00:00:00 → 00:00:07 เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเรากับเพื่อนดื่ม เท่ากันแต่เมาไม่เท่ากันบางคนขอแข็งดื่ม
00:00:07 → 00:00:12 ได้สบายๆขณะที่บางคนคออ่อนแค่จิบเดียวก็
00:00:12 → 00:00:15 หน้าแดงแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันนะ สวัสดี
00:00:15 → 00:00:21 ค่ะคุณผู้ฟังและคุณผู้ชมทุกท่านยินดีต้อน รับเข้าสู่รายการสุขภาพสนทนาสร้างสุขภาพ
00:00:21 → 00:00:24 ดีที่เริ่มต้นจากความเข้าใจค่ะ วันนี้เรา
00:00:24 → 00:00:30 จะมาไขความลับของปรากฏการณ์นี้กันนะครับ ว่าเบื้องหลังความแตกต่างนี้คือไรรับรอง
00:00:30 → 00:00:34 ว่าฟังจบแล้วคุณจะเข้าใจร่างกายตัวเองและ
00:00:34 → 00:00:37 เพื่อนๆได้ดีขึ้นแน่นอนครับ ก่อนที่เราจะ
00:00:37 → 00:00:43 ไปเจาะลึกอย่าลืมกดติดตามช่องสุขภาพสนทนา ของเราไว้ด้วยนะคะเพื่อที่คุณจะไม่พลาด
00:00:43 → 00:00:48 ทุกเรื่องราวสุขภาพดีๆและกดกระดิ่งแจ้ง เตือนไว้ด้วยค่ะเมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์มัน
00:00:48 → 00:00:54 จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวด เร็วและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายรวมถึง
00:00:54 → 00:01:00 สมองทำให้เกิดอาการที่เราคุ้นเคยกันดีแต่ สุดท้ายแล้วแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่กว่า 90% จะ
00:01:00 → 00:01:03 ต้องถูกกำจัดออกจากร่างกายค่ะ ครับและ
00:01:03 → 00:01:09 อวัยวะที่รับบทบาทสำคัญที่สุดในการกำจัด แอลกอฮอล์ก็คือตับนั่นเองครับตับมีกลไก
00:01:09 → 00:01:16 ซับซ้อนในการจัดการกับแอลกอฮอล์ซึ่งเป็น หัวใจสำคัญที่อธิบายว่าทำไมแต่ละคนถึงมี
00:01:16 → 00:01:19 ปฏิกิริยาต่อแอลกอฮอล์ไม่เท่ากันครับ วัน
00:01:19 → 00:01:25 นี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงเบื้องหลังทาง ชีวะเคมีที่ทำให้ความแตกต่างนี้เกิดขึ้น
00:01:25 → 00:01:30 พร้อมทั้งทำความเข้าใจว่าปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในร่างกาย
00:01:30 → 00:01:36 ของเราเพื่อให้คุณเข้าใจตัวเองและสามารถ จัดการการดื่มได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
00:01:36 → 00:01:42 ค่ะมาเริ่มกันที่กลไกพื้นฐานในตับของเรา กันก่อนค่ะเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย
00:01:42 → 00:01:49 ตับจะใช้เอนไซม์หลักๆ 2 ชนิดในการแปรรูป แอลกอฮอล์ให้กลายเป็นสารที่ไม่อันตรายค่ะ
00:01:49 → 00:01:55 เอนไซม์ตัวแรกคือแอลกอฮอล์ไฮดรจนส หรือ ADH ครับเจ้า ADH นี้จะเปลี่ยน
00:01:55 → 00:02:00 แอลกอฮอล์คอล ให้กลายเป็นสารอีกตัวที่เรียกว่า
00:02:00 → 00:02:03 อซิทาลดีไฮด์ครับ และเจ้าอซิทาลดีไฮด์นี่
00:02:03 → 00:02:09 แหละค่ะคือตัวร้ายตัวจริงมันเป็นสารพิษ ที่มีฤทธิ์มากกว่าแอลกอฮอล์เสียอีกและ
00:02:09 → 00:02:14 เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการแฮง โอเวอร์ที่เราไม่ชอบกันไม่ว่าจะเป็นอาการ
00:02:14 → 00:02:22 คลื่นไส้อาเจียนปวดหัวใจสั่นหน้าแดงหรือ ร้อนวูบวาบทั้งหมดนี้เกิดจากการสะสมของ
00:02:22 → 00:02:26 อซิทาลดีไฮด์ในร่างกายค่ะ ครับพอตับผลิต
00:02:26 → 00:02:31 อซิทาลดีไฮด์ออกมาแล้วร่างร่างกายก็ต้อง มีเอนไซม์อีกตัวมาจัดการครับนั่นคือ
00:02:31 → 00:02:38 อซิทrจin หรือ ALH ครับเจ้า ALH นี่แหละครับที่จะ
00:02:38 → 00:02:45 เปลี่ยนอซิทาลดีไฮด์ให้กลายเป็นอซิเต พิษและสามารถถูกกำจัดออกจากร่างกายได้
00:02:45 → 00:02:47 ง่ายขึ้นครับ ทีนี้เราก็เริ่มเห็นภาพแล้ว
00:02:47 → 00:02:54 ใช่ไหมั้คะว่าทำไมบางคนถึงคอแข็งหรือคอ อ่อนความลับอยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงาน
00:02:54 → 00:02:58 ของเอนไซม 2 ตัวนี้โดยเฉพาะ ALDH ค่ะ ถ้า
00:02:58 → 00:03:04 ใครมีเอนไซม์ ALDH ที่ทำงานได้ดีมี ประสิทธิภาพสูงก็จะสามารถกำจัด
00:03:04 → 00:03:10 อซิเทลดีไฮด์ออกจากร่างกายได้รวดเร็วก็จะ ทำให้ไม่ค่อยมีอาการแฮงโอวอร์หรือหน้าแดง
00:03:10 → 00:03:17 ถึงแม้จะดื่มไปในปริมาณที่เท่ากันก็ตามคน กลุ่มนี้แหละครับที่มักถูกเรียกว่าคอแข็ง
00:03:17 → 00:03:24 ในทางกลับกันถ้าใครมีเอนไซม์ ALDH ที่ทำ งานได้ไม่ดีหรือมีประสิทธิภาพต่ำสารพิษ
00:03:24 → 00:03:30 ออซิทาลดีไฮด์ก็จะสะสมอยู่ในร่างกายเยอะ เยอะขึ้นทำให้รู้สึกมึนเมาได้ง่ายหน้าแดง
00:03:30 → 00:03:37 เร็วหัวใจเต้นเร็วคลื่นไส้หรือปวดหัวได้ เร็วกว่าคนอื่นนี่คือสาเหตุที่มาของคำว่า
00:03:37 → 00:03:41 คออ่อนหรือแพ้แอลกอฮอล์ค่ะ และที่สำคัญ
00:03:41 → 00:03:47 ความแตกต่างในการทำงานของเอนไซม์ ALDH นี้ส่วนใหญ่แล้วถูกกำหนดโดยพันธุกรรมครับ
00:03:47 → 00:03:53 ไม่ใช่เรื่องของการฝึกฝนหรือดื่มบ่อยๆ แล้วจะทำให้เอนไซมนี้ทำงานได้ดีขึ้นนะ
00:03:53 → 00:03:56 ครับ ใช่ค่ะโดยเฉพาะในประชากรแถบเอเชีย
00:03:56 → 00:04:03 ตะวันออกรวมทั้งคนไทยด้วยมีสัดส่วนของ ประชากรจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่มียีนที่ทำ
00:04:03 → 00:04:09 ให้เอนไซม์ ALDH ทำงานได้ไม่เต็มที่นี่ เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อธิบายได้ว่า
00:04:09 → 00:04:16 ทำไมคนเอเชียหลายคนถึงมีอาการหน้าแดงหรือ ร้อนวูบวาบหลังดื่มแอลกอฮอล์ไม่นานซึ่ง
00:04:16 → 00:04:20 เรียกว่าacชanflัหรือ alcohol flั
00:04:20 → 00:04:23 reaction ค่ะ นอกจากเอนไซม์ ADH และ ALDH
00:04:23 → 00:04:30 แล้วตับยังมีอีกระบบหนึ่งที่เรียกว่า MOS หรือ Microsomal ethanol Oxidizing
00:04:30 → 00:04:37 System ครับระบบนี้จะเข้ามามีบทบาทมาก ขึ้นเมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มาก
00:04:37 → 00:04:43 หรือดื่มเป็นประจำซึ่งกระบวนการนี้สามารถ สร้างสารอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อ
00:04:43 → 00:04:46 เซลล์ตับได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกที่
00:04:46 → 00:04:52 อธิบายได้ว่าทำไมการดื่มแอลกอฮอล์ใน ปริมาณมากและเป็นเวลานานถึงสามารถนำไปสู่
00:04:52 → 00:05:00 ความเสียหายของตับได้เช่นภาวะไขมันพอกตับ ตับอักเสบหรือแม้แต่ตับแข็งในที่สุดค่ะ
00:05:00 → 00:05:06 สรุปแล้วนะครับการที่แต่ละคนมีปฏิกิริยา ต่อแอลกอฮอล์ไม่เท่ากันส่วนใหญ่มาจากความ
00:05:06 → 00:05:11 แตกต่างของพันธุกรรมที่ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ ALDH ซึ่ง
00:05:11 → 00:05:15 มีหน้าที่กำจัดสารพิษอซิเทลดีฮด์ออกจาก
00:05:15 → 00:05:17 ร่างกายครับ นอกเหนือจากเรื่องของ
00:05:17 → 00:05:23 พันธุกรรมและการทำงานของเอนไซม์ในตับแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยเลยค่ะที่ส่งผลต่อว่า
00:05:23 → 00:05:29 เราจะรู้สึกมึนเมาเร็วแค่ไหนหรือรู้สึก มากน้อยแค่ไหนเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณ
00:05:29 → 00:05:32 ที่เท่ากัน ครับปัจจัยเหล่านี้เป็นเรื่อง
00:05:32 → 00:05:35 ที่เราอาจจะมองข้ามไปแต่จริงๆแล้วมันมีผล
00:05:35 → 00:05:38 อย่างมากเลยทีเดียวครับ ปัจจัยแรกคือเพศ
00:05:38 → 00:05:44 ค่ะโดยทั่วไปแล้วผู้หญิงมักจะได้รับผล กระทบจากแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ชายแม้จะดื่ม
00:05:44 → 00:05:50 ในปริมาณที่เท่ากันเพราะผู้หญิงมักจะมี น้ำหนักตัวน้อยกว่ามีปริมาณน้ำในร่างกาย
00:05:50 → 00:05:56 น้อยกว่าและมีเอนไซม์ ADH ในกระเพาะอาหาร น้อยกว่าผู้ชายค่ะทำให้แอลกอฮอล์เข้าสู่
00:05:56 → 00:05:59 กระแสเลือดได้เร็วกว่าและมีความเข้มข้น
00:05:59 → 00:06:02 สูงกว่าค่ะ ปัจจัยที่ 2 คือน้ำหนักตัวและ
00:06:02 → 00:06:08 องค์ประกอบของร่างกายครับคนที่มีน้ำหนัก ตัวมากและมีสัดส่วนของกล้ามเนื้อมากมักจะ
00:06:08 → 00:06:13 มีการกระจายตัวของแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ ดีกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าหรือมีไข
00:06:13 → 00:06:19 มันในร่างกายเยอะกว่าเพราะแอลกอฮอล์ละลาย ได้ดีในน้ำดังนั้นคนที่มีน้ำในร่างกาย
00:06:19 → 00:06:22 เยอะกว่าแอลกอฮอล์ก็จะเจือจางได้ดีกว่า
00:06:22 → 00:06:25 ครับ ปัจจัยที่ 3 ที่สำคัญมากคือการมี
00:06:25 → 00:06:31 อาหารในกระเพาะอาหารค่ะการดื่มแอลกอฮอล์ ขนาดท้องว่างจะทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึม
00:06:31 → 00:06:36 เข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วและรุมแรงกว่า การดื่มพร้อมกับอาหารเพราะอาหารจะช่วย
00:06:36 → 00:06:40 ชะลอการดูดซึมทำให้แอลกอฮอล์ค่อยๆเข้าสู่
00:06:40 → 00:06:43 ระบบเลือดค่ะ ปัจจัยที่ 4 คือประเภทของ
00:06:43 → 00:06:48 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครับเครื่องดื่มที่ มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเช่นเหล้าที่ไม่ได้
00:06:48 → 00:06:54 ผสมจะทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดพุงสูง ขึ้นเร็วกว่านอกจากนี้เครื่องดื่มที่มี
00:06:54 → 00:06:59 ฟองหรือแบบคาร์บอเนตก็สามารถทำให้ แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้
00:06:59 → 00:07:02 เร็วกว่าด้วยนะครับ ปัจจัยที่ 5 คืออัตรา
00:07:02 → 00:07:08 การดื่มหรือความเร็วในการดื่มค่ะการดื่ม ปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้นจะทำให้ระดับ
00:07:08 → 00:07:14 แอลกอฮอล์ในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับไม่สามารถกำจัดออกไปได้ทันส่งผล
00:07:14 → 00:07:20 ให้มึนเมาได้ง่ายและรุนแรงกว่าการจิบช้าๆ ครับเพราะตับของเรามีขีดความสามารถในการ
00:07:20 → 00:07:25 เผาผลาญแอลกอฮอล์ที่จำกัดครับโดยเฉลี่ย แล้วตับจะสามารถเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้
00:07:25 → 00:07:32 ประมาณ 1 ดื่มมาตรฐานต่อชั่วโมงเท่านั้น ปัจจัยที่ 6 คือยาและสุขภาพโดยรวมค่ะยา
00:07:32 → 00:07:39 บางชนิดสามารถทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์และ ส่งผลต่อการเผาผลาญได้และคนที่กำลังป่วย
00:07:39 → 00:07:45 อ่อนเพลียหรือมีภาวะตับไม่แข็งแรงก็จะมี ความสามารถในการจัดการกับแอลกอฮอล์ที่ลด
00:07:45 → 00:07:48 ลงทำให้เมาง่ายขึ้นค่ะ ปัจจัยที่ 7 คือ
00:07:48 → 00:07:54 อายุครับเมื่ออายุมากขึ้นปริมาณน้ำในร่าง กายอาจลดลงและการทำงานของเอนไซม์บางชนิด
00:07:54 → 00:08:00 ในตับก็อาจลดลงด้วยทำให้ผู้สูงอายุมีแนว โน้มที่จะได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์ได้
00:08:00 → 00:08:03 ง่ายขึ้นครับ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่า
00:08:03 → 00:08:10 ตัวเองคอแฉงหรือคออ่อนสิ่งสำคัญคือการทำ ความเข้าใจว่าร่างกายของเราทุกคนมีข้อ
00:08:10 → 00:08:15 จำกัดที่แตกต่างกันค่ะการรับรู้ปัจจัย เหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจเกี่ยวกับ
00:08:15 → 00:08:21 การดื่มได้อย่างฉานฉลาดและปลอดภัยมากขึ้น ค่ะทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจจะ
00:08:21 → 00:08:29 เข้าใจผิดนะคะหลายคนอาจจะคิดว่าฉันคอแข็ง ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมาแต่จริงๆแล้วการที่
00:08:29 → 00:08:34 คุณไม่แสดงอาการมึนเมาอย่างชัดเจนไม่ได้ หมายความว่าร่างกายของคุณปลอดภัยจากการ
00:08:34 → 00:08:37 ดื่มแอลกอฮอล์เสมอไปค่ะ ครับนี่เป็นความ
00:08:37 → 00:08:43 เข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่พฤติกรรมการดื่ม ที่ไม่ระมัดระวังและสร้างความเสียหายต่อ
00:08:43 → 00:08:46 สุขภาพในระยะยาวได้โดยไม่รู้ตัวครับ การ
00:08:46 → 00:08:52 ที่ใครคนนึงคอแข็งมักเป็นเพราะเอนไซม์ ALDH ในตับของเขาทำงานได้
00:08:52 → 00:08:57 ทำให้สามารถกำจัดสารพิษอซิทาลดีไฮด์ออกไป จากร่างกายได้อย่างรวดเร็วซึ่งช่วยลด
00:08:57 → 00:09:00 อาการไม่พึงประสงค์ได้ค่ะ แต่ถึงแม้จะไม่
00:09:00 → 00:09:05 มีอาการเหล่านี้ก็ไม่ได้แปลว่าตับไม่ทำ งานนะครับตับก็ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อ
00:09:05 → 00:09:11 เผาผลาญแอลกอฮอล์จำนวนมากอยู่ดีและการทำ งานหนักต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมส่งผล
00:09:11 → 00:09:14 เสียต่อตับในระยะยาวครับ การดื่มแอลกอฮอล์
00:09:14 → 00:09:19 ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่องแม้จะไม่มี อาการเมาค้างหรือหน้าแดงชัดเจนก็ยังคงมี
00:09:19 → 00:09:25 ความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมาก ค่ะเช่นไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์เป็นภาวะ
00:09:25 → 00:09:31 ที่ไขมันสะสมในเซลล์ตับมากเกินไปตับ อักเสบจากแอลกอฮอล์ภาวะที่ตับเกิดการ
00:09:31 → 00:09:38 อักเสบอย่างรุนแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้หาก รุนแรงตับแข็งจากแอลกอฮอล์ระยะสุดท้ายที่
00:09:38 → 00:09:44 เซลล์ตับถูกทำลายและแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อ พังผืดทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่และนำไป
00:09:44 → 00:09:47 สู่ภาวะตับวายซึ่งไม่สามารถรักษาให้หาย
00:09:47 → 00:09:49 ขาดได้ค่ะ นอกจากโรคตับแล้วการดื่ม
00:09:49 → 00:09:55 แอลกอฮอล์ในปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอยัง เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆอีก
00:09:55 → 00:10:01 มากมายครับไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดโรคมะเร็งบางชนิด
00:10:01 → 00:10:10 เช่นมะเร็งช่องปากตับเต้านมและลำไส้ใหญ่ องค์การอนามัยโลก WHO ระบุไว้อย่างชัดเจน
00:10:10 → 00:10:13 ว่าไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่ปลอดภัยสำหรับ
00:10:13 → 00:10:15 การป้องกันมะเร็งครับ รวมถึงปัญหาสุขภาพ
00:10:15 → 00:10:22 จิตเช่นภาวะซึมเศร้าวิตกกังวลและปัญหาการ นอนหลับและยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
00:10:22 → 00:10:28 ลงร่างกายติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นการที่เราไม่แสดงอาการเมาไม่ได้
00:10:28 → 00:10:33 เป็นเครื่องรับประกันว่าเราจะปลอดภัยจาก ผลกระทบระยะยาวของแอลกอฮอล์นะครับมันอาจ
00:10:33 → 00:10:39 ทำให้เราประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไปและ ดื่มในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะ
00:10:39 → 00:10:42 รับไว้ซึ่งเป็นอันตรายในระยะยาวครับ สิ่ง
00:10:42 → 00:10:48 สำคัญคือการรับรู้และเคารพขีดจำกัดของ ร่างกายตนเองค่ะไม่ว่าคุณจะคอแข็งหรือไม่
00:10:48 → 00:10:55 ก็ตามการดื่มในปริวัติที่พอเหมาะและคำนึง ถึงสุขภาพระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ
00:10:55 → 00:11:01 เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าร่างกายของเราจัด การกับแอลกอฮอล์อย่างไรและปัจจัยอะไรบ้าง
00:11:01 → 00:11:08 ที่ส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายทีนี้เรา มาดูกันค่ะว่าเราจะสามารถดื่มแอลกอฮอล์
00:11:08 → 00:11:11 ได้อย่างรับผิดชอบและดูแลสุขภาพตับของเรา
00:11:11 → 00:11:14 ไปพร้อมๆกันได้อย่างไรบ้าง ครับหลักการ
00:11:14 → 00:11:18 สำคัญคือการดื่มอย่างมีสติและรู้ลิมิตของ
00:11:18 → 00:11:21 ตัวเองครับ เคล็ดลับแรกรู้ปริมาณที่แนะนำ
00:11:21 → 00:11:27 ค่ะองค์กรสุขภาพต่างๆทั่วโลกมีคำแนะนำ เกี่ยวกับปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ที่พอ
00:11:27 → 00:11:34 เหมาะหรือมีความเสี่ยงต่ำโดยทั่วไปคือ สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกิน 1 ดื่มมาตรฐาน
00:11:34 → 00:11:38 ต่อวันสำหรับผู้ชายไม่ควรเกิน 2 ดื่ม
00:11:38 → 00:11:41 มาตรฐานต่อวัน และ 1 ดื่มมาตรฐานหมายถึง
00:11:41 → 00:11:47 ปริมาณแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ประมาณ 10-14 กรัมซึ่งเทียบเท่ากับเบียร์ 5% แอลกอฮอล์
00:11:47 → 00:11:56 ประมาณ 350 50 มล. 1 กระปองเล็กหรือ Y 12% แอลกอฮอล์ประมาณ 150 มล. 1 แก้วหรือ
00:11:56 → 00:12:00 เหล้ากลั่ง 40% แอลกอฮอล์ประมาณ 45 มล. 1
00:12:00 → 00:12:03 ช็อตครับ เคล็ดลับที่ 2 อย่าดื่มตอนท้อง
00:12:03 → 00:12:09 ว่ามค่ะการทานอาหารรองท้องก่อนหรือ ระหว่างการดื่มจะช่วยชะลอการดูดซึม
00:12:09 → 00:12:11 แอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดได้เป็นอย่าง
00:12:11 → 00:12:14 ดีค่ะ เคล็ดลับที่ 3 ดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
00:12:14 → 00:12:20 ครับแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะทำให้ร่าง กายเราสูญเสียน้ำการดื่มน้ำเปล่าสลับกับ
00:12:20 → 00:12:26 การดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยเจือจางแอลกอฮอล์ในร่างกายได้ครับ
00:12:26 → 00:12:33 เคล็ดลับที่ 4 จิบช้าไม่รีบดื่มค่ะการให้ เวลาตับได้ทำงานอย่างเต็มที่เป็นส่วน
00:12:33 → 00:12:39 สำคัญมากค่ะการดื่มในอัตราที่ช้าลงจะช่วย ให้ตับมีเวลาเผาผลาญแอลกอฮอล์ทำให้ระดับ
00:12:39 → 00:12:42 แอลกอฮอล์ในเลือดไม่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวด
00:12:42 → 00:12:45 เร็วและลดภาระการทำงานของตับค่ะ เคล็ดลับ
00:12:45 → 00:12:51 ที่ 5 กำหนดขีดจำกัดของตัวเองครับก่อน เริ่มดื่มให้ตั้งเป้าหมายในใจว่าคุณจะ
00:12:51 → 00:12:56 ดื่มไม่เกินกี่แก้วหรือกี่ชั่วโมงและ พยายามทำตามเป้าหมายนั้นอย่างเคร่งครัดนะ
00:12:56 → 00:13:00 ครับ เคล็ดลับที่ 6 มีวันหยุดพักตับค่ะตับ
00:13:00 → 00:13:06 ของเราก็ต้องการการพักผ่อนเช่นกันค่ะ พยายามมีวันงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3
00:13:06 → 00:13:09 วันต่อสัปดาห์หรือในบางช่วงอาจจะหยุดดื่ม
00:13:09 → 00:13:12 ยาวๆไปเลยเพื่อให้ตับได้ฟื้นตัวค่ะ เคล็ด
00:13:12 → 00:13:18 ลับที่ 7 สังเกตร่างกายตัวเองครับเรียน รู้ที่จะรับรู้สัญญาณที่ร่างกายส่งออกมา
00:13:18 → 00:13:24 ถ้าเริ่มรู้สึกมึนงงพูดไม่ชัดหรือเริ่มมี อาการหน้าแดงคลื่นไส้นั่นเป็นสัญญาณว่า
00:13:24 → 00:13:27 ร่างกายของคุณกำลังบอกว่าพอแล้วครับ เคล็ด
00:13:27 → 00:13:34 ลับที่ 8 ปรึกษาแพทย์ค่ะหากคุณมีโรคประจำ ตัวหรือกำลังรับประทานยาใดๆควรปรึกษา
00:13:34 → 00:13:39 แพทย์ก่อนการดื่มแอลกอฮอล์เสมอรวมถึงหาก คุณกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มของตัว
00:13:39 → 00:13:43 เองก็ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญค่ะ สุด
00:13:43 → 00:13:48 ท้ายนี้การดื่มแอลกอฮอล์ควรเป็นกิจกรรม เพื่อความรื่นรมไม่ใช่เพื่อการทำลาย
00:13:48 → 00:13:54 สุขภาพครับการทำความเข้าใจกลไกของร่างกาย และการนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วย
00:13:54 → 00:13:57 ให้คุณสามารถดื่มได้อย่างมีความสุขและมี
00:13:57 → 00:14:00 สุขภาพดีไปพร้อมพร้อมกันได้ครับ วันนี้เรา
00:14:00 → 00:14:08 ได้ไขข้อสงสัยกันแล้วนะคะว่าทำไมบางคนคอ แฉงบางคนคออ่อนนั่นเป็นเพราะความแตกต่าง
00:14:08 → 00:14:15 ทางพันธุกรรมของเอนไซม์ในตับที่จัดการกับ แอลกอฮอล์รวมถึงปัจจัยอื่นๆเช่นเพศน้ำ
00:14:15 → 00:14:22 หนักตัวและการมีอาหารในกระเพาะอาหารค่ะ ครับและที่สำคัญที่สุดคือการคอแข็งไม่ได้
00:14:22 → 00:14:28 แปลว่าปลอดภัยจากผลกระทบระยะยาวของ แอลกอฮอล์นะครับการดื่มอย่างมีสติรู้ขีด
00:14:28 → 00:14:31 จำกัดของตัวเองและดูแลสุขภาพตับจึงเป็น
00:14:31 → 00:14:34 สิ่งสำคัญที่สุดครับ หวังว่าทุกท่านจะได้
00:14:34 → 00:14:40 รับประโยชน์จากข้อมูลในวันนี้และนำไปปรับ ใช้ในการดูแลสุขภาพของตัวเองนะคะหากคุณ
00:14:40 → 00:14:44 ชอบเนื้อหาแบบนี้อย่าลืมกดไลค์กดแชร์และ
00:14:44 → 00:14:47 แสดงความคิดเห็นใต้คลิปนี้ด้วยนะคะ และที่
00:14:47 → 00:14:52 สำคัญที่สุดอย่าลืมกดติดตามช่องสุขภาพ สนทนาของเราเพื่อไม่ให้พลาดทุกเรื่องราว
00:14:52 → 00:14:58 สุขภาพดีๆที่เราตั้งใจนำมามอบให้คุณผู้ชม ทุกท่านนะครับ