00:00:04 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:24 [เพลง]
00:00:24 → 00:00:26 ในวันนี้รายการเล็กๆเปลี่ยนโลกเดินทางมา
00:00:26 → 00:00:30 ยังโรงพยาบาลศิริราชณโถงชั้น 1 อาคาร 100
00:00:30 → 00:00:33 ปีสมเด็จพระศรีนครินทร์เพื่อเข้าร่วมใน
00:00:33 → 00:00:36 นิทรรศการให้ความรู้แก่ประชาชนซึ่งจัด
00:00:36 → 00:00:38 ขึ้นโดยสาขาวิชาโรกภูมิแพ้และ
00:00:38 → 00:00:42 อิมมูโนวิทยาภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะ
00:00:42 → 00:00:45 แพทยศาสตร์ศิราชพยาบาลซึ่งครั้งนี้เป็น
00:00:45 → 00:00:48 การจัดเพื่อให้ความรู้ในหัวข้อเรื่องโรค
00:00:48 → 00:00:51 ฮิตสุดฮอตโรคแพ้อาหารซึ่งภายในงานมีการ
00:00:51 → 00:00:54 จัดบอดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการ
00:00:54 → 00:00:58 แพ้อาหารชนิดต่างๆการออกร้านอาหารและขนม
00:00:58 → 00:01:01 สำหรับผู้ป่วยโรคแพ้อาหารและการสาธิตวิธี
00:01:01 → 00:01:05 ทำขนมสำหรับผู้แพ้อาหารแล้วทำไมโรคนี้จึง
00:01:05 → 00:01:08 มีความน่าสนใจและโรคนี้กลายมาเป็นโรคยอด
00:01:08 → 00:01:11 ฮิตกันได้อย่างไรเรามาฟังกันครับโครงการ
00:01:11 → 00:01:17 นี้คือโครงการเโรคฮิตสุดฮอตโรคแพ้อาหาร
00:01:17 → 00:01:21 เอ่อเป็นดำริของหน่วยโรคภูมิแพ้และ
00:01:21 → 00:01:25 อิมมูโนวิทยาภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะ
00:01:25 → 00:01:29 แพทยศาสตร์ศิริราชพยูปาเอ่อด้วยเหตุผลที่
00:01:29 → 00:01:36 ว่าเอ่อโรคภูมิแพ้เอ่ออาหารเป็นโรคซึ่งพบ
00:01:36 → 00:01:40 มากขึ้นเอ่อทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกและ
00:01:40 → 00:01:44 เนื่องจากว่าเอ่อในในสังคมไทยปัจจุบัน
00:01:44 → 00:01:48 เนี่ยเอ่อ Social Network เนี่ยเอ่อการ
00:01:48 → 00:01:52 เ่อส่งข่าวสารก็เท่าที่เห็นก็ยังไม่ค่อย
00:01:52 → 00:01:56 จะถูกต้องนักด้วยด้วยเหตุผลนั้นเอ่อหน่วย
00:01:56 → 00:01:59 ลบคุมแพ้จึงได้จัดนิทรรศการเอ่อเพื่อ
00:01:59 → 00:02:02 เพื่อประชาชนที่จะได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ
00:02:02 → 00:02:06 โรคแพ้อาหารเพื่อที่จะได้เมีความรู้ที่
00:02:06 → 00:02:10 ถูกต้องในการรักษาพยาบาลครับการแพ้สาร
00:02:10 → 00:02:14 อาหารนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรเราจะมีส่วน
00:02:14 → 00:02:17 ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายได้อย่างไรและ
00:02:18 → 00:02:20 กิจกรรมในวันนี้เป็นกิจกรรมที่จะเกิด
00:02:20 → 00:02:24 ประโยชน์มากไม่เพียงเฉพาะนักวิชาการคือ
00:02:24 → 00:02:27 คณาจารย์ในคณะแพทยศาสตร์เสรพยาบาลโดย
00:02:27 → 00:02:29 เฉพาะอย่างยิ่งจากภาควิชากุมาวิทยศาสตร์
00:02:29 → 00:02:32 จะไม่ให้ความรู้กับทุกท่านที่เข้าร่วม
00:02:32 → 00:02:35 กิจกรรมในวันนี้เท่านั้นแต่ในวันนี้
00:02:35 → 00:02:39 ประโยชน์จะเกิดขึ้นหากท่านผู้ปกครองหรือ
00:02:39 → 00:02:42 ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ได้มาแลก
00:02:42 → 00:02:43 เปลี่ยน
00:02:43 → 00:02:46 ประสบการณ์มีอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นอาจ
00:02:46 → 00:02:49 จะเป็นตัวบ่งว่ากำลังจะเกิดอันตรายจากโรค
00:02:49 → 00:02:54 แพ้อาหารโดยที่คนที่ไม่ทราบก็อาจจะไม่รู้
00:02:54 → 00:02:57 จนกระทั่งเกิดอาการรุนแรงแล้วแก้ไม่ดึง
00:02:57 → 00:03:00 ไม่กลับกลับมาเพราะฉะนั้นกิจกรรมวันนี้
00:03:00 → 00:03:03 เนี่ยก็อยากจะให้เป็นกิจกรรมที่เกิดจาก
00:03:03 → 00:03:06 การสื่อสาร 2 ด้านนอกจากวิทยากรมาให้ความ
00:03:06 → 00:03:09 รู้ทั้งในส่วนของการบรรยายกับส่วนที่เป็น
00:03:09 → 00:03:12 นิทรรศการอยู่รอบๆพื้นที่แห่งนี้กิจกรรม
00:03:12 → 00:03:14 นี้จะเกิดประโยชน์หากเกิดการแลกเปลี่ยน
00:03:15 → 00:03:19 ประสบการณ์กันปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว
00:03:19 → 00:03:22 ที่ท่านประสบพบลองมาเล่าสู่กันฟัง
00:03:22 → 00:03:25 คณาจารย์จากศีระซึ่งมีประสบการณ์ก็จะชี้
00:03:25 → 00:03:28 แจงแนวทางการป้องกันและแก้ไขให้ขณะเดียว
00:03:28 → 00:03:32 กันแนวทางเหล่านั้นก็จะถูกถ่ายทอดต่อให้
00:03:32 → 00:03:34 กับผู้อื่นที่เข้ามาร่วมกิจกรรมในวันนี้
00:03:34 → 00:03:37 ซึ่งยังไม่เคยเจอประสบการณ์เหล่านั้นได้
00:03:37 → 00:03:39 รับทราบก่อนล่วงหน้าจะได้ช่วยป้องกันไม่
00:03:39 → 00:03:42 ให้เกิดอันตรายขึ้นโรคแพ้อาหารเนี่ยนะ
00:03:42 → 00:03:47 เอ่อมันเป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้นะครับแล้ว
00:03:47 → 00:03:51 โรคโรคภูมิแพ้อื่นๆได้แก่โรคอะไรบ้างเอ่อ
00:03:51 → 00:03:54 โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบซึ่งพเดี๋ยว
00:03:54 → 00:03:58 พวกเราจะได้ค่อยๆรู้จักมันไปนะครับโรค
00:03:58 → 00:04:03 จมูกอักเสบเอ่อจากการแพ้ซึ่งปัจจุบันมัก
00:04:03 → 00:04:05 จะเรียกว่าโรคแพ้อากาศนะฮะ
00:04:05 → 00:04:09 เอ่อแล้วก็บางครั้งเกลายเป็นโรคหวัดเรื
00:04:09 → 00:04:15 รังไซนัสอักเสบได้นะครับแล้วก็โรคหอผืดนะ
00:04:15 → 00:04:18 ฮะและอีกอันนึงซึ่งเราไม่ค่อยรู้จักนัก
00:04:18 → 00:04:22 คือโรคภูมิแพ้ทั่วตัวนะครับคือแพ้ทุก
00:04:22 → 00:04:25 อย่างเลยทั่วตัวนะซึ่งเ่ออันนี้เนี่ยมา
00:04:25 → 00:04:28 เกี่ยวข้องกับเรื่องโรคแพ้อาหารเป็นอย่าง
00:04:28 → 00:04:32 ยิ่งเพราะว่าเวลาแพ้อาหารเนี่ยมักจะเกิด
00:04:32 → 00:04:36 มากกว่า 1 ระบบนะครับอันการแพ้แบบนี้เรา
00:04:36 → 00:04:38 เรียกว่า
00:04:38 → 00:04:42 analis นะครับซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ได้
00:04:42 → 00:04:44 บัญญัติศัพท์กันขึ้นมาดังนั้นเราก็เลย
00:04:45 → 00:04:46 เรียกมันว่า
00:04:46 → 00:04:49 anis นะครับโรคภูมิแพ้เนี่ยมันเกิดได้
00:04:49 → 00:04:52 อย่างไรเนี่ยนะครับอันนี้เนี่ยผมอยากจะมา
00:04:52 → 00:04:56 ไขปัญหานี้ให้เราฟังนะครับคือในร่างกาย
00:04:56 → 00:04:59 เราเนี่ยนะครับมีภูมิคุ้มกันอยู่ในเลือด
00:04:59 → 00:05:04 เนี่ยหลายๆชนิดเลยนะโดยที่ภูมิคุ้มกันแต่
00:05:04 → 00:05:09 ละชนิดก็ทำงานต่างกันออกไปแต่มีภูมิคุ้ม
00:05:09 → 00:05:12 กันอันหนึ่งนะครับซึ่งร่างกายเราสร้างเอา
00:05:12 → 00:05:17 ไว้สำหรับเอ่อต่อสู้พยาธนะครับซึ่งเอ่อ
00:05:17 → 00:05:20 ภูมกันอันนี้เราเรียกว่า IG
00:05:21 → 00:05:26 IG นะครับ IG เนี่ยเอ่อปกติเนี่ยมันจะ
00:05:26 → 00:05:31 มองพยาธครับเนี่ย IG ในรูปเนี้ยพวกเรา
00:05:31 → 00:05:35 เห็นมครับเนี่ยเป็นรูปตัว y เห็นมครับนะ
00:05:35 → 00:05:38 ตัว y แล้วตัว y เนี่ยมันยังจับอยู่บน
00:05:38 → 00:05:42 เซลล์เม็ดเลดขาวพิเศษซึ่งเราเรียกว่า M
00:05:42 → 00:05:46 cells นะครับแล้วใน Mass cells เนี่ย
00:05:46 → 00:05:49 มันสร้างมาเพื่ออะไรเพราะว่าใน mas Cell
00:05:49 → 00:05:52 เนี่ยมันจะสร้างมาเพื่อที่จะสร้างสารค
00:05:52 → 00:05:57 เคมีออกมาทำลายพยาธทำให้เกิดการอักเสบนะ
00:05:57 → 00:06:00 ครับซึ่งพอพยาธเนี่ยเเข้า
00:06:00 → 00:06:04 มาจับกับภูมิตัวเนี้ย IG เนี่ยมันก็เลยทำ
00:06:05 → 00:06:09 ให้สารเคมีพวกเนี้ยในแซเนี่ยหลังออกมานะ
00:06:09 → 00:06:14 ครับหลังออกมาทำให้เกิดผิวหนังบวมแดงร้อน
00:06:14 → 00:06:17 นะครับมันเป็นปฏิกิริยาของร่างกายเพราะ
00:06:17 → 00:06:21 อะไรเพราะว่าสารเคมีที่ถูกหลั่งออกมา
00:06:21 → 00:06:25 เนี่ยนะครับมันเป็นสารเคมีที่เอ่อทำให้
00:06:25 → 00:06:28 เส้นเลือดขยายตัวเม็ดเลือดขาววิ่งออกมา
00:06:28 → 00:06:31 แล้วก็เป็นสารที่มีท็อกซิกกับพยาธเป็น
00:06:31 → 00:06:34 อย่างมากนะครับแต่ตอนนี้เนี่ยมันมาเกี่ยว
00:06:34 → 00:06:38 อะไรกับภูมิแพ้มันเกี่ยวกับที่ว่าเอ่อไอ้
00:06:38 → 00:06:42 ตัวเนี้ไอจีเนี่ยในคนไข้ที่เป็นภูมิแพ้
00:06:42 → 00:06:46 เขาไม่ได้สร้างต่อพยาธิแต่เขสร้างต่อาร
00:06:47 → 00:06:50 แพ้เพราะฉะนั้นพอสารแพ้เข้าไปในร่างกาย
00:06:50 → 00:06:52 เนี่ยมันก็จะเกิดปฏิกิริยาเหมือนกับพยาธิ
00:06:53 → 00:06:55 เนี่ยล่ะครับยกตัวอย่างเช่นอันนี้นะครับ
00:06:56 → 00:06:59 เนี่ยสารแพ้เข้ามาจับกับเซลล์พิเศษอันนี้
00:06:59 → 00:07:03 หลั่งสารเคมีสารเคมีพวกเนี้ยจะทำให้จมูก
00:07:03 → 00:07:07 เนี่ยบวมกระตุ้นเส้นประสาททำให้จามนะครับ
00:07:07 → 00:07:11 ในกรณีนี้ก็คือจมูกอักเสบจากภุมแพ้นั่น
00:07:11 → 00:07:16 เองแต่ถ้าเป็นโรคแพ้อาหารล่ะนะครับโรคแพ้
00:07:16 → 00:07:20 อาหารเนี่ยมันจะเกิดจากอาหารซึ่งเอคน
00:07:20 → 00:07:23 กลุ่มหนึ่งเนี่ยเขารับประทานแล้วเมี
00:07:23 → 00:07:26 ปฏิกิริยาลนะครับ
00:07:26 → 00:07:30 เอ่อจำนวนคนกลุ่มนั้นเนี่ยก็จะมีประมาณ
00:07:30 → 00:07:36 สัก 1 ถึง 4% ของ population นะครับนะ
00:07:36 → 00:07:40 แล้วก็อาหารที่เข้าแพ้กันบ่อยๆเนี่ยเอ่อ
00:07:40 → 00:07:42 ทางแพทย์เราเนี่ยจริงๆเราแบ่งเป็น 6
00:07:42 → 00:07:46 อย่างนะครับแต่ถ้าถ้าเราไปดูตามเว็บไซต์
00:07:46 → 00:07:49 เนี่ยเขาจะแบ่งออกเป็น 8 อย่างดังนั้นก็
00:07:49 → 00:07:53 เลยเอา 8 ชนิดเนี่ยมาให้ดูนะครับที่สำคัญ
00:07:53 → 00:07:58 สำคัญคือแพ้นมแพ้ไข่แล้วก็แพ้แพ้ถั่ว
00:07:59 → 00:08:03 เหลืองแพ้แป้งสาลีแพ้อาหารทะเลซึ่งอาหาร
00:08:03 → 00:08:06 ทะเลี่ยังแบ่งออกเป็น 2 อย่างนะครับคือ
00:08:06 → 00:08:09 ปลาและปลาที่มีเปลือกปลาที่มีเปลือกนี่
00:08:09 → 00:08:13 คืออะไรคือกุ้งหอยปูนั่นเองนะครับนะแล้ว
00:08:13 → 00:08:17 ก็ถั่วลิสงนะฮครับและอันสุดท้ายก็ถั่วจาก
00:08:17 → 00:08:21 พืชยืนต้นเช่นมะม่วงหิมพานต์เป็นต้นนนะ
00:08:21 → 00:08:25 ครับในอาหาร 8 อย่างเนี่ยนะอาหารที่สำคัญ
00:08:25 → 00:08:28 มากๆสำหรับตะวันตกเนี่ยนะครับประเทศทาง
00:08:28 → 00:08:32 ตะวันตกคือนมกับไข่นะครับประเทศไทยเราก็
00:08:32 → 00:08:34 มีปัญหาอย่างนั้นเหมือนกันแต่ตอนหลังๆ
00:08:34 → 00:08:37 เนี่ยเราสังเกตเห็นว่าคนไข้ของเราเนี่ย
00:08:37 → 00:08:41 แพ้แป้งสาลีเนี่ยมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ
00:08:41 → 00:08:45 สำหรับเอ่อคนที่มีอายุแล้วแล้วเนี่ยที่
00:08:45 → 00:08:48 ที่เขายังแพ้อยู่เนี่ยส่วนใหญ่เขาจะแพ้
00:08:49 → 00:08:53 แพ้อาหารทะเลที่มีเปลือก shellfish นะ
00:08:53 → 00:08:56 ครับสำหรับต่างประเทศแล้วเนี่ยนะครับสิ่ง
00:08:56 → 00:09:00 ที่แพ้มากและรุนแรงที่สุดในคือทิสงตอนนี้
00:09:00 → 00:09:03 เราทราบะว่าการแพ้อาหารเนี่ยเกิดจาก
00:09:03 → 00:09:09 ปฏิกิริยาภูมิแพ้กับสารแพ้เม็ดเลือดขาว
00:09:09 → 00:09:12 ที่เอาไว้อวัยวะต่างๆในกรณีวันนี้คือ
00:09:13 → 00:09:16 อาหารใช่มครับทำไมเราถึงแพ้อาหารเพราะว่า
00:09:16 → 00:09:19 อาหารนี่จริงๆคือสิ่งแปลกปลอมทั้งนั้นน่ะ
00:09:19 → 00:09:22 นะฮะเวลาที่เรารับประทานอาหารแปลกๆเข้าไป
00:09:22 → 00:09:26 เี่ร่างกายเราจะต้องสามารถที่จะทำให้ร่าง
00:09:26 → 00:09:29 กายนี้ไม่ไม่มีปฏิกิริยาต่ออ่าสารอาสาร
00:09:29 → 00:09:32 อาหารนั้นๆเอ่อแต่ในขณะเดียวกันคนบางคน
00:09:33 → 00:09:36 เนี่ยเคเยังรับอันนั้นไม่ได้เร็วเพียงพอ
00:09:36 → 00:09:40 นะครับซึ่งก็อย่างที่เราคาดกันเพราะว่า
00:09:40 → 00:09:44 อาหารเนี่ยค่อยๆที่จะเอ่อถูกลำเลียงไปให้
00:09:44 → 00:09:48 เด็กๆเข้าไปเรื่อยๆใช่มั้ครับนะเอ่อการ
00:09:48 → 00:09:52 ที่เด็กรับประทานอาหารชนิดแปลกชนิดออกไป
00:09:52 → 00:09:56 ในช่วงขวบ 2 ขวบปีแรกก็เลยทำให้การแพ้
00:09:56 → 00:10:00 อาหารเนี่ยพบบ่อยในเด็กอายุขวบ 2 ขวบปี
00:10:00 → 00:10:04 แรกมากที่สุดนะครับแล้วอาการพวกเนี้ยจะ
00:10:04 → 00:10:07 เกิดกับระบบไหนเนี่ยของร่างกายเนี่ยนะ
00:10:07 → 00:10:10 ครับก็เกิดขึ้นได้ 4 ระบบด้วยกันคือผิว
00:10:10 → 00:10:15 หนังระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจ
00:10:15 → 00:10:19 ระบบไหลเวียนโลหิตนะครับยกอย่างเช่นในรูป
00:10:19 → 00:10:21 นี้เนี่ยนะครับพอเด็กพอรับประทานไปก็ปาก
00:10:21 → 00:10:25 บวมเลยนะครับและหลังจากที่เอ่ออาหารเนี่ย
00:10:25 → 00:10:29 มันดูดซึมไปทั่วร่างกายเขาก็เกิดลมพิษ
00:10:29 → 00:10:33 ขึ้นทั่วตัวนะครับแต่จริงๆแล้วมักจะเอ่อ
00:10:33 → 00:10:37 นำมาด้วยเอ่อโลคทางระบบทางเดินอาหารนะ
00:10:37 → 00:10:40 ครับเพราะว่าที่นั่นน่ะมีเม็ดเลดขาวกับมี
00:10:40 → 00:10:45 ภูมิแพ้เยอะนะพอสารเคมีพวกนั้นน่ะหลั่ง
00:10:45 → 00:10:48 ออกมาก็จะทำให้เกิดการปวดท้อง
00:10:48 → 00:10:52 อาเจียนนะครับและถ่ายเลวนะและหลังจากนั้น
00:10:52 → 00:10:57 พอพอสารแพ้ถูกกระจายไปทั่วทั่ตัวเนี่ย
00:10:57 → 00:11:00 เช่นที่หลอดลมเนี่ยก็ทำให้คุณไ่หอบหายใจ
00:11:00 → 00:11:04 ไม่ออกนะครับแลลมพิษอย่างที่บอกนะครับบาง
00:11:04 → 00:11:06 ครั้งเนี่ย
00:11:06 → 00:11:10 เอ่อเส้นเลือดทั่วตัวเนี่ยจะขยายพอขยาย
00:11:10 → 00:11:13 ปั๊บเนี่ยความดันโลหิตก็ตกแลทำให้คนไข้
00:11:13 → 00:11:17 ช็อกได้ครับและอย่างที่ตะกี้นี้เล่าให้
00:11:17 → 00:11:20 ฟังน่ะว่าถ้าอาการหลายๆระบบเกิดร่วมกัน
00:11:20 → 00:11:23 เนี่ยฮะนะคนไข้จะมีอาการหลายอย่างร่วมกัน
00:11:23 → 00:11:24 เราเรียกว่า
00:11:24 → 00:11:29 analis นะครับนะซึ่งเอ่อคนไข้จะสิเสีย
00:11:29 → 00:11:32 ชีวิตได้จาก anaphylaxis เนี่ยถ้ารักษา
00:11:32 → 00:11:36 ไม่ทันทงทีนะครับอันนี้ก็เป็นลักษณะของ
00:11:36 → 00:11:40 เด็กที่มีผื่นภูมิแพ้ผิวหนังซึ่งที่เรา
00:11:40 → 00:11:44 เรียกว่าเอ่อ ema หรือ atopic dermatitis
00:11:44 → 00:11:48 นะครับนะซึ่งเอ่อในกลุ่มพวกเนี้ยถ้าเขามี
00:11:48 → 00:11:53 อาการมากๆนะเอ่อโดยเฉพาะเองที่หน้าตามตัว
00:11:53 → 00:11:56 มักจะแพ้อาหารและอาหารที่เมักจะแพ้ก็คือ
00:11:56 → 00:12:00 ไข่แล้วก็นมนะครับเนี่ยเ่าในรูปนี้จะชี้
00:12:00 → 00:12:03 ให้เห็นว่าเด็กพวกเนี้ยเขาอาจจะมีผืนตั้ง
00:12:03 → 00:12:07 แต่อายุน้อยๆจนกระทั่งไปโตจนหรือกระทั่ง
00:12:07 → 00:12:10 เป็นผู้ใหญ่ก็ยังมีนะฮะผู้ใหญ่นี่เข้ามา
00:12:10 → 00:12:15 จะมีผืนที่หน้าผากนะที่แก้มนะครับบางคน
00:12:15 → 00:12:18 เนี่ยเอ่ออย่างที่ว่าเนี่ยฮะเขาเป็นโรค
00:12:18 → 00:12:21 หืดร่วมด้วยพอสารเคมีพวกนั้นมันถูกหลั่ง
00:12:21 → 00:12:25 ออกมาเนี่ยก็จะทำให้ปลอดลมตีบแล้วก็หายใจ
00:12:25 → 00:12:29 หายใจไม่ออกนะมีเสียงวดนะครับแล้วพอหายใจ
00:12:29 → 00:12:33 ไม่ออกมากๆก็จะหายใจไม่เข้าด้วยนะนะครับ
00:12:33 → 00:12:37 อันนี้เป็นลักษณะของหลอดลมในยามที่มี
00:12:37 → 00:12:41 อาการและหลอดลมตอนที่ขยายแล้วซึ่งโลกพวก
00:12:41 → 00:12:44 นี้ฮะมันคาบเกี่ยวกันนะครับยกตัวอย่าง
00:12:44 → 00:12:48 เช่นในในกราฟอันนี้นะครับว่าในในตอนคลอด
00:12:48 → 00:12:52 มาแรกๆเนี่ยอาจจะมีผื่นที่เป็นเอ่อ exim
00:12:52 → 00:12:55 หรือ atopic dermatitis แล้วสักพักเนี่
00:12:55 → 00:12:58 ก็เกิดการแพ้อาหารแล้วในที่สุดคนไข้ก็จะ
00:12:58 → 00:12:59 เกิด
00:12:59 → 00:13:04 ris คือจมูกอักเสบแล้วก็เป็นห่อผืดนะแต่
00:13:04 → 00:13:07 ไม่จำเป็นทุกคนนะครับถ้ารักษาดีๆเรา
00:13:07 → 00:13:11 สามารถที่จะหยุดการการดำเนินของโลกพวกนี้
00:13:11 → 00:13:16 ได้นะครับซึ่งการรักษาเนี่ยเอ่อความสำคัญ
00:13:16 → 00:13:20 ที่สุดคือต้องวินิจฉัยให้ถูกต้องนะฮะซึ่ง
00:13:20 → 00:13:24 เอ่อคุณพ่อคุณแม่สามารถจะวินิจฉัยได้มถ้า
00:13:24 → 00:13:29 คนที่สังเกตดีๆนะครับแล้วก็มีอาการอย่าง
00:13:29 → 00:13:33 ที่ที่ผมเล่าให้ฟังตะกี้เนี่ยเ่อส่วนใหญ่
00:13:33 → 00:13:37 จะวินิจฉัยได้แน่นอนเลยยกอย่างเช่นเด็ก 4
00:13:37 → 00:13:41 เดือนที่เราเริ่มให้รับประทานเอ่อซีเรียล
00:13:41 → 00:13:45 นะครับไปสักคำนึงเนี่ยนะเขาจะมีผืนขึ้น
00:13:45 → 00:13:49 ทั้งตัวนะครับเอ่อแล้วก็เอ่อบางคนน่ะ
00:13:49 → 00:13:53 เจียนเลยพอกินปั๊บเขจะอ้วกอมาเลยนะเอ่อ
00:13:54 → 00:13:57 อันนั้นเนี่ยการวินิจฉัยเป็นไปได้ค่อน
00:13:57 → 00:14:01 ข้างแน่นอนในระดับพ่อแม่นะครับแต่อย่างไร
00:14:01 → 00:14:04 ก็ดีผมผมก็ยังเห็นว่าถ้าคนไข้มีอาการ
00:14:04 → 00:14:09 อย่างนั้นเนี่ยผมว่าเ่อเราสมควรที่จะเอ่อ
00:14:09 → 00:14:14 เอาเเข้ามาตรวจให้ให้ทราบแน่นอนอีกทีนะ
00:14:14 → 00:14:18 ครับโดยการเทสเช่นเอ่อการเทสสะกิดทางผิว
00:14:18 → 00:14:22 หนังเราสกัดสารอาหารแล้วก็สะกิดดูว่าเอ่อ
00:14:22 → 00:14:25 คนไข้แพ้หรือเปล่านะครับหรือเราอาจจะเจาะ
00:14:26 → 00:14:30 เลือดนะครับเราอาจเจาะเลือดเอ่อเอไปตรวจ
00:14:30 → 00:14:34 IG นะครับ IG นะครับเอ่อการรักษาเนี่ย
00:14:34 → 00:14:38 ปัจจุบันเนี่ยเราเราแนะนำให้เลี่ยงเลี่ยง
00:14:38 → 00:14:42 ไปก่อนโอเคในในกรณีที่แพ้แล้วนะครับนะ
00:14:42 → 00:14:47 เลี่ยงไปก่อนนะครับเอ่อซึ่งเลี่ยงไปนาน
00:14:47 → 00:14:51 เท่าไหร่เนี่ยเอ่อเราเรามีตัวเลขว่านม
00:14:51 → 00:14:55 เนี่ยเควรจะหายตอนอายุเท่าไหร่ไข่เควรจะ
00:14:55 → 00:14:58 หายตอนอายุเท่าไหร่ส่วนส่วนใหญ่แล้วมันจะ
00:14:58 → 00:15:02 เป็นประมาณสัก 7 5-7 ปีขึ้นไปะนะครับ
00:15:02 → 00:15:07 เอ่อแต่แป้งสาลีเนี่ยมันค่อนข้างจะยาวนาน
00:15:07 → 00:15:11 แต่ในขณะเดียวกันคนไข้ที่แพ้นม 100 คน
00:15:11 → 00:15:15 เนี่ยย่อมแพ้ไม่เหมือนกันถูกต้องมครับ
00:15:15 → 00:15:17 เพราะว่าไม่งั้นมนุษย์หน้าตาเราจะแตกต่าง
00:15:17 → 00:15:20 กันออกไปได้ยังไงใช่ไหมครับดังนั้นเนี่ย
00:15:20 → 00:15:25 คนไข้คนที่ 1 อาจจะแพ้มากเลยมีระดับ IG
00:15:25 → 00:15:30 เป็นพันเลยนะในขนาดคนไข้ที่ 2 เนี่ยมี
00:15:30 → 00:15:34 ระดับ IG อยู่ที่ 10 เท่านั้นเองเพราะ
00:15:34 → 00:15:36 ฉะนั้นเนี่ยคนไข้คนที่ 1 หรือคนที่ 2 มัก
00:15:36 → 00:15:40 จะหายเร็วกว่ากันครับคนที่ 2 แน่นอนใช่
00:15:40 → 00:15:43 ไหมครับนะอันอันนั้นเนี่ยเราใช้ระดับ IG
00:15:44 → 00:15:48 เป็นตัวตัวเ่อบ่งชี้ว่าเขาจะหายหรือเปล่า
00:15:48 → 00:15:52 แล้วเราเมื่อไหร่เขาจะหายเนี่ยเราก็นำคน
00:15:52 → 00:15:54 ไข้เข้ามาในโรงพยาบาลแล้วก็ลองให้เรับ
00:15:54 → 00:15:57 ประทานนะครับแล้วแล้วเราก็ทราบว่าเขาหาย
00:15:57 → 00:16:00 หือยังนะครับหลักใหญ่ในการรักษาโรคแพร่
00:16:00 → 00:16:04 อาหารเนะฮะคือการหลีกเลี่ยงนะครับนี้เ่อ
00:16:04 → 00:16:08 การหลีกเลี่ยงเนี่ยคนไข้ก็จะกินสะเปะสะปะ
00:16:08 → 00:16:12 ไม่ได้ใช่มครับเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อถ้าเ
00:16:12 → 00:16:13 เลี่ยงเนี่ยนะครับ
00:16:13 → 00:16:19 เอ่อปัญหานี้จะลดลดลงมากโอเคนะครับแต่ท
00:16:19 → 00:16:23 นี้เราก็ยังถามต่อไปว่าโอหถ้าถ้าแพ้ไข่
00:16:23 → 00:16:27 แล้วเนี่ยเด็กทานไข่ไม่ได้แพ้นมทานนมไม่
00:16:27 → 00:16:31 ได้เนี่ยแล้วเจะเจริญเติบโตได้ยังไงอัน
00:16:31 → 00:16:35 นี้ก็ต้องเป็นเอ่อสิ่งที่แพทย์ก็จะต้อง
00:16:35 → 00:16:37 เอ่อทำการ
00:16:37 → 00:16:41 เอ่อวิจัยและหาทางอื่นต่อไปนะครับเช่น
00:16:41 → 00:16:47 ว่าาสาหาสารอาหารทดแทนนะครับเอ่อจากอาหาร
00:16:47 → 00:16:50 ที่เขาไม่แพ้หรือในที่สุดแล้วเนี่ยคนไข้
00:16:50 → 00:16:53 ที่ยังแพ้อยู่เรื่อยๆเนี่ยอันนั้นเนี่ย
00:16:53 → 00:16:57 เราก็ทราบว่าเราจะต้องทำอะไรให้ให้เา้า
00:16:57 → 00:16:58 สักอย่างซึ่ง
00:16:59 → 00:17:01 ไม่ใช่แค่เพียงเลี่ยงอาหารเท่านั้นซึ่ง
00:17:01 → 00:17:05 ปัจจุบันนี้เรารักษาเโดยการที่ทำให้ภูมิ
00:17:05 → 00:17:09 เขาเนี่ยรับได้นะครับโดยการค่อยๆให้สาร
00:17:09 → 00:17:13 อาหารเหล่านั้นเข้าไปทีละน้อยนะเอซึ่ง
00:17:13 → 00:17:16 ศัพท์ทางทางเอ่อโรคภูมิแพ้เนี่ยเราก็
00:17:16 → 00:17:20 เรียกว่า oral immunotherapy นะครับการ
00:17:20 → 00:17:24 แพ้อาหารถ้าเราแบ่งตามเอ่อระยะเวลาที่
00:17:24 → 00:17:26 เกิดอาการเราก็มีแบบเฉียบพลันเฉียบพลัน
00:17:26 → 00:17:29 แปลว่าอะไรทานไปแล้วไม่กี่ชั่วโมงเป็นเลย
00:17:29 → 00:17:32 ไม่กี่นาทีเป็นเลยอันนี้เรียกเฉียบพลัน
00:17:32 → 00:17:34 พวกอะไรที่มันเฉียบพลันมันเกิดเร็วมัน
00:17:34 → 00:17:36 ต้องแรงใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นอะไรที่เฉียบ
00:17:37 → 00:17:39 พลันเนี่ยมักจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างแรงและ
00:17:39 → 00:17:42 อันตรายกว่าเพราะมันเฉียบพลันนะคะที่อีก
00:17:42 → 00:17:45 อันนึงคือค่อยเป็นค่อยไปไอ้เจ้าค่อยเป็น
00:17:45 → 00:17:48 ค่อยไปนี่คือทานไปแล้วมันค่อยๆมีอาการอาจ
00:17:48 → 00:17:51 จะไม่ได้มีวันนี้ไปมีเอา 2 วัน 3 วัน 4
00:17:51 → 00:17:54 วัน 5 วันข้างหน้าอาจจะเป็นอาทิตย์ข้าง
00:17:54 → 00:17:56 หน้าอันนี้ยากใช่มยคะไม่รู้ว่าทานไปตั้ง
00:17:56 → 00:17:59 แต่เมื่อไหร่แล้วเป็นอันนี้จะเป็นอันที่
00:17:59 → 00:18:02 วินิจฉัยได้ยากส่วนมากเกิดในเด็กมากกว่า
00:18:02 → 00:18:04 ในผู้ใหญ่ก็โชคดีไปถ้าเป็นผู้ใหญ่ทานแล้ว
00:18:04 → 00:18:07 ก็ตัวเองก็รู้ว่าทานอะไรมีอีกกลุ่มนึงคือ
00:18:07 → 00:18:11 ผสมกันเป็นทั้ง 2 อย่างเลยเร็วก็เป็นช้า
00:18:11 → 00:18:14 ก็เป็นด้วยนะคะทีนี้ถ้าแบ่งตามความรุนแรง
00:18:14 → 00:18:17 ของโลกเนี่ยนะคะก็มีที่รุนแรงน้อยๆเช่น
00:18:17 → 00:18:20 เป็นผื่นนิดๆหน่อยๆเป็นคันนิดๆหน่อยๆแหม
00:18:20 → 00:18:24 รู้สึกปวดๆมวนๆท้องนิดหน่อยกับที่เป็นปาน
00:18:24 → 00:18:27 กลางอาการมากขึ้นมีบวมตรงนั้นบวมตรงนี้
00:18:27 → 00:18:30 มั่งแล้วก็เอ่อมีปวดท้องท้องเสียบ้างแต่
00:18:30 → 00:18:33 ไอ้ที่เป็นมากๆรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงแก่
00:18:33 → 00:18:36 ชีวิตไอ้ที่เราเรียกกันว่าอาลิอันนี้น่า
00:18:36 → 00:18:40 กลัวมากมีบวมตรงนั้นบวมตรงนี้ความดันตก
00:18:40 → 00:18:43 ช็อกไปได้หายใจไม่ออกได้บางคนชักก็มีนะคะ
00:18:44 → 00:18:46 มีอาการหลายๆระบบขึ้นมาเพราะฉะนั้นกลุ่ม
00:18:46 → 00:18:49 นี้เนี่ยถ้าอาการรุนแรงเนี่ยอันตรายอัน
00:18:49 → 00:18:53 นี้รูปลมพิษนะคะจะเห็นได้ว่ามีลมพิษขึ้น
00:18:53 → 00:18:56 มีบวมขึ้นมามากขึ้นก็บวมแล้วคนนี้จะเห็น
00:18:56 → 00:18:59 ว่าบวมมากเลยปากบวมเจอเลยนะคะอย่างงี้ถ้า
00:18:59 → 00:19:02 เป็นมากๆเป็นไงคะหายใจไม่ได้
00:19:02 → 00:19:05 อันตรายผื่นในเด็กเล็กๆถ้าเราเห็นเด็ก
00:19:05 → 00:19:08 เดินมาบางทีเราเห็นแก้มแดงเชียนะคะแล้วก็
00:19:08 → 00:19:10 ไปดูเอ๊ะผิวลอกๆหน่อยอันนี้เป็นผื่น
00:19:10 → 00:19:14 เอ็กซิเพราะผื่นเอกซิมนี่คือผิวเป็นผื่น
00:19:14 → 00:19:16 ผิวก็เรียกเป็นภาษาไทยว่าผิวหนังอักเสบ
00:19:16 → 00:19:20 จากการแพ้พวกนี้เนี่ยคันมากเลยเด็กก็จะถู
00:19:20 → 00:19:23 บางทีเอาหน้าถูกับนู่นถูกับไอ้นี่บางคนถู
00:19:23 → 00:19:26 จนเลือดออกก็มีเล็กๆเนี่ก็จะเป็นตบริเวณ
00:19:26 → 00:19:29 หน้าอย่างที่เห็นเนี่ยนะคะแล้วก็ตามคอพอ
00:19:29 → 00:19:32 โตขึ้นมาเป็นตามข้อพับแล้วพออายุมากๆก็
00:19:32 → 00:19:35 ยังเห็นอยู่ที่มือนะคะจะเห็นว่ามือสาก
00:19:35 → 00:19:39 อาการแสดงถึงการแพ้อาหารอย่างรุนแรงอย่าง
00:19:39 → 00:19:40 ไหนที่เรียกว่ารุนแรงบ้างที่เราต้อง
00:19:40 → 00:19:44 ปรึกษาแพทย์ด่วนเลยแล้วต้องระวังมากๆอัน
00:19:44 → 00:19:46 ที่ 1 คือ anap laxis ที่เราว่ามาแล้วมี
00:19:46 → 00:19:51 อาการหลายๆระบบอันถัดมาก็คือขาดอาหารเป็น
00:19:51 → 00:19:54 มากจนขาดอาหารขาดอาหารระดับที่ร่างกายมี
00:19:55 → 00:19:57 การเปลี่ยนแปลงชัดเจนและอันนั้นต้องระวัง
00:19:57 → 00:20:00 ละอันถัดมาก็คือทางเดินอาหารมีท้องเสีย
00:20:00 → 00:20:04 อาเจียนเรื้อรังคนไข้ก็ทานไม่ได้คนไข้
00:20:04 → 00:20:08 เป็นมากจนกระทั่งเขาเจริญเติบโตไม่ได้น้ำ
00:20:08 → 00:20:12 หนักเขาไม่ขึ้นแล้วก็มีซีดด้วยมีโปรตีน
00:20:12 → 00:20:15 แอลบูมินในเลือดต่ำด้วยนะคะพวกนี้อาจจะมี
00:20:15 → 00:20:18 การเสียเลือดไปด้วยส่วนอาการทางผิวหนัง
00:20:18 → 00:20:20 ล่ะไม่น่าจะแรงเลยนะแต่ถ้าเป็นอย่างที่
00:20:20 → 00:20:23 ว่าเมื่อกี้นี้คือเป็นจนกระทั่งมีน้ำ
00:20:23 → 00:20:26 เหลืองออกมาใช่มั้ยคะเขาก็เสียน้ำโปรตีน
00:20:26 → 00:20:29 ไปเสียเลือดไปทางนั้นได้เขาก็อาจจะมีการ
00:20:29 → 00:20:31 เติบโตช้ามีอาการซีดได้เหมือนกันพวกนี้ก็
00:20:31 → 00:20:35 อันตรายเหมือนกันแล้วก็อาการทางเดินหายใจ
00:20:35 → 00:20:38 เนี่ยถ้ามีอาการทางเดินหายใจไปถึงกล่อง
00:20:38 → 00:20:42 เสียงบวมหายใจไม่ได้หายใจดังวิดๆพวกนี้
00:20:42 → 00:20:45 อันตรายมากเพราะในคนที่เสียชีวิตจากการ
00:20:45 → 00:20:48 ที่เป็นภูมิแพ้พวกนี้นะคะเขพบว่าที่เสีย
00:20:48 → 00:20:51 ชีวิตส่วนใหญ่เลยเนี่ยจากการที่หายใจไม่
00:20:51 → 00:20:53 ได้นี่ล่ะกล่องเสียงมันบวมเนี่ยเพราะ
00:20:53 → 00:20:56 ฉะนั้นถ้าแถวๆบวมแถวๆนี้เนี่ยไม่ดีละนะคะ
00:20:56 → 00:20:59 เพราะฉะนั้นเราก็ต้องรีบระวังการวินิจฉัย
00:20:59 → 00:21:02 แน่นอนอยู่แล้วโรคของเราทุกโรคต้องซัก
00:21:02 → 00:21:05 ประวัติค่ะประวัติอะไรล่ะคุณทานเข้าไปทาน
00:21:05 → 00:21:09 อะไรอ่ะทานอะไรแล้วถึงเป็นทานมากทานน้อย
00:21:09 → 00:21:12 ทานไปนานเท่าไหร่แล้วถึงเป็นแล้วไม่ทาน
00:21:12 → 00:21:15 แล้วหายมยถ้าไม่ทานมันต้องหายใช่มยคะถ้า
00:21:15 → 00:21:18 เป็นแพ้จริงๆแล้วทานอีกเป็นอีกมยอันนี้
00:21:18 → 00:21:21 เป็นต้นนะคะแล้วก็ต้องถามถึงภาวะโภชนาการ
00:21:21 → 00:21:24 กินอย่างอื่นพอมยเพราะว่าถ้าทานไม่ได้ทุก
00:21:24 → 00:21:27 อย่างเช่นเอ่อเด็กคนนึงแพ้อะไรก็ไม่รู้
00:21:27 → 00:21:30 อ่ะแล้วก็ท้องเสียถ่ายเป็นมกเลือดที่บ้าน
00:21:30 → 00:21:33 งดทุกอย่างเลยน้ำหนักก็ต้องลงแน่นอนทาน
00:21:33 → 00:21:36 อะไรไม่ได้อย่างเงี้ยนะคะแล้วก็ต้องมาถาม
00:21:36 → 00:21:38 ว่าจริงๆแล้วเด็กคนนี้ทานอะไรได้บ้างที่
00:21:38 → 00:21:41 บ้านทีนี้ถ้าเราซักประวัติเสร็จแล้วเราก็
00:21:41 → 00:21:45 คงมาตรวจร่างกายดูว่ามีอาการอะไรที่บ่ง
00:21:45 → 00:21:47 ชี้ไปว่าเค้าเป็นภูมิแพ้หรือเปล่าแพ้
00:21:47 → 00:21:49 อาหารหรือเปล่าน้ำหนักเป็นยังไงส่วนสูง
00:21:49 → 00:21:52 เป็นยังไงมีผื่นมั้ยปอดเป็นยังไงนะคะจาก
00:21:52 → 00:21:55 ตรวจอันนั้นแล้วเราก็มาหาสาเหตุการหา
00:21:55 → 00:21:58 สาเหตุเนี่ยเราก็มีการทำหลายอย่างด้วยกัน
00:21:58 → 00:22:01 มีการสะกิดที่ผิวหนังมีการเจาะเลือดไป
00:22:01 → 00:22:04 ตรวจการเจาะเลือดไปตรวจนี่เราตรวจ IG นะ
00:22:04 → 00:22:09 คะนอกจากนั้นถ้าเทสแล้วออกมาโอ้มันชัดเจน
00:22:09 → 00:22:12 เลยว่าแพ้นะกินเข้าไปแล้วก็เป็นจริงๆเรา
00:22:12 → 00:22:16 ก็งดใช่มยคะทีนี้มันไม่ชัดน่ะบางทีกิน
00:22:16 → 00:22:19 แล้วก็เป็นบางทีกินแล้วก็ไม่เป็นทั้นว่า
00:22:19 → 00:22:22 แพ้นะแต่เจาะเลือดแล้วมันไม่เห็นขึ้นหรือ
00:22:22 → 00:22:25 สะกิดแล้วมันไม่เห็นขึ้นเราก็มาลองอันที่
00:22:25 → 00:22:29 เชื่อได้มากที่สุดก็คือลองกินเลยกินแต่
00:22:29 → 00:22:32 ว่าการลองกินถ้าเป็นอาการแบบรุนแรงนะคะไป
00:22:32 → 00:22:35 ลองที่อื่นนะแย่เลยต้องมาลองในโรงพยาบาล
00:22:35 → 00:22:38 ต้องมีหมอคอยดูแลให้ก็เป็นการลองรับ
00:22:38 → 00:22:42 ประทานดูนะคะมาดูกันอันนี้เป็นการสะกิดนะ
00:22:42 → 00:22:45 คะการสะกิดแล้วก็น้ำยาหยดไปแล้วก็สะกิด
00:22:45 → 00:22:49 แล้วอีกัก 155 นาทีก็อ่านผลดูซิมันมีนูนๆ
00:22:49 → 00:22:53 แดงๆอย่างนี้ไอันนี้เป็นการทดสอบผิวหนัง
00:22:53 → 00:22:57 ด้วยน้ำยาสกัดอาหารเป็นวิธีสะกิดอีกอัน
00:22:57 → 00:23:00 นึงก็คือการเจาะเลือดใช่มั้ยคะที่เล่าให้
00:23:00 → 00:23:03 ฟังเมื่อกี้นี้ไอ้ 2 อันนี้มันต่างกันยัง
00:23:03 → 00:23:04 ไงมันหา
00:23:04 → 00:23:08 IG ในร่างกายเหมือนกันอันนึงหาที่เลือด
00:23:08 → 00:23:12 อีกอันนึงหาที่ผิวหนังค่ะทีนี้ถ้าเป็นทำ
00:23:12 → 00:23:14 ที่ผิวหนังเนี่ยเราทำที่ผิวของคนเพราะ
00:23:15 → 00:23:18 ฉะนั้นถ้าเขเป็นผื่นก็ทำไม่ได้เค้าเพิ่ง
00:23:18 → 00:23:22 เป็นลมพิษมาก็ทำไม่ได้เค้ากินยามาก็ทำไม่
00:23:22 → 00:23:26 ได้นะคะะแต่ว่าเอ่อทำแล้วเนี่ยพอสะกิด
00:23:26 → 00:23:28 แล้วเนี่ยรู้ผลในภายใน 10 กทีนั้นเลย 15
00:23:28 → 00:23:32 นาทีนั้นเลยราคาก็ย่อมยาวกว่าถ้าเจาะ
00:23:32 → 00:23:37 เลือดเนี่ยกินยาอยู่ก็ทำได้เป็นผื่นอยู่
00:23:37 → 00:23:41 ก็ทำได้เอ่อเป็นมีอาการอยู่ก็ทำได้ขอได้
00:23:41 → 00:23:44 เลือดมาเท่านั้นเองทำได้หมดแต่ไม่ได้ผล
00:23:44 → 00:23:47 ทันทีค่ะเพราะเจาะแล้วต้องไปปั่นแยกเอาไป
00:23:47 → 00:23:51 ตรวจอีกใช้เวลาประมาณสัก 3-4 วัน 3-4 วัน
00:23:51 → 00:23:55 นะคะแล้วก็ราคาค่อนข้างสูงเคิดเป็นลายตัว
00:23:56 → 00:23:58 น่ะค่ะเพราะฉะนั้นเราก็มีมีที่เลือกว่า
00:23:58 → 00:24:00 เอ๊ะเราจะเลือกยังไงกับใครดีถ้าเป็นเด็ก
00:24:00 → 00:24:04 ตัวจิ๋วๆเล็กกว่าขวบนึงเราก็บอกว่าวิธี
00:24:04 → 00:24:06 สะกิดบางครั้งเนี่ยไม่แม่นมันก็บอกว่า
00:24:06 → 00:24:09 เจาะเลือดได้ก็ดีแต่ถ้าไม่ไหวก็สะกิดเอา
00:24:09 → 00:24:12 แต่ต้องล็อคกันหน่อยนะถ้าโตกว่าขวบนึงจะ
00:24:12 → 00:24:15 ใช้สะกิดก็ได้จะใช้เจาะเลือดก็ได้ผลไป
00:24:15 → 00:24:19 ด้วยกันใช้ได้แต่ถ้ามีข้อห้ามในการสะกิด
00:24:19 → 00:24:22 เราก็ไปเจาะเลือดเอาทีนี้ถ้าเป็นเด็กที่
00:24:22 → 00:24:25 โตมาะนะคะรู้แล้วว่าแพ้รู้ค่าด้วยรู้ว่า
00:24:25 → 00:24:28 แพ้อะไรเราต้องการจะติดตามติดตามอันนั้น
00:24:28 → 00:24:30 คงต้องเจาะเลือดแล้วดูว่าตัวเลขมันเพิ่ม
00:24:30 → 00:24:32 ขึ้นหรือน้อยลงยังไงเพราะสะกิดมันก็ได้
00:24:33 → 00:24:36 เป็นผลบวกนะคะเพราะฉะนั้นก็จะดูไม่ได้มา
00:24:36 → 00:24:39 มีการทำอีกอันนึงอันนี้เป็นแบบเฉียบพลัน
00:24:39 → 00:24:42 นะคะเป็นแบบเป็นเร็วเป็นทานไปแล้วเป็นเลย
00:24:42 → 00:24:44 ทำวิธีนี้ทีนี้ถ้ามันไม่ได้ทานแล้วเป็น
00:24:44 → 00:24:48 เลยอ่ะเป็นแบบที่ทานไปแล้วไม่ได้เป็นวัน
00:24:48 → 00:24:51 นี้วิธีการเช็คจริงๆเนี่ยไม่ค่อยมีหรอก
00:24:51 → 00:24:54 อันนี้เป็นวิธีนึงที่ทำได้แล้วก็ทางเราก็
00:24:54 → 00:24:57 ทำขึ้นมาคือวิธีที่มีการทำที่เมืองนอก
00:24:57 → 00:25:00 แล้วเราก็มาทำก็ใช้ได้ผลนะคะคือการเอาของ
00:25:00 → 00:25:03 ที่เราสงสัยเช่นอาหารเนี่ยมาแป๊ะไปที่
00:25:03 → 00:25:07 หลังแปะเอาไว้ 48 ชั่วโมงแล้วค่อยแกะออก
00:25:07 → 00:25:10 พอแกะออกแล้วก็อ่านผลที่หลังจากแกะสัก
00:25:10 → 00:25:13 ครึ่งชั่วโมงแล้วจากนั้นอีกวันนึงอ่านผล
00:25:13 → 00:25:16 อีกทีนึงอันนี้เนี่ยเป็นผลแบบล่าใช่มยคะ
00:25:16 → 00:25:19 เพราะว่ามันทิ้งไว้นานแล้วก็จะดูว่าเป็น
00:25:19 → 00:25:23 แบบไม่ใช่ไม่ไม่เฉียบพลันเป็นแบบล่าหรือ
00:25:23 → 00:25:26 เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือเปล่านะคะนอก
00:25:26 → 00:25:28 จากการสะกิดการ
00:25:28 → 00:25:31 เจาะเลือดการแปะแพชแล้วมาถึงอันที่เชื่อ
00:25:31 → 00:25:34 ถือในมากที่สุดเพราะว่ากินจริงๆบางครั้ง
00:25:34 → 00:25:36 พอทานเข้าไปแล้วมันไปย่อยหรือไปอะไรอาจจะ
00:25:37 → 00:25:39 ผลไม่เหมือนกับของที่กินจริงๆเพราะฉะนั้น
00:25:39 → 00:25:42 ของที่เราให้กินไปจริงๆเลยแล้วดูซิเป็น
00:25:42 → 00:25:45 ยังไงเนี่ยน่าจะเชื่อถือได้มากที่สุดเรา
00:25:45 → 00:25:48 เรียกว่าการทดสอบโดยให้ลองรับประทานดูมี
00:25:48 → 00:25:52 วิธีแบบเปิดเผยนะคะเปิดเผยแปลว่าอะไรกิน
00:25:52 → 00:25:56 กันเดี๋ยวนี้เลยแพ้พิซซ่าก็กินพิซซ่าแพ้
00:25:56 → 00:25:58 ไข่กินไข่ให้เห็นๆเลยทุกคนเห็นหมดว่ากิน
00:25:58 → 00:26:02 ไข่นะคะเกิดอะไรขึ้นเราเคยมีเคสอยู่คนไข้
00:26:02 → 00:26:08 อยู่คนนึงน้องเแพ้บอกว่าแพ้ปลาทูค่ะพ
00:26:08 → 00:26:12 พยาบาลถือจานปลาทูเข้าประตูมายังไม่ทัน
00:26:12 → 00:26:14 เข้ามาในห้องเลยนะคะเดินเข้าประตูมาผื่น
00:26:14 → 00:26:17 ขึ้นค่ะพอบอกว่าจะทำปลาทูวันนี้จะกินปลา
00:26:17 → 00:26:19 ทูผืนขึ้นเลยค่ะยังไม่ทันทำเลยเราก็เลย
00:26:19 → 00:26:22 คิดว่าอืมันไม่ได้แล้วอ่ะทำเปิดๆอย่าง
00:26:22 → 00:26:25 งั้นไม่ได้เราก็ใช้วิธีปิดนะคะคือไม่ให้
00:26:26 → 00:26:28 เด็กรู้เอาไปใส่ผสมกันอย่างอื่นไม่ให้รู้
00:26:28 → 00:26:30 อันนี้เรียกว่าปิดข้างเดียวคือปิดไม่ให้
00:26:30 → 00:26:33 เด็กรู้ไม่ให้ผู้ปกครองรู้ถ้าปิด 2 ข้าง
00:26:33 → 00:26:36 หมอก็ไม่รู้ด้วยก็มีอาหารหลอกมาด้วยแล้ว
00:26:36 → 00:26:38 ก็สลับวันกันไม่ให้หมอรู้ด้วยไม่ให้คนทำ
00:26:38 → 00:26:41 อ่ะรู้ด้วยคนเก็บเก็บโค้ชคือเก็บว่ารู้
00:26:41 → 00:26:43 ว่าเป็นคนทำอะไรเนี่ยจะมีอยู่คนเดียวเอา
00:26:43 → 00:26:47 ซ่อนไว้นะคะเผื่อว่ามีการผิดพลาดอย่าง
00:26:47 → 00:26:50 เช่นมีคนไข้บอกว่าหนูอ่ะหนูว่าแพ้
00:26:50 → 00:26:54 เอิ่มแพ้ช็อกโกแลตน่ะเราก็บอกว่าไอ
00:26:54 → 00:26:57 ช็อกโกแลตเก็บกลิ่นยากก็ไปทำคุกกี้ปลอมมา
00:26:57 → 00:26:59 เหมือนกันเียบเลยคุกกี้ช็อกโกแลตกับ
00:26:59 → 00:27:03 คุกกี้ไหม้ช็อกโกแลตนะคะให้ทานดูปรากฏว่า
00:27:03 → 00:27:05 คนไข้บอกว่าหนูว่าอันเนี้ยมันต้องเป็น
00:27:05 → 00:27:08 คุกกี้ช็อกโกแลตแน่เลยพอทานเข้าไปแล้วหนู
00:27:08 → 00:27:11 รู้สึกมันแปลกๆนิดนึงปรากฏว่าอันนั้นไม่
00:27:11 → 00:27:14 มีช็อกโกแลตค่ะนะคะแล้วก็เลยบอกว่าจริงๆ
00:27:14 → 00:27:16 แล้วเนี่ยการที่ปิดๆอย่างงั้นดีนะคะแต่
00:27:16 → 00:27:19 มันเหนื่อยใช่่มมคะะต้องไปทำนั่งทำของ
00:27:19 → 00:27:22 เลียนแบบขึ้นมาแล้วก็ต้องทำหลายวันเพราะ
00:27:22 → 00:27:25 ฉะนั้นจริงๆแล้วไอ้ที่ดีที่สุดคือทำแบบ
00:27:25 → 00:27:27 ที่มีตัวหลอกด้วยแล้วก็ไม่มีใครรู้รู้เลย
00:27:27 → 00:27:30 อันนั้นดีที่สุดแต่ว่ามันค่อนข้างจะยากนะ
00:27:30 → 00:27:34 คะคราวนี้พอทานไปละถ้าเป็นแบบทันทีใน
00:27:34 → 00:27:37 ชั่วโมงนใน 30 นาทีชั่วโมงนั้นต้องเกิด
00:27:37 → 00:27:40 อาการละทีนี้ไม่เกิดอาการค่ะโอ้ดีแจ๋วคอย
00:27:40 → 00:27:43 ต่อดูซิไม่มีอาการ 5 วันยังไม่มีอาการคง
00:27:43 → 00:27:46 น่าจะกินได้แล้วก็ให้กินต่อไปแต่ถ้าอาการ
00:27:46 → 00:27:49 แบบล่าเนี่ยเคยมีคนเกิดอาการได้ถึง 2-3
00:27:49 → 00:27:52 อาทิตย์เพราะฉะนั้นต้องมองต่อไปอีก 2-3
00:27:52 → 00:27:54 อาทิตย์แต่ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลแล้วช่วง
00:27:54 → 00:27:57 เกิดแบบล่ามันไม่แรงก็กลับบ้านได้นะคะ
00:27:57 → 00:28:01 ระวังถ้าลองเองจะเกิดอะไรขึ้นเกิดทานเข้า
00:28:01 → 00:28:04 ไปแล้วแพ้มากๆแล้วทำยังไงเพราะฉะนั้นไม่
00:28:04 → 00:28:07 แนะนำให้ลองเองนอกจากว่ามาปรึกษาแพทย์
00:28:07 → 00:28:09 แล้วแล้วแพทย์บอกว่าโอเคมันไม่น่าจะแพ้
00:28:09 → 00:28:12 แล้วอยากจะลองนิดๆหน่อยๆลองอะไรอย่างงั้น
00:28:12 → 00:28:14 ได้นั่นอีกเรื่องนึงแต่ลองทั่วๆไปไม่ให้
00:28:14 → 00:28:18 ลองเองนะคะการรักศึกษาแน่นอนโรคภูมิแพ้
00:28:18 → 00:28:21 แพ้อะไรงดอันนั้นแล้วต้องงดยังไงมั่งงด
00:28:21 → 00:28:25 แบบจริงๆจังๆงดแบบเคร่งครัดนะคะอย่างที่
00:28:25 → 00:28:27 บอกแล้วว่าถ้าเป็นไปได้เนี่ยไม่ไม่ไปจับ
00:28:27 → 00:28:30 ต้องมาถูกเด็กไม่ล้างมือล้างไม้ให้ดีก่อน
00:28:30 → 00:28:33 ยิ่งดีใหญ่เลยแล้วก็อย่าลืมว่างดส่วน
00:28:33 → 00:28:36 ประกอบด้วยอันนึงที่เขาบอกว่าไม่ควรจะทำ
00:28:36 → 00:28:38 คือบุฟเฟ่ต์ค่ะเพราะบุฟเฟ่ต์เนี่ยตักนั่น
00:28:38 → 00:28:41 ทีตักนี่ทีแล้วถ้าเราแพ้เนี่ยไม่รู้ว่า
00:28:41 → 00:28:43 มันจะมีสารนั้นอยู่หรือเปล่ามันจะเป็นอัน
00:28:43 → 00:28:47 ที่เลี่ยงได้ลำบากมากการให้การวินิจฉัย
00:28:47 → 00:28:49 และรักษาให้เร็วที่สุดก็จะดีที่สุดสำหรับ
00:28:49 → 00:28:53 คนไข้นะคะแน่นอนเรื่องโภชนาการสำคัญพบ
00:28:53 → 00:28:56 มาละให้งดทุกอย่างเนี่ยมีปัญหาค่อนข้าง
00:28:56 → 00:28:59 มากเพราะฉะนั้นต้องมามาดูว่าปรับโภชนาการ
00:28:59 → 00:29:02 ให้คนไข้ด้วยแล้วก็รักษาการแพ้ด้วยยาซึ่ง
00:29:02 → 00:29:04 จริงๆหัวข้อวันนี้เขาบอกว่าให้พูดเรื่อง
00:29:04 → 00:29:07 แพ้อาหารชนิดต่างๆงั้นเรามาดูชนิดต่างๆ
00:29:07 → 00:29:10 กันนะคะพบว่าทารกที่ทานนมแม่ก็มีโอกาสจะ
00:29:10 → 00:29:13 แพ้นมวัวได้เหมือนกันถ้าแม่ทานนมวัวแล้ว
00:29:13 → 00:29:16 ถ้าแม่ทานถ้าเด็กแพ้จริงๆแม่ต้องหยุดนม
00:29:16 → 00:29:20 วัวด้วยไข่ไข่นี่เป็นอันที่เราทานอันดับ
00:29:20 → 00:29:22 ถัดไปใช่มั้ยคะเราลองไข่แดงก็มาลองไข่ขาว
00:29:22 → 00:29:26 เพราะฉะนั้นเอ่อแพ้แต่ว่าจริงๆแล้วแพ้ไข่
00:29:26 → 00:29:28 ขาวมากกว่าไข่แดงเพราะไข่ขาวนี่มันมี
00:29:28 → 00:29:32 โปรตีนมากกว่าพวกนี้เนี่ย 50% กินได้
00:29:32 → 00:29:36 เมื่อ 6 ขวบเพราะฉะนั้นโอเคยังเยังชั่วนะ
00:29:36 → 00:29:40 ทีนี้มีเด็กอยู่กลุ่มนึงค่ะแพ้จริงแต่แพ้
00:29:40 → 00:29:43 ที่มันเป็นดิบๆที่มันสุกน้อยๆอ่ะค่ะแต่พอ
00:29:43 → 00:29:47 เป็นสุขมากๆอย่างเช่นเอาไปอือบมาค่ะอบ
00:29:47 → 00:29:51 ความร้อน 180 องศาอย่างเช่นเอาไปทำขนม
00:29:51 → 00:29:54 เค้กอะไรพวกเนี้ยแล้วไม่แพ้อ่ะค่ะพวกนี้
00:29:54 → 00:29:56 นี่ถ้าไม่แพ้พวกนี้เนี่ยโอกาสจะหายเร็ว
00:29:56 → 00:29:59 กว่านะคะเพราะว่าทานได้บางส่วนพวกที่แพ้
00:29:59 → 00:30:02 ถั่วเหลืองเนี่ยมักจะไม่แพ้ถั่วอย่างอื่น
00:30:03 → 00:30:04 เช่นถั่วเขียวถั่วแดงถั่วดำอะไรพวกนั้น
00:30:04 → 00:30:08 ด้วยแต่ว่ามองๆนิดนึงเพราะว่ามีเหมือนกัน
00:30:08 → 00:30:11 นานๆคนทีนึงแพ้เหมือนกันก็ให้ทานด้วยความ
00:30:11 → 00:30:13 ระมัดระวังแล้วลองดูด้วยแต่ว่าไม่ได้ห้าม
00:30:13 → 00:30:17 นะคะมาถึงถั่วลิสงถั่วลิสงเมื่อก่อนเรา
00:30:17 → 00:30:20 ไม่เชื่อว่ามีบ้านเราแพ้นะบ้านเราไม่ค่อย
00:30:20 → 00:30:23 แพ้เพราะอะไรพ่อบ้านเราเนี่ยฉลาดฉลาดกว่า
00:30:23 → 00:30:26 เมืองนอกฉลาดยังไงเพราะบ้านเราบอกว่าเด็ก
00:30:26 → 00:30:30 เล็กเล็กๆเนี่ยถ้าทานถัวลิสงเนี่ยติดคอนะ
00:30:30 → 00:30:33 เพราะฉะนั้นอย่าทานทานไปต้องไปโตๆแล้วโตๆ
00:30:33 → 00:30:37 ก็เลิกแพ้ไปแล้วก็ไม่เป็นไรแต่เมืองนอกเ
00:30:37 → 00:30:41 ทานเป็นพีนัทบัตเตอร์ซึ่งเอ่อไอ้เอิ่ม
00:30:41 → 00:30:44 อะไรนะเเรียกเนยเนยถั่วนะคะทำจากถั่ว
00:30:44 → 00:30:48 เนี่ยนะคะเอามาไปไปอบนะฮะความร้อนสูงมากๆ
00:30:48 → 00:30:51 เลย 300 องศาแล้วก็ออกมาแล้วมาบดให้
00:30:51 → 00:30:54 ละเอียดแล้วทำเป็นเนยถั่วไอ้เนยถั่วอัน
00:30:54 → 00:30:57 นี้เนี่ยทานไปแล้วแพ้เยอะการแพ้เนี่ยส่วน
00:30:57 → 00:31:02 ใหญ่โดยทางรับประทาน 91% แต่สัมผัสทางผิว
00:31:02 → 00:31:06 หนังได้ในร้อยละ 8 โลชั่นหลายอย่างใส่น้ำ
00:31:06 → 00:31:09 มันถั่วลิสงค่ะแล้วก็จะใช้ชื่อประหลาดๆ
00:31:10 → 00:31:13 เนี่ยอคิออยเงี้ยนะคะเราก็ไม่เห็นชื่อมัน
00:31:13 → 00:31:17 เป็นเอ่อพีนัทเลยอ่ะใช้ไปเรียบร้อยทาง
00:31:17 → 00:31:20 ด้านด้านหายใจแพ้ได้ด้วยฝุ่นที่มันฟุ้งๆ
00:31:20 → 00:31:23 อยู่อนะคะก็ประมาณ 1% ถั่วลิสงเนี่ยมี
00:31:24 → 00:31:26 โอกาสจะแพ้ร่วมกันกับถั่วอื่นๆเช่นเม็ด
00:31:26 → 00:31:29 มะม่วงหิมพ่านเกาัแอลมอนแมคคาดาเมียหรือ
00:31:29 → 00:31:34 วอนัได้ถึง 30% งั้นถ้าแพ้แล้วถ้าจะไปทาน
00:31:34 → 00:31:36 พวกนี้ต้องระมัดระวังด้วยเพราะมีโอกาสแพ้
00:31:36 → 00:31:40 ตั้ง 30% 1 ใน 3 นะคะแต่ว่าจะไม่คไม่
00:31:40 → 00:31:42 ค่อยไปแพ้พวกถั่วเหลืองถั่วเขียวถั่วดำ
00:31:42 → 00:31:45 อะไรพวกนั้นหรอกนะคะแต่ถามบอกว่าแล้วมีคน
00:31:45 → 00:31:48 เคยแพ้มยแพ้ 2 อย่างเป็นไปได้เหมือนกัน
00:31:48 → 00:31:51 แต่ว่าไม่มากแป้งสาลีเนี่ยเป็นอาหารที่
00:31:51 → 00:31:54 แพรบ่อยขึ้นในเด็กแล้วก็มีอาการรุนแรง
00:31:54 → 00:31:58 เอ่ออาหารตัวประกอบของเขาคือกูเ่นแล้วก็
00:31:58 → 00:32:01 ผู้ป่วยมักจะเริ่มแพ้ตั้งแต่อายุน้อยๆ
00:32:01 → 00:32:03 อาหารทะเลมีเปลือกอันนี้สำคัญใช่มั้ยคะคน
00:32:03 → 00:32:07 ไทยแพ้กันเยอะเลยก็มีพวกหอยปลาหมึกกุ้งปู
00:32:07 → 00:32:09 อะไรพวกนี้มักพบในเด็กโตหรือผู้ใหญ่มาก
00:32:09 → 00:32:13 กว่าในเด็กเล็กนะคะอาการได้หมดเลยค่ะที่
00:32:13 → 00:32:16 เป็นแรงๆลมพิษผื่นหรือว่ามีอาการเป็นแบบ
00:32:16 → 00:32:19 เฉียบพลันส่วนมากอาการเร็วนะพวกนี้ภายใน
00:32:19 → 00:32:21 นาทีหรือภายในครึ่งชั่วโมงเสร็จหมดละหมาย
00:32:21 → 00:32:24 ความว่ามีอาการแล้วนะคะพวกนี้มักจะแพ้
00:32:24 → 00:32:27 ข้ามๆกันน่ะกุ้งไปแพ้ปูมั่งปูไปแพร่ปลา
00:32:27 → 00:32:30 หมึกมอะไรแพ้ข้ามๆกันแต่ตัวที่มากที่สุด
00:32:30 → 00:32:33 ก็คงเป็นกุ้งรองลงมาก็คงเป็นปูอ่ะนะคะ
00:32:33 → 00:32:37 แล้วก็พวกนี้เนี่ยอาการแพ้น่าสงสารนะคะ
00:32:37 → 00:32:40 มักจะเป็นตลอดชีวิตมักจะนะคะนอกจากว่า
00:32:40 → 00:32:43 เป็นน้อยๆแล้วไม่ไม่รุนแรงมากๆมีเหมือน
00:32:43 → 00:32:46 กันที่เคยหายเป็นในด็เล็กๆบางคนเนี่ยแต่
00:32:46 → 00:32:50 ว่าผู้ใหญ่ไม่ค่อยหายอ่ะค่ะปลาปลาเนี่ย
00:32:50 → 00:32:53 เป็นสาเหตุการแพ้ที่พบบ่อยทั้งในเด็กและ
00:32:53 → 00:32:57 ในผู้ใหญ่นะคะเพราะว่าอะไรอ่ะก็เราอยาก
00:32:57 → 00:33:00 ให้กินปลาเยอะๆใช่มปลาน้ำลึกมีโอเมก้า
00:33:00 → 00:33:03 เยอะสมองดีๆจะได้ฉลาดๆได้โอเมก้าใช่มั้ย
00:33:03 → 00:33:06 คะการรักษาถ้าอาการไม่รุนแรงอะไรรักษาตาม
00:33:06 → 00:33:09 อาการค่ะอย่างเช่นไหยาแก้ะแพ้
00:33:09 → 00:33:12 แอนตี้ฮิสตามีนอะไรไปตามเรื่องนะคะถ้า
00:33:12 → 00:33:15 ฉุกเฉินมีอาการมากอาการรุนแรงอาการทางหาย
00:33:16 → 00:33:19 ใจอาการที่อาจจะมีอันตรายแก่ชีวิตอันนั้น
00:33:19 → 00:33:22 เราบอกว่าจะต้องรักษาโดยการให้ฉีดยาซึ่ง
00:33:22 → 00:33:26 เรียกชื่อว่ารนีนะคะยาตัวนี้เนี่ยเป็นยา
00:33:26 → 00:33:30 ที่ช่วยทำให้เอ่อความดันขึ้นช่วยอาการแพ้
00:33:30 → 00:33:32 อย่างเฉียบพลันได้แต่ว่าจะต้องพาไปหา
00:33:32 → 00:33:36 แพทย์ต่อถ้าสมมุติว่าเอ่อมีการฉีดเองเอ่อ
00:33:36 → 00:33:38 เราจะให้คนไข้ไปฉีดที่บ้านนะคะพวกนี้
00:33:38 → 00:33:40 เพราะว่ามันกระทันหันมาหาเราคงไม่ทันหมด
00:33:40 → 00:33:43 ทุกคนน่ะค่ะแล้วก็ต้องเตรียมอุปกรณ์
00:33:43 → 00:33:47 เตรียมความรู้โอเคถ้าลูกของเรามีอาการแพ้
00:33:47 → 00:33:49 แบบรุนแรงอย่างนี้เราต้องทำอะไรมั่งอัน
00:33:49 → 00:33:52 ที่ 1 เราต้องไปศึกษาให้ละเอียดเลยว่าคน
00:33:52 → 00:33:55 ว่าเด็กแพ้อะไรมันอยู่ในไหนบ้างหลีก
00:33:55 → 00:33:58 เลี่ยงผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัดไปศึกษาการ
00:33:58 → 00:34:02 ใช้ยานะคะเป็นยาพร้อมฉีดเตรียมเอาไว้ยา
00:34:02 → 00:34:06 พร้อมฉีดนี้มีทั้งที่เราทำเองคือคือดึง
00:34:06 → 00:34:08 ให้เองแล้วก็ให้ไปใช้แต่ถ้ามีตังค์หน่อย
00:34:08 → 00:34:11 ก็ซื้อยาที่เขาผลิตมาขายก็จะแพงกว่านะคะ
00:34:11 → 00:34:15 ก็แล้วแต่แล้วแต่เศรษฐานะไปแล้วก็จะต้อง
00:34:15 → 00:34:17 เตรียมพร้อมเอาไว้เพื่อจะใช้ได้เมื่อเกิด
00:34:17 → 00:34:19 ปัญหาเพราะว่าบางครั้งไปทานโดยที่ไม่รู้
00:34:19 → 00:34:21 อย่างที่บอกมาแล้วอุส่วนประกอบนู่นเยอะ
00:34:21 → 00:34:24 นู่นนิดนี่หน่อยเยอะไปหมดเลยฉะนั้นทุก
00:34:24 → 00:34:27 ครั้งจะต้องอ่านส่วนประกอบอย่างละเอียด
00:34:27 → 00:34:31 และต้องบอกคนในครอบครัวนะคะไม่พอนะคะพี่
00:34:31 → 00:34:34 เลี้ยงครูต้องรู้ด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นมา
00:34:34 → 00:34:37 ต้องได้ทันทีทำได้ทันทีอนินไอ้ยาที่ว่า
00:34:37 → 00:34:40 นั้นต้องพกใส่กระเป๋าไปหมดเลยนะคะพอเวลา
00:34:40 → 00:34:42 มีอาการปั๊บครูก็ต้องทำได้พี่เลี้ยงก็
00:34:42 → 00:34:45 ต้องทำได้ใครๆก็ต้องจิ้มได้เราจะฝึกวิธี
00:34:45 → 00:34:48 จิ้มให้แล้วก็จะสอนเอ่อว่าจะต้องใส่ยังไง
00:34:48 → 00:34:51 ยาหมดแล้วมาเอามาเปลี่ยนกันไปอะไรอย่า
00:34:51 → 00:34:54 เงี้ยนะคะซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ย้ำว่า
00:34:54 → 00:34:55 ต้องทำนะ
00:34:55 → 00:34:58 คะ
00:34:58 → 00:35:00 นอกจากสาระความรู้จากอาจารย์นายแพทย์ทั้ง
00:35:00 → 00:35:03 2 ท่านแล้วยังมีการพูดคุยแบ่งปัน
00:35:03 → 00:35:06 ประสบการณ์จากผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็น
00:35:06 → 00:35:10 โรคแพ้อาหารอีกด้วยซึ่งในช่วงนี้ทางคณะ
00:35:10 → 00:35:13 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับเกียรติจาก
00:35:13 → 00:35:16 คุณกบสุวนันท์ปุณกันรับหน้าที่เป็นพิธีกร
00:35:16 → 00:35:20 ให้กับงานในช่วงนี้ถ้าสมมุติมีลูกที่เป็น
00:35:20 → 00:35:22 นะคะใครที่สมมุติมีลูกที่เป็นเนี่ยก็จะ
00:35:22 → 00:35:24 รู้เลยว่าถ้าอยู่กับแม่เนี่ยปลอดภัยสุดแล
00:35:24 → 00:35:27 เพราะแม่รู้ดีที่สุดจะทานอะไรจะปรุงอะไร
00:35:27 → 00:35:30 จะทำอาหารอะไรแต่เมื่อออกไปข้างนอกและไป
00:35:30 → 00:35:34 อยู่ในมือคุณครูไปอยู่กับเพื่อนแล้วโดย
00:35:34 → 00:35:36 เฉพาะเด็กที่ยังเล็กที่ยังปฏิเสธไม่เป็น
00:35:36 → 00:35:39 ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะแพ้ไม่แพ้ยังไงเนี่ย
00:35:39 → 00:35:41 ยังไงทำยังไงมันลำบากกันมากแค่ไหนคะต้อง
00:35:41 → 00:35:45 ทำอาหารไปให้ทานเลยมั้ยคะก็อย่างอย่างตอน
00:35:45 → 00:35:48 ตอนสมัยน้องตินน่ะค่ะก็คือคือตอนนั้น
00:35:48 → 00:35:50 เนี่ยก็ก็เลยมาปรึกษาคุณหมอแบบแบบค่อน
00:35:51 → 00:35:53 ข้างซีเรียสอ่ะค่ะว่าค่ะคือกำลังจะเข้า
00:35:53 → 00:35:56 โรงเรียนแล้วโรงเรียนเป็นโรงเรียนที่เด็ก
00:35:56 → 00:36:00 เยอะด้วยค่ะคือไม่ทบว่าที่เรียจะดูแลได้
00:36:00 → 00:36:03 ทั่วถึงแค่ไหนรเงี้ค่ะแล้วก็คือโอเคแหละ
00:36:03 → 00:36:07 คือเขาอาจจะมียาอยู่ที่คุณครูหรือว่าอยู่
00:36:07 → 00:36:11 ที่ห้องพยาบาลค่ะแต่ว่าก็มาปรึกษาคุณหมอ
00:36:11 → 00:36:13 แบบซีเรียสเลยว่าจะทำยังไงดีอะไรเงี้ยค่ะ
00:36:13 → 00:36:18 เผอิญตอนนั้นคุณหมอก็กำลังคิดค้นวิธีการ
00:36:18 → 00:36:21 รักษาอยู่พอดีแล้วก็มีวิธีนึงที่คุณหมอ
00:36:21 → 00:36:26 บอกว่าลองยค่ะเอ่อคือน้องตจะเป็นคนแรกเลย
00:36:26 → 00:36:30 นะที่จะลองแต่จะลองมยก็บอกก็ก็ลองค่ะ
00:36:30 → 00:36:33 เพราะว่ามันไม่มีอะไรจะจะเสียมากกว่านี้
00:36:33 → 00:36:35 แล้วค่ะก็ลองเสียงดูวิธีอะไรคะคุณหมอตอน
00:36:35 → 00:36:38 นั้นคุณหมอคิดว่าจะต้องทำยังไง
00:36:38 → 00:36:40 คะคือ
00:36:40 → 00:36:44 เอิ่มในอดีตที่ผ่านมาเนี่ยโรคแพร่อาหาร
00:36:44 → 00:36:46 เนี่ย
00:36:46 → 00:36:49 เอ่อเรามีวิธีรักษาอันเดียวคือหลีกเลี่ยง
00:36:49 → 00:36:54 การรักษาแบบนี้นะครับแต่ตอนหลังๆเนี่ยใน
00:36:54 → 00:36:58 ในยูโรปเนี่ยโดยเฉพาะในอิตาลี่เนี่ยมีการ
00:36:58 → 00:37:03 รักษาใหม่ๆออกมาค่ะโดยที่เอ่อเอ่อให้ผู้
00:37:03 → 00:37:07 ป่วยค่อยๆรับประทานทีละน้อยเข้าไปอ๋อถ้า
00:37:07 → 00:37:10 สมมุติแพ้นมก็ค่อยๆทานนมนิดนึงอย่างเงี้ย
00:37:10 → 00:37:14 หรอคะมีปริมาณสัดส่วนยังไงอีกคะคุณหมอถ้า
00:37:14 → 00:37:18 คนที่แพ้มากๆอย่างน้องตินนี่เราก็ให้จุด
00:37:18 → 00:37:22 หนซีซีเลยด้วยซำป๊าดจุด1ซีซีนึกออกกัน
00:37:22 → 00:37:27 มั้ยคะว่าเท่าไหร่จุ 1 ซีซีเล็กมากมาแล้ว
00:37:27 → 00:37:31 ก็ค่อยผสมน้ำเข้าไปทำให้มันมันออกเจือจาง
00:37:31 → 00:37:35 ใช่มั้ยคะแล้วก็ค่อยๆให้ทำในโรงพยาบาลฮะ
00:37:35 → 00:37:38 ตอนนั้นก็คือสบายใจไปส่วนหนึ่ง่ะค่ะแต่
00:37:38 → 00:37:41 ต้องทำอย่างงั้นนะคะีปทำอย่างงั้นน่ะไม่
00:37:41 → 00:37:45 ไปจนหลายหลายปีอ่ะค่ะโห 10 เดือน To Be
00:37:45 → 00:37:49 Exact ผมรีวิวชาร์แล้วฮะก็ 10 เดือน
00:37:49 → 00:37:55 เนี่ยน้องตินก็ทานได้ 280 M อืครับก็คือ
00:37:55 → 00:37:57 มีภูมิที่แข็งแรงขึ้นว่าอย่างงั้นจะต้อง
00:37:57 → 00:38:01 ทานทุกวันต้องทานทุกวันคือมีอยู่บางบาง
00:38:01 → 00:38:05 ช่วงที่ไม่สบายท้องเสียครมาถามคุณหมอว่า
00:38:05 → 00:38:08 คุณหมอคะน้องท้องเสียต้องต้องทานมต้องทาน
00:38:08 → 00:38:11 ต่อมาเพราะว่าทานไปนี่เดี๋ยวท้องเสียหมอ
00:38:11 → 00:38:14 ว่าไม่ได้ต้องทานยังไต้องทานยังคงต้องทาน
00:38:14 → 00:38:17 อยู่งต้องกลับมาเริ่มใหม่นะเอาใหไม่เอา
00:38:17 → 00:38:20 ไม่เอาก็คือเป็นวิธีรักษาแบบใหม่ใช่มั้ย
00:38:20 → 00:38:23 คะที่ที่ค่อยๆใช้ของที่เราแพ้เนี่ยอาหาร
00:38:23 → 00:38:26 ที่เราแพ้เนี่ยค่อยๆรักษาไปอันอันนี้ต้อง
00:38:26 → 00:38:29 เตือนนะคะคือหลายท่านอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะ
00:38:29 → 00:38:33 พอมีลูกที่แพ้แล้วจะทำวิธีนี้อย่างที่คุณ
00:38:33 → 00:38:35 ินบอกต้องมาอยู่ที่นี่อยู่ใกล้หมอมี
00:38:36 → 00:38:38 เครื่องมืออย่าอย่าเพิ่งทำเองที่บ้านไม่
00:38:38 → 00:38:41 ใช่อุ๊ยทำวิธีนี้กลับไปค่อยๆให้ลูกทาน
00:38:41 → 00:38:43 หรืออะไรต้องต้องปรึกษาคุณหมออย่างใกล้
00:38:43 → 00:38:46 ชิดเหมือนกันเรื่องนี้ใช่มคะคือคุณกบพูด
00:38:46 → 00:38:50 ถูกนะครับเพราะว่าจริงๆวิธีนี้เนี่ยคุณ
00:38:50 → 00:38:53 ปู่คุณย่าคุณตาคุณยายเราพูดกันมาเรื่อยๆ
00:38:53 → 00:38:57 ครับว่าลองให้กินทีละนิดก็จะมีปภูมิแต่
00:38:57 → 00:39:01 แต่คนไข้ว่าในปัจจุบันเมักจะแพ้มากครับนะ
00:39:01 → 00:39:04 เอ่อดังนั้นเคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายที่เ
00:39:04 → 00:39:08 แนะนำมานะปัจจุบันเนี่ยเราเราไม่แนะนำให้
00:39:08 → 00:39:12 คุณทำอย่างนั้นที่บ้านอันตรายเกินไปครับ
00:39:12 → 00:39:17 นะมาตรวจว่าเแพ้มากน้อยเท่าไหร่แล้วเรา
00:39:17 → 00:39:21 เลือกระดับในการทำค่ะนะครับอย่างลูกของ
00:39:21 → 00:39:26 กี้นี่เอ่อโชคดีมากเลยแต่ปรากฏว่าลูกของ
00:39:26 → 00:39:31 ไอ้เจี๊ยบเนี่ยเอ่อเราต้องผ่านหลายพายุ
00:39:31 → 00:39:34 หลายหลายลูกเลยเนะดอกเตอร์เล่าให้ฟัง
00:39:34 → 00:39:37 หน่อยสิคะตอนยังเล็กๆนี่คืออาการเขายัง
00:39:37 → 00:39:40 ไม่ไม่ถึงขั้นอาลินะคะเจะเป็นแค่ผื่นคัน
00:39:40 → 00:39:43 คือเราก็บอกทางโรงเรียนว่าห้ามเอาอะไรให้
00:39:43 → 00:39:46 ลูกเรากินเด็ดขาดค่ะเราก็คือทุกอย่างที่
00:39:46 → 00:39:48 ลูกจะเข้าปากได้ต้องมาจากที่บ้านที่เรา
00:39:48 → 00:39:51 เตรียมให้อาจารย์ปกิท่านก็เลยบอกว่าถ้า
00:39:51 → 00:39:55 อย่างงั้นก็มาลองทำ challeng กันมยก็คือ
00:39:55 → 00:39:59 เหมือนของคุณินิใช่ก็คือเริ่มจากตอนแรก
00:39:59 → 00:40:03 ให้เอาไข่มาอบจนกระทั่งมากินไข่ต้มแล้วก็
00:40:03 → 00:40:08 หแรกนี่คืออาจารย์ทำจนกินไข่ต้มได้เศษ 1/4
00:40:08 → 00:40:11 ฟองค่ะแต่ปัจจุบันนี่คือน้องเขากินกินแบบ
00:40:11 → 00:40:14 เป็นว่าเล่นเลยอ่ะโอหูยโชคดีตนมากตอนนี้
00:40:14 → 00:40:17 กินกินได้ไม่จำกัดแล้วอ่ะค่ะค่ะแล้วก็มี
00:40:17 → 00:40:21 นมตอนแรกนมเนี่ยเขาสมเป็นส่วนผสมที่มอง
00:40:21 → 00:40:24 ไม่เห็นอยู่ในอาหารค่ะเากินเข้าไปเขาก็
00:40:24 → 00:40:29 แพ้แล้วก็อาจารย์รักษาจนจนตอนนี้คือเขา
00:40:29 → 00:40:33 กินได้เกือบ 200 ML ตอนเช้าแล้วก็ตอน
00:40:33 → 00:40:35 เย็นนะค่ะค่ะคือเป็นวิธีการรักษาของของ
00:40:35 → 00:40:38 อาจารย์ที่ให้กินทุกวันวันละ 2 รอบวิธี
00:40:38 → 00:40:41 เดียวกันใช่ค่ะตอนนี้ก็จะดีขึ้นมากตอนนี้
00:40:41 → 00:40:44 ก็เหลือถั่วเดี๋ยวต้องกลับมาทำใหม่ถั่ว
00:40:44 → 00:40:47 ยังมีอีก 1 คลื่นนะคะที่ยังใช่เพราะถั่ว
00:40:47 → 00:40:50 นี่ก็น่ากลัวเพราะว่าเขาเคยไปงานปาร์ตี้
00:40:50 → 00:40:54 แล้วก็มีผัดไทยกันนะคะค่ะคือมีแค่ละออง
00:40:54 → 00:40:57 คือเราคิดว่าวันนั้นที่เขามีผัดไทยแล้วก็
00:40:57 → 00:41:00 เคหายใจเข้าไปทีนี้แล้วก็เอ๊ะเค้าวิ่ง
00:41:00 → 00:41:02 เล่นอยู่ดีอยู่ๆเวิ่งมาที่เราแล้วเก็มา
00:41:02 → 00:41:05 นอนค่ะแล้วก็ทำท่าเหนื่อยแล้วก็ไม่ได้เอะ
00:41:05 → 00:41:08 ใจเรานึกว่าเาเหนื่อยไม่สบายคะพอกลับบ้าน
00:41:08 → 00:41:13 เาก็ไอไอถีขึ้นถี่ขึ้นแล้วก็เลยพอมาพอพา
00:41:13 → 00:41:16 มาที่โรงพยาบาลปรากฏว่าคือคุณหมอบอกว่า
00:41:16 → 00:41:19 เอ๊ะออกซิเจนทำไมเหลือ 80 ออกซิเจนในตัว
00:41:19 → 00:41:22 ปกติคนเราต้อง 98 - 100 อ่ะคะขบทเหลือ
00:41:22 → 00:41:25 80 เขาก็เลยจับให้นั่งให้ออกซิเจนอยู่
00:41:25 → 00:41:28 ผ่านไป 20 นาทีออกซิเจนก็ยังไม่เข้าก็คือ
00:41:28 → 00:41:33 เหมือนกับว่าเขาแพ้มาจนปอดมันปอดมันแฟบลง
00:41:33 → 00:41:36 สีบลงแล้วก็ออกซิเจนไม่เข้าอ่ะค่ะค่ะก็
00:41:36 → 00:41:41 เลยรอเดี๋ยวพอนมได้ที่ก็มาทำ challeng
00:41:41 → 00:41:45 ถั่วต่อค่ะค่ะอย่างผู้ปกครองทั้ง 2 ท่าน
00:41:45 → 00:41:47 เนี่ยค่ะมีสูตรอาหารเฉพาะสำหรับลูกมยคะ
00:41:47 → 00:41:50 แล้วก็มีการเตรียมตัวอย่างไรที่แบบว่าจะ
00:41:50 → 00:41:51 ต้องเอาไปโรงเรียนอะไรอย่างเงี้ยค่ะจะ
00:41:51 → 00:41:54 ต้องมีกำหนดชัดเจนในแต่ละวันมยคะก็แจ้ง
00:41:54 → 00:41:57 ครูไว้เลยว่าไม่ให้ลูกกินอะไรของโรงเรียน
00:41:57 → 00:42:00 แต่ตอนหลังนี่เขาขอกินแล้วมคะแต่ว่างครู
00:42:00 → 00:42:03 ประจำชั้นเขาจะช่วยดูเพราะว่าเด็กที่โรง
00:42:03 → 00:42:05 เรียนที่ลูกเขาเรียนนี่ก็คือเหมือนเด็กจะ
00:42:05 → 00:42:08 ต้องไปชี้เลือกอาหารเองครูประจำชั้นเขาจะ
00:42:08 → 00:42:11 คอยเดินประกบบอกว่าอันนี้ทานได้อันนี้ทาน
00:42:11 → 00:42:14 ไม่ได้เพราะว่าโรงเรียนเมันมีเด็กแพ้เยอะ
00:42:14 → 00:42:17 เลยค่ะอาหารแต่ละอย่างเขาก็จะเขียนกำกับ
00:42:17 → 00:42:22 ไว้ว่าอันนี้มีนมบัวปนหรืออันนี้มีมี
00:42:22 → 00:42:25 อาหารทะเลปนมีมีน้ำปลาปนเขาก็จะเขียนไว้
00:42:25 → 00:42:29 อยู่อลูครูลูกเขก็จะเลือกอันที่มันไม่มี
00:42:29 → 00:42:32 นมบัวปนให้ลูกแล้วก็ไม่มีถั่วที่โรงเรียน
00:42:32 → 00:42:35 อยู่แล้วมันเขาก็เลยกินกับโรงเรียนได้
00:42:35 → 00:42:37 เชื่อว่าคุณแม่ทั้ง 2 ท่านต้องเป็นห่วง
00:42:37 → 00:42:40 ต้องกังวลแล้วก็เชื่อว่ามันจะมีความยุ่ง
00:42:40 → 00:42:42 ยากและความลำบากในการที่จะต้องเลี้ยงดู
00:42:42 → 00:42:46 ลูกที่เป็นเรื่องของแพ้อาหารอย่างแน่นอน
00:42:46 → 00:42:49 สุดท้ายแล้วค่ะให้กำลังใจหรือให้คำแนะนำ
00:42:49 → 00:42:54 ยังไงกับคุณแม่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครอง
00:42:54 → 00:42:57 ที่มีลูกที่แพ้อาหารอยู่ตอนนี้นี้
00:42:57 → 00:43:00 บ้างคืออันเนี้ยค่ะอาจารย์อยากจะถาม
00:43:00 → 00:43:02 อาจารย์เหมือนกันค่ะ
00:43:02 → 00:43:06 ว่าคือบางทีบางทีเราก็รู้สึกว่าชีวิตเรา
00:43:06 → 00:43:09 รันทดมากแต่เรากลับกลายเป็นว่าเราทำให้
00:43:09 → 00:43:12 ลูกเราเครียดด้วยหรือเปล่าแบบเฮ้ยห้ามกิน
00:43:12 → 00:43:14 ห้ามกินห้ามกินอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็เลย
00:43:14 → 00:43:17 อยากจะแบบถามอาจารย์เหมือนกันว่าจริงๆ
00:43:17 → 00:43:21 แล้วเราควรจะทำตัวยังไงดีคะอาจารย์ผมก็
00:43:21 → 00:43:25 ทราบดีแล้วว่าบางครอบครัวไม่เหมือนกันคือ
00:43:25 → 00:43:28 บางครคนที่เคแพ้เยอะๆเนี่ยนะฮะเาสามารถ
00:43:28 → 00:43:31 ที่จะทำอาหารึผมไปกินอาหารเเนี่ยผมยังว่า
00:43:31 → 00:43:35 มันโอ้โหอร่อยดีเพราะฉะนั้นเนี่ยมันขึ้น
00:43:36 → 00:43:39 อยู่กับแต่ละครอบครัวจริงๆเลยครับพี่นะ
00:43:39 → 00:43:43 บางครอบครัวที่ดูแล้วทำไม่ได้อย่างที่ผม
00:43:43 → 00:43:47 เรียเรียนให้ทราบเอ่อเกิดอุบัติเหตุปี
00:43:47 → 00:43:50 ละลายหลายหนค่ะอันนั้นเนี่ยเราก็จะต้อง
00:43:50 → 00:43:54 เข้าไปช่วยล่ะค่ะดอกเตอร์ล่ะคะมีอะไรจะ
00:43:54 → 00:43:56 พูดให้กำลังใจหรือ
00:43:56 → 00:43:59 เข้าใจเลยหัวอกคนเป็นแม่ว่ามันต้องฝาฟัน
00:43:59 → 00:44:02 คลื่นหลายลูกเนี่ยจะให้กำลังใจคณแม่บลูก
00:44:02 → 00:44:04 ไปเลยว่าหนูกินไม่ได้เพราะหนูจะแพ้แล้ว
00:44:04 → 00:44:06 เขาก็เขาก็ยอมรับนะค่ะเพราะเขารู้ว่าเวลา
00:44:06 → 00:44:09 เขาแพ้มันทรมานค่ะเขาก็จะถามก่อนทุกครั้ง
00:44:09 → 00:44:11 ที่เขาจะกินอะไรว่าอันนี้หนูทานได้หรือ
00:44:11 → 00:44:14 เปล่าค่ะแล้วเวลาเห็นเพื่อนทานอะไรเาก็จะ
00:44:14 → 00:44:16 เขาก็จะไม่ทานนะคะอรือไม่ถ้าเราอยู่ตรง
00:44:16 → 00:44:19 นั้นเขาก็จะขอบอกว่าเอ๊ะหนูทานได้มมันมี
00:44:19 → 00:44:22 ส่วนผสมของนมวัวมยคือเหมือนกับว่าเขาก็จะ
00:44:23 → 00:44:26 คือเขาก็ไม่ได้เครียดอ่ะค่ะค่ะแล้ว
00:44:26 → 00:44:29 ไม่รู้เราอาจจะเป็นนิสัยเขาด้วยเาจะเป็น
00:44:29 → 00:44:33 คนที่แบบอืมสนุกสนานแต่ละวันของเขาอยู่
00:44:33 → 00:44:35 แล้วเาก็จะรู้สึกว่าเออเนี่ยเวลาเจอหน้า
00:44:36 → 00:44:39 ใครเก็จะบอกเนี่ยนะหนูแพ้อาหารนะจะคล้ายๆ
00:44:39 → 00:44:42 ว่าเป็นอวดคนอื่นแต่ว่าเนี่ยเรากินไม่ได้
00:44:42 → 00:44:46 นะเพราะว่าเราแพ้อเราเคยแบบว่าเาก็จะอวด
00:44:46 → 00:44:48 คนอื่นกลายเป็นเรื่องที่เขาไปอวดคนอื่นนะ
00:44:48 → 00:44:50 คะเราก็ไม่ค่อยเข้าใจเเหมือนกันคือเขาก็
00:44:50 → 00:44:53 ไม่ได้รู้สึกแย่กับตัวเองค่ะก็อาจจะเป็น
00:44:53 → 00:44:54 วิธีที่
00:44:54 → 00:44:58 ให้คุณแม่ให้กับเด็กคือให้คิดในทางบวกว่า
00:44:58 → 00:45:02 เออเราอาจจะเป็นพิเศษเนาะแพ้เป็นพิเศษเลย
00:45:02 → 00:45:06 อะไงี้เราบอกว่าอย่างคนอื่นมันก็มีแบบแต่
00:45:06 → 00:45:09 ละคนมันก็ไม่เหมือนกันนะคะมีบางคนเขาก็
00:45:09 → 00:45:12 อย่างแม่แม่ก็ทานอาหารทะเลไม่ได้ละอืก็
00:45:12 → 00:45:15 บอกเว่ามันเป็นเรื่องปกติที่แต่ละคนเค่ะ
00:45:15 → 00:45:19 ก็คือมันไม่มีใครที่แบบค่ะมันเพอเฟคขนาด
00:45:19 → 00:45:22 นั้นนะคะก็มีข้อบกพร่องค่ะค่ะจากที่ฟังก็
00:45:22 → 00:45:25 คือคุณแม่ 2 ท่านก็พยายามที่จะบอกลูกแล้ว
00:45:25 → 00:45:27 ให้ลูกเนี่ยเหมือนระมัดระวังด้วยตัวของ
00:45:27 → 00:45:30 เขาเองด้วยใช่มคะให้ให้ต้องถามก่อนนะต้อง
00:45:31 → 00:45:33 ระวังในการจะทานอะไรอย่างงี้เขาก็ต้องดู
00:45:33 → 00:45:37 แลตัวเองด้วยใช่มคะว่าเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ
00:45:37 → 00:45:41 นะครับพออายุสัก 10 กว่าขวบแล้วเนี่ยมัน
00:45:41 → 00:45:47 จะกลับกันเด็กพวกเเขาจะคือเขาจะปฏิเสธอ
00:45:47 → 00:45:50 แล้วเขอยากจะลองอยากลองแล้วทีนี้พออยาก
00:45:50 → 00:45:54 ลองแล้วก็เกิดปัญหาค่ะซึ่งอันนั้นเนี่ยเอ
00:45:54 → 00:45:58 ต่างประเทศเตีพิมพ์เรื่องพวกเนี้ยกันเยอะ
00:45:58 → 00:46:02 แต่ประเทศไทยเราคงไม่ไม่รอถึงตรงนั้นนะ
00:46:02 → 00:46:05 ค่ะค่ะก็จากที่พูดคุยกันวันนี้นะคะจากที่
00:46:05 → 00:46:09 ได้ฟังเนี่ยก็ทำให้เห็นว่าเด็กที่มี
00:46:09 → 00:46:11 เรื่องของโรคของแพ้อาหารผู้ใหญ่ด้วยเอง
00:46:11 → 00:46:13 ที่โตขึ้นเรื่อยๆก็ตามเนี่ยนะก็จะมี
00:46:13 → 00:46:15 เรื่องของการแพ้อาหารอยู่บ้างเพราะฉะนั้น
00:46:15 → 00:46:19 เนี่ยมีอยู่ค่อนข้างเยอะทีเดียวเลยมีได้
00:46:19 → 00:46:23 ฟังว่าคุณพ่อเ่อคุณแม่นะคะมีความลำบากมี
00:46:23 → 00:46:26 ความวิตกกังวลบ้างในเรื่องของของการดูแล
00:46:26 → 00:46:30 ลูกๆที่แพ้อาหารคุณหมอขากล่าวสรุปจบท้าย
00:46:30 → 00:46:32 หน่อยค่ะวันนี้ว่าถ้าเกิดเรามีลูกที่แพ้
00:46:32 → 00:46:35 อาหารหรือเป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ก็
00:46:35 → 00:46:39 ดีว่าเราจะดูแลตัวเองยังไงหรือลูกออกมา
00:46:39 → 00:46:42 แพ้แล้วหรือยังไม่แพ้เราก็ยังไม่รู้จะมี
00:46:42 → 00:46:44 วิธีสังเกตลูกยังไงดูแลลูกยังไงและ
00:46:44 → 00:46:48 ปฏิบัติตัวยังไงดี
00:46:48 → 00:46:52 คะคำถามของคุณเป็นคำามที่ยากแล้วก็มีการ
00:46:52 → 00:46:56 ศึกษามาแล้วก็โดนผมก็โดนถามมามากตอนนี้
00:46:56 → 00:47:01 เ่อเรื่องที่คุณแม่ที่ท้องอยู่แล้วแก้กัน
00:47:01 → 00:47:04 ไม่ให้แพ้อาหารเนี่ยเอ่อเรี่ยงโนนเรื่อง
00:47:04 → 00:47:08 นี่เนี่ยมันมีการศึกษาออกมามากมายซ้ำแล้ว
00:47:08 → 00:47:12 ซ้ำเล่าว่าเราไม่สามารถจะกันได้ครับนะบาง
00:47:12 → 00:47:17 อย่างที่การเอ่อวิชาการเรายังไปไม่ถึงค่ะ
00:47:17 → 00:47:21 แม้กระทั่งลูกเนี่ยคลอดออกมาเนี่ยนะครับ
00:47:21 → 00:47:24 แล้วคุณจะเลี่ยงไปนานเท่าไหร่ตอนนี้เนี่ย
00:47:24 → 00:47:28 เอ่อทางศิราชเองก็ยังค่อนข้างจะตั้งรับ
00:47:28 → 00:47:33 ค่ะรับรับรักษาคนที่แพ้แล้วนะครับแต่การ
00:47:33 → 00:47:39 เอ่อป้องกันเนี่ยเราเราคงยังเรายังคนไม่
00:47:39 → 00:47:43 ถึงจุดนั้นนะฮะเรายังไม่สามารถจะแนะนำให้
00:47:43 → 00:47:47 ถูกต้องได้นะครับค่ะนะครับว่าเราควรจะให้
00:47:47 → 00:47:51 เกินนมวัวตั้งแต่อยู่ในเนอสรี่เลยหรือ
00:47:51 → 00:47:54 เปล่าเอันนี้อิสราเอลเ้าว่างั้นนะนะให้
00:47:54 → 00:47:59 กินไข่เอ่อภายใน 2 เดือนแรกอันนี้
00:47:59 → 00:48:03 ออสเตรเลียเขว่าอย่างนั้นค่ะซึ่งเอ่อผม
00:48:03 → 00:48:06 ไม่คิดว่าอันนี้เราเรายังตัดสินใจได้ที่
00:48:06 → 00:48:10 จะเขียนออกมาเป็นวิธีการได้ก็คือเรายัง
00:48:10 → 00:48:14 ไม่สามารถหาวิธีทางป้องกันได้นะคะก็คือ
00:48:14 → 00:48:18 ถ้าเกิดมีเอ่อบุตรหลานมีลูกหลานที่สงสัย
00:48:19 → 00:48:22 ว่าอาจจะแพ้หรือเปล่าให้มาพบคุณหมอดีที่
00:48:22 → 00:48:28 สุดมามาคุยกันมาพบคุณหมอมารักษาดีที่สุด
00:48:28 → 00:48:33 นะคะในกรณีที่เอ่อคุณพ่อคุณแม่เอ่อพบว่า
00:48:33 → 00:48:37 ลูกมีปฏิกิริยาเอ่อเช่นลมพิษนะเอ่อหรือ
00:48:37 → 00:48:43 อาเจียนปวดท้องเอ่อเอ่อถ่ายเหลวเอ่อหายใจ
00:48:43 → 00:48:46 ไม่สะดวกหลังจากรับประทานอาหารชนิดใหม่
00:48:46 → 00:48:50 เอ่อจุดนั้นล่ะอาจจะเป็นจุดที่เราสงสัย
00:48:50 → 00:48:55 ว่าเอ่อเด็กจะแพ้อาหารแล้วก็ปรึกษาแพทย์
00:48:55 → 00:49:00 และพวกชนากรเพื่อที่จะหาอาหารทดแทนให้ให้
00:49:00 → 00:49:04 เอ่อการเจริญเติบโตหรือการดำเนินชีวิตให้
00:49:04 → 00:49:07 เป็นปกติได้ก็คงจะเป็นใช้ในส่วนของการ
00:49:07 → 00:49:09 ระมัดระวังของตัวน้องเองอ่ะนะคะเพราะว่า
00:49:09 → 00:49:11 เราก็สงสารน้องแล้วอย่างที่คุณหมอบอกคือ
00:49:11 → 00:49:13 บางทีเราก็ไม่สามารถที่จะห้ามเขาได้ว่า
00:49:13 → 00:49:15 เออไปข้างนอกแล้วก็ต้องห้ามกินอะไรอย่าง
00:49:15 → 00:49:18 เงี้ยค่ะคือต้องสอนเขาปลูกฝังเขาแล้วก็
00:49:18 → 00:49:20 ที่สำคัญคือเหมือนกับสงสารเขาด้วยบางที
00:49:20 → 00:49:23 เราก็เหมือนแบบเอ้ยเหมือนกับเหมือนเขามี
00:49:23 → 00:49:24 ปมหรือเปล่าอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าคือ
00:49:24 → 00:49:27 ที่เก็เหมือนมาปรับทัศนคติให้เราอย่าง
00:49:27 → 00:49:28 เงี้ค่ะให้เรารู้สึกว่าเออเราเลี้ยงน้อง
00:49:28 → 00:49:31 แล้วเราสบายใจให้น้องกินในสิ่งที่ดีๆแล้ว
00:49:31 → 00:49:35 ก็ไม่แพ้ด้วยอ่ะค่ะชอบค่ะรู้สึกว่าดีแล้ว
00:49:35 → 00:49:37 ก็มีประโยชน์หลายอย่างเลยไอที่เราไม่เคย
00:49:37 → 00:49:40 รู้ก็ได้รู้เยอะเลยอยากให้มีจัดต่อไป
00:49:40 → 00:49:42 เรื่อย
00:49:42 → 00:49:46 ๆหากท่านใดสนใจสาระความรู้ในวันนี้จากทาง
00:49:46 → 00:49:49 สาขาวิชาโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาพรรค
00:49:49 → 00:49:52 วิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราช
00:49:53 → 00:49:55 พยาบาลสามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่ม
00:49:55 → 00:49:58 เติมหรือขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคแพ้
00:49:58 → 00:50:03 อาหารได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02 419 5670
00:50:03 → 00:50:08 และ 02 419 5889 หรือผ่านทาง facebooks
00:50:08 → 00:50:10 food
00:50:10 → 00:50:24 [เพลง]
00:50:24 → 00:50:31 ay
00:50:31 → 00:50:54 [เพลง]
00:50:54 → 00:50:57 แ
00:50:57 → 00:51:00 hla