรทำมาจากอะไรแล้วทางการแพทย์เนี่ย
00:02:25 → 00:02:29 เอาโบว์ไปใช้ช่วยรักษาคนไข้โรคอะไรบ้าง
00:02:29 → 00:02:32 ครับคือจริงๆเรามักจะคุ้นกับการใช้คำว่า
00:02:32 → 00:02:34 Botox เหตุผลที่มันเป็นอย่างนั้นเป็น
00:02:34 → 00:02:37 เพราะอย่างนี้ค่ะอะไรก็ตามที่มันถูกขาย
00:02:37 → 00:02:39 ขึ้นมาในครั้งแรกแล้วมันขายแบบแพร่หลาย
00:02:39 → 00:02:43 แบบมากๆอ่ะคนก็มักจะยึดชื่อการค้ามากกว่า
00:02:43 → 00:02:45 ชื่อสามัญโดยที่ต้องท็อกซินก็แบบเดียวกัน
00:02:45 → 00:02:48 คำว่า Botox ที่เขาออกมาเป็นชื่อแบรนด์
00:02:48 → 00:02:51 ตอนแรกก็มาจากโบว์กับท็อกซินก็คิดว่าเป็น
00:02:51 → 00:02:54 การคิดชื่อแบรนด์ที่เจ๋งมากแล้วณจน
00:02:54 → 00:02:57 ปัจจุบันเนี้ยคำว่า Botox โดยกลายเป็น
00:02:57 → 00:02:59 เจนเนอริเนมหรือว่าเป็นคำสามัญสำหรับคน
00:02:59 → 00:03:02 ทุกคนที่ที่พูดถึง Virtual Talking ไป
00:03:02 → 00:03:05 แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็ยังเป็นชื่อ
00:03:05 → 00:03:09 แบรนด์อยู่ดังนั้นเราก็น่าจะใช้อะไรที่
00:03:09 → 00:03:11 ไม่เขาเรียกว่าไม่เฉพาะเจาะจงกับแบรนด์
00:03:11 → 00:03:13 อย่างเช่นเราควรจะเรียกว่าเป็นโบว์เฉยๆ
00:03:13 → 00:03:16 หรือไม่ก็เป็น Volume Talking ไปเลยจริง
00:03:16 → 00:03:18 ๆเป็นสิ่งที่อยากจะสร้างความเข้าใจให้กับ
00:03:18 → 00:03:19 ประชาชน
00:03:20 → 00:03:23 คราวนี้โดยทุ่มท็อกซินการออกฤทธิ์ของมัน
00:03:23 → 00:03:27 ง่ายๆเลยมันยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ
00:03:27 → 00:03:31 คือเวลาที่ร่างกายของคนเราจะสั่งกล้าม
00:03:31 → 00:03:33 เนื้อให้ทำงานในกล้ามเนื้อที่เราสั่งได้
00:03:33 → 00:03:36 มันจะต้องผ่านเส้นประสาทขึ้นมาก่อนเหมือน
00:03:36 → 00:03:38 ยกตัวอย่างถ้าดอกเตอร์ข้าวอยากจะขมวดคิ้ว
00:03:38 → 00:03:42 จริงๆแล้วเนี่ยดรค่าต้องคิดว่าเอ้ยฉัน
00:03:42 → 00:03:44 กำลังจะขมวดแล้วนะ
00:03:44 → 00:03:48 กำลังและแล้วก็เริ่มขมวดใช่ไหมคะมันมาจาก
00:03:48 → 00:03:50 เส้นประสาทก่อนเส้นประสาทเนี่ยเราจะสั่ง
00:03:50 → 00:03:52 ให้กล้ามเนื้อเกิดการขมวดได้กล้ามเนื้อก็
00:03:52 → 00:03:55 จะขมวดแล้วเราก็เห็นรอยย่นบนใบหน้าคราว
00:03:55 → 00:03:59 นี้ประเด็นของกล้ามเนื้อกับเส้นประสาทก็
00:03:59 → 00:04:00 คือว่าเขาพูดกันคนละภาษา
00:04:00 → 00:04:03 จะต้องมีการส่งสารสื่อประสาทบางอย่าง
00:04:03 → 00:04:06 เหมือนกับมีคนแปล
00:04:06 → 00:04:09 พอเส้นประสาทบอกว่าขโมยๆกล้ามเนื้อฟังไม่
00:04:09 → 00:04:12 ออกมีคนแปลอ๋อขมวดสิแล้วกล้ามเนื้อก็
00:04:12 → 00:04:16 ขมวดึ้มท๊อกซินไปตัดการทำงานของการส่ง
00:04:16 → 00:04:19 สัญญาณประสาทอันนั้นก็คือไปทำให้คนแปลแปล
00:04:19 → 00:04:22 ไม่ได้ดังนั้นหมายความว่าพอเส้นประสาท
00:04:22 → 00:04:25 สั่งให้กล้ามเนื้อขมวดกล้ามเนื้อก็ได้ยิน
00:04:25 → 00:04:27 นะแต่มันฟังไม่ออกก็ไม่ได้ขมวดคราวนี้
00:04:27 → 00:04:31 เวลาที่ร่างกายคนเราได้รับตัวท็อกซินเข้า
00:04:31 → 00:04:33 ไปปั๊บมันก็เหมือนกับว่าเราสองคนคุยกัน
00:04:33 → 00:04:36 ไม่รู้เรื่องแต่ถึงจุดๆนึงเนี่ย 2 คนนี้
00:04:36 → 00:04:38 เขาก็ยังอยากจะคุยกันแหละเพราะว่าในความ
00:04:38 → 00:04:40 เป็นจริงเราต้องทำงานประสานกันพอบุ้ง
00:04:40 → 00:04:44 ท็อกซินเนี่ยเข้ามายับยั้งปั๊บตัวสารสื่อ
00:04:44 → 00:04:46 ประสาทหรือว่าตัวเส้นประสาทพยายามจะหา
00:04:46 → 00:04:48 Channel อื่นในการคุยกับกล้ามเนื้อให้
00:04:48 → 00:04:50 รู้เรื่องเพราะฉะนั้นมันใช้เวลาประมาณ 3-4
00:04:50 → 00:04:55 เดือนในการสร้างคนประสานงานคนใหม่ดังนั้น
00:04:55 → 00:04:57 เนี่ยคุณต้องท็อกซิมในแต่ละยี่ห้อก็ตาม
00:04:57 → 00:04:59 เนี่ยมันถึงมีอายุอยู่ได้ประมาณ 3-4
00:04:59 → 00:05:01 เดือนจริงๆไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์เลย
00:05:01 → 00:05:04 ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนๆนั้นในการที่
00:05:04 → 00:05:07 จะสร้างสรรค์สื่อประสาทอันใหม่หาทางใหม่
00:05:07 → 00:05:09 ในการติดต่อทำให้เส้นประสาทกับกล้ามเนื้อ
00:05:09 → 00:05:12 คุยกันรู้เรื่องก็แค่นั้นเองเพราะว่ามัน
00:05:12 → 00:05:15 ไปทำลายคนแปลถูกไหมครับหรือว่าร่างกายของ
00:05:15 → 00:05:17 เราเนี่ยจะสร้างคนแต่เทรนด์คนแปลคนใหม่
00:05:17 → 00:05:20 แหละขึ้นมาได้เร็วเมื่อไหร่ใช่ค่ะเพราะ
00:05:20 → 00:05:22 ฉะนั้นจริงๆแล้วที่โฆษณากันทั่วๆไปว่า
00:05:22 → 00:05:25 โอ้ยนี่อยู่ได้ 6 เดือนปีนึงจริงๆเป็นไป
00:05:25 → 00:05:27 ไม่ได้เพราะร่างกายเราเนี่ยมันสร้างคนแปล
00:05:27 → 00:05:31 คนใหม่ขึ้นมาได้เร็วกว่านั้นแล้วทีนี้ตัว
00:05:31 → 00:05:33 ท็อกซินตัวนี้ทางการแพทย์ออกไปใช้ช่วย
00:05:33 → 00:05:36 เหลือผู้ป่วยที่เป็นภาวะอะไรยังไงได้บ้าง
00:05:36 → 00:05:39 จริงๆที่เราคุ้นเคยกันน่ะเป็นเพราะว่าคน
00:05:39 → 00:05:42 เอามาใช้เรื่องความสวยงามแต่จริงๆเนี่ยบท
00:05:42 → 00:05:44 ที่รุ่นท็อกซินเนี่ยถูกใช้เพื่อความสวย
00:05:44 → 00:05:46 งามมาได้แค่ 20 กว่าปีเท่านั้นเองแต่ก่อน
00:05:46 → 00:05:49 หน้านี้ตั้งแต่ต้นมาเนี่ยเขาใช้เพื่อ
00:05:49 → 00:05:51 รักษาโรคเกี่ยวกับเส้นประสาทกับกล้าม
00:05:51 → 00:05:52 เนื้อมาก่อน
00:05:52 → 00:05:55 เพราะว่ามันไปออกฤทธิ์ตรงกันห้ามการทำงาน
00:05:55 → 00:05:57 ของกล้ามเนื้อคุยกันไม่รู้เรื่องดังนั้น
00:05:57 → 00:06:01 เนี่ยกลุ่มโรคที่ได้ถูกใช้มาตั้งแต่ก่อน
00:06:01 → 00:06:04 ความสวยงามในคือโรคที่มีความผิดปกติของ
00:06:04 → 00:06:06 การทำงานของกล้ามเนื้อยกตัวอย่างเช่น
00:06:06 → 00:06:09 กล้ามเนื้อที่มันกระตุกเยอะๆหรือกล้าม
00:06:09 → 00:06:12 เนื้อที่มันหดตัวมากๆพวกนี้ถ้าเราใช้สาร
00:06:12 → 00:06:16 มาทำงานในตำแหน่งนั้นมันก็จะทำให้กล้าม
00:06:16 → 00:06:18 เนื้อไม่ค่อยหดเหมือนกับถูกสั่งให้หดแต่
00:06:18 → 00:06:20 ก็ฉันก็ไม่หดเพราะฉะนั้นมันก็จะเกิดการ
00:06:20 → 00:06:23 คลายตัวโรคที่เจอบ่อยๆอย่างเช่นแขนกระตุก
00:06:23 → 00:06:26 คอเกร็งหรือว่าหน้ากล้ามเนื้อกระตุกข้าง
00:06:26 → 00:06:29 นึงเคยเห็นคนที่แบบว่าเดินๆอยู่สักพักมี
00:06:29 → 00:06:30 การกระตุกของกล้ามเนื้อแบบที่เขาควบคุม
00:06:30 → 00:06:33 ไม่ได้กลุ่มพวกนี้ราคาเราใช้ร่วมท็อกซิม
00:06:33 → 00:06:36 เพื่อการรักษาอีกอันนึงที่เราอาจจะมองไม่
00:06:36 → 00:06:39 เห็นแต่เป็นจักรวัยวะภายในก็อย่างเช่นโรค
00:06:39 → 00:06:43 ที่เป็นหลอดลมหลอดอาหารหดเกร็งกินอะไร
00:06:43 → 00:06:46 กลืนยากเนี่ยเพราะท่อมันหดตลอดเพราะว่า
00:06:46 → 00:06:48 ท่อนี้มันเป็นกล้ามเนื้อใช่ไหมคะมันหด
00:06:48 → 00:06:50 หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับเขาเรียกว่ากระเพาะ
00:06:50 → 00:06:54 ปัสสาวะหดเกร็งอันนี้ก็จะสามารถใช้กลุ่ม
00:06:54 → 00:06:56 วัยรุ่นท็อกซินเพื่อการรักษาทำให้คนไข้มี
00:06:56 → 00:06:59 คุณภาพชีวิตที่กลับมาดีเหมือนเดิมได้ที
00:06:59 → 00:07:02 นี้หลายคนน่าจะอยากรู้แล้วเนาะว่าไอ้ภาวะ
00:07:02 → 00:07:05 ดื้อโบเนี่ยมันคืออะไรมันเกิดขึ้นมาได้
00:07:05 → 00:07:07 ยังไงครับเวลาที่ร่างกายของเราเนี่ยมี
00:07:07 → 00:07:10 สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายของเราร่างกาย
00:07:10 → 00:07:13 เราจะมีระบบอันหนึ่งที่จดจำว่าอันนี้ไม่
00:07:13 → 00:07:16 ใช่ตัวของฉันถูกไหมมันเป็นกลไกการป้องกัน
00:07:16 → 00:07:18 ร่างกายแบบหนึ่งถ้าไม่อย่างนั้นนะคะอะไร
00:07:18 → 00:07:19 ก็เป็นสิ่งแปลกปลอมเข้ามาสู่ร่างกายเรา
00:07:19 → 00:07:22 อาจจะทำอันตรายกับร่างกายเราก็ได้ร่างกาย
00:07:22 → 00:07:26 เราก็จะสร้างสานต่อต้านออกมาเหมือนกับ
00:07:26 → 00:07:30 เป็นตำรวจมีผู้ร้ายที่ไม่ใช่คนในหมู่บ้าน
00:07:30 → 00:07:34 ฉันเข้ามาในหมู่บ้านฉันตำรวจก็จะคอยมาสอด
00:07:34 → 00:07:37 ส่องดูแลแล้วดูแนวโน้มว่าถ้าคนนั้นเนี่ย
00:07:37 → 00:07:39 เป็นคนที่เข้ามาแล้วท่าทางจะทำให้เกิด
00:07:39 → 00:07:43 อันตรายก็จะขับไล่มันออกไปเหมือนกันเลย
00:07:43 → 00:07:46 โดยทุ่มท็อกซินเนี่ยมันคือท็อกซิมน่ะมัน
00:07:46 → 00:07:49 คือสารพิษดังนั้นเนี่ยร่างกายเราเนี่ย
00:07:49 → 00:07:52 ตรวจจับเจออยู่แล้วว่าอันนี้เป็นสิ่งแปลก
00:07:52 → 00:07:55 ปลอมที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกาย
00:07:55 → 00:07:59 ได้ดังนั้นถ้าเรารับมันเข้ามาบ่อยๆมันก็
00:07:59 → 00:08:01 จะเขาเรียกว่าร่างกายเราก็จะสร้างตำรวจ
00:08:01 → 00:08:04 ออกมาจับและต่อต้านทำให้คนๆนั้นไม่สามารถ
00:08:04 → 00:08:09 ออกฤทธิ์ได้ซึ่งพอเราได้รับทักษิณเข้าไป
00:08:09 → 00:08:13 เยอะๆปริมาณมากๆร่างกายเราสร้างสิ่งที่
00:08:13 → 00:08:15 เราเรียกว่าแอนติบอดีขอเรียกง่ายๆว่าเป็น
00:08:15 → 00:08:19 ตำรวจแล้วกันออกมาจับคนๆนี้ได้ปั๊บคนคน
00:08:19 → 00:08:21 นี้ก็จะไม่สามารถทำอะไรในร่างกายเราได้ก็
00:08:21 → 00:08:24 จะไม่ทำงานเพราะฉะนั้นในกรณีที่ถ้าเรา
00:08:24 → 00:08:28 ต้องการประโยชน์จากบริษัทซินแล้วร่างกาย
00:08:28 → 00:08:30 เราเนี่ยโดยไม่รู้คิดว่าคนนี้เป็นผู้ร้าย
00:08:30 → 00:08:33 มาจับไปซะก่อนบทที่คุณท็อกซินก็จะไม่
00:08:33 → 00:08:36 สามารถออกฤทธิ์ในร่างกายของเราได้ทีถ้า
00:08:36 → 00:08:40 เกิดว่าคนที่เริ่มสงสัยว่าเราดื้อโบรึ
00:08:40 → 00:08:42 เปล่านะฉีดโบท็อกเข้าไปแล้วเนี่ยมันจะมี
00:08:42 → 00:08:45 วิธีสังเกตยังไงได้ไหมครับเช่นฉีดเข้าไป
00:08:45 → 00:08:49 แล้วเอ้โบสลายเลวเรื่องระยะเวลาเรื่อง
00:08:49 → 00:08:51 ประสิทธิภาพอะไรอย่างเงี้ยมีอะไรที่ใน
00:08:51 → 00:08:54 ฐานะที่ตัวเราเองสังเกตได้ง่ายๆบ้างครับ
00:08:54 → 00:08:58 จริงๆต้องในธรรมชาติของการฉีดก่อนเอายกขอ
00:08:58 → 00:09:00 ยกตัวอย่างเรื่องรอยย่นแล้วกันเพราะว่า
00:09:00 → 00:09:03 มันจะใกล้ตัวคนมากกว่านะคะสมมุติว่าเวลา
00:09:03 → 00:09:05 เราฉีดวัคซุ่มท๊อกซินเข้าสู่ร่างกายเรา
00:09:05 → 00:09:07 ปั๊บมันไม่ได้ออกฤทธิ์ทันทีจะใช้เวลา
00:09:07 → 00:09:11 อย่างน้อย 1 วันถึง 3 วันกว่าจะเริ่มรู้
00:09:11 → 00:09:14 สึกได้ว่ารอยย่นมันเริ่มหายไปสมมุติเรา
00:09:14 → 00:09:17 ฉีดปั๊บยังขมวดได้อยู่รอสัก 2-3 วันเออ
00:09:17 → 00:09:19 มันเริ่มได้น้อยลง 3 วันเพิ่งเริ่มเห็น
00:09:19 → 00:09:22 ชัดว่ามันจะเริ่มน้อยลงนิดๆแต่กว่าจะไป
00:09:22 → 00:09:25 ยับยั้งการทำงานได้เต็มที่มันใช้เวลา 14
00:09:25 → 00:09:29 วัน 2 อาทิตย์เลยกว่าจะแบบแทนที่จะขมวด
00:09:29 → 00:09:32 ได้บ้างก็จะขมวดไม่ได้เลยเนี่ย 2 อาทิตย์
00:09:32 → 00:09:35 ไอ้การขโมยไม่ได้เลยเนี่ยอยู่ไปอีกอย่าง
00:09:35 → 00:09:37 น้อย 3-4 เดือนจำได้ไหมคะที่เมื่อกี้เรา
00:09:37 → 00:09:40 คุยกันว่ากว่าร่างกายเราจะสร้างสรรค์สื่อ
00:09:40 → 00:09:42 ประสาทขึ้นมาใหม่ทำให้เขาคุยกันได้อีกที
00:09:42 → 00:09:45 นึงอ่ะคือ 3-4 เดือนถึงจุดนั้นเนี่ยการ
00:09:45 → 00:09:49 ขมวดคิ้วจะกลับมาได้ไหมอันนี้เป็นเป็นเขา
00:09:49 → 00:09:52 เรียกว่าเป็นปกติเลยของการฉีดบนช่วงท็อก
00:09:52 → 00:09:55 ซินอันนี้เป็นปัจจัยฝั่งตัวคนไข้เองแต่
00:09:55 → 00:09:57 มันมีปัจจัยฝั่งของการฉีดเข้ามาด้วย
00:09:57 → 00:10:00 เหมือนกันอย่างเช่นปริมาณการฉีดว่าปริมาณ
00:10:00 → 00:10:04 การฉีดเนี่ยเป็นเท่าไหร่อย่าลืมเวลาเรา
00:10:04 → 00:10:07 แปลภาษากันจำได้ไหมคะที่เป็นเส้นประสาท
00:10:07 → 00:10:09 กับกล้ามเนื้อคุยกันน่ะจริงๆแล้วเนี่ยคน
00:10:09 → 00:10:11 แปลมันไม่ได้มีคนเดียวหรอกคนแปลมีเป็น 10
00:10:12 → 00:10:13 คน
00:10:13 → 00:10:17 ดังนั้นสมมุติว่ามันถูกยับยั้งไปบางส่วน
00:10:17 → 00:10:21 บางทีมันยังแปลได้บ้างแต่ว่ามันอาจจะทำ
00:10:21 → 00:10:24 งานได้ไม่ 100% ดังนั้นปริมาณการฉีดของ
00:10:24 → 00:10:27 butting talkin มีผลถ้าสมมุติว่าเราฉีด
00:10:27 → 00:10:29 วอลลุ่มท๊อกซินเข้าไปน้อยๆจนมันยับยั้งคน
00:10:29 → 00:10:33 แปลได้ไม่หมดอ่ะบางทีคุณจะยังขยับได้บ้าง
00:10:33 → 00:10:35 ซึ่งอันนี้จริงๆแล้วเป็นเทคนิคที่ดีนะให้
00:10:35 → 00:10:37 เขาขยับได้บ้างแต่อย่าให้เกิดรอยเยอะ
00:10:37 → 00:10:40 เพราะไม่งั้นก็จะแข็งไปหมดไม่ธรรมชาติไม่
00:10:40 → 00:10:44 ธรรมชาติแต่ในกรณีนั้นก็เหมือนกันสมมติ
00:10:44 → 00:10:49 ว่าถ้าเราฉีดตัวสารบริโภคท๊อกซินเข้าไปจน
00:10:49 → 00:10:51 เราคิดว่ามันเยอะพอแล้วอ่ะที่จะยับยั้ง
00:10:51 → 00:10:55 ได้หมดคนไข้นี่ไม่ควรที่จะขยับได้แล้วแต่
00:10:55 → 00:10:58 ถ้าคนไข้เนี่ยเริ่มรู้สึกว่ามันขยับได้
00:10:58 → 00:11:02 เมื่อเราใช้ยาที่เหมาะสมแล้วอันนี้อันแรก
00:11:02 → 00:11:05 ให้เริ่มสงสัยหรืออันที่ 2 คือใช้ยาเท่า
00:11:05 → 00:11:10 เดิมได้ผลเท่าเดิมแต่มันอยู่สั้นขึ้นระยะ
00:11:10 → 00:11:13 เวลาสั้นถูกต้องเพราะอะไรเพราะปริมาณงาน
00:11:13 → 00:11:16 ของตัว Volume ทอกซินกับตัวการไปยับยั้ง
00:11:16 → 00:11:19 กับคนแปลมีผลดังนั้นอะไรก็ตามที่มันดูแตก
00:11:19 → 00:11:22 ต่างไปจากเดิมที่เราเคยฉีดอันนี้ให้คุณ
00:11:22 → 00:11:25 สงสัยไว้ก่อนแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
00:11:25 → 00:11:27 รู้ไหมครับคือพอเรารู้สึกว่ามันอยู่ได้
00:11:27 → 00:11:29 แป๊บเดียวฉีกครั้งนี้อยู่ได้สั้นจังเลยก็
00:11:29 → 00:11:31 รีบไปบอกคุณหมอ
00:11:31 → 00:11:34 ฉีดเพิ่มขึ้นไปอีกคราวนี้อาจจะส่งผลเสีย
00:11:34 → 00:11:37 ตามมาได้คืออย่างนี้ค่ะมันก็เหมือนกับ
00:11:37 → 00:11:38 ตำรวจกับผู้ร้ายค่ะ
00:11:38 → 00:11:42 สมมตินะครั้งแรกสุดที่ผู้ร้ายคนนี้เข้ามา
00:11:42 → 00:11:44 ในร่างกายเราตำรวจยังไม่เรียนรู้หรอกว่า
00:11:44 → 00:11:47 คนนี้เป็นอันตรายถูกไหมคะแต่ลองคิดดูถ้า
00:11:47 → 00:11:51 มันเข้ามาบ่อยๆเข้ามาถี่ๆตำรวจก็จะเกิด
00:11:51 → 00:11:53 ความรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมมันเข้ามาเยอะจัง
00:11:53 → 00:11:57 มันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าหรือบางทีอ่ะ
00:11:57 → 00:12:00 เราจำหน้าตาเขาได้ถูกไหมคนบางคนเนี่ยเข้า
00:12:00 → 00:12:03 มานานๆครั้งเราจำเขาไม่ได้หรอกหลบเข้ามา
00:12:03 → 00:12:05 ง่ายๆแต่ถ้าหน้าตาแบบนี้เข้ามาอีกเข้ามา
00:12:05 → 00:12:08 อีกเข้ามาเรื่อยๆเราก็จะเริ่มเกิดการจำ
00:12:08 → 00:12:10 ได้ร่างกายเราก็จำได้มากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:12:10 → 00:12:13 ยิ่งเรารับสารรุ่นท็อกซินเข้าไปเยอะๆ htt
00:12:13 → 00:12:17 อันนี้ก็จะทำให้ร่างกายเราเกิดการจำได้
00:12:17 → 00:12:18 และสร้างตำรวจขึ้นมา
00:12:18 → 00:12:21 จริงๆนอกเหนือจากการที่คนเดินเข้ามาเฉยๆ
00:12:21 → 00:12:24 แล้วอ่ะแล้วทำให้ร่างกายจำได้มันมีเทคนิค
00:12:24 → 00:12:27 อีกอันนึงที่ทำให้ร่างกายจำได้ง่ายขึ้นก็
00:12:27 → 00:12:30 คือแต่งตัวประหลาดๆเข้ามาสมมุติถ้าเรา
00:12:30 → 00:12:31 เดินเข้ามานะ
00:12:31 → 00:12:34 ถ้าสมมุติว่าเราเดินเข้ามาทำเป็นแบบกลม
00:12:34 → 00:12:36 กลืนแต่งตัวเหมือนคนที่อยู่ในประเทศใช่
00:12:36 → 00:12:38 ไหมสมมติเราจะเข้าไปประเทศไหนเราแต่งตัว
00:12:38 → 00:12:40 กลมกลืนเขาก็อาจจะดีเทคไม่ได้ว่าเราเป็น
00:12:40 → 00:12:43 คนสิ่งแปลกปลอมเหมือนกันถ้าสมมติทุ่ม
00:12:43 → 00:12:46 ท็อกซีนตัวไหนนะเล่นใหญ่ใส่เสื้อกันหนาว
00:12:46 → 00:12:48 มาในประเทศร้อนๆแบบไทยอย่างเงี้ยโหมัน
00:12:48 → 00:12:52 ง่ายมากเลยที่จะจับได้ตำรวจก็จะมองเห็น
00:12:52 → 00:12:54 แล้วให้คนนี้แปลกคนนี้แปลกคนนี้แปลกฉันมา
00:12:54 → 00:12:55 จับมันไว้ก่อนดีกว่า
00:12:55 → 00:12:58 อย่างนี้แสดงว่าโบว์แต่ละยี่ห้อเนี่ยตัว
00:12:58 → 00:13:00 คนร้ายเนี่ยแต่งตัวไม่เหมือนกันนะครับมัน
00:13:00 → 00:13:05 จะมีคนบางคนที่ไม่ใส่เสื้อผ้าเลยแล้วเดิน
00:13:05 → 00:13:07 ลุยแต่อย่างนี้นะในความเป็นจริงไม่ใส่
00:13:07 → 00:13:09 เสื้อผ้าเลยก็จะดูแปลกไปหน่อยนะคะสำหรับ
00:13:09 → 00:13:12 แต่ว่าในร่างกายเราจะดีเทคอะไรก็ตามที่
00:13:12 → 00:13:14 ยิ่งมีขนาดใหญ่เพราะฉะนั้นหมายความว่า
00:13:14 → 00:13:16 สมมุติถ้าคุณเข้ามาตัวเล็กๆแต่งตัวลีนๆมา
00:13:16 → 00:13:19 อย่างนี้จับไม่ค่อยได้ตัวเล็กหนีหลบไวแต่
00:13:19 → 00:13:24 ถ้าแบบใส่เสื้อเล่นใหญ่มาพาก้ามาเฟอร์มา
00:13:24 → 00:13:28 อันนี้ร่างกายเราก็จะดีเทคได้จับได้แล้ว
00:13:28 → 00:13:31 ก็สามารถที่จะเห็นคนเนี้ยและจำได้ง่าย
00:13:31 → 00:13:33 กว่าแสดงว่าไอ้ที่อยู่ในหลอดฉีดยาที่คุณ
00:13:33 → 00:13:36 หมอฉีดเข้าไปมันมีทั้งตัวผู้ร้ายแหละอยู่
00:13:36 → 00:13:39 ในนั้นแล้วอาจจะมี Accessories ของเขา
00:13:39 → 00:13:41 อยู่ไหมที่คุณหมอเปรียบเทียบว่ามันคือ
00:13:41 → 00:13:43 เสื้อผ้าอุปกรณ์เสริมซึ่งแต่ละยี่ห้อ
00:13:43 → 00:13:46 เนี่ยก็จะมีไม่เหมือนกันใช่ก็อาจจะเหมือน
00:13:46 → 00:13:49 กันบ้างหรือไม่เหมือนกันบ้างหรือมีตัวบาง
00:13:49 → 00:13:51 ตัวที่ไม่มีอุปกรณ์เสริมเลยโหอาจารย์
00:13:51 → 00:13:54 เปรียบเทียบง่ายมากเลยครับมีตำรวจมีผู้
00:13:54 → 00:13:55 ร้ายแล้วก็มี
00:13:55 → 00:13:59 ชุดที่ผู้ร้ายแต่งใช่ไหมครับแล้วในความ
00:13:59 → 00:14:04 เป็นจริงมันคืออะไรคือเอาแบบง่ายสุดคือ
00:14:04 → 00:14:06 ตำรวจนี่ก็คือแอนติบอดีถูกไหมคะก็คือ
00:14:06 → 00:14:10 แอนติบอดีที่มาจับกับเชื้อโรคเหมือนกัน
00:14:10 → 00:14:13 หรือสิ่งแปลกปลอมของร่างกายในขณะที่ตัว
00:14:13 → 00:14:16 Bottom toxin ตัวเดี่ยวๆของมันเองหรือ
00:14:16 → 00:14:19 แบบไม่ใส่เสื้อผ้าเนี่ยก็คือตัวผู้ร้าย
00:14:19 → 00:14:23 ที่เราพูดถึงซึ่งในผลิตภัณฑ์ทุกๆแบรนด์
00:14:23 → 00:14:25 อย่างน้อยก็ต้องมีตัวผู้ร้ายที่เป็นแกน
00:14:25 → 00:14:28 หรือเป็นคอทอกซินตัวนี้อยู่เพราะไม่อย่าง
00:14:28 → 00:14:30 นั้นก็จะไม่ออกเลยใช่ไหมคะแต่ในแต่ละ
00:14:30 → 00:14:34 แบรนด์หรือในแต่ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้อง
00:14:34 → 00:14:37 ตลาดเมืองไทยเนี่ยในแต่ละตัวเนี่ยผู้ร้าย
00:14:37 → 00:14:39 ก็จะใส่เสื้อผ้าที่แตกต่างกันซึ่งเสื้อ
00:14:39 → 00:14:42 ผ้าหรืออาวุธที่เขาพกมาเนี่ยมันก็คือสิ่ง
00:14:42 → 00:14:44 ที่เรียกว่า Accessory โปรตีนหรือ
00:14:44 → 00:14:46 compressing โปรตีนเป็นสารโปรตีนอีกแบบ
00:14:46 → 00:14:50 นึงซึ่งตามทฤษฎีเราก็จะรู้ว่า
00:14:50 → 00:14:52 ร่างกายเราเนี่ยจะสร้างเขาเรียกว่า
00:14:52 → 00:14:55 แอนติบอดีหรือว่าตัวตำรวจ
00:14:55 → 00:14:59 ออกมาจับกับโปรตีนได้ง่ายๆเพราะฉะนั้น
00:14:59 → 00:15:02 โปรตีนมันเป็นสารตัวใหญ่ดังนั้นเราก็จะขอ
00:15:02 → 00:15:06 ใช้คำพูดเปรียบเทียบว่าเป็นตำรวจแล้วก็
00:15:06 → 00:15:09 ผู้ร้ายก็คือตัวทอกซินแล้วก็เสื้อผ้าก็จะ
00:15:09 → 00:15:11 เป็นสิ่งที่ไม่ต้องการต่างๆอย่างเช่น
00:15:11 → 00:15:13 compressing prote หรือ Accessories
00:15:13 → 00:15:14 โปรตีน
00:15:14 → 00:15:17 ผมมีคำถามว่าคุณหมอพูดถึงว่าเราได้รับตัว
00:15:17 → 00:15:20 สารพิษบ่อยๆอย่างผมเองเนี่ยเอาตัวผมเป็น
00:15:20 → 00:15:22 เคสสตอรี่แล้วกันผมก็เดบิวเข้าวงการมาใน
00:15:22 → 00:15:26 การฉีด Botox มา 2 ปีแต่ว่าผมไม่ได้ฉีด
00:15:26 → 00:15:29 บ่อยหรือว่ารู้ว่าฉีดปุ๊บมันมี Live time
00:15:29 → 00:15:31 ของมันเนาะสัก 6 เดือนอ่ะฉีดใหม่ครั้งนึง
00:15:31 → 00:15:34 เนี่ยคำถามผมคือผมอาจจะรู้สึกว่าเฮ้ยมัน
00:15:34 → 00:15:36 ยังเวิร์คอยู่นะในช่วง 2 ปีแรกเรารู้สึก
00:15:36 → 00:15:38 ว่าเอ้ยเรายังไม่น่าจะดื้อเนาะแต่ถ้าผม
00:15:38 → 00:15:41 ยังฉีดต่อไปเรื่อยๆปีที่ 5 ปีที่ 6 อย่าง
00:15:41 → 00:15:44 เงี้ยมันจะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายพัฒนา
00:15:44 → 00:15:46 ให้เกิดการบื้อโบสถ์ได้ไหมครับจากคนที่
00:15:46 → 00:15:49 ไม่เคยดูต้องบอกอย่างนี้ว่าเกิดได้แต่ว่า
00:15:49 → 00:15:52 ก็มีวิธีที่จะป้องกันให้มันเกิดน้อยลงได้
00:15:52 → 00:15:55 ขอเปรียบเทียบง่ายๆแบบนี้ค่ะ
00:15:55 → 00:15:58 มักจะคุ้นเคยกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
00:15:58 → 00:16:01 ในช่วง 2-3 ปีหลังๆที่ผ่านมานี้นึกออกไหม
00:16:01 → 00:16:05 คะจริงๆภูมิคุ้มกันของร่างกายหรือตำรวจใน
00:16:05 → 00:16:08 บางกรณีเป็นสิ่งที่เราต้องการทำไมเราต้อง
00:16:08 → 00:16:11 ฉีดวัคซีนโควิดกันบ่อยๆเป็นเพราะว่าร่าง
00:16:11 → 00:16:14 กายอยากจะหรือเราเองอยากจะเทรนร่างกายเรา
00:16:14 → 00:16:17 ให้จำเชื้อโรคตัวนี้ผู้ร้ายก็คือตัวโควิด
00:16:17 → 00:16:20 ให้ง่ายๆดรข้าวสังเกตุไหมเทคนิคการฉีด
00:16:20 → 00:16:23 วัคซีนให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา
00:16:23 → 00:16:29 เยอะๆคืออะไร 1 คือฉีดๆ 2 คือฉีดสารตัว
00:16:29 → 00:16:30 ใหญ่ๆ
00:16:30 → 00:16:33 กับอันที่ 3 คือเขาเรียกว่าบูสเตอร์คือ
00:16:33 → 00:16:36 กระตุ้นเมื่อผ่านไปจะเห็นว่า
00:16:36 → 00:16:39 วัคซีนบางตัวอย่างเช่นวัคซีนบาดทะยัก
00:16:39 → 00:16:43 เนี่ยเราจะฉีดกันครั้งนี้วันที่ 1 1
00:16:43 → 00:16:44 เดือนฉีดอีกรอบนึง
00:16:44 → 00:16:47 6 เดือนฉีดอีกรอบนึงแล้วหลังจากนั้นทุก
00:16:47 → 00:16:50 ปีฉีดอีกรอบนึงไอ้พวกนี้ก็คือการกระตุ้น
00:16:50 → 00:16:52 ให้ร่างกายเราสร้างตำรวจออกมาอีกรอบนึง
00:16:52 → 00:16:55 ทันทีที่มีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเรามา
00:16:55 → 00:16:59 ทันทีอันนี้อันแรกการฉีดบ่อยๆอันที่ 2
00:16:59 → 00:17:02 คือเทคนิคการฉีดบางอย่างจะทำให้ร่างกาย
00:17:02 → 00:17:05 เราจดจำได้ดีกว่าจำได้ไหมคะเรามีข่าวว่า
00:17:05 → 00:17:07 วัคซีนโควิดตกลงเราฉีดเข้ากล้ามเนื้อดี
00:17:07 → 00:17:11 หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังดีกว่ากันไอ้ฉีด
00:17:11 → 00:17:12 เข้าใต้ผิวหนังเนี่ยแหละเป็นวิธีการ
00:17:12 → 00:17:14 กระตุ้นที่ดีกว่า
00:17:14 → 00:17:17 วัคซีนหลายๆตัวขอไม่พูดชื่อละกันถึงมีคน
00:17:17 → 00:17:20 ออกมาพูดว่าถ้าเราอยากจะให้ผลข้างเคียง
00:17:20 → 00:17:23 ของวัคซีนตัวนี้มันน้อยลงคือใช้ปริมาณได้
00:17:23 → 00:17:26 น้อยลงเราเปลี่ยนวิธีฉีดจากการฉีดลึกๆมา
00:17:26 → 00:17:28 ฉีดตื้นๆใต้ผิวหนังเพราะว่ามันกระตุ้นได้
00:17:28 → 00:17:31 ดีกว่าทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้ปริมาณยา
00:17:31 → 00:17:35 มากเท่ากับที่ฉีดลึกๆร่างกายก็ยังสร้าง
00:17:35 → 00:17:37 สรรค์ต่อต้านได้ก็เช่นเดียวกันเลยเทคนิค
00:17:37 → 00:17:41 การฉีดในหลังๆเนี่ยค่ะที่บางทีเนี่ยเรามา
00:17:41 → 00:17:43 เน้นการฉีดใต้ผิวเพื่อยกกระชับเหมือนที่
00:17:43 → 00:17:46 เราก็ข้าพูดเมื่อกี้ว่าฉีดหลบริ้วรอยแล้ว
00:17:46 → 00:17:48 ก็ฉีดยกกระชับเนี่ยมัน
00:17:48 → 00:17:50 อาจจะสามารถที่จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง
00:17:50 → 00:17:54 การดื้อขึ้นมาได้เร็วกว่า
00:17:54 → 00:17:58 พอเริ่มเข้าใจหลักการว่าทำไมถึงดื้อโบสถ์
00:17:58 → 00:18:01 แล้วทีนี้อยากทราบถึงปัจจัยครับเพราะแต่
00:18:01 → 00:18:04 ละคนเนี่ยบางคนดื้อบางคนไม่ดื้อมันมี
00:18:04 → 00:18:06 ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้แต่ละคนดื้อแตก
00:18:06 → 00:18:09 ต่างกันครับเอาเป็นที่ตัวคนไข้ก่อนตัวคน
00:18:09 → 00:18:13 ไข้เองแน่นอนไม่มีใครรู้หรอกคนบางคนมี
00:18:13 → 00:18:16 ขนาดตัวเองยังต่อต้านได้ถูกไหมคะเป็นความ
00:18:16 → 00:19:04 ไวของตัวเขาเองในการที่จะถูกกระตุ้น
00:19:04 → 00:19:20 [เพลง]
00:19:20 → 00:19:24 วัคซีนมันตัวใหญ่หน้าตามันผู้ร้ายผู้ร้าย
00:19:24 → 00:19:28 อย่างนี้ตำรวจก็สงสัยแล้วก็จำได้มากกว่า
00:19:28 → 00:19:33 ก่อนดังนั้นโอกาสที่เราจะเกิดการดื้อต่อ
00:19:33 → 00:19:36 ทุ่มท็อกซินที่มีสิ่งแปลกปลอมเยอะๆมาก
00:19:36 → 00:19:37 กว่า
00:19:37 → 00:19:40 บางยี่ห้อก็จะเกิดมากกว่าความถูกความแพง
00:19:40 → 00:19:43 ความเถื่อนไม่เถื่อนของโบว์มีผลไหมเวลา
00:19:43 → 00:19:48 ที่ภาษาปากเขานะในคนที่อยู่ในวงการก็จะ
00:19:48 → 00:19:50 บอกว่าคุณภาพของยี่ห้อที่เธอเลือกหรือ
00:19:50 → 00:19:54 เปล่าเธอใช้ของถูกหรือเปล่า
00:19:54 → 00:19:57 ถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมายก็มีสิทธิ์ดื้อ
00:19:57 → 00:19:59 ได้ถูกไหมคะไม่ได้หมายความว่าผิดกฎหมาย
00:19:59 → 00:20:02 มันจะเป็นทำให้ดื้ออย่างเดียวมันก็เกิด
00:20:02 → 00:20:07 ได้แต่ว่าโอกาสมันเกิดจากอะไรคนชอบพูดว่า
00:20:07 → 00:20:11 ไม่มีหรอกของดีราคาถูกซึ่งจริงบางส่วนเรา
00:20:11 → 00:20:13 ต้องรู้ก่อนว่าอะไรอ่ะที่ทำให้วัยรุ่น
00:20:13 → 00:20:17 ท็อกซินบางยี่ห้อแพงกว่าบางยี่ห้อหรือแบบ
00:20:17 → 00:20:20 บางยี่ห้อถึงดีกว่าบางยี่ห้อ
00:20:20 → 00:20:23 ข้อสำคัญอันที่ 1 เลยอ่ะของการกระบวนการ
00:20:23 → 00:20:25 ที่ทำให้ผู้ร่วมท็อกซินแพงคือการตัดเอา
00:20:25 → 00:20:29 สิ่งแปลกปลอมออกไปอย่าลืมว่าตัวนี้วัย
00:20:29 → 00:20:32 รุ่นท็อกซินมันคือสารพิษที่ถูกสร้างโดย
00:20:32 → 00:20:34 แบคทีเรียเพราะฉะนั้นกระบวนการอันนึงที่
00:20:34 → 00:20:36 เราอยากจะเอาบทท่องท็อกซินมาใช้เป็นยาคือ
00:20:36 → 00:20:39 เราต้องสกัดออกแบคทีเรียทิ้งให้หมดใน
00:20:39 → 00:20:42 กระบวนการผลิตดังนั้นลองคิดดูกระบวนการ
00:20:42 → 00:20:45 อะไรที่มันต้องกรองเยอะๆมันแพงกว่ากระบวน
00:20:45 → 00:20:48 การที่มันกองน้อยๆอยู่แล้วเพราะฉะนั้นโดย
00:20:48 → 00:20:50 ช่วงท๊อกซินที่แพงกว่าคือผู้ร่วมท็อกซิน
00:20:50 → 00:20:54 ไม่ต้องไม่ใช่แพงกว่านะมีมีมีต้นทุนในการ
00:20:54 → 00:20:59 ผลิตแพงกว่าคือใครก็ตามที่พยายามทำให้วัย
00:20:59 → 00:21:00 รุ่นท็อกซินเนี่ยบริสุทธิ์ให้มากที่สุด
00:21:00 → 00:21:02 ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆหลงเหลืออยู่จากการ
00:21:02 → 00:21:05 ผลิตไม่มีเชื้อโรคเหลืออยู่อันนี้แพงอัน
00:21:05 → 00:21:08 นี้กระบวนการที่ 1 ที่ทำให้มันแพงซึ่งแน่
00:21:08 → 00:21:10 นอนพอเราได้ตัวบนรุ่นท็อกซินที่เล็กที่
00:21:10 → 00:21:11 สุด
00:21:11 → 00:21:14 เขาเรียกว่าอะไรนะบริสุทธิ์โอกาสที่จะไป
00:21:14 → 00:21:16 กระตุ้นให้ร่างกายตามตำรวจมาก็น้อยกว่า
00:21:16 → 00:21:19 อันเนี้ยอันที่ 1 อันที่ 2 ที่จริงๆอ่ะ
00:21:19 → 00:22:20 เกี่ยวกับความ
00:22:20 → 00:22:24 ให้ขวดในแต่ละขวดมันมีเขาเรียกว่ามี
00:22:24 → 00:22:27 ปริมาณยาคงที่อันนี้แพงสิ่งที่เราเจอใน
00:22:27 → 00:22:30 ฐานะเป็นแพทย์ก็คืออย่าลืมว่าอันนี้มัน
00:22:30 → 00:22:33 คือท็อกซินมันเกิดพิษกับร่างกายได้นะมัน
00:22:33 → 00:22:36 เกิดพิษยังไงจำตอนที่มันมีการบาดทะยัก
00:22:36 → 00:22:39 ระบาดแบบกินหน่อไม้ปี๊บแล้วคนก็กล้าม
00:22:39 → 00:22:41 เนื้อขยับไม่ได้เพราะใช้เข้าไปเยอะๆนี่
00:22:41 → 00:22:44 คุณหายใจไม่ได้นะมันไปยับยั้งการทำงานของ
00:22:44 → 00:22:46 กล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจในการทำทุก
00:22:46 → 00:22:48 อย่างเพราะฉะนั้นคุณหายใจไม่ได้คุณเสีย
00:22:48 → 00:22:52 ชีวิตได้ดังนั้นสิ่งที่เราเจอจากวัยรุ่น
00:22:52 → 00:22:56 ท็อกซินที่ไม่ผ่านการควบคุมปริมาณอย่าให้
00:22:56 → 00:22:59 ถูกต้องคือสมมุติใน 100 ยูนิตต่อขวดนึง
00:23:00 → 00:23:02 ที่เขาเห็นอย่างเงี้ยในนั้นเนี่ยที่เคย
00:23:02 → 00:23:04 เจอในงานวิจัยมีที่มีการรายงานคือมีอยู่
00:23:04 → 00:23:08 เป็นหมื่นอยู่ดังนั้นคนที่ไม่รู้แล้วก็
00:23:08 → 00:23:11 เอายาหมื่นอยู่ที่คุณเขียนว่ามี 100 อ่ะ
00:23:11 → 00:23:14 มาฉีดคนไข้ก็ Overdose ได้รับยาเกินความ
00:23:14 → 00:23:17 จำเป็นแล้วก็เกิดเขาเรียกว่าเป็นเหมือน
00:23:17 → 00:23:19 กับเหมือนเรากินหน่อไม้ปี๊บอ่ะอย่างนั้น
00:23:19 → 00:23:20 เลย
00:23:20 → 00:23:23 เกิดผิดภาวะเขาเรียกว่าโบทูริซึมซึ่งอัน
00:23:23 → 00:23:25 นี้ก็คือเสียชีวิตได้
00:23:25 → 00:23:28 จริงๆก็มีหลายปัจจัยมากเนาะทั้งภายในภาย
00:23:28 → 00:23:31 นอกที่ทำให้เราดื้อโบสถ์ได้เนาะแล้วถ้า
00:23:31 → 00:23:33 เกิดสมมุติว่าไม่รู้แหละอะไรก็แล้วแต่ที่
00:23:33 → 00:23:35 ทำให้เราดื้อโบสถ์มันจะอยู่กับเรานานแค่
00:23:35 → 00:23:38 ไหนแล้วมันมีสิทธิ์ที่จะหายได้ไหมครับมัน
00:23:38 → 00:23:41 ก็เหมือนกับภูมิวัคซีนโควิดเนาะ
00:23:41 → 00:23:45 ถึงจุดๆนึงอ่ะมันก็จะหายตำรวจก็จะต้อง
00:23:45 → 00:23:46 เกษียณไป
00:23:46 → 00:23:49 ตำรวจก็มีอายุอดระวัง
00:23:49 → 00:23:52 ก็มีอายุการทำงานของเขาเองนะคะเพราะ
00:23:52 → 00:23:54 ฉะนั้นหมายความว่าถ้าถึงจุดนึงคุณไม่ได้
00:23:54 → 00:23:58 ฉีดวัคซีนโควิดไปนานๆตำรวจโควิดของคุณก็
00:23:58 → 00:25:01 หายไปแบบเดียวกับตำรวจโบว์
00:25:01 → 00:25:04 หมอฉีดคนไข้ไม่ถึงหมื่นคนทำไมคนไข้ที่เรา
00:25:04 → 00:25:06 เจอเวลาเราตรวจเนี่ยมาบ่นว่าหมอทำไมมัน
00:25:06 → 00:25:10 ได้ผลน้อยลงทำไมมันทำไมมันต้องใช้ยาเพิ่ม
00:25:10 → 00:25:12 ขึ้นเอ๊ะเราเปลี่ยนยี่ห้อฉีดกันดีไหม
00:25:12 → 00:25:15 ยี่ห้อนี้มันไม่ดีหรือเปล่าคือถ้ามันเป็น
00:25:15 → 00:25:18 1 คนในพันในหมื่นมันต้องไม่บ่นกันขนาด
00:25:18 → 00:25:21 นี้อันนี้เป็นจุดอันแรกที่ทำให้รู้สึกว่า
00:25:21 → 00:25:24 เราคงต้องทำอะไรสักอย่างนึงแล้วล่ะกับ
00:25:24 → 00:25:27 สิ่งที่เราเจอตอนนั้นก็เลยกำลังพยายามคิด
00:25:27 → 00:25:29 ว่าเราจะทำยังไงที่เราจะวินิจฉัยภาวะดื้อ
00:25:29 → 00:25:33 ได้จริงๆปรากฏว่าวิธีการวินิจฉัยที่เป็น
00:25:33 → 00:25:38 เค้าเรียกว่าเป็นมาตรฐานมี 2 วิธีอันที่ 1
00:25:38 → 00:25:38 ก่อน
00:25:38 → 00:25:41 ทดลองฉีดคนไข้แล้วให้คนไข้มั่นใจว่าไม่
00:25:41 → 00:25:44 ได้ผลจริงๆวิธีการคือทำแบบนี้สมมุติคนไข้
00:25:44 → 00:25:46 มีรอยย่นบนหน้าผาก
00:25:46 → 00:25:49 เราฉีดครึ่งเดียวแล้วนะคนไข้กลับมาดูตอน 2
00:25:49 → 00:25:52 อาทิตย์ครึ่งเดียวดร.ข้าวยอมไหมคะเทียบ
00:25:52 → 00:25:55 เลยใช่ไหมให้หมอฉีดครึ่งนึงของหน้าผากคือ
00:25:55 → 00:25:59 สะดวกแต่ว่าอยากได้วิธีที่ดีกว่านี้สะดวก
00:25:59 → 00:26:02 เหมือนกันแต่ว่าอยากได้วิธีที่ดีกว่านี้
00:26:02 → 00:26:05 ก็ไปดูว่าเอ๊ะแล้วมันมีแล็บอะไรไหมที่จะ
00:26:05 → 00:26:07 ตรวจเลือดได้ไหมเพราะว่าตำรวจเนี่ยอยู่ใน
00:26:07 → 00:26:08 เลือด
00:26:08 → 00:26:11 มันต้องเจอสิสรุปคือ
00:26:11 → 00:26:16 หลักที่ตรวจได้ใกล้ที่สุดเดิมเคยมีที่
00:26:16 → 00:26:19 สิงคโปร์ตอนนี้ไม่มีแล้วไปอยู่ออสเตรเลีย
00:26:19 → 00:26:22 ในเอเชียยังไม่ต้องนับเรื่องการส่งเลือด
00:26:22 → 00:26:27 คนไข้ไปอีกแล้วราคาก็แพงมากแถมยังต้องฆ่า
00:26:27 → 00:26:28 หนูด้วย
00:26:28 → 00:26:30 ต้องมีสิ่งมีชีวิตที่ต้องตายไปจากการที่
00:26:30 → 00:26:33 เราอยากรู้เรื่องนี้หมอก็เลยไปค้นว่าเออ
00:26:33 → 00:26:36 มันก็มีวิธีการในการตรวจเลือดบางแบบนะที่
00:26:36 → 00:26:38 สามารถพอจะทำได้แต่มันต้องอาศัยเครื่อง
00:26:38 → 00:26:40 มือบางอย่างต้องมีวิธีการมาทำบางอย่างที่
00:26:40 → 00:26:43 มันมันเคยมีคนทำเหมือนกันแต่มันทำแล้วแบบ
00:26:43 → 00:26:47 ผลมันไม่ได้แบบดีมากแล้วก็ไม่มีในไทยอยู่
00:26:47 → 00:26:50 ดีหมอก็เลยเนื่องจากหมอเป็นหมอที่ตรวจคน
00:26:50 → 00:26:53 ไข้อย่างเดียวเนาะความสามารถในการทำมี
00:26:53 → 00:26:57 จำกัดหมอก็ไปปรึกษาคุณหมออีกท่านนึงที่
00:26:57 → 00:27:00 อยู่ในศิริราชเหมือนกันชื่อดรยุทธนา
00:27:00 → 00:27:02 ศรีนวลประเสริฐอาจารย์เนี่ยเป็นอาจารย์
00:27:02 → 00:27:05 ประจำภาควิชาวิทยาภูมิคุ้มกันสรุปคือ
00:27:05 → 00:27:11 เรื่องตำรวจโดยตรงเป็นหมอที่จับตำรวจเก่ง
00:27:11 → 00:27:14 บอกก็เลยไปปรึกษาอาจารย์ยุทธนาว่าเออ
00:27:14 → 00:27:17 ยุทธนาพี่ขอปรึกษาหน่อยเพราะว่าเรารู้จัก
00:27:17 → 00:27:19 กันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วว่ามีปัญหา
00:27:19 → 00:27:23 อย่างนี้เกิดขึ้นอยากทำแลปตัวนี้ขึ้นมา
00:27:23 → 00:27:26 ว่าสมมุติถ้าเราเอาหาวิธีในการที่เอา
00:27:26 → 00:27:30 เลือดคนไข้มานะตรวจแล้วเจอไอ้ตัวนี้มันจะ
00:27:30 → 00:27:32 ได้ไหมอาจารย์ยุทธนาก็บอกเออแบบพอทำได้
00:27:32 → 00:27:36 แต่ต้องทดสอบก่อนไม่แน่ใจจนกระทั่งเราคุย
00:27:36 → 00:27:39 กันเป็นอย่างน้อยน่าจะ 5-6 เดือนกว่าจะ
00:27:39 → 00:27:43 เริ่มหาวิธีในการที่จะเอาหลักการทางห้อง
00:27:43 → 00:27:48 แล็บบางอย่างสามารถที่จะมาตรวจได้เราก็
00:27:48 → 00:27:52 เลยทำวิจัยจริงจังเอาเลือดคนไข้ใน 3
00:27:52 → 00:27:54 กลุ่มกลุ่มแรกคือกลุ่มคนที่ไม่เคยฉีด
00:27:54 → 00:27:56 virtualtoxin เพื่อความงามเลยมาเป็นแบบ
00:27:56 → 00:27:59 เหมือนแบบเลือกบริสุทธิ์และเราก็เอาเลือด
00:27:59 → 00:28:01 ของคนไข้ที่ฉีดบนทุ่งท็อกซินในทุกวันนี้
00:28:01 → 00:28:05 ฉีดอยู่แล้วได้ผลอยู่เลือดหมอเป็นหนึ่งใน
00:28:05 → 00:28:09 นั้นโอเคแล้วก็อีกกลุ่มนึงคือเราเอาคนไข้
00:28:09 → 00:28:14 ที่ฉีดโบทุ้มท็อปซินแล้วตรวจหน้าผากฉีด
00:28:14 → 00:28:18 หน้าผากไปแล้วเราดูจริงเอาเทียบค่าของ 3
00:28:18 → 00:28:21 อันนี้ทดสอบดูเพื่อที่จะดูว่าแลปที่เรา
00:28:21 → 00:28:25 คิดออกมาเนี่ยมันมันได้ผลน่าเชื่อถือได้
00:28:25 → 00:28:27 ไหมสรุปคือผลงานวิจัยและตีพิมพ์ไปเรียบ
00:28:27 → 00:28:30 ร้อยแล้วเราก็บอกว่าแล็บที่เราทำได้น่า
00:28:30 → 00:28:33 เชื่อถือประมาณ 80% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลข
00:28:33 → 00:28:37 ที่สูงมากหลังจากนั้นเราดีใจมากแบบก็คิด
00:28:37 → 00:28:39 ว่าเออเราจะทำวิจัยเรื่องนี้กันอย่างจริง
00:28:39 → 00:28:42 จังงานวิจัยอันนี้ก็ทำต่อคือในระหว่างที่
00:28:42 → 00:28:46 พี่มีการทำเก็บข้อมูลคนไข้ไปเรื่อยๆเราก็
00:28:46 → 00:28:49 เจอคนเยอะขึ้นหลังจากนั้นเรายังคิด Lab
00:28:49 → 00:28:52 อีกอันนึงคือเนื่องจากในระหว่างการทำอ่ะ
00:28:52 → 00:28:54 ค่ะคือดรข้าวถ้าเกี่ยวข้องกับงานวิจัยดร
00:28:54 → 00:28:57 ค่ะอาจจะรู้ว่าบางครั้งอ่ะของบางอย่างผล
00:28:57 → 00:29:00 การวิจัยบางอย่างที่เราเจอจากงานวิจัยอัน
00:29:00 → 00:29:02 นึงอ่ะมันอาจจะต่อยอดให้เราไปคิดค้นอัน
00:29:02 → 00:29:04 อื่นๆอีกเพราะเราอาจจะเจอสิ่งที่เราไม่
00:29:04 → 00:29:08 คาดคิดมาก่อนสิ่งที่หมอกับอาจารย์ยุทธนา
00:29:08 → 00:29:13 เจอก็คือว่าเราเจอว่าการดื้อมันดื้อได้
00:29:13 → 00:29:17 ทั้งตัวโดยที่ท็อกซินเองกับดื้อเสื้อผ้า
00:29:17 → 00:29:21 หรือองค์ประกอบของมันได้คือในอดีตจากองค์
00:29:21 → 00:29:23 ความรู้ทั้งหลายแหล่เราเคยเชื่ออย่างนี้
00:29:23 → 00:29:27 ว่าเพราะเราต้องการแค่ตัวท็อกซินตัวหุ้น
00:29:27 → 00:29:29 ท็อกซินเองตัวมันเองแบบไม่มีเสื้อผ้า
00:29:29 → 00:29:31 เนี่ยเพื่อออกฤทธิ์ในการยับยั้งกล้าม
00:29:31 → 00:29:34 เนื้อเพราะฉะนั้นเราถือว่าตัวตำรวจที่
00:29:34 → 00:29:37 เกี่ยวข้องมันควรจะเป็นตำรวจที่มาจับแต่
00:29:37 → 00:29:38 เฉพาะตัวผู้ร้ายอย่างเดียวไม่เกี่ยวกับ
00:29:39 → 00:29:41 เสื้อผ้าเสื้อผ้ามันไม่ควรจะมาทำอะไรถูก
00:29:41 → 00:29:43 ไหมเสื้อผ้าจะไปทำอะไรได้เพราะฉะนั้น
00:29:43 → 00:29:47 เนี่ยเราถึงวัดกันแค่ตัวตำรวจที่มาจับแต่
00:29:47 → 00:29:49 ตัวท็อกซินอย่างเดียวแต่เนื่องจากความ
00:29:49 → 00:29:51 สามารถของอาจารย์ยุทธนาด้วยส่วนหนึ่งที่
00:29:51 → 00:29:54 อาจารย์สามารถที่จะวัดตัวตำรวจที่มีต่อ
00:29:54 → 00:29:56 เสื้อผ้าได้ในแต่ละแบรนด์เรา 2 คนเลย
00:29:56 → 00:29:59 คำนวณตัวเลขจากเลือดที่คนไข้เข้ามาแล้ว
00:29:59 → 00:30:02 เราเจอบางอย่างที่ทำให้เรียกว่าเปลี่ยน
00:30:02 → 00:30:04 ความคิดของเรา 2 คนแล้วและน่าจะเปลี่ยน
00:30:04 → 00:30:06 ความคิดของหมอหลายๆคนอย่างน้อยในประเทศ
00:30:06 → 00:30:10 นี้ก่อนก่อนที่เราจะไปสู่เวทีโลกขึ้นต่อ
00:30:10 → 00:30:13 ไปก็คือเราเจอคนบางคนเนี่ยที่มีตำรวจต่อ
00:30:13 → 00:30:16 เสื้อผ้าอย่างเดียวและมีการที่ไม่ตอบสนอง
00:30:16 → 00:30:18 ด้วยซึ่งจริงๆมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย
00:30:18 → 00:30:22 แล้วเราเจอในปริมาณพอสมควรตอนนั้นเรา 2
00:30:22 → 00:30:25 คนมานั่งดูตัวเลขนี้แล้วเราบอกว่ามันผิด
00:30:25 → 00:30:27 หรือเปล่ามันมันต้องผิดแน่ๆเลยมันเป็นไป
00:30:27 → 00:30:30 ได้ทำไมมันมีคนกลุ่มนึงที่มีอาการจริงๆนะ
00:30:30 → 00:30:33 เพราะเราตรวจหน้าผากแล้วนี่ดื้อจริงแต่คน
00:30:33 → 00:30:36 ไข้มีแต่ตัวตำรวจต่อเสื้อผ้าของท็อกซิน
00:30:36 → 00:30:39 อาจารย์ยุทธนานี่ถึงขั้นร้างแหละ
00:30:39 → 00:30:42 กลัวว่าจะมีการปนเปื้อน
00:30:42 → 00:30:45 ถูกต้องสรุปคือทำไปหลายรอบก็ยังคิดว่ามัน
00:30:45 → 00:30:49 ใช่เราสองคนก็เลยคิดว่ามันต้องมีอะไรมาก
00:30:49 → 00:30:51 กว่าที่ที่ความรู้ในอดีตที่มันเคยมีมา
00:30:51 → 00:30:53 แล้วแหละซึ่งมันก็มีแนวโน้มจะเป็นไปได้
00:30:53 → 00:30:55 คือตามหลักการมันอาจจะเป็นไปได้นะคะดร.
00:30:55 → 00:30:57 ข้าวเพราะว่าภูมิคุ้มกันของร่างกายมัน
00:30:57 → 00:31:00 มหัศจรรย์ลองคิดง่ายๆเมื่อกี้นี้ที่เรา
00:31:00 → 00:31:02 คุยกันเรื่องถ้าร่างกายกำลังมีสงครามอยู่
00:31:02 → 00:31:05 มันก็มีโอกาสที่ตำรวจคนนี้จะไปดีเทคตัว
00:31:05 → 00:31:08 บางอย่างได้มากขึ้นถูกไหมลองอีเมลจิ้น
00:31:08 → 00:31:11 สมมุติข้าศึกท็อกซินเนี่ยใส่เฟอร์มาทุกคน
00:31:11 → 00:31:14 แน่นอนร่างกายเราสร้างตำรวจเฟอร์ขึ้นมาก็
00:31:14 → 00:31:17 จริงเห็นแต่เฟิงไงไม่เห็นตัวผู้ร้ายด้วย
00:31:17 → 00:31:20 ซ้ำไปเห็นแต่เฟอร์ลอยมาเหมือนกองฟางอ่ะ
00:31:20 → 00:31:23 บึ้งๆๆเข้ามาฉันส่งตำรวจพอคุ้นเคยกับไอ้
00:31:23 → 00:31:26 ตัวเฟอร์มาก่อนใช่ไหมฉันส่งตำรวจเฟอร์มา
00:31:26 → 00:31:28 ก่อนแต่เป็นไปได้ไหมล่ะที่ตำรวจเฟอร์ที่
00:31:28 → 00:31:31 มันมาเยอะๆพร้อมกันทีเดียวเนี่ยมันจะมี
00:31:31 → 00:31:33 บางคนที่เรียนรู้และจะจำไอ้ตัวผู้ร้าย
00:31:33 → 00:31:37 ขึ้นมาจริงๆกลายเป็นว่าตำรวจเฟอก็จับผู้
00:31:37 → 00:31:42 ร้ายได้ด้วยซึ่งอันนี้ฟังแล้วมันก็ make
00:31:42 → 00:31:46 sense นะเสร็จปั๊บพอเราคิดว่ามันพอมีแนว
00:31:46 → 00:31:47 ทางเป็นไปได้แล้วตรวจทุกอย่างแล้วเนี่ย
00:31:48 → 00:31:51 เราก็เลยดิกๆมันลงไปอีกว่าสมมุติ
00:31:51 → 00:31:54 ถ้าความคิดของเราถูกใช่ไหมแล้วเรามีเบอร์
00:31:54 → 00:31:58 ทุ่งท็อกซินที่มีเสื้อผ้าแตกต่างกันในแต่
00:31:58 → 00:32:02 ละแบรนด์สมมติล่ะว่าเราสงสัยเรื่องตำรวจ
00:32:02 → 00:32:04 เสื้อผ้าเราก็เอา Virtual talkin ที่ไม่
00:32:04 → 00:32:07 มีเสื้อผ้าเปล่าๆเปื่อยๆเนี่ยมาตัวนึงกับ
00:32:07 → 00:32:10 กลุ่มคนที่ดื้อต่อโดยช่วงท๊อกซินที่มี
00:32:10 → 00:32:13 เสื้อผ้าถ้าเราสามารถคัดเลือกได้คนกลุ่ม
00:32:13 → 00:32:15 นี้ฉีดหน้าผากเราดื้อแล้วแน่ๆต่อ volume
00:32:15 → 00:32:17 talkin ที่มีเสื้อผ้าเนี่ยตรวจแล้วดื้อ
00:32:17 → 00:32:19 ชัวร์ๆเราเอาเลือดเขามาวิเคราะห์ว่าตกลง
00:32:19 → 00:32:21 เขามีตำรวจต่ออะไรบ้างดังนั้นนี่หมายความ
00:32:21 → 00:32:25 ว่าสมมุตินะแล้วเราเจอในกลุ่มคนที่สมมุติ
00:32:25 → 00:32:28 ในกลุ่มคนไข้สัก 10 คนที่ดื้อละต่อโดย
00:32:28 → 00:32:30 ช่วงท๊อกซินมีเสื้อผ้า 10 คนเนี้ยถ้า
00:32:30 → 00:32:33 กลุ่มคนที่ดื้อต่อตำรวจเสื้อผ้าและตำรวจ
00:32:33 → 00:32:36 ท็อกซินเองคนเนี้ยฉีดแบรนด์ไหนก็ไม่ได้ผล
00:32:36 → 00:32:39 เอามาฉีดท็อกซินเปือยๆก็ไม่ได้ผลหรอก
00:32:39 → 00:32:43 แต่ถ้าสมมุติว่าเราอ่ะเอาคนไข้ที่เราตรวจ
00:32:43 → 00:32:46 เลือดแล้วอ่ะเจอว่าคนเนี้ยมีแต่ตำรวจต่อ
00:32:46 → 00:32:50 เสื้อผ้าไม่มีตำรวจต่อท็อกซินเลยนะแต่ฉีด
00:32:50 → 00:32:53 แล้วก็ไม่ได้ผลเอากลับมาฉีดท็อกซินเปื่อย
00:32:53 → 00:32:56 ๆอ่ะมันต้องได้ผลถูกป่ะสรุปคือมันเป็นแบบ
00:32:56 → 00:32:56 นั้น
00:32:56 → 00:32:59 เราเจอคนไข้กลุ่มนึงจริงๆที่ดื้อต่อ
00:32:59 → 00:33:02 ท็อกซินที่มีเสื้อผ้าแต่ตรวจเลือดแล้วไม่
00:33:03 → 00:33:05 เจอนะเอามาฉีดทัคซีนที่ไม่มีเสื้อผ้าได้
00:33:05 → 00:33:08 ผลหมายความว่าอะไรหมายความว่าถ้าเราตรวจ
00:33:08 → 00:33:12 ได้ว่าคนไข้ดื้อต่อท็อกซินหรือดื้อต่อ
00:33:12 → 00:33:14 เสื้อผ้าของท๊อกซินตัวไหนบ้างเราจะบอกได้
00:33:14 → 00:33:16 แม้กระทั่งว่าคนไข้คนนี้ถ้าจำเป็นเกิดใน
00:33:16 → 00:33:20 ชีวิตนี้ต้องมาเป็นโรคระบบประสาทคุณจะยัง
00:33:20 → 00:33:23 มีตัวเลือกว่าคุณจะใช้ตัวไหนรักษาได้
00:33:23 → 00:33:39 [เพลง]
00:33:39 → 00:33:41 แล้วอย่างนี้สมมติคนไข้เริ่มสนใจแล้วเลิก
00:33:41 → 00:33:45 ถือสงสัยว่าเราดื้อหรือเปล่านะเดินไปที่
00:33:45 → 00:33:50 ศิริราชมีขั้นตอนในการง่ายมากเลยสามารถมา
00:33:50 → 00:33:53 ที่ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราชอยู่ตึกผู้
00:33:53 → 00:33:55 ป่วยนอกชั้น 6 เราเนี่ยสามารถที่จะเจาะ
00:33:55 → 00:33:58 เลือดส่งตรวจได้ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
00:33:58 → 00:34:00 จะรู้ผลค่ะ
00:34:00 → 00:34:07 ค่าตรวจต่อ 1 ตัวคือ 1,600 บาท
00:34:07 → 00:34:10 ในฐานะวิจัยรู้สึกภูมิใจนะที่มันเกิดจาก
00:34:10 → 00:34:16 Pain Point เล็กๆของอาจารย์เนอะ
00:34:16 → 00:34:20 อาจารย์พยายามจะสู้กลับมาแล้วหาหาวิธีการ
00:34:20 → 00:34:23 แก้เนาะเพื่อคนไข้อาจารย์บอกว่าวิธีการ
00:34:23 → 00:34:26 ตรวจนี้ตรวจได้แม่นยำถึง 80% เลยใช่ไหม
00:34:27 → 00:34:29 ซึ่งในมุมนักวิจัยเรารู้ว่า
00:34:29 → 00:34:34 ค่อนข้างสูงมันมีอะไรที่เป็นเขาเรียกว่า
00:34:34 → 00:34:36 อะไรอ่ะเป็นคีย์ Success Factor ไหมที่
00:34:36 → 00:34:40 ทำให้เทคนิคที่ทำในห้องแลปมันได้แม่นยำ
00:34:40 → 00:34:42 ขนาดนี้เป็นเพราะอย่างนี้ค่ะเป็นเพราะเรา
00:34:42 → 00:34:46 ตรวจเฉพาะเจาะจงกว่าที่ตรวจการตามปกติอัน
00:34:46 → 00:34:49 นี้อาจจะยากไปสำหรับประชาชนแต่จะบอกงี้
00:34:49 → 00:34:54 เวลาที่เราพูดว่าคุณตรวจหาตำรวจที่มีต่อ
00:34:54 → 00:34:58 ตัวผู้ร้ายที่เป็นตัวทอกซินล้วนๆจริงๆ
00:34:58 → 00:35:01 แล้วมันมีรายละเอียดกว่านั้นว่าในคนหนึ่ง
00:35:01 → 00:35:04 คนสมมุตินะเราเป็นหัวตัวท็อกซิน 1 ตัวใช่
00:35:04 → 00:35:08 ไหมคะมีแขนมีขาโอกาสมีแค่อวัยวะแค่ 3 ตัว
00:35:08 → 00:35:11 เองที่จะไปยับยั้งการทำงานของเส้นประสาท
00:35:11 → 00:35:14 กับกล้ามเนื้อได้อย่างเช่นมีแค่มือซ้าย
00:35:14 → 00:35:17 มือขวาแล้วก็ขาขวาเท่านั้นเองตำรวจต่อตรง
00:35:17 → 00:35:19 อื่นไม่ได้ผลเลยเพราะฉะนั้นหมายความว่า
00:35:19 → 00:35:21 คุณอาจจะต้องไปตรวจเฉพาะเจาะจงมากว่าต้อง
00:35:21 → 00:35:25 ไปหาตำรวจต่อมือ 2 ข้างกับขา 1 ข้าง
00:35:25 → 00:35:28 เอาเป็นว่ามันเลยทำให้มันเฉพาะเจาะจงมาก
00:35:28 → 00:35:31 แสดงว่าต้องมีวัตถุดิบแหละที่จะต้องใช้ใน
00:35:31 → 00:35:35 การตรวจพิเศษซึ่งอันนี้มีทั้งสีและผลิต
00:35:35 → 00:35:38 เองเลย
00:35:38 → 00:35:41 ได้เนี่ยเราต้องได้ความอนุเคราะห์หรือบาง
00:35:41 → 00:35:44 ทีเราต้องซื้อหรือวัตถุดิบก็คือตัวบนหุ้ม
00:35:44 → 00:35:45 ทอกซินทั้งหลายแหล่ที่มันมีในประเทศไทย
00:35:45 → 00:35:48 นี่แหละถูกไหมเราคงตรวจไม่ได้ถ้าเราไม่มี
00:35:48 → 00:35:51 ตัวต้นแบบให้เราไปหาการจับเพราะฉะนั้น
00:35:51 → 00:35:54 หมายความว่าหมอก็ได้การสนับสนุนส่วนหนึ่ง
00:35:54 → 00:35:57 จากบริษัทที่เป็นบริษัทที่ผลิตท๊อกซินโดย
00:35:57 → 00:36:00 เฉพาะบริษัทที่ผลิตท๊อกซินเพียวๆไม่มี
00:36:00 → 00:36:02 เสื้อผ้าเพราะเราใช้อันนี้เยอะมากในการ
00:36:02 → 00:36:06 ผลิตก็อันนี้ก็เป็นแบรนด์ที่ 1 แล้วเราก็
00:36:06 → 00:36:08 ยังสามารถขอความอนุเคราะห์ในงานตลอดงาน
00:36:08 → 00:36:11 วิจัยนะคะหมอได้รับความอนุเคราะห์จาก
00:36:11 → 00:36:14 บริษัทที่เป็นคนจำนายหรือบางทีเป็นผู้
00:36:14 → 00:36:17 ผลิตของแบรนด์อื่นๆในประเทศเนี่ยให้การ
00:36:17 → 00:36:19 สนับสนุนผลิตภัณฑ์มาให้เราทั้งทำวิจัยใน
00:36:19 → 00:36:23 คนไข้ทั้งทำวิจัยเพื่อสร้างแล็ปขึ้นมาก็
00:36:23 → 00:36:27 ต้องขอขอบคุณแบรนด์ต่างๆทุกแบรนด์มาณที่
00:36:27 → 00:36:31 นี้ด้วยเชื่อเลยว่าพอมีคนไข้เดินเข้ามาขอ
00:36:31 → 00:36:33 ให้ทางโรงแรมตรวจขึ้นเรื่อยๆมี Sample
00:36:33 → 00:36:36 มากขึ้นเรื่อยๆจะมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น
00:36:36 → 00:36:38 อีกมากมันคงไม่หยุดแค่นี้แน่ๆเลยใช่ไหม
00:36:38 → 00:36:53 ตัวนวัตกรรมที่ทางศิริราชพัฒนาขึ้นมา
00:36:53 → 00:36:55 แต่สิ่งหนึ่งที่เราเจอแล้วก็เป็น Another
00:36:55 → 00:36:58 Pain Point ของคนไข้แล้วก็ของหมอก็คือ
00:36:58 → 00:37:01 ว่าโรงพยาบาลศิริราชเข้าถึงยากดังนั้นเรา
00:37:01 → 00:37:04 ก็พยายามจะมองว่าเราจะทำยังไงให้คนเข้า
00:37:04 → 00:37:07 ถึงการตรวจอันนี้ได้ง่ายขึ้นก็อย่างที่
00:37:07 → 00:37:10 ว่านะโชคดีเหมือนกันที่มหิดลเป็น
00:37:10 → 00:37:12 มหาวิทยาลัยที่มีหลายคณะ
00:37:12 → 00:37:15 จริงๆแล้วอย่างหมอกับอาจารย์ยุทธนาอยู่
00:37:15 → 00:37:18 คณะแพทย์ศาสตร์เหมือนกันในร่มเดียวกันเรา
00:37:18 → 00:37:21 ก็คุยกันง่ายแต่เราก็มีเขาเรียกว่า
00:37:21 → 00:37:24 Connection ในการทำวิจัยเราก็ติดต่อไป
00:37:24 → 00:37:27 ที่คณะเทคนิคการแพทย์ที่เขามีโรงงานผลิต
00:37:27 → 00:37:31 เขาเรียกว่าโรงงานผลิต Test คิดตัวที่
00:37:31 → 00:37:35 ปรับเป็นเหมือนเหมือน atk covid เพราะ
00:37:35 → 00:37:38 เราคิดว่าเฮ้ยคนไข้จะเดินเข้ามานะแล้วจะ
00:37:38 → 00:37:40 มารอตรวจเจาะเลือดรอ 2 อาทิตย์มันอาจจะ
00:37:40 → 00:37:44 เกินไปละเราก็เลยกำลังมองว่าตอนนี้เรา
00:37:44 → 00:37:45 กำลังอยู่จุดที่เราจะทำเขาเรียกว่า
00:37:45 → 00:37:47 screening Test บางอย่างเหมือน atk อ่ะ
00:37:47 → 00:37:50 ค่ะคนเป็นโควิดนะคุณตัว atk ที่บ้านก่อน
00:37:50 → 00:37:52 Positive สงสัยคุณค่อยไป pcr ต่อที่โรง
00:37:52 → 00:37:56 พยาบาลเราอยากจะได้เขาเรียกว่าหน้าด่าน
00:37:56 → 00:37:59 ตรงนั้นก่อนคนไข้จะได้อย่างน้อยรู้แล้วก็
00:37:59 → 00:38:02 ไม่ต้องลำบากเข้ามาไม่ใช่ว่าไม่อยากตรวจ
00:38:02 → 00:38:05 คนไข้นะแต่หมายถึงว่าเราก็เห็นใจแล้วเรา
00:38:05 → 00:38:08 อยากจะให้การเข้าถึงเป็นในวงกว้างซึ่งเรา
00:38:08 → 00:38:12 เนี่ยพัฒนาตัวนี้มาเกือบปีแล้วก็เราได้
00:38:12 → 00:38:15 mock up ที่คิดว่าน่าจะทำได้แล้วว่า
00:38:15 → 00:38:18 เป็นเหมือนกับเป็น Test คิดแล้วก็มีน้ำยา
00:38:18 → 00:38:23 หยอดคล้ายๆ atk ของของคล้ายๆ atk เลยแต่
00:38:23 → 00:38:24 อย่างน้อยที่สุด
00:38:24 → 00:38:27 ตัว Test คิดอันนี้
00:38:27 → 00:38:29 ใกล้มากแล้วที่จะเสร็จเพราะฉะนั้นตอนนี้
00:38:29 → 00:38:32 เนี่ยใครที่สงสัยว่าตัวเองดื้อโบว์หรือ
00:38:32 → 00:38:35 เปล่ามีทางเลือกแล้วคือไปที่ศิริราชเลยนะ
00:38:35 → 00:38:38 ครับมีบริการการตรวจว่าดื้อโบสถ์หรือ
00:38:38 → 00:38:42 เปล่าทีนี้กลุ่มที่ยังไม่ดื้อโบสถ์คุณหมอ
00:38:42 → 00:38:45 มีคำแนะนำอะไรถึงคนกลุ่มนี้ซึ่งเชื่อว่า
00:38:45 → 00:38:49 เป็นกลุ่มขนาดใหญ่มากๆเลยครับว่าเราควรมี
00:38:49 → 00:38:53 ข้อควรระวังยังไงในการเลือกฉีดโบที่เรา
00:38:53 → 00:38:57 คุยกันไปตลอดเราพอจะรู้กันบ้างแล้วว่าการ
00:38:57 → 00:39:00 ดื้อเกิดจากอะไรได้บ้างถ้าอยากจะฉีดแล้ว
00:39:00 → 00:39:03 คิดว่าอยากจะฉีดให้ได้นานๆอันที่ 1 นะคะ
00:39:03 → 00:39:06 ฉีดตัวที่เสื้อผ้าน้อยๆเลือกผลิตภัณฑ์
00:39:06 → 00:39:09 เลือกตัวผลิตภัณฑ์ที่มันกระตุ้นให้เกิด
00:39:09 → 00:39:12 การสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆไม่ต้องเรียก
00:39:12 → 00:39:15 ตำรวจมาอันนี้อันแรกอันที่ 2 คืออย่าถีบๆ
00:39:15 → 00:39:18 อย่าไปแบบพยายามฉีดเหมือนโควิดวัคซีนนะ
00:39:18 → 00:39:21 แบบฉีดไปเรื่อยๆหวังกระตุ้นภูมิเว้นระยะ
00:39:21 → 00:39:24 3-4 เดือนฉีดทีนึงอย่าฉีดเค้าเรียกว่า
00:39:24 → 00:39:28 ฉีดกะปริบกะปรอยคนบางคนนะชอบแบบฉีดหน้า
00:39:28 → 00:39:30 ผากมาวันนี้อีก 2 อาทิตย์มาฉีดตีนกาอีก 2
00:39:30 → 00:39:34 อาทิตย์มาฉีดคออะไรอย่างนี้รวบเถอะรวบ
00:39:34 → 00:39:36 เป็นรอบเดียวกันแล้วก็ฉีดให้เว้นระยะห่าง
00:39:36 → 00:39:38 อันนี้จะกระตุ้นน้อยกว่า
00:39:39 → 00:39:43 แล้วก็อันสุดท้ายคือฉีดเท่าที่จำเป็นฉีด
00:39:43 → 00:39:47 ในเทคนิคที่ดีให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญฉีด
00:39:47 → 00:39:50 ให้แล้วก็อย่างที่ว่าคุณสามารถที่จะตรวจ
00:39:50 → 00:39:52 สอบความเชี่ยวชาญของแพทย์ได้จากเว็บไซต์
00:39:52 → 00:39:55 ของแพทย์สภาเข้าไปดูคุณใส่ชื่อคุณหมอเขา
00:39:55 → 00:39:58 ไปอย่างน้อยรู้ว่าเป็นหมอจริงถูกไหมคะคือ
00:39:58 → 00:40:00 บางทีคนที่ไม่ได้เป็นหมอจริงเขาอาจจะเอา
00:40:00 → 00:40:02 ผลิตภัณฑ์อะไรมาฉีดให้เราก็ได้ตรวจสอบ
00:40:02 → 00:40:04 ผลิตภัณฑ์ด้วยสักนิดเราสามารถที่จะเช็ค
00:40:04 → 00:40:06 ได้นะว่าผลิตภัณฑ์ตัวที่มีอยู่นี้ผ่านอย
00:40:06 → 00:40:10 หรือไม่ผ่านอยในเว็บไซต์ของอยเองแล้วก็
00:40:10 → 00:40:14 เดี๋ยวนี้หลายๆครั้งเนี่ยเอ่อบริษัทที่นำ
00:40:14 → 00:40:15 เข้าอย่างถูกต้องเนี่ยเค้าก็สามารถที่จะ
00:40:15 → 00:40:17 ให้ประชาชนตรวจได้นะถ่ายรูปสติ๊กเกอร์
00:40:17 → 00:40:19 ถ่ายรูป QR Code หรือดูอะไรอย่างเงี้ย
00:40:19 → 00:40:21 ว่าอันนี้เป็นผลิตภัณฑ์จริงหรือปลอมหรือ
00:40:21 → 00:40:24 แม้แต่ตรวจสอบรายชื่อของคลินิกด้วยว่า
00:40:24 → 00:40:27 คลินิกเนี้ยเป็นเค้าเรียกว่าเป็นคลินิก
00:40:27 → 00:40:29 หรือเขาเรียกว่าโรงพยาบาลนั้นเนี่ยเขา
00:40:29 → 00:40:32 เรียกว่ามีการซื้ออย่างถูกต้องจากผู้นำ
00:40:32 → 00:40:34 เข้าอย่างถูกต้องหรือเปล่าเพราะอันนี้มัน
00:40:34 → 00:40:37 ก็เรียกว่ามีผลต่อการต่อความเชื่อมั่นของ
00:40:37 → 00:40:38 ผลิตภัณฑ์
00:40:38 → 00:40:41 ท้ายที่สุดสุดท้ายคือควรจะฉีดในสถาน
00:40:41 → 00:40:45 พยาบาลที่ผ่านการรับรองจากผู้ที่ certify
00:40:45 → 00:40:47 เราก็ตรวจได้ว่าคลินิกนี้เป็นคลินิกจริง
00:40:47 → 00:40:49 ไหมจากกรมสรรพสัตว์ศูนย์บริการสุขภาพคือ
00:40:49 → 00:40:51 การฉีดในคอนโด
00:40:51 → 00:40:55 รถตู้หรือที่ต่างๆคุณต้องคิดว่านี่มัน
00:40:55 → 00:40:58 เป็นสารพิษนะมันคือโบทรีนุ่มท๊อกซินถึง
00:40:58 → 00:41:01 ไม่ดื้อแต่ก็เกิดอาการอื่นได้แล้วลองคิด
00:41:01 → 00:41:04 ดูเกิดเราเจอไอ้ขวดที่เป็นหมื่นยูนิตร้อย
00:41:04 → 00:41:06 นึงแล้วฉีดก็เป็นหมื่นนึงฉีดปั๊บหายใจไม่
00:41:06 → 00:41:08 ออกใครจะช่วยชีวิตคุณพวกนี้มันก็เกิดได้
00:41:08 → 00:41:12 เราต้องฉีดในสถานที่ที่พร้อมที่จะรับมือ
00:41:12 → 00:41:14 ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
00:41:14 → 00:41:17 ทันทีขณะที่ฉีดด้วยถ้าวันนี้นะครับคนที่
00:41:17 → 00:41:20 กำลังชมรายการอยู่สงสัยว่าเรามีอาการดื้อ
00:41:20 → 00:41:24 โบรึเปล่าหรือว่าอ่าสนใจอยากที่จะได้รับ
00:41:24 → 00:41:27 การตรวจอาการดื้อโบสถ์เนี่ยจะมีช่องทางใน
00:41:27 → 00:41:29 การสอบถามขอความรู้เพิ่มเติมหรือว่าจะติด
00:41:29 → 00:41:31 ต่อเข้าไปตรวจยังไงได้บ้างครับเอาอันแรก
00:41:31 → 00:41:35 ก่อนให้ให้ดูเช็คตัวเองง่ายๆก่อนดังนี้
00:41:35 → 00:41:38 ค่ะข้อ 1 คือคุณต้องเคยฉีดแล้วได้ผลมา
00:41:38 → 00:41:40 ก่อนถ้าแบบไม่เคยฉีดเลยอันนี้ไม่ต้องเปิด
00:41:40 → 00:41:43 ตรวจนะคะต้องเคยฉีดเสร็จปุ๊บแล้วได้ผลแต่
00:41:43 → 00:41:46 พอช่วงหลังๆอ่ะรู้สึกว่ามันได้ผลน้อยลง
00:41:46 → 00:41:49 อย่างเช่นอาจจะฉีดเท่าเดิมแต่ไม่ตึงเท่า
00:41:49 → 00:41:51 เดิมหรือฉีดเท่าเดิม
00:41:51 → 00:41:54 แต่ระยะเวลาอยู่สั้นลงโดยเฉพาะถ้าสั้น
00:41:54 → 00:41:57 กว่า 3 เดือนอันนี้อยากให้สงสัย
00:41:57 → 00:41:59 แล้วก็ถ้าสงสัยจริงๆเนี่ยก็สามารถที่จะ
00:42:00 → 00:42:03 ติดต่ออยากจะเข้ามาตรวจที่ศิริราชก็จะติด
00:42:03 → 00:42:05 ต่อที่ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราชอยู่ที่
00:42:05 → 00:42:08 ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 6 นะคะเดี๋ยวเราจะขึ้น
00:42:08 → 00:42:11 เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้หรือว่าติดต่อที่
00:42:11 → 00:42:14 ศูนย์วินิจฉัยการดื้อบนทุ่งท็อกซินก็ได้
00:42:14 → 00:42:17 ในกรณีที่คุณเคยตรวจมาแล้วอยากจะถามผล
00:42:17 → 00:42:19 อะไรอย่างนี้สามารถที่จะติดต่อได้หรือถ้า
00:42:19 → 00:42:22 สมมุติว่ายังไม่แน่ใจเลยจริงๆไม่ชัวร์ว่า
00:42:22 → 00:42:24 เอ๊ะตกลงฉันจะเข้าข่ายดื้อหรือยังควรตรวจ
00:42:24 → 00:42:26 เลือดไหมจริงๆแล้วเนี่ยบริษัท
00:42:26 → 00:42:28 mercedes-thetic ประเทศไทยเนี่ยเขาให้
00:42:28 → 00:42:30 ความอนุเคราะห์ในการทำเค้าเรียกว่าเป็น
00:42:30 → 00:42:34 ไลน์แอดช่วยเหมือนกับให้คำเขาเรียกว่าให้
00:42:34 → 00:42:37 คำตอบหรือคำแนะนำเบื้องต้นกับคนที่สงสัย
00:42:37 → 00:42:40 นะคะก็เป็นไลน์แอดเวิร์ส Beauty Connect
00:42:40 → 00:42:43 ก็สามารถที่จะถามทางนั้นก่อนก็ได้มีคำถาม
00:42:43 → 00:42:46 สั้นๆครับคำถามแรกควรจะฉีดแบรนด์เดิมซ้ำ
00:42:46 → 00:42:48 ไปเรื่อยๆไหม
00:42:48 → 00:42:50 ถ้าเกิดว่าเรายังไม่แพ้ยังไม่ดื้อกับคำ
00:42:50 → 00:42:55 ถามที่ 2 คือเราจะฉีดโบได้เรื่อยๆจนเรา
00:42:55 → 00:42:59 แก่มั้ยหรือว่าณจุดนึงอาจจะพิจารณาว่า
00:42:59 → 00:43:02 หยุดฉีดได้แล้วมั้งเพื่อความปลอดภัยของ
00:43:02 → 00:43:06 เราแล้วก็ปล่อยให้เราสวยหล่อตามวัยตาม
00:43:06 → 00:43:11 ธรรมชาติเอาคำถามที่ 2 ก่อน
00:43:11 → 00:43:15 การสวยขึ้นเป็น optional
00:43:15 → 00:43:18 เป็นทางเลือกไม่ใช่ความจำเป็น
00:43:18 → 00:43:22 เหมือนกันกับการที่ตอบง่ายๆเลยว่าถ้าคุณ
00:43:22 → 00:43:25 จะย้อมผมคุณจะย้อมผมไปจนถึงเมื่อไหร่ถูก
00:43:25 → 00:43:27 ไหมถ้าเรารู้สึกว่าเรารู้สึกดีเรารู้สึก
00:43:27 → 00:43:31 มั่นใจมากขึ้นที่จะทำแล้วยังได้ผลอยู่
00:43:31 → 00:43:34 หมอก็ไม่ได้คิดว่ามีข้อห้ามอะไรแต่ถามว่า
00:43:34 → 00:43:37 จำเป็นไหมอาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นการฉีด
00:43:37 → 00:43:40 เพื่อรักษาโรคจำเป็นแต่อันนี้เป็นความพอ
00:43:40 → 00:43:43 ใจเพราะฉะนั้นอันนี้ขึ้นอยู่กับคนไข้เลย
00:43:43 → 00:43:47 ค่ะแต่สำหรับหมอเราต้องมาดูด้วยว่าการฉีด
00:43:47 → 00:43:49 อันนี้ยังได้ผลกับคนไข้เราหรือเปล่าคือ
00:43:49 → 00:43:53 แน่นอนสมมุติคนไข้นะอายุเยอะมากร่างหน้า
00:43:53 → 00:43:56 หย่อนคล้อยมากรอยย่นแบบลึกไปจนกระทั่งฉีด
00:43:56 → 00:43:58 บนทุ่งท็อกซินแล้วมันแทบจะไม่เห็นผลแล้ว
00:43:58 → 00:44:01 อันนี้หมอต้องเป็นคนบอกบอกว่าเออหมอคิด
00:44:01 → 00:44:02 ว่ามันควรจะเป็นทางเลือกอื่นแล้วล่ะ
00:44:02 → 00:44:06 สำหรับคุณเราแนะนำวิธีนี้ๆๆนั้นอาจจะได้
00:44:06 → 00:44:09 ผลดีกว่าอันเนี้ยเป็นหน้าที่หมอเพราะ
00:44:09 → 00:44:11 ฉะนั้นคนไข้ต้องเลือกหมอที่จะแนะนำคุณ
00:44:11 → 00:44:15 อย่างตรงไปตรงมาส่วนคำถามแรกอันนี้ยากคือ
00:44:15 → 00:44:20 คือคือการฉีดเปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆมี
00:44:20 → 00:44:23 โอกาสที่จะทำให้เกิดการสร้าง
00:44:23 → 00:44:27 ภูมิคุ้มกันหรือสร้างตำรวจมากขึ้นโดย
00:44:27 → 00:44:31 เฉพาะถ้าเราเอาไปใช้แบรนด์ที่มีเสื้อผ้า
00:44:31 → 00:44:35 เยอะๆตัวใหญ่ๆอันนี้ใช่แต่เราก็ต้อง
00:44:35 → 00:44:40 เขาเรียกว่าเวทกับอย่างอื่นด้วย
00:44:40 → 00:44:43 แน่นอนแบรนด์ที่ดีหรือแม้แต่แบรนด์ที่มี
00:44:43 → 00:44:46 เสื้อผ้านะแต่กระตุ้นภูมิคุ้มกันน้อยราคา
00:44:46 → 00:44:51 แพงกว่าอันนี้เป็นความจริงในในตลาดโลกไม่
00:44:51 → 00:44:53 ใช่ทุกคนที่สามารถ
00:44:53 → 00:44:55 แล้วอย่าลืมว่าการฉีดมันต้องฉีดไปเรื่อยๆ
00:44:55 → 00:44:58 ถูกไหมคะเหมือนย้อมผมอ่ะผมที่งอกใหม่มัน
00:44:58 → 00:45:02 ก็ขาวเหมือนกันอันนี้คนไข้ต้องเลือกด้วย
00:45:02 → 00:45:05 ตัวเองถามว่าถ้าตราบใดที่คุณยังฉีดถึงแม้
00:45:05 → 00:45:07 จะเป็นแบรนด์ที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้
00:45:07 → 00:45:11 เยอะแต่ถ้าคุณมีหมอที่ดีฉีดถูกวิธีไม่
00:45:11 → 00:45:13 พยายามไปกระตุ้นจนเกินความจำเป็นในความ
00:45:13 → 00:45:15 เห็นหมอหมอคิดว่าคุณทำได้นะ
00:45:15 → 00:45:18 แต่แน่นอนถ้าคุณมีทางเลือกแล้วถามว่าอยาก
00:45:18 → 00:45:21 จะทำยังไงให้แบบจะต้องปิดทุกประตูในการ
00:45:21 → 00:45:24 ที่จะดื้อเลยก็เลือกตัวที่มันกระตุ้นน้อย
00:45:24 → 00:45:27 เถอะแล้วก็ใช้มันไปแบรนด์เดียวก็ได้อยาก
00:45:27 → 00:45:30 จะเปลี่ยนบ้างหมอก็คิดว่ามันก็ได้นะแต่
00:45:30 → 00:45:32 ว่าก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีข้อดีหรือ
00:45:32 → 00:45:35 ข้อเสียที่แตกต่างไปแต่อย่าลืมว่าเวลาเรา
00:45:35 → 00:45:38 เปลี่ยนแบรนด์ไปเรื่อยๆโอกาสที่มันจะเกิด
00:45:38 → 00:45:42 การข้ามของพวกเสื้อผ้ามันก็เยอะขึ้นเพราะ
00:45:42 → 00:45:46 ฉะนั้นจริงๆแล้วทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้สวย
00:45:46 → 00:45:49 อย่างระมัดระวังจะได้สวยได้นานๆต้องบอก
00:45:49 → 00:45:52 ว่าวันนี้ได้ความรู้ครบทุกแง่มุมของการ
00:45:52 → 00:45:55 ฉีดโบมากๆครับเชื่อว่าคุณผู้ชมที่ติดตาม
00:45:55 → 00:45:58 ท็อปทูโทนเนี้ยจะสวยหล่ออย่างปลอดภัยมาก
00:45:58 → 00:46:00 ขึ้นอย่างแน่นอนวันนี้ต้องขอบคุณอาจารย์
00:46:00 → 00:46:02 เพ็ญมากที่มาให้ความรู้กับพวกเรานะครับ
00:46:02 → 00:46:12 ยินดีค่ะขอบคุณมากครับ
00:46:12 → 00:46:19 [เพลง]