00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcส talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:09 >> เอ่อเคยสงสัยกันมั้ครับว่าทำไมบางทีเราก็
00:00:09 → 00:00:12 กินน้อยลงนะออกกำลังกายก็เยอะแต่ทำไมน้ำ
00:00:13 → 00:00:15 หนักมันไม่ลงสักทีวันนี้เราจะมาคุยกันใน
00:00:15 → 00:00:18 มุมที่อาจจะต่างออกไปหน่อยครับจากบทความ
00:00:18 → 00:00:22 ไขมันดีพลังงานและฮอร์โมนลดน้ำหนักซึ่งผม
00:00:22 → 00:00:24 ว่ามันท้าทายความคิดเดิมๆเรื่องการลดน้ำ
00:00:24 → 00:00:27 หนักพอสมควรเลยที่ว่าแค่ in น้อยกว่า
00:00:27 → 00:00:30 cลอี่ out ก็น่าจะผอมแล้วอะไรแบบนั้นแต่
00:00:31 → 00:00:34 บทความนี้เพาไปดูเรื่องเอ่อขาดสภาพคล่อง
00:00:34 → 00:00:37 ทางพลังงานหรือว่าร่างกายเราเข้าไม่ถึง
00:00:37 → 00:00:39 พลังงานที่เก็บไว้กับบทบาทของฮอร์โมน
00:00:39 → 00:00:41 อย่างคอร์ติด้วยครับ
00:00:41 → 00:00:44 >> ใช่ค่ะเป็นมุมนองที่เอ่อน่าสนใจมากๆเลย
00:00:44 → 00:00:47 คือแทนที่จะมองว่าคนน้ำหนักเกินเนี่ยมี
00:00:47 → 00:00:51 พลังงานสะสมเยอะเกินไปบทความนี้กลับมอง
00:00:51 → 00:00:54 ว่าปัญหามันอาจจะอยู่ที่การเอาออกมาใช้
00:00:54 → 00:00:57 ไม่ได้มากกว่าคือมีไขมันเยอะแยะเลยนะคะ
00:00:57 → 00:01:00 แต่ว่าร่างกายดึงมาใช้ไม่ได้คนก็คือทั้งๆ
00:01:00 → 00:01:03 ที่มีพลังงานสำรองเพียบแต่กลับรู้สึก
00:01:03 → 00:01:06 เพลียหิวไม่มีแรงอะไรแบบเนี้ยค่ะ
00:01:06 → 00:01:08 >> อ๋อ
00:01:08 → 00:01:12 ครับฟังดู make sense นะคือมีของแต่ใช้
00:01:12 → 00:01:15 ไม่ได้งั้นแสดงว่าหลักการ carry in แ out
00:01:15 → 00:01:18 ที่เราท่องกันมาอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
00:01:18 → 00:01:21 สำหรับทุกคนจริงๆแล้วในบทความเอธิบายมั้
00:01:21 → 00:01:24 ครับว่าทำไมมันถึงใช้ไม่ได้ผลกับบางคน
00:01:24 → 00:01:26 เห็นว่ามีตัวอย่างเปรียบเทียบด้วย
00:01:26 → 00:01:30 >> มีค่ะเขาเปรียบเทียบได้เอ่อเห็นภาพชัดเลย
00:01:30 → 00:01:34 นะคะระหว่างนางพจมารกับนางน้ำส้มนางพจมาน
00:01:34 → 00:01:38 เนี่ยเค้ากินดีค่ะสมมุติกินไป 100 ส่วน
00:01:38 → 00:01:41 ร่างกายเอาไปใช้ได้ตั้งส่วนเหลือเก็บเป็น
00:01:41 → 00:01:45 ไขมันแค่ 20 แต่นางน้ำส้มถึงจะพยายามกิน
00:01:45 → 00:01:48 น้อยลงนะเหลือแค่ 80 ส่วนเท่ากันเลยแต่
00:01:49 → 00:01:52 ดันไปกินผิดประเภทค่ะเน้มแต่แป้งกับไขมัน
00:01:52 → 00:01:55 เยอะๆปนกันไปหมดปรากฏว่าร่างกายเอาไปใช้
00:01:55 → 00:01:58 เป็นพลังงานได้จริงแค่ 10 ส่วนเองที่
00:01:58 → 00:02:01 เหลืออีก 70 ส่วนกลายเป็นไขมันสะสมหมดเลย
00:02:01 → 00:02:04 มันชี้ชัดเลยค่ะว่าประเภทอาหารที่เรากิน
00:02:04 → 00:02:08 เนี่ยสำคัญไม่แพ้ปริมาณเลยจริงๆ
00:02:08 → 00:02:11 >> โหต่างกันเยอะขนาดนั้นเลยหรอครับแสดงว่า
00:02:11 → 00:02:14 กินอะไรเข้าไปนี่มันส่งผลต่อการเก็บหรือ
00:02:14 → 00:02:17 ใช้พลังงานคนละเรื่องเลยแล้วทีนี้บทความ
00:02:17 → 00:02:20 ยังพูดถึงเรื่องเอ่อความยืดหยุ่นของระบบ
00:02:20 → 00:02:22 เผาผลาญด้วยอันนี้เป็นยังไงครับ
00:02:22 → 00:02:24 >> ระบบเผาผลาญก็จะยืดหยุ่นค่ะเหมือนรถ
00:02:24 → 00:02:27 ไฮบriิดเลยคือสลับใช้ได้ทั้งน้ำตาลทั้งไข
00:02:27 → 00:02:30 มันตอนเพิ่งกินก็ใช้น้ำตาลไปพอท้องว่าง
00:02:31 → 00:02:34 น้ำตาลหมดก็สลับไปดึงไขมันมาใช้ร่างกายก็
00:02:34 → 00:02:37 เลยมีพลังงานต่อเนื่องแต่นางน้ำส้มเนี่ย
00:02:37 → 00:02:39 ระบบเผาผลาญเหมือนจะแบบว่าติดแหงกอยู่กับ
00:02:39 → 00:02:42 การใช้น้ำตาลอย่างเดียวเลยอาจจะเพราะกิน
00:02:42 → 00:02:45 บ่อยไปกินแต่อาหารที่กระตุ้นอินซูลินสูงๆ
00:02:45 → 00:02:48 ตลอดเวลาพอถึงช่วงที่น้ำตาลในเลือดต่ำลง
00:02:48 → 00:02:51 ร่างกายควรจะสลับไปใช้ไขมันแล้วใช่มั้ยคะ
00:02:51 → 00:02:54 กลับทำไม่ได้หรือทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรผล
00:02:54 → 00:02:57 ก็คือหิวอีกแล้วทั้งที่ไขมันยังเต็มพุง
00:02:57 → 00:02:58 อยู่เลยค่ะ
00:02:58 → 00:03:01 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับพอดึงไขมันมาใช้ไม่ได้
00:03:01 → 00:03:04 ร่างกายก็เลยรู้สึกเหมือนขาดพลังงานตลอด
00:03:04 → 00:03:07 เวลาและตรงนี้เองเซ็นนะครับที่ฮอร์โมน
00:03:07 → 00:03:10 เข้ามามีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะเจ้าคอร์ติซอล
00:03:10 → 00:03:13 ที่บทความเรียกว่าเป็นฮอร์โมนตัวแม่เลย
00:03:13 → 00:03:17 >> ถูกต้องเลยค่ะพอร่างกายรู้สึกว่าเฮ้ยขาด
00:03:17 → 00:03:21 พลังงานทั้งที่จริงๆมีไขมันสำรองนะพอซอล
00:03:21 → 00:03:24 ก็จะถูกหลั่งออกมาซึ่งมันจะทำหลายอย่าง
00:03:24 → 00:03:28 พร้อมกันเลยค่ะ 1 คือสั่งสมองเลยหิวไปหา
00:03:28 → 00:03:30 อะไรกินเดี๋ยวนี้ 2 คือสั่งให้ร่างกาย
00:03:30 → 00:03:33 เข้าหมดประหยัดพลังงานคือลดอัตราการเผา
00:03:33 → 00:03:37 ผลาลงและ 3 อันนี้น่ากลัวคือเร่งให้สะสม
00:03:37 → 00:03:40 ไขมันเพิ่มเข้าไปอีกเพราะร่างกายมันกลัว
00:03:40 → 00:03:43 ว่าเรากำลังจะอดตายไม่มีพลังงานใช้จริงๆ
00:03:43 → 00:03:43 น่ะค่ะ
00:03:43 → 00:03:48 >> โหกลายมาว่ายิ่งพยายามอดหรือกินผิดเนี่ย
00:03:48 → 00:03:51 ร่างกายมันยิ่งต่อต้านการลดไขมันเข้าไป
00:03:51 → 00:03:54 ใหญ่เลยสิครับแล้วถ้าอดมากๆเลยล่ะครับมัน
00:03:54 → 00:03:57 จะยิ่งแย่ไปกว่านั้นมยมีโอกาสแย่ลงไปอีก
00:03:57 → 00:04:00 ค่ะถ้าสถานการณ์มันตึงเครียดมากๆ
00:04:00 → 00:04:02 คอร์ทิโซอลอาจจะถึงขั้นสั่งให้สลายกล้าม
00:04:02 → 00:04:04 เนื้อมาเปลี่ยนเป็นพลังงานแทนซึ่งอันนี้
00:04:04 → 00:04:07 ไม่ดีเลยนะคะเพราะกล้ามเนื้อคือเตาเผา
00:04:07 → 00:04:10 พลังงานของเราแถมยังอาจจะแบบว่าย้ายไขมัน
00:04:10 → 00:04:13 จากส่วนอื่นไปเก็บไว้ในจุดที่อันตรายกว่า
00:04:13 → 00:04:15 อย่างไขมันในช่องท้องซึ่งมันส่งผลเสียต่อ
00:04:15 → 00:04:18 สุขภาพระยะยาวมากๆค่ะ
00:04:18 → 00:04:21 >> คือร่างกายขาดพลังงานระบบเผาผลาญไม่ยืด
00:04:21 → 00:04:23 หยุ่นแล้วไปเน้นออกกำลังกายหนักๆอย่าง
00:04:23 → 00:04:27 เดียวเลยแบบที่หลายคนเชื่อว่าต้องแคลอรี่
00:04:27 → 00:04:30 เอาเยอะๆถึงจะลดได้ผลจะเป็นยังไงครับ
00:04:30 → 00:04:33 >> นั่นก็เป็นอีกจุดที่บทความเตือนไว้เหมือน
00:04:33 → 00:04:36 กันค่ะคือการไปออกกำลังกายหนักๆในสภาวะ
00:04:36 → 00:04:39 ที่ร่างกายมันเครียดอยู่แล้วขาดพลังงาน
00:04:39 → 00:04:42 อยู่แล้วเนี่ยมันอาจจะยิ่งไปกระตุ้นให้
00:04:42 → 00:04:45 คอร์ติหลังสูงขึ้นไปอีกนะคะคือน้ำหนักอาจ
00:04:45 → 00:04:48 จะลงนะในช่วงแรกๆแต่ระยะยาวเนี่ยฮอร์โมน
00:04:48 → 00:04:51 จะยิ่งรวนหนักขึ้นร่างกายจะยิ่งพยายาม
00:04:51 → 00:04:53 เก็บไขมันมากขึ้นแถมยังต้องต่อสู้กับความ
00:04:54 → 00:04:57 หิวตลอดเวลาสุดท้ายก็อาจจะทนไม่ไหวตะบะ
00:04:57 → 00:05:00 แตกกลับมากินเยอะกว่าเดิมหรือเกิดโยโย
00:05:00 → 00:05:01 เอฟเฟคนั่นเองค่ะ
00:05:01 → 00:05:05 >> อืมฟังดูเหมือนว่าถ้าพื้นฐานร่างกายเรา
00:05:05 → 00:05:07 ยังไม่พร้อมการโหมออกกำลังกายอย่างเดียว
00:05:07 → 00:05:11 ก็อาจจะไม่ได้ผลดีเสมอไปแล้วทางแก้ที่บท
00:05:11 → 00:05:13 ความนี้นำเสนอล่ะครับเห็นเน้นเรื่องไขมัน
00:05:13 → 00:05:16 ดีเป็นพิเศษเลยมันเข้ามาช่วยตรงจุดไหนได้
00:05:16 → 00:05:17 บ้างครับ
00:05:17 → 00:05:20 >> ค่ะบทความเสนอว่าไขมันดีเนี่ยถ้าเรากิน
00:05:21 → 00:05:23 อย่างถูกวิธีมันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญดอก
00:05:23 → 00:05:27 นึงเลยแต่ไม่ใช่ไขมันอะไรก็ได้นะคะต้อง
00:05:27 → 00:05:29 เน้นพกไขมันดีอย่างกรดไขมันไม่อิ่มตัว
00:05:29 → 00:05:32 เชิงเดี่ยวหรือมิวฟ่าที่เราเจอบ่อยๆในน้ำ
00:05:32 → 00:05:36 มันมะกอกอะโวคาโดหรือพวกถั่วต่างๆโดยหลัก
00:05:37 → 00:05:41 การของมันก็คือ 1 วิธีกินสำคัญมากค่ะคือ
00:05:41 → 00:05:44 ควรกินไขมันดีคู่กับโปรตีนแล้วก็ไฟเบอร์
00:05:44 → 00:05:47 ในปริมาณที่เหมาะสมแล้วก็พยายามเลี่ยงการ
00:05:47 → 00:05:49 กินพร้อมกับคาร์โบไฮเดรตเยอะๆในมื้อเดียว
00:05:50 → 00:05:54 กัน 2 คือไขมันดีบางชนิดโดยเฉพาะมิวฟ่า
00:05:54 → 00:05:57 เนี่ยมีข้อดีคือถ้าเรากินเกินไปนิดหน่อย
00:05:57 → 00:05:59 ร่างกายอาจจะมีกลไกเผ่ามันทิ้งไปได้บาง
00:05:59 → 00:06:02 ส่วนไม่เหมือนน้ำตาลหรือคาฟที่ถ้าเกิน
00:06:02 → 00:06:05 ปุ๊บมักจะเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้เลย 3
00:06:05 → 00:06:08 คือเหมือนเป็นการฝึกร่างกายค่ะการกินไข
00:06:08 → 00:06:12 มันดีสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายค่อยๆกลับ
00:06:12 → 00:06:14 มาใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักได้เก่งขึ้นทำ
00:06:14 → 00:06:17 ให้ช่วงที่เราไม่ได้กินอะไรร่างกายก็ดึง
00:06:17 → 00:06:20 ไขมันเก่าออกมาใช้ได้ดีขึ้นและ 4 ซึ่ง
00:06:20 → 00:06:23 สำคัญมากคือมันช่วยแก้ปัญหาขาดสภาพภาพ
00:06:23 → 00:06:26 คล่องทางพลังงานพอเรากินไขมันดีร่างกาย
00:06:26 → 00:06:29 อิ่มนานขึ้นไม่รู้สึกโหยง่ายๆคอร์ติซอก็
00:06:30 → 00:06:32 จะสงบลงไม่มาวุ่นวายกับการเผาพลาของเรา
00:06:32 → 00:06:33 ค่ะ
00:06:33 → 00:06:38 >> ออสรุปคือไขมันดีที่กินถูกวิธีเนี่ยช่วย
00:06:38 → 00:06:41 ให้ร่างกายมีพลังงานใช้ลดความเครียดของ
00:06:41 → 00:06:43 ร่างกายลงแล้วก็เหมือนไปเปิดสวิตช์ให้
00:06:43 → 00:06:47 ระบบเผาผลาญกลับมาใช้ไขมันได้ดีขึ้นแล้ว
00:06:47 → 00:06:49 นอกจากการกินไขมันดีนี้แล้วบทความเขาแนะ
00:06:50 → 00:06:52 นำอย่างอื่นควบคู่กันไปด้วยมั้ยครับ
00:06:52 → 00:06:56 >> ใช่ค่ะคือเขาเน้นว่าต้องมองเป็นภาพรวมไม่
00:06:56 → 00:06:58 ใช่ทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งหลักๆก็จะ
00:06:58 → 00:07:03 มี 1 ฮ#ทกกินพลังงานให้เป็นก็คือใช้ไขมัน
00:07:03 → 00:07:06 ดีช่วยให้ฮอร์โมนสงบแล้วก็ต้องกินโปรตีน
00:07:06 → 00:07:08 ให้เพียงพอด้วยนะคะเพื่อรักษามวลกล้าม
00:07:08 → 00:07:13 เนื้อ 2 ฮ#ทกนอนให้พออันนี้สำคัญมากๆ
00:07:13 → 00:07:15 เพราะช่วงนอนเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซม
00:07:15 → 00:07:18 ตัวเองแล้วก็เป็นช่วงเผาพลานไขมันสะสมที่
00:07:18 → 00:07:22 ดีเลยค่ะ 3 ฮ#ทกออกแรงออกกำลังกายกายให้
00:07:22 → 00:07:26 ถูกวิธีคือผสมผสานกันทั้งเทนingเพื่อ
00:07:26 → 00:07:28 สร้างกล้ามเนื้อที่เป็นเหมือนเตาเผาของ
00:07:28 → 00:07:31 เราแล้วก็อาจจะมีคาร์ดิโอหรือฮิต II บ้าง
00:07:31 → 00:07:34 เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญแต่ต้องทำในภาวะ
00:07:34 → 00:07:38 ที่ร่างกายไม่เครียดเกินไปนะคะ 4G อัดให้
00:07:38 → 00:07:41 เป็นหรือการทำ intermittent fasting กิน
00:07:41 → 00:07:43 เป็นช่วงเวลาการเว้นช่วงมื้อนานขึ้นหรือ
00:07:44 → 00:07:47 กินน้อยมื้อลงเช่นอาจจะเหลือวันละ 2 มื้อ
00:07:47 → 00:07:49 ก็จะช่วยให้ร่างกายมีเวลาดึงไขมันเก่ามา
00:07:49 → 00:07:50 ใช้ได้มากขึ้นค่ะ
00:07:50 → 00:07:53 >> เข้าใจแล้วครับงั้นถ้าให้สรุปสั้นๆเลยก็
00:07:53 → 00:07:56 คือการจัดการน้ำหนักเนี่ยมันซับซ้อมกว่า
00:07:56 → 00:07:59 แค่เรื่องบวกลบแคลอรี่จริงๆแต่มันเกี่ยว
00:07:59 → 00:08:02 กับว่าร่างกายเราเข้าถึงพลังงานที่เก็บ
00:08:02 → 00:08:05 ไว้ได้ดีแค่ไหนแล้วก็เอาออกมาใช้ได้มี
00:08:05 → 00:08:07 ประสิทธิภาพหรือเปล่าซึ่งอาหารที่เรา
00:08:07 → 00:08:10 เลือกกินโดยเฉพาะไขมันดีเนี่ยกับเรื่อง
00:08:10 → 00:08:12 สมดุลฮอร์โมนอย่างคอริซอลเป็นปัจจัยสำคัญ
00:08:12 → 00:08:15 มากๆที่ต้องดูควบคู่กันไปเลย
00:08:15 → 00:08:18 >> ใช่เลยค่ะแล้วมันก็ชวนให้เรากลับมาคิดต่อ
00:08:18 → 00:08:20 จริงๆนะคะว่าเออถ้าเรามองผ่านมุมของ
00:08:20 → 00:08:23 ฮอร์โมนกับกลไกการใช้พลังงานแบบนี้แล้ว
00:08:23 → 00:08:26 เนี่ยคำแนะนำด้านโภชนาการแบบเดิมๆที่อาจ
00:08:27 → 00:08:29 จะเน้นแต่เรื่องปริมาณแคลอรี่อย่างเดียว
00:08:29 → 00:08:31 มันอาจจะยังไม่พอหรือเปล่าบางทีเราอาจจะ
00:08:31 → 00:08:34 ต้องหันมาให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาในการ
00:08:34 → 00:08:37 กินแล้วก็สัดส่วนองค์ประกอบของอาหารในแต่
00:08:37 → 00:08:39 ละมื้อให้มากขึ้นไปอีกเพื่อช่วยให้ระบบ
00:08:39 → 00:08:41 เผาผลานและสมดุลฮอร์โมนตามธรรมชาติของ
00:08:41 → 00:08:48 ร่างกายเราทำงานได้อย่างหวาสมที่สุดนะค่ะ
00:08:48 → 00:09:02 [เพลง]