00:00:00 → 00:00:03 สดีค่ะหมอพรรักหมอผ่าตัดตาต้อเนือต้อ
00:00:03 → 00:00:06 กระจกต้อหินและศัยกรรมเปลือกตาวันนี้นะคะ
00:00:06 → 00:00:09 จะมาพูดเรื่องที่สำคัญมากๆเกี่ยวกับ
00:00:09 → 00:00:12 เรื่องของภายในรูปตาซึ่งเป็นค่าที่สำคัญ
00:00:12 → 00:00:15 อย่างยิ่งค่ะถ้าจะเปรียบแล้วนะคะค่าเนี้ย
00:00:15 → 00:00:18 ก็เหมือนกับการที่หัวใจเนี่ยมีอัตราการ
00:00:18 → 00:00:21 เต้นของหัวใจถ้าของลูกตาเนี่ยจะเอาอะไร
00:00:21 → 00:00:25 ล่ะนั่นก็คือความดันลูกตานั่นเองค่ะความ
00:00:25 → 00:00:31 ดันลูกตานะคะก็คือค่าของความดันของน้ำใน
00:00:31 → 00:00:34 ลูกตาค่ะขึ้นอยู่กับทั้งหมด 3 อย่างด้วย
00:00:34 → 00:00:38 กันค่ะอันแรกก็คือการสร้างของน้ำในลูกตา
00:00:38 → 00:00:41 อันที่ 2 ก็คือการที่น้ำในลูกตาเนี่ยออก
00:00:41 → 00:00:46 จากตาและอันที่ 3 ก็คือขึ้นกับความดันของ
00:00:46 → 00:00:50 ตัวผนังของลูกตานะคะว่าความดันเอ่อตัวของ
00:00:50 → 00:00:53 เส้นเลือดดำนั้นน่ะมันมีค่าเท่าไหร่ค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 เพราะว่าเวลาที่น้ำเนี่ยจะออกจากตาถ้าค่า
00:00:56 → 00:00:59 ความดันเนี้ยมันสุกมากๆน้ำก็ออกจากตาไม่
00:00:59 → 00:01:02 ได้ดังนั้นนั้นน้ำก็จะคั่งอยู่ในตาลูก
00:01:02 → 00:01:06 ความดันตาก็จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยค่ะอัน
00:01:06 → 00:01:09 แรกก็คือการสร้างน้ำในลูกตาอันที่ 2 การ
00:01:09 → 00:01:12 ที่น้ำในลูกตาเนี่ยออกจากตาแล้วก็อันที่ 3
00:01:12 → 00:01:17 เนี่ยแรงดันที่อยู่รอบๆของผนังของลูกตา
00:01:17 → 00:01:21 นั่นเองค่ะสรุปง่ายๆมากเลยนะคะก็ถ้าเกิด
00:01:21 → 00:01:24 ว่าความดลูกตาเนี่ยจะสูงขึ้นใช่มยคะก็จะ
00:01:24 → 00:01:28 เกิดจากแค่ว่าการที่มีการสร้างน้ำในลูกตา
00:01:28 → 00:01:31 เนี่ยเยอะเกินไปค่ะอันที่ 2 ก็คือการที่
00:01:31 → 00:01:34 น้ำในลูกตาเนี่ยไม่สามารถออกจากลูกตาได้
00:01:34 → 00:01:37 ดังนั้นความดันก็เลยจะสูงขึ้นทีนี้นะคะ
00:01:37 → 00:01:42 ค่าความดันตาปกติของคนเราเนี่ยแต่ละคน
00:01:42 → 00:01:45 เนี่ยมันควรจะเป็นเท่าไหร่ค่ะจริงๆแล้ว
00:01:45 → 00:01:48 มันไม่ได้มีค่าความดันตาปกติที่จะบอกได้
00:01:48 → 00:01:51 นะคะว่าคนเนี้ยสูงเกินไปคนเนี้ยไม่สูงนะ
00:01:51 → 00:01:55 คะแต่ว่าค่าเฉลี่ยๆของการศึกษาเรื่องความ
00:01:55 → 00:01:58 ดันตาเนี่ยก็อยู่ที่ 15.7 ค่ะจริงๆแล้ว
00:01:58 → 00:02:03 เนี่ยความดันนะคะในลูกตาเนี่ยถ้าเกิดว่า
00:02:03 → 00:02:06 มีความสูงมากแล้วมันไปทำลายส่วนอื่นๆของ
00:02:06 → 00:02:10 ตาเนี่ยอันเนี้ยก็คือความดันตาสูงแต่ถ้า
00:02:10 → 00:02:12 เกิดว่าความดันตาที่สูงนั้นมันไม่ได้ไป
00:02:12 → 00:02:16 ทำลายส่วนประกอบของตาก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร
00:02:16 → 00:02:19 นะคะดังนั้นแล้วการที่จะบอกว่าความดันที่
00:02:20 → 00:02:23 สูงเท่านั้นเท่านี้แล้วมีอันตรายต่อเอ่อ
00:02:23 → 00:02:26 คนที่เป็นความดันเท่านั้นเท่านี้เนี่ย
00:02:26 → 00:02:29 อันเนี้ยก็ยังไม่ได้มีตัวเลขที่แน่ชัดค่ะ
00:02:29 → 00:02:32 แต่ส่วนใหญ่แล้วนะคะโรคที่เอ่อพบว่าความ
00:02:32 → 00:02:36 ดันสูงขึ้นมาแล้วก็ทำให้โรคแย่ลงนั้นน่ะ
00:02:36 → 00:02:39 ก็คือโรคต้อหินนั่นเองค่ะแต่ว่าโรคต้อหิน
00:02:39 → 00:02:42 เนี่ยจริงๆแล้วไม่ได้จำเป็นที่จะต้องความ
00:02:42 → 00:02:46 ดันสูงนะคะถึงจะวินิจฉัยได้แต่ว่าความดัน
00:02:46 → 00:02:49 ตาที่สูงเกินไปของคนที่เป็นต้อหินเนี่ยจะ
00:02:49 → 00:02:54 ส่งผลทำให้โรคเนี่ยมันเอ่อโกสหรือว่ามัน
00:02:54 → 00:02:57 เนี่ยเอ่อรุนแรงไปได้เรื่อยๆก็พูดง่ายๆก็
00:02:57 → 00:03:00 คืออาจจะทำให้ตาบอดได้ดังนั้นนั้นการ
00:03:00 → 00:03:03 รักษาโรคต้อหินที่เป็นที่ยอมรับก็คือทำ
00:03:03 → 00:03:05 ยังไงก็ได้ให้ความดันเนี่ยตาเนี่ยมัน
00:03:05 → 00:03:10 ระดับลดลงมาค่ะการวัดความดันตาก็คือการ
00:03:10 → 00:03:13 ใช้เครื่องมือวัดความดันตานะคะเครื่องมือ
00:03:13 → 00:03:18 ที่เป็นตัวที่เป็นมาตรฐานก็คือการเอ่อใช้
00:03:18 → 00:03:20 เครื่องที่ติดอยู่กับเครื่องเครื่องส่อง
00:03:20 → 00:03:23 ตาของคุณหมอตาค่ะเครื่องนี้นะคะก็จะต้อง
00:03:23 → 00:03:26 หยอดยาชาแล้วก็ย้อมสีตาแล้วก็ใช้อุปกรณ์
00:03:26 → 00:03:29 เนี่ยไปแตะที่กระจกตาค่ะค่าความดันตาที่
00:03:29 → 00:03:31 ออกมานะคะจากการแตะที่กระจบตานั้นแหละค่ะ
00:03:31 → 00:03:35 คือความนันตาปกติแล้วนะคะหมอตาก็จะเห็น
00:03:35 → 00:03:38 เป็นลำแสงสีเขียวเมื่อใช้แสงเอ่อสี
00:03:38 → 00:03:42 น้ำเงินส่องเข้าไปในตัวที่ย้อมสีนะคะก็จะ
00:03:42 → 00:03:45 เห็นเป็นวิวแบบในรูปนี้นะคะทีนี้เนี่ยพอ
00:03:45 → 00:03:48 เห็นเป็นวิวนะคะก็จะต้องหมุนค่านะคะให้
00:03:48 → 00:03:52 วิว 2 เส้นเนี่ยมันทับกันก็คือขอบในของ
00:03:52 → 00:03:55 แต่ละอันเนี่ยมันทับกันค่ะการที่ย้อมสี
00:03:55 → 00:03:59 มากเกินไปวิวมันกว้างหรือวิวมันแคบเนี่ย
00:03:59 → 00:04:03 ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้การวัดความนานตาไม่
00:04:03 → 00:04:05 ถูกต้องทั้งสิ้นนะคะความ eror หรือความ
00:04:05 → 00:04:09 ผิดพลาดในการวัดนะคะของตัวเอ่อเครื่องวัด
00:04:09 → 00:04:11 ความนานตาที่ติดอยู่กับกล้องจุลทัศน์
00:04:11 → 00:04:14 เนี่ยมันก็มีได้หลายสาเหตุนะคะเช่นการที่
00:04:14 → 00:04:17 คนไข้มีเอ่อตัวสายตาเอียงมากๆหรือกระจกตา
00:04:17 → 00:04:20 บวมนะคะหรือการที่สี่ย้อมเนี่ยมันมากหรือ
00:04:20 → 00:04:23 น้อยเกินไปก็มีลทั้งสิ้นค่ะการที่เรามา
00:04:23 → 00:04:27 ตรวจนะคะแล้วก็ใช้เอ่อเรื่องของความดำตา
00:04:27 → 00:04:30 เป็นค่า 21 แล้วก็ใช้ในการสรนเนี่ยอาจจะ
00:04:30 → 00:04:33 เอ่อไม่เพียงพอนะคะที่จะบอกว่าคนไข้เนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 ปกติหรือว่าไม่ปกติค่ะโดยเฉพาะในเรื่อง
00:04:36 → 00:04:39 ของคนไข้เต้อหินนะคะเพราะว่าการใช้เอ่อ
00:04:39 → 00:04:41 เรื่องของความนันตาอย่างเดียวเนี่ยก็ไม่
00:04:41 → 00:04:44 ได้ทำให้นะคะสามารถที่จะวินิจฉัยเรื่อง
00:04:44 → 00:04:46 ต้อหินได้ดังนั้นต้อหินเนี่ยจะต้อง
00:04:46 → 00:04:48 วินิจฉัยด้วยเครื่องมือหลายอย่างค่ะแล้ว
00:04:48 → 00:04:51 ก็อีกอย่างนึงที่สำคัญนะคะก็คือความดันตา
00:04:51 → 00:04:53 แต่ละช่วงเวลาเนี่ยของคนเราเนี่ยมันก็ไม่
00:04:53 → 00:04:56 เท่ากันเหมือนกันนะคะการที่ช่วงเช้ามีค่า
00:04:56 → 00:04:59 นึงช่วงเย็นมีค่านึงอันเนี้ยก็ไม่เท่า
00:04:59 → 00:05:01 เท่ากันเพราะฉะนั้นวัดแต่ละครั้งเก็อาจจะ
00:05:01 → 00:05:04 ไม่เท่ากันได้ค่ะจะเห็นว่าความดันตานะคะ
00:05:04 → 00:05:07 ก็เป็นค่าค่านึงที่บ่งบอกว่าน้ำในลูกตา
00:05:07 → 00:05:10 ของเราเนี่ยมีการผลิตเป็นอย่างไรนะคะแต่
00:05:10 → 00:05:13 ว่าสมมุติว่าความดันตาที่มันมากเกินไปนะ
00:05:13 → 00:05:17 คะมันก็จะทำให้เกิดลแจกซอนนะคะโดยเฉพาะ
00:05:17 → 00:05:20 ขั้วประสาทตาในคนไข้ที่เป็นโรคต้อหินดัง
00:05:20 → 00:05:23 นั้นเนี่ยเอ่อความดันตาที่มากเกินไปเนี่ย
00:05:23 → 00:05:26 อาจจะไม่ได้มีตัวเลขแน่ชัดนะคะว่าค่าเท่า
00:05:26 → 00:05:29 ไหร่เป็นความนานตาที่มากเกินไปก็ขึ้อยู่
00:05:29 → 00:05:33 กับแต่ละคนเลยว่าสมมุติว่าคนเนี้ย 20 มัน
00:05:33 → 00:05:36 คนเนี้ยทำลายควบประสาทตาอีกคนนึงคววามดัน
00:05:36 → 00:05:38 15 แต่ก็ความทำลายควบพสัจจาเช่นเดียวกัน
00:05:38 → 00:05:41 นะค่ะดังนั้นความดันตาเนี่ยอาจจะไม่ได้
00:05:41 → 00:05:44 เอ่อบ่งบอกได้เพียงอย่างเดียวนะคะก็ต้อง
00:05:44 → 00:05:48 อาศัยเอ่อการดูหลักฐานอื่นๆนะคะไม่ว่าจะ
00:05:48 → 00:05:50 เป็นลานสายตาหรือความหนาของขั้วประสาตา
00:05:50 → 00:05:53 อะไรก็แล้วแต่นะคะเพื่อช่วยในการวินิจฉัย
00:05:53 → 00:05:56 โรคต้อหินค่ะสรุปนะคะความดันตาเนี่ยก็
00:05:56 → 00:05:59 เป็นค่าค่าหนึ่งที่สำคัญนะคะไม่แพ้อัตรา
00:05:59 → 00:06:02 การเต้นของหัวใจของหัวใจเลยค่ะเป็นค่าที่
00:06:02 → 00:06:06 บอกว่าลูกตาของเราเนี่ยเอ่อมีความดันมี
00:06:06 → 00:06:09 น้ำในลูกตาเป็นความดันเท่าไหร่การบาน
00:06:09 → 00:06:12 ระหว่างน้ำที่ถูกสร้างออกมาในลูปตาของเรา
00:06:12 → 00:06:15 กับน้ำที่ออกจากรูปตาของเราเนี่ยมันาานดี
00:06:15 → 00:06:19 ไยนะค่ะถ้าบานดีแล้วนะคะความดันตาก็จะมี
00:06:19 → 00:06:22 ค่าค่าหนึ่งค่ะถ้าความบาลานซ์ดีเราก็จะดู
00:06:23 → 00:06:26 จากการที่ค่าความดันนั้นไม่ไปกดทับหรือ
00:06:26 → 00:06:29 ไม่ไปทำร้ายพวประสาตาใดๆนะคะซึ่งก็จะต้อง
00:06:29 → 00:06:32 ตรวจเพิ่มเติมอีกต่อไปแต่ค่าความดันตาที่
00:06:32 → 00:06:35 ไม่ดีหรือที่สูงเกินไปก็จะไปสามารถที่จะ
00:06:35 → 00:06:38 ทำร้ายขั้วประสาทตาหรือเซลล์ประสาทตาในตา
00:06:38 → 00:06:42 ได้เช่นเดียวกันค่ะกลุ่มโรคที่พบว่าจาก
00:06:43 → 00:06:46 ความดันตาแล้วอาจจะทำร้ายคู่ประสาตาเนี่ย
00:06:46 → 00:06:49 ก็เช่นพวกต้อหินค่ะความดันตาก็จะมีความ
00:06:49 → 00:06:51 สำคัญมากๆนะคะในกลุ่มที่เป็นต้อหินค่ะ
00:06:52 → 00:06:55 เพราะว่าพบว่าแม้จะไม่ได้ช่วยเรื่องของ
00:06:55 → 00:06:58 การวินิจฉัยโรคแต่ก็จะช่วยลดทำให้ไม่ให้
00:06:58 → 00:07:02 ตาบอกโดยการลดความดันตาค่ะทุกคนคงจะ
00:07:02 → 00:07:04 กระจ่าในเรื่องของความดันตามากยิ่งขึ้นนะ
00:07:04 → 00:07:07 คะก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ไว้สำหรับ
00:07:07 → 00:07:10 วันนี้เอ่อลาทุกคนไปก่อนอย่าลืมกดไลค์กด
00:07:10 → 00:07:13 แชร์แล้วก็เอ่อติดตามช่องนี้นะคะเพื่อรับ
00:07:13 → 00:07:18 ความรู้ดีๆแบบนี้ค่ะสวัสดีค่ะ