00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world By The
00:00:04 → 00:00:08 Voice ความผิดปฏิทางจิตเวทน่ะค่ะมันก็มี
00:00:08 → 00:00:12 หลากหลายคือบางคนเนี่ยเราจะเข้าใจแต่แบบ
00:00:12 → 00:00:15 โรคทางกายไงความจริงแล้วมันก็มีโรคทางใจ
00:00:15 → 00:00:18 หรือโรคทางจิตร่วมด้วยทางการแพทย์อ่ะค่ะ
00:00:18 → 00:00:20 เขาคก็มีการศึกษาเพราะว่าโรคส่วนใหญ่
00:00:20 → 00:00:22 เนี่ยมันเป็นความผิดปกติในการทำงานของ
00:00:22 → 00:00:25 สมองทั้งนั้นเลยจะมีความเชื่อนึงที่ผิด
00:00:25 → 00:00:28 เราก็เจอบ่อยมากเลยที่บอกว่าโรคซึมเศร้า
00:00:28 → 00:00:31 ไม่มีอยู่จริงเป็นโรกที่คิดไปเองคุณคิดไป
00:00:31 → 00:00:34 เองคุณเศร้าไปเองไม่จริงบางคนอยากจะบิ้ว
00:00:34 → 00:00:37 ตัวเองให้เศร้ามันก็มันก็เฟกได้ไม่นานอ่ะ
00:00:38 → 00:00:41 คือคนเศร้าที่มันเศร้ามันเศร้าจริงๆแค่จะ
00:00:41 → 00:00:44 ตื่นมาใช้ชีวิตแค่ลุกจากเตียงนี่ก็ยาก
00:00:44 → 00:00:46 แล้ว
00:00:46 → 00:00:50 นะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:50 → 00:00:54 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:54 → 00:00:57 This Is tha PBS podcast วันนี้ค่ะ
00:00:57 → 00:01:01 เราจะมาพูดคุยกันถึงสัญญาณที่บอกว่าเอ๊ะ
00:01:01 → 00:01:04 เราเป็นโรคทางจิตเวทหรือเปล่านะคะฟังก่อน
00:01:04 → 00:01:07 นะไม่ได้บอกว่าเราจะต้องมาเป็นแบบคนสติ
00:01:07 → 00:01:09 ไม่ดีฟันเฟือนหรืออะไรขนาดนั้นนะคะเพียง
00:01:10 → 00:01:12 แต่ว่าเราอาจจะลองประเมินตัวเองดูว่ามี
00:01:12 → 00:01:15 ความเสี่ยงหรือจะนำไปสู่การเป็นโรคทาง
00:01:15 → 00:01:17 จิตเวทที่รุนแรงกว่านี้ได้หรือเปล่าหรือ
00:01:17 → 00:01:19 อะไรอย่างเงี้ยคุยกันกับพันตำรวจเอกหญิง
00:01:19 → 00:01:21 แพทย์หญิงอัญชุลีธีระวงศ์ไพศาลจิตแพทย์
00:01:21 → 00:01:24 นายแพทย์สบ 5 โรงพยาบาลตำรวจค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:24 → 00:01:27 คุณหมอคะค่ะสวัสดีค่ะคุณลีแล้วก็สวัสดี
00:01:27 → 00:01:30 คุณผู้ฟังทุกท่านด้วยค่ะค่ะวันนี้คุณคุย
00:01:30 → 00:01:32 กันเรื่องนี้ดูเหมือนจะแบบโหมาเป็นแนวแบบ
00:01:32 → 00:01:35 วิชาการต้องมาแบบเช็คลิสกันเลยหรือเปล่า
00:01:35 → 00:01:37 ว่าเรามีความเสี่ยงในการจะเป็นโรคจิตเวท
00:01:37 → 00:01:39 หรือเปล่านะคะเดี๋ยวให้คุณหมอนิยามก่อน
00:01:39 → 00:01:42 แล้วกันเนาะว่าคำว่าโรคจิตเวทเนี่ยจริงๆ
00:01:42 → 00:01:46 แล้วมันเป็นแบบไหนหรือมันมีอะไรที่เกี่ยว
00:01:46 → 00:01:49 ข้องกับการที่จะนำไปสู่การเป็นโรคจิตเวท
00:01:49 → 00:01:51 ได้ใช้คำว่าโรคให้คุณหมอช่วยอธิบายให้ฟัง
00:01:51 → 00:01:55 หน่อยค่ะถ้าเกิดภาษาไทยนะนะคะก็เรามักจะ
00:01:55 → 00:01:58 ใช้คำว่าโรคเนาะเป็นโรคนั้นโรคนี้โรค
00:01:58 → 00:02:02 โควิดโรคโรคไขหวัดใยโลกคือมันเป็นภาษาไทย
00:02:02 → 00:02:05 อ่ะค่ะแต่ว่าถ้าเป็นภาษาอังกฤษน่ะในความ
00:02:05 → 00:02:08 ผิดปฏิทางจิตเวชอ่ะเขาจะใช้คำว่าออเดอร์
00:02:08 → 00:02:12 เขาไม่ได้ใช้คำว่าซสอย่างโรคอ่ะคือดีสใช่
00:02:12 → 00:02:15 มั้ยคะมันอาจจะไม่ได้แบบมีรอยโรคที่ชัด
00:02:15 → 00:02:19 เจนแบบมีผื่นขึ้นมีไข้ขึ้นสูงความนั้น
00:02:19 → 00:02:21 ขึ้นสูงอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่ามันเป็นแบบ
00:02:21 → 00:02:24 การทำงานที่มันผิดปกตินะคะซึ่งความผิด
00:02:24 → 00:02:28 ปกติทางจิตเวทน่ะค่ะมันก็มีหลากหลายมี
00:02:28 → 00:02:31 อาการหลายอย่างในกันคือบางคนเนี่ยเราจะ
00:02:31 → 00:02:35 เข้าใจแต่แบบโรคทางกายไงความจริงแล้วมัน
00:02:35 → 00:02:38 ก็มีโรคทางใจหรือโรคทางจิตร่วมด้วยซึ่ง
00:02:38 → 00:02:41 โลกทางจิตของมนุษย์น่ะความจริงแล้วจิตใจ
00:02:41 → 00:02:44 มนุษย์มันก็อยู่ที่สมองนั่นแหละคือ
00:02:44 → 00:02:47 ปัจจุบันนี้ทางการแพทย์อ่ะค่ะเขาคก็มีการ
00:02:47 → 00:02:51 ศึกษาค้นคว้าเรื่องความผิดปฏิทางสุภาพจิต
00:02:51 → 00:02:54 หรือว่าโรคทางจิตมากขึ้นเก็เพราะว่าโลก
00:02:54 → 00:02:56 ส่วนใหญ่เนี่ยมันเป็นความผิดปกติในการทำ
00:02:56 → 00:02:59 งานของสมองทั้งนั้นเลยคือสมองอาจจะไม่ได้
00:02:59 → 00:03:03 ได้มีเนื้องอกเนื้อร้ายอาจจะไม่ได้มีแบบ
00:03:03 → 00:03:07 ชักเกงกระตุกอะไรอ่ะแต่ว่ามันมีการทำงาน
00:03:07 → 00:03:10 ที่ผิดปกติระดับเซลล์ระดับสารสืบประสาทใน
00:03:10 → 00:03:13 สมองก็เลยทำให้มีความผิดปกติทางจิตเวท
00:03:13 → 00:03:16 เกิดขึ้นยกตัวอย่างมันก็มีหลายโรคด้วยกัน
00:03:17 → 00:03:20 ก็มีกลุ่มตระกูลโรคซึมเศร้าใช่มั้ยคะโรค
00:03:20 → 00:03:23 ความผิดปติทางอารมณ์นะคะซึ่งโรคความผิด
00:03:23 → 00:03:25 ปติทางอารมณ์หรือว่า mood disorder
00:03:25 → 00:03:28 เนี่ยมันก็จะมีแบบอารมณ์ซึมเศร้า depress
00:03:28 → 00:03:31 depressive disorder กับอารมณ์ที่ตรง
00:03:31 → 00:03:35 ข้ามกับขั้วซึมเศร้าก็คือไพลดอร์หรือว่า
00:03:35 → 00:03:40 มีอารมณ์แบบแมเนียฮึกเหิมหงุดหงิดโมโหจับ
00:03:40 → 00:03:42 จ่ายฟุ่มเฟือยพูดมากพูดเยอะอารมณ์รุนแรง
00:03:43 → 00:03:45 อย่างเงี้ยค่ะมันก็จะเป็นอีกตระกูลนึง
00:03:45 → 00:03:49 แล้วก็มีโรควิตกกังวลอันนี้ก็จะแบบวิตก
00:03:49 → 00:03:52 กังวลกังวลนั่นกังวลนี่หรือว่าย้ำคิดย้ำ
00:03:52 → 00:03:57 ทำกลัวเชื้อโรคกลัวนี่นู่นนั่นอะไรไปบาง
00:03:57 → 00:04:02 คนแบบนับอะไรอเดิมๆซ้ำๆก็มีหลายโรคหรือ
00:04:02 → 00:04:06 แม้แต่เป็นโรคความผิดปกติทางจิตเช่นมีหู
00:04:06 → 00:04:10 แว่วประสาทหลอนค่ะเออคิดว่าตัวเองแบบเป็น
00:04:10 → 00:04:13 มนุษย์ต่างดาวคิดว่าตัวเองเป็นเทพแบบเออ
00:04:13 → 00:04:16 หรือว่าหลงผิดคิดว่ามีคนหวัดระแวงกลัวคน
00:04:16 → 00:04:19 จะมาทำร้ายอันเนี้ยเป็นความผิดปฏิของ
00:04:19 → 00:04:22 จิตเวชทั้งนั้นเลยอแล้วก็มีโรคแปลกๆอีก
00:04:22 → 00:04:25 หลายอย่างเช่นโรคแบบถอนผมดึงผมอย่างเงี้ย
00:04:25 → 00:04:30 ค่ะติคที่ิโมเนียเนาะหรือว่าโรกพวกแบบ
00:04:30 → 00:04:33 ขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ตอะไรอย่างเงี้ย
00:04:33 → 00:04:37 คือก็รวยมีตังค์แล้วก็ขโมยของแบบไร้สาล้า
00:04:37 → 00:04:40 อะไรอย่างเงี้ยก็มีเหมือนกันก็มีแบบแปลกๆ
00:04:40 → 00:04:43 หลายอย่างอืหรือว่าความกลัวอะไรบางอย่าง
00:04:43 → 00:04:47 ที่คนอื่นไม่ได้กลัวใช่อันนี้โรคโฟเบียก็
00:04:47 → 00:04:50 จัดอยู่ในกลุ่มโรคตระกูลวิตกกังวลอโฟเบีย
00:04:50 → 00:04:54 กลัวเช่นกลัวเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องกลัวที่
00:04:54 → 00:04:58 แคบอืหรือว่าโรคแพนิคเนี่ยก็อยู่ในตระกูล
00:04:58 → 00:05:01 วิตกกังวลเหมือนกันเช่นอยู่ดีๆก็มีแบบ
00:05:01 → 00:05:05 อาการแบบใจสั่นใจเต้นหายใจไม่ออกเหมือนจะ
00:05:05 → 00:05:08 เป็นลมเหมือนจะวูบนะคะซึ่งปัจจุบันก็พบ
00:05:08 → 00:05:12 ว่าคนก็เป็นแพนิคกันเยอะอืเออเริ่มต้อง
00:05:12 → 00:05:16 เช็คลิสตัวเองแล้วเพเราอยู่ตรงข้อไหนหรือ
00:05:16 → 00:05:18 เพราะว่าบางอย่างเนี่ยบางทีเราอาจจะไม่
00:05:18 → 00:05:21 รู้ในพฤติกรรมของเราที่มันแสดงออกไปเรา
00:05:21 → 00:05:22 อาจจะรู้สึกว่าเออมันมันเป็นนิสัยของฉัน
00:05:23 → 00:05:24 แหละมันเป็นอย่างนี้แหละอะไรอย่าเงี้ยแต่
00:05:24 → 00:05:28 บางทีในมุมมองของจิตแพทย์เองอาจจะบอกว่า
00:05:28 → 00:05:31 ไม่ใช่มันมันมีอะไรอยู่นิดนึงนะเธอต้อง
00:05:31 → 00:05:33 ระวังนะมันหรือมันอาจจะนำไปสู่เพราะว่า
00:05:33 → 00:05:36 ส่วนใหญ่เราจะไม่มองตัวเองว่าเราป่วยนะ
00:05:36 → 00:05:38 ค่ะหรือว่ามีอาการนะหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:05:38 → 00:05:42 เราก็จะแบบอ้าก็ฉันชีวิตชีวิตปกติได้ทำ
00:05:42 → 00:05:44 งานได้เข้าสังคมได้ฉันไม่เห็นจะเป็นอะไร
00:05:44 → 00:05:48 เลยแต่มันก็มีบางอย่างพวกเนี้ยมันแฝงอยู่
00:05:48 → 00:05:51 ด้วยเหมือนกันใช่มั้ยคะใช่ค่ะคือเราจะบอก
00:05:51 → 00:05:54 ว่าคนเนี้ยมีความผิดปกติทางจิตเมื่อไหร่
00:05:54 → 00:05:57 เนี่ยเราดูตรงที่ว่าอาการที่เขาเป็นน่ะ
00:05:57 → 00:06:00 มันส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานงานสังคมเ
00:06:00 → 00:06:03 หรือเปล่าถ้าสิ่งที่เ้าเป็นน่ะแต่เค้าก็
00:06:03 → 00:06:06 ยังทำงานได้เค้าแล้วตัวเค้าไม่ได้ทุกข์ใจ
00:06:06 → 00:06:10 คนรอบข้างไม่ได้ทุกข์ไปกับเค้าไม่ได้แบบ
00:06:10 → 00:06:12 เาไม่ได้ท็อกซิกทำให้คนรอบข้างทุกข์ไม่
00:06:12 → 00:06:16 ได้ทำให้สังคมปั่นป่วนเค้าก็ยังแบบใช้
00:06:16 → 00:06:18 ชีวิตเป็นปกติหาเลี้ยงตัวเองได้ไม่ได้ส่ง
00:06:18 → 00:06:22 ผลกระทบอะไรก็ถือว่าเออก็ไม่ได้เป็นอะไร
00:06:22 → 00:06:25 ที่ผิดปกติรุนแรงเนาะแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่
00:06:25 → 00:06:28 มันเริ่มส่งผลกระทบแม้แต่นักเรียนเนี่ย
00:06:28 → 00:06:30 ถ้ามันส่งผลกระทบด้านการเรียนเมื่อก่อน
00:06:30 → 00:06:32 เคยเรียนดีเรียนได้สอบผ่านเพราะตอนนี้
00:06:32 → 00:06:36 เฮ้ยเรียนไม่ได้เรียนช้าคะแนนดรอปลงอะไร
00:06:36 → 00:06:40 เงี้ยก็ต้องสงสัยะว่าเออมีความผิดปกติทาง
00:06:40 → 00:06:44 จิตร่วมด้วยหรือเปล่าอืออันนี้มันจะอ่า
00:06:44 → 00:06:47 เห็นความผิดปกติที่ความเปลี่ยนแปลงมัน
00:06:47 → 00:06:50 ค่อนข้างชัดเจนในแง่ที่ว่าอารมณ์ความรู้
00:06:50 → 00:06:53 สึกมันเปลี่ยนคนรอบข้างสัมผัสได้เลยแบบ
00:06:53 → 00:06:57 นั้นมั้ยค่ะก็ต้องบอกว่ามันก็จะมีสัญญาณ
00:06:57 → 00:07:01 เตือนนะคะของโลกทางจิตไม่ว่าจะเป็นอาการ
00:07:01 → 00:07:05 ทางร่างกายอาการทางจิตใจอารมณ์หรือว่าทาง
00:07:05 → 00:07:08 ด้านพฤติกรรมเนาะเราสามารถสังเกตได้อ่า
00:07:08 → 00:07:11 คือต้องบอกว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าวอ่ะค่ะ
00:07:11 → 00:07:13 ถ้าเมื่อไหร่ที่ใจเราเป็นทุกข์ใจเรามัน
00:07:13 → 00:07:16 ไม่ปกติบางทีมันก็ส่งผลต่อร่างกายเนาะยก
00:07:16 → 00:07:19 ตัวอย่างเช่นถ้าเราเครียดเราไม่สบายใจเรา
00:07:19 → 00:07:23 วิตกกังวลเนี่ยบางคนก็มีอาการทางกายแสดง
00:07:23 → 00:07:27 ออกมาเช่นปวดหัวอืปวดมวลท้องหายใจแบบไม่
00:07:27 → 00:07:30 สุดหายใจไม่อิ่มออนหายจะอยู่เรื่อยๆใช่
00:07:30 → 00:07:34 บางคนก็กินข้าวไม่อร่อยเบื่ออาหารหรือบาง
00:07:34 → 00:07:36 คนก็ตรงข้ามนะเครียดแล้วแบบอุ๊ยอยากกิน
00:07:36 → 00:07:40 จังเลยอ่ะกินทั้งวันแบบความกินเท่านั้น
00:07:40 → 00:07:43 ที่ทำให้ฉันมีความสุขได้ทำให้ฉันแบบยัง
00:07:43 → 00:07:45 หายใจอยู่ได้ก็กินเยอะน้ำหนักขึ้นก็มี
00:07:45 → 00:07:48 เหมือนกันเออทำไมข้อนี้มันตรงกับเราเออ
00:07:48 → 00:07:51 แต่บางเออร่างกายบางคนมันไม่เหมือนกันบาง
00:07:51 → 00:07:54 คนแบบเศร้าใจทุกข์ใจแล้วก็ตอมใจผอมน้ำ
00:07:54 → 00:07:57 หนักลดกินอะไรไม่ได้เนาะแล้วก็เรื่องการ
00:07:57 → 00:08:01 นอนด้วยการนอนเนี่ยก็บ่งบอกอะไรหลายอย่าง
00:08:01 → 00:08:05 บางคนแบบเครียดทุกข์เศร้านอนไม่หลับอืนอน
00:08:05 → 00:08:08 แบบหลับยากหรือบางคนอาจจะตรงข้ามคือนอน
00:08:08 → 00:08:11 มากเกินไปนอนแบบกินบ้านกินเมืองนอนทั้ง
00:08:11 → 00:08:16 วันทั้งคืนนอนเยอะผิดปกติก็เป็นได้หรือ
00:08:16 → 00:08:19 ว่าอันเนี้ยเป็นอาการทางร่างกายทั้งนั้น
00:08:19 → 00:08:22 เลยหรือว่าทางพฤติกรรมเนี่ยมันก็จะแสดง
00:08:22 → 00:08:25 ออกมาทางด้านแบบเก็บเนื้อเก็บตัวเมื่อ
00:08:25 → 00:08:29 ก่อนเคยไปฟิตเนสทุกวันตอนนี้ไม่ไปละเมื่อ
00:08:29 → 00:08:32 ก่อนเช้ามาเนี่ยต้องไปจ่ายตลาดตอนนี้ไม่
00:08:32 → 00:08:36 ไปละเก็บตัวอยู่แต่ในห้องหรือว่าบางคนอาจ
00:08:36 → 00:08:39 จะแบบเมื่อก่อนเป็นคนเก็บตัวแล้วก็ออกไป
00:08:39 → 00:08:43 แบบพูดมากมากเลยออกไปแบบท้าตีท้าต่อยท้า
00:08:43 → 00:08:45 ตบคนอื่นอันเนี้ยก็คือมันผิดปกติจากเดิม
00:08:45 → 00:08:48 ที่เขาเป็นน่ะตรงกันข้ามอะไรเอตรงกันข้าม
00:08:48 → 00:08:51 ที่เคยเป็นอยู่อันเนี้ยก็คือด้านพฤติกรรม
00:08:51 → 00:08:54 ที่มันผิดปกติที่มันแปลกไปอันนี้คือเรา
00:08:54 → 00:08:57 สังเกตได้ตัวเราก็สังเกตตัวเองได้แหละ
00:08:57 → 00:09:00 เนาะสังเกตได้ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองอ่ะนะ
00:09:00 → 00:09:03 ถูกต้องค่ะอันนี้เนี่ยเป็นแบบด้านร่างกาย
00:09:03 → 00:09:06 ด้านพฤติกรรมแล้วก็ด้านอารมณ์หรือด้านจิต
00:09:06 → 00:09:09 ใจอันนี้ก็สังเกตได้ก็คือมันจะมีสัญญาณ
00:09:09 → 00:09:12 เตือนว่าเราเริ่มแบบไม่ปกติแล้วก็คือเรา
00:09:12 → 00:09:16 จะหงุดหงิดง่ายอ่อนไหวง่ายแล้วก็พร้อมบวก
00:09:16 → 00:09:20 อือันนี้ตัดจากกันเรื่องของแบบพลีไวทองไว
00:09:20 → 00:09:22 ทองหรืออะไรเกี่ยวกับฮอร์โมนอันนี้ตัดออก
00:09:22 → 00:09:24 นะอันนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกนะเออค่ะ
00:09:24 → 00:09:26 เดี๋ยวจะเอามาแบบบางทีเอ๊ะเดี๋ยวที่เรา
00:09:26 → 00:09:28 เป็นตรงนี้เราไม่ใช่พลีไผทองใช่มั้ยแต่
00:09:28 → 00:09:31 ว่าเราจะเป็นทางจิตเวทรือเปล่าเลยเงี้ยอ
00:09:31 → 00:09:34 ใช่บางคนก็เลยช่วงวัยทองแล้วก็ยังเป็น
00:09:34 → 00:09:38 อยู่นะคะเวลาที่เราแบบเริ่มจะป่วยทาง
00:09:38 → 00:09:41 สุภาพจิตเนี่ยบางทีเราจะแบบอ่อนไหวง่าย
00:09:41 → 00:09:44 บางทีแบบอะไรนิดนึงร้องไห้เมื่อก่อนน่ะ
00:09:44 → 00:09:47 อุ๊ยเรื่องแค่นี้หรอไม่ร้องไห้แล้วบางคน
00:09:47 → 00:09:50 ร้องไห้ไม่หยุดด้วยนะแบบเหมือนมันเบรกแตก
00:09:50 → 00:09:52 อ่ะมันไหลมันนั่งร้องได้ทั้งวันอันนี้ก็
00:09:52 → 00:09:55 ต้องระวังเป็นโรคซึมเศร้าโอ้โหอุยรทั้ง
00:09:55 → 00:10:00 วันมันปวดหัวมันไม่ไหวนะคนอะไรนิดนึงร้อง
00:10:00 → 00:10:03 อีกแล้วแล้วมันหยุดไม่ได้อือันเนี้ยก็เลย
00:10:03 → 00:10:05 บางทีเค้าไม่อยากไปไหนเพราะว่าเค้าไม่
00:10:05 → 00:10:08 อยากจะร้องไห้ให้ใครเห็นเดี๋ยวมันจะกลาย
00:10:08 → 00:10:11 เป็นโอเล่นดราม่าหรออะไรอย่างงี้ออใช่ๆ
00:10:11 → 00:10:15 เนาะบางคนก็แบบหงุดหงิดง่ายโมโหง่ายบางคน
00:10:15 → 00:10:19 ก็เศร้าง่ายบางคนก็วิตกกังวลกลัวว่ามันจะ
00:10:19 → 00:10:22 เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าแบบกังวลไปก่อนล่วง
00:10:22 → 00:10:23 หน้าเหตุมันยังไม่เกิดก็เค้าเรียก
00:10:23 → 00:10:27 วิตกจริตเนาะเอออันเนี้ยก็เป็นสัญญาณ
00:10:27 → 00:10:30 เตือนนะว่าเราอาจจะมีปัญหาสุขภาพจิตแล้ว
00:10:30 → 00:10:33 ก็แนะนำสามารถที่จะมาปรึกษามาพบจิตแพทย์
00:10:33 → 00:10:36 ได้มันหลายอย่างจังเลยอ่ะมันต้องเป็น
00:10:36 → 00:10:38 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายๆอย่างรวมกัน
00:10:38 → 00:10:42 แล้วแบบเอ้ยฉันต้องไปแล้วแหละอะไรเงี้ยก็
00:10:42 → 00:10:44 คืออาจจะเป็นแค่อย่างเดียวก็ได้บางคนอาจ
00:10:44 → 00:10:47 จะเศร้าอาจจะร้องไห้อย่างเดียวเลยเออ
00:10:47 → 00:10:49 อย่างอื่นไม่เป็นอย่างเงี้ยก็ได้หรือบาง
00:10:49 → 00:10:52 คนอาจจะเป็นปนๆหลายๆอย่างอันนี้ถ้าหากว่า
00:10:52 → 00:10:55 เรารู้สึกว่าเราแบบรับมือกับตัวเองไม่ไหว
00:10:55 → 00:10:58 ละเราก็จำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเนาะ
00:10:58 → 00:11:01 อือบางทีการเจ็บป่วยทางสุภาพจิตเนี่ยมัน
00:11:01 → 00:11:03 ก็เหมือนการเจ็บป่วยทางร่างกายอย่างนึง
00:11:03 → 00:11:06 อ่ะอือแค่เรามองไม่เห็นมันแสดงออกมาเป็น
00:11:06 → 00:11:09 เรื่องอารมณ์พฤติกรรมเนาะก็สามารถที่จะมา
00:11:09 → 00:11:13 ปรึกษาจิตแพทย์ได้นะบางทีอ่ะกินยาแป๊บ
00:11:13 → 00:11:16 เดียวก็หายละไม่ต้องแบบทนทุกข์ทรมานนานๆ
00:11:17 → 00:11:19 ยกตัวอย่างเช่นโรคแพนิคนะคะโรคแพนิคเนี่ย
00:11:19 → 00:11:22 จะเป็นโรคที่แบบอ่ะอยู่ดีๆอ่ะก็มีอาการ
00:11:22 → 00:11:26 แบบใจสั่นใจเต้นหายใจไม่ออกมือชาเหมือนจะ
00:11:26 → 00:11:30 วูบเหมือนจะเป็นลมเนาะเออคนกลุ่มก็บางที
00:11:30 → 00:11:33 ก็ไปโรงพยาบาลไปห้องฉุกเฉินไปตรวจขึ้นไฟ
00:11:33 → 00:11:38 ฟ้าหัวใจไปเอ็ซเรย์ไปทำทุกอย่างละแต่ไม่
00:11:38 → 00:11:40 ไม่มีอาการอะไรพวกอย่างงั้นเลยไม่พบความ
00:11:40 → 00:11:44 ผิดปกติหัวใจก็ปกติแต่ใจสั่นอย่างเงี้ย
00:11:44 → 00:11:47 แล้วก็ตรวจสมองละก็ปกติมันมือเท้าชาไม่มี
00:11:47 → 00:11:51 แรงไงตรวจสมองแล้วก็ปกติคือสิ่งเหล่า
00:11:51 → 00:11:55 เนี้ยเป็นโรคแพนิคอืก็ต้องบอกว่าขอแสดง
00:11:55 → 00:11:58 ความยินดีด้วยค่ะคุณตรวจไม่พบความผิดติ
00:11:58 → 00:12:02 ทางหัวใจซึ่งเป็นข่าวดีนะไม่ได้ป่วยไม่
00:12:02 → 00:12:04 ได้เป็นมะเร็งร่างกายไม่ได้เป็นอะไรแต่
00:12:04 → 00:12:07 ว่ามันเป็นเรื่องของการทำงานที่ปิดปกติ
00:12:07 → 00:12:10 ของระบบประสาทอัตโนมัติเนาะทำให้มีอาการ
00:12:10 → 00:12:12 เหล่านี้เกิดขึ้นซึ่งมันสามารถรักษาให้
00:12:12 → 00:12:16 หายขาดได้ด้วยการกินยาซึ่งคนไข้หลายๆคน
00:12:16 → 00:12:19 น่ะทุกข์ทรมานเป็นอย่างเงี้ยแล้วก็ไม่ได้
00:12:19 → 00:12:22 มารักษาไม่มาพบจิตแพทย์บางทีหมอบอกว่าเออ
00:12:22 → 00:12:24 ต้องไปพบจิตแพทย์นะกลัวไงอุ้ยฉันไม่ได้
00:12:24 → 00:12:27 บ้าฉันไม่ได้เป็นโรคติดไม่อยากมากลัวก็
00:12:27 → 00:12:31 เลยไม่มาก็ทนทุกทรมานเป็นตั้งนานพอมัน
00:12:31 → 00:12:34 เป็นบ่อยๆปุ๊บฟังก์ชันเขาคจะถดถอยเช่นแบบ
00:12:34 → 00:12:37 ไม่กล้าขับรถไม่กล้าไปไหนไกลๆไม่กล้าไป
00:12:37 → 00:12:41 ไหนคนเดียวบางคนแบบไม่กล้าออกจากบ้านคือ
00:12:41 → 00:12:44 เดินจากบ้านไปเซเว่นอยู่แบบหน้าบ้านยัง
00:12:44 → 00:12:47 ไม่กล้าไปเพราะว่ากลัวจะมีอาการแพนิคนะ
00:12:47 → 00:12:50 เออมันส่งผลกระทบขนาดนั้นเลยใช่ค่ะคนคน
00:12:50 → 00:12:54 ไข้หลายๆคนของหมอนะมาเจอปุ๊บรักษากินยา
00:12:54 → 00:12:56 แป๊บเดียวเองอาทิตย์ 2 อาทิตย์เดือนนึง
00:12:56 → 00:12:59 หายละจะพูดเหมือนกันเลยว่ารู้แบบนี้มาหา
00:12:59 → 00:13:04 หมอทั้งงานแล้วเออใช่ซึ่งคนไทยเนี่ยจะแบบ
00:13:04 → 00:13:09 กลัวยังบางคนน่ะยังแบบเค้าเรียกยังหัว
00:13:09 → 00:13:13 โบราณอยู่ยังล้าสมัยอยู่ว่าแบบเออจริงๆ
00:13:13 → 00:13:15 การมาพบจิตแพทย์น่ะมันไม่ได้แปลว่าเรา
00:13:15 → 00:13:18 เป็นโรคจิตนะมันแปลว่าเราอ่ะเป็นคนทัน
00:13:18 → 00:13:20 สมัยเรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพ
00:13:20 → 00:13:23 จิตว่าเนี่ยเออเราเริ่มซึมเศร้านะเรา
00:13:23 → 00:13:26 เริ่มนอนไม่หลับเราเริ่มไม่ไหวอ่ะเออมัน
00:13:26 → 00:13:28 เป็นความเจ็บป่วยไม่สบายของสมองอย่างนึง
00:13:28 → 00:13:32 นะนะซึ่งมันไม่ได้มีใครอยากเป็นมันไม่ได้
00:13:32 → 00:13:36 มีใครแบบดราม่าแล้วแล้วอยากจะเป็นอืซึ่ง
00:13:36 → 00:13:38 จะมีความเชื่อนึงที่ผิดแล้วก็เจอบ่อยมาก
00:13:38 → 00:13:42 เลยที่บอกว่าโรคซึมเศร้าไม่มีอยู่จริงหะ
00:13:42 → 00:13:45 เป็นโรคที่คิดไปเองคุณคิดไปเองคุณเศร้าไป
00:13:45 → 00:13:48 เองไม่จริงอะไรอย่างเงี้ยไม่มีคนคิดแบบ
00:13:48 → 00:13:51 นี้หรอว่าแบบว่าแบบเค้าเรียกอะไรปรามาว่า
00:13:51 → 00:13:53 โรคซุมเศร้าไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ใช่เป็น
00:13:53 → 00:13:57 โรคแบบเหมือนทำตัวเองคิดไปเองคิดมากมโนไป
00:13:57 → 00:14:01 เองจริงๆจริแล้วมันไม่ใช่นะคะเศึกษาระ
00:14:01 → 00:14:05 ระดับเซลล์สมองเลยเออเขาพบว่ามันมีการทำ
00:14:05 → 00:14:08 งานที่ผิดปกติของสมองทำให้เกิดอารมณ์ซึม
00:14:08 → 00:14:10 เศร้าขึ้นอยากจะถามกลับไปว่ามีใครอยาก
00:14:11 → 00:14:15 เศร้าอ่ะมันไม่มีหรอกบางคนอยากจะบิตัวเอง
00:14:15 → 00:14:19 ให้เศร้ามันก็มันก็เฟกได้ไม่นานอ่ะคือคน
00:14:19 → 00:14:22 เศร้าที่มันเศร้ามันเศร้าจริงๆแค่จะตื่น
00:14:22 → 00:14:26 มาใช้ชีวิตแค่ลุกจากเตียงนี่ก็ยากแล้วนะ
00:14:26 → 00:14:29 อืๆเออมันไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงไม่อยากจะทำ
00:14:29 → 00:14:32 คือต้องรวบรวมแบบเหมือนพลังลมปรานกำลัง
00:14:33 → 00:14:35 ภายในอย่างมากเลยนะที่จะแบบลุกขึ้นมาใช้
00:14:35 → 00:14:38 ชีวิตแต่ละวันได้อ่ะบางทีคำปลอบโยนปลอบใจ
00:14:38 → 00:14:41 หรือการเข้ามาบางทีเขายังไม่อยากจะฟังเลย
00:14:41 → 00:14:44 ด้วยซ้ำนะบางทีแบบว่ามันฉันไม่ได้อยากรับ
00:14:44 → 00:14:48 รู้อะไรเลยอ่ะเออต้องบอกว่าเหมือนสมองมัน
00:14:48 → 00:14:51 ขาดน้ำมันน่ะเหมือนขาดสารหล่อลื่นน่ะมัน
00:14:51 → 00:14:55 ไม่ทำงานมันก็จะอองๆเอ๋อๆทำงานช้าๆเนาอือ
00:14:55 → 00:14:58 แต่ว่าบางคนอาจจะบอกว่าโออะไรก็อ้างซึม
00:14:58 → 00:15:01 เศร้าอ้างเป็นซึมเศร้าอะไรประมาณนี้ถ้าใน
00:15:01 → 00:15:04 โดยหลักหรือในอย่างการไปก่อคดีอะไรต่างๆ
00:15:04 → 00:15:06 แล้วแบบมาอ้างว่าเป็นโรคทางจิตเวทนู่นนี่
00:15:06 → 00:15:09 น่นยังไงคุณหมอก็มีวิธีประเมินถูกมใช่ค่ะ
00:15:09 → 00:15:12 ไม่ไม่เกี่ยวคือบางคนเข้าใจผิดนะคิดว่า
00:15:12 → 00:15:15 คุณก่อคดีอะไรแล้วคุณจะมาอ้างความเจ็บปวด
00:15:15 → 00:15:18 ทางป่วยทางสุภาพจิตน่ะมันไม่ได้ง่ายขนาด
00:15:18 → 00:15:23 นั้นมันต้องมาตรวจแล้วคือเออมันไม่ได้ว่า
00:15:23 → 00:15:26 จะไม่ได้รับโทษอะไรนะก็ต้องรับโทษอยู่ดี
00:15:26 → 00:15:29 ก็รักษาไปก่อนหายเมื่อไหร่ก็รับโทษใช่ก็
00:15:29 → 00:15:33 รับโทษอยู่ดีบางทีก็บางคนไปคิดแบบนั้นคือ
00:15:33 → 00:15:37 แค่เปลี่ยนจากอยู่คุกเป็นมาอยู่โรงพยาบาล
00:15:37 → 00:15:42 จิตเวทจิตเวทแทนคือจะบอกว่าถ้าเราทำอะไร
00:15:42 → 00:15:46 ผิดแล้วเราจะมาอ้างทางสุขภาพจิตมันไม่ได้
00:15:46 → 00:15:49 ก็ต้องตรวจอยู่แล้วแหละเใช่มันมีวิธีตรวจ
00:15:49 → 00:15:54 แล้วก็จะแกล้งทำก็จับได้อ่ะเออๆมันมันของ
00:15:54 → 00:15:57 พวกเนี้ยมันถ้าไม่ได้เป็นจริงๆอ่ะมันเส
00:15:57 → 00:16:00 แสร้งได้ไม่นานอยู่แล้วใช่เออแต่ก็ไม่
00:16:00 → 00:16:03 ต้องพยายามจะไปเป็นหรอกมันก็ไม่ได้สนุกนะ
00:16:03 → 00:16:05 จริงๆคนที่เป็นแบบทั้งซึมเศร้าหรืออะไร
00:16:05 → 00:16:08 อย่างเงี้ยมันเจ็บป่วยแบบมันต้องกินยามัน
00:16:08 → 00:16:12 ไม่ได้เรื่องสนุกเลยอ่ะอืต้องไปแบบไปคุย
00:16:12 → 00:16:15 ไปอะไรแต่แต่ก็มีนะคุณหมอบางคนน่ะเคไม่
00:16:15 → 00:16:18 คิดว่าตัวเองมีอาการทางจิตเวชอ่ะค่ะคือ
00:16:18 → 00:16:20 ไม่ไม่เข้าไปคุยเอางี้ดีกว่าไม่ได้ต้องจะ
00:16:20 → 00:16:23 ต้องแบบว่าไปแล้วเพื่อแบบเอ้ยฉันป่วยมา
00:16:23 → 00:16:26 ฉันกินยาแต่ว่าการแค่จะเข้าไปคุยอ่ะเค้า
00:16:26 → 00:16:29 ก็มองว่าไร้สาระไม่ได้ปูกป่วยไม่ได้เป็น
00:16:29 → 00:16:33 อะไรไปคุยทำไมอเออแบบเนี้ยซึ่งอันเนี้ยก็
00:16:33 → 00:16:35 ต้องบอกว่ามีบางคนที่ไม่รู้ตัวไงเขาเรียก
00:16:35 → 00:16:39 ควอตอ่ะไม่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยไม่รู้ตัว
00:16:39 → 00:16:43 ว่าตัวเองแบบไม่สบายอ่ะค่ะถ้าเกิดว่ารู้
00:16:43 → 00:16:46 ตัวก็พาตัวเองมารักษาเนาะถ้าไม่ไม่รู้ตัว
00:16:46 → 00:16:49 เนี่ยบางทีก็ไม่ได้รักษาคนกลุ่มนี้ก็บาง
00:16:49 → 00:16:52 ทีก็จะท็อกซิกกับคนรอบข้างมากโดยมากคนรอบ
00:16:53 → 00:16:56 ข้างก็จะทนไม่ไหวแล้วก็พามาปรึกษาอบางที
00:16:56 → 00:16:59 คนรอบข้างบอกว่าไปหาหมอมใช่ไปหาก่อนม
00:16:59 → 00:17:02 เดี๋ยวค่อยว่ากันเออต้องไปกินยาแล้วนะ
00:17:02 → 00:17:05 หรืออะไรประมาณนี้ใช่มั้ยคะแต่การซึม
00:17:05 → 00:17:08 เศร้าของคนในสังคมเมันต้องมีเหตุมีสาเหตุ
00:17:08 → 00:17:11 ที่ทำให้แบบเรามีอาการทางจิตเวทในด้านใด
00:17:11 → 00:17:13 ด้านหนึ่งอย่างที่คุณหมอได้บอกมาตั้งแต่
00:17:13 → 00:17:17 ตอนต้นว่ามันจะมีอะไรบ้างในมันมันมี
00:17:17 → 00:17:20 สาเหตุจากอะไรได้บ้างค่ะความผิดหวังความ
00:17:20 → 00:17:23 กระทบกระเทือนอะไรก็แล้วแต่ที่มันยะแย่มา
00:17:23 → 00:17:25 กระทบกระเดินจิตใจหรือมันมีอะไรอย่างอื่น
00:17:25 → 00:17:28 อีกมคะค่ะก็ความผิดปติทางจิตเวชนะคะ
00:17:28 → 00:17:31 ปัจจุบันเนี้ยทางการแพทย์เขาก็มีการศึกษา
00:17:31 → 00:17:35 วิจัยเคก็พบว่าความผิดปติทางจิตเวทน่ะมัน
00:17:35 → 00:17:37 เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
00:17:37 → 00:17:40 พันธุกรรมออกรรมพันธ์แฝดไข่ใบเดียวกัน
00:17:40 → 00:17:43 เนี่ยถ้าคนนึงป่วยคนนึงก็มักจะมีโอกาส
00:17:43 → 00:17:46 ป่วยตามไปด้วยหรือว่ามีประวัติครอบครัว
00:17:46 → 00:17:49 พ่อแม่พี่น้องปู่ญาติตายายป่วยเก็จะมี
00:17:49 → 00:17:52 โอกาสป่วยตามไปด้วยปัจจุบันเนี้ยค่ะยีน
00:17:52 → 00:17:56 น่ะมันเหมือนเราเกิดมาเรามียีนพ่อยีนแม่
00:17:56 → 00:17:59 ยีนบรรพบุรุษอ่ะมันแอบแฝงมาอยู่แล้วแล้ว
00:17:59 → 00:18:01 แหละว่าเราจะมีโรคอะไรบ้างอีกอันนึงก็
00:18:01 → 00:18:04 เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมเนาะที่มีความ
00:18:04 → 00:18:08 เครียดมีความกดดันการเลี้ยงดูที่โหดร้าย
00:18:08 → 00:18:11 ทารุณอย่างเงี้ยก็ส่งผลทำให้คนมีความผิด
00:18:11 → 00:18:14 ปฏิทางสุภาพจิตได้มากขึ้นอแล้วก็ความ
00:18:14 → 00:18:17 เครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันงเงี้ย
00:18:17 → 00:18:19 ค่ะบางคนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เครียดต่อ
00:18:19 → 00:18:23 เนื่องยาวนานอย่างเงี้ยก็กระตุ้นทำให้
00:18:23 → 00:18:27 เกิดความ็นดีทางจิตเวทได้อือนอกจากถ้า
00:18:27 → 00:18:29 สมมุติว่ายังบางคนอาจจะยังไม่พร้อมไปพบ
00:18:29 → 00:18:32 จิตแพทย์มันมีวิธีการอะไรยังไงที่จะให้
00:18:32 → 00:18:36 ตัวเองพอจะประคองตัวเองไว้ก่อนอะไรเงี้ย
00:18:36 → 00:18:38 ถ้าถ้าสมมุติว่ารู้ตัวหรือถ้าแบบคนรอบ
00:18:38 → 00:18:40 ข้างอย่างเราเป็นคนรอบข้างเงี้ยมีคนใน
00:18:40 → 00:18:44 ครอบครัวรู้สึกเอาจจะเครียดมากเกินไปทำ
00:18:44 → 00:18:47 ให้แบบอาจจะรู้สึกแบบเป็นทางด้านจิตเวทไป
00:18:47 → 00:18:49 ไม่ด้านใดด้านหนึ่งซืมเศร้าหรืออะไรก็
00:18:49 → 00:18:52 แล้วแต่เราจะดูแลกันยังไงหรือดูแลตัวเอง
00:18:52 → 00:18:54 ยังไงเบื้องต้นก่อนได้มั้ยค่ะก็เป็นคำถาม
00:18:54 → 00:18:57 ที่ดีมากนะคะถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าเออเรา
00:18:57 → 00:18:59 เริ่มจะเครียดแล้วนะเราเริ่มจะไม่ปกติ
00:19:00 → 00:19:02 แล้วนะเราเริ่มเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่
00:19:02 → 00:19:04 เราเคยมีความสุขแล้วแบบเหมือนความสุขเรา
00:19:04 → 00:19:08 หายไปอ่ะตรงเนี้ยให้เริ่มจากการมีสติรู้
00:19:08 → 00:19:11 เริ่มกลับมาดูแลตัวเองเริ่มจากการนอนให้
00:19:11 → 00:19:15 พอนอนให้อิ่มเริ่มจากแบบกินข้าวให้เป็น
00:19:15 → 00:19:18 เวลาคือให้จังหวะให้นาฬิกาชีวิตมันกลับมา
00:19:18 → 00:19:22 แบบเซตรีเซตใหม่ดีๆเนาะเออแล้วก็เริ่มแบบ
00:19:22 → 00:19:26 ไม่เครียดใช้ชีวิตแบบรีแลกผ่อนคลายมาก
00:19:26 → 00:19:30 ขึ้นแบบเนี้ยค่ะค่ะค่ะแล้วก็เริ่มแบบหา
00:19:30 → 00:19:35 อะไรที่เราชอบทำมีเวลาไปออกกำลังกายนะทำ
00:19:35 → 00:19:38 แบบนี้ไปเรื่อยๆเนี่ยมันก็จะดีขึ้นบางที
00:19:38 → 00:19:42 อ่ะเราแค่นอนให้พออย่างเงี้ยเออจำง่ายๆ
00:19:42 → 00:19:45 เขาบอกว่าให้ดูแลตัวเองด้วย
00:19:45 → 00:19:52 เซ็ก S นะคะใช่ S นี่ก็คือเริ่มตั้งแต่
00:19:52 → 00:19:57 การดูแล Sleep S คือ Sleep นอนให้พอนอน
00:19:57 → 00:20:00 เออแต่คนมีความต้องการในการนอนไม่เท่ากัน
00:20:00 → 00:20:04 บางคน 6 ชมงก็อิ่มละบางคนต้อง 8 ชมก็นอน
00:20:04 → 00:20:08 ไปนะคะออืออีก็ eatting กินอาหารที่มี
00:20:08 → 00:20:10 ประโยชน์ค่ะเป็นเวลา x ก็
00:20:10 → 00:20:14 Exercise ออกกำลังกายไปเนี่ยจำง่ายมาก
00:20:14 → 00:20:18 เลย S Sleep eating Exercise ฟังดูมัน
00:20:18 → 00:20:22 คือพื้นฐานูปกติทั่วไปเลยนะแต่เราขาดมาก
00:20:22 → 00:20:26 เลยใช่นั่นก็คือชีวิตเราแบบเละเทะมากนะ
00:20:26 → 00:20:28 เราก็ต้องกลับมาแบบอันเนี้ย
00:20:28 → 00:20:31 จะได้ทั้งสุขภาพร่างกายแล้วก็สุขภาพจิตใจ
00:20:31 → 00:20:34 มันก็จะดีตามขึ้นมาด้วยถ้าเราดูแลตัวเอง
00:20:34 → 00:20:37 ดีๆแล้วเฮ้ยยังไม่หายว่ะยังเศร้ายังดิ่ง
00:20:37 → 00:20:42 ยังทุกข์ยังวิตกกังวลยังแบบเออก็แนะนำให้
00:20:42 → 00:20:44 ปรึกษาจิตแพทย์ได้อืก็ปรับเปลี่ยน
00:20:44 → 00:20:48 พฤติกรรมก่อนใช่ค่ะคือแรกๆอาจจะยากรู้สึก
00:20:48 → 00:20:50 เพราะเราเราเคยชินกับอะไรก็ไม่รู้อ่ะที่
00:20:50 → 00:20:54 มันแบบมันผิดระบบไปหมดแล้วอ่ะเออตอนนี้ก็
00:20:54 → 00:20:58 แบบค่อยๆเริ่มเดี๋ยวไปไประหว่างทางก็
00:20:58 → 00:20:59 เริ่ม
00:20:59 → 00:21:02 ไม่ไหวเพราะว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมอ่ะ
00:21:02 → 00:21:04 มันก็จะกลับมาแบบเดิมเปล่าคือต้องบอกว่า
00:21:04 → 00:21:07 บางทีเราไม่สามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมได้
00:21:07 → 00:21:09 เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้เราเปลี่ยนที่ทำ
00:21:09 → 00:21:13 งานไม่ได้เราเปลี่ยนสถานที่ิิอไม่ได้อ่ะ
00:21:13 → 00:21:15 แต่ว่าเราสามารถเปลี่ยนจิตใจเราให้เรา
00:21:15 → 00:21:19 ปรับตัวให้อยู่ให้เป็นเย็นให้พอให้มัน
00:21:19 → 00:21:22 อยู่ได้ให้มันมีความสุขในแบบแบบที่เรา
00:21:22 → 00:21:25 อยู่ได้อ่าให้เราแฮปปี้ชีวิตเรามันสั้น
00:21:25 → 00:21:27 เนาะแบบว่าไม่รู้ว่าจะไปเมื่อไหร่อ่ะ
00:21:27 → 00:21:31 แฮปปี้ดีกว่าเนาะถูกมีคนสอค่ะผู้ใหอหลายๆ
00:21:31 → 00:21:35 คว่าพอเราอยู่ในวที่แบบยิ่งโขึ้นหน้าที่
00:21:35 → 00:21:38 การงานสูงขึ้นหรือแบบอายุมากขึ้นเนี่ย
00:21:38 → 00:21:44 พยายามใช้คำนี้ช่างให้ได้เราก็เอ๊ะ
00:21:44 → 00:21:46 ตอนนั้นเราอาจจะยังไม่เข้าใจอะไรคือช่าง
00:21:46 → 00:21:49 แบบไม่ต้องสนใจอะไรขนาดนั้นเลยหรอบอก
00:21:49 → 00:21:52 มันไม่ใช่ว่าไม่สนใจอะไรเลยแต่บางอย่าง
00:21:52 → 00:21:56 อ่ะช่างมันเถอะปล่อยมันไปเถอะอะไรอย่าง
00:21:56 → 00:21:59 เงี้ยเพื่อให้ตัวเราไม่แบบรู้รสึกไม่ดี
00:21:59 → 00:22:01 อะไรประมาณงี้เนาะใช่มั้ยคะใช่ค่ะเขาคก็
00:22:02 → 00:22:05 จะมีหลักการที่เราจะมีสุขภาพจิตดีๆง่ายๆ
00:22:05 → 00:22:10 ข้อ 1 คือช่างช่างมันเถอะให้ไวคือ
00:22:10 → 00:22:13 อะไรเกิดขึ้นเนี่ยมีสติรู้รู้ว่าเกิดอะไร
00:22:13 → 00:22:16 ขึ้นแล้วก็ปล่อยมันไปให้เร็วที่สุดเราก็
00:22:16 → 00:22:19 จะเครียดน้อยลงอันที่ 2 คือแยกให้ได้ว่า
00:22:19 → 00:22:23 อะไรเป็นปัญหาตัวเองอะไรไม่ใช่ซึ่งถ้าเรา
00:22:23 → 00:22:26 แยกได้เนี่ยเราจะพบว่าปัญหาเรามันแค่ 10
00:22:26 → 00:22:28 20% เท่านั้นเองส่วนใหญ่คือเราเราเป็น
00:22:28 → 00:22:31 ทุกข์เพราะเรื่องคนอื่นเราเป็นทุกข์เพราะ
00:22:31 → 00:22:34 เรื่องคนรอบข้างถ้าเราแบบเออแยกได้เอออัน
00:22:34 → 00:22:37 นี้เรื่องของมึงเลยแบบเออแล้วแต่เลยใช่
00:22:37 → 00:22:40 เออแล้วแต่ up to you ใช่ค่ะยกตัวอย่าง
00:22:40 → 00:22:42 เช่นมีคนแบบเหม็นขี้หน้าเราไม่ชอบไม่ชอบ
00:22:42 → 00:22:45 เราอย่างเงี้ยเอออันเนี้ยจริงๆเป็นปัญหา
00:22:45 → 00:22:47 ของเคนะไม่ใช่ปัญหาเราใช่เราไม่ต้องไป
00:22:47 → 00:22:49 แคร์คนเหล่านี้ก็ได้นะถูกต้องค่ะแล้วก็
00:22:49 → 00:22:52 นี่ไงคะแล้วก็ช่างเลยเกลียดก็เกลียด
00:22:52 → 00:22:54 ไปเราเห็นหน้าเราแล้วเราทุกข์เห็นหน้าเรา
00:22:54 → 00:22:56 แล้วเทุกข์ใจก็เป็นเรื่องของเาถูกต้องค่ะ
00:22:56 → 00:23:00 เพเราเฉยๆเนี่ยค่ะง่ายมากเลยคือแค่เราแบบ
00:23:00 → 00:23:03 นะช่างมันเถอะให้เร็วช่างให้เร็วเรา
00:23:03 → 00:23:06 ก็แยกอะไรปัญหาเราอะไรไม่ใช่ปัญหาเราเออ
00:23:06 → 00:23:09 เราก็มาจัดการเออปัญหาเราอยู่ตรงนี้นะนี่
00:23:09 → 00:23:11 นู่นนั่นเราจะปรับยังไงแค่นั้นเองก็ใช้
00:23:11 → 00:23:15 ชีวิตไปแต่ละวันไปอหรือถ้าอันไหนมันโจทย์
00:23:15 → 00:23:17 มันยากแล้วเราคิดว่าเราหาทางออกไม่ได้ก็
00:23:17 → 00:23:19 คุยกับจิตแพทย์ไปถูกต้องค่ะปรึกษาเดี๋ยว
00:23:19 → 00:23:24 คุณหมอแอก็จะมีคำตอบให้มีแบบแนวทางให้
00:23:24 → 00:23:26 แล้วอย่างเป็นคุณหมอนี่มีเรื่องที่แบบว่า
00:23:26 → 00:23:28 แบบวิตกกังวลแบบหรืออะไรอย่างเงี้ยแล้ว
00:23:28 → 00:23:30 เราแต่ว่าด้วยความเป็นจิตแพทย์น่ะก็น่าจะ
00:23:30 → 00:23:33 แบบรู้ทันตัวเองแล้วก็รู้อารมณ์ความรู้
00:23:33 → 00:23:36 สึกตัวเองได้ไวแล้วก็แบบว่าสามารถกำจัด
00:23:36 → 00:23:39 มันออกไปได้ใช่ใช่ใช่ค่ะก็จะเป็นคำถามยอด
00:23:39 → 00:23:42 ฮิตเลยนะคะว่าคนเนี่ยจะถามเยอะมากเลยว่า
00:23:42 → 00:23:45 เออเป็นจิตแพทย์รับฟังความทุกข์ของคนอื่น
00:23:45 → 00:23:48 น่ะแบบแล้วตัวเองไม่เครียดไม่ทุกข์หรอก็
00:23:48 → 00:23:52 ต้องบอกว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนี้ย
00:23:52 → 00:23:56 ก็คือเรารับฟังคนไข้นะเราเข้าใจเราเห็นใจ
00:23:56 → 00:23:59 แต่มันไม่ใช่เรืื่องของเราเราไม่ต้องทุก
00:23:59 → 00:24:04 ใจตามด้วยมันจะมีคำว่ากับเนเออ empathy
00:24:04 → 00:24:08 ก็คือเราเข้าใจเแต่เราไม่ได้ทุกข์ตามไป
00:24:08 → 00:24:11 ด้วยแต่ี้ก็คือเราไปทุกข์ตามเขาประดุจ
00:24:11 → 00:24:15 ดั่งปัญหาเขาเป็นของเรานะคะแบกเอามาใช่
00:24:15 → 00:24:18 ค่ะแล้วจิตแพทย์เนี่ยเราก็จะแยกได้ว่าอัน
00:24:18 → 00:24:21 นี้ไม่ใช่เรื่องของเราอีกอันนึงเราก็จะ
00:24:21 → 00:24:25 ช่างได้ไวเหมือนกันว่าอจบละเออแล้วก็
00:24:25 → 00:24:28 ข้อที่ 3 ของการมีสุขภาพติดที่ดีก็คือคือ
00:24:29 → 00:24:32 เราต้องรู้จักแบบเปิดปิดสวิตช์ให้เป็นคือ
00:24:32 → 00:24:35 เราแต่ละคนเราจะมีหัวโขนใช่มยคะอ่ะเราทำ
00:24:35 → 00:24:38 งานตำแหน่งหน้าที่นี้นะอย่างนักเรียนอ่ะ
00:24:38 → 00:24:40 บางคนอาจจะเรียนหนังสืออยู่เป็นนักเรียน
00:24:40 → 00:24:43 อยู่บางคนอาจจะทำงานตำแหน่งหน้าที่นี้นะ
00:24:43 → 00:24:45 แต่เราก็จะมีชีวิตส่วนตัวของเราเราต้อง
00:24:45 → 00:24:49 แยกให้ได้ชีวิตการทำงานมันจะมีความเครียด
00:24:49 → 00:24:52 มีอุปสรรคมีอะไรก็ทำไปแต่ชีวิตส่วนตัว
00:24:52 → 00:24:55 แล้วก็เป็นตัวเราเป็นคนธรรมดาที่ต้องการ
00:24:56 → 00:24:59 การกินการนอนการดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้าง
00:24:59 → 00:25:02 แล้วก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาแยกให้มันได้บาง
00:25:02 → 00:25:05 คนมะรุมมาะตุ้มวุ่นวายแบบกลับบ้านเราก็
00:25:05 → 00:25:08 ยังคิดถึงเรื่องทำงานอยู่คืออย่างหมอเลิก
00:25:08 → 00:25:10 งานหมอกลับมาอยู่บ้านหมอไม่เอาเรื่องคน
00:25:10 → 00:25:13 ไข้ซึมเศร้าวันนี้มาคิดแล้วนะคะว่าเออเขา
00:25:13 → 00:25:17 จะเป็นอะไรยังไงคือเราจบแค่ตรงนั้นอืก็ก็
00:25:18 → 00:25:20 ให้คำแนะนำหรืออะไรเขไปเรียบร้อยแล้วแต่
00:25:20 → 00:25:22 บางทีเราอย่างพอพูดถึงเรื่องงานบางทีเรา
00:25:22 → 00:25:26 ก็เอางานกลับมาคิดมันวิตกกังวลเยอะกลัว
00:25:26 → 00:25:29 ไม่ทันงานมันเร่ง
00:25:29 → 00:25:31 เดี๋ยนนี่นั่นอะไอย่าเงี้หลายอย่างมากมัน
00:25:31 → 00:25:34 ก็เลยทำให้วิถีของของพวกเราทุกคนเนี่ยมัน
00:25:34 → 00:25:39 ขาดการได้พักใจพักกายนอนไม่พอกันไปเลย
00:25:39 → 00:25:43 เนาะค่ะเราก็ต้องรู้จักแบ่งเวลานะออืพูด
00:25:43 → 00:25:46 เหมือนงถ้าอยู่บ้านแล้วมันคิดก็เออก็คิด
00:25:46 → 00:25:49 อาจจะทำอย่างงี้ปึ๊บก็คือคิดให้ไวแล้วก็
00:25:49 → 00:25:52 จบตรงนั้นแล้วก็ช่างไปแล้วค่อยว่ากัน
00:25:52 → 00:25:55 แต่ก็ไม่ได้บอกว่าโอ้ไม่สนใจอะไรทุก
00:25:55 → 00:25:57 เรื่องขนาดนั้นนะบางางเรื่องมันอาจจะต้อง
00:25:57 → 00:25:59 ยังสนใจอยู่แต่ว่าแค่แบบถ้ามันยังทำอะไร
00:25:59 → 00:26:03 ไม่ได้อ่ะก็เวลามันก็จะเป็นตัวช่วยที่ดี
00:26:03 → 00:26:06 ได้เหมือนกันอืเป็นแนวทางอีกแล้วค่ะคุณ
00:26:06 → 00:26:08 ผู้ฟังนะคะลองดูแล้วกันเนาะวันนี้ขอบคุณ
00:26:08 → 00:26:11 คุณหมอค่ะสวัสดีค่ะขอบคค่ะเอาล่ะค่ะคุณ
00:26:11 → 00:26:13 ผู้ฟังหมดเวลาแล้วพบกันใหม่ครั้งหน้ากับ
00:26:13 → 00:26:15 รายการโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะ
00:26:15 → 00:26:18 วันนี้ลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:26:18 → 00:26:22 Thai PBS podcast กินเมนูอาหารตามสั่ง
00:26:22 → 00:26:25 สั่งอย่างไรยังได้สุขภาพที่ดีอายุที่
00:26:25 → 00:26:28 เพิ่มขึ้นมีผลต่อสุขภาพหรือไม่ผู้ช่วย
00:26:28 → 00:26:30 ศาสตราจารย์เอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญ
00:26:30 → 00:26:34 ด้านโภชนาการมาเล่าให้ฟังครับผัดกะเพรา
00:26:34 → 00:26:37 เนี่ยถ้าเกิดว่าเขาทำถึงมีใบกะเพรามาเต็ม
00:26:37 → 00:26:40 ที่แล้วเป็นกะเพราไก่แล้วก็แบบเอ้ยเสริม
00:26:40 → 00:26:42 โปรตีนเข้ามาด้วยไข่ดาวนะแล้วมันมีผัก
00:26:42 → 00:26:45 อย่างอื่นบางที่เขาก็จะใส่ถั่วฝักยาวใส่
00:26:45 → 00:26:48 ข้าวโพดอ่อนพริกเยอะๆรสจัดอย่างเงี้ยอัน
00:26:48 → 00:26:50 นี้ก็เพื่อสุขภาพและข้าวผัดก็อารมณ์เดียว
00:26:50 → 00:26:53 กันนะเพราะข้าวผัดบางร้านแทบไม่มีผักแต่
00:26:53 → 00:26:55 ถ้าข้าวผัดแบบข้าวผัดโบราณน่ะเพราะเขมี
00:26:55 → 00:26:59 ผักคะน้ามีมะเขือเทศอาสั่งเมื่อก่อนเนี่ย
00:26:59 → 00:27:02 ข้าวผัดที่เป็นเมนูเบสิคพื้นฐานน่ะที่เรา
00:27:02 → 00:27:04 มักอ้าคิดอะไรไม่ออกงั้นข้าวผัดแล้วกัน
00:27:04 → 00:27:06 อาจารย์บอกเลยว่าองค์ประกอบของสารอาหาร
00:27:06 → 00:27:10 ครบนะเพรามีตัวข้าวคาร์โบอดตมีโปรตีนจาก
00:27:10 → 00:27:13 ข้าวผัดหมูข้าวผัดไก่มีไข่ไข่ด้วยออ่าไข
00:27:13 → 00:27:16 มันจากอ่าน้ำมันที่ผัดแล้วก็มีผักถูกม
00:27:16 → 00:27:19 ครับไฟเบอร์จากคะน้าจากมะเขือเทศอัดพิเศษ
00:27:19 → 00:27:23 แตงกวาต้นหอมพร้อมหัวมันั้นเราจะเห็นเลย
00:27:23 → 00:27:26 ว่าคาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันวิตามินแร่
00:27:26 → 00:27:30 ธาตุครบถ้าคนที่ออเบาหวานคุณก็อาจจะแบบ
00:27:30 → 00:27:32 กินน้อยลงหน่อยไอ้พวกราดข้าวเนี่ยก็กิน
00:27:32 → 00:27:35 ส่วนของคบเดชเนี่ยให้น้อยลงเพื่อควบคุม
00:27:35 → 00:27:38 น้ำหนักตัวควบคุมน้ำตาลคือพวกผัดๆเนี่ย
00:27:38 → 00:27:41 บางอย่างเงี้ยสมมุตินะอีกหนเมนูตามสั่ง
00:27:41 → 00:27:43 แบบเพื่อสุขภาพหน่อย Healthy หน่อยคือ
00:27:43 → 00:27:47 สุกี้น้ำทะเลอย่าไปสั่งสุกี้แห้งน้ำมันมา
00:27:47 → 00:27:49 ย่องเลยก็เปลี่ยนเป็นน้ำเพราะเมนูบาง
00:27:49 → 00:27:51 อย่างมันมีน้ำได้ไงครับก็จะเป็นอีกหนึ่ง
00:27:51 → 00:27:55 เมนูที่มัน Healthy ถ้ามันแบบสั่งทะเลได้
00:27:55 → 00:27:58 ทะเลเนี่ยแคลอรี่มันจะต่ำเรากินผัดไทย
00:27:58 → 00:28:00 อย่างเงี้ยเราก็ต้องเป็นผัดไทยวุ้นเส้น
00:28:01 → 00:28:03 กุ้งสดเปลี่ยนกุ้งแห้งเป็นกุ้งสดอ่ะแล้ว
00:28:03 → 00:28:05 ท้ายที่สุดเนี่ยมันขึ้นอยู่กับเราเลือก
00:28:05 → 00:28:08 สั่งในกรณีที่มาจะเป็นอาหารจานเดี่ยวตาม
00:28:08 → 00:28:11 สั่งจะเป็นกับข้าวตามสั่งหรือข้าวราดแกง
00:28:11 → 00:28:13 อย่างเงี้ยเราเฮ้ยถ้าร้านนี้มีข้าวกล้อง
00:28:13 → 00:28:16 ข้าวไรเบอร์รี่เราเลือกแทนข้าวขาวอันนี้
00:28:16 → 00:28:19 ก็จะได้ไฟเบอร์อ่าได้สารพฤกษะเคมีที่อยู่
00:28:19 → 00:28:23 ในไรเบอร์รี่ที่ดีต่อสุขภาพอย่างเงี้ยน้ำ
00:28:23 → 00:28:26 มันอย่างเงี้ยพยายามที่จะเลือกเมนูที่ทอด
00:28:26 → 00:28:29 กับผัดให้มันน้อยหน่อยคียเพื่อสุขภาพ
00:28:29 → 00:28:32 เนี่ยจริงๆแล้วสารอาหารนมันสำคัญหมดแหะนะ
00:28:32 → 00:28:34 แต่มันขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพของแต่ละคน
00:28:34 → 00:28:37 นะส่วนใหญ่คนไทยทุกวันนี้น้ำหนักเกินอ้วน
00:28:37 → 00:28:39 แล้วก็เบาหวานใช่มั้ครับต่อให้กินเหมือน
00:28:39 → 00:28:42 เดิมอ่ะแต่การเผาผลาลดลงอ่ะเมื่ออายุแบบ
00:28:42 → 00:28:45 อุ้ยเฟชชี่ฉันเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ 20 ปีกับ
00:28:45 → 00:28:48 พอตอน 30 ปี 40 ปีเป็นไงครับเราก็เพิ่ง
00:28:48 → 00:28:52 ขยายขนาดตามเศษสถานะของเรานะมันมันก็
00:28:52 → 00:28:54 โอเวอร์ไซส์ขึ้นเรื่อยๆแล้วเนี่ยคีย์นิวน
00:28:54 → 00:28:58 สำคัญในการควบคุมน้ำหนักคืออ่าโปรตีนแล้ว
00:28:58 → 00:29:00 ก็
00:29:00 → 00:29:05 Fiber This Is Thai PBS
00:29:05 → 00:29:08 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:08 → 00:29:10 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:10 → 00:29:25 www.thaipbs.or.th
00:29:25 → 00:29:28 [เพลง]
00:29:28 → 00:29:31 อ