00:00:00 → 00:00:05 สตกมันเป็นโรคหลอดเลือดสมองมี 3 แบบติอุด
00:00:05 → 00:00:09 ตัแตกเมื่อก่อนนะ 50-60 แต่เป็นสตกเยอะนะ
00:00:09 → 00:00:13 ปัจจุบันตอนนี้เออ 40 30 มันลดลงลดลงลด
00:00:13 → 00:00:18 ลงเรื่อยๆอย่างผมเนี่ยนะก่อนที่จะเป็นสตก
00:00:18 → 00:00:22 ไม่มีความเสี่ยงใดๆเลยผมอยู่ ICU 15 วัน
00:00:22 → 00:00:24 ไม่รู้เรื่องเลยพูดไม่ได้แขนไ้ไม่ได้ขา
00:00:24 → 00:00:26 ไม่ได้เดินไม่ได้คือทุกคนก็จะบอกเหมือน
00:00:26 → 00:00:29 กันเลยว่าดาวทุกครั้งที่หลับตาเนี่ยหลับ
00:00:29 → 00:00:32 ตา 1 ครั้งเท่ากับร้องไห้หมดความหวังหมด
00:00:32 → 00:00:34 อะไรตายอยากกับชีวิตไปแล้วรู้สึกว่าตัว
00:00:34 → 00:00:36 เองไม่มีคุณค่าไปแล้วช่วงที่เราเริ่มรู้
00:00:36 → 00:00:38 สึกว่าเอ้ยเรานิ่งขึ้นสิ่งที่มันเห็นได้
00:00:39 → 00:00:41 ชัดเลยคือเราเริ่มมีวิธีแก้ปัญหาความคิด
00:00:41 → 00:00:44 ที่มันเกิดขึ้นมันที่เขาพูดว่ามีสติมันก็
00:00:44 → 00:00:47 มีปัญญาคนเราจะไม่มีทางรู้ศักยภาพตัวเอง
00:00:47 → 00:00:49 ในวันที่เราสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปเรา
00:00:49 → 00:00:51 ถึงได้รู้ว่าเฮ้จริงๆเราทำบางสิ่งบาง
00:00:51 → 00:00:54 อย่างได้คนข้างนอกอ่ะไม่ได้มองเราเลวร้าย
00:00:55 → 00:00:58 อย่างงั้นอย่าไปมองว่าตัวเองเลวร้ายไอ้
00:00:58 → 00:01:00 การจะกลับมา 100% เนี่ยมันจะจะใช้เวลาอีก
00:01:00 → 00:01:02 เท่าไหร่เราก็ไม่รู้ใช่มั้ยคะแต่ถ้าเขา
00:01:02 → 00:01:04 ยังไม่หยุดกายภาพเราไม่ได้หยุดฟื้นฟู
00:01:04 → 00:01:06 เนี่ยมันก็ต้องกลับมาได้คนที่ไม่ได้เป็น
00:01:06 → 00:01:08 ต้องคิดเสมอว่าถ้าเขาไม่มีเราเาจะลำบาก
00:01:08 → 00:01:11 แค่ไหนเราก็ต้องเข้มแข็งกว่าเขาให้ได้มาก
00:01:11 → 00:01:14 กว่าถ้าเขา 50 เราก็ต้อง 100 นถ้าเขา 100
00:01:14 → 00:01:17 นเราก็ต้องไปถึง 150 เราก็จะได้ดูแลเขา
00:01:17 → 00:01:23 ได้เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:01:23 → 00:01:26 โรคสวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับ
00:01:26 → 00:01:28 รายการเกาแก้โลกค่ะซึ่งวันนี้นะคะเราก็
00:01:28 → 00:01:31 อยู่กันกับคุณหมอซีธนรัตน์แล้วก็คุณหญิง
00:01:31 → 00:01:33 สุชาดาภรรยาของคุณหมอซีค่ะสวัสดีค่ะคุณ
00:01:33 → 00:01:36 หมอสวัสดีค่ะสวัสซึ่งส่วนใหญ่นะคะเราก็จะ
00:01:36 → 00:01:38 รู้จักคุณหมอในนามของคุณหมอพ่อลูกสาวทราบ
00:01:38 → 00:01:41 ข่าวมาว่าเมื่อต้นปี 66 คุณหมอเป็นสจกใช่
00:01:41 → 00:01:44 มั้ยคะใช่เมษายน 66 ครับอ๋อเมษายน 66 ใช่
00:01:44 → 00:01:48 ตอนนั้นไปเอ่อบ้านที่เขาใหญ่ไม่มีอะไรที่
00:01:48 → 00:01:52 เป็นสัญญาณเตือนเลยปกติแข็งแรงมากแล้วตอน
00:01:52 → 00:01:56 เช้าว่ายน้ำกับอินดี้ลูกชายคนที่ 3 แล้ว
00:01:56 → 00:02:00 ก็ตอนบ่ายก็ไปเตรียมการสอนตอนเย็นก็ไป
00:02:00 → 00:02:04 กระโดดแทมโพลีนเล่นเวทเบาๆนะครับแล้วก็
00:02:05 → 00:02:08 19:00 นเนอะไปกินข้าวตอนที่กินข้าวอ่ะก็
00:02:08 → 00:02:13 ไม่คิดว่าเอ้ยมันจะมีอาการขึ้นมานะครับ
00:02:13 → 00:02:17 ตอนนั้นน่ะมีอาการพูดไม่ได้อืก็เลยเป็น
00:02:17 → 00:02:20 สาเหตุของ EP วันนี้เจค่ะมาขอความรู้ของ
00:02:20 → 00:02:22 คุณหมอหน่อยเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับคนที่
00:02:22 → 00:02:24 ติดตามเกาอ่ะค่ะได้รู้ว่าเออถ้าเป็นโรค
00:02:24 → 00:02:26 นี้เราควรจะดูแลป้องกันรักษาตัวเองยังไง
00:02:26 → 00:02:29 แล้วก็ควรจะมีวิธีการดูแลเรื่องจิตใจยัง
00:02:29 → 00:02:31 ไงบ้างคนที่เป็นโรบนี้นะคะงั้นเราไปเริ่ม
00:02:31 → 00:02:33 กันที่คำถามแรกก่อนค่ะนิยามคำว่าสกเนี่ย
00:02:33 → 00:02:36 คืออะไรแล้วก็สาเหตุหลักๆมีอะไรบ้างคะคุณ
00:02:36 → 00:02:41 หมออสกเนี่ยนะมันเป็นโรคหลอดเลือดสมองมี 3
00:02:41 → 00:02:46 แบบคือเส้นเลือดสมองเนี่ยมันตีบอก็เป็น
00:02:46 → 00:02:51 อันที่ 1 แล้ว 2 คือเส้นเลือดมันอุดตัน
00:02:51 → 00:02:55 แล้วอันที่ 3 ก็คือเส้นเลือดสมองแตกก็
00:02:55 → 00:02:58 เป็น 3 แบบใช่ซึ่งสาเหตุหลักๆที่จะเกิด
00:02:58 → 00:03:00 อาการทั้ง 3 แบบเยค่ะคืออะไรบ้างบ้างคะ
00:03:00 → 00:03:04 ปัจจัยเสี่ยงนะคนที่เป็นโรคนะครับมันจะมี
00:03:04 → 00:03:09 ความดันโลหิตสูงความดันตัวบน 1440 90 คน
00:03:09 → 00:03:12 ที่กินอาหารไม่ได้ควบคุมน้ำตาลคือถ้ากิน
00:03:13 → 00:03:15 น้ำตาลเยอะๆนี่ก็คือมีการเสี่ยงเป็นโรค
00:03:15 → 00:03:19 สตคได้เหมือนกันใช่ๆเบาหวานนะครับเอ่อค่า
00:03:19 → 00:03:24 น้ำตาลเนี่ยเจาะเลือดมา 100 นี่ไม่ปกติละ
00:03:24 → 00:03:28 อ่าแต่ถ้า 126 เป็นเบาหวานนอกจากเรื่อง
00:03:28 → 00:03:30 ความดันโลหิตสูงแล้วการทำทานอาหารแบบว่า
00:03:30 → 00:03:32 ทานหวานเยอะเกินไปแล้วมีสาเหตุอะไรอีบ้าง
00:03:32 → 00:03:36 ใช่ไขมันในเลือดสูงครับเราต้องเจาะเลือด
00:03:36 → 00:03:41 มีค่าไขมันไม่ว่าจะเป็น ldl สูงไตกีสไลด
00:03:41 → 00:03:46 สูงค่า ldl สูงเนี่ยถ้าสูงเกิน 100 เรา
00:03:46 → 00:03:49 ต้องระวังละมันมันจะส่งผลกับอีกหลายโรค
00:03:49 → 00:03:52 เลยแล้ว ldl เนี่ยมันมาจากอาหารชนิดไหน
00:03:52 → 00:03:56 ได้บ้างคะอาหารที่เรากินไขมันไม่ดีเช่น
00:03:56 → 00:03:59 หนังหมูหนังไก่ไกไขมันเลวสนเเรียกไขมัน
00:03:59 → 00:04:02 เลวอืก็จะส่งผลต่อการเป็นโรคสเหมือนกัน
00:04:02 → 00:04:06 แล้วก็ยังมีหัวใจเต้นผิดจังหวะใช่อย่างผม
00:04:06 → 00:04:09 เนี่ยนะก่อนที่จะเป็นสกเนี่ยนะครับไม่มี
00:04:09 → 00:04:14 ความเสี่ยงใดๆเลยอไม่มีเบาหวานไม่มีความ
00:04:14 → 00:04:19 ดันไม่มีไขมันในเลือดสูงแล้วหัวใจใช่มยผม
00:04:19 → 00:04:24 ตรวจ ekg ทุกปีก่อนเป็นสตกนะค่ะไม่เคยมี
00:04:24 → 00:04:30 ผิดปกติเลยวิ่งสายพานผมว่าวิ่งปกติสูง 180
00:04:30 → 00:04:33 หนัก 69 อ๋อมันก็น่าสนใจแล้วเพราะว่าคุณ
00:04:33 → 00:04:35 หมอก็ดูแลตัวเองมาดีตลอดเลยแล้วทำไมจุๆ
00:04:35 → 00:04:37 ถึงเป็นได้ค่ะใช่ใช่ผมว่าก็ตั้งคิดว่า
00:04:37 → 00:04:40 เฮ้ยมันมีปัจจัยอะไรอีกอมันมีอีกปัจจัย
00:04:40 → 00:04:44 หนึงที่เรายังหาคำตอบไม่ได้ผมเนี่ยนะครับ
00:04:44 → 00:04:49 1 ปีก่อนที่เป็นสตกเคยได้รับวัคซีนแสต
00:04:49 → 00:04:53 เซก 2 เข็มแล้วมีประวัติไม่ได้ผมคนเดียว
00:04:53 → 00:04:57 นะมีประวัติเพียบเลยเกี่ยวกับสลายโรคไม่
00:04:57 → 00:05:02 ใช่โรคสตกด้วยโรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้น
00:05:02 → 00:05:06 จากวัคซีนก็คือมันมีผลต่อเรื่องของลิ่ม
00:05:06 → 00:05:08 เลือดอ่ะค่ะเพราะว่าสุดท้ายแล้วก็คือตอน
00:05:09 → 00:05:11 ที่คุณหมอหาสาเหตุใช่มั้คะว่ามันเกิดขึ้น
00:05:11 → 00:05:13 เพราะอะไรก็ไปเจอว่าคุณหมอเนี่ยมีหัวใจ
00:05:13 → 00:05:17 ที่เต้นผิดจังหวะอ่าแต่แค่ก่อนหน้าไม่เคย
00:05:17 → 00:05:19 มีประวัติดะนั้นเนี่ยโอกาสที่มันจะเกิด
00:05:20 → 00:05:23 เรื่องของลิ่มเลือดขึ้นไปอุดตันมันก็มีผล
00:05:23 → 00:05:25 เกี่ยวกับเรื่องของที่เราคาดว่ามันจะเกิด
00:05:25 → 00:05:30 ขึ้นใช่คือหัวใจผมเนี่ยนะปกติมากๆแต่ว่า
00:05:30 → 00:05:35 ตั้งแต่ที่เกิดสตก 14 เมษายน 66 อ่ะหัวใจ
00:05:35 → 00:05:39 ผมเต้นผิดปกติห้องข้างบนซ้ายเต้นไม่เป็น
00:05:39 → 00:05:42 จังหวะเขาเรียกว่า atal vation ซึ่งทุก
00:05:42 → 00:05:45 วันนี้ก็คือยังเป็นแบบนตัวทุกวันนี้ผม
00:05:45 → 00:05:49 ต้องกินยาแมคช่วยกดหัวใจให้มันเต้นเต้น
00:05:49 → 00:05:52 ได้ปกติปกติก็คือฟังคุณหมอมาก็ตกใจเหมือน
00:05:52 → 00:05:54 กันเพราะว่าจากคนที่แข็งแรงดียแต่จู่ๆ
00:05:54 → 00:05:56 กลับมาแบบเฮ้ยเป็นโรคอะไรเงี้ยค่ะอยากรู้
00:05:56 → 00:05:58 ว่าอายุเนี่ยมีผลมแบบคนอายุมากเสี่ยงเป็น
00:05:58 → 00:06:03 สตกมากก 50-60 เมื่อก่อนนะจะเป็นสตกเยอะ
00:06:03 → 00:06:07 แต่ว่าตั้งแต่ผมเป็นนะนปัจจุบันตอนนี้เออ
00:06:07 → 00:06:12 4 30 เมื่อ 2 วันที่แล้วอ่ะมีรุ่นน้อง
00:06:12 → 00:06:16 ที่เป็นหมอเคยเจอโทรมาว่าน้องชายเอ่ะเป็น
00:06:16 → 00:06:22 สตกน้องชายเอายุ 27 27 ใช่มันลดลงลดลงลด
00:06:22 → 00:06:25 ลงเรื่อยๆแล้วก็ที่น้อยที่สุดที่หญิงเคย
00:06:25 → 00:06:29 เจอก็คือ 11 ขวบ 11 ขวบใช่ไม่ใช่แค่ปริมา
00:06:29 → 00:06:34 แค่คนเดียวนะค 11 18 17 14 เพราะว่า
00:06:34 → 00:06:39 คุณหญิงเนี่ยมีเพจสู้สตกด้วยความหวังแล้ว
00:06:39 → 00:06:43 เขาจะรวบรวมคนที่เป็นสกเพียบเลยก็เลยทำ
00:06:43 → 00:06:47 ให้รู้ว่าอายุคนเป็นสกเนี่ยน้อยลงก็เลย
00:06:47 → 00:06:48 เขาจะเรียกว่าเป็น Stroke in the yang
00:06:48 → 00:06:51 อค่ะณปัจจุบันตอนนี้อยากรู้ว่าอาการของคน
00:06:51 → 00:06:53 ที่เป็น Stroke อายุน้อยกับอายุมากเนี่ย
00:06:53 → 00:06:56 เขาต่างกันอ๋มันไม่ต่างกันเลยไม่ต่างกัน
00:06:56 → 00:07:00 เลยอืก็คือเป็นเหมือนกันใช่นอกจากปัจจัย
00:07:00 → 00:07:02 เรื่องวัคซีนแล้วที่เราคาดว่าใช่มั้ยคะ
00:07:02 → 00:07:04 น่าจะมีปัจจัยอื่นๆอีกมที่ทำให้คนอายุ
00:07:04 → 00:07:07 น้อยลงเรื่อยๆเนี่ยเขามีอาการเป็นสตกมาก
00:07:07 → 00:07:10 ขึ้นการใช้ชีวิตการกินการกินไม่เป็นเวลา
00:07:10 → 00:07:11 นอนไม่เป็นเวลาอย่างเงี้ยมีผลมากน้อยขนาด
00:07:11 → 00:07:15 ไหนคะคือถ้าเรากินไม่ดีถ้าเรานอนไม่ดีพวก
00:07:15 → 00:07:17 นี้มีผลโดยตรงอยู่ล่ะเพราะว่าล่าสุดเนี่ย
00:07:18 → 00:07:20 มีคนที่เป็นสรกอายุน้อยเหมือนกันค่ะแต่
00:07:20 → 00:07:22 ว่าเขาตรวจเจอซึ่งเขาไม่เคยตรวจสุขภาพ
00:07:22 → 00:07:25 อายุประมาณ 20 กว่าเหมือนกันแต่ว่าเสีย
00:07:25 → 00:07:28 ชีวิตเสียชีวิตเสียชีวิตเลยค่ะอายุ 20
00:07:28 → 00:07:30 กว่าแล้วก็ปรากฏว่าไปเจอว่าว่ามีไขมันใน
00:07:30 → 00:07:33 เลือดสูงการทานอาหารการใช้ชีวิตใน
00:07:33 → 00:07:36 ปัจจุบันตอนนี้ติดมือถือนอนดึกหรืออะไรก็
00:07:36 → 00:07:39 ตามพวกเยค่ะถามว่ามันมีผลมมันก็มีผลน่าจะ
00:07:39 → 00:07:42 มีผลข้างเคียงเยอะเหมือนกันทีนี้ก็อยาก
00:07:42 → 00:07:44 รู้ว่าแล้วความเครียด่ะคะมีผลมากแค่ไหน
00:07:44 → 00:07:45 เพราะมันเป็นเกี่ยวกับเรื่องหลอเลือดใน
00:07:45 → 00:07:47 สมองเนาะก็ว่าถ้าสมมติว่าเราเครียดมากๆ
00:07:47 → 00:07:49 เราอยู่ในอารมณ์ที่มันขุ่นมัวหรืออารมณ์
00:07:49 → 00:07:51 รบมากๆเนี่ยค่ะมันมีผลต่อการเกิดโรภนี้
00:07:51 → 00:07:54 มากน้อยขนาดไหนคะมันมีผลนะความเครียด
00:07:54 → 00:07:58 เนี่ยมันเกิดกับทุกคนอยู่แล้วแต่ว่าเราจะ
00:07:58 → 00:08:02 ต้องหาวิวิธีบำบัดความเครียดของตัวเอง
00:08:02 → 00:08:04 งั้นคุณหมอมีวิธีแนะนำมยเวลาคุณหมอเครียด
00:08:04 → 00:08:06 หรือว่าจัดการความคิดลบๆของตัวเองคะว่า
00:08:06 → 00:08:08 ควรจะทำยังไงดีเพื่อให้เราจัดการความผิด
00:08:08 → 00:08:11 ตัวเองได้ดีขึ้นค่ะผมไม่ค่อยเครียดนะเออ
00:08:11 → 00:08:14 แล้วก็ไม่ค่อยคิดลบๆเป็นคนที่จัดการความ
00:08:14 → 00:08:17 เครียดตัวเองได้ได้ค่อนข้างดีอะไรอย่าง
00:08:17 → 00:08:20 เงี้ยค่ะแต่ว่าโดยปกติแล้วอ่ะค่ะถ้าใน
00:08:20 → 00:08:23 ช่วงที่คุณหมอเป็นสตกใช่มั้ยคะคนที่น่าจะ
00:08:23 → 00:08:26 ต้องบำบัดความเครียดเนี่ยน่าจะต้องเป็นคน
00:08:26 → 00:08:28 ดูแลมากกว่าอะไรประมาณนี้แต่ตัวคุณหมอเอง
00:08:28 → 00:08:31 เนี่ยค่อนข้างมีพื้นฐานเรื่องของความคิด
00:08:32 → 00:08:34 Minds ค่อนข้างที่ดีอยู่แล้วอะไรอย่าง
00:08:34 → 00:08:36 เงี้ยค่ะอย่างตัวหญิงเองที่ดูแลคุณหมอ
00:08:36 → 00:08:38 เนี่ยก็หลักๆเลยที่ตัวเองทำจริงๆก็คือ
00:08:38 → 00:08:41 เรื่องของการนั่งสมาธิหรือว่าเรื่องของ
00:08:41 → 00:08:45 การออกกำลังกายไปออกกำลังกายทุกวันใช่อื
00:08:45 → 00:08:49 ตอนเช้าวิ่ง 30 นาทีมีเทเนิสัก 1 ช่วโมง
00:08:49 → 00:08:52 ตอนที่เป็นป่วยอยู่เนี่ยหรอค่ะก็คือออก
00:08:52 → 00:08:54 กำลังกายด้วยควบคู่กันไปกับการทานยาใช่ๆ
00:08:54 → 00:08:59 ทุกๆวันนะครับแล้วก็นอนด้วยเนอะออคือนอน
00:08:59 → 00:09:03 ประมาณกี่ชั่วโมงคะ 8-9 ช่มอันนี้จากที่
00:09:03 → 00:09:04 เมื่อกี้คุณหญิงพูดมาก็เลยอยากรู้ว่าเรา
00:09:04 → 00:09:06 ต้องดูแลสมมติเรามีญาติหรือมีคนที่ป่วย
00:09:06 → 00:09:08 เป็นสกที่เป็นคนในครอบครัวเราเราต้องดีล
00:09:08 → 00:09:10 กับจิตใจตัวเองยังไงเพราะเราต้องดูแลทั้ง
00:09:10 → 00:09:11 เขาด้วยแล้วก็ต้องดูแลจิตใจตัวเองด้วย
00:09:12 → 00:09:13 เงี้ค่ะคุณหญิงช่วยแนะนำหน่อยได้มยคะว่า
00:09:13 → 00:09:15 เออเราควรจะดีลกับจิตใจตัวเองยังไงเพื่อ
00:09:15 → 00:09:18 ให้ไม่เครียดแล้วไม่กดดันเกินไปคือหลักๆ
00:09:18 → 00:09:20 ตัวหญิงเองอ่ะหญิงจะรู้แล้วว่าตอนเเรา
00:09:20 → 00:09:23 กำลังไม่ไหวแล้วเพราะว่าช่วงที่แรกๆเลยก็
00:09:23 → 00:09:25 ยอมรับว่าประมาณ 1 อาทิตย์แรก 2 อาทิตย์
00:09:25 → 00:09:27 แรกเนี่ยตอนนั้นคือมันไม่ได้มีความคิดที่
00:09:27 → 00:09:29 จะทำอะไรเลยนอกจากมันอยู่กับความเครียด
00:09:29 → 00:09:32 อยู่กับความคิดฟุ้งๆของตัวเองว่าแบบเฮ้ย
00:09:32 → 00:09:34 มันเกิดอะไรทำไมคุณหมอเป็นแบบนี้แล้วจะ
00:09:34 → 00:09:36 กลับมาปกติมยเพราะตอนนั้นเนี่ยเราไม่ได้
00:09:36 → 00:09:38 มีโอกาสไปเจอคุณหมอที่โรงพยาบาลเพราะว่า
00:09:38 → 00:09:42 เขาอยู่ใน ICU อืผมอยู่ ICU 15 วันไม่
00:09:42 → 00:09:45 รู้เรื่องเลยตั้งแต่ 14 เมษายนที่แบบกิน
00:09:45 → 00:09:49 ข้าวแล้วมันพูดไม่ออกผมก็มองหน้าคุณหญิง
00:09:49 → 00:09:53 แล้วก็ 1 นาทีนะภาพตัดเลยตัดไปเลยใช่แล้ว
00:09:53 → 00:09:56 15 วันอยู่ ICU อืก็ไม่ได้รู้เรื่องเลย
00:09:56 → 00:09:59 แล้วหญิงก็ไม่สามารถที่จะไปดูได้ว่าเอ๊ะ
00:09:59 → 00:10:01 คุณเป็นยไงบ้างดีขึ้นแค่ไหนรเงี้ใช่มคะ
00:10:01 → 00:10:04 ซึ่งในช่วงที่เราไม่ได้เจอเนี่ยคือความ
00:10:04 → 00:10:06 เครียดเนี่ยมันมันหนักมากอยู่แล้วอะไร
00:10:06 → 00:10:08 เงี้ยก็ยอมรับว่าช่วงนั้นเนี่ยหาทางออก
00:10:08 → 00:10:10 ไม่ได้เหมือนกันแต่ว่าด้วยความว่าเรามี
00:10:10 → 00:10:14 พี่ที่ค่อนข้างทำบุญเยอะมีสมาธิที่แบบให้
00:10:14 → 00:10:16 คำแนะนำเราก็จะคอยแนะนำว่าเฮ้ยให้เราแบบ
00:10:16 → 00:10:19 ลองนั่งสมาธิดูถามว่านั่งแล้วมันฟุ้งไม
00:10:19 → 00:10:22 มันก็ฟุ้งแต่ว่าโชคดีมากๆที่เราทำได้ทุก
00:10:22 → 00:10:25 วันเพราะว่าหญิงก็ไปนั่งทุกวันจริงๆจาก
00:10:25 → 00:10:28 ที่มันฟุ้งเยอะๆมันก็ค่อยๆน้อยลงค่อยๆ
00:10:28 → 00:10:31 น้อยลงลงแล้วก็ช่วงที่เราเริ่มรู้สึกว่า
00:10:31 → 00:10:33 เอ้ยเรานิ่งขึ้นสิ่งที่มันเห็นได้ชัดเลย
00:10:33 → 00:10:36 คือเราเริ่มมีวิธีแก้ปัญหาตอนนั้นก็เริ่ม
00:10:36 → 00:10:39 คิดละเฮ้ยลองมาทำความรู้จักไอ้โรคสตกดีมย
00:10:39 → 00:10:41 จากที่มันฟุ้งเนี่ยมันฟุ้งไปถึงขั้นว่า
00:10:41 → 00:10:43 แล้วถ้าเาไม่กลับมาปกติโอโหมันมันไปกัน
00:10:43 → 00:10:46 ใหญ่มากแต่พอเรากลับมาณจุดที่เรารู้สึก
00:10:46 → 00:10:48 ว่าเฮ้ยเรานิ่งแล้วไม่น่าเชื่อว่าณตอน
00:10:48 → 00:10:51 นั้นเนี่ยความคิดที่มันเกิดขึ้นมันคือ
00:10:51 → 00:10:53 เหมือนที่เขาพูดว่ามีสติมันก็มีปัญญาใช่
00:10:53 → 00:10:56 มั้ยคะตอนนั้นเนี่ยก็เริ่มมานั่งเฮ้ยหาคำ
00:10:56 → 00:10:58 ตอบโรคสตกคืออะไรอ่ะเราไม่รู้จักมันเฮ้ย
00:10:58 → 00:11:00 มีคนที่เป็นแล้วเเป็นยังไงบ้างก็นั่ง
00:11:00 → 00:11:03 เสิร์ชข้อมูลและปรึกษาอาจารย์คุยกับ
00:11:03 → 00:11:05 อาจารย์ที่ที่จะคอยมาดูแลเรื่องของการ
00:11:05 → 00:11:08 ฟื้นฟูเริ่มมานั่งแก้ปัญหาแล้วก็ลูกด้วย
00:11:08 → 00:11:11 ค่ะใช่เพราะตอนนั้นลูก 3 คนทุกคนก็กลาย
00:11:11 → 00:11:14 เป็นเรากลับมานั่งมองลูกเฮ้ยทำไมลูกสติดี
00:11:14 → 00:11:16 กว่าเราอือเพราะว่าลูกเขาไม่ฟุ้งเพราะว่า
00:11:16 → 00:11:19 ลูกเขาไม่ได้คิดต่อเขาก็จบที่เขาแค่รู้
00:11:19 → 00:11:21 ว่าออปะป๊าป่วยังนั้นเนี่ยพอเรากลับมา
00:11:21 → 00:11:23 เห็นลูกคือเฮ้ยทำไมเขายังสดชื่นกลายเป็น
00:11:23 → 00:11:26 เขาเดินมาแล้วก็ไม่ต้องร้องไห้ร้องทำไม
00:11:27 → 00:11:29 เราก็รู้สึกเออกลับมานั่งมองว่าเออจริงๆ
00:11:29 → 00:11:32 แล้วมันก็มันก็แค่นี้เองเนาะเราก็แก้
00:11:32 → 00:11:34 ปัญหาตอนนั้นก็เริ่มกลับมาอยู่กับตัวเอง
00:11:34 → 00:11:37 แล้วก็เริ่มหาทางที่จะแก้ปัญหาว่าถ้าคุณ
00:11:37 → 00:11:39 หมาะกลับมาปึ๊บฟื้นฟูเราต้องทำอะไรบ้าง 1
00:11:39 → 00:11:42 2 3 4 วางแผนเรื่องการรักษาดังนั้น
00:11:42 → 00:11:44 เนี่ยพูดอ่ะพูดง่ายแต่ถึงเวลาปฏิบัติจริง
00:11:44 → 00:11:47 ๆเนี่ยหญิงเชื่อว่าคนที่บอกว่าอุ๊ยทำไม
00:11:47 → 00:11:50 ไม่นั่งสมาธิล่ะบอกเลยว่ามันไม่ง่ายอืที่
00:11:50 → 00:11:52 จะเอาตัวเองนั่งขัตมาตแล้วก็ขวาทับซ้าย
00:11:53 → 00:11:55 แล้วก็หลับตาลงทุกครั้งที่หลับตาเนี่ยบาง
00:11:55 → 00:11:58 ช่วงแรกๆที่หญิงทำเนี่ยหลับตา 1 ครั้ง
00:11:58 → 00:12:01 เท่ากับร้องให้อืร้อง้องหลับแล้วก็ร้อง
00:12:01 → 00:12:04 หลับแล้วก็ร้องแต่ว่าพี่ที่คอยเกาให้เรา
00:12:04 → 00:12:08 เขก็จะพูดตลอดว่าก็ฟุ้งไปคิดไปแต่ทำมัน
00:12:08 → 00:12:10 ทุกวันแล้วเดี๋ยวมันจะเบาลงเองแล้วมันก็
00:12:10 → 00:12:13 เป็นอย่างนั้นจริงๆทำทุกวันจริงๆนะเพราะ
00:12:13 → 00:12:17 ว่าเมื่อเช้าอ่ะผมก็ยังเห็นคุณหญิงไปสวด
00:12:17 → 00:12:20 มนต์นั่งสมาธิอยู่เลยงั้นนี่ก็เป็นสาเหตุ
00:12:20 → 00:12:23 หรือเปล่าคะที่คุณหญิงเปิดเพจเกี่ยวกับสค
00:12:23 → 00:12:25 เพื่อให้คนเข้ามาแบบว่าสอบถามได้ก็เหมือน
00:12:25 → 00:12:28 เป็นวิทยาทานให้คนเห็น้วใช่ๆค่ะแต่ว่าอาจ
00:12:28 → 00:12:31 จะไม่ได้พูดึเรื่องเรื่องของการบำบัดจิต
00:12:31 → 00:12:33 ใจเท่าไหร่เพราะว่าคือต้องบอกว่าเรื่อง
00:12:33 → 00:12:35 เนี้ยมันเป็นเรื่องที่บางคนเอาจจะรู้สึก
00:12:36 → 00:12:38 ว่าทำยากอ่ะนึกออกใช่มั้ยคะแต่ว่าก็จะ
00:12:38 → 00:12:40 พยายามสอดแทรกเข้าไปเรื่อยๆว่าจริงๆแล้ว
00:12:40 → 00:12:43 สิ่งที่ทำให้หญิงมีสติมากๆในช่วงที่มี
00:12:43 → 00:12:45 เหตุการณ์เเกิดขึ้นน่ะมันคือเรื่องของการ
00:12:45 → 00:12:48 กลับมาอยู่กับกับความเป็นจริงมากกว่าอะไร
00:12:48 → 00:12:50 อย่างเงี้ยค่ะก็ช่วยได้เยอะเหมือนกันใน
00:12:50 → 00:12:52 สมาธิเพื่อทำให้เราแบบมีสติมากขึ้นแบบไม่
00:12:52 → 00:12:55 ฟุ้งซ่านงี้ใช่มใช่คชิก็อยากรู้ว่าเมื่อ
00:12:55 → 00:12:57 กี้เราฟังในมุมของคนดูแลไปแล้วก็เลยอยาก
00:12:57 → 00:12:59 มาฟังในมุมของคนที่เป็นผู้ป่วยบ้างอยาก
00:12:59 → 00:13:01 ทราบวิธีการดูแลตัวเองของคุณหมอค่ะทั้งใน
00:13:01 → 00:13:04 แง่ของจิตใจแล้วก็ทั้งในแง่ของ physically
00:13:04 → 00:13:05 ตั้งแต่เริ่มป่วยจนกระทั่งหายดีว่าเรา
00:13:05 → 00:13:08 ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้างตัวผมเองนะคตอน
00:13:08 → 00:13:13 ที่ป่วยใหม่ๆเลยนะผมพูดไม่ได้เลยอืแล้วก็
00:13:13 → 00:13:18 แขนขวาขาขวาขยับไม่ได้เนี่ยตอนเมันขยับ
00:13:18 → 00:13:23 ได้ละผมอ่ะก็งงแล้วก็อยู่กับตัวเองอ่ะแต่
00:13:23 → 00:13:28 ว่าโชคดีที่มีคุณหญิงมาดูแลมาซัพพอร์ตจิ
00:13:28 → 00:13:32 ใจคือตอนนั้นนะผมมันหมดไปแล้วอ่ะหมดความ
00:13:32 → 00:13:37 หวังไปแล้วใช่แล้วก็คุณหญิงก็มาช่วยดูแลอ
00:13:37 → 00:13:41 เดือนที่ 2 เดือนที่ 3 เดือนที่ 4 หมด
00:13:41 → 00:13:44 อะไรตอยากแต่ว่าไม่ใช่เรื่องเงินน่ะอืไม่
00:13:44 → 00:13:47 ไม่ใช่แบบเรื่องลูกอ่ะเพราะว่าผมเตรียม
00:13:47 → 00:13:50 พร้อมให้เขาแล้วคือต้องบอกว่าคือเวลาถาม
00:13:50 → 00:13:52 ว่าคนที่เป็นอย่างเงี้ยหญิงได้มีโอกาสคุย
00:13:52 → 00:13:55 เยอะใช่มั้ยคะสิ่งที่คนเป็นแบบเนี้ยจาก
00:13:55 → 00:13:57 ที่ใช้ชีวิตปกติได้อยู่ดีมาวันนึงเฮ้ยพูด
00:13:57 → 00:14:00 ไม่ได้แคนใช่ไม่ได้ขาไม่ได้เดินไม่ได้ใช้
00:14:00 → 00:14:02 ชีวิตปกติไม่ได้ทำงานไม่ได้คือทุกคนก็จะ
00:14:02 → 00:14:05 บอกเหมือนกันเลยว่าดาวอหมดความหวังหมด
00:14:05 → 00:14:08 อะไรตายอยากกับชีวิตไปแล้วบางคนก็คือรู้
00:14:08 → 00:14:10 สึกว่าตัวเองแบบไม่มีคุณค่าไปแล้วดังนั้น
00:14:10 → 00:14:13 เนี่ยหญิงว่าพื้นฐานหลักๆเลยเนี่ยมันจะ
00:14:13 → 00:14:16 กลับมาอยู่ที่คนดูแลอืว่าคนดูแลจะแบบเข้ม
00:14:16 → 00:14:18 แข็งได้มากขนาดไหนในการซัพพอร์ตจิตใจของ
00:14:18 → 00:14:20 ผู้ปวดใชใช่เพราะว่าคนที่เป็นเนี่ยเขาจะ
00:14:20 → 00:14:22 ลุกขึ้นมาคิดด้วยตัวเองเนี่ยหญิงว่าถ้า
00:14:22 → 00:14:24 ไม่ได้เป็นคนพื้นฐานจิตใจที่แบบโคเข้ม
00:14:24 → 00:14:27 แข็งมากๆเนี่ยหญิงว่าค่อนข้างยากใช่ผมอ่ะ
00:14:27 → 00:14:31 ยังดีนะที่เมีตารางเซลตารางการฟื้นฟูใน
00:14:31 → 00:14:37 แต่ละวันใช่ใช่ๆผมก็ไปกายภาพไปศูนย์ตาม
00:14:37 → 00:14:40 Excel นั่นแหละอคือคือหลักๆอ่ะหญิงแค่
00:14:40 → 00:14:43 รู้สึกว่าต้องไปปล่อยให้ว่างด้วยกิจกรรม
00:14:43 → 00:14:45 ที่มันต้องทำใช่มั้ยคะเรื่องการฟื้นฟู
00:14:45 → 00:14:47 เนี่ยมันคือทั้งวันตั้งแต่ลืมตาตื่นจนถึง
00:14:47 → 00:14:49 หลับตาลงเนี่ยหญิงรู้สึกว่าอันนั้นน่ะมัน
00:14:49 → 00:14:51 เป็นข้อดีที่ทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะมา
00:14:51 → 00:14:54 นั่งอยู่เฉยๆแล้วก็เฮ้ยทำไมแขนขยับไปได้
00:14:54 → 00:14:56 มันไม่มีเวลาั้นใช่แล้วขมแขนขวาด้วยอ่ะ
00:14:56 → 00:15:02 แต่ว่าต้องใช้ฉีดคนไขอ่ะเออตอนนั้นน่ะมัน
00:15:02 → 00:15:06 นั่งมองมือข้างขวา 1 เดือน 2 เดือน 3
00:15:06 → 00:15:10 เดือน 4 เดือนน่ะมันขยับไม่ได้เลยตอนนั้น
00:15:10 → 00:15:13 คือรู้สึกกังวลเครียดมากมคะเครียดมากเลย
00:15:13 → 00:15:16 เพราะว่าเฮ้ยเราจะฉีดให้คนไข้เราพูดไม่
00:15:16 → 00:15:20 ได้อยู่ละอืแต่ว่าทำงานไม่ได้เลยอ่ะตอน
00:15:20 → 00:15:24 นั้นไม่ได้คิดข้างซ้ายคิดว่ามือซ้ายมันทำ
00:15:24 → 00:15:27 อะไรไม่ได้มันก็ทำได้แต่ว่าเมื่อไหร่มัน
00:15:27 → 00:15:34 จะกลับมาแล้วก็ผมโชคดีที่ว่าไปงาน kol
00:15:34 → 00:15:39 ที่ศิริราชมีบริษัทมาเปิดตัวฟลอใหม่ที่
00:15:39 → 00:15:43 ประเทศไทยแล้วเขาก็มีงาน kol เขาอ่ะอยาก
00:15:43 → 00:15:48 จะเชิญผมไปอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนสตกพอเป็น
00:15:48 → 00:15:52 สกเขาก็อยากเชิญผมผมก็บอกว่าผมอ่ะไปได้
00:15:53 → 00:15:57 แต่ผมอ่ะฉีดไม่ได้นะอืเาบอกโอเคแค่ไปก็ดี
00:15:57 → 00:16:02 ใจแล้วอ่าโอเคแล้วผมก็ไปแต่ว่าเวลาอยู่
00:16:02 → 00:16:06 ข้างนอกอ่ะมันดีมากเลยนะเพราะว่าคนที่
00:16:06 → 00:16:10 เป็นน่ะจะรู้สึกว่าไม่อยากจะไปหาใครอยาก
00:16:10 → 00:16:14 ไม่อยากจะออยากเจอผู้คนใช่แต่ว่าผม่ะไม่
00:16:14 → 00:16:18 ไม่เป็นผมอ่ะเอออยากจะเจออาจารย์อยากจะ
00:16:18 → 00:16:22 เจอคนแล้วมันก็เป็นที่เราคิดเหมือนกันว่า
00:16:22 → 00:16:26 ทุกคนก็ให้กำลังใจผมผมก็รู้สึกดีมากแล้ว
00:16:26 → 00:16:30 เจออาจารย์ท่านหนึ่งเเาเชื่ออาจารย์มากเ
00:16:30 → 00:16:35 ก็มาให้กำลังใจผมว่าเฮ้ยมือซ้ายมือขวา
00:16:35 → 00:16:39 อาจารย์ก็ฉีดได้ทั้ง 2 มือผมก็บอกอ้าหรอ
00:16:39 → 00:16:43 ผมก็เก็บเก็บไว้คิดอืแล้วพอผมกลับมานะวัน
00:16:43 → 00:16:47 นั้นนะผมก็ให้น้องที่คลินิกสั่งมาผิว
00:16:47 → 00:16:51 เทียมผิวเทียมแล้วก็เอาเข็มมาใช่เอาเอา
00:16:51 → 00:16:56 เข็มมาแล้วผมก็ลองมือซ้ายสัก 1 วัน 2 วัน
00:16:56 → 00:17:01 เฮ้ยมันได้ผมก็เลยบอกว่าเออมามาลองมทดลอง
00:17:01 → 00:17:05 ให้หน่อยใช่ใช่ๆๆผมก็พูดไปอย่างงั้นน่ะ
00:17:05 → 00:17:09 กับคนอื่นน่ะผมไม่กล้าอยู่แล้วอืผมก็พูด
00:17:09 → 00:17:13 แล้วก็ได้แล้วผลก็ออกมาโอเคใช่่ๆใช่ๆก็
00:17:13 → 00:17:17 โอเคแบบว่าโอเคมากๆเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:17:17 → 00:17:18 เนี่ยตอนที่ทำเนี่ยหญิงอ่ะไม่ได้ไม่ได้
00:17:18 → 00:17:21 รู้สึกกลัวอะไรเลยเพราะว่าเราก็เห็นอยู่
00:17:21 → 00:17:22 แล้วว่าตอนที่เขาซ้อมเนี่ยเาเฮ้ยเขาก็
00:17:23 → 00:17:25 นิ่งมากแล้วก็ทำได้ปกติใช่มั้คะแล้วพอทำ
00:17:25 → 00:17:27 จริงๆแล้วเนี่ยมันกลายเป็นว่าเขาทำออกมา
00:17:27 → 00:17:30 ดีจนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นน่ะรู้สึกแบบเฮ้ย
00:17:30 → 00:17:32 ทำไมหมอทำได้ขนาดนี้ก็กลายเป็นเขาก็เพิ่ม
00:17:33 → 00:17:36 ความมั่นใจอตอนนั้นผมก็เลยเริ่มกลับมาอื
00:17:37 → 00:17:41 ประมาณเดือนที่ 4 ตอนนี้ผมก็ดูแลคนไข้
00:17:41 → 00:17:45 ประมาณ 1 ปีกว่าๆละด้วยมือซ้ายใช่มือซ้าย
00:17:45 → 00:17:49 สะสมมาประมาณ 1 ปีแล้วก็เพิ่งไปพรีเซนที่
00:17:49 → 00:17:50 งาน
00:17:50 → 00:17:55 apac พีเซนเคสให้คุณหมอ 8 ประเทศทั่วโลก
00:17:55 → 00:17:57 คือเหมือนเราอ่ะใช้มือขวางมาทั้งชีวิต
00:17:57 → 00:17:59 แล้วขนาดนนี้มาทั้งชีวิตแต่พอวันหนึเรา
00:17:59 → 00:18:00 ไม่สามารถใช้มันได้อีกแล้วอ่ะแล้วต้องมา
00:18:00 → 00:18:02 ใช้ข้างที่เราแบบอาจจะไม่ได้ถนัดเท่า
00:18:02 → 00:18:05 เงี้ยค่ะอคือตอนนั้นน่ะคุณหมอรู้สึกเอ่อ
00:18:05 → 00:18:09 คือตอนที่ผมมาลองมือซ้ายอ่ะผมก็คิดว่ามัน
00:18:09 → 00:18:11 จะเป็นยังไงมันได้หรือเปล่าวะอะไรอย่า
00:18:11 → 00:18:14 เงี้ยแต่ว่าผมอ่ะรู้จักกับอาจารย์มากไง
00:18:14 → 00:18:18 อาจารย์มาดแกฉีดมือซ้ายมือขวาแกฉีดเป็น
00:18:18 → 00:18:21 ธรรมชาติฉีดได้ทั้ง 2 เเวลากันเขาก็พูด
00:18:21 → 00:18:24 แบบชิวๆมากเก็พูดว่าจะไปคิดอะไรอคนเราชอบ
00:18:24 → 00:18:27 ไปคิดว่ามือขวามันคือถนัดใช่มแต่จริงๆมัน
00:18:27 → 00:18:29 ก็คือมือเหมือนกันอะไรแบบเเไม่ได้มานั่ง
00:18:29 → 00:18:32 พอเค้าอ่ะพูดอย่างงั้นน่ะผมก็เลยเอ้อเอา
00:18:32 → 00:18:36 เว้ยมีอาจารย์เป็นเป็นสณะอ่ะเออเข้าใจป่ะ
00:18:36 → 00:18:40 มีแบบเป็นแสงสว่างอ่ะเออผมก็ลองลองแล้ว
00:18:40 → 00:18:43 แบบเอ้ยเฮ้ยมันได้ว่ะอืมันได้ก็เลยทำมา
00:18:43 → 00:18:46 เรื่อยๆเอเออใช่ๆๆจริงๆต้องบอกว่าเรื่อง
00:18:46 → 00:18:49 เนี้ยมันทำให้หญิงอ่ะมีโอกาสพูดเรื่องเใน
00:18:49 → 00:18:51 เพจด้วยว่าคนเราจะไม่มีทางรู้ศักยภาพตัว
00:18:51 → 00:18:54 เองในวันที่เราสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป
00:18:54 → 00:18:56 เราถึงได้รู้ว่าเฮ้ยจริงๆเราทำบางสิ่งบาง
00:18:56 → 00:18:58 อย่างได้นี่นาอะไรอย่าเงี้ยเพราะว่าคน
00:18:58 → 00:19:00 ส่วนใหญ่ที่เป็นสกอ่ะค่ะบางคนก็คือไม่
00:19:01 → 00:19:03 กล้าพูดกับคนเลยไม่ออกจากบ้านเลยค่ะมี
00:19:03 → 00:19:05 อยู่คนนึงที่คุยกับหญิงเนี่ยเขาบอกว่าแฟน
00:19:05 → 00:19:09 เ้าอ่ะไม่กล้าพูดเพราะว่าพูดแบบนี้ไงใช่
00:19:09 → 00:19:12 แต่หมออ่ะออกมาไลฟ์ตั้งแต่เดือนที่ 3 ใช่
00:19:12 → 00:19:15 แล้วผมพูดยังไงรู้ป่ะพูดยิ่งกว่านี้อีก
00:19:15 → 00:19:19 อ่ะเออคือจนคนที่ดูไลฟ์อ่ะคอมเมนต์มาแบบ
00:19:19 → 00:19:21 ว่าตอนแรกหญิงก็เา้าจะใจเสียมั้ยเพราะ
00:19:21 → 00:19:24 คอมเมนต์มาแบบหมอเมายาหรือเปล่าเนี่ย
00:19:24 → 00:19:27 เพราะว่าพูดแบบคือพูดพึบแล้วก็หยุดอหยุด
00:19:27 → 00:19:29 เพราะว่าเมันในหัวเนี่ยคือรู้ว่าจะพูด
00:19:29 → 00:19:31 อะไรแต่ว่ามันออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ใช่
00:19:31 → 00:19:35 มั้ยคะเพราะว่าผมโดนโบขาแอเรียอืที่แบบ
00:19:35 → 00:19:38 เป็นศูนย์ที่สมองอ่ะที่วช่วยเรองการสื่อ
00:19:39 → 00:19:41 ช่การสื่อสารอก็เลยทำให้คนที่เป็นอ่ะค่ะ
00:19:41 → 00:19:43 เวลาเ้าเป็นอย่างเงี้ยเขาก็จะรู้สึกว่าเ
00:19:43 → 00:19:46 ไม่อยากพูดกับใครเาไม่อยากจะทำอะไรอีก
00:19:46 → 00:19:47 แล้วอะไรอย่างเงี้ยใช่มั้ยคะแล้วหญิงก็
00:19:47 → 00:19:50 พูดเรื่องเนี้ยจนทำให้มีคนที่มีฟีดแบค
00:19:50 → 00:19:53 กลับมาว่าเฮ้ยเขากล้าออกไปเห็นคุณหมออ่ะ
00:19:53 → 00:19:55 แล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ยออกไปใช้ชีวิตออกไปทำ
00:19:55 → 00:19:59 อะไรมากขึ้นบางคนก็คือกลับมาทำงานอืก็
00:19:59 → 00:20:01 เหมือนเป็นการให้กำลังใจคนทางบ้านด้วยอีก
00:20:01 → 00:20:03 ว่าเอ้ยเป็นโรคนี้เราก็ใช้ชีวิตปกติได้
00:20:03 → 00:20:06 แล้วก็กลับมาทำงานได้ใชแล้วการกลับมาทำ
00:20:06 → 00:20:11 งานนะคือแสงสว่างเลยอ่ะเพราะว่าผมอ่ะ 1
00:20:11 → 00:20:14 เดือน 2 เดือน 3 เดือนผมอยู่ได้เพราะว่า
00:20:14 → 00:20:18 คุณหญิงข้างในผมอ่ะมันว่างเปล่าเพราะว่า
00:20:18 → 00:20:21 อะไรมันไม่มีหลักที่แบบว่าใช้ชีวิตไม่มี
00:20:21 → 00:20:26 เป้าหมายใช่ใช่ๆๆพอผมเริ่มดูแลคนไข้ได้
00:20:26 → 00:20:31 แต่ผมยังพูดไม่ชัดไงเออแต่ผมเริ่มได้ผมก็
00:20:31 → 00:20:34 เริ่มดูแลมันก็ทำให้ผมอ่ะเติมเต็มเต็ม
00:20:34 → 00:20:36 ข้างในตัวเองเพราะว่ารู้สึกว่าเอ้ยเรามี
00:20:36 → 00:20:39 คุณค่าเรามีเป้าหของเราเรามีแพชของเราใช
00:20:39 → 00:20:44 ใช่ๆผมอยากให้คนที่เป็นคนไข้สกหรือเป็น
00:20:44 → 00:20:49 โรคอะไรก็ตามอ่ะหาอะไรที่เราทำได้แบบนิด
00:20:49 → 00:20:54 นึงก็ยังดีแล้วก็ค่อยๆมาว่าเราจะเพิ่มเ้า
00:20:54 → 00:20:57 หมายอ่าให้ให้มันดีขึ้นนิดนึงดีขึ้นนิด
00:20:57 → 00:21:00 นึงดีขึ้นนนิดนึงเท่าที่ฟังมาเนะคะก็คือ
00:21:00 → 00:21:02 กำลังใจสำคัญมากๆสำหรับคนที่เป็นผู้ป่วย
00:21:02 → 00:21:05 โรคนี้แล้วก็คนที่เป็นคนดูแลด้วยหลักๆเลย
00:21:05 → 00:21:06 คือเราต้องรักษาพื้นฐานจิตใจเราให้เข้ม
00:21:07 → 00:21:09 แข็งอยู่แล้วเป็นทุนเดิมแต่พอเมื่อมีแบบ
00:21:09 → 00:21:11 ว่าปัญหาอะไรเข้ามาที่เราไม่คาดคิดอย่าง
00:21:11 → 00:21:13 เช่นเหมือนคุณหมอจะเป็นคนเข้มแข็งอยู่
00:21:13 → 00:21:15 เป็นคนสุขภาพดีแล้วอยู่ๆก็มาแบบว่าป่วย
00:21:15 → 00:21:17 อย่างเงี้ยแต่พอมีจิตใจที่ดีแล้วก็มีคน
00:21:17 → 00:21:19 ซัพพอร์ตที่ดีก็คือจะผ่านช่วงเวลายากๆไป
00:21:20 → 00:21:24 ได้แล้วก็ต้องออกไปเจอกับคนข้างนอกเยอะๆ
00:21:24 → 00:21:28 เพราะว่าคนน่ะผมไปหลๆายที่นะเคก็บอกว่า
00:21:28 → 00:21:32 ทำไมคุณหมอไม่อายว่าต้องออกไปเจอคนนู้นคน
00:21:32 → 00:21:36 นี้อืผมไม่ไม่มีความรู้สึกอายเลยนะเพราะ
00:21:36 → 00:21:39 อะไรคะไหนลองแชร์ให้คนฟังหน่อยว่าใช้วิธี
00:21:39 → 00:21:41 สร้างกำลังใจให้ตัวเองยังไงบ้างผมไม่ไม่
00:21:41 → 00:21:46 รู้นะเออแต่ว่าคนอื่นน่ะไม่อยากจะออกไป
00:21:46 → 00:21:49 เจอคนส่วนใหญ่ที่เป็นปึ๊บแล้วจะมีโรคอีก
00:21:49 → 00:21:51 โรคนึงเกิดขึ้นคือโรคซึมเศร้าค่ะเพราะว่า
00:21:51 → 00:21:54 ด้วยเหตุผลคือเขาอยู่กับตัวเองอยู่ในบ้าน
00:21:54 → 00:21:56 กายภาพใช่มั้ยคะอาจจะแค่ 1 ชั่วโมง 2
00:21:56 → 00:21:58 ชั่วโมงที่เหลือมันคือไม่ได้ทำอะไรแล้ว
00:21:58 → 00:22:00 ไม่ออกไปไหนแล้วดังนั้นเนี่ยโรคซึมเศร้า
00:22:00 → 00:22:03 จะมาพร้อมกับคนที่เป็นโรคนี้ใช่แต่ของคุณ
00:22:03 → 00:22:05 หมอเนี่ยไม่เป็นเพราะว่าส่วนนึงที่หญิง
00:22:05 → 00:22:08 คิดว่ามันทำให้เขาไม่มีอาการซึมเศร้าเลย
00:22:08 → 00:22:11 เนี่ยเพราะว่าการได้ออกไปแบบเค่ะแล้วเขา
00:22:11 → 00:22:13 ไปเยอะมากคือไปงานประชุมหมอคืองานแรกที่
00:22:13 → 00:22:16 ไปเนี่ยตอนนั้นยังใส่อยู่เลยเอออารมซิง
00:22:16 → 00:22:20 แล้วก็มีคนมาพูดด้วยก็พูดไม่ออกพูดไม่ออก
00:22:20 → 00:22:25 แต่ผมก็ยิ้มยิ้มเออผมก็ยิ้มให้เ
00:22:25 → 00:22:30 อืแต่ว่าผมได้กำลังใจตลอดนะผมว่าคนข้าง
00:22:30 → 00:22:34 นอกอ่ะไม่ได้มองเราเลวร้ายอย่างงั้นคนที่
00:22:34 → 00:22:38 ป่วยอ่ะอย่าไปมองว่าตัวเองเลวร้ายเพราะ
00:22:38 → 00:22:40 ว่าบางทีคนพอเคป่วยแล้วเมองทุกอย่างเป็น
00:22:40 → 00:22:42 ลบไปหมดเขก็มองว่าตัวเองทำนู่นนี่นั่นไม่
00:22:42 → 00:22:45 ได้อันนี้สำคัญมากเลยค่ะที่คหญิงมีบอก
00:22:45 → 00:22:48 หลายคนไปมากๆเลยว่าคนป่วยเขาไม่ได้มีความ
00:22:48 → 00:22:50 ผิดดังนั้นอย่าคิดว่าไอ้สิ่งที่เราเป็น
00:22:50 → 00:22:53 เนี่ยเราผิดอะไรทำไมแล้วทำไมคิดว่ามีความ
00:22:53 → 00:22:57 ผิดไม่มีความผิดไม่ไม่ใช่คือเจะรู้สึกเเ
00:22:57 → 00:23:00 จะรู้สึกว่ามันเไม่ได้ทำอะไรผิดอ่ะนึกออก
00:23:00 → 00:23:04 ใช่มั้ยคะผิดใช่แต่ก็เลยแรู้สึกว่าการที่
00:23:04 → 00:23:06 ออกไปเนี่ยมันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เขา
00:23:06 → 00:23:09 น่าจะได้เจออะไรที่มีสีสันออกไปเที่ยวอีก
00:23:09 → 00:23:11 มีครอบครัวนึงอ่ะค่ะคุณพ่อเขาเป็นสตก
00:23:11 → 00:23:14 เหมือนกันแล้วคุณพ่อเขาเก็บตัวอยู่แต่ใน
00:23:14 → 00:23:17 บ้านแล้วหญิงก็มีโอกาสได้คุยเขาก็เลยบอก
00:23:17 → 00:23:19 ว่าเนี่ยเขาอ่ะอยากให้หญิงอ่ะช่วยคุยกับ
00:23:19 → 00:23:21 คุณพ่อเขาให้หน่อยหญิงก็เลยอ่ะก็พิมพ์ไป
00:23:21 → 00:23:23 ใช่มั้ยคะแล้วก็บอกเขาว่าเนี่ยแบบหญิงกับ
00:23:23 → 00:23:26 คุณหมอเป็นกำลังใจให้นะแบบพคุณพ่อออกไป
00:23:26 → 00:23:28 ปรากฏเขาก็ส่งรูปมาให้ก็คือเป็นคุณพ่อพ
00:23:28 → 00:23:31 ที่ใส่อาร์สลิของคุณหมอหญิงส่งอันนั้นไป
00:23:31 → 00:23:33 ให้เขเพราคุณหมอไม่ได้ใช้แล้วแล้วคุณพ่อ
00:23:33 → 00:23:36 ก็ใส่แล้วก็เพาคุณพ่อไปเที่ยวทะเลใช่แล้ว
00:23:36 → 00:23:38 ก็ส่งรูปกลับมาให้ว่าตอนนี้คุณพ่อเขาแบ
00:23:38 → 00:23:41 ยิ้มสดชื่นแล้วก็อยู่ที่โรงแรมพักเพทะเล
00:23:41 → 00:23:43 กับลูกเขาอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็รู้สึกดีว่า
00:23:43 → 00:23:45 แบบหลายๆคนได้มีโอกาสเห็นว่าจริงๆการที่
00:23:45 → 00:23:48 ได้ออกไปแบบเนี้ยมันดีมันให้พลังกับเขา
00:23:48 → 00:23:50 แล้วก็ที่สำคัญคือคนรอบข้างรู้สึกดีไป
00:23:50 → 00:23:53 ด้วยอะไเงี้คอันนี้ก็คือโอ้โหเป็นความคิด
00:23:53 → 00:23:55 เห็นและข้อคิดที่ดีมากๆเลยสำหรับคนที่
00:23:55 → 00:23:57 ป่วยบางทีการป่วยหัวในครั้งเอาจจะไม่ใช่
00:23:57 → 00:23:59 เรื่องที่แย่มันทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะ
00:23:59 → 00:24:00 ว่ามันมีเหตุผลซึ่งอันเนี้ยก็ทำให้คุณ
00:24:00 → 00:24:03 หญิงแล้วก็คุณหมอเนี่ยได้อ่าให้คำแนะนำ
00:24:03 → 00:24:05 แล้วก็ความรู้ดีๆนอกจากนี้ยังให้กำลังใจ
00:24:05 → 00:24:07 คนที่เป็นผู้ป่วยในโลกนี้มากขึ้นอีกด้วย
00:24:07 → 00:24:09 อ่ะค่ะเวลาเราเป็นสตกอ่ะค่ะมันคือเส้น
00:24:09 → 00:24:12 เลือดในสมองมันเสียไปใช่มั้ยคะมันมีโอกาส
00:24:12 → 00:24:14 ที่มันจะกลับมาปกติ 100% มั้ยคะใช่คือ
00:24:14 → 00:24:18 100% น่ะมันยากมากๆเพราะว่าเส้นเลือดนะ
00:24:18 → 00:24:23 มันจะอุดด้วยการตีบก็ได้หรือมันจะอุดด้วย
00:24:23 → 00:24:29 การตันคือลิ่มเลือดอย่างผมเป็นตันหรือมัน
00:24:29 → 00:24:33 จะแตกออกมาก็ได้นะ 3 สาเหตุที่คุยกัน
00:24:33 → 00:24:37 อย่างของผมนะมันก็ทำให้เนื้อสมองอ่ะมัน
00:24:37 → 00:24:43 โดนแียที่ควบคุมโบขะแอเรียหรือควบคุมการ
00:24:43 → 00:24:49 สื่อสารอแล้วก็ควบคุมมอตอพาวแขนขวาขาขวา
00:24:49 → 00:24:52 ประมาณสัก 10 ซมมันตายไปแล้วมันก็กลับคืน
00:24:52 → 00:24:56 มาไม่ได้แต่ว่างานวิจัยใหม่ๆเขาเรียกก็
00:24:56 → 00:24:58 neuroplasticity
00:24:58 → 00:25:03 อืคือเส้นประสาทมันจะงอกแต่ว่าวิ่งอ้อม
00:25:03 → 00:25:08 อ้ามันจะอ้อมใช่วิ่งอ้อมมันอาจจะนานนิด
00:25:08 → 00:25:12 นึงแต่ว่ามันจะพยายามวิ่งอ้อมคือเอาว่า
00:25:12 → 00:25:16 เกือบๆออย่างงั้นมันจะยังคงเหลือร่องลอย
00:25:16 → 00:25:19 ของโรคอยู่บางคนอาจจะมีลักษณะของการเดิน
00:25:19 → 00:25:23 หรือว่าคุณหญิงน่ะบอกว่าผม 100% นะเออคือ
00:25:23 → 00:25:26 จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นหมอใช่มั้ยคะเราก็
00:25:26 → 00:25:28 เลยอาจจะไม่ได้รู้ลึกเท่าเแต่เพียงแค่ว่า
00:25:28 → 00:25:30 ตอนที่หญิงไปหาข้อมูลเนี่ยหญิงก็เห็น
00:25:30 → 00:25:32 เนี่ยเรื่องนี้เรื่องที่บอกว่าไอ้สมองที่
00:25:32 → 00:25:34 มันตายเนี่ยเพราะว่าตอนนั้นเนี่ยคุณหมอ
00:25:34 → 00:25:37 ที่โรงพยาบาลเขาก็บอกว่าเนี่ยเพูดซะหญิง
00:25:37 → 00:25:39 ก็แบบว่าใจเสียไปเลยเพราะเบอกว่าเนี่ยหู
00:25:39 → 00:25:41 สมองตายเยอะนะพอได้ยินคำเนี้ยเราไม่มี
00:25:41 → 00:25:43 ความรู้ใช่มั้ยคะเราก็ช็อกไปแล้วว่าแบบ
00:25:43 → 00:25:46 เอาสมองตายแล้วจะยังไงเนี่ยสมองตายคือมัน
00:25:46 → 00:25:48 คำที่น่ากลัวมากใช่แล้วเบอกว่าตายเยอะ
00:25:48 → 00:25:51 ด้วยใช่ไม่ได้บอกว่า 10 ซมตอนนั้นใช่มั้ย
00:25:51 → 00:25:52 คะบอกว่าตายเยอะนะเพราะว่าเลือดมันไม่ไป
00:25:53 → 00:25:54 เลี้ยงช่วงเวลาอะไรอย่างเงี้ยหญิงก็ฟัง
00:25:54 → 00:25:56 เสร็จแล้วก็โอ้โหทำไงดีวะอะไรอย่างเงี้ย
00:25:56 → 00:25:58 แต่ตอนนั้นที่บอกว่ามีสติแล้วเลกลับมา
00:25:58 → 00:26:00 นั่งหาข้อมูลเนี่ยก็เจอคำนี้เลยค่ะที่คุณ
00:26:00 → 00:26:03 หมอพูดถึงก็คือเรื่องของการที่ใช่ก็คือ
00:26:03 → 00:26:05 เรื่องของการที่สมองมันจะมีการสร้างเเ้น
00:26:05 → 00:26:08 ประสาทขึ้นมาใหม่ๆใช่มั้คะแต่ว่ามันจะ
00:26:08 → 00:26:10 เกิดจากการที่เราฝึกมันจะไม่มีทางอยู่ดีๆ
00:26:11 → 00:26:13 ค่อยๆงอกขึ้นมาโดยที่เราไม่ฝึกอะไรแต่ว่า
00:26:13 → 00:26:16 ถ้ายิ่งเราเช่นพูดอย่างเงี้ยค่ะถ้าเราฝึก
00:26:16 → 00:26:18 ไปเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆไอ้เส้นนั้นน่ะเส้น
00:26:18 → 00:26:20 ประสาทนั้นน่ะมันก็จะรัดไปได้เร็วขึ้นใช่
00:26:21 → 00:26:23 มั้ยคะแขนเหมือนกันถ้าเราอยู่นิ่งๆอย่าง
00:26:23 → 00:26:25 เงี้ยไม่ฝึกอะไรเลยมันก็ไม่เกิดแต่ถ้ายัง
00:26:25 → 00:26:27 ฝึกทุกวันทุกวันทุกวันก็เลยเป็นความเชื่อ
00:26:27 → 00:26:30 ของหญิงว่า 1 หมอมีวินัยแล้วเก็เป็นคนที่
00:26:30 → 00:26:35 ฝึกตลอดวิ่ง 30 นาทีผมก็จูจับไอ้ข้าง
00:26:35 → 00:26:40 เนี้ยวิ่งด้วยเออแล้วก็เท tring ผมก็จะ
00:26:40 → 00:26:44 ใช้มือข้างเพยายามใช้ข้างเออฟืบืบอะไร
00:26:44 → 00:26:46 อย่าเงี้ยอีกชั่วโมงนึงก็คือตราบใดที่เรา
00:26:46 → 00:26:49 ยังทำอยู่เราไม่ได้หยุดกายภาพเราไม่ได้
00:26:49 → 00:26:51 หยุดฟื้นฟูเนี่ยมันก็จะมีโอกาสกลับมาซึ่ง
00:26:51 → 00:26:54 หญิงอ่ะเชื่อจริงๆว่ามันจะกลับมาได้ 100%
00:26:54 → 00:26:56 แต่ถามว่ามันจะมีโอกาสทิ้งร่องรอยไปบ้าง
00:26:56 → 00:26:59 มยมันก็คงจะมีแต่
00:26:59 → 00:27:02 อลับเวลาอกเทหเราก็ไม่รู้ใช่คะแต่ถ้ายัง
00:27:02 → 00:27:05 ไม่หยดยังทำอยู่ทุกวันมันก็ต้องกลับมาได้
00:27:05 → 00:27:08 ก็คือนอกจากกำลังใจแล้ววินัยก็สำคัญวินัย
00:27:08 → 00:27:10 ในการดูแลตัวเองหลังจากที่เราป่วยฝึกออก
00:27:10 → 00:27:13 กำลังกายฝึกใช้กล้ามเนื้อมัที่เราต้องการ
00:27:13 → 00:27:15 จะพัฒนาต้องเชื่อด้วยว่าเออเนี่ยเดี๋เรา
00:27:15 → 00:27:18 จะดีขึ้นได้เป็นกำลังใจสำคัญที่สุดใช่ค่ะ
00:27:18 → 00:27:20 คือหลายคนที่เป็นโรคสคเนี่ยบางคนเนี่ย
00:27:20 → 00:27:23 ฟื้นฟูมาช่วงระยะเวลานึงใช่มคะประมาณสัก
00:27:23 → 00:27:25 บางคน 6 เดือนเพราะว่าช่วงที่สมองมันจะมี
00:27:25 → 00:27:28 การ per
00:27:28 → 00:27:30 คือช่วงที่สมองมันจะกราฟมันจะขึ้นเยอะๆ
00:27:30 → 00:27:32 เยอะๆหลังจากนั้นมันก็จะค่อยๆลงแต่ก็ยัง
00:27:32 → 00:27:35 คงขึ้นอยู่ดีแต่ว่าโกเด้นพีดของผมอ่ะ 4
00:27:35 → 00:27:40 เดือนนะไม่ขยับนิ้วไม่ขยับเลยขยับไม่ขยับ
00:27:40 → 00:27:44 ไม่ได้เลยอันนั้นหลายคนก็จะถอดใจผมขยับ
00:27:44 → 00:27:48 นิ้วก้อยได้อ่ะตอนไหนรู้ป่ะประมาณเดือน
00:27:48 → 00:27:51 ที่ 7 มันเลยเลยโกเดนพีดแล้วร้องไห้เลย
00:27:51 → 00:27:55 ค่ะขยับนิ้วก้อยได้นิ้วเดียวอีก 4 นิ้ว
00:27:55 → 00:27:57 ไม่ขยับนะคืออย่าหมดหวังแล้วต้องมีความ
00:27:57 → 00:27:58 หวังสชีวิ
00:27:58 → 00:28:03 แล้วผมขยับได้ทุกนิ้วอ่ะคตอนประมาณ 1 ปี 1
00:28:03 → 00:28:07 เดือนใช่คุณหมอจำตัวเลขแม่นมากใช่ค่ะ
00:28:07 → 00:28:09 เพราะว่าจริงๆมันทุกอย่างจะมาทีละอย่าง
00:28:09 → 00:28:12 ค่ะเขาจะแนะนำว่าเวลาฟื้นฟูเนี่ยให้โฟกัส
00:28:12 → 00:28:14 สิ่งที่สมมุติว่าขาใช่มั้ยคะก็ให้เราไป
00:28:15 → 00:28:17 โฟกัสที่ขาก่อนหรือพูดเราก็ไปโฟกัสที่พูด
00:28:17 → 00:28:19 ก่อนอะไรอย่างเงี้ยค่ะถ้าโฟกัสทั้งหมดอ่ะ
00:28:19 → 00:28:22 บางทีสมองมันไม่ทันน่ะมันพร้อมๆกันน่ะ
00:28:22 → 00:28:24 เส้นประสาทมันอาจจะไม่ได้ทำงานได้มากขนาด
00:28:24 → 00:28:26 นั้นดังนั้นเนี่ยเขาก็จะค่อยๆให้เราเริ่ม
00:28:26 → 00:28:29 ฝึกทีละอย่างใช่แต่ของคุณคุณหมอเนี่ยขาก็
00:28:29 → 00:28:31 มาก่อนพูดเนี่ยก็คือกลับมาฝึกพูดเหมือน
00:28:31 → 00:28:33 เด็กอ่ะค่ะก็คือฝึกแบบก้ออ้าก้าเคาะอ้าคา
00:28:33 → 00:28:36 อะไรแบบเนี้ยเลยใช่ฝึกแบบนั้นเลยใช่ใช่
00:28:36 → 00:28:40 ค่ะคือตอนที่อยู่ที่ศูนยอ่ะเดือนแรกอ่ะค
00:28:40 → 00:28:42 ผมพูดไม่ได้เลยนะแต่มันไม่ได้ลืมวิธีพูด
00:28:42 → 00:28:45 ใช่มั้ยคะอไม่ลืมลืมแต่พูดออกมาเป็นคำไม่
00:28:45 → 00:28:48 ได้อ่ะอแล้วก็อย่างบางอย่างอย่างเงี้ยค่ะ
00:28:48 → 00:28:51 อย่างเช่นข้าวใช่มั้ยคะปกติเราก็เห็นแล้ว
00:28:51 → 00:28:53 ก็พูดว่าข้าวแต่ของคุณหมอก็คือจะพูดออกมา
00:28:53 → 00:28:55 เป็นคำอื่นอ่ะเรียกหญิงก็เรียกไม่ถูก
00:28:55 → 00:28:57 เรียกชื่อลูกก็เรียกไม่ได้หรือเห็นแกงส้ม
00:28:57 → 00:29:00 อย่างเคก็จะพูดเป็นแกงอย่างอื่นอย่าง
00:29:00 → 00:29:02 เงี้ยก็คือจะกลับอย่างงั้นเลยช่วงแรกๆอ่ะ
00:29:02 → 00:29:04 ค่ะก็จะมีลูกอ่ะเขจะคอยมาฝึกฝึพูดกับหมอ
00:29:04 → 00:29:06 อะไรเงี้ยเอาบัตรคำศัพอ่ะค่ะของเด็กที่
00:29:06 → 00:29:09 เวลาหญิงฝึกให้ลูกตอนเด็กๆใช่มั้ยคะก็จะ
00:29:09 → 00:29:11 มาปะป๊านี่คืออะไรแล้วถ้าเขาพูดผิดลูกก็
00:29:11 → 00:29:13 จะแก้ให้อะไรแบบนี้โเท่าที่ฟังนี่เป็นงาน
00:29:13 → 00:29:16 หนักสำหรับคนดูแลเหมือนกันนะคะเป็นงาน
00:29:16 → 00:29:18 หนักมากๆรู้สึกว่าโหมันต้องใช้กำลังใจ
00:29:18 → 00:29:21 เยอะมากๆในช่วงแรกใช่ใช่ๆๆแต่หญิงอ่ะเป็น
00:29:21 → 00:29:23 คนพูดเยอะใช่มั้ยหญิงก็จะคอยพูดเพราะหญิง
00:29:23 → 00:29:25 รู้สึกว่าถ้าได้พูดอ่ะมันจะมีคลังคำศัพท์
00:29:25 → 00:29:28 ใหม่ๆเกิดขึ้นอะไรแบบเนี้ยค่ะใช่แค่กำลัง
00:29:28 → 00:29:33 ใจนะผมอ่ะหลายครั้งอ่ะผมรู้สึกว่าเามี
00:29:33 → 00:29:36 ความเชื่อมีความเชื่อว่าจะกลับมาได้คนที่
00:29:36 → 00:29:38 เขาดูแลเราแบบว่ามีความเชื่อว่าเอ้ยเราจะ
00:29:38 → 00:29:41 กลับมาได้นะแล้วมันก็เลยทำให้ผู้ป่วยเอง
00:29:41 → 00:29:43 มีกำลังใจขึ้นมาด้วยเหมือนมีคนเชื่อมากใน
00:29:43 → 00:29:45 ศักยภาพจจริิงหญิงอ่ะไม่ได้เชื่อเพราะว่า
00:29:45 → 00:29:47 เราไปหลอกเานะคะแต่หญิงอ่ะเชื่ออย่างงั้น
00:29:47 → 00:29:49 จริงๆด้วยเหตุผลเพราะว่าอย่างที่หญิงบอก
00:29:49 → 00:29:51 ว่าพอเราไปหาข้อมูลแล้วหญิงเลือกดูใช่
00:29:51 → 00:29:54 มั้ยคะก็จะเลือกดูคนที่เกลับมาได้ 100%
00:29:54 → 00:29:56 ด้วยก็มีบางคนเป็นแบบยิ่งกว่าคุณหมออีก
00:29:56 → 00:29:59 กลับมากลายเป็นนักวิ่งเป็นทาหารหญิงไปดู
00:29:59 → 00:30:01 เรื่องราวเขอ่ะค่ะแล้วเขาก็กลับมาวิ่ง
00:30:01 → 00:30:03 วิ่งได้แล้วก็ไปแข่งวิ่งเลยอ่ะค่ะแล้ว
00:30:03 → 00:30:06 หญิงก็รู้สึกเฮ้ยเกลับมาได้อ่ะเราก็รู้
00:30:06 → 00:30:07 สึกว่าเฮ้ยนี่มันก็เป็นตัวอย่างเป็น
00:30:07 → 00:30:09 inspiration ให้กับเราด้วยว่าการที่เรา
00:30:09 → 00:30:12 เลือกดูคนที่เขากลับมาได้อ่ะมันก็ทำให้
00:30:12 → 00:30:15 เราเห็นแล้วเราก็รู้สึกแบบมีกำลังใจไป
00:30:15 → 00:30:17 ด้วยเหมือนกันเราจะไม่ได้ไปเลือกมองคนที่
00:30:17 → 00:30:20 เขาแบบโหเป็นแล้วไม่เห็นจะกลับมาหญิงจะ
00:30:20 → 00:30:22 ไม่ดูเลยหรือว่าหญิงจะไปดูแบบของเมืองนอก
00:30:22 → 00:30:24 ใช่มั้ยคะก็จะมีตัวอย่างคนที่เขาเป็นสค
00:30:24 → 00:30:26 อายุน้อยกว่าคุณหมออีกเขาก็กลับมาเล่น
00:30:26 → 00:30:29 ฮอกกี้เอทั้งๆที่แขนเขาก็ยังไม่ได้ 100%
00:30:29 → 00:30:31 หหเราดูแล้วรู้สึกแบบเฮ้ยมันเป็น
00:30:31 → 00:30:33 inspiration เราอ่ะแล้วหญิงก็เอาเนี้ยมา
00:30:33 → 00:30:36 ใช้กับคุณหมอให้เขาดูให้เขาเห็นว่าแบบ
00:30:36 → 00:30:38 เนี่ยเห็นป่ะมันมีคนที่กลับมาได้จริงๆ
00:30:38 → 00:30:40 อะไรแบบเยก็คือเราก็ต้องเลือกโฟกัสในสิ่ง
00:30:40 → 00:30:42 ที่มันทำให้เราแบบว่าดีขึ้นแหละอย่าไป
00:30:42 → 00:30:45 โฟกัสอะไรที่มันแบบแย่ใช่ๆไม่ดูเลยค่ะไม่
00:30:45 → 00:30:48 ดูอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดาวเลยจากเมื่อ
00:30:48 → 00:30:50 กี้เท้าความที่คุณหมอพูดว่าเออสกมันมี 3
00:30:50 → 00:30:52 สาเหตุมันมีจากเส้นเลือดในสมองตีบเส้น
00:30:52 → 00:30:56 เลือดอ่อตันแล้วก็แตกใช่อยากรู้ว่าวิธี
00:30:56 → 00:30:58 การดูแลตัวเองยังไงบ้างเพื่อแบบว่าป้อง
00:30:58 → 00:31:01 กันการเกิดอาการเหล่าเยค่ะ 80% ของสตกอ่ะ
00:31:01 → 00:31:04 เป็นจากเส้นเลือดติอ๋อ 80% คือเส้นเลือด
00:31:04 → 00:31:06 ติแล้วสาเหตุของเส้นเลือดตีบเนี่ยมาจาก
00:31:06 → 00:31:10 อะไรได้บ้างคะความดันสูงเบาหวานไขมันใน
00:31:10 → 00:31:12 เลือดสูงหรือดื่มเหล้าสูบุหรี่แล้วสาเหตุ
00:31:13 → 00:31:14 อะไรบ้างที่ทำให้ความดันสูงหรือไขมันใน
00:31:15 → 00:31:17 เลือดสูงอ่าความดันสูงเนี่ยอาหารที่เรา
00:31:17 → 00:31:21 กินถ้าเกิดว่าไขมันสูงถ้าเราไม่เลือกกิน
00:31:21 → 00:31:25 กินเค็มไปกินอาหารที่มีไขมันมันก็จะ
00:31:25 → 00:31:29 เสี่ยงกินเค็มความดันโลหิตสูงคำนิตสูงใช่
00:31:29 → 00:31:33 แล้วก็เป็นสกอืก็คือเป็นผลกระทบต่อเนื่อง
00:31:33 → 00:31:35 พอดีเคยเห็นคนอายุเยอะๆเขาจะมีอาการเป็น
00:31:35 → 00:31:38 ความดันสูงกันเยอะมากอันนี้ก็เกิดจาก
00:31:38 → 00:31:39 พฤติกรรมการกินเหมือนกันมยคะใชใช่
00:31:39 → 00:31:43 พฤติกรรมการกินไม่ตรวจความดันเป็นประจำอ
00:31:43 → 00:31:45 คือไม่ตรวจร่างกายเป็นใช่ไม่ตรวจเลยอ่ะ
00:31:45 → 00:31:49 เพราะว่าเราควรจะมีเครื่องวัดความดัน
00:31:49 → 00:31:51 โลหิตที่บ้านเมื่อกี้บอกว่าเ่าความดันสูง
00:31:51 → 00:31:54 มันมีโอกาสทำให้เป็นสกแล้วถ้าความดันต่ำ
00:31:54 → 00:31:56 ล่ะมันมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้างคะใช
00:31:56 → 00:31:59 อ๋อเป็นความดันต่ำเเรียกว่าเป็นรูปความ
00:31:59 → 00:32:02 ดันต่ำไม่ไม่ได้เป็นสตกอก็คือพฤติกรรมการ
00:32:02 → 00:32:04 กินสำคัญมากๆอย่างที่คุณหมอบอกต้องเลือก
00:32:04 → 00:32:06 กินทานอาหารให้หลากหลายแล้วก็หลีกเลี่ยง
00:32:07 → 00:32:11 ไขมันชนิดเลว ldl ใช่อ่าหลีกเลี่ยงโส Food
00:32:11 → 00:32:15 ไส้กรอโสอหารแปรรูปอ่ะค่ะออแปรูปใช่ค่ะ
00:32:15 → 00:32:18 อาหารที่เราเห็นแต่ไม่รู้ว่ามันมันมาจาก
00:32:18 → 00:32:22 อะไรถูกิกลูกชิ้นไส้กรอกเป็นเพราะว่ามัน
00:32:22 → 00:32:24 ใส่สารการบูดมาเยอะดยหรือเปล่าคใช่มีทั้ง
00:32:24 → 00:32:28 ดินปาสิวมีทั้งสารบางอย่างที่เขาใส่ลงไป
00:32:28 → 00:32:31 เพื่อยืดอายุของอาหารให้อยู่ได้นานใช่ออ
00:32:31 → 00:32:34 ก็เสี่เหมือนกันใช่ค่ะเหตุผลนึงที่ทำให้
00:32:34 → 00:32:36 คนมีปัญหาเรื่องความดันเยอะเพราะว่า
00:32:37 → 00:32:39 ปัจจุบันคนทานอาหารที่ง่ายขึ้นอออสำเร็จ
00:32:40 → 00:32:43 รูปสำเร็จรูปแปรรูปต่างๆพวกเยค่ะก็เลยอาจ
00:32:43 → 00:32:46 จะมีผลที่ทำให้คนที่เป็นมากขึ้นด้วย
00:32:46 → 00:32:49 เหมือนกันอือก็มีผลพฤติกรรมการใช้ชีวิต
00:32:49 → 00:32:52 ที่เร่งรีบตื่นเช้ามาปึ๊บต้องรีบกินอะไร
00:32:52 → 00:32:55 เร็วๆก็คือซื้ออาหารแปรรูปเรก็กินก็ทำแบบ
00:32:55 → 00:32:57 นี้ไปเรื่อยๆเป็นนิสัยมันก็จะทำให้เรามี
00:32:57 → 00:32:59 โอกาสเสงเป็นสกมากขึ้นอหารแช่แข็งเข้า
00:32:59 → 00:33:02 ไมโครเวฟอะไรพวกนี้เหตุผลนึงที่ทำให้คุณ
00:33:02 → 00:33:04 หมอมีคำถามกับตัวเองว่าเเป็นได้ยังไงใช่
00:33:04 → 00:33:06 มั้ยคะเพราะว่าหลายคนจะรู้ว่าคุณหมออ่ะ
00:33:06 → 00:33:08 เอ่อเรียนด้าน Anti aging ดังนั้นเนี่ย
00:33:08 → 00:33:11 เขาก็เป็นคนที่ an aging อืก็เป็นคนที่
00:33:11 → 00:33:14 มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในครอบครัว
00:33:14 → 00:33:16 เกี่ยวกับเรื่องของการทานอาหารเรื่องการ
00:33:16 → 00:33:18 กินเนี่ยคือเขาเป็นคนที่กินดีมากคือเป็น
00:33:18 → 00:33:21 คนที่เลือกทานอาหารเลือกเลยอ่ะว่าแบบนึ่ง
00:33:21 → 00:33:23 นะเพราะที่บ้านก็จะไม่ใช้ไมโครเวฟใช่มั้ย
00:33:23 → 00:33:26 คะเคก็จะบอกเลยว่าแบบเนี่ยอาหารก็คือเรา
00:33:26 → 00:33:29 ต้องใช้วิธีการนึ่งหลังจากที่กลับมาใช้ใน
00:33:29 → 00:33:31 การดูแลคนในครอบครัวใช่มั้คะอ่ะทานนมอ่ะ
00:33:31 → 00:33:33 เราก็ทานเป็นนมอัลมอนนะทานเป็นนมฟิช
00:33:33 → 00:33:35 คาชิโอนะอันเนี้ยคือสิ่งที่เราเอามาปรับ
00:33:35 → 00:33:38 เปลี่ยนในการใช้ชีวิตในครอบครัวดังนั้น
00:33:38 → 00:33:40 เนี่ยมันก็เลยทำให้ถ้าพูดถึงเรื่องการทาน
00:33:40 → 00:33:42 อาหารเนี่ยคือเขาเป็นคนที่ทานดีมากๆถ้า
00:33:42 → 00:33:45 พูดถึงคนที่คนที่กินของหวานหนักๆเก็จะ
00:33:45 → 00:33:47 เป็นหญิงใช่มยเออก็จะชอบกินของหวานกิน
00:33:47 → 00:33:49 ช็อกโกแลตอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าแต่ก็ลูก
00:33:49 → 00:33:53 ด้วยแต่ว่าเขาก็จะเป็นคนว่าเข้มงวดเออกับ
00:33:53 → 00:33:56 ทุกๆคนในบ้านค่ะว่าเอ้ยแบบกินหวานกินขนม
00:33:56 → 00:33:59 ทำไมไม่ซื้อเป็นผลลไม้มาแทนเลยอย่างเงี้ย
00:33:59 → 00:34:01 เปลี่ยนแบบเอาขนมออกเอาผลไม้มาให้ในลูก
00:34:02 → 00:34:04 ลูกเจอผลไม้ลูกก็จะได้แบบอาเเป็นคนค่อน
00:34:04 → 00:34:06 ข้างดูแลตัวเองดีมากๆอยู่แล้วนอกจาก
00:34:06 → 00:34:08 เรื่องการกินแล้วการออกกำลังกายเราต้อง
00:34:08 → 00:34:11 ออกกำลังกายยังไงบ้าง Aerobic Exercise
00:34:11 → 00:34:16 วิ่งเดิน jing จักรยานหรือว่ายน้ำก็ได้ 30
00:34:17 → 00:34:20 นาทีต่อวัน 5 ครั้งอย่างน้อยนะต่ออาทิตย์
00:34:20 → 00:34:22 วัน 5 ครั้งอย่างน้อยต่ออาทิตย์ 30 นาที
00:34:22 → 00:34:25 ต่อวันอย่างน้อยนะอย่างน้อยอย่างน้อยจริง
00:34:25 → 00:34:27 ๆไม่ใช่แค่ผู้ป่วยนะคะที่ควรจะต้องออก
00:34:27 → 00:34:29 กำลังกายเพราะว่าอย่างตัวหญิงเองเนี่ยคือ
00:34:29 → 00:34:32 หญิงออกกำลังกายมานานมากๆเป็น 10 ปีใช่คะ
00:34:32 → 00:34:34 ตอนที่คุณหมอเป็นเนี่ยหญิงก็รู้สึกว่า
00:34:34 → 00:34:36 เวลาหญิงอยู่ในภาวะที่เครียดมากๆหญิงก็
00:34:36 → 00:34:38 กัดฟันเลยแล้วก็ลุกขึ้นไปสักครึ่งชั่วโมง
00:34:38 → 00:34:41 ออกกำลังกายเทเนิก็ได้คาร์ดิโอเบาๆก็ได้
00:34:41 → 00:34:43 วิ่งลู่ก็ได้เพราะทุกครั้งที่เราทำอย่าง
00:34:43 → 00:34:46 เงี้ยปึ๊บเวลาที่เหงื่อออกเวลาที่เรารู้
00:34:46 → 00:34:48 สึกว่าครึ่งชั่วโมงที่อยู่กับตัวเองอ่ะก็
00:34:48 → 00:34:50 เหมือนกับนั่งสมาธิแต่แค่นั่งสมาธิในอีก
00:34:50 → 00:34:52 รูปแบบนึงหญิงก็จะบอกตลอดว่าคนที่เห็น
00:34:52 → 00:34:55 หญิงลงโซเชียลใช่มคะบางทีเขาก็จะเห็นหญิง
00:34:55 → 00:34:57 แบบชุดอย่างเงี้ยไม่ค่อยได้ใส่ก็จะใส่ไป
00:34:57 → 00:34:59 ชุดออกกำลังกายแทนเวลาไปส่งคุณหมอทุก
00:34:59 → 00:35:01 ครั้งอ่ะทุกคนก็จะไม่ค่อยเห็นหญิงแตกตัว
00:35:01 → 00:35:03 สวยๆแบบแบบนี้อะไรอย่างเงี้ยเขาก็จะเห็น
00:35:03 → 00:35:05 ว่าใส่ชุดออกกำลังกายออกไปทุกครั้งเลย
00:35:05 → 00:35:07 เพราะเรารู้สึกว่าแว๊บนึงที่คุณหมอเบรคเ
00:35:07 → 00:35:09 ไปทำอะไรของเขาเสร็จใช่มั้ยคะไปกายภาพ
00:35:09 → 00:35:11 หญิงก็จะออกกำลังกายแป๊บนึงของตัวเองดัง
00:35:11 → 00:35:13 นั้นมันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆแล้ว
00:35:13 → 00:35:16 สิ่งที่มันฮีลคนได้จริงๆเนี่ยก็คือเรื่อง
00:35:16 → 00:35:18 ของการออกกำลังกายด้วยแล้วมันก็ไม่ใช่แค่
00:35:18 → 00:35:20 หญิงใช่มั้ยทุกวันนี้มันก็ซึมไปที่ลูก
00:35:20 → 00:35:23 ด้วยออใช่ค่ะเพราะทุกวันเนี้ยลูกก็จะใส่
00:35:23 → 00:35:25 ชุดออกกำลังกายแล้วก็วันนี้ออกกำลังกาย
00:35:25 → 00:35:27 กันมั้ยเก็จะมาออกกำลังกายด้วยครึ่ง
00:35:27 → 00:35:30 ชั่วโมงหรือบางทีก็พาไปวิ่งที่สวนสาธารณะ
00:35:30 → 00:35:32 หรือวิ่งในหมู่บ้านอย่างเงี้ยค่ะมันก็เลย
00:35:32 → 00:35:33 ทำให้เรารู้สึกว่าจริงๆแล้วเรื่องของการ
00:35:33 → 00:35:36 ออกกำลังกายเนี่ยมันไม่ต้องหล่อตอนที่แบบ
00:35:36 → 00:35:39 เราเป็นสตกแล้วเราค่อยแบบว่าคือคุณหมอเขา
00:35:39 → 00:35:41 ก็ออกของเขาอยู่แล้วเป็นปกติตั้งแต่ก่อน
00:35:41 → 00:35:45 เป็นเออก่อนเป็นน่ะก็ยังไปกระโดดแทมปอนไป
00:35:45 → 00:35:48 ฟิตเนดเบาๆใช่นั้นก็เลยรู้สึกว่าจริงๆ
00:35:48 → 00:35:50 เรื่องของการออกกำลังกายเนี่ยคนที่เป็นคน
00:35:50 → 00:35:54 ดูแลผู้ป่วยเนี่ยจริงๆต้องออกกำลังกายมาก
00:35:54 → 00:35:56 กว่าด้วยซ้ำอะไรอย่างเงี้ยใช่ค่ะแล้วมัน
00:35:56 → 00:35:58 ช่วยได้เยอะจรริงๆนะนอกจากการกินแล้วการ
00:35:58 → 00:36:00 ออกกำลังกายแล้วต่อไปมีอะไรอีกมั้ยการนอน
00:36:00 → 00:36:05 การพักผ่อนสำคัญมากพักผ่อนประมาณซัก 7-8-9
00:36:05 → 00:36:08 ช่วโมงอือันนี้คือช่วงอายุเท่าไหร่คะหรือ
00:36:08 → 00:36:10 ว่าทุกช่วงอายุเลยทุกช่วงเลยอก็คือประมาณ
00:36:10 → 00:36:13 8-9 ชมจะดีใช่อืแต่จริงๆเรื่องแล้วก็
00:36:13 → 00:36:19 เวลานะอสำคเวลาเพราะว่าถ้าเกิดเราหลับ
00:36:19 → 00:36:23 ประมาณ 2:00 น 3:00 นมันจะไม่ได้คุณภาพ
00:36:23 → 00:36:28 เหมือนกับ 2 22:00 น 23:00 นอืเพราะอะไร
00:36:28 → 00:36:31 เพราะว่าต่อมใต้สมองของเราอ่ะครับมันจะมี
00:36:31 → 00:36:37 เคานึมหรือว่านาฬิกาชีวิตที่ว่าตอนเช้า
00:36:37 → 00:36:42 เอ่อเราจะมีแสงแดดมีกิจกรรมแล้วก็ตกดึก
00:36:42 → 00:36:47 20:00 น 21:00 นมันจะมืดละแต่ว่าด้วยยุค
00:36:47 → 00:36:52 สมัยเปิดไฟมีอะไรมากระตุ้นเราทำให้เราไม่
00:36:52 → 00:36:56 หลับเวลาที่ควรหลับถ้าเราหลับ 22:00 นไอ้
00:36:56 → 00:37:00 ต่อมใต้สมองเราจะหลั่งเมลาโทนินมาช่วยให้
00:37:00 → 00:37:04 เราหลับลึกจะหลั่งประมาณสักเที่ยงคืนะ
00:37:04 → 00:37:07 ครับแล้วเราก็จะหลับลึกที่ว่าต้องหลับลึก
00:37:07 → 00:37:10 ให้ได้สัก 2-3 ชั่วโมงอใชจริงๆช่วงเวลา
00:37:10 → 00:37:13 หลับนานไม่ไม่สำคัญเท่ากับสำคัเท่ากับปี
00:37:13 → 00:37:16 ช่วงเวลาที่เราหลับลึกแต่แต่ว่าหลับลึก
00:37:16 → 00:37:19 แล้วก็ต้องควรนานนิดนึงนะเออประมาณัก 7 7
00:37:19 → 00:37:23 ช่วโมงก็ได้ 7 ชม 8 ชมก็ได้แต่ว่าต่อ 7-8
00:37:23 → 00:37:26 ชมนั้นน่ะจะต้องเป็นการหลับลึกอ่ะให้ได้
00:37:26 → 00:37:30 สัก 2 ชถึงจะดีต่อร่างกายแล้วคุณหมอหรือ
00:37:31 → 00:37:33 คุณหญิงมีเคล็ดลับอะไรมั้ยคะแบบว่าบางคนเ
00:37:33 → 00:37:36 เป็นคนนอนหลับยากอ่ะอนอนหลับยากอ่ะคนส่วน
00:37:36 → 00:37:40 ใหญ่ก็จะกินยานอนหลับอืแต่ว่ายานอนหลับ
00:37:40 → 00:37:44 อ่ะเอ่อพอกินเข้าไปอ่ะมันก็หลับนะแต่ว่า
00:37:44 → 00:37:47 มันหลับไม่ลึกอมันหลับไม่ลึกอืใช่เพราะ
00:37:47 → 00:37:52 ว่ายามันไปกดระบบประสาทระบบประสาทที่ช่วย
00:37:53 → 00:37:55 หลับลึกแล้วอย่างเงี้ยเราจะมีวิธีทำยังไง
00:37:55 → 00:37:57 ให้ตัวเองหลับง่ายแล้วก็หลับลึกได้บ้าง
00:37:57 → 00:37:59 โดยที่เราไม่ต้องพึ่งยาค่ะเช่นแบบก่อนนอน
00:37:59 → 00:38:01 เรากำหนดลมหายใจมั้ยหรือว่าเราแบบว่านั่ง
00:38:01 → 00:38:03 สมาธิมั้ยหรือยังไงทำทำยังไงได้บ้างเพื่อ
00:38:03 → 00:38:06 ให้หลับได้ง่ายขึ้ต้องจัดสิ่งแวดล้อมของ
00:38:06 → 00:38:11 ห้องนอนอ่า 1 ก็คือต้องปิดไฟให้มืดสนิท
00:38:11 → 00:38:16 เลยต้องต้องปิดมากอากาศเอ่อประมาณสัก 25
00:38:16 → 00:38:19 มือถือเราจะต้องเอาออกไปเลยเอาออกไปเลย
00:38:19 → 00:38:22 นี่คือว่าเราต้องไม่เล่นหรือแค่แบบว่าเอา
00:38:22 → 00:38:25 ไปวางห่างๆใช่เอาเอาออกไปเลยจากห้อง
00:38:25 → 00:38:31 เราใช่เพราะว่ามี WiFi มีอะไรคลื่นนี้ก็
00:38:31 → 00:38:36 คือสิ่งแวดล้อมถ้าจะดีมากนะ 1 ชมงก่อนนอน
00:38:36 → 00:38:40 สวดมนต์นั่งสมาธินะครับหรือว่าอ่ะฟังเพลง
00:38:40 → 00:38:45 ที่มันผ่อนคลายไม่ใช่เพลงแดนชต้องเป็นค
00:38:45 → 00:38:47 คือเรื่องของการนอนหญิงว่ามันคนปัจจุบัน
00:38:47 → 00:38:50 ตอนนี้ค่ะคือถ้าเลี่ยงได้สิ่งเดียวหญิง
00:38:50 → 00:38:52 ว่าทุกคนจะหลับได้ดีก็คือมือถือหรือว่าคน
00:38:52 → 00:38:53 ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องของการนอนอ่ะ
00:38:53 → 00:38:55 เกิดจากการที่เราได้รับสิ่งกระตุ้นก่อน
00:38:55 → 00:38:59 นอนรับสารเยอะๆบางมันกระกระตุ้นฮมความเ
00:39:00 → 00:39:02 ใช่ก็ก็ทำให้นอนไม่หลับคือแค่นั้นจริงๆ
00:39:02 → 00:39:04 ส่วนคนที่ออกกำลังกายอยู่แล้วอ่ะถ้าออก
00:39:04 → 00:39:08 ออกเป็นช่วงเช้าเออใช่การออกกำลังกายช่วง
00:39:08 → 00:39:12 เช้าดีกว่าช่วงดึกช่วงเย็นเพราะอะไรคะ
00:39:12 → 00:39:14 เพราะว่าการออกกำลังกายอ่ะมันเพิ่ม
00:39:14 → 00:39:18 คอร์ติซอลคอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่ความ
00:39:18 → 00:39:21 เครียดเป็นฮอร์โมนของเอเนอร์จี้เออถ้าเรา
00:39:21 → 00:39:26 ออกช่วงเช้ามันจะคอร์ติซอลมันจะสูงตอน
00:39:26 → 00:39:30 เช้าแล้วก็ค่อยๆอืตอนเย็นเราก็จะเริ่ม
00:39:30 → 00:39:33 ง่วงอ๋อเราก็จะได้หลับสบายขึ้นใช่แต่ว่า
00:39:33 → 00:39:36 ถ้าเราออกกำลังกายช่วงเย็นหรือช่วงดึก
00:39:36 → 00:39:39 คอร์ติซอลมันจะพีคขึ้นมาทีนี้เราจะนอนไม่
00:39:39 → 00:39:41 สบายแล้วนั่นแหละบางคนจอกกิ้งตอนเย็นๆ
00:39:41 → 00:39:44 อย่างเงี้ยพอได้เดินเบาๆอย่างเงี้ยค่ะได้
00:39:44 → 00:39:46 แต่บางคนคือออกหนักเลยช่วงแรกอาจจะไม่
00:39:46 → 00:39:49 เป็นแต่บางคนลองทำแบบเไปเรื่อยๆจะสังเกต
00:39:49 → 00:39:51 ว่าหลับยากขึ้นเรื่อยๆก็วันนี้นะคะได้
00:39:51 → 00:39:53 ความรู้มากมายเลยจากคุณหมอซีแล้วก็คุณ
00:39:53 → 00:39:56 หญิงนะคะซึ่งแน่นอนว่าหลักๆการป้องกันและ
00:39:56 → 00:39:58 ดูแลตัวเองไม่ให้เป็นสกก็คือต้องเรื่อง
00:39:58 → 00:40:00 อาหารการกินเรื่องการออกกำลังกายแล้วก็
00:40:00 → 00:40:02 การเออนหลับพักผ่อนที่เพียงพอนะคะช่วง
00:40:02 → 00:40:04 ท้ายแล้วอยากให้คุณหมอช่วยฝากถึงคนที่
00:40:04 → 00:40:06 เป็นสต๊กหน่อยหรือคนที่แบบมีญาติๆเป็น
00:40:06 → 00:40:09 แล้วเขาต้องดูแลว่าเอเราควรจะให้กำลังใจ
00:40:09 → 00:40:12 ยังไงดีแล้วก็ควรจะเ่อดูแลเยังไงดีเพื่อ
00:40:12 → 00:40:14 ให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะผม
00:40:14 → 00:40:18 พูดคนไข้แล้วกันนะ 3 เดือน 4 เดือนแรกถึง
00:40:18 → 00:40:23 แม้ว่าว่างเปล่าแต่ว่าผมอ่ะดีที่ว่าผมยัง
00:40:23 → 00:40:28 มีคุณหญิงนะเอ่อแล้วผมก็ทำตามโปรแกรมที่
00:40:28 → 00:40:34 วางไว้แล้วผมมาจุดเปลี่ยนเลยของตัวเองที่
00:40:34 → 00:40:40 ผมได้ทำงานทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเอง
00:40:40 → 00:40:43 ทุกๆวันทุกๆวันทุกๆวันมันจะเป็นลางกำลัง
00:40:44 → 00:40:47 ใจให้ให้ผมแล้วก็คนดูแลสำหรับคนดูแล
00:40:47 → 00:40:50 สำหรับหญิงคิดว่าเราต้องเข้มแข็งกว่าคน
00:40:50 → 00:40:52 ที่เป็นให้ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะว่า
00:40:52 → 00:40:56 สิ่งที่คนที่เป็นสตคหรือว่าเขาป่วยอ่ะค่ะ
00:40:56 → 00:40:59 คือเขาก็ทางร่างกายอยู่แล้วดังนั้นจิตใจ
00:40:59 → 00:41:01 ก็ไม่ต้องพูดถึงใช่มั้ยคะดังนั้นเนี่ยคน
00:41:01 → 00:41:03 ที่ไม่ได้เป็นต้องคิดเสมอว่าถ้าเขาไม่มี
00:41:03 → 00:41:06 เราเาจะลำบากแค่ไหนดังนั้นเนี่ยเราก็ต้อง
00:41:06 → 00:41:09 เข้มแข็งกว่าเขาให้ได้มากกว่าถ้าเขา 50
00:41:09 → 00:41:12 เราก็ต้อง 100 นถ้าเขา 100 นเราก็ต้องไป
00:41:12 → 00:41:15 ถึง 150 อะไรแบบเยค่ะเราก็จะได้ดูแลเขา
00:41:15 → 00:41:18 ได้แล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วใช่ค่ะด้วย
00:41:18 → 00:41:20 ค่ะแล้ววันนี้นะคะทางเกราก็มีเสื้อมามอบ
00:41:20 → 00:41:22 ให้กับคุณหมอเหมือนกันค่ะถ้าใครสนใจนะคะ
00:41:22 → 00:41:24 สั่งซื้อได้ที่ลิงก์ด้านล่างค่ะเรามีทั้ง
00:41:24 → 00:41:26 เวอร์ชั่นภาษาไทยและเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
00:41:26 → 00:41:29 นะคะก่อนจะจากไปนะคะก็ขอให้คุณหมอแล้วก็
00:41:29 → 00:41:31 คุณหญิงเนี่ยช่วยแนะนำหน่อยว่าเออคลินิก
00:41:31 → 00:41:33 อยู่ที่ไหนยังไงถ้าคนสนใจเนี่ยจะเข้ามาหา
00:41:33 → 00:41:35 ต้องมาที่ไหนยังไงบ้างติดต่อได้ทางไหน
00:41:35 → 00:41:38 บ้างก็สำหรับใครที่เอ่ออยากจะเจอกับคุณ
00:41:38 → 00:41:40 หมอซีนะคะก็สามารถเข้าไปได้ใน tiktok ของ
00:41:40 → 00:41:44 คุณหมอซีนะคะซ official แล้วก็ฝากเพจด้วย
00:41:44 → 00:41:46 เพราะว่าอยากให้เพจเ่อที่หญิงทำขึ้นมาก็
00:41:46 → 00:41:48 คือสู้ Stroke ด้วยความหวังอคะเป็นเพจ
00:41:48 → 00:41:51 สำหรับคนที่อยากจะดูแลตัวเองรวมทั้งคนที่
00:41:51 → 00:41:54 มีคนที่ป่วยเป็นสกสามารถเข้าไปดูข้อมูล
00:41:54 → 00:41:56 เพื่อเป็นกำลังใจแล้วก็ได้เป็นความรู้
00:41:56 → 00:41:58 ด้วยค่ะสำหรับใครที่มีคำถามนะคะก็สามารถ
00:41:58 → 00:41:59 คอมเมนต์ไว้ได้ที่ใต้คลิปแล้วเดี๋ยวทีม
00:41:59 → 00:42:01 งานนะคะจะไปคัดเลือกแล้วมาสอบถามคุณหมอ
00:42:01 → 00:42:03 ให้ค่ะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์แล้วก็กด
00:42:03 → 00:42:05 Subscribe ให้กับช่องเด้วยนะคะสำหรับวัน
00:42:05 → 00:42:07 นี้พวกเราต้องขอตัวลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:42:07 → 00:42:11 สวัสดีครับสวัสดีค่ะสวัสดี
00:42:11 → 00:42:26 [เพลง]
00:42:26 → 00:42:30 ครับ n