00:00:00 → 00:00:04 คว้าโอกาสล่าอนาคตล้วง Inside ถ้าคุณคือ
00:00:04 → 00:00:08 คนที่ต้องนำองค์กรบริหารขับเคลื่อนธุรกิจ
00:00:08 → 00:00:11 สู่อนาคตถ้าคุณคือคนที่ต้องมีส่วนร่วมใน
00:00:11 → 00:00:14 การกำหนดนโยบายวางกลยุทธ์ทั้งภาครัฐและ
00:00:14 → 00:00:18 เอกชนถ้าคุณคือคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้าง
00:00:18 → 00:00:21 ความเปลี่ยนแปลงนี่คือฟัมแห่งปีที่คุณไม่
00:00:21 → 00:00:25 ควรพลาดครับจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 กับ
00:00:25 → 00:00:28 งาน The Standard Economic forum
00:00:28 → 00:00:32 2023 Future Ready Thailand เศรษฐกิจ
00:00:32 → 00:00:36 ไทยไล่ล่าอนาคตรวมผู้นำระดับโลกและไทย
00:00:36 → 00:00:40 กว่า 40 คนไว้ในงานเดียวพบกับเศรษฐา
00:00:40 → 00:00:42 ทวีศิลป์บรรทุนล่ำซำเศรษฐพุฒิ
00:00:42 → 00:00:45 สุทธิวาทนฤพุฒิสุรเกียรติเสถียรไทย
00:00:45 → 00:00:48 ศุภวุฒิสายเชื้อกอบศักดิ์ภูตระกูลพยง
00:00:48 → 00:00:51 ศรีวนิชขัตติยาอินทรวิชัยสมโภชอาหุนัย
00:00:51 → 00:00:54 ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจฟาบริซิโอ
00:00:54 → 00:01:00 ซาโน่เก็บครบทุกมิติเจาะลึกเาเทรน 2024
00:01:00 → 00:01:04 ทั้งมิติเศรษฐกิจพลังงานเทคโนโลยีสิ่งแวด
00:01:04 → 00:01:09 ล้อมสังคมและการเมืองเจาะือก ins อัปเดต
00:01:09 → 00:01:12 ข้อมูลล่าสุดก่อนใครจากผู้เชี่ยวชาญตัว
00:01:12 → 00:01:16 จริงแลกเปลี่ยนความรู้ลุกวงในกับผู้นำทาง
00:01:16 → 00:01:20 ความคิดระดับโลกและไทยกว่า 40 คนเปิด
00:01:20 → 00:01:23 โอกาสในการสร้าง networking community
00:01:23 → 00:01:26 ที่รวมผู้นำและผู้ออกแบบนโยบายกว่า 3,000
00:01:26 → 00:01:32 คนพบกันวันที่ 23 ถึง 25 พฤศจิกายน
00:01:32 → 00:01:36 2566 จัด 3 วันเต็มณศูนย์การประชุมแห่ง
00:01:36 → 00:01:38 ชาติสิริกิติ์ซื้อบัตร Early bir ราคา
00:01:38 → 00:01:43 2,500 บาทได้แล้ววันนี้ถึง 31 ตุลาคม
00:01:43 → 00:01:47 เท่านั้นคว้าโอกาสล่าอนาคตล้วง Inside
00:01:47 → 00:01:51 กับงาน The Standard Economic forum
00:01:51 → 00:01:55 2023 Future Lady Thailand เศรษฐกิจ
00:01:55 → 00:01:58 ไทยไล่ล่า
00:01:58 → 00:02:03 อนาคต
00:02:03 → 00:02:05 เวลาพูดถึงเกลือในสมัยนี้นะครับกลายเป็น
00:02:05 → 00:02:08 ตัวร้ายวายร้ายของสุขภาพของเราไปแล้วนะ
00:02:08 → 00:02:10 ครับแล้วก็ทำให้เกิดมีเทรนด์ใหม่ๆไม่ว่า
00:02:10 → 00:02:13 จะเป็น low salt หรือว่า No salt นะ
00:02:13 → 00:02:16 ครับมีการนลงให้เรากินเกลือน้อยลงเพราะ
00:02:16 → 00:02:18 ไม่งั้นเนี่ยจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมามาก
00:02:18 → 00:02:21 มายตอนที่เราแก่ตัวไปนะครับแต่ว่าการที่
00:02:21 → 00:02:24 เราใส่เกลือในอาหารน้อยลงมันก็ทำให้อาหาร
00:02:24 → 00:02:26 มันไม่อร่อยใช่มั้ยหลายคนก็เลยทำไม่ได้
00:02:26 → 00:02:28 หรอกไอ้โลซออะไรเนี่ยเพราะฉะนั้นวันนี้
00:02:28 → 00:02:30 ครับผมก็พยายามหาวิธีมาว่าเอ๊มันจะมีวิธี
00:02:30 → 00:02:33 อะไรมยที่จะช่วยเราในการทริกสมองของเรา
00:02:33 → 00:02:36 ให้เรารู้สึกว่าอาหารของเราเนี่ยมันยัง
00:02:36 → 00:02:39 อร่อยอยู่โดยที่เรากินเกลือน้อยลงครับ
00:02:39 → 00:02:42 This is the Standard podcast Eye
00:02:42 → 00:02:44 Opening for your
00:02:44 → 00:02:48 ears Top tile podcast สุขภาพที่ใช้
00:02:48 → 00:02:52 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:02:52 → 00:02:55 เท้าก่อนอื่นมาพูดถึงเกลือซักนิดหน่อย
00:02:55 → 00:02:57 แล้วกันนะครับคือเกลือจริงๆเนี่ยมันก็มี
00:02:57 → 00:02:59 ประโยชน์กับร่างกายนะครับไม่งั้นเนี่ย
00:02:59 → 00:03:01 ลิ้นของของเราไม่ถูกพัฒนามาให้มีต่อมรับ
00:03:01 → 00:03:03 รดเค็มหรอกเพราะว่าจริงๆร่างกายเนี่ย
00:03:03 → 00:03:05 ต้องการเกลือถามว่าต้องการเกลือไปทำไมนะ
00:03:05 → 00:03:07 ครับคือเกลือเนี่ยจำเป็นในการรักษา
00:03:07 → 00:03:10 Balance รักษาสมดุลของน้ำในร่างกายของ
00:03:10 → 00:03:12 เราแล้วก็เกลือสำคัญมากนะครับในการทำให้
00:03:12 → 00:03:15 การส่งกระแสประสาทเนี่ยมันทำงานได้ดีควบ
00:03:15 → 00:03:18 คุมการทำงานของกล้ามเนื้อให้มีการหดการ
00:03:18 → 00:03:20 คคลตัวได้นะครับเรียกได้ว่าขาดเกลือไม่
00:03:20 → 00:03:24 ได้เลยเนาะแต่ถ้าเกิดว่าเรากินเกลือมาก
00:03:24 → 00:03:26 เกินไปกว่าที่ร่างกายต้องการนะครับก็
00:03:26 → 00:03:28 อันตรายมากเช่นกันนะครับคือถ้ากินเกลือ
00:03:28 → 00:03:32 เยอะความเราก็จะสูงนะครับความดันสูงปึ๊บ
00:03:32 → 00:03:35 ก็จะมีโรคพ่วงตามมาเต็มเลยไม่ว่าจะเป็น
00:03:35 → 00:03:38 อ่าความดันเบาหวานหัวใจนะครับรวมไปถึงโรค
00:03:38 → 00:03:41 ไตวายด้วยนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยจึงเกิด
00:03:41 → 00:03:44 การรณรงค์มากมายเลยว่าเอ้อกินเกลือน้อยลง
00:03:44 → 00:03:46 เหอะรู้มั้ยครับว่าจริงๆแล้วร่างกายเรา
00:03:46 → 00:03:50 เนี่ยต้องการเกลือเพียงแค่ประมาณ 1,500
00:03:50 → 00:03:52 มิลกรัมไม่เกินนั้นนะครับคือเทียบแล้วก็
00:03:52 → 00:03:55 ประมาณ 3/4 ช้อนชาเท่านั้นแต่ทุกๆวัน
00:03:55 → 00:03:57 เนี้ยครับที่เรากินกิอาหารอยู่ทุกวัน
00:03:57 → 00:04:01 เนี่ยเกินครับเราอาจจะกินเกินไป 3-4 เท่า
00:04:01 → 00:04:03 ต่อวันเลยโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปนะ
00:04:03 → 00:04:06 ครับจึงเป็นที่มาว่าเฮ้ยต้องหาวิธีหน่อย
00:04:06 → 00:04:09 น่าในการลดปริมาณเกลือนะครับแล้วทำไมปกติ
00:04:09 → 00:04:11 แล้วเราถึงติดเค็มกันจังเลยหรือว่าติดการ
00:04:11 → 00:04:14 กินอาหารรสจัดจังเลยนะครับต้องบอกว่า
00:04:14 → 00:04:20 เกลือเนี่ยมีอานุภาพมีพิษสงเทียบเท่ากับ
00:04:20 → 00:04:23 พวกฝิ่นหรือว่าเฮโรอินเลยนะครับเพราะว่า
00:04:23 → 00:04:26 การที่เรากินเกลือเข้าไปเนี่ยนะครับมัน
00:04:26 → 00:04:29 สามารถที่จะไปกระตุ้นส่วนนึงของสมองนะ
00:04:29 → 00:04:32 ครับเเรียกมันว่า opioid System กิน
00:04:32 → 00:04:33 เกลือเข้าไปแล้วเนี่ยครับมันจะทำให้เกิด
00:04:33 → 00:04:36 การหลั่ง neurotransmitter หรือว่าสาร
00:04:36 → 00:04:39 สื่อประสาทในพาร Way ของ Op Oil นะครับ
00:04:39 → 00:04:42 ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความสุขรู้สึก
00:04:42 → 00:04:45 ฟินรู้สึกอารมดีจังเลยนะครับเพราะฉะนั้น
00:04:45 → 00:04:47 เนี่ยใครก็ตามที่เติบโตมาใน environment
00:04:47 → 00:04:50 ที่ที่บ้านอ่ะทำอาหารรสจัดก็คือแบบโอ้โห
00:04:50 → 00:04:54 รสชาติจัดจ้านปรุงแซ่บถึงใจเข้มข้นเนี่ย
00:04:54 → 00:04:56 ครับก็จะมีการใส่เกลือเยอะเราเติบโตมารู้
00:04:56 → 00:04:58 สึกว่าอุ้ยอาหารมันอร่อยมันอร่อยนะสมอง
00:04:58 → 00:05:01 มันหลั่งสารเคมีในสมองที่รู้สึกว่าเฮ้ย
00:05:01 → 00:05:04 มันฟินจังเลยเราก็รู้สึกว่าเฮ้ยดีว่ะกิน
00:05:04 → 00:05:07 อันนี้สมองฟินรึกเสพติดความฟินก็เลยกิน
00:05:07 → 00:05:10 อาหารนี้อีกแล้วก็ฟินกลับไปกลับมาเรื่อยๆ
00:05:10 → 00:05:12 เป็นูปจนเราติดเป็นนิสัยพอโตมาหรือเราไป
00:05:12 → 00:05:14 สั่งอาหารร้านไหนแล้วอาหารมันค่อนข้างจืด
00:05:14 → 00:05:17 เนี่ยเราก็รู้สึกว่ามันไม่อร่อยเลยเพราะ
00:05:17 → 00:05:19 ว่าอาหารจืดๆเนี่ยมันไม่สามารถกระตุ้นให้
00:05:19 → 00:05:21 สมองของเราเนี่ยมันรู้สึกดีได้เหมือนกับ
00:05:22 → 00:05:25 อาหารแซ่บๆอาหารรถจัดๆนะครับเพราะฉะนั้น
00:05:25 → 00:05:28 เด็กบ้านไหนที่เติบโตมาด้วยพ่อแม่ทำอาหาร
00:05:28 → 00:05:31 จืดๆปุอ่อนๆมาตลอดเนี่ยเด็กพวกนั้นเนี่ย
00:05:31 → 00:05:33 เขาคก็จะไม่เสพติดสารเคมีที่ทำให้เกิด
00:05:33 → 00:05:36 ความสุขจากการกินอาหารรดจัดเคก็รู้สึกว่า
00:05:36 → 00:05:38 เออกินอาหารรดจัดเกลือน้อยเนี่ยก็ไม่เป็น
00:05:38 → 00:05:41 ไรแต่ตรงคงข้ามบ้านไหนเลี้ยงมาแบบอาหาร
00:05:41 → 00:05:44 แซ่บๆนะครับเป็นเรื่องทุกคนติดอาหารรดจัด
00:05:44 → 00:05:47 ทุกคนนะครับนี่คือที่มาว่าทำไมคนเรามักจะ
00:05:47 → 00:05:50 เสพติดอาหารรสจัดเพราะว่าเกลือเนี่ยมัน
00:05:50 → 00:05:52 สามารถทำให้เกิดการหลังสารเคมีแห่งความ
00:05:52 → 00:05:55 สุขในสมองได้นั่นเองไม่แตกต่างจากฝิ่น
00:05:55 → 00:05:57 แล้วก็เฮโรอินเลยละครับเท่านั้นยังไม่พอ
00:05:57 → 00:06:00 นะถ้าเกิดว่าใครติดเกลือส่วนใหญ่เนี่ยมัก
00:06:00 → 00:06:03 จะติดน้ำตาลไปด้วยนะครับเพราะว่าอ่าระบบ
00:06:03 → 00:06:05 ประสาทของเกลือกับน้ำตาลที่มันกระตุ้น
00:06:05 → 00:06:08 สมองเนี่ยมันไปในพารท Way เดียวกันคือมัน
00:06:08 → 00:06:10 ร่วมกันทำงานน่ะแล้วไม่เท่านั้นคือเวลา
00:06:10 → 00:06:12 ปรุงอาหารเนี่ยการใส่น้ำตาลแล้วไม่ตัด
00:06:13 → 00:06:14 เกลือหรือการใส่เกลือไม่ตัดน้ำตาลเนี่ย
00:06:14 → 00:06:17 มันทำให้อาหารเนี่ยกลมกล่อมลดน้อยลงนะ
00:06:17 → 00:06:19 ครับเพราะฉะนั้นโดยปริยายถ้าคนไหนติด
00:06:19 → 00:06:23 เกลือก็มักจะโหยหรืออยากได้อาหารที่มีคน
00:06:23 → 00:06:25 ของน้ำตาลสูงขึ้นตามไปด้วยนะครับเพราะ
00:06:25 → 00:06:27 ฉะนั้นก็จะได้โรคมาครบทุกโรคอ่ะครับไม่
00:06:27 → 00:06:30 ว่าจะเป็นเบาหวานความดันหัวใจเนาะเพรา
00:06:30 → 00:06:32 งั้นถึงเวลาที่ต้องมาคอนเซิร์นเรื่อง
00:06:33 → 00:06:35 เกลือกันนะครับทุกคนมามาดูกันดีกว่าว่า
00:06:35 → 00:06:39 โอเครู้แหละเกลือมันกินเยอะเกินไปอันตราย
00:06:39 → 00:06:42 แล้วมันจะมีวิธีในการทริกสมองหรือเอ๊จะจะ
00:06:42 → 00:06:45 มีวิธีการเทรนตัวเองยังไงให้เราลดการกิน
00:06:45 → 00:06:48 เกลือได้นะครับผมก็พยายามไปหาวิธีมาให้
00:06:48 → 00:06:51 แล้วก็เจอหลายวิธีเลยมาเริ่มวิธีแรกครับ
00:06:51 → 00:06:55 วิธีแรกนะครับเราจะใช้ความเปรี้ยวช่วยที่
00:06:55 → 00:06:59 จะทำให้เรากินเกลือน้อยลงครับผมท้าเลยใคร
00:06:59 → 00:07:01 ที่ฟัง Episode นี้จบนะครับลองไปกิน
00:07:01 → 00:07:04 ก๋วยเตี๋ยวหรือว่าลองไปกินต้มยำนะครับที่
00:07:04 → 00:07:06 ต้องมีการปรุงรสเปรี้ยวเค็มอะไรสักอย่าง
00:07:06 → 00:07:08 เงี้ยหรือถ้าเกิดใครเคยทำกับข้าวเนี่ยน่า
00:07:08 → 00:07:11 จะเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้นะครับคือเรา
00:07:11 → 00:07:14 เริ่มปรุงซุปโดยการเติมน้ำปลาหรือว่าเติม
00:07:15 → 00:07:17 เกลือลงไปก่อนแล้วถ้าเกิดคุณเติมรู้สึก
00:07:17 → 00:07:21 ว่าเออมันยังไม่ค่อยเค็มเลยเนาะเอเราเติม
00:07:21 → 00:07:23 อีกสักนิดดีกว่าแล้วปรากฏว่าคุณเติมน้ำ
00:07:23 → 00:07:26 ป่าเพิ่มอแล้วะแล้วอยู่ๆคุณบีบมะนาวตามลง
00:07:26 → 00:07:29 ไปคราวเนี้ยความเค็มคือพุ่งปี๊ดเลยนะนะ
00:07:29 → 00:07:31 ครับเพราะว่าความเปรี้ยวเนี่ยครับมัน
00:07:31 → 00:07:34 สามารถจะดึงความเค็มได้ถามว่าทำไมปกติ
00:07:34 → 00:07:36 แล้วที่ลิ้นของเรามีตุ่มรับรถใช่มั้ยมี
00:07:36 → 00:07:40 ตุ่มรับรถ 5 แบบก็คือความหวานความเข้ม
00:07:40 → 00:07:43 ความเปรี้ยวความขมแล้วก็มีรถอูมิด้วย 5
00:07:43 → 00:07:46 รถนะครับแต่ว่าไอ้ตุ่มรับรดกับสัญญาณที่
00:07:46 → 00:07:49 ส่งไปสมองเนี่ยมันไม่ได้เป็นตัวเลขแบบ 1:1
00:07:49 → 00:07:51 ง่ายๆอ่ะเช่นเราได้เกลือมาทั้งหมด 10
00:07:52 → 00:07:54 หน่วยสมองจะแปลความว่า 10 หน่วยมันไม่ใช่
00:07:54 → 00:07:57 แบบนั้นเพราะว่าไอ้ตุ่มทั้งหมดเนี่ยทั้ง 5
00:07:57 → 00:07:59 รูปแบบเนี่ยมันมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกัน
00:07:59 → 00:08:02 มากกว่านั้นครับอย่างตุ่มรับรถเค็มกับ
00:08:02 → 00:08:05 ตุ่มรับรถเปรี้ยวเนี่ยมันมีการเชื่อม
00:08:05 → 00:08:08 เน็ตเวิร์กทำงานส่งสัญญาณไปประสานพร้อม
00:08:08 → 00:08:12 กันนะถ้าคุณกินรสเค็มไป 8 หน่วยคุณอาจจะ
00:08:12 → 00:08:14 ไม่ได้รับแค่ 8 หน่วยนะถ้าเกิดมันมีความ
00:08:14 → 00:08:16 เปรี้ยวอยู่ในนั้นเติมความเปรี้ยวเข้าไป
00:08:16 → 00:08:19 นิดนึงเช่นสัก 2 หน่วยความเค็มคุณอาจจะ
00:08:19 → 00:08:21 กระเด้งขึ้นไปเป็น 15 หน่วยหรือ 20 หน่วย
00:08:21 → 00:08:23 เลยก็ได้นะครับโดยที่เราไม่จำเป็นต้อง
00:08:23 → 00:08:25 เติมเกลือหรือว่าได้รับเกลือเพิ่มเลยแต่
00:08:25 → 00:08:28 เราจะรู้สึกว่าเฮ้ยมันเค็มขึ้นว่ะอาหาร
00:08:28 → 00:08:31 มันลดจัดขึ้นเพียงแค่มี Element ของความ
00:08:31 → 00:08:33 เปรี้ยวเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยนะครับเพราะ
00:08:33 → 00:08:35 ฉะนั้น strategy แรกใช้ความเปรี้ยวช่วย
00:08:35 → 00:08:37 ดึงความเค็มขึ้นมาครับถามว่าเปรี้ยวจาก
00:08:37 → 00:08:40 ไหนได้บ้างอ่ะเปรี้ยวจากวิก้าหรือว่าน้ำ
00:08:40 → 00:08:42 ส้มสายชูก็ได้หรือว่าจะเปรี้ยวจากผลไม้
00:08:42 → 00:08:45 ที่มีรสเปรี้ยวไม่ว่าจะเป็นมะนาวไทยไม
00:08:45 → 00:08:47 หรือว่ามะนาวฝรั่งเลมอนหรือว่าจะเป็นส้ม
00:08:48 → 00:08:50 ก็ได้นะครับส่วนวิก้าเองเนี่ยได้หมดเลย
00:08:50 → 00:08:53 ไม่ว่าจะเป็น Red วิก้า Rice ไวิการ Apple
00:08:53 → 00:08:56 Cider balsamic หรือว่า flav vinegar
00:08:56 → 00:08:58 คือวิการที่มีการปรุงรสนะครับแต่เช็คนิด
00:08:58 → 00:09:01 นึงอ่านเลเบลมานิดนึงว่าเขาไม่ได้ใส่
00:09:02 → 00:09:05 เกลือเพิ่มเข้าไปไม่ใช่ว่าคุณใส่วิกแต่ัก
00:09:05 → 00:09:06 นั้นดันมีเกลือเพิ่มเข้าไปอีกก็ไม่ได้
00:09:07 → 00:09:09 ช่วยให้คุณลดเกลือนะครับเราแค่ต้องการ
00:09:09 → 00:09:11 เพิ่ม acidity คือความเปรี้ยวเข้าไปเพื่อ
00:09:11 → 00:09:14 ดึงให้สมองรับรู้ถึงความเค็มได้มากยิ่ง
00:09:14 → 00:09:16 ขึ้นเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเติมเกลือ
00:09:16 → 00:09:19 หรือว่าน้ำปลาเพิ่มนะครับทริกที่ 2 เรา
00:09:19 → 00:09:22 ใช้ความเผ็ดเข้ามาช่วยทำให้เราต้องการ
00:09:22 → 00:09:25 ความเข็มน้อยลงครับความเผ็ดก็ช่วยได้เช่น
00:09:25 → 00:09:28 กันไม่แตกต่างจากความเปรี้ยวนะครับจริงๆ
00:09:28 → 00:09:30 เ่ะหลักการมันคล้าคล้ายกันเลยเนาะโดย
00:09:30 → 00:09:33 แคปไซซินนี่เป็นสารที่ให้ความร้อนรุนแรง
00:09:33 → 00:09:35 ที่อยู่ในพริกเนี่ยครับพอเรากินเข้าไป
00:09:35 → 00:09:38 ปึ๊บมันทำให้เกิดฮีทหรือความร้อนเนี่ยไป
00:09:38 → 00:09:40 บอกสมองแล้วสมองก็จะร้อนนะครับเท่านั้น
00:09:40 → 00:09:43 ยังไม่พอครับพอเรากินแคปไซซินเข้าไปนะ
00:09:43 → 00:09:47 ครับมันจะไปกระตุ้นรจนในสมองที่ sensitive
00:09:47 → 00:09:49 กับความเค็มเนี่ยให้มัน sensitive กับ
00:09:49 → 00:09:51 ความเค็มได้มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีความ
00:09:51 → 00:09:54 เผ็ดนะครับนั่นหมายความว่าถ้าคุณเติมความ
00:09:54 → 00:09:57 เผ็ดเข้าไปเนี่ยร่างกายจะรู้สึกว่าอาหาร
00:09:57 → 00:09:59 มันจะเค็มขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเติมนะไม่
00:09:59 → 00:10:01 ต่างกับความเปรี้ยวเลยนะครับเพราะฉะนั้น
00:10:01 → 00:10:04 เติมเปรี้ยวเติมเผ็ดก็จะช่วยทำให้อาหาร
00:10:04 → 00:10:06 มันเจ้มจ้นขึ้นโดยที่คุณไม่ต้องเติมเกลือ
00:10:06 → 00:10:09 นั่นเองนะครับพูดง่ายๆวิธีที่ 3 นะครับ
00:10:09 → 00:10:14 คือเราไปโฟกัสที่ตุ่มรับรถตุ่มอื่นก็คือ
00:10:14 → 00:10:18 ตุ่มอูมามิแทนตุ่มความเค็มครับเพราะว่า
00:10:18 → 00:10:20 ถ้าเกิดว่าเราใส่ Element ในอาหารของเรา
00:10:20 → 00:10:22 เครื่องปรุงในอาหารที่มันสามารถจะไป
00:10:22 → 00:10:24 กระตุ้นไอ้เจ้าอูมิให้มันเพิ่มมากขึ้น
00:10:24 → 00:10:26 เนี่ยเราก็จะรู้สึกว่าเอ้ออาหารมันอร่อย
00:10:26 → 00:10:29 อาหารมันกลมกล่อมมากขึ้นโดยที่ไม่จำต้อง
00:10:29 → 00:10:31 เพิ่มความเค็มได้นะครับใครที่ไม่รู้จัก
00:10:31 → 00:10:34 อูมิคืออะไรครับอูมิพูดง่ายๆมันคือรส
00:10:34 → 00:10:35 อร่อยนะครับจริงๆแล้วทางวิทยาศาสตร์มัน
00:10:35 → 00:10:40 คือเวอร์ที่มีความเป็นี้มีความเป็นเวี่
00:10:40 → 00:10:42 คือมีความแบบคาวๆอ่ะมีความแบบเหมือนกิน
00:10:43 → 00:10:45 เนื้อเข้าไปนะครับซึ่งไอ้รสชาติเหล่านั้น
00:10:45 → 00:10:47 มันทำให้อาหารอร่อยนะครับก็คือผงชุดรสนี่
00:10:47 → 00:10:49 แหละมันสามารถที่จะไปกระตุ้นไอ้เจ้าอูมิ
00:10:49 → 00:10:52 ต่อมรับรสอูมามิได้นะครับทีนี้แล้วอูมิ
00:10:52 → 00:10:54 มันมีอยู่ในอาหารอะไรบ้างนะครับอาหารตาม
00:10:54 → 00:10:56 ธรรมชาติเลยนะครับเดี๋ยวลองฟังดูมีอะไร
00:10:56 → 00:10:58 บ้างนะมี
00:10:58 → 00:11:02 สาหร่ายเห็ดมะเขือเทศชีสอย่างพิซาเนี่ยมี
00:11:02 → 00:11:06 เยอะนะครับชาเขียวกิมจิมิโสะกระเทียมซอย
00:11:07 → 00:11:09 ซอสออยสเตอร์ซอสหรือว่าพวกซอสซีอิ๊วต่างๆ
00:11:09 → 00:11:12 หรือว่าพวกซอสหอยหนังรมเนี่ยก็มีสารที่
00:11:12 → 00:11:14 เป็นอุมิเยอะเพราะมันผ่านการเคี่ยวมานะ
00:11:14 → 00:11:16 ครับแต่ต้องระวังนะไอ้เจ้าซอยซอกับ
00:11:16 → 00:11:18 ออยสเตอร์ซอสเนี่ยก็ควรจะเลือกใช้ตัวที่
00:11:18 → 00:11:22 มันเป็นซอให้มากที่สุดเนาะอย่างที่บอกใช้
00:11:22 → 00:11:24 ไอ้เจ้าพืชและผักที่ได้จากธรรมชาติที่ผม
00:11:24 → 00:11:27 ว่าไปเนี่ยใส่เข้าไปในอาหารบางครั้งเนี่ย
00:11:27 → 00:11:30 ครับเพิ่มลดอูมีคุณอาจจะไม่ต้องใช้เกลือ
00:11:30 → 00:11:32 เยอะเลยหรือไม่ต้องใช้น้ำปลาเยอะเลยนะ
00:11:32 → 00:11:35 ครับมันก็จะชูรดให้เวลาสอาหารมันสัมผัส
00:11:35 → 00:11:37 ลิ้นเนี่ยเรารู้สึกว่าเอ้ยมันอร่อยและรส
00:11:37 → 00:11:40 ชาติมันแบบเข้มข้นสะใจแซ่บและนะครับก็จะ
00:11:40 → 00:11:43 ช่วยได้ครับวิธีที่ 4 ครับเราไปเปรี้ยว
00:11:43 → 00:11:46 เราไปเผ็ดเราไปอุมิมาแล้วเนาะวิธีที่ 4
00:11:46 → 00:11:50 คือเราใช้เครื่องเทศเข้ามาช่วยครับพวก erb
00:11:50 → 00:11:52 พวกสมุนไพรหรือว่าพวกสไปซ์เครื่องเทศต่าง
00:11:52 → 00:11:55 ๆเนี่ยถ้าเราใส่สิ่งเหล่าเนี้ยลงไปใน
00:11:55 → 00:11:58 อาหารของเรามากขึ้นเนี่ยครับสัญญาณประสาท
00:11:58 → 00:12:00 ที่บอกบอกว่ารสชาติมันอร่อยรสชาติมันเข้ม
00:12:00 → 00:12:02 ข้นเนี่ยมันก็จะถูกส่งไปยังสมองมากยิ่ง
00:12:02 → 00:12:04 ขึ้นโดยที่เราไม่จำเป็นต้องใส่เกลือเยอะ
00:12:04 → 00:12:07 เลยนะครับถามว่าใช้อะไรได้บ้างจริงๆก็ได้
00:12:07 → 00:12:09 ทุกอย่างเลยเอาง่ายๆเลยนะครับเวลาเราไป
00:12:09 → 00:12:12 กินอาหารเนี่ย้ามีกระปุกเกลือกับพริกไทย
00:12:12 → 00:12:14 เนาะถ้าใครเคยชินกับโอ้โหต้องใช้เกลือเท
00:12:14 → 00:12:17 เกลือก่อนเลยลองใจเย็นๆดันกระปุกเกลือไป
00:12:17 → 00:12:20 ก่อนแล้วลองบิดไอ้เจ้าพริกไทยเม็ดนะครับ
00:12:20 → 00:12:23 บิดสดๆเลยนะครับเป็นผงพริกไทยดำเนี่ยครับ
00:12:23 → 00:12:26 รับรองว่าเอ้ยมันจะช่วยชูให้รสชาติอาหารน
00:12:26 → 00:12:28 มันโอเคขึ้นอร่อยขึ้นแล้วลองไม่ใช้เกลือ
00:12:28 → 00:12:31 คุณก็ยังสามารถจะ Enjoy อาหารได้โดยใช้
00:12:31 → 00:12:33 พริกไทยดำเข้าไปแทนเนาะนอกจากนั้นยังมี
00:12:33 → 00:12:35 เต็มเลยนะครับไม่ว่าจะเป็นใบกะเพราผง
00:12:35 → 00:12:37 ขมิ้นยี่หล่าปาปริก้าจริงๆอ่ะ Spice ทั้ง
00:12:37 → 00:12:41 หมดหรือว่า erb ทั้งหมดที่แบบเป็นพวกผงๆ
00:12:41 → 00:12:43 ที่เขามีขายตามทั่วไปตามเชลฟเนี่ยครับ
00:12:43 → 00:12:45 ต้องมาใช้เป็นการหมักเป็นเครื่องเทศในการ
00:12:45 → 00:12:48 หมักอาหารต่างๆเนี่ยลองใช้ทดแทนเกลือครับ
00:12:48 → 00:12:50 ก็จะช่วยทำให้อาหารยังอร่อยอยู่โดยที่ไม่
00:12:50 → 00:12:53 ต้องกินเกลือได้นะครับทำน้ำสอกเองครับจะ
00:12:53 → 00:12:55 บอกเลยว่าไอ้พวกสต๊อกก้อนน่ะซุปก้อนหรือ
00:12:55 → 00:12:58 ว่าซุปผงต่างๆเนี่ยมันมีปริมาณเกลือที่
00:12:58 → 00:13:00 สูงมากมากนะครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าใคร
00:13:00 → 00:13:03 เป็นคนทำกับข้าวเองแนะนำให้ลองเคี้ยว
00:13:03 → 00:13:05 สต๊อกน้ำสต๊อกน้ำซุปขึ้นมาด้วยตัวเองนะ
00:13:05 → 00:13:08 ครับจากจะเป็นพวกผักต่างๆหรือว่าเป็นพวก
00:13:08 → 00:13:10 กระดูกสัตว์ก็น่าจะช่วยได้ดีกว่านะครับ
00:13:10 → 00:13:12 และสุดท้ายครับควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่
00:13:12 → 00:13:14 เป็นอาหารกระป๋องเลยนะครับแล้วก็อาหารพวก
00:13:15 → 00:13:16 ready to eat หรือว่า process Food
00:13:16 → 00:13:19 นะครับอาหารเหล่าเนี้ยมี Content ของ
00:13:19 → 00:13:20 เกลือที่ค่อนข้างเยอะนะครับเพราะมัน
00:13:20 → 00:13:23 จำเป็นที่จะต้องใช้ในการถนอมอาหารด้วยนะ
00:13:23 → 00:13:25 ครับแล้วก็ทำให้อาหารมันอยู่นานเพราะ
00:13:25 → 00:13:27 ฉะนั้นเลี่ยงได้เลี่ยงเถอะครับกินอาหาร
00:13:27 → 00:13:30 ที่ปรุงสดใหม่ๆจากวัตถุดิบสดๆก็จะทำให้
00:13:30 → 00:13:32 เราได้เกลือในประริมาณที่น้อยกว่าครับและ
00:13:32 → 00:13:35 เหนือสิ่งอื่นใดครับทั้งหมดทั้งมวลเนาะ
00:13:35 → 00:13:38 เป็นเทคนิคที่อยากเชิญชวนให้ทุกๆคนค่อยๆ
00:13:38 → 00:13:40 ทำถ้าเกิดว่าใครคนไหนเติบโตมาในการกิน
00:13:40 → 00:13:41 อาหารรถแซ่บรสจัดอ่ะมันไม่ได้เปลี่ยนได้
00:13:41 → 00:13:43 ภายในวัน 2 วันเดือน 2 เดือนหรอกยังไงเรา
00:13:43 → 00:13:46 ก็ชินกับอาหารรสจัดนะครับแต่เราสามารถจะ
00:13:46 → 00:13:49 ค่อยๆเทรนตุ่มรับรถหรือว่าลิ้นเราได้ภาษา
00:13:49 → 00:13:52 อังกฤษมันเรียกว่า Test but adaptation
00:13:52 → 00:13:55 คือการปรับเทสบัตรของเราให้เคยชินกับ
00:13:56 → 00:13:59 อาหารที่ลดจืดลงนะครับซึ่งถ้าถ้าคุณค่อยๆ
00:13:59 → 00:14:01 ทำค่อยๆทำเนี่ยทำไปเรื่อยๆใช้เวลานานสัก
00:14:01 → 00:14:03 หน่อยนะครับจนวันนึงเนี่ยคุณอาจจะไม่รู้
00:14:03 → 00:14:06 ตัวก็ได้ว่าคุณโอเคกับการกินอาหารรสจืด
00:14:06 → 00:14:09 แล้วก็รู้สึกว่ามันอร่อยได้แล้วครับฟัง
00:14:09 → 00:14:11 Episode นี้ไปแล้วนะครับก็อย่างที่บอก
00:14:11 → 00:14:13 ว่าเกลือเนี่ยเป็นภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัว
00:14:13 → 00:14:16 จริงๆแล้วก็ผมก็อยากจะแนะนำทุกคนจริงๆนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับว่าอย่าตามใจปากมากเพราะว่าในอนาคต
00:14:19 → 00:14:22 เนี่ยคุณจะลำบากทั้งไตทั้งอวัยวะอื่นๆไม่
00:14:22 → 00:14:25 ว่าจะเป็นหัวใจของเรานะครับหรือแม้ทั้ง
00:14:25 → 00:14:26 สมองของเรานะครับเพราะว่ามันอาจจะทำให้
00:14:26 → 00:14:29 เกิดสกได้นะครับเพราะว่าเกลือเนี่ยนพามา
00:14:29 → 00:14:32 ซึ่งหลายโลกเลยถึงเวลาและที่เราควรจะต้อง
00:14:32 → 00:14:35 ฝืนปรับตัวเองนะครับให้เรากินเกลือน้อยลง
00:14:35 → 00:14:37 ผมก็พยายามหาวิธีมาและวิธีเหล่าเนี้ยไม่
00:14:37 → 00:14:40 ว่าจะเป็นการใช้ความเปรี้ยวความเผ็ดอูมิ
00:14:40 → 00:14:42 เข้ามาช่วยเนี่ยรับรองว่าคุณลองไปทำดู
00:14:42 → 00:14:45 เนาะมันอาจจะใช้เวลาหน่อยรับรองว่าคุณจะ
00:14:45 → 00:14:47 ยังสามารถจะ Enjoy อาหารที่อร่อยได้โดย
00:14:47 → 00:14:50 ที่ไม่ต้องใช้เกลือในปริมาณที่เยอะแล้วก็
00:14:50 → 00:14:52 ดีต่อสุขภาพแน่นอน
00:14:52 → 00:14:56 ครับ Top to Toe The Standard
00:14:56 → 00:15:02 podcast Eye Opening for your
00:15:02 → 00:15:05 di