00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcส
00:00:03 → 00:00:06 ความรู้สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่เคยสงสัย
00:00:06 → 00:00:09 กันมั้ครับว่าเอเราจะทำให้เซลล์ในร่างกาย
00:00:09 → 00:00:12 ของเราเนี่ยมันเด็กกว่าอายุจริงได้มยซึ่ง
00:00:12 → 00:00:14 แนวคิดที่เราจะมาดูกันวันนี้โอ้โหน่าทึ่ง
00:00:14 → 00:00:17 มากครับเขาบอกว่าเป็นไปได้นะแล้วอาจจะใช้
00:00:17 → 00:00:19 เวลาแค่ 10 นาทีเองทั้งหมดนี้มาจากงาน
00:00:19 → 00:00:22 วิจัยของฮาวardดเลยเดี๋เรามาเจาะลึกกัน
00:00:22 → 00:00:24 นี่แหละครับคำถามสำคัญเลยคือฟังดูมันอาจ
00:00:25 → 00:00:27 จะแบบขัดๆความรู้สึกนิดนึงใช่มั้ล่ะครับ
00:00:27 → 00:00:30 แต่อายุตามปฏิทินกับอายุจริงๆของเซลล์
00:00:30 → 00:00:32 เนี่ยเอ่อมันไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป
00:00:32 → 00:00:35 นะแล้วตอนนี้วิทยาศาสตร์ก็กำลังหาวิธีที่
00:00:35 → 00:00:37 ทำให้ 2 อย่างนี้มันต่างกันมากขึ้นเรื่อย
00:00:37 → 00:00:40 ๆแล้วนี่คือประโยคเด็ดเลยครับเป็นแนวคิด
00:00:40 → 00:00:44 หลักที่แบบทรงพลังมากๆเขาบอกว่าแค่ 10
00:00:44 → 00:00:47 นาทีที่ร่างกายเข้าใจผิดว่าใกล้ตายก็
00:00:47 → 00:00:50 เพียงพอให้เปิดโหมดชะลอไวโหฟังดูอาจจะแรง
00:00:50 → 00:00:52 ไปนิดนึงนะครับแต่เบื้องหลังของมันเนี่ย
00:00:53 → 00:00:55 คือหลักวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งมากเลยคือ
00:00:55 → 00:00:58 ร่างกายเราน่ะมีกลไกเอาตัวรอดซ่อนอยู่
00:00:58 → 00:01:00 แล้วเราสามารถปลุกมันขึ้นมาให้ซ่อมแซมตัว
00:01:00 → 00:01:03 เองได้แบบสุดยอดไปเลยเอาล่ะครับทีนี้มา
00:01:03 → 00:01:05 เข้าเรื่องหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่
00:01:05 → 00:01:07 เบื้องหลังกันดีกว่าแนวคิดนี้เขามีชื่อ
00:01:07 → 00:01:11 เรียกนะครับว่า His ซึ่งบอกเลยว่านี่แหละ
00:01:11 → 00:01:14 คือกุญแจสำคัญเลยที่จะทำให้เราเข้าใจว่า
00:01:14 → 00:01:16 ทำไมการท้าทายร่างกายแบบนิดๆหน่อยๆถึง
00:01:16 → 00:01:19 กลายเป็นเรื่องที่ดีมากๆได้ถ้าจะให้
00:01:19 → 00:01:21 อธิบายง่ายๆเลยนะครับมันก็เหมือนกับคำพูด
00:01:22 → 00:01:25 ที่ว่าอะไรที่ฆ่าเราไม่ตายจะทำให้เราแข็ง
00:01:25 → 00:01:28 แกร่งขึ้นเอออันเนี้ยคือเรื่องจริงใน
00:01:28 → 00:01:30 ระดับเซลล์เลยนะคือพอร่างกายเจอความ
00:01:30 → 00:01:34 เครียดแบบพอดีควบคุมได้มันจะตอบสนองด้วย
00:01:34 → 00:01:36 การเปิดสวิตช์ระบบป้องกันแล้วก็ซ่อมแซม
00:01:36 → 00:01:39 ตัวเองทันทีผลก็คือเซลล์จะแข็งแรงขึ้นทน
00:01:39 → 00:01:42 ทานกว่าเดิมแล้วก็ต้องย้ำอีกทีนะครับว่า
00:01:42 → 00:01:44 เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎีลอยๆนะครับแต่
00:01:44 → 00:01:47 เป็นสิ่งที่นักวิจัยจากสถาบันระดับโลก
00:01:47 → 00:01:49 อย่างฮาวardดเนี่ยเขากำลังศึกษากันอย่าง
00:01:49 → 00:01:52 จริงจังเลยเพื่อที่จะปลดล็อคศักยภาพในการ
00:01:52 → 00:01:54 ชะลอวัยของร่างกายเราทุกคนนี่แหละครับ
00:01:54 → 00:01:57 โอเคพอเข้าใจหลักการกันแล้วคำถามต่อมาก็
00:01:58 → 00:02:01 คือแล้วจะเอาไปใช้จริงยังไงล่ะนี่เลยครับ
00:02:01 → 00:02:04 5 วิธีง่ายๆที่จะช่วยกระตุ้นโหมดซ่อมแซม
00:02:04 → 00:02:07 ของร่างกายได้แบบทันทีเลยและที่สำคัญเลย
00:02:07 → 00:02:10 นะแผนปฏิบัติการนี้เนี่ยเขาออกแบบมาโดย
00:02:10 → 00:02:13 เฉพาะเลยสำหรับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
00:02:13 → 00:02:16 ที่แบบอยากเห็นผลลัพธ์ที่มันชัดเจนจับ
00:02:16 → 00:02:19 ต้องได้จริงๆในการฟื้นฟูร่างกายวิธีแรก
00:02:19 → 00:02:22 เลยนะอันนี้ทรงพลังมากก็คือการออกกำลัง
00:02:22 → 00:02:26 กายแบบ hit iit ครับนี่เป็นวิธีที่แบบ
00:02:26 → 00:02:28 สุดยอดมากในการส่งสัญญาดานความเสี่ยงแบบ
00:02:28 → 00:02:31 ด่วนๆไปให้เซลล์เหมือนกับเราไปหลอกร่างใจ
00:02:31 → 00:02:33 ว่าเฮ้ยกำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่นะวิธีทำ
00:02:33 → 00:02:37 ก็ง่ายมากครับแครวิ่งเร็วสุดชีวิตเลยนะ 30
00:02:37 → 00:02:41 วินาทีแล้วก็สลับมาเดินชิลๆ 1 นาทีทำแบบ
00:02:41 → 00:02:45 นี้วนไป 5 รอบแป๊บเดียวเองแต่ผลลัพธ์นี่
00:02:45 → 00:02:48 สิครับน่าทึ่งมากทำแค่สัปดาห์ละ 2-3
00:02:48 → 00:02:51 ครั้งก็พอแล้วและแล้วผลที่ได้มันก็เจ๋ง
00:02:51 → 00:02:54 มากๆเลยครับการทำฮิตเนี่ยมันจะไปปลุกยีน
00:02:54 → 00:02:57 ที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์โดยตรงเลยและยังช่วย
00:02:57 → 00:02:59 ให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ๆขึ้นมา
00:02:59 → 00:03:01 อีกด้วยนะพอเส้นเลือดเยอะขึ้นออกซิเจนกับ
00:03:01 → 00:03:03 สารอาหารก็จะไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้ดี
00:03:03 → 00:03:06 ขึ้นไงครับมาต่อกันที่วิธีที่ 2 นะครับก็
00:03:06 → 00:03:09 คือการใช้ความเย็นมากระตุ้นร่างกายเราอัน
00:03:09 → 00:03:12 นี้ก็เป็นอีกรูปแบบนึงของความเครียดดีๆ
00:03:12 → 00:03:15 ที่ทำได้ง่ายๆที่บ้านเลยไม่จำเป็นต้องไป
00:03:15 → 00:03:18 อ่าอ่างน้ำแข็งที่ไหนเลยนะแค่ใช้น้ำเย็น
00:03:18 → 00:03:21 จากฝักบัวที่บ้านเรานี่แหละครับลองทนให้
00:03:21 → 00:03:24 ได้สักประมาณ 3 นาทีทำสัปดาห์ละ 3-4
00:03:24 → 00:03:26 ครั้งแค่นี้ร่างกายก็จะได้รับการกระตุ้น
00:03:26 → 00:03:29 กระตุ้นแบบเต็มๆแล้วประโยชน์หลักๆของมัน
00:03:29 → 00:03:32 เลยนะคือมันจะไปกระตุ้นโปรตีนตัวนึงที่
00:03:32 → 00:03:34 เรียกว่าHeatชockโปรตีนครับซึ่งหน้าที่
00:03:35 → 00:03:37 ของมันก็คือการเข้าไปซ่อมโปรตีนตัวอื่นๆ
00:03:37 → 00:03:40 ที่เสียหายในร่างกายให้ลองนึกภาพเหมือน
00:03:40 → 00:03:44 เป็นทีมช่างซ่อมประจำเซลล์ที่พอมีสัญญาณ
00:03:44 → 00:03:48 ปึ๊บก็พร้อมออกไปทำงานทันทีเลยวิธีที่ 3
00:03:48 → 00:03:51 อันนี้จะเกี่ยวกับเรื่องการกินครับนั่นก็
00:03:51 → 00:03:53 คือการทำ Intermittent fasting หรือ if
00:03:53 → 00:03:56 ที่เราคุ้นเคยกันดีนี่แหละครับหลักการก็
00:03:56 → 00:03:59 คือการสร้างสภาวะขาดแคลนอาหารแบบชั่วคราว
00:03:59 → 00:04:01 เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายหันกลับมาซ่อมแซม
00:04:01 → 00:04:04 ตัวเองรูปแบบที่เขาแนะนำก็ไม่ได้ซับซ้อน
00:04:04 → 00:04:07 อะไรเลยนะครับก็คือพยายามหยุดกินหลัง
00:04:07 → 00:04:09 20:00 น.แล้วก็เริ่มมื้อแรกของวันใหม่
00:04:09 → 00:04:13 หลัง 10:00 น.แค่ทำแบบนี้สัก 4-5 วันต่อ
00:04:13 → 00:04:16 สัปดาห์ก็เหมือนกับเราให้เวลาร่างกายได้
00:04:16 → 00:04:18 พักแล้วก็เข้าโหมดซ่อมแซมแบบเต็มที่แล้ว
00:04:18 → 00:04:22 ครับประโยชน์ที่สำคัญสุดๆของการทำ IF เลย
00:04:22 → 00:04:24 ก็คือการกระตุ้นกระบวนการที่เรียกว่า
00:04:24 → 00:04:27 ออโตฟีครับอธิบายง่ายๆมันคือระบบรีไซเคิล
00:04:27 → 00:04:30 ของเซลล์เลยนะมันจะคอยเก็บกินเซลล์เก่าๆ
00:04:30 → 00:04:33 ที่พังแล้วของเสียต่างๆทำให้เซลล์ของเรา
00:04:33 → 00:04:35 โดยรวมเนี่ยสะอาดขึ้นแล้วก็ทำงานได้ดี
00:04:35 → 00:04:38 ขึ้นแบบเห็นๆเลยวิธีที่ 4 ครับก็คือการ
00:04:38 → 00:04:41 ออกกำลังกายแบบมีแรงต้านหรือ Wight
00:04:41 → 00:04:43 training นั่นเองการสร้างความเครียดให้
00:04:43 → 00:04:45 กล้ามเนื้อเนี่ยเป็นอีกวิธีที่ทรงพลังมาก
00:04:45 → 00:04:48 ๆในการส่งสัญญาณชะลอไวไปทั่วทั้งร่างกาย
00:04:48 → 00:04:51 เลยแล้วจุดที่น่าสนใจมากๆเลยนะคือเขา้า
00:04:51 → 00:04:53 บอกว่าควรจะเน้นไปที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่
00:04:53 → 00:04:56 อย่างขาแล้วก็ก้นครับเพราะว่าบริเวณนี้
00:04:56 → 00:04:58 เนี่ยมันเหมือนเป็นศูนย์กลางผลิตฮอร์โมน
00:04:58 → 00:05:01 ที่สำคัญของร่างกายเลยนะฝึกแค่สัปดาห์ละ
00:05:01 → 00:05:03 2-3 ครั้งก็ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว
00:05:03 → 00:05:06 ครับประโยชน์ที่ได้นี่คือมาเต็มเลยครับ
00:05:06 → 00:05:08 ไม่ใช่แค่สร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงนะแต่
00:05:08 → 00:05:10 ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้
00:05:10 → 00:05:13 เราดูอ่อนเยาวแล้วก็ยังช่วยลดไขมันสะสมใน
00:05:13 → 00:05:17 ร่างกายได้อีกด้วยครบเครื่องมากและแล้วก็
00:05:17 → 00:05:19 มาถึงวิธีสุดท้ายครับอันนี้จะเป็นการ
00:05:19 → 00:05:22 ซัพพอร์ตจากข้างในนั่นก็คือการใช้อาหาร
00:05:22 → 00:05:25 เสริมที่มันทำงานลงลึกไปถึงระดับเซลล์โดย
00:05:25 → 00:05:28 ตรงเลยเพื่อไปเติมพลังให้กับกลไกการซ่อม
00:05:28 → 00:05:31 แซมของเราอาหารเสริมที่งานวิจัยพูดถึงก็
00:05:31 → 00:05:36 จะมี NMN Respirat แล้วก็ COQ ครับซึ่ง
00:05:36 → 00:05:38 สารพวกนี้เนี่ยในวงการเขารู้กันดีเลยว่า
00:05:38 → 00:05:41 มีบทบาทสำคัญมากกับสุขภาพของไมโตคอนเดรีย
00:05:41 → 00:05:44 แล้วก็แนะนำให้กินทุกวันเพื่อผลลัพธ์ที่
00:05:44 → 00:05:47 ต่อเนื่องครับประโยชน์หลักๆของอาหารเสริม
00:05:47 → 00:05:50 กลุ่มนี้เลยนะคือการเข้าไปช่วยฟื้นฟูพลัง
00:05:50 → 00:05:53 งานในระดับไมโตคอนเดรียโดยตรงเลยซึ่ง
00:05:53 → 00:05:56 ไมโตคอนเดรียเนี่ยมันก็คือโรงไฟฟ้าของ
00:05:56 → 00:05:58 เซลล์เราดีๆนี่เองครับพอนึกภาพออกใช่มั้ย
00:05:59 → 00:06:02 ครับเมื่อโรงไฟฟ้าทำงานได้ดีเซลล์ก็จะมี
00:06:02 → 00:06:04 พลังงานไปซ่อมแซมตัวเองไปทำงานต่างๆได้
00:06:04 → 00:06:08 อย่างเต็มที่ทีนี้พอเรามาดูภาพรวมทั้งหมด
00:06:08 → 00:06:10 เนี่ยจะเห็นเลยนะครับว่ามันไม่มีวิธีไหน
00:06:10 → 00:06:12 วิธีเดียวที่เป็นคำตอบสุดท้ายแต่เป็นการ
00:06:12 → 00:06:15 ผสมผสานกันคือใช้ความท้าทายเล็กๆน้อยๆ
00:06:15 → 00:06:17 เนี่ยแหละครับทั้งจากการออกกำลังกาย
00:06:17 → 00:06:20 อุณหภูมิอาหารเพื่อกระตุ้นกลไกการฟื้นฟู
00:06:20 → 00:06:23 ของร่างกายจากทุกๆทางเลยเอาล่ะครับมาถึง
00:06:23 → 00:06:26 ช่วงสุดท้ายกันแล้วเราได้เห็นทั้งหลักการ
00:06:26 → 00:06:29 ทั้งวิธีปฏิบัติกันไปหมดแล้วทีนี้เรามา
00:06:29 → 00:06:32 สรุปหัวใจสำคัญของเรื่องนี้กันดีกว่าแต่
00:06:32 → 00:06:34 ก็อาจจะมีคำถามที่หลายคนคิดอยู่ในใจใช่
00:06:34 → 00:06:38 มั้ครับว่าถ้าไม่มีเวลาทำทั้งหมดนี้ล่ะ
00:06:38 → 00:06:41 เออจริงด้วยในชีวิตที่มันวุ่นวายขนาดนี้
00:06:41 → 00:06:43 การจะทำทุกอย่างตามตารางเป๊ะๆมันก็อาจจะ
00:06:43 → 00:06:47 ยากอยู่นะแล้วเราควรจะทำยังไงดีและนี่คือ
00:06:47 → 00:06:49 คำตอบครับหัวใจสำคัญที่สุดเนี่ยอาจจะไม่
00:06:50 → 00:06:52 อยู่ที่การทำทุกอย่างให้ครบเป๊ะๆนะครับ
00:06:52 → 00:06:55 แต่อยู่ที่หลักการพื้นฐานเลยก็คือการหลอก
00:06:55 → 00:06:57 ให้ร่างกายรู้สึกถึงความท้าทายเป็นครั้ง
00:06:57 → 00:07:01 คราวเพื่อไปปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและ
00:07:01 → 00:07:03 การซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาซึ่งนี่แหละครับ
00:07:03 → 00:07:06 อาจจะเป็นกุญแจดอกที่สำคัญที่สุดที่จะนำ
00:07:06 → 00:07:08 เราไปสู่ชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงกว่า
00:07:08 → 00:07:11 เดิม
00:07:11 → 00:07:15 >> สวัสดีค่ะวันนี้เรามีประเด็นที่เอ่อน่าสน
00:07:15 → 00:07:18 ใจมากๆจากข้อมูลที่เราจะมาเจาะลึกกันนะคะ
00:07:18 → 00:07:21 คือมีคำถามว่าแค่วันละ 10 นาทีเนี่ยจะทำ
00:07:21 → 00:07:23 ให้เซลล์เราเด็กลงได้จริงๆหรอ
00:07:23 → 00:07:26 >> ครับเป็นคำถามที่ฟังดูดีมากๆเลยใช่มั้
00:07:26 → 00:07:27 ครับ
00:07:27 → 00:07:30 >> ใช่ค่ะฟังแล้วแบบอืมจริงหรอโดยเฉพาะที่
00:07:30 → 00:07:32 บอกว่าไม่ต้องออกกำลังกายหนักหน่วงทุกวัน
00:07:32 → 00:07:33 ด้วยนะคะ
00:07:33 → 00:07:35 >> จริงๆแล้วหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เนี่ยมัน
00:07:35 → 00:07:38 อยู่ที่คำว่า Hatic Stress
00:07:38 → 00:07:38 ครับ
00:07:38 → 00:07:42 >> Hatric Stress ชื่อฟังดูเอ่อไม่ค่อย
00:07:42 → 00:07:44 เป็นมิตรเลยนะคะความเครียดเนี่ยนะจะดีต่อ
00:07:44 → 00:07:47 เซลล์ได้ยังไงกันคะมันฟังดูขัดๆกันนิด
00:07:47 → 00:07:48 หน่อยนะ
00:07:48 → 00:07:50 >> ใช่ครับตอนแรกผมก็ได้ยินแล้วก็เอ๊ะเหมือน
00:07:50 → 00:07:53 กันแต่พอดูรายละเอียดเอ่อมันน่าสนใจมาก
00:07:53 → 00:07:56 ครับคือ Hatic Stress เนี่ยมันไม่ใช่
00:07:56 → 00:07:58 ความเครียดแบบที่เราเจอทุกวันนะเครียด
00:07:58 → 00:08:00 เรื่องงานเรื่องรถติดไม่ใช่แบบนั้น
00:08:00 → 00:08:02 >> อ๋อไม่ใช่ความเครียดเรื้อรังแบบนั้น
00:08:02 → 00:08:05 >> ครับแต่มันคือการที่เราจงใจพาตัวเองไปเจอ
00:08:05 → 00:08:08 ความท้าทายหรือความเครียดแบบเบาๆอ่ะครับ
00:08:08 → 00:08:11 เป็นช่วงสั้นๆพอให้ร่างกายรู้สึกตัวแต่
00:08:11 → 00:08:13 ยังไม่ถึงกับเป็นอันตราย
00:08:13 → 00:08:16 >> เหมือนเหมือนเราไปสะกิดเตือนร่างกายเบาๆ
00:08:16 → 00:08:18 ให้เตรียมพร้อมรับมืออะไรบางอย่างประมาณ
00:08:18 → 00:08:20 นั้นหรือเปล่าคะ
00:08:20 → 00:08:22 >> ประมาณนั้นเลยครับพอร่างกายเจอกับความท้า
00:08:22 → 00:08:25 ทายเล็กๆน้อยๆพวกนี้เนี่ยมันก็จะเปิดโหมด
00:08:25 → 00:08:28 ป้องกันตัวเองเปิดระบบซ่อมแซมขึ้นมาซึ่ง
00:08:28 → 00:08:31 ปกติระบบพวกนี้มันไม่ได้ทำงานตลอดเวลานะ
00:08:31 → 00:08:31 ครับ
00:08:31 → 00:08:34 >> มันจะทำงานก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็น
00:08:34 → 00:08:37 >> ถูกต้องครับพอมันถูกกระตุ้นบ่อยๆจาก
00:08:37 → 00:08:40 stress นี่แหละครับที่เขาเชื่อกันว่ามัน
00:08:40 → 00:08:42 จะช่วยให้เซลล์เราแข็งแรงขึ้นฟื้นตัวได้
00:08:42 → 00:08:47 ดีขึ้นแล้วก็อาจจะเอ่อชะลอความเสื่อมของ
00:08:47 → 00:08:48 เซลล์ได้
00:08:48 → 00:08:52 >> อ๋อเข้าใจแล้วค่ะเหมือนเราไปใช้ประโยชน์
00:08:52 → 00:08:55 จากกลไกเอาตัวรอดที่ร่างกายมีอยู่แล้วให้
00:08:55 → 00:08:58 มันทำงานเชิงป้องกันมากขึ้นนั่นเองข้อมูล
00:08:58 → 00:09:01 ก็อ้างว่ามีนักวิจัยให้ความสนใจเรื่องนี้
00:09:01 → 00:09:01 เยอะด้วย
00:09:02 → 00:09:05 >> ใช่ครับหลักการก็คือใช้ความท้าทายที่เรา
00:09:05 → 00:09:07 ควบคุมได้นี่แหละเพื่อกระตุ้นการตอบสนอง
00:09:07 → 00:09:10 ดีๆของร่างกายวันนี้เราจะมาลงลึกกันใน 5
00:09:10 → 00:09:13 วิธีที่ข้อมูลชุดนี้เขาแนะนำมาครับว่าจะ
00:09:13 → 00:09:15 ช่วยเรื่องสุขภาพเซลล์ได้ยังไงบ้าง
00:09:15 → 00:09:19 >> น่าสนใจมากเลยค่ะโดยเฉพาะเอ่อสำหรับคนที่
00:09:19 → 00:09:22 อายุอาจจะเริ่มเข้าเลข 4 หรือคนที่สนใจดู
00:09:22 → 00:09:25 แลสุขภาพแบบลงลึกถึงระดับเซลล์จริงๆว่า
00:09:25 → 00:09:28 เอ๊ะเราจะทำอะไรในชีวิตประจำวันได้บ้างนะ
00:09:28 → 00:09:31 >> ครับซึ่งทั้ง 5 แนวทางเนี่ยดูแล้วก็
00:09:31 → 00:09:34 เหมือนจะเอาไปปรับใช้ได้ไม่ยากเกินด้วยนะ
00:09:34 → 00:09:37 >> งั้นเรามาเริ่มกันที่วิธีแรกเลยมั้คะที่
00:09:37 → 00:09:39 หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วก็คือ
00:09:39 → 00:09:43 HIIT หรือ High Intensity Interval
00:09:43 → 00:09:46 Training การออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา
00:09:46 → 00:09:49 ข้อมูลเขาแนะนำให้ทำสซักสัปดาห์ละ 2-3
00:09:49 → 00:09:49 ครั้ง
00:09:49 → 00:09:53 >> อ๋อ HIIT นี่เองที่เขาว่าเหนื่อยมากแต่
00:09:53 → 00:09:54 ใช้เวลาไม่นาน
00:09:54 → 00:09:57 >> ใช่เลยค่ะตัวอย่างที่เขาให้มาก็ชัดเจนดี
00:09:57 → 00:10:01 นะคะเช่นวิ่งเร็วสุดๆไปเลย 30 วินาทีแล้ว
00:10:01 → 00:10:05 ก็สลับมาเดินหรือพักสัก 1 นาทีทำซ้ำแบบ
00:10:05 → 00:10:06 นี้สัก 5 รอบ
00:10:06 → 00:10:08 >> อืแค่ 5 รอบเอง
00:10:08 → 00:10:12 >> ใช่ค่ะรวมๆแล้วก็ไม่กี่นาทีแต่ประเด็นที่
00:10:12 → 00:10:15 ข้อมูลเขาเน้นไม่ใช่แค่เรื่องเผาผลาญ
00:10:15 → 00:10:18 แคลอรี่นะแต่คือการที่มันไปส่งสัญญาณ
00:10:18 → 00:10:21 กระตุ้นยีนที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์โดยตรงเลย
00:10:21 → 00:10:23 แล้วก็ยังช่วยสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ๆด้วย
00:10:23 → 00:10:27 >> ครับตรงนี้แหละที่มันน่าสนใจคือการออกแรง
00:10:27 → 00:10:30 หนักๆสั้นๆแบบนี้เนี่ยมันไปกระตุ้นเอ่อ
00:10:30 → 00:10:33 ระบบประสาทอัตโนมัติส่วนที่เรียกว่าสู้
00:10:33 → 00:10:36 หรือหนีไฟ flight แบบชั่วคราว
00:10:36 → 00:10:37 >> แค่แป๊บเดียวเองหรอคะ
00:10:37 → 00:10:40 >> ครับแม้จะแค่ไม่กี่วินทีหรือไม่กี่นาที
00:10:40 → 00:10:43 แต่มันเป็นสัญญาณที่แรงพอที่จะบอกเซลล์
00:10:43 → 00:10:46 ทั่วร่างกายว่าเฮ้ยอาจจะมีเรื่องฉุกเฉิน
00:10:46 → 00:10:48 นะเตรียมพร้อมหน่อยไอ้การเตรียมพร้อมนี่
00:10:48 → 00:10:51 แหละครับที่รวมถึงการซ่อมแซมส่วนที่สึก
00:10:51 → 00:10:54 หลอเสริมความแกร่งให้เซลล์เป็นการสร้าง
00:10:54 → 00:10:57 ความเครียดที่ดีในระดับเซลล์เลย
00:10:57 → 00:10:59 >> เข้าใจเลยค่ะว่าทำไมออกแรงสั้นๆถึงได้ผล
00:10:59 → 00:11:03 แบบstressสทีนี้จากเรื่องร้อนๆเหนื่อยๆมา
00:11:03 → 00:11:05 สู่เรื่องเย็นๆบ้างวิธีที่ 2 ที่ข้อมูล
00:11:05 → 00:11:08 แนะนำคือการเจอความเย็นหรือ Cold
00:11:08 → 00:11:11 Exposure ค่ะประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์
00:11:11 → 00:11:14 ครั้งละ 3 นาทีแค่คิดก็หนาวแล้วนะคะเนี่ย
00:11:14 → 00:11:18 >> โห 3 นาทีกับความเย็นจัดๆนี่ต้องทำยังไง
00:11:18 → 00:11:20 ครับถึงกับต้องลงไปแช่ในถังน้ำแข็งเลย
00:11:20 → 00:11:21 หรือเปล่า
00:11:21 → 00:11:25 >> ข้อมูลบอกว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ
00:11:25 → 00:11:28 เขาบอกว่าแค่เราอาบน้ำฝักบัวตามปกติแล้ว
00:11:28 → 00:11:31 ช่วง 3 นาทีสุดท้ายก็ปราบน้ำให้มันเย็น
00:11:31 → 00:11:33 เย็นแบบเย็นเจี๊ยไปเลยแค่เนี้ยก็ถือว่า
00:11:33 → 00:11:35 เป็นการกระตุ้นที่ดีแล้ว
00:11:35 → 00:11:38 >> อ๋อแค่ตอนท้ายของการอาบน้ำ
00:11:38 → 00:11:41 >> ใช่ค่ะแม้จะฟังดูท้าทายเนาะแต่ประโยชน์
00:11:41 → 00:11:44 ที่เขาเน้นคือมันไปกระตุ้นโปรตีนชนิด
00:11:44 → 00:11:47 หนึ่งชื่อว่าHeatชockโปรte Heat Shock
00:11:47 → 00:11:48 Prte Hsp
00:11:48 → 00:11:51 >> อ่า Heat Shock โปรteถ้าเรามองภาพรวมใน
00:11:51 → 00:11:53 เซลล์นะครับโปรตีนกลุ่มนี้เนี่ยเปรียบ
00:11:53 → 00:11:56 เหมือนเ่อทีมช่างซ่อมฉุกเฉินของเซลล์เลย
00:11:56 → 00:11:56 >> อือ
00:11:56 → 00:11:57 >> ทีมช่างซ่อม
00:11:57 → 00:12:00 >> ครับหน้าที่หลักคือคอยดูแลคอยซ่อมโปรตีน
00:12:00 → 00:12:03 ตัวอื่นๆที่อาจจะเสียหายหรือเสียรูปทรงไป
00:12:03 → 00:12:06 จากภาวะเครียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นความร้อน
00:12:06 → 00:12:09 ความเย็นหรือสารเคมีพอเรากระตุ้นร่างกาย
00:12:09 → 00:12:11 ด้วยความเย็นแป๊บเดียวนี่แหละครับมันเป็น
00:12:11 → 00:12:14 การส่ง Signal ให้เซลล์ผลิต HSP พวกนี้
00:12:14 → 00:12:15 เพิ่มขึ้น
00:12:15 → 00:12:16 >> เพื่อเตรียมพร้อม
00:12:16 → 00:12:19 >> ใช่ครับเตรียมพร้อมรับมือแล้วก็ซ่อมแซม
00:12:19 → 00:12:21 ความเสียหายเล็กๆน้อยๆก่อนที่มันจะลามไป
00:12:21 → 00:12:25 กันใหญ่ก็เป็นอีกตัวอย่างของการใช้ Hatic
00:12:25 → 00:12:27 Stress เพื่อให้เซลล์แข็งแรงขึ้นแล้วข้อ
00:12:27 → 00:12:31 ดีคือมันปรับใช้ได้ง่ายๆที่บ้านเลยนะแค่
00:12:31 → 00:12:33 ทนเย็นตอนอาบน้ำแป๊บนึง
00:12:33 → 00:12:36 >> โหโหเป็นวิธีที่ดูเหมือนจะง่ายๆนะคะแต่
00:12:36 → 00:12:39 ได้ผลลึกไปถึงระดับโปรตีนในเซลล์เลยต่อ
00:12:39 → 00:12:42 จากเรื่องการกระตุ้นจากภายนอกทั้งออก
00:12:42 → 00:12:45 กำลังทั้งอุณหภูมิมาถึงอีกแนวทางที่น่าสน
00:12:45 → 00:12:48 ใจคือการสร้างความท้าทายจากข้างในร่างกาย
00:12:48 → 00:12:51 เราเองนั่นคือการทำ IF หรือ intermittent
00:12:51 → 00:12:55 fasting ค่ะการอดอาหารเป็นช่วงๆแนะนำที่
00:12:55 → 00:12:58 ความถี่ 4-5 วันต่อสัปดาห์
00:12:58 → 00:13:00 >> IF นี่ผมได้ยินมาว่ามีหลายสูตรหลายวิธี
00:13:00 → 00:13:03 มากเลยครับในข้อมูลที่เราอยู่มีคำแนะนำ
00:13:03 → 00:13:06 มั้ครับว่าควรทำแบบไหนหรือนานแค่ไหน
00:13:06 → 00:13:09 >> เ้ามีตัวอย่างให้เห็นภาพค่ะเช่นกำหนดช่วง
00:13:09 → 00:13:12 เวลากินอาหารอย่างสมมุติว่าเราหยุบกิน
00:13:12 → 00:13:14 หลัง 20:00 น.แล้วก็ไปเริ่มกินมื้อแรกอีก
00:13:15 → 00:13:18 ทีตอน 10:00 น.วันรุ่งนฮึก็อดไปประมาณ 14
00:13:18 → 00:13:22 ชม.ใช่ค่ะประมาณนั้นจุดสำคัญที่ข้อมูล
00:13:22 → 00:13:24 เน้นเกี่ยวกับ IF เนี่ยไม่ใช่แค่เรื่องลด
00:13:24 → 00:13:26 แคลอรี่นะคะแต่เป็นการไปเปิดสวิตช์กระบวน
00:13:27 → 00:13:29 การสำคัญที่เรียกว่า autopegy
00:13:29 → 00:13:32 >> aegy คำนี้ได้ยินบ่อยขึ้นเรื่อยๆเลยนะ
00:13:32 → 00:13:35 ครับในวงการสุขภาพมันคืออะไรหรอครับแล้ว
00:13:35 → 00:13:37 มันสำคัญยังไงกันแน่
00:13:37 → 00:13:41 >> อธิบายง่ายๆนะคะอฟyเนี่ยมันคือระบบกำจัด
00:13:41 → 00:13:44 ขยะและรีไซเคิลของเซลล์เราเอง
00:13:44 → 00:13:46 >> ระบบรีไซเคิลในเซลล์
00:13:46 → 00:13:49 >> ครับผมคือพอเซลล์อยู่ในภาวะที่อดอาหาร
00:13:49 → 00:13:51 หรือขาดสารอาหารชั่วคราวเนี่ยมันจะเริ่ม
00:13:51 → 00:13:54 กระบวนการเก็บกวาดพวกชิ้นส่วนภายในที่
00:13:54 → 00:13:57 เก่าแล้วเสียหายหรือทำงานไม่ดี
00:13:57 → 00:13:58 >> เช่นอะไรบ้างคะ
00:13:58 → 00:14:00 >> ก็เช่นพวกโปรตีนที่เสียรูปไปแล้วหรือ
00:14:00 → 00:14:03 ไมโตฮันเดรียที่เริ่มเสื่อมสภาพมันก็จะ
00:14:03 → 00:14:06 เก็บพวกนี้มาแล้วก็ย่อยสลายเพื่อเอาวัตถุ
00:14:06 → 00:14:08 ดิบกลับไปใช้ใหม่หรือเปลี่ยนเป็นพลังงาน
00:14:08 → 00:14:09 แทน
00:14:09 → 00:14:11 >> โหฉลาดมากเลย
00:14:11 → 00:14:14 >> ใช่ครับสิ่งที่ข้อมูลชี้ให้เห็นคืออทอฟจี
00:14:14 → 00:14:17 นี่ไม่ใช่แค่ผลพลอยได้จากการอดอาหารนะแต่
00:14:17 → 00:14:20 มันคือเป้าหมายหลักที่ทำให้ IF เนี่ยมีผล
00:14:20 → 00:14:23 ต่อการชะลอวัยระดับเซลล์จริงๆเพราะมันคือ
00:14:23 → 00:14:26 การรีซetเซลล์จากข้างในกำจัดของเสียที่
00:14:26 → 00:14:29 อาจจะนำไปสู่โรคหรือความเสื่อมต่างๆได้
00:14:29 → 00:14:32 เหมือนเปิดโอกาสเ้าเซฟได้ทำความสะอาดใหญ่
00:14:32 → 00:14:35 เลยนะคะพอไม่มีพลังงานใหม่เข้ามาก็หันมา
00:14:35 → 00:14:39 จัดการของเก่าข้างในแทนเป็นกลไกที่เอ่อ
00:14:39 → 00:14:42 มหัศจรรย์มากจริงๆค่ะจากการอดอาหารมาสู่
00:14:42 → 00:14:45 การสร้างความแข็งแรงกันบ้างวิธีที่ 4 คือ
00:14:45 → 00:14:47 wight training หรือการฝึกด้วยน้ำหนัก
00:14:47 → 00:14:49 สัปดาห์ 2-3 วัน
00:14:49 → 00:14:51 >> การเล่นเวทนี่ก็เป็นที่นิยมอยู่แล้วนะ
00:14:51 → 00:14:54 ครับแต่ข้อมูลมีมุมมองอะไรที่น่าสนใจ
00:14:54 → 00:14:56 เพิ่มมั้ครับว่าควรจะเน้นส่วนไหนเป็น
00:14:56 → 00:14:59 พิเศษหรือมีอะไรที่แตกต่างไปไหม
00:14:59 → 00:15:02 >> มีค่ะแล้วก็เป็นจุดที่น่าสนใจมากๆด้วยข้อ
00:15:02 → 00:15:04 มูลเน้นเลยนะคะว่าให้ความสำคัญกับการฝึก
00:15:05 → 00:15:07 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆโดยเฉพาะที่ขาและก้น
00:15:07 → 00:15:08 ค่ะ
00:15:08 → 00:15:11 >> เน้นขาและก้นเลยล่ะครับทำไมล่ะครับ
00:15:11 → 00:15:13 >> เขาบอกว่าตรงนั้นน่ะเหมือนเป็นศูนย์กลาง
00:15:14 → 00:15:17 ตอบสนองของฮอร์โมนเลยประโยชน์ที่ตามมาก็
00:15:17 → 00:15:19 คือการสร้างมวลกล้ามเนื้อซึ่งไม่ใช่แค่ทำ
00:15:19 → 00:15:22 ให้เราแข็งแรงขึ้นนะแต่ยังช่วยกระตุ้นการ
00:15:22 → 00:15:25 หลั่งฮอร์โมนสำคัญๆคัญแล้วก็ลดการสะสมไข
00:15:25 → 00:15:26 มันในร่างกายได้ด้วย
00:15:26 → 00:15:29 >> อ๋อการเน้นที่ขาและก้นนี่มันมีความเชื่อม
00:15:29 → 00:15:32 โยงทางชีววิทยาที่น่าสนใจจริงๆครับคือ
00:15:32 → 00:15:35 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆพวกเนี้ยพอเราไปฝึกมัน
00:15:35 → 00:15:37 หนักๆด้วยเight training เนี่ยมันต้องการ
00:15:37 → 00:15:40 พลังงานต้องการการซ่อมแซมเยอะมาก
00:15:40 → 00:15:41 >> ร่างกายก็ต้องตอบสนอง
00:15:41 → 00:15:44 >> ใช่ครับร่างกายจะตอบสนองด้วยการหลังพวกโส
00:15:44 → 00:15:47 ฮอร์โมนแล้วก็ฮอร์โมนเพศอย่างเทสโทสเตโรน
00:15:47 → 00:15:49 คนเพิ่มขึ้นซึ่งฮอร์โมนพวกเนี้ยไม่ได้มี
00:15:49 → 00:15:51 ผลแค่กับกล้ามเนื้อที่เราฝึกนะแต่มันส่ง
00:15:52 → 00:15:55 ผลดีไปทั่วร่างกายเลยทั้งระบบเผาผลาญการ
00:15:55 → 00:15:57 ซ่อมแซมเนื้อเยื่อการควบคุมไขมัน
00:15:57 → 00:15:58 >> โอ้โห
00:15:58 → 00:16:01 >> ครับแล้วก็การมีกล้ามเนื้อเยอะขึ้นโดย
00:16:01 → 00:16:03 เฉพาะมัดใหญ่ๆเนี่ยยังช่วยเพิ่มความไวของ
00:16:03 → 00:16:06 อินซูลินด้วยทำให้ร่างกายเราจัดการกับน้ำ
00:16:06 → 00:16:09 ตาลที่ดีขึ้นลดความเสี่ยงเบาหวานลดไขมัน
00:16:09 → 00:16:10 พอกตับได้อีกด้วย
00:16:10 → 00:16:13 >> เรียกว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆเลยนะ
00:16:13 → 00:16:16 คะฝึกส่วนเดียวแต่ได้ประโยชน์หลายต่อเลย
00:16:16 → 00:16:19 ทั้งกล้ามกล้ามเนื้อฮอร์โมนระบบเผาผลาญมา
00:16:19 → 00:16:22 ถึงแนวทางสุดท้ายกันค่ะข้อที่ 5 คือการ
00:16:22 → 00:16:25 เสริมอาหารระดับเซลล์ข้อมูลแนะนำให้ทาน
00:16:25 → 00:16:26 ทุกวัน
00:16:26 → 00:16:28 >> คำว่าเสริมอาหารระดับเซลล์นี่ฟังดูกว้างๆ
00:16:28 → 00:16:31 นะครับข้อมูลได้เจาะจงไครับว่าหมายถึงสาร
00:16:31 → 00:16:32 อาหารตัวไหนบ้าง
00:16:32 → 00:16:35 >> มีตัวอย่างค่ะที่แหล่งข้อมูลเราดูมาเขายก
00:16:35 → 00:16:39 ตัวอย่างมา 3 ตัวหลักๆเลยคือ NMN หรือ
00:16:39 → 00:16:44 นิโคทีinไมmonโนิวไทดแล้วก็
00:16:44 → 00:16:46 และโคิทenหรือโคอนไซมคูค่ะ
00:16:46 → 00:16:48 >> อ๋อ 3 ตัวนี้
00:16:48 → 00:16:51 >> ใช่ค่ะโดยชี้ว่าสารเหล่านี้เนี่ยมีบทบาท
00:16:51 → 00:16:53 ในการช่วยฟื้นฟูพลังงานในระดับ
00:16:53 → 00:16:54 ไมโตคอนเดรีย
00:16:54 → 00:16:58 >> ไมโตคอนเดรียหรือที่เราชบเปรียบเทียบว่า
00:16:58 → 00:17:01 เป็นโรงไฟฟ้าของเซลล์นั่นเองนะครับ
00:17:01 → 00:17:04 >> ใช่ค่ะโรงไฟฟ้าประจำเซลล์หน้าที่หลักของ
00:17:04 → 00:17:07 มันคือสร้างพลังงาน ATP ให้เซลล์เอาไปใช้
00:17:07 → 00:17:10 ทำกิจกรรมต่างๆซึ่งพอเราอายุมากขึ้นหรือ
00:17:10 → 00:17:12 มีปัจจัยอื่นๆเนี่ยการทำงานของ
00:17:12 → 00:17:14 ไมโตคอนเดรียมันก็อาจจะลดลงซึ่งนี่ก็ถือ
00:17:14 → 00:17:17 เป็นกลไกสำคัญอย่างนึงของความชราเลยนะคะ
00:17:17 → 00:17:19 >> แล้วสารอาหารพวกนี้เข้าไปช่วยยังไงคะ
00:17:19 → 00:17:22 >> ก็อย่าง NMN เนี่ยมันเป็นสารตั้งต้นของ
00:17:22 → 00:17:26 NAD Plus ซึ่ง NAD+ เนี่ยจำเป็นมากๆต่อ
00:17:26 → 00:17:28 กระบวนการสร้างพลังงานในไมโตคอนเดรียแล้ว
00:17:28 → 00:17:32 ก็ปฏิกิริยาซ่อมแซม DNA ด้วยส่วน Respatal
00:17:32 → 00:17:35 กับโคทก็มีส่วนช่วยสนับสนุนการทำงานแล้ว
00:17:35 → 00:17:38 ก็ปกป้องไมโตคอนเดรียจากอนุมูลอิสระ
00:17:38 → 00:17:42 >> ฟังดูดีเลยนะค่ะครับแต่ต้องย้ำตรงนี้
00:17:42 → 00:17:44 หน่อยนะครับว่าอันนี้คือข้อมูลตามที่
00:17:44 → 00:17:47 แหล่งข้อมูลระบุระบุมาประสิทธิผลจริงๆ
00:17:48 → 00:17:50 หรือปริมาณที่เหมาะสมของอาหารเสริมพวกนี้
00:17:50 → 00:17:52 เนี่ยเอ่อมันยังเป็นเรื่องที่ต้องการการ
00:17:52 → 00:17:55 ศึกษาในมนุษย์เพิ่มเติมอยู่นะครับการจะ
00:17:55 → 00:17:58 ตัดสินใจใช้ก็ควรจะพิจารณาให้รอบคอบหรือ
00:17:58 → 00:18:00 อาจจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพด้วยก็
00:18:00 → 00:18:01 ดีครับ
00:18:01 → 00:18:05 >> ค่ะเป็นข้อควรระวังที่สำคัญเลยนะคะแต่ก็
00:18:05 → 00:18:08 เป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสารอาหารที่
00:18:08 → 00:18:11 อาจจะเข้าไปช่วยสนับสนุนการทำงานของโรงไฟ
00:18:11 → 00:18:15 ฟ้าในเซลล์เราได้พอจะมองเห็นภาพรวมของ
00:18:15 → 00:18:18 ทั้ง 5 แนวทางแล้วนะคะทั้งหมดนี้ดูเหมือน
00:18:18 → 00:18:20 จะเชื่อมโยงกันด้วยหลักการอะไรบางอย่าง
00:18:20 → 00:18:21 อยู่
00:18:21 → 00:18:24 >> ใช่เลยครับถ้าเรามองภาพรูมทั้ง 5 วิธีนี้
00:18:24 → 00:18:28 ตั้งแต่ฮิต II อาบน้ำเย็นทำ IF เล่นเวทขา
00:18:28 → 00:18:30 ก้นไปจนถึงการเสริมอาหารที่อาจจะช่วย
00:18:30 → 00:18:33 ไมโตคอนียได้เนี่ยทั้งหมดมันอยู่ภายใต้
00:18:33 → 00:18:36 ร่มใหญ่เดียวกันเลยคือแนวคิด Hedic
00:18:36 → 00:18:38 Stress ที่เราคุยกันตอนแรก
00:18:38 → 00:18:40 >> อ๋อกลับไปที่จุดเริ่มต้น
00:18:40 → 00:18:43 >> ครับคือการที่เราจงใจพาตัวเองไปเจอความ
00:18:43 → 00:18:47 ท้าทายที่ร่างกายพอรับไหวจัดการได้
00:18:47 → 00:18:52 Managาย
00:18:52 → 00:18:56 จากการออกแรงอุณหภูมิการอดอาหารชั่วคราว
00:18:56 → 00:18:58 หรือการฝึกกล้ามเนื้อเพื่อไปกระตุ้นให้
00:18:58 → 00:19:01 กลไกซ่อมแซมฟื้นฟูปกป้องเซลล์ตามธรรมชาติ
00:19:01 → 00:19:03 ของเราเนี่ยทำงานได้ดีขึ้น
00:19:03 → 00:19:07 >> งั้นก็สรุปได้ว่าหัวใจสำคัญอาจจะไม่ได้
00:19:07 → 00:19:09 อยู่ที่การทำอะไรที่มันหนักหนาสาหัสแบบ
00:19:09 → 00:19:12 สุดๆไปเลยแต่เป็นการสร้างความท้าทายเล็กๆ
00:19:12 → 00:19:15 ที่สม่ำเสมอเพื่อปลุกระบบซ่อมแซมภายใน
00:19:15 → 00:19:18 ร่างกายให้ตื่นตัวอยู่เสมอซึ่งก็น่าจะส่ง
00:19:18 → 00:19:21 ผลดีต่อสุขภาพและอาจจะชะลอวัยในระยะยาว
00:19:21 → 00:19:24 ได้ถูกต้องเลยครับเป็นการเปลี่ยนมุมมอง
00:19:24 → 00:19:26 นิดหน่อยจากที่เคยคิดว่าต้องหลีกเลี่ยง
00:19:26 → 00:19:28 ความเครียดทุกอย่างมาเป็นการรู้จักเลือก
00:19:28 → 00:19:31 ใช้ความเครียดที่ดีในปริมาณที่พอเหมาะ
00:19:31 → 00:19:33 เพื่อกระตุ้นร่างกายเรานั่นเอง
00:19:33 → 00:19:35 >> วันนี้ได้ความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนมากๆ
00:19:35 → 00:19:36 เลยค่ะขอบคุณมากนะคะ
00:19:36 → 00:19:39 >> ยินดีครับแล้วจากที่เราคุยกันวันนี้เนี่ย
00:19:39 → 00:19:42 มันก็มีประเด็นที่น่าสนใจให้เราคิดต่อยอด
00:19:42 → 00:19:44 จากข้อมูลเหล่านี้ได้เหมือนกันนะครับ
00:19:44 → 00:19:45 >> เช่นอะไรบ้างคะ
00:19:45 → 00:19:50 >> ก็อย่างเช่นเอ่อเราจะหาจุดที่มันพอดีหรือ
00:19:50 → 00:19:52 sweet spot ของความท้าทายพวกนี้ได้ยัง
00:19:52 → 00:19:55 ไงที่มันเหมาะกับร่างกายสภาพร่างกายของ
00:19:55 → 00:19:58 แต่ละคนจริงๆอ่ะครับทำยังไงให้มั่นใจว่า
00:19:58 → 00:20:01 เรากำลังกระตุ้นการซ่อมแซมอยู่ไม่ใช่ผลัก
00:20:01 → 00:20:03 ดันร่างกายหนักไปจนกลายเป็นเครียดเรื้อ
00:20:03 → 00:20:06 รังแทนอันนี้ก็น่าคิดนะ
00:20:06 → 00:20:09 >> นั่นสิคะความพอดีของแต่ละคนคมไม่เท่ากัน
00:20:09 → 00:20:12 แล้วก็อาจจะเปลี่ยนไปตามอายุหรือสุขภาพ
00:20:12 → 00:20:12 ด้วย
00:20:12 → 00:20:16 >> ใช่ครับหรืออีกมุมนึงที่น่าคิดก็คือการ
00:20:16 → 00:20:19 ที่เรามีความเข้าใจในกลไกพวกนี้มากขึ้น
00:20:19 → 00:20:21 ทั้ง hormatic stressy
00:20:21 → 00:20:24 หรือเรื่องไมโตคอนเนี่ยมันเหมือนกับว่า
00:20:24 → 00:20:26 เราได้เครื่องมือหรือได้อำนาจอะไรบาง
00:20:26 → 00:20:29 อย่างมาในการที่จะเข้าไปจัดการหรือมีส่วน
00:20:29 → 00:20:31 ร่วมกับกระบวนการชราภาพของตัวเองอย่างมี
00:20:31 → 00:20:32 สติมากขึ้น
00:20:32 → 00:20:35 >> ไม่ได้มองเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
00:20:35 → 00:20:37 >> ครับแทนที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตาม
00:20:37 → 00:20:40 ธรรมชาติอย่างเดียวการมีความรู้นี้มันอาจ
00:20:40 → 00:20:43 จะเปลี่ยนวิธีที่เราวางแผนดูแลสุขภาพใน
00:20:43 → 00:20:45 ระยะยาวไปเลยก็ได้นะครับเป็นคำถามที่น่า
00:20:45 → 00:20:48 สนใจให้เราเก็บไปคิดต่อได้ครับ
00:20:48 → 00:21:06 [เพลง]