00:00:00 → 00:00:03 This is Thai PBS Podcast. Ve the
00:00:03 → 00:00:06 world by the voice
00:00:06 → 00:00:08 >> ยมันเป็นสงครามทางความคิดนะครับว่าแนวคิด
00:00:08 → 00:00:10 ใครถูกใครผิดแล้วการอยู่ในโซเชียลmedดีia
00:00:11 → 00:00:13 เนี่ยเอ่อเราสามารถพิมพ์อะไรก็ได้เมื่อ
00:00:13 → 00:00:15 ไหร่ก็ได้โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิมพ์ไป
00:00:15 → 00:00:17 แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเนาะแต่รู้แค่ว่าการ
00:00:17 → 00:00:19 พิมพ์แล้วกดเคาะหลงไปเนี่ยมันง่ายมากที
00:00:19 → 00:00:21 นี้ความคิดคนเรามันไม่มีข้อจำกัดไงครับใน
00:00:21 → 00:00:24 เรื่องสงครามนะครับการที่เราคิดว่ายิงมัน
00:00:24 → 00:00:26 เลยถ้ามีอันนี้ทำไปเลยอย่างเงี้ยครับแต่
00:00:26 → 00:00:28 พอเรายืนต่อหน้าดงระเบิดเรายืนต่อหน้า
00:00:28 → 00:00:31 อะไรก็ตามที่มันแบบเราเห็นข้อจำกัดเต็มไป
00:00:31 → 00:00:33 หมดมันจะทำอย่างที่คิดไม่ได้แล้วสุดท้าย
00:00:33 → 00:00:35 ยังไงเราก็จะมีความโกรธแค้นความเจ็บช้ำ
00:00:35 → 00:00:37 อยู่แหละแต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือว่า
00:00:37 → 00:00:40 ตัวเราทำอะไรกับเรื่องนี้ได้จริงๆแค่ไหน
00:00:40 → 00:00:42 อ่ะครับเราเลยต้องมีสติในการแบบหลุดออกมา
00:00:42 → 00:00:43 จากตรงนั้นไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่าความ
00:00:43 → 00:00:48 ไอ้ข้อมูลข่าวสารจะครอบงำเรา
00:00:48 → 00:00:51 >> ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:57 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:58 → 00:01:00 >> วันนี้ค่ะคุณผู้ฟังเราจะมาพูดคุยกันถึง
00:01:00 → 00:01:03 เรื่องของจิตวิวิทยารักชาตินิยมในยุค
00:01:03 → 00:01:06 ดิจิทัลนะคะเราจะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมา
00:01:06 → 00:01:09 เกิดกระแสสังคมเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิด
00:01:09 → 00:01:12 ขึ้นแล้วก็เราอาจจะไม่นึกถึงเลยว่าโอ้ใน
00:01:12 → 00:01:14 สังคมยุคดิจิทัลเนี่ยมันไปเกี่ยวโยงกับ
00:01:14 → 00:01:17 สถานการณ์ในหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกับระดับ
00:01:17 → 00:01:18 ประเทศได้เช่นเดียวกันนะคะเดี๋ยววันนี้
00:01:19 → 00:01:21 เราจะมาคุยกันในมุมมองของจิตวิทยาการ
00:01:21 → 00:01:24 เรื่องนี้กับดร.สุวุฒิวงทางสวัสดิ์นัก
00:01:24 → 00:01:26 จิตวิทยาการปรึกษาท่านหนึ่งค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:26 → 00:01:27 คุณเอิ้ล
00:01:27 → 00:01:28 >> ค่ะสวัสดีครับคุณรีสวัสดีครับคุณผู้ฟัง
00:01:28 → 00:01:31 >> เออวันนี้ดูหัวข้อแบบว่าอาจจะแบบว่าแนว
00:01:31 → 00:01:34 ที่ต้องแบบเข้มข้นจริงจังกันสักนิดนึง
00:01:34 → 00:01:37 เนาะเกี่ยวกับในเชิงของจิตวิทยาในการมอง
00:01:38 → 00:01:40 เรื่องเนี้ยเอ่อถ้าเรามองในเรื่องของมุม
00:01:40 → 00:01:43 มองความแตกต่างระหว่างการรักชาติในยุค
00:01:43 → 00:01:46 ก่อนคุณเอิ้ลน่าจะพอนึกออกเนาะในสมัยก่อน
00:01:46 → 00:01:48 เวลาเกิดอะไรขึ้นที่เป็นเกี่ยวกับ
00:01:48 → 00:01:51 สถานการณ์ระดับประเทศหรือระดับโลกก็แล้ว
00:01:51 → 00:01:53 แต่เนี่ยเนี่ยถ้ามันอยู่ไกลเราเราจะรู้
00:01:53 → 00:01:56 สึกว่าเราอาจจะไม่ค่อยได้ใส่ใจหรือว่าอาจ
00:01:56 → 00:01:58 จะแบบอติดตามข่าวสารอยู่บ้างแล้วก็รู้ว่า
00:01:58 → 00:02:01 เอ๊ะมันมีผลกระทบอะไรกับเรา
00:02:01 → 00:02:03 >> เรารู้แหละว่ามันมีความเสียหายมันเกิด
00:02:03 → 00:02:04 อะไรขึ้นครับ
00:02:04 → 00:02:06 >> กับประเทศที่เป็นคู่
00:02:06 → 00:02:07 >> คู่กรณี
00:02:07 → 00:02:11 >> คู่กรณีนั้นใช่พอมาถึงเป็นของบ้านเราเอง
00:02:11 → 00:02:12 เนี่ย
00:02:12 → 00:02:15 >> ความใกล้ตัวมันมันคือบ้านเรามันใกล้ตัว
00:02:15 → 00:02:17 เลยมันเราไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดเหตุ
00:02:18 → 00:02:20 การณ์อะไรแบบนี้ด้วยอ่ะนะคะทีนี้ในความ
00:02:20 → 00:02:24 แตกต่างระหว่างการรักชาติในสมัยก่อนกับ
00:02:24 → 00:02:26 ยุคดิจิตัลสมัยเนี้ยในมุมมองจิตวิทยา
00:02:26 → 00:02:29 เนี่ยคุณเอิ้นคิดว่ามันมีความแตกต่างกัน
00:02:29 → 00:02:30 มากน้อยแค่ไหนยังไงบ้าง
00:02:30 → 00:02:33 >> อผมว่ามันเป็นเรื่องของความหลากหลายในการ
00:02:33 → 00:02:35 แสดงออกถึงความรักชาติเงี้ยครับถ้าเป็น
00:02:36 → 00:02:38 เมื่อก่อนผมว่ายุคยุคสมัยก่อนนะเผลอๆอาจ
00:02:38 → 00:02:40 จะยุคก่อนผมอีกผมอาจจะแบบเกิดไม่ทันนะ
00:02:40 → 00:02:41 ครับอ
00:02:41 → 00:02:43 >> ยุคเมื่อก่อนเนี่ยเค้าอาจจะมีการรณรงค์
00:02:43 → 00:02:45 เรื่องการเป็นชาตินิยมมีเรื่องของความ
00:02:45 → 00:02:48 ต้องซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อชาติหรือว่า
00:02:48 → 00:02:50 คำนึงถึงชาติมากกว่าสิ่งใดอะไรอย่างเงี้ย
00:02:50 → 00:02:51 แล้วยุคเมื่อก่อนผมว่ามันจะมีเรื่องของ
00:02:51 → 00:02:54 สงครามเนาะสมมุติถ้าย้อนไปยุคสงครามโลกยก
00:02:54 → 00:02:56 ยุคอะไรก็ตามพวกเสงครามเมื่อก่อนมันรุน
00:02:56 → 00:02:58 แรงจริงมันไม่ได้ถูกจำกัดขอบเขตแล้วมันมี
00:02:58 → 00:03:00 เรื่องของการแบบพยายามจะเรียกว่าอาณานิคม
00:03:00 → 00:03:02 หรืออะไรก็ตามพวกเนี้ยฮะเพราะฉะนั้นยุค
00:03:02 → 00:03:04 เมื่อก่อนเนี่ยคนที่แสดงถึงความรักชาติ
00:03:04 → 00:03:06 มักก็จะไปอยู่ในเรื่องของการส่งเสบียง
00:03:06 → 00:03:08 หรือไม่ก็เป็นเป็นทหารออกรบมันจะมีเรื่อง
00:03:08 → 00:03:12 ของอ่ารัฐบาลที่จะสื่อสารลงมาว่าณตอนนี้
00:03:12 → 00:03:14 สถานการณ์ประเทศเราบ้านเราเจออะไรอยู่
00:03:14 → 00:03:16 เพราะงั้นเลยอยากขอความร่วมมือขอการ
00:03:16 → 00:03:18 รณรงค์ต่างๆเพราะฉะนั้นเมื่อก่อนการ
00:03:18 → 00:03:20 แอคชั่นของคนนะครับก็จะเป็นการเข้าไปมี
00:03:20 → 00:03:22 ส่วนร่วมด้วยตัวเอง
00:03:22 → 00:03:22 >> อื
00:03:22 → 00:03:24 >> ใช้คำว่าตัวเองอ่ะเข้าไปมีส่วนร่วมเลย
00:03:24 → 00:03:26 เพราะว่ายุคเมื่อก่อนไม่มีโซเชียลมีเดีย
00:03:26 → 00:03:28 >> ไม่ได้มีอะไรนอกจากแค่ข่าวที่เรารับศาลมา
00:03:28 → 00:03:30 แล้วก็ต้องลงมือทำบางอย่างเพื่อต่อสู้
00:03:30 → 00:03:32 เพื่อสู้รบเนาะแต่พอยุคถัดมาหลังๆเนี่ย
00:03:32 → 00:03:34 ครับเอ่อมันเริ่มเข้าสู่ยุคที่สันติภาพ
00:03:34 → 00:03:37 เริ่มเกิดขึ้นและมันไม่ใช่การแข่งขันทาง
00:03:37 → 00:03:38 กองทัพและแต่มันเริ่มเป็นการแข่งขันทาง
00:03:38 → 00:03:39 เศรษฐกิจ
00:03:39 → 00:03:42 >> นะฮะเพราะฉะนั้นเอ่อเรื่องสงครามเนี่ยก็
00:03:42 → 00:03:44 จะถูกจำกัดขอบเขตลงให้มันไม่ต้องเกิดการ
00:03:45 → 00:03:47 ปะทะที่ใหญ่โตเกินไปจนเกิดความฝืนเสีย
00:03:47 → 00:03:49 เพราะว่าโลกเรามีเค้าเรียกว่าบทเรียนจาก
00:03:49 → 00:03:52 ความฝืนเสียในในสงครามโลกต่างๆมามากมายละ
00:03:52 → 00:03:54 มันก็เลยเป็นยุคของเศรษฐกิจทีเนี้ยความ
00:03:54 → 00:03:56 รักชาติมันก็เลยจะเริมเปลี่ยนแปลงหรือแม้
00:03:56 → 00:03:58 กระทั่งความเป็นชาตินะครับจะไม่ใช่การแบบ
00:03:58 → 00:04:00 ชาติชั้นยิ่งใหญ่ที่สุดชาติชั้นจะต้อง
00:04:00 → 00:04:03 เหนือชาติอื่นอ่าแต่มันเริ่มเป็นการมอง
00:04:03 → 00:04:06 ว่าชาติของฉันมีจุดเด่นมีสิ่งที่ได้
00:04:06 → 00:04:08 เปรียบทางเศรษฐกิจหรือมีอำนาจอะไรที่ไม่
00:04:08 → 00:04:10 ใช่เรื่องกองทัพที่มากกว่าที่อื่นบ้าง
00:04:10 → 00:04:11 >> มาต่อรองอะไรอย่างเงี้ได้
00:04:12 → 00:04:14 >> การแข่งขันก็จะเริ่มเปลี่ยนะนะครับแล้วก็
00:04:14 → 00:04:16 สิ่งที่รัฐบาลจะเอาจากประชาชนก็เริ่ม
00:04:16 → 00:04:18 เปลี่ยนแปลงเหมือนกันทุกอย่างมันก็ขยับไป
00:04:18 → 00:04:20 เป็นองค์รวมพอพอเป็นเน้นเรื่องเศรษฐกิจ
00:04:20 → 00:04:22 เนี่ยมันกลายเป็นว่าคนอาจจะแบบเริ่มทำมา
00:04:22 → 00:04:25 หากินเริ่มจ่ายภาษีเริ่มเอ่อทำอะไรก็ตาม
00:04:25 → 00:04:28 ที่เป็นเรื่องของตัวแทนประเทศเป็นแบบความ
00:04:28 → 00:04:30 ภาคภูมิใจแล้วมันอาจจะมีโอลิมปิกมีกีลง
00:04:31 → 00:04:33 กีฬาอะไรมันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป
00:04:33 → 00:04:36 มากมายนะครับเอ่อโลกเราเริ่มสนใจสันติภาพ
00:04:36 → 00:04:38 มากขึ้นแล้วพอยุคขยับเปลี่ยนผ่านมาเรื่อย
00:04:38 → 00:04:39 ๆอ่ะครับ
00:04:39 → 00:04:41 >> สงครามมันเริ่มเป็นสิ่งที่แบบซาลงไปะตอน
00:04:41 → 00:04:43 เนี้ยยิ่งเป็นยุคนี้เเป็นโซเชียลมีดีย
00:04:43 → 00:04:46 ครับการรักชาติเนี่ยถ้าเราสังเกตเนาะมัน
00:04:46 → 00:04:47 จะมีเรื่องของการโพสต์
00:04:48 → 00:04:49 >> มีการถ่ายภาพลงอ่ะอฮะ
00:04:49 → 00:04:52 >> บอกว่าฉันศรัทธาสิ่งนี้บางคนก็สักรูปธง
00:04:52 → 00:04:53 ชาติ
00:04:53 → 00:04:53 >> อ่า
00:04:53 → 00:04:56 >> ต่างๆนะครับเพราะงั้นไอ้เรื่องการแสดงออก
00:04:56 → 00:04:58 ถึงความรักชาติเนี่ยมันเริ่มมีการผสมผสาน
00:04:58 → 00:05:00 แบบแบบอื่นเข้ามาที่ไม่ใช่แค่ว่าฉันจะ
00:05:00 → 00:05:03 ต้องไปเป็นทหารฉันจะต้องเป็นกองทัพฉันจะ
00:05:03 → 00:05:04 ต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสงครามหรือ
00:05:04 → 00:05:06 ว่าช่วยช่วยเกี่ยวกับกองทัพอะไรก็ตามนะ
00:05:06 → 00:05:09 ครับอันนั้นมันเป็นของยุคสมัยก่อนแต่พอ
00:05:09 → 00:05:11 ยุคปัจจุบันเนี่ยวิธีการสดับถึงความรัก
00:05:11 → 00:05:12 ชาติเนี่ยบางทีมันเป็นเรื่องของการเป็น
00:05:12 → 00:05:13 พลเมืองด้วย
00:05:13 → 00:05:13 >> อื
00:05:13 → 00:05:16 >> เราเป็นพลเมืองที่ช่วยอะไรในเชิงแบบความ
00:05:16 → 00:05:18 สงบสุขความเรียบร้อยของประเทศชาติได้บ้าง
00:05:18 → 00:05:19 ค่ะ
00:05:19 → 00:05:21 >> นะครับเราทำอะไรที่เป็นตัวแทนประเทศเป็น
00:05:21 → 00:05:24 การไปแข่งขันเป็นการโชว์ศักยภาพบางอย่าง
00:05:24 → 00:05:26 ว่าประเทศเรามีสิ่งพวกนี้นะน่าภาคภูมิใจ
00:05:27 → 00:05:29 อ่าเป็นทูตทูตประเภทอะไรก็ตามเพราะงั้น
00:05:29 → 00:05:31 เราจะเห็นเลยว่าวิธีการสนับสนุความรัก
00:05:31 → 00:05:33 ชาติเนี่ยมันมีการซอฟลงนะครับมันมีความ
00:05:33 → 00:05:35 อ่อนลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่มีความ
00:05:35 → 00:05:37 แข็งเกล้าสูงเพราะเป็นยุคของสงครามแต่ยุค
00:05:37 → 00:05:40 นี้มันเป็นยุคของการแบบคล้ายๆปะทะกันทาง
00:05:40 → 00:05:43 ความคิดว่าความคิดใครถูกความคิดใครผิดแนว
00:05:43 → 00:05:45 คิดของประเทศนั้นมันแบบไม่โอเคนะแนวคิด
00:05:45 → 00:05:48 ของประเทศชั้นน่าจะแบบโอเคกว่า
00:05:48 → 00:05:50 >> อ่าเพราะงั้นเรื่องรูปแบบของการแสดงถึง
00:05:50 → 00:05:52 ความรักชาติหรือการปฏิบัติต่อความต่อชาติ
00:05:52 → 00:05:53 เนี่ยครับมันเลยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็น
00:05:54 → 00:05:54 อย่างนี้แหละ
00:05:54 → 00:05:56 >> มันกลายเป็นว่าทุกคนจริงๆแล้วก็มีบทบาทใน
00:05:56 → 00:06:00 การที่รักชาติในรูปแบบของตัวเองก็ได้เออ
00:06:00 → 00:06:03 ไม่ต้องไปยืนแบบประจันหน้าอะไรกันเพราะ
00:06:03 → 00:06:05 ว่าอันนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคมอ่ะเนาะยุค
00:06:05 → 00:06:07 นั้นคือต้องทหารเท่านั้นเต้องการกำลังคน
00:06:07 → 00:06:07 ฮะ
00:06:07 → 00:06:10 >> อือๆแต่มันก็ทำให้เราเห็นว่าในยุคสังคม
00:06:11 → 00:06:12 โซเชียลแบบนี้เนี่ย
00:06:12 → 00:06:12 >> อือ
00:06:12 → 00:06:15 >> มันก็เกิดสงครามในโซเชียลได้อีกเหมือนกัน
00:06:15 → 00:06:17 >> ใช่ครับสงครามทางความคิดจริงๆแล้วความคิด
00:06:17 → 00:06:19 มันเป็นอะไรที่แบบเป็นจุดกำเนิดของทุกๆ
00:06:19 → 00:06:20 อย่างเนาะ
00:06:20 → 00:06:22 >> มันต้องมีความคิดก่อนถึงค่อยเกิดการลงมือ
00:06:22 → 00:06:24 ทำอ่ะครับถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คือมีความคิด
00:06:24 → 00:06:26 อยากครองโลกก็เลยอาจจะแบบเกิดเป็นการ
00:06:26 → 00:06:30 สงครามสงครามโลกที่จะแบบล่าอนานิคมต่างๆอ
00:06:30 → 00:06:32 >> อ่าทีนี้พอมันยุคเมันเป็นสงครามทางความ
00:06:32 → 00:06:34 คิดนะครับว่าแนวคิดใครถูกใครผิดแล้วการ
00:06:34 → 00:06:37 อยู่ในโซเชียลมีเดียเนี่ยเอ่อเราสามารถ
00:06:37 → 00:06:39 พิมพ์อะไรก็ได้เมื่อไหร่ก็ได้โดยที่ไม่
00:06:39 → 00:06:40 รู้ด้วยซ้ำว่าพิมพ์ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
00:06:40 → 00:06:43 เนาะแต่รู้แค่ว่าการพิมพ์แล้วกดเคาะห์ลง
00:06:43 → 00:06:44 ไปเนี่ยมันง่ายมาก
00:06:44 → 00:06:46 >> เรานั่งอยู่ในที่เงียบๆของเราอยู่กับ
00:06:46 → 00:06:48 เสียงของความคิดของเราแล้วก็พิมพ์ลงไป
00:06:48 → 00:06:48 >> อ่า
00:06:48 → 00:06:50 >> แล้วเราก็เคาะตู้มลงไปนะครับโดยหวังว่าจะ
00:06:50 → 00:06:53 มีคนเข้าข้างเราหรือสิ่งที่เราพูดไปเนี่ย
00:06:53 → 00:06:56 อาจจะได้โจมตีใครบางคนให้สะอึกบ้างแต่ที
00:06:56 → 00:06:58 เนี้ยใครจะไปรู้ว่าใครถูกใครผิดเนาะสุด
00:06:59 → 00:07:01 ท้ายก็ต้องว่ากันที่หลักการว่าในการที่
00:07:01 → 00:07:03 แสดงความคิดเห็นเนี่ยเกี่ยวกับชาติเกี่ยว
00:07:03 → 00:07:05 กับวิธีการอะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อ
00:07:05 → 00:07:08 ชาติก็ตามเนี่ยครับมันอาจจะมีมุมที่ถูก
00:07:08 → 00:07:09 แต่ไม่ถูกผิดแต่ไม่ผิดก็ได้
00:07:09 → 00:07:10 >> อื
00:07:10 → 00:07:13 >> อาจจะถูกของเค้าแต่อาจจะไม่ถูกของคนอื่น
00:07:13 → 00:07:15 อาจจะผิดของเค้าแต่อาจจะไม่ได้ผิดของคน
00:07:15 → 00:07:15 อื่นอ
00:07:15 → 00:07:17 >> เพราะงั้นเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อน
00:07:17 → 00:07:19 ข้างนำมาทำเหมือนกันนะครับสุดท้ายมันก็
00:07:19 → 00:07:21 ต้องดูว่าเมื่อแสดงแนวคิดแล้วหรือแม้
00:07:21 → 00:07:22 กระทั่งสิ่งที่แนวคิดนั้นพยายามนำเสนอ
00:07:22 → 00:07:25 เนี่ยมันเกิดผลกระทบต่อใครในทางบวกทางลบ
00:07:25 → 00:07:28 บ้างเพราะบางทีตัวเขาอาจจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:07:28 → 00:07:31 ตอนนี้ชาติกำลังต้องการฉันชาติกำลัง
00:07:31 → 00:07:33 ต้องการคนแบบเราเข้าไปช่วยสู้อะไรเงี้ยฮะ
00:07:33 → 00:07:34 >> อือฮึ
00:07:34 → 00:07:35 >> แต่บางทีเหมือนกับว่าบางคนเอาจจะมีลูกมี
00:07:36 → 00:07:38 เมียมีสิ่งที่เขา้าแบบต้องดูแลรักษานะ
00:07:38 → 00:07:40 ครับเาอาจจะรู้สึกว่าไม่ไม่ได้สะดวกเลยจะ
00:07:40 → 00:07:43 เข้าร่วมนะมากกว่านั้นคือบางครั้งรัฐบาล
00:07:43 → 00:07:46 อาจจะต้องการความช่วยเหลือบางแบบที่เจาะ
00:07:46 → 00:07:50 จงอ่าแบบถูกฝึกในการเป็นทหารคุณไม่เคยมี
00:07:50 → 00:07:52 ส่วนร่วมสิ่งนี้ก่อนคุณไม่ควรเข้ามาแบบทำ
00:07:52 → 00:07:53 ให้การทำงานยากขึ้น
00:07:53 → 00:07:54 >> อ๋อ
00:07:54 → 00:07:56 >> เออเหมือนเหมือนศักดิ์แต่ว่าอยากมีส่วน
00:07:56 → 00:07:58 ร่วมอ่ะแต่จริงๆการเข้าไปกับกลายเป็นความ
00:07:58 → 00:07:59 เกะกะให้กับ
00:07:59 → 00:08:01 >> ผู้ที่ปฏิบัติงานก็มีเหมือนกันนะ
00:08:01 → 00:08:05 >> อือๆโอเคอ่าเราทุกคนรักชาติบ้านเมืองของ
00:08:05 → 00:08:08 ตนเองกันทั้งนั้นแหละแต่ว่าในรูปแบบการ
00:08:08 → 00:08:10 ที่เราจะเข้าไปอ่ะเราอาจจะรู้สึกว่ามัน
00:08:10 → 00:08:13 ไม่ถูกใจว่าเฮ้ยทำไมช้าเฮ้ยทำไมไม่ทำ
00:08:13 → 00:08:16 อย่างงี้ล่ะทำไมในขณะที่เราอ่ะมันเป็น
00:08:16 → 00:08:19 ความรู้สึกของเราภายในที่ว่าเรารอไม่ได้
00:08:19 → 00:08:22 แต่เราไม่ได้รู้ว่ามันมีความตื้นลึกหนา
00:08:22 → 00:08:24 บาง
00:08:24 → 00:08:28 ที่จำเป็นจะต้องประคองเอาไว้แบบนี้หรือ
00:08:28 → 00:08:29 เปล่าเพราะว่า
00:08:29 → 00:08:30 >> ต้องใช้คำว่ารอบคอบอ่ะ
00:08:30 → 00:08:34 >> ใช่คือมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของคู่กรณี
00:08:34 → 00:08:36 แต่มันกลายเป็นเรื่องของคนทั้งโลก
00:08:36 → 00:08:37 >> ใช่แล้วมีเรื่องเชิงการเมืองมีความ
00:08:37 → 00:08:39 สัมพันธ์กับบุคคลหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง
00:08:40 → 00:08:42 อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยมันมันเฮ้ยมันมันรวม
00:08:42 → 00:08:43 มาหมดเลยเนอะ
00:08:43 → 00:08:44 >> ใช่ครับใช่เพราะงั้นในยุคโซเชียล
00:08:44 → 00:08:46 medมีเดียเนี่ยคนมันจะโมโหง่ายหัวร้อน
00:08:46 → 00:08:50 ง่ายแล้วเวลาใส่ไฟแบบลบเลยยิงเลยอะไรอย่า
00:08:50 → 00:08:50 เงี้ยฮะ
00:08:50 → 00:08:53 >> เอ้าเอิ้ลแต่จริงๆนะความรู้สึกก็เป็นแบบ
00:08:53 → 00:08:53 นั้นเหมือนกันนะ
00:08:54 → 00:08:57 >> ว่าแบบเฮ้ยทำไมช้าอ่ะเรารู้สึกแบบอยากจะ
00:08:57 → 00:08:59 ไปตรงนั้นเองเลยด้วยซ้ำนะ
00:08:59 → 00:09:00 >> ใช่ครับ
00:09:00 → 00:09:03 >> ทีนี้ความคิดคนเรามันไม่มีข้อจำกัดไงครับ
00:09:03 → 00:09:06 >> เราจินตนาการว่าเราบินได้เราจินตนาการว่า
00:09:06 → 00:09:08 เราไปท่องโรคบาดาเรายังคิดได้เลย
00:09:08 → 00:09:08 >> เออ
00:09:08 → 00:09:10 >> เพราะฉะนั้นในเรื่องสงครามนะครับการที่
00:09:10 → 00:09:13 เราคิดว่ายิงมันเลยถ้ามีอันนี้ทำไปเลย
00:09:13 → 00:09:13 อย่างเงี้ยครับ
00:09:13 → 00:09:16 >> อ่าถ้าเป็นฉันฉันจะทำแล้วฉันจะอยู่อย่าง
00:09:16 → 00:09:17 งี้ฉันจะอะไรแล้ว
00:09:17 → 00:09:19 >> ใช่เพราะว่าศักยภาพการจินตนาการของสมอง
00:09:19 → 00:09:22 เนี่ยมันไปได้หมดแหละจะเป็นยังไงไปได้หมด
00:09:22 → 00:09:24 >> นะครับแต่พอเรายืนหน้างานจริงๆอ่ะครับเรา
00:09:24 → 00:09:27 ยืนต่อหน้าดงระเบิดเรายืนต่อหน้าอะไรก็
00:09:27 → 00:09:29 ตามที่มันแบบเราเห็นข้อจำกัดเต็มไปหมด
00:09:29 → 00:09:31 หรือแม้กระทั่งการที่เราไปยืนตรงหน้าตรง
00:09:31 → 00:09:33 นั้นแล้วเกิดความกลัวตายขึ้นมา
00:09:33 → 00:09:35 >> มันเป็นขอบเขตอย่าง
00:09:35 → 00:09:36 >> มันเป็นขอบเขตบางอย่างครับที่เราเผชิญ
00:09:37 → 00:09:39 หน้าปั๊บมันจะทำอย่างที่คิดไม่ได้แล้วะ
00:09:39 → 00:09:41 สมมุติเอ่อเราพูดถึงโซเชียลมีดีเราเห็น
00:09:41 → 00:09:44 ข่าวเรื่องแบบเช่นแบบเ้าปะทะกันบนท้องถนน
00:09:44 → 00:09:44 อ่า
00:09:44 → 00:09:48 >> ฮะไอ้คนนี้มันเมาเดินชนรถหรือแบบขับรถกน
00:09:48 → 00:09:49 ประสาทจัง
00:09:49 → 00:09:49 >> อ
00:09:49 → 00:09:51 >> ถ้าเป็นชั้นจะเหยียบคันเร่งทับมันเลยเป็น
00:09:51 → 00:09:53 การป้องกันตัวคือเราเคยได้ยินคำนี้ใช่
00:09:53 → 00:09:54 มั้ยฮะ
00:09:54 → 00:09:56 >> อ่าแต่ถึงเวลาของจริงปั๊บไม่มีใครอยากทำ
00:09:56 → 00:09:59 >> ไม่มีใครกล้าลงมือเพราะรู้ดีว่าถ้าทับ
00:09:59 → 00:10:01 ปึ๊บมันมีผลตามมา
00:10:01 → 00:10:03 >> แต่หลายคนก็ขาดสติกับเรื่องพวกนี้นะ
00:10:03 → 00:10:05 >> มีๆแต่ว่าอันนี้เหมือนชวนให้ดูแยกครับว่า
00:10:05 → 00:10:08 คนที่พูดหลังหลังบ้านเเป็นแค่ผู้ดูอ่ะมัน
00:10:08 → 00:10:09 พูดง่ายอือ
00:10:09 → 00:10:12 >> เออเหยียบมันเลยชนมันเลยหรือว่าแบบยิงมัน
00:10:12 → 00:10:13 เลยอย่างเงี้ยฮะ
00:10:13 → 00:10:15 >> แต่พอเป็นตัวเองจริงๆไปยืนตรงนั้นน่ะอาจ
00:10:15 → 00:10:16 จะยืนเงียบก็ได้นะ
00:10:16 → 00:10:18 >> มันอาจจะมีแบบโลกสวย
00:10:18 → 00:10:19 >> อ่าโลกสวย
00:10:19 → 00:10:21 >> โลกสวยวิ่งอยู่ในทุ่งlaวนแต่ก็จะมีอีก
00:10:21 → 00:10:24 กลุ่มนึงเราวิ่งอยู่ในดงกระสุนปืนเหมือน
00:10:24 → 00:10:26 กันนะเออใช่มั้ย
00:10:26 → 00:10:28 >> มันก็แตกต่างกันน่ะแต่อันนี้ไม่ได้มาบอก
00:10:28 → 00:10:31 ว่าคิดแบบนี้แล้วจะไม่ถูกคิดแบบนี้แล้ว
00:10:31 → 00:10:34 มันจะถูกต้องเสมอไปการที่เอ่อหลายๆอย่าง
00:10:34 → 00:10:39 เนี่ยมันเป็นกลไกของระดับประเทศระดับชาติ
00:10:39 → 00:10:40 โลกใบนี้
00:10:40 → 00:10:42 >> ระดับโลกมันพัวพันกับหลายส่วนมากในเชิง
00:10:42 → 00:10:45 การเมืองในเชิงการทหารนะฮะครับสิ่งที่
00:10:45 → 00:10:47 ต้องวิเคราะห์กันต่อคือว่าการทำสิ่งนี้
00:10:47 → 00:10:49 มันเกิดขึ้นจากเจตนาแล้วเค้าหวังผลลัพธ์
00:10:49 → 00:10:51 อะไรหวังเป้าหมายอะไรเรื่องเนี้ยผมคิดว่า
00:10:51 → 00:10:54 ในฐานะที่เราเป็นประชาชนนะครับเราอาจจะ
00:10:54 → 00:10:56 ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด
00:10:56 → 00:10:57 >> อื
00:10:57 → 00:10:59 >> เพราะทุกๆการกระทำมันต้องย่อมต้องมีเป้า
00:10:59 → 00:11:02 หมายครับเป้าหมายที่หวังผลบางอย่างเป็นไป
00:11:02 → 00:11:05 ได้ว่าเขาอาจจะยิงมั่วๆโดนชาว่งชาวบ้าน
00:11:05 → 00:11:07 หรือจริงๆแล้วทั้งหมดคือกระบวนการที่เขา
00:11:07 → 00:11:11 จงใจใช้วิธีการนี้เพื่อยั่วยุให้เราทำ
00:11:11 → 00:11:12 อะไรบางอย่าง
00:11:12 → 00:11:14 >> และถ้าเกิดเข้าตามแผนเค้าปั๊บเก็ใช้
00:11:14 → 00:11:16 ประโยชน์ตรงนี้ทำอะไรบางอย่างหรือเปล่า
00:11:16 → 00:11:18 ไอ้เรื่องเนี้ยมันเลยไม่ได้หมายความว่าพอ
00:11:18 → 00:11:20 หัวร้อนแบบหน้ามืดปั๊บแล้วก็ถล่มยึด
00:11:20 → 00:11:21 ประเทศเค้าอะไรเงี้ยฮะ
00:11:21 → 00:11:22 >> อือ
00:11:22 → 00:11:24 >> มันอาจจะมีบางสิ่งที่เราต้องคิดมากกว่า
00:11:24 → 00:11:25 นั้น
00:11:25 → 00:11:27 >> เพราะเพราะถ้าเกิดสมมุติว่าเอ้ยมันเริ่ม
00:11:27 → 00:11:29 เกิดความเสียหายละงั้นฉันจะต้องทำให้แก
00:11:29 → 00:11:31 เสียหายมากกว่านั้นแกจะต้องเสียใจที่มา
00:11:31 → 00:11:32 หยามกับประเทศเรา
00:11:32 → 00:11:33 >> อื
00:11:33 → 00:11:35 >> แล้วก็กลายเป็นว่าเราก็ต้องยึดประเทศเขา
00:11:35 → 00:11:36 เป็นเมืองขึ้นน่ะสมมุตินะ
00:11:36 → 00:11:36 >> เออ
00:11:36 → 00:11:40 >> ถ้ามันใหญ่ระดับนั้นแล้วประเทศเราคิดว่า
00:11:40 → 00:11:42 จะโดนอะไรบ้างจากประชาคมโลก
00:11:42 → 00:11:44 >> หรือมีใครที่จะเป็นมหาหาอำนาจแทรกแซงมั้
00:11:44 → 00:11:46 อันเนี้ค่ะเป็นเรื่องที่ประชาชนที่ไม่ได้
00:11:46 → 00:11:48 ศึกษาหรือไม่ได้อยู่หน้างานน่ะอาจจะตาม
00:11:48 → 00:11:50 ไม่ทันหรืออาจจะไม่รู้ว่ามีคนกำลังรอเล่น
00:11:50 → 00:11:52 เรื่องนี้อยู่ก็ได้ทีนี้ผมว่ามันเหมือน
00:11:52 → 00:11:55 อารมณ์คนที่แบบหัวร้อนโมโหอ่ะเวลาชกกันนะ
00:11:55 → 00:11:57 ครับตอนชกเนี่ยมันยังเหมือนกับยังมี
00:11:57 → 00:12:00 อารมณ์เป็นตัวนำแต่พอจุดนึงชกไปสักพักจน
00:12:00 → 00:12:02 เห็นความสูญเสียจนเห็นความบาดเจ็บ
00:12:02 → 00:12:02 >> อื
00:12:02 → 00:12:05 >> มันจะเริ่มจุดถึงจุดเอือมละอาครับแล้วรู้
00:12:05 → 00:12:07 สึกว่าไม่คุ้มค่าเลยที่ทำไป
00:12:07 → 00:12:07 >> อื
00:12:08 → 00:12:10 >> อืลองนึกภาพเนาะสมมุติเกิดสงครามขึ้นจริง
00:12:10 → 00:12:12 แล้วก็เกิดการเกณฑ์อาหารของคนในประเทศ
00:12:12 → 00:12:15 สซักประมาณล้านคนที่เป็นประชากรชายไทย
00:12:15 → 00:12:15 >> อ
00:12:15 → 00:12:17 >> ไปรบแล้วก็สู้อีกประเทศนึงจนกระทั่งเสีย
00:12:17 → 00:12:19 คนละล้านประชาชนหลักล้านคนนะครับ
00:12:19 → 00:12:20 >> อื
00:12:20 → 00:12:23 >> แต่ว่าผู้นำยังอยู่ประชาชนจะเริ่มตั้งคำ
00:12:23 → 00:12:25 ถามแล้วว่าฉันทำอะไรอยู่
00:12:25 → 00:12:26 อย่างเงี้ยฮะ
00:12:26 → 00:12:29 >> เออถ้างั้นมันพอมันมีอารมณ์ร่วมต่างๆ
00:12:29 → 00:12:31 เหล่านี้แล้วเงี้ยคุณเอิ้ลขอบเขตในการที่
00:12:31 → 00:12:35 จะมีสติกับเรื่องที่เกิดขึ้นเนี่ยมันควร
00:12:35 → 00:12:36 อยู่ประมาณไหนยังไง
00:12:36 → 00:12:39 >> จริงๆเรื่องนี้ต้องบอกว่าเราไม่ได้ห้าม
00:12:39 → 00:12:40 ให้ไม่มีอารมณ์เนาะเพราะว่าเรื่องพวก
00:12:40 → 00:12:42 เนี้ยค่ะมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ตัว
00:12:42 → 00:12:45 เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับชาติแล้วก็ยิ่ง
00:12:45 → 00:12:46 ชาติประเทศชาติของเราถูกกระทำเงี้ยครับ
00:12:47 → 00:12:48 มันยิ่งเป็นความรู้สึกไม่พอใจเพราะนี่คือ
00:12:48 → 00:12:49 ความหวงแหน่
00:12:49 → 00:12:52 >> พื้นที่หวงแหนความเป็นตัวตนหวงแหนความ
00:12:52 → 00:12:54 เป็นเผ่าพันธุเพราะงั้นจริงๆโกรธได้แต่
00:12:54 → 00:12:56 ว่าเรื่องพวกเนี้ยครับมันจำเป็นต้องมีสติ
00:12:56 → 00:12:58 นิดนึงเพราะว่าตัวเราในฐานะคนนอกอ่ะครับ
00:12:58 → 00:13:00 สิ่งที่ต้องระลึกเสมอคือตัวเราไม่ได้รู้
00:13:00 → 00:13:03 ทุกอย่างตัวเราเห็นแต่ความโกรธของตัวเอง
00:13:03 → 00:13:06 ตัวเราเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นนะครับมีความ
00:13:06 → 00:13:09 ไม่พอใจมีความติดขัดในการทำงานของรัฐหรือ
00:13:09 → 00:13:11 ของทหารแล้วแต่เราอาจจะเกิดขึ้นได้
00:13:11 → 00:13:14 >> เอ่อเอ่อแต่ว่าสุดท้ายครับตัวเราก็ต้อง
00:13:14 → 00:13:16 ไว้วางใจอ่ะที่จะให้คนที่เขารู้จักหน้า
00:13:16 → 00:13:20 งานทำแต่มากกว่านั้นคือเรื่องนี้มันพูด
00:13:20 → 00:13:22 ยากนะมันมีหลายส่วนเพราะว่าถ้าถ้าเกิดอ่ะ
00:13:22 → 00:13:25 สมมุติกองทัพทหารหรือรัฐบาลนะครับสามารถ
00:13:25 → 00:13:29 อธิบายบางอย่างให้ประชาชนรับฟังแล้วรู้
00:13:29 → 00:13:31 สึกโอ้ยเข้าใจได้เพราะมีเงื่อนไขนี้ฟัง
00:13:32 → 00:13:34 แล้วเข้าใจได้เรื่องนี้เสี่ยงต้องรัดกุม
00:13:34 → 00:13:37 ปึ๊บเอ่อเค้าเรียกว่าในประเทศก็จะสงบลง
00:13:37 → 00:13:39 แต่ประเด็นคือถ้ารัฐสื่อสารช้านะครับอาจ
00:13:39 → 00:13:43 จะมีกรณีตัวอย่างมากมายที่ว่าอิดขึ้โอ้โห
00:13:43 → 00:13:45 ไม่เห็นไม่เห็นสื่อสารอะไรเลยอีกประเทศ
00:13:45 → 00:13:47 นึงนี่แบบเฟกนิวสมารัวๆ
00:13:47 → 00:13:50 >> โอ้โห 3 เวลาหลังอาหารเลย
00:13:50 → 00:13:51 >> อะไรอย่างงั้นนะครับแต่กลายเป็นว่าฝั่ง
00:13:51 → 00:13:54 เราเงียบเกิดอะไรขึ้นเห็นแต่สงครามเห็น
00:13:54 → 00:13:55 แต่ผลที่มีคนตายแต่ว่า
00:13:55 → 00:13:57 >> ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในฝั่งเราเงี้ยครับ
00:13:57 → 00:14:00 มันก็จะยิงเกิดการสงสัยไม่พอใจกระตุ้นไป
00:14:00 → 00:14:02 อีกเพราะงั้นเรื่องเนี้ยครับเราพูดแค่ใน
00:14:02 → 00:14:04 มุมประชาชนไม่ได้ละแต่ว่าการที่ประชาชนจะ
00:14:04 → 00:14:07 สงบได้บางครั้งการสื่อสารจากรัฐบาลสำคัญ
00:14:07 → 00:14:07 มาก
00:14:07 → 00:14:08 >> อื
00:14:08 → 00:14:10 >> เพราะว่าบางทีต้องมองว่ารัฐบาลที่มาจาก
00:14:10 → 00:14:13 ภาคพลเรือกันนะครับเค้ามาจากภาคธุรกิจภาค
00:14:13 → 00:14:15 คิดเค้าไม่ได้ถูกฝึกมาเพื่อรับมือกับ
00:14:15 → 00:14:17 สงครามหรือว่าสถานการณ์ฉุกเฉินนะครับ
00:14:17 → 00:14:19 เพราะงั้นตรงนี้มันเป็นความชำนาญที่ถนัด
00:14:19 → 00:14:20 แตกต่างกัน
00:14:20 → 00:14:20 >> อือ
00:14:20 → 00:14:23 >> มันถึงทำให้บางทีพอเอาทหารเข้ามาคุม
00:14:23 → 00:14:24 ประเทศหรืออะไรก็ตามพวกเนี้ยมันก็จะมีบาง
00:14:24 → 00:14:26 เรื่องที่เป็นจุดบกพร่องไป
00:14:26 → 00:14:28 >> เพราะว่าความถนัดมันไม่เหมือนกันอ
00:14:28 → 00:14:29 >> เราเลยจำเป็นต้องเอาคนให้เหมาะกับงานที
00:14:30 → 00:14:31 เนี้ยพอเเรียกว่าประเทศไทยเนาะแสดงว่า
00:14:31 → 00:14:32 ประเทศไทย
00:14:32 → 00:14:36 >> ห่างห่างหายจากภาวะสงครามไปนานเออแต่มัน
00:14:36 → 00:14:38 มีสงครามในประเทศเป็นส่วนใหญ่สงครามทาง
00:14:38 → 00:14:41 การเมืองสงครามทางความคิดอะไรก็แล้วแต่
00:14:41 → 00:14:43 เพราะฉะนั้นรัฐบาลที่ผ่านเปลี่ยนผ่านมา
00:14:43 → 00:14:47 หลาย 10 ปีอ่ะครับไม่ได้เจอสงครามที่ชน
00:14:47 → 00:14:48 กับต่างประเทศ
00:14:48 → 00:14:48 >> อื
00:14:48 → 00:14:51 >> มันเลยทำให้บางครั้งระบบในเชิงแบบการติด
00:14:51 → 00:14:52 ต่อสื่อสารทางการทหารหรือแม้กระทั่งสื่อ
00:14:52 → 00:14:54 สารเมื่อเกิดภาวะสงครามเนี่ยมันอ่อนแอลง
00:14:54 → 00:14:55 ไปเยอะ
00:14:55 → 00:14:55 >> ใช่
00:14:55 → 00:14:57 >> ผมว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
00:14:57 → 00:15:00 เมื่อเราไม่ได้ทำบางสิ่งนานๆมันก็เกิดจุด
00:15:00 → 00:15:02 อ่อนจุดอ่อนแอขึ้นเพราะงั้นมันไม่แปลกเลย
00:15:02 → 00:15:04 ครับที่รัฐบาลที่สนแต่เรื่องการเมืองภาย
00:15:04 → 00:15:06 ในการแย่งชิงตำแหน่งการแย่งชิงเก้าอี้
00:15:06 → 00:15:08 เมื่อเกิดสงครามขึ้นปั๊บจะทำตัวไม่ถูก
00:15:08 → 00:15:10 เพราะเค้าไม่มีประสบการณ์นะครับ
00:15:10 → 00:15:10 >> อือื
00:15:10 → 00:15:12 >> บางคนบางคนเกิดมายังไม่เคยเจอสงครามด้วย
00:15:12 → 00:15:17 ซ้ำเป็นนายกและแล้วก็ถูกถูกสั่งให้จัดการ
00:15:17 → 00:15:19 บางอย่างในภาวะสงครามซึ่งมันไม่มี
00:15:19 → 00:15:20 ประสบการณ์นะเพราะงั้นเรื่องพวกเนี้ย
00:15:20 → 00:15:22 >> เอ่ออย่างต่างประเทศถ้าเราเห็นเนาะคนที่
00:15:22 → 00:15:24 เขาเป็นมืออาชีพเนี่ยเอ่อคนที่เป็นประมุข
00:15:24 → 00:15:26 ของรัฐเนี่ยถ้าเขารู้ว่าเรื่องนี้เ้าไม่
00:15:26 → 00:15:28 ชำนาญเขาจะให้กละลาโหมทำเขาจะให้คนที่
00:15:28 → 00:15:31 เป็นนายทหารที่ที่รับผิดชอบเรื่องเนี้ย
00:15:31 → 00:15:34 ขึ้นมาเป็นผู้พูดขึ้นไปเป็นผู้หลีดแต่ตัว
00:15:34 → 00:15:36 เในฐานะประมุขของรัฐนะครับประมุขของ
00:15:36 → 00:15:38 ประเทศเนี่ยเขาจะรับฟังเจะรับรู้ข้อมูล
00:15:38 → 00:15:40 แต่การตัดสินใจเนี่ยเนี่ยแน่นอนเค้าอาจจะ
00:15:40 → 00:15:42 เป็นคนเคาะแต่คนที่สามารถเหนี่ยวนำให้
00:15:43 → 00:15:44 เกิดการตัดสินใจเนี่ยมันก็คือต้องอ้างอิง
00:15:44 → 00:15:46 จับข้อมูลกลาโหม
00:15:46 → 00:15:46 >> อื
00:15:46 → 00:15:48 >> ที่เขาจะรู้ดีมากกว่าอ่าใช่
00:15:48 → 00:15:50 >> อ่าแต่ทีเนี้ยของประเทศเราครับมันเหมือน
00:15:50 → 00:15:52 กับเรียกอะไรดีมันรวมศูนย์อยู่ที่
00:15:52 → 00:15:54 >> ภาคคนละเรือนน่ะพยายามรวมอำนาจแล้วพยายาม
00:15:54 → 00:15:57 กดให้ทหารลงมาอยู่ใต้อานัสแต่เขาไม่ได้
00:15:57 → 00:15:59 ให้เกียรติในมุมที่ว่าเฮ้ยตรงเนี้ยทหาร
00:15:59 → 00:16:01 เ้าแบบรู้ดีกว่าซึ่งแน่นอนเรื่องเผมว่า
00:16:01 → 00:16:03 มันเกี่ยวข้องกับเรื่องเชิงการเมือง
00:16:03 → 00:16:03 >> อื
00:16:03 → 00:16:06 >> ที่จะแบบต้องรักษาภาพลักษณ์รักษาหน้าอะไร
00:16:06 → 00:16:07 ก็แล้วแต่
00:16:07 → 00:16:07 >> อื
00:16:07 → 00:16:09 >> อืแต่สุดท้ายเค้าก็เก็มอบ
00:16:09 → 00:16:12 ต้องต้องให้กาลาโหมหรือให้ทหารทำอยู่ดี
00:16:12 → 00:16:13 >> คือก็มีขอบเขตใช่มั้ย
00:16:13 → 00:16:15 >> ยิ่งถ้าเกิดเป็นเฟกนิวมาจากที่อื่นแล้ว
00:16:15 → 00:16:17 ถูกใส่ไลฟ์ป้ายสีแล้วไม่แก้ตัวโอ้
00:16:17 → 00:16:20 >> เรียบร้อยทีเนี้ยพอมันอย่างเงี้ยขึ้นมา
00:16:20 → 00:16:23 เนี่ยขอบเขตของสติทุกคนน่ะพอๆมัน
00:16:23 → 00:16:25 สถานการณ์อะไรต่างๆมันเริ่มแบบเราก็จะมา
00:16:25 → 00:16:28 เห็นอะไรมากขึ้นแล้วแหละว่าเหตุผลของการ
00:16:28 → 00:16:31 ที่เราไม่ตอบโต้มันมันเป็นเพราะอะไรมัน
00:16:31 → 00:16:34 เกิดผลดียังไงมันจะมีผลกระทบทางจิตใจ
00:16:34 → 00:16:35 อย่างอื่นที่ตามมามั้ยอย่างเช่นแบบเออเรา
00:16:35 → 00:16:37 เห็นการสูญเสียเรารู้สึกแบบเศร้า
00:16:37 → 00:16:39 >> โอเศร้าไปด้วยสงสัยเออ
00:16:39 → 00:16:42 >> เพราะว่ายิ่งยิพอเห็นคนเศร้าคนแบบเอเรียก
00:16:42 → 00:16:44 ว่าถูกกระทำแบบไม่ถูกต้องอ่ะครับ
00:16:44 → 00:16:44 >> อ
00:16:44 → 00:16:46 >> เรายิ่งมีความโกรธแค้นแทนเขาอ่ะ
00:16:46 → 00:16:46 >> อ่า
00:16:46 → 00:16:48 >> เออแล้วมันจะกลายเป็นความเกลียดชังทีนี้
00:16:48 → 00:16:50 มันจะเริ่มขยายไม่ใช่แค่เกลียดที่ผู้นำ
00:16:50 → 00:16:52 แล้วนะมันจะเกลียดทั้งประเทศเลยอ่ะ
00:16:52 → 00:16:52 >> เออ
00:16:53 → 00:16:55 >> มันถึงมันถึงมีเรื่องที่ว่าเฮ้ยเราไป
00:16:55 → 00:16:58 กระทืบคนงานที่เขามาทำงานในประเทศเราดี
00:16:58 → 00:17:00 กว่าซึ่งซึ่งเขาอาจจะแบบไม่ได้รู้เรื่อง
00:17:00 → 00:17:01 เลยคือเขาเป็นแค่คนรักครอบครัว
00:17:01 → 00:17:04 >> แต่แค่บังเอิญเขาเกิดในประเทศนั้น
00:17:04 → 00:17:06 >> แล้วเขาก็มาทำงานในประเทศเรา
00:17:06 → 00:17:09 >> เอาจจะมีความใฝ่ดีไม่คิดมองหาสงครามด้วย
00:17:09 → 00:17:09 ซ้ำ
00:17:09 → 00:17:10 >> อือ
00:17:10 → 00:17:12 >> แต่ตัวเราไม่รู้จะไปลงที่ไหนอ่ะครับ
00:17:12 → 00:17:14 >> เราไปเล่นผู้นำประเทศเ้าไม่ได้เราก็เลย
00:17:14 → 00:17:15 เล่นตัวแทนประเทศเแทนอ
00:17:15 → 00:17:16 >> เออ
00:17:16 → 00:17:17 >> ทีนี้คำถามคือมันถูกต้องมั้ย
00:17:17 → 00:17:18 >> เออ
00:17:18 → 00:17:20 >> เพราะงั้นเรื่องเนี้ยครับการมีสติมันเลย
00:17:20 → 00:17:22 สำคัญมากเพราะว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต
00:17:22 → 00:17:24 ที่ดำเนินชีวิตตามอารมณ์พอสมควร
00:17:24 → 00:17:28 >> กำลังรู้สึกว่าในความเป็นโซเชียลมันทำให้
00:17:28 → 00:17:30 ความรู้สึกของคนน่ะมันถูกกระตุ้นได้ง่าย
00:17:30 → 00:17:32 >> ง่ายแล้วมันมีการเหนี่ยวนำด้วยนะเช่นแบบ
00:17:32 → 00:17:35 สมมุติเกิดมีคนดำริไอเดียขึ้นมาเฮ้ย
00:17:35 → 00:17:38 เดี๋ยวไปตบแรงงานประเทศนี้ดีกว่าปึ๊บ
00:17:38 → 00:17:41 ปรากฏมันมีคนประมาณหลักหมื่นคนที่บังเอิญ
00:17:41 → 00:17:42 คิดแต่ไม่กล้าทำ
00:17:42 → 00:17:43 >> ออฮะ
00:17:43 → 00:17:46 >> แล้วเมีอีกครูคนนึงพูดปั๊บตู้มเฮ้ยไปเรา
00:17:46 → 00:17:47 ได้แก๊งละชวนกันไปทำ
00:17:48 → 00:17:49 >> ทีนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยครับมันจะเกิดการ
00:17:49 → 00:17:52 ชักนำทางความคิดแล้วมันจะเกิดปัญหาที่
00:17:52 → 00:17:54 >> ที่ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วมันบาดหมางบานปลาย
00:17:54 → 00:17:56 อ่ะใช้เลขเรียกคำว่าเป็นปัญหาบานปลาย
00:17:56 → 00:17:57 >> อ
00:17:57 → 00:18:00 >> ผมว่าผมว่าสิ่งที่เอ่อกองทัพกำลังทำอะไร
00:18:00 → 00:18:02 เงี้ยครับอาจจะเป็นเรื่องพยายามจำกัดไม่
00:18:02 → 00:18:04 ให้บานปลายเกินกว่าขอบเขตที่มันเป็น
00:18:04 → 00:18:04 >> อ
00:18:04 → 00:18:06 >> เพราะเรื่องนี้มันมีมันมีจุดเฉพาะเจาะจง
00:18:07 → 00:18:09 อยู่ว่าปัญหาสิ่งนี้เกิดขึ้นจากอะไรมัน
00:18:09 → 00:18:11 ไม่ใช่ความเกลียดชังระดับทั้งประเทศ
00:18:11 → 00:18:13 เกลียดชังกันทั้งหมดนะครับมันเป็นมันเป็น
00:18:13 → 00:18:16 ปัญหาเชิงการเมืองเป็นปัญหาเชิงความผิดใจ
00:18:16 → 00:18:18 กันระหว่างขั้วของขั้วบางขั้ว
00:18:18 → 00:18:19 >> อือฮึ
00:18:19 → 00:18:21 >> อ่าทีเนี้ยถ้าเราไปทำให้ขั้วไม่ใช่แค่
00:18:21 → 00:18:24 ขั้วละแต่ทำให้แบบดึงทั้งยวงเข้ามามันจะ
00:18:24 → 00:18:26 กลายเป็นสงครามระดับประเทศที่แบบมันเริ่ม
00:18:26 → 00:18:27 ลากคนไม่เกี่ยวเข้ามาด้วย
00:18:27 → 00:18:30 >> อืมแล้วอย่างี้เราจะจัดการได้ยังไงบ้าง
00:18:30 → 00:18:32 อ่ะในคือคือโอเคเราเสพสื่อเนาะ
00:18:32 → 00:18:34 >> ตัวเราในฐานะประชาชนใช่มั้ยฮะ
00:18:34 → 00:18:36 >> ผมว่าเรื่องเนี้ยครับสุดท้ายยังไงเราก็จะ
00:18:36 → 00:18:38 มีความโกรธโกรธแค้นความเจ็บช้ำอยู่แหละ
00:18:38 → 00:18:41 แต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือว่าตัวเราทำ
00:18:41 → 00:18:43 อะไรกับเรื่องนี้ได้จริงๆแค่ไหนอ่ะครับ
00:18:43 → 00:18:45 แล้วอยู่บนจุดที่ต้องมีวุฒิภาวะด้วยว่า
00:18:45 → 00:18:46 >> อื
00:18:46 → 00:18:48 >> เรื่องนี้จะต้องไม่ดึงคนไม่เกี่ยวเข้ามา
00:18:48 → 00:18:51 และตัวเราจะต้องเป็นคนที่แบบยังคงยืนหยัด
00:18:51 → 00:18:53 บนความถูกต้องบนคุณธรรมบางอย่าง
00:18:53 → 00:18:55 >> ทีนี้ถ้ารู้สึกว่ามันทำอะไรไม่ได้อย่าง
00:18:55 → 00:18:57 เงี้ยฮะแล้วกองทัพไม่ได้ขอ
00:18:57 → 00:18:58 >> ตัวเราอาจจะต้องเห็นแล้วว่าความโกรธที่
00:18:58 → 00:19:00 สะสมไว้ไม่จำเป็นละเราอาจจะต้องตัดความ
00:19:00 → 00:19:02 รู้สึกนี้ลงด้วยการเปลี่ยนไปรับรู้สิ่ง
00:19:02 → 00:19:03 อื่น
00:19:03 → 00:19:03 >> อื
00:19:03 → 00:19:05 >> อืรับรู้ข่าวสารอื่นเพราะไม่งั้นถ้าเรา
00:19:05 → 00:19:07 รับรู้ไถดูข่าวทั้งวันมองหาข่าวทั้งวัน
00:19:07 → 00:19:09 สุดท้ายจิตเรามันจะหมกมุ่นนะครับ
00:19:09 → 00:19:09 >> เออ
00:19:09 → 00:19:12 >> จนจนชีวิตมันจมจนมันเกิดความแค้นครอบงำ
00:19:12 → 00:19:15 แล้วสุดท้ายเราอาจจะแบบนึกไปวางระเบิด
00:19:15 → 00:19:17 หรือไปทำอะไรสักคนที่แบบเรารู้สึกเค้าสู้
00:19:17 → 00:19:18 เราไม่ได้ก็ได้
00:19:18 → 00:19:20 >> อืหรือถ้าคิดเห็นไม่เหมือนกับเราหรืออะไร
00:19:20 → 00:19:23 อย่างเงี้ยก็เริ่มจะแบบว่าอาจจะแบบไม่
00:19:23 → 00:19:23 โอเค
00:19:23 → 00:19:24 >> ไม่โอเคใช่
00:19:24 → 00:19:26 >> เออเหมือนเหมือนจะเป็นการล่าแม่มดน่ะ
00:19:26 → 00:19:28 เหมือนเป็นคำพูดแบบเชิงอย่างเงี้ย
00:19:28 → 00:19:30 >> ใช่เพราะงั้นเราเลยต้องมีสติในการแบบหลุด
00:19:30 → 00:19:31 ออกมาจากตรงนั้นไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่า
00:19:31 → 00:19:34 ความไอ้ข้อมูลข่าวสารจะครอบงำเรา
00:19:34 → 00:19:36 >> บางอย่างถ้ามันมากเกินไปมันมีผลกระทบกับ
00:19:37 → 00:19:39 ตัวเองนะด้านสุขภาพร่างกายจิตใจกับการเสพ
00:19:39 → 00:19:43 ข่าวเนี่ยเศร้าหรืออาจจะรู้สึกแบบเกลียด
00:19:43 → 00:19:46 โกรธแค้นอะไรขึ้นมาก็ได้หรือไปทำอะไรการ
00:19:47 → 00:19:48 บางอย่างในสิ่งที่แบบ
00:19:48 → 00:19:51 >> อ้าจริงๆไม่ควรเลย
00:19:51 → 00:19:51 >> เออแล้วมันไม่ใช่เรื่องของ
00:19:51 → 00:19:54 >> แล้วมันกลายเป็นว่าเราต้องมารับผลกระทบ
00:19:54 → 00:19:55 กับสิ่งที่เกิดขึ้น
00:19:55 → 00:19:58 >> เออจากเหตุการณ์อะไรต่างๆเหล่านี้เนี่ย
00:19:58 → 00:20:00 การเสพข่าวต่างๆเหล่าเนี้ยเสพมากๆเงี้ย
00:20:00 → 00:20:03 อ่ะถามเอิ้นนิดนึงว่าอันเนี้ยเสพมากเกิน
00:20:03 → 00:20:07 ไปมันจะนำไปสู่การเป็นซึมเศร้าหรือหรือ
00:20:07 → 00:20:08 อะไรอย่างนั้นได้มั้ย
00:20:08 → 00:20:09 >> อ๋อไม่ถึงขั้นนั้น
00:20:10 → 00:20:11 >> ไม่ถึงขั้นนั้นเพราะว่าถ้าเราพูดถึงซึม
00:20:11 → 00:20:13 เศร้ามันจะเป็นความตรอมใจ
00:20:13 → 00:20:13 >> อื
00:20:13 → 00:20:15 >> ต้องเป็นความผิดหวังสาหัสนะครับแต่ว่า
00:20:15 → 00:20:18 อันเนี้ยมันเป็นความเศร้ากับความโกรธถ้า
00:20:18 → 00:20:20 ถามมีความผิดหวังมั้ยมีแต่มันอาจจะไม่ได้
00:20:20 → 00:20:23 ผิดหวังกับตัวเองแต่ผิดหวังกับผู้ปฏิบัติ
00:20:23 → 00:20:24 งานบางอย่าง
00:20:24 → 00:20:26 >> มันเลยเป็นโทนของความโกรธมากกว่า
00:20:26 → 00:20:26 >> เออ
00:20:26 → 00:20:28 >> ครับแต่ว่าแน่นอนมันจะเห็นความหมกมุ่นการ
00:20:28 → 00:20:31 สะสมความขุ่นความคุกกลุ่นบางอย่างอยู่ใน
00:20:31 → 00:20:31 จิตใจ
00:20:32 → 00:20:33 >> แล้วมันก็จะกลายเป็นว่าชีวิตแต่ละวันที่
00:20:33 → 00:20:35 เขาใช้อ่ะเขาจะไม่ค่อยค่อยปฏิสัมพันธ์กับ
00:20:36 → 00:20:37 คนอื่นด้วยเรื่องอื่นๆด้วยเรื่องสดใสด้วย
00:20:38 → 00:20:39 เรื่องปกติที่เราใส่ใจคนอื่น
00:20:39 → 00:20:41 >> แต่เขาจะสนใจแต่เรื่องตัวเองแล้วอาจจะชวน
00:20:41 → 00:20:44 คนอื่นมาคุยในเรื่องตัวเองที่ตัวเองสนใจ
00:20:44 → 00:20:45 >> แล้วสุดท้ายมันก็เป็นการสร้างบรรยากาศใน
00:20:45 → 00:20:47 ชีวิตในการทำงานที่แบบค่อนข้าง
00:20:47 → 00:20:48 >> อึมครึม
00:20:49 → 00:20:49 >> อื
00:20:49 → 00:20:51 >> แล้วคนรอบตัวจะรู้สึกอยู่ด้วยเหนื่อย
00:20:51 → 00:20:53 เหนื่อยจังเงี้ย
00:20:53 → 00:20:54 >> แต่เราก็เพราะมีส่วนร่วม
00:20:54 → 00:20:56 >> เออแต่ก็มีส่วนร่วมเพราะว่าสุดท้ายเรามัน
00:20:56 → 00:20:58 เหมือนพวกเดียวกันน่ะเราคือเพื่อนกันเรา
00:20:58 → 00:21:00 คือพวกเดียวกันคนที่อยู่ในประเทศร่วมชาติ
00:21:00 → 00:21:01 เดียวกัน
00:21:01 → 00:21:01 >> อือๆ
00:21:01 → 00:21:03 >> เรามีเรามีพื้นที่ในการที่จะแลกเปลี่ยน
00:21:03 → 00:21:05 ความคิดความรู้สึกนี้ต่อกันได้
00:21:05 → 00:21:06 >> อ
00:21:06 → 00:21:08 >> แต่มันอาจจะไม่ควรเป็นตลอดเวลาจนกระทั่ง
00:21:08 → 00:21:10 เราเสียการเสียงานหรือเสียหน้าที่พลเมือง
00:21:10 → 00:21:12 ที่เราควรจะต้องทำนะครับ
00:21:12 → 00:21:14 >> อ่าถ้าอย่างงั้นเราถ้าเกิดเรามีคนที่
00:21:14 → 00:21:17 กำลังอยู่หมกมุ่นอยู่ในเรื่องนี้มากเกิน
00:21:17 → 00:21:20 ไปเอาใช้คำว่ามากเกินไปอ่ะนะคนรอบข้างทำ
00:21:20 → 00:21:21 อะไรได้บ้าง
00:21:21 → 00:21:23 >> อ่าผมว่าข้อแรกคนรอบข้างควรรับฟังก่อน
00:21:23 → 00:21:25 ครับเราอาจจะยังไม่ควรรีบไปหักให้เค้า
00:21:25 → 00:21:28 หลุดหยุดคิดเพราะเค้าเยังมีแบบกลไกในการ
00:21:28 → 00:21:29 คิดที่มันยังวิ่งเร็วมาก
00:21:29 → 00:21:29 >> อือ
00:21:29 → 00:21:33 >> แล้วเาต้องการการมีพวกคนที่เห็นด้วยคนที่
00:21:33 → 00:21:36 ได้ฟังฟังเผมคิดว่าถ้าเราพอมีกำลังพอครับ
00:21:36 → 00:21:40 เราพอมีแรงเหลือเราลองฟังเ้าก่อนฟังแล้ว
00:21:40 → 00:21:42 ก็แบบเออเออห่อบอกเอออย่างงู้นอย่าง
00:21:42 → 00:21:43 งี้เห็นด้วยอะไรเงี้ยเพื่อให้เขารู้สึก
00:21:43 → 00:21:46 แบบเออความรู้สึกเขาถูกมองเห็นเถูกเข้าใจ
00:21:46 → 00:21:46 อ
00:21:46 → 00:21:48 >> แล้วปกติคนเราเมื่อถูกเข้าใจอ่ะครับความ
00:21:48 → 00:21:50 ความรู้สึกหรืออารมณ์มันจะไม่ใหญ่ไปกว่า
00:21:50 → 00:21:50 นั้น
00:21:50 → 00:21:53 >> แต่ถ้าคนที่ไม่ถูกฟังไม่ถูกเข้าใจถูก
00:21:53 → 00:21:56 ปฏิเสธไม่ให้คิดความเก็บกฎความไม่พอใจของ
00:21:56 → 00:21:58 อารมณ์นั้นจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีก
00:21:58 → 00:22:00 >> อาจจะไปลงกับอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นก็ได้
00:22:00 → 00:22:02 >> อหรืออาจจะแบบปฏิเสธเราแล้วก็ทิ้งเราไป
00:22:02 → 00:22:04 เลยแบบไม่อยากคุยกับเราแล้วเงี้ยเพราะ
00:22:04 → 00:22:06 งั้นถ้าเราจะช่วยผมว่าเริ่มต้นจากการฟัง
00:22:06 → 00:22:09 แล้วเออออฮมกับเค้าก่อนเข้าใจปึ๊บแล้วพอ
00:22:09 → 00:22:11 เค้าหนักสาแก่ใจหนำใจแล้วเนี่ยมันจะเกิด
00:22:11 → 00:22:13 ช่องในการเหนี่ยวนำให้เค้าคุยเรื่องอื่น
00:22:13 → 00:22:13 ได้
00:22:13 → 00:22:13 >> อือ
00:22:13 → 00:22:16 >> แต่อย่าเพิ่งไปขวางของแรงอ่ะครับให้เค้า
00:22:16 → 00:22:18 ได้เอาของแรงออกก่อนแล้วเราค่อยเหนี่ยวนำ
00:22:18 → 00:22:19 ให้เค้าไปคุยเรื่องอื่นแล้วตรงนั้นน่ะมัน
00:22:19 → 00:22:21 จะคือจุดเปลี่ยนผ่านที่ทำให้เค้าไปคิด
00:22:21 → 00:22:21 เรื่องอื่นได้ครับ
00:22:21 → 00:22:24 >> อือฮึเดี๋พออะไรสถานการณ์อะไรดีขึ้นหรือ
00:22:24 → 00:22:26 ว่าข่าวสารมันเปลี่ยนไปอ่ะมันก็จะถูก
00:22:26 → 00:22:28 เหนียวนำไปติดตามเรื่องอื่นได้
00:22:28 → 00:22:30 >> ใช่เหมือนกับว่าอ่ะทีคุณพูดเรื่องนี้แล้ว
00:22:30 → 00:22:32 ฉันขอพูดเรื่องของฉันบ้างอ่าอย่างเงี้ยฮะ
00:22:32 → 00:22:34 มันก็จะดึงดึงออกไปที่เรื่องอื่น
00:22:34 → 00:22:37 >> อออ่าก็เป็นปรากฏการณ์ที่เราได้เห็นชัด
00:22:37 → 00:22:41 เจนน่ะนะฮะในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาก็มี
00:22:41 → 00:22:43 หลายอย่างที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นเป็นการ
00:22:43 → 00:22:45 เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นในยุค
00:22:45 → 00:22:47 ดิจิทัลที่มันเป็นสังคม
00:22:47 → 00:22:49 >> แบบนี้ไปแล้วนะคะมันไม่ได้แค่สงครามกัน
00:22:49 → 00:22:51 ยิงตุ้มต้ามอย่างเดียวละมันเป็นสงคราม
00:22:51 → 00:22:54 โซเชียลละนะคะแต่เราจะอยู่กับมันอย่างไร
00:22:54 → 00:22:55 วันนี้คุณเอิ้นก็บอกคุณผู้ฟังกันไปแล้วนะ
00:22:55 → 00:22:59 คะก็อยู่เท่าที่มันเหมาะสมแล้วกันแต่ถ้า
00:22:59 → 00:23:02 มันมากไปเราไม่ไหวถอยออกมาแล้วไปติดตาม
00:23:02 → 00:23:05 อะไรอื่นๆที่มันบันเทิงใจนะใช้คำว่า
00:23:05 → 00:23:07 บันเทิงใจนะคะเพราะข่าวสารเดี๋ยวนี้รู้
00:23:07 → 00:23:08 สึกแบบ
00:23:08 → 00:23:10 >> อืมแต่ละวัน
00:23:10 → 00:23:10 >> ครับ
00:23:10 → 00:23:11 >> หนักหน่วงเหลือเกิน
00:23:11 → 00:23:12 >> ผมมองว่าถ้าเดี๋วันนึงหน้าที่เรามาถึงอ่ะ
00:23:12 → 00:23:13 ครับ
00:23:13 → 00:23:13 >> อ
00:23:13 → 00:23:16 >> เดี๋ยวรัฐบาลจะบอกเราเองว่าเราต้องทำอะไร
00:23:16 → 00:23:17 เดี๋ยววันนึงมีหน้าที่แน่นอน
00:23:17 → 00:23:19 >> เราก็มีหน้าที่อยู่ของการเป็นพลเมืองอยู่
00:23:19 → 00:23:22 แล้วนะคะอ่ะหวัดดีขอบคุณคุณเอิ้ลค่ะ
00:23:22 → 00:23:24 >> สวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกัน
00:23:24 → 00:23:26 ใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง Thai
00:23:26 → 00:23:30 PBS พcastนะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:23:30 → 00:23:32 >> This is Thai PBS
00:23:32 → 00:23:34 ทำไมมนุษย์จึงมีพฤติกรรมหรือนิสัยชอบ
00:23:34 → 00:23:36 เรื่องเสี่ยงดวงลุ้นหรือสุ่มเลือกจาก
00:23:36 → 00:23:39 กิจกรรมต่างๆแล้วทำไมหากหมกมุ่นเกินไปอาจ
00:23:39 → 00:23:41 เป็นผีพนันได้ดร.สุวุฒิวงทางสวัสดิ์นัก
00:23:41 → 00:23:45 จิตวิทยาการปรึกษามาเล่าให้ฟังครับ
00:23:45 → 00:23:47 >> การที่แบบเราไม่รู้ชะตาแน่นอนมันมีความ
00:23:47 → 00:23:49 ตื่นเต้นนะมันอาจจะมีสารเคมีอาจจะเป็น
00:23:49 → 00:23:51 โดปามีนหรือเป็นอะไรเงี้ยที่ทำให้เรา
00:23:51 → 00:23:53 >> รู้สึกว่าแบบมันกระหายมันยังอยากอยู่มี
00:23:53 → 00:23:56 ความหมกมุ่นมีความใส่ใจมีความลุ้นผมว่า
00:23:56 → 00:23:58 จริงๆบางบางทีมันเหมือนการพนันอย่างนึงฮะ
00:23:58 → 00:24:01 พนันว่าจะได้หรือไม่ได้ปัญหาของสิ่งพวก
00:24:01 → 00:24:04 เนี้ยมักจะเกิดขึ้นจากการที่เราจำเป็น
00:24:04 → 00:24:07 ต้องมีเงินต้นมีเงินทุนในการไปซื้อทุกคน
00:24:07 → 00:24:10 เนี้ยมันจะมีพวกตุ๊กตากล่องสุ่มสินค้า
00:24:10 → 00:24:12 เป็นอะไรที่แม่ค้าเค้าขายแล้วบอกว่าจ่าย
00:24:12 → 00:24:14 เงินเท่านี้แล้วส่งว่าในกล่องจะได้อะไร
00:24:14 → 00:24:16 ทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเราอ่ะมีชิ้นที่เรา
00:24:16 → 00:24:19 อยากได้อยู่แล้วแต่เราเลือกจะไม่เก็บเงิน
00:24:19 → 00:24:21 ไปซื้อโดยตรงกล่องสวมก็จะมีหลายรางวัล
00:24:21 → 00:24:21 เนาะ
00:24:21 → 00:24:23 >> ตั้งแต่รางวัลทั่วไปที่แบบอ่ะสมมุติเรา
00:24:23 → 00:24:25 จ่าย 100 นของที่เราได้ก็ 100 นแหละแต่
00:24:25 → 00:24:28 ไม่รู้คืออะไรกับบางทีจ่ายไป 100 นแต่ว่า
00:24:28 → 00:24:30 ของมูลค่าจะเป็น 10,000 อ่าบางทีเราก็เลย
00:24:30 → 00:24:33 หวังหวังลุ้นหวังเดิมพันว่าเราคงจะได้บาง
00:24:33 → 00:24:35 สิ่งที่มันใหญ่มากกว่าเงินที่เราจ่ายลงไป
00:24:35 → 00:24:38 บางทีการสุ่มมันอาจจะทำให้เราสมหวังแต่
00:24:38 → 00:24:40 บางทีกล่องสุ่มหรือว่าการสุ่มสูงก็ทำให้
00:24:40 → 00:24:42 เราผิดหวังแล้วการผิดหวังก็ทำให้เรารู้
00:24:42 → 00:24:44 สึกว่าเงินตรงนั้นน่ะมันสูญหายไปแล้วแบบ
00:24:44 → 00:24:47 ไม่คุ้มค่ามันจะมีบางคนอยากทำอีกก็คือว่า
00:24:47 → 00:24:50 อ่ะถ้า 100 น.ยังไม่ได้เอา 200 เอา 1,000
00:24:50 → 00:24:53 นึงเพื่อหวังว่าจะเพิ่มโอกาสทีเนี้ยพอทำ
00:24:53 → 00:24:55 อย่างี้ไปเรื่อยๆมันอาจจะเป็นการเสียบติด
00:24:55 → 00:24:58 กันแบบรู้สึกว่าลุ้นได้เฉียดได้แบบใกล้
00:24:58 → 00:24:59 ได้เพิ่มโอกาส
00:24:59 → 00:25:00 >> อือ
00:25:00 → 00:25:02 >> ได้หวังอย่างเงี้ยครับทีนี้ถ้าติดพวกนี้
00:25:02 → 00:25:04 มากไปมันจะกลายเป็นทำให้เราเกิดความหมก
00:25:04 → 00:25:06 มุ่นน่ะบางคนเข้าไปสู่รูปopเรื่องการพนัน
00:25:06 → 00:25:08 ก็มีหรือถ้าคนบางคนที่เขาเล่นพนันจริงๆ
00:25:08 → 00:25:11 เงี้ยครับเจะรู้สึกว่าเมื่อเาเสียต้นทุน
00:25:11 → 00:25:14 เขาอยากรีบได้คืนเพราะว่าการเล่นพนันบาง
00:25:14 → 00:25:16 ครั้งก็เป็นการสุ่มแต่ในบางที่ชัดเจนมาก
00:25:16 → 00:25:19 ว่ามีเจ้ามือคุณไม่มีทางชนะเจ้ามือเจ้า
00:25:19 → 00:25:21 มืออาจจะแค่ตรงใจปล่อยให้คุณรู้สึกว่า
00:25:21 → 00:25:23 เหมือนคุณได้ชั่วคราว
00:25:23 → 00:25:23 >> อ
00:25:23 → 00:25:26 >> หรือได้บ้างเพื่อให้คุณรู้สึกมีกำลังใจ
00:25:26 → 00:25:27 >> ว่ามันได้จริงนะ
00:25:27 → 00:25:29 >> แล้วคุณก็จะได้ติดกลับตรงนั้นเพิ่มก็มี
00:25:29 → 00:25:30 เหมือนกัน
00:25:30 → 00:25:32 >> เออซึ่งผมเชื่อว่าจริงๆแล้วคนในประเทศเรา
00:25:32 → 00:25:36 อ่ะครับมีหลายๆคนที่ไม่ได้มีศักยภาพทาง
00:25:36 → 00:25:39 การเงินหรือการงานแข็งแรงมากพอที่จะแบบ
00:25:39 → 00:25:41 เสกชีวิตตัวเองได้เพราะงั้นสิ่งพวกเมัน
00:25:41 → 00:25:43 คือสิ่งที่ทำให้คนเลือกจะใช้วิธีสุ่มอะไร
00:25:43 → 00:25:45 พวกเนี้ยเป็นทางลัดส่วนนึงด้วยให้ตัวเอง
00:25:45 → 00:25:47 แบบคล้ายๆได้เข้าใกล้สิ่งที่ตัวเอง
00:25:47 → 00:25:49 ต้องการเมื่อเราไม่ได้ใช้ความพยายามอะไร
00:25:49 → 00:25:51 มากมายในการที่จะได้ก้อนเงินก้อนนั้นนะ
00:25:51 → 00:25:53 ครับบางครั้งมันกลายเป็นว่าเราก็ไม่ได้
00:25:53 → 00:25:54 เห็นคุณค่ามันมาก
00:25:54 → 00:25:54 >> อ
00:25:54 → 00:25:56 >> เราเลยจะเห็นหลายๆเคสครับตัวอย่างตามหน้า
00:25:56 → 00:26:01 ข่าวเนาะที่ว่าถูกรางวัลที่ 1 ปึ๊บแล้วก็
00:26:01 → 00:26:03 เป็นไงครับปิดซอยเลี้ยงเริ่มแบบมีคนมาขอ
00:26:03 → 00:26:06 ยืมเงินอ่าหรือตัวเองอาจจะรู้สึกว่าชีวิต
00:26:06 → 00:26:08 ที่ไม่เคยสำเรเทเมาไม่เคยแบบอยู่กับความ
00:26:09 → 00:26:11 บันเทิงมาก่อนได้เงินก้อนนี้มาละฉันขอใช้
00:26:11 → 00:26:14 เพื่อปนเปรอตัวเองหน่อยปุ๊บปั๊บเงินหมด
00:26:14 → 00:26:16 บางคนเป็นหนี้เพิ่มด้วยเรื่องการบริหาร
00:26:16 → 00:26:19 การเงินเลยสำคัญเพราะว่าบางทีพอได้ก้อน
00:26:19 → 00:26:21 นี้มาปั๊บเราไม่มีสติไม่ได้ยั้งคิดเรารู้
00:26:21 → 00:26:24 สึกว่ามันเป็นเงินที่ได้มาง่ายมันก็เลย
00:26:24 → 00:26:27 ใช้ง่ายเราเป็นคนที่จุก็มีเงินแต่เค้า
00:26:27 → 00:26:29 เรียกว่าวิธีการคิดยังแบบไม่ได้เป็นคนรวย
00:26:29 → 00:26:32 อ่ะแต่เป็นวิธีคิดของคนที่ยังฐานะไม่ดี
00:26:32 → 00:26:34 แต่บังเอิญมีเงินใหญ่เข้ามาตัวเราไม่ได้
00:26:34 → 00:26:36 มีเ้าเรียกว่าคุณสมบัติหรือมีความรู้
00:26:36 → 00:26:38 เพียงพอที่จะบริหารเงินก้อนใหญ่ก้อนนี้
00:26:38 → 00:26:40 ให้เป็นประโยชน์
00:26:40 → 00:26:42 [เพลง]
00:26:42 → 00:26:46 >> This is Thai PBS Podcast
00:26:46 → 00:26:49 ติดตามรายการของ Thai PBBS Podcast ได้
00:26:49 → 00:26:51 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:26:51 → 00:26:54 thapodcast.com
00:26:54 → 00:26:57 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:26:57 → 00:27:01 ผ่าน podcast ช่องทางอื่นๆ Spotify
00:27:01 → 00:27:03 YouTube Apple Podcast และ Soundcloud
00:27:03 → 00:27:05 เ้า
00:27:05 → 00:27:08 [เพลง]