00:00:00 → 00:00:02 This is Thai PBS Podcast. Viel
00:00:03 → 00:00:06 the world by the voice
00:00:06 → 00:00:08 >> การที่มนุษย์รับรู้ข่าวสารเนี่ยมันเป็น
00:00:08 → 00:00:10 กลไกโดยธรรมชาติอยากรับรู้ว่าอะไรกำลัง
00:00:10 → 00:00:12 เกิดขึ้นรอบตัวเราบ้างอย่างน้อยเราจะได้
00:00:12 → 00:00:15 รู้และจะได้เอามาระวังตัวและปรับตัวเพราะ
00:00:15 → 00:00:17 ถ้าเราแบบจัดการชีวิตโดยที่ไม่รู้อะไรเลย
00:00:17 → 00:00:19 เงี้ยครับมันก็จะเกิดความกังวลว่าเอ๊ะไอ้
00:00:19 → 00:00:21 ที่ทำอยู่นี่ฉันจะรอดมั้นะแล้วก็อีกอย่าง
00:00:21 → 00:00:23 นึงครับเป็นเรื่องของความอยากรู้อยากเห็น
00:00:23 → 00:00:26 ถ้ามันเป็นข่าวที่มันเกินกว่าจะควบคุมมัน
00:00:26 → 00:00:29 อาจจะเกิดเป็นความกลัวความกังวลหรือความ
00:00:29 → 00:00:30 โกรธแค้นบางอย่างขึ้นมาก็ได้มันกลายเป็น
00:00:30 → 00:00:33 ว่าเราเรามีอารมณ์ต่อสิ่งต่างๆเกินความ
00:00:33 → 00:00:35 จำเป็นเพราะสิ่งที่เราต้องไม่ลืมนะครับก็
00:00:35 → 00:00:37 คือสื่อตอนเนี้ยไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่
00:00:37 → 00:00:40 ผู้ถ่ายทอดข่าวสารแต่เขาต้องการเรียกยอด
00:00:40 → 00:00:43 วิวสิ่งเนี้ยมันเลยปั่นให้ตัวเราอ่ะครับเ
00:00:43 → 00:00:45 เรียกว่ามีอารมณ์ร่วมเกินกว่าข่าวสารที่
00:00:45 → 00:00:48 มันเป็น
00:00:48 → 00:00:51 >> ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:51 → 00:00:54 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:57 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:57 → 00:01:00 >> คุณผู้ฟังในวันนี้นะคะเราจะมาคุยกันถึง
00:01:01 → 00:01:04 เรื่องของการเสพข่าวจนเครียดค่ะเคยเป็น
00:01:04 → 00:01:07 มั้ยคะดูข่าวไปนะคะข่าวบางอย่างอาจจะ
00:01:07 → 00:01:09 กระทบกระเทือนจิตใจเนาะเป็นเรื่องใกล้ตัว
00:01:09 → 00:01:11 หรือเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนนะคะทำ
00:01:11 → 00:01:13 ให้เรารู้สึกว่าเราจะติดตามข่าวนี้อย่าง
00:01:13 → 00:01:17 ใกล้ชิดเลยทีเดียวเสพไปเสพมาจนเครียดเลย
00:01:17 → 00:01:19 ค่ะกับข่าวบางข่าวนะคะคุยกับดร.สุวุฒิ
00:01:19 → 00:01:22 วงธานสวัสดิ์นักจิตวิทยาการปรึกษาค่ะถึง
00:01:22 → 00:01:24 เรื่องนี้ว่าถ้าเสพข่าวจนเครียดเนี่ยเอ่อ
00:01:24 → 00:01:27 เรามีวิธีการที่จะไม่เครียดกับสิ่งที่เรา
00:01:27 → 00:01:30 ติดตามรับชมรับฟังแบบนี้ได้อย่างไรนะคะ
00:01:30 → 00:01:31 คุยกับคุณเอิ้ลค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:31 → 00:01:33 >> ครับสวัสดีครับพดีสวัสดีครับคุณผู้ฟัง
00:01:33 → 00:01:38 >> อ่าเสพข่าวจนเครียดช่วงนี้ข่าวก็เยอะแยะ
00:01:38 → 00:01:40 >> เดี๋ยวนี้ก็จะเจอว่าข่าวหลายๆข่าวเนี่ยมี
00:01:40 → 00:01:42 ผลกระทบต่อความรู้สึก
00:01:42 → 00:01:46 >> ค่อนข้างมากเลยทีเดียวนะคะถ้าในเชิงของ
00:01:46 → 00:01:49 ทางด้านจิตวิทยาในแนวเนี้ยพฤติพฤติกรรม
00:01:49 → 00:01:51 การเสพข่าวมากเกินไปต่างๆเหล่านี้เนี่ย
00:01:51 → 00:01:53 มันเป็นภาวะอะไรที่เกี่ยวข้องกับทางจิตใจ
00:01:53 → 00:01:54 อะไรยังไงมั้
00:01:54 → 00:01:56 >> อ่าโอเคครับต้องบอกว่าจริงๆการรู้ข่าวสาร
00:01:56 → 00:01:58 เนี่ยครับมันเป็นสันทัตตานของสิ่งมีชีวิต
00:01:59 → 00:02:01 เลยแหละถ้าถามว่าทำไมเราถึงต้องเสพข่าว
00:02:01 → 00:02:03 สารผมว่าเราตั้งต้นที่ตรงนี้ก่อนเนาะทำไม
00:02:03 → 00:02:04 เราถึงต้องเสพข่าวสาร
00:02:04 → 00:02:04 >> อ
00:02:05 → 00:02:07 >> เพราะข่าวสารจะเป็นตัวบอกบริบทตัวบอกสภาพ
00:02:07 → 00:02:10 แวดล้อมตัวบอกสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อนำไป
00:02:10 → 00:02:12 สู่การปรับตัวของเราในการอยู่รอด
00:02:12 → 00:02:12 >> อื
00:02:12 → 00:02:14 >> อันนี้มันเป็นเรื่องของสันทตญาณสมมุติไม่
00:02:14 → 00:02:16 ต้องเอามนุษย์ก็ได้เอาแบบตั้งแต่สัตว์ดึก
00:02:16 → 00:02:19 ดำบรอะไรแล้วแต่ถ้ารู้ว่ากำลังจะเกิดแผ่น
00:02:19 → 00:02:23 ดินไหวเป็นไงครับมดอาจจะแบบเริ่มขยับะ
00:02:23 → 00:02:25 สิ่งมีชีวิตอาจจะเริ่มอพยพนกจะเริ่มบิน
00:02:25 → 00:02:28 กำลังจะเกิดสึนามิกำลังจะเกิดไฟไหม้กำลัง
00:02:28 → 00:02:29 จะเกิดโอกบาทบางอย่างอ
00:02:29 → 00:02:32 >> พอสิ่งมีชีวิตรับรู้ปั๊บก็จะเกิดการปรับ
00:02:32 → 00:02:33 ตัว
00:02:33 → 00:02:35 >> อ่าหรือแม้กระทั่งปลาพอรู้ว่าแบบไอ้ตรง
00:02:35 → 00:02:37 นี้เอ่อน้ำมันเริ่มไม่ใช่อุณหภูมิปกติ
00:02:37 → 00:02:40 แล้วะปลาก็จะอพยพย้ายที่ทำมาหากินนกก็จะ
00:02:40 → 00:02:42 บินที่บินแบบย้ายถิ่นฐาน
00:02:42 → 00:02:44 >> เหมือนเป็นสัญชาตญาณ
00:02:44 → 00:02:46 >> สัญชาตญาณครับเพราะฉะนั้นการรับรู้ข่าว
00:02:46 → 00:02:48 สารเป็นไปเพื่อให้ตัวเราเนี่ยมีข้อมูล
00:02:48 → 00:02:50 เพียงพอที่จะปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอด
00:02:50 → 00:02:52 เพราะงั้นนี่คือพื้นฐานพอขยับมาที่มนุษย์
00:02:52 → 00:02:55 ก็ไม่ต่างกันครับการที่มนุษย์รับรู้ข่าว
00:02:55 → 00:02:57 สารเนี่ยมันเป็นกลไกโดยธรรมชาติของสัของ
00:02:57 → 00:02:58 ธรรมชาติ
00:02:58 → 00:02:58 >> อือ
00:02:58 → 00:03:01 >> ที่ตัวเราอยากรับรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น
00:03:01 → 00:03:03 รอบตัวเราบ้างอย่างน้อยข้อแรกข้อที่ 1 ก็
00:03:03 → 00:03:06 คือเราจะได้รู้และจะได้เอามาระวังตัวและ
00:03:06 → 00:03:09 ปรับตัวแล้วพอปรับตัวได้ปึ๊บก็จะรู้สึก
00:03:09 → 00:03:12 ควบคุมได้พอควบคุมได้เราก็จะถอยห่างออก
00:03:12 → 00:03:14 จากความกลัวเพราะถ้าเราแบบจัดการชีวิตโดย
00:03:14 → 00:03:16 ที่ไม่รู้อะไรเลยเงี้ยครับมันก็จะเกิด
00:03:16 → 00:03:19 ความกังวลว่าเอ๊ะไอ้ที่ทำอยู่นี่ฉันจะรอด
00:03:19 → 00:03:19 มั้ยนะ
00:03:19 → 00:03:20 >> อื
00:03:20 → 00:03:22 >> ฉันยังโอเคมั้นะมันถึงบางทีไม่ได้ตามข่าว
00:03:22 → 00:03:25 สารจากแมพที่เป็นสื่อเนาะบางทีไปถามจาก
00:03:25 → 00:03:25 เพื่อน
00:03:25 → 00:03:26 >> อ่าฮะ
00:03:26 → 00:03:27 >> เฮ้ยตอนนี้เพื่อนทำอะไรเพื่อนคิดยังไงตอน
00:03:27 → 00:03:29 นี้ใครถึงไหนแล้วพวกนี้เรียกว่าข่าวแบบ
00:03:29 → 00:03:30 นึงเหมือนกัน
00:03:30 → 00:03:30 >> ค่ะ
00:03:30 → 00:03:33 >> เออข่าวว่าเพื่อนทำอะไรเนี่ยเงี้ยแต่ถ้า
00:03:33 → 00:03:34 เป็นข่าวที่เราดูในโซเชียลจะเป็นข่าวเชิง
00:03:34 → 00:03:37 สังคมเชิงภาพใหญ่ที่มากกว่าแค่เพื่อนและ
00:03:37 → 00:03:39 เรารับรู้มากกว่านั้นว่าสังคมเรากำลัง
00:03:39 → 00:03:41 เกิดอะไรขึ้นเพื่อที่เราจะได้ควบคุมมัน
00:03:41 → 00:03:44 ถูกต้องเช่นช่วงนี้กำลังจะปรับภาษีอ่า
00:03:44 → 00:03:47 ช่วงนี้เกิดสงครามขึ้นตรงชายแดนเป็นเออ
00:03:47 → 00:03:48 น้ำมันขึ้น
00:03:48 → 00:03:49 >> น้ำมันขึ้น
00:03:49 → 00:03:51 >> อ่าเศรษฐกิจเป็นยังไงดีไม่ดีอย่างเงี้ย
00:03:51 → 00:03:53 ครับพวกเนี้ยมันเอาไว้ให้เราปรับตัวและ
00:03:53 → 00:03:54 ควบคุมอุตสาหการได้
00:03:54 → 00:03:55 >> อื
00:03:55 → 00:03:57 >> แล้วก็อีกอย่างนึงครับอันเนี้ยมันมันจะ
00:03:57 → 00:04:00 เป็นเรื่องอื่นที่นอกจากความอยู่รอดและ
00:04:00 → 00:04:01 เป็นเรื่องของความอยากรู้อยากเห็น
00:04:01 → 00:04:02 >> อื
00:04:02 → 00:04:04 >> อยากรู้สึกว่าฉันแบบรู้
00:04:04 → 00:04:06 >> ฉันเฮ้ยเรื่องนี้มันน่าสนใจ
00:04:06 → 00:04:08 >> เออชีวิตมันแบบไม่ค่อยมีอะไรทำน่าเบื่อขอ
00:04:08 → 00:04:11 ไปสนใจเรื่องชาวบ้านหน่อย
00:04:11 → 00:04:14 >> ถามจริงขนาดนั้นมีเหรอว่างขนาดนั้นน่ะมัน
00:04:14 → 00:04:16 มีเหมือนกันนะครับคือมันไม่ใช่แค่ข่าวแบบ
00:04:16 → 00:04:17 การเมืองข่าวสังคมเนาะ
00:04:17 → 00:04:17 >> อ
00:04:17 → 00:04:19 >> ข่าวนักแสดง
00:04:19 → 00:04:19 >> อ่าๆ
00:04:19 → 00:04:20 >> เฮ้ยคนนี้มีมือที่ 3
00:04:20 → 00:04:21 >> ชาวบ้านเรา 1
00:04:21 → 00:04:24 >> เอาละเราเป็นชาวบ้าน 1 ชาวบ้าน 2 สนใจ
00:04:24 → 00:04:26 >> เฮ้ยไอ้คนนี้มันกำลังแบบอำหรือเปล่ามัน
00:04:26 → 00:04:28 กำลังแบบเค้าเรียกว่าพูดเป็นพระเอกหรือ
00:04:28 → 00:04:29 เปล่าเงี้ยฮะ
00:04:29 → 00:04:32 >> เออเราเริ่มอยากจับผิดเริ่มหาเรื่องเริ่ม
00:04:32 → 00:04:33 หาเรื่องทำให้ไม่น่าเบื่อ
00:04:33 → 00:04:35 >> เออซึ่งส่วนเนี้ยไม่เกี่ยวข้องกับการปรับ
00:04:35 → 00:04:36 ตัว
00:04:36 → 00:04:38 >> ไม่เกี่ยวข้องกับการหยิบฉวยประโยชน์ใน
00:04:38 → 00:04:40 ข่าวสารมาใช้ในชีวิตและ
00:04:40 → 00:04:42 >> เป็นแค่ความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมอยากสนุก
00:04:42 → 00:04:43 แล้วก็ใช้สิ่งนั้นเป็นกิจกรรมเพื่อให้เรา
00:04:43 → 00:04:45 แบบรู้สึกได้เป็นเรียกว่ามีอำนาจเหนือ
00:04:45 → 00:04:48 กว่าเป็นผู้ชี้ชะตาคนอื่นรู้สึกได้
00:04:48 → 00:04:50 วิพากษ์วิจารณ์แล้วก็ได้สนองคุณธรรมบาง
00:04:50 → 00:04:52 อย่างในใจมันก็เป็นไปได้ครับ
00:04:52 → 00:04:54 >> หรือฉีกหน้ากากใครบางคนที่แบบเนี่ยชอบ
00:04:54 → 00:04:57 ฟอร์มเป็นพระเอกชอบแอขี้แอคนี่เป็นไงโดน
00:04:57 → 00:04:59 ฉีกหน้ากากชั้นละสะใจ
00:04:59 → 00:05:01 >> เนี่ยฮะพวกนี้จริงๆแล้วมันเป็นการเสพติด
00:05:01 → 00:05:02 ข่าวสารได้หมดเลย
00:05:02 → 00:05:05 >> ครับเนี่ยคือที่มาที่มาของการที่ทำให้
00:05:05 → 00:05:08 มนุษย์เสพข่าวสารเนาะเพื่อความอยู่รอด
00:05:08 → 00:05:10 เพื่อควบคุมปรับตัวได้มีความอยากรู้อยาก
00:05:10 → 00:05:12 เห็นแล้วอ้อแล้วก็มีนี่ด้วยครับเราอยาก
00:05:12 → 00:05:16 รู้สึกinทรนเป็นหนึ่งในกระแสเฮ้ยเวลาคุย
00:05:16 → 00:05:18 กันเฮ้ยฉันรู้เรื่องนี้ฉันฟังมาฉันศึกษา
00:05:18 → 00:05:21 มาอ่ามันจะรู้สึกว่าตัวฉันเนี่ยเหมือนถูก
00:05:21 → 00:05:23 ต้อนรับหรือเป็นส่วนหนึ่งไม่ได้แปลกแยกนะ
00:05:23 → 00:05:25 ครับหรืออาจจะรู้สึกว่าแบบฉันเป็นผู้นำ
00:05:25 → 00:05:26 ทางความคิดก็ได้
00:05:26 → 00:05:28 >> มันถึงทำให้บางคนเinfluenซอร์ถึงรีบพูด
00:05:28 → 00:05:31 รู้อะไรบางอย่างปั๊บรีบพูดรีบเล่าฉันจะ
00:05:31 → 00:05:33 ได้เป็นหัวแถวเป็นนั 1 ในการเล่า
00:05:33 → 00:05:37 >> เหมือนเหมือนจะได้ยอดไลก์ยอดแชร์ด้วยอ่ะ
00:05:37 → 00:05:37 เนาะเออ
00:05:37 → 00:05:40 >> ใช่ใช่ทีเนี้ยพอพอพูดถึงตรงนี้ปึ๊บมันเลย
00:05:40 → 00:05:42 กลายเป็นว่ามันจะมีผู้สร้างข่าวและผู้รับ
00:05:42 → 00:05:43 ข่าว
00:05:43 → 00:05:43 >> อ่า
00:05:43 → 00:05:45 >> ถูกมั้ฮะก็ก็ตามจากทฤษฎี
00:05:45 → 00:05:47 >> เออใช่ครับผู้สร้างข่าวรับข่าวเพราะ
00:05:47 → 00:05:49 ฉะนั้นอินฟูก็จะกลายเป็นผู้สร้างข่าว
00:05:49 → 00:05:52 >> หรือบางคนอาจจะแบบสร้างข่าวเฟกนิวสแบบ
00:05:52 → 00:05:55 ข่าวไม่จริงพูดรู้ไม่หมดอ่ะด่าเ้าไปก่อน
00:05:55 → 00:05:58 ก็มีนะครับไอ้เนี้ยมันคือหลักของเเรียก
00:05:58 → 00:05:59 ว่าสื่อสารมวลชนละฮะ
00:05:59 → 00:06:01 >> นะครับทีนี้ผลกระทบเหมือนที่พี่รีถามตอน
00:06:01 → 00:06:04 ต้นนะครับว่าเฮ้ยพอจุดนึงที่เรารับรู้มาก
00:06:04 → 00:06:06 เกินไปมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นข่าว
00:06:06 → 00:06:09 ที่เรารู้สึกว่ามันเกินกว่าจะควบคุมบาง
00:06:09 → 00:06:11 ครั้งพอเรารับรู้แล้วมันจัดการไม่ได้เรา
00:06:11 → 00:06:13 ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงอะไรได้มันอาจจะ
00:06:13 → 00:06:16 เกิดเป็นความกลัวความกังวลหรือความโกรธ
00:06:16 → 00:06:18 แค้นบางอย่างขึ้นมาก็ได้
00:06:18 → 00:06:18 >> อื
00:06:18 → 00:06:21 >> อ่าเช่นสมมุติข่าวสงครามรู้ข่าวปึ๊บเอ้ย
00:06:21 → 00:06:23 ดีฉันจะได้รู้ว่าแบบฉันจะต้องแบบหลบ
00:06:23 → 00:06:24 เลี่ยงพื้นที่ไหน
00:06:24 → 00:06:25 >> ออ
00:06:25 → 00:06:27 >> หรือฉันจะต้องเตรียมการอะไรบ้างเพื่อแบบ
00:06:27 → 00:06:29 กำลังจะเกิดภัยสงครามอันเนี้ยมันคือการ
00:06:29 → 00:06:31 รับรู้ข่าวเพื่อปรับตัวอ
00:06:31 → 00:06:33 >> เพื่อเลี่ยงความกลัวเพื่อเลี่ยงความรู้
00:06:33 → 00:06:36 สึกวิตกกังวลทีนี้สมมุติเราจัดการเสร็จะ
00:06:36 → 00:06:37 เลี่ยงความวิตกกังวลเลี่ยงความกลัวเสร็จ
00:06:37 → 00:06:40 ละมันจะมีส่วนที่เราเริ่มคิดว่าไอ้ส่วน
00:06:40 → 00:06:42 นี้มันควรจะกระทำอะไรบ้างนะมันจะเริ่มคิด
00:06:42 → 00:06:43 อีกแบบนึงขึ้นมา
00:06:43 → 00:06:43 >> อืออือ
00:06:43 → 00:06:48 >> ว่าทำไมทหารไม่ยิงมันเลยทำไมไอ้รัฐบาลมัน
00:06:48 → 00:06:50 ออกแบบนโยบายภาษีอย่างงี้วะอะไรเงี้ยฮะ
00:06:50 → 00:06:52 >> เออมันก็จะมีแนวคิดหลายอย่างที่เกิดเริ่ม
00:06:52 → 00:06:53 เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
00:06:53 → 00:06:55 >> คือในมุมมองพวกเนี้ยคือสามารถที่จะคิด
00:06:56 → 00:06:59 หรือจะมองไปอะไรหรือต่างกันไปได้หมดอ่ะ
00:06:59 → 00:07:03 เนาะแต่ว่าบางทีการอยู่กับอินกับสิ่งที่
00:07:03 → 00:07:06 มันเกิดขึ้นมากไปกับข่าวสารที่มันกรอง
00:07:06 → 00:07:08 บ้างไม่กรองบ้างเนาะในยุคสมัย
00:07:08 → 00:07:09 >> จริงบ้างไม่จริงบ้าง
00:07:09 → 00:07:12 >> เออหรือบางคนอาจจะไม่ได้ดูในสื่อหลักด้วย
00:07:12 → 00:07:12 ซ้ำเนี่ยอ
00:07:12 → 00:07:14 >> อยู่แต่ในโซเชียลอ่ะ
00:07:14 → 00:07:14 >> อื
00:07:14 → 00:07:16 >> เราก็เสพแต่ในโซเชียล
00:07:16 → 00:07:16 >> ใช่ครับ
00:07:16 → 00:07:18 >> เท็จก็เพียบเลย
00:07:18 → 00:07:20 >> แต่ไม่รู้ว่าอันเนี้ยมันเป็นข่าวเท็จเรา
00:07:20 → 00:07:21 เชื่อไปแล้วอ่ะ
00:07:21 → 00:07:21 >> อือๆ
00:07:21 → 00:07:23 >> เอออันเนี้ยมันมันมีผลกระทบแน่นอนเลยเนาะ
00:07:23 → 00:07:26 >> มีผลแน่นอนใช่ครับมันกลายเป็นว่าเราเรามี
00:07:26 → 00:07:28 อารมณ์ต่อสิ่งต่างๆเกินความจำเป็นเพราะ
00:07:28 → 00:07:30 สิ่งที่เราต้องไม่ลืมอ่ะครับก็คืออ
00:07:30 → 00:07:33 >> สื่อตอนเนี้ยไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้
00:07:33 → 00:07:36 ถ่ายทอดข่าวสารแต่เขามีเหตุผลในเชิง
00:07:36 → 00:07:38 ต้องการเรียกยอดวิว
00:07:38 → 00:07:40 >> อ่าหรือการมีส่วนร่วมพวกนี้เออ
00:07:40 → 00:07:43 >> เออเพราะฉะนั้นการพลาดหัวข่าวการเขียน
00:07:43 → 00:07:45 อะไรบางอย่างเพื่อให้คนรู้สึกเฮ้ยสิ่งนี้
00:07:45 → 00:07:47 น่าสนใจแล้วหันไปดูสิ่งเนี้ยมันเลยปั่น
00:07:48 → 00:07:50 ให้ตัวเราอ่ะครับเเรียกว่ามีอารมณ์ร่วม
00:07:50 → 00:07:51 เกินกว่าข่าวสารที่มันเป็น
00:07:51 → 00:07:52 >> อือๆ
00:07:52 → 00:07:53 >> บางทีเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นอ่ะ
00:07:53 → 00:07:56 สมมุติข่าวแบบดารงดารานักแสดงเนี่ยมันอาจ
00:07:56 → 00:07:58 จะเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไปเช่นแบบการ
00:07:58 → 00:08:01 นอกใจอะไรเงี้ยพบเห็นได้ทั่วไปในสังคม
00:08:01 → 00:08:04 >> อ่าอันนี้สิ่งที่ไม่ควรเป็นทั่วไปแต่มัน
00:08:04 → 00:08:05 เจอทั่วไป
00:08:05 → 00:08:07 >> ใช่ใช้คำว่าปกติแล้วมันดูไม่ค่อยดีเอา
00:08:07 → 00:08:09 เป็นว่าเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปแต่เป็น
00:08:09 → 00:08:11 สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปแบบไม่ควรเกิดขึ้น
00:08:11 → 00:08:11 อ
00:08:11 → 00:08:12 >> อืออือฮึ
00:08:12 → 00:08:15 >> อืทีเนี้ยพอมันมีการปั่นเช่นแบบว่าไอ้คน
00:08:15 → 00:08:18 นี้มันแบบลวงผู้หญิงแบบนี้นะไอ้คนนี้มัน
00:08:18 → 00:08:20 ชอบสร้างภาพเป็นพระเอกนะแล้วก็แบบไปทำ
00:08:20 → 00:08:23 บริจาครับทำบุญเป็นนักบุญเป็นอะไรแล้วแต่
00:08:23 → 00:08:26 เงี้ยฮะมันยิ่งเป็นการปั่นให้เห็นความน่า
00:08:26 → 00:08:27 รังเกียจอ่าฮะ
00:08:27 → 00:08:29 >> ว่าไอ้คนนี้มันน่ารังเกียจนะ
00:08:29 → 00:08:32 >> นะครับพอเรารับรู้ปั๊บก็จะแบบโอ้โหมันทำ
00:08:32 → 00:08:33 อันนี้หรออะไรอย่างเงี้ย
00:08:33 → 00:08:35 >> ก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบแล้วเค้าก็จะพยายามไป
00:08:35 → 00:08:37 เค้าเรียกว่าขุดอ
00:08:37 → 00:08:39 >> ใช่มั้นิยามฉับนี้คือคำว่าขุดว่าขุด
00:08:39 → 00:08:42 ประวัติตรงนู้นคนนี้เคยทำอะไรมาขุดเรื่อง
00:08:42 → 00:08:45 นี้มีข้อพิพาษ์กับคนนั้นคนนี้อย่างเงี้ย
00:08:45 → 00:08:45 ฮะอ
00:08:45 → 00:08:47 >> มันยิ่งบ่มเพาะความรู้สึกน่ารังเกียจให้
00:08:47 → 00:08:48 มากขึ้นมาอีกอ
00:08:48 → 00:08:48 >> ออฮ
00:08:48 → 00:08:50 >> ตัวเราก็อยากเห็นจุดจบของคนเนี้ยครับ
00:08:50 → 00:08:52 >> ทีนี้มันกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่รับรู้ว่า
00:08:52 → 00:08:54 เกิดสิ่งนี้ขึ้นนะแต่ตัวเรามีส่วนที่อยาก
00:08:54 → 00:08:57 เห็นตั้งแต่ต้นกระบวนการเ่ะก่อนที่เรื่อง
00:08:57 → 00:08:59 นี้จะปรากฏเป็นข่าวอ่ะอยากรู้ว่าไอ้คน
00:08:59 → 00:09:00 เนี้ประวัติความเป็นมาเป็นยังไง
00:09:00 → 00:09:01 >> อือๆ
00:09:01 → 00:09:03 >> ไล่มาจนกระทั่งเกิดข่าวนี้และเราจะติดตาม
00:09:03 → 00:09:05 เหมือนละครเรื่องนึงที่ว่าเรื่องนี้สุด
00:09:05 → 00:09:06 ท้ายจบยังไง
00:09:06 → 00:09:07 >> ออ
00:09:07 → 00:09:10 >> มันจะอินจัดเลยฮะทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของ
00:09:10 → 00:09:12 แต่เราพร้อมใส่ใจ
00:09:12 → 00:09:14 >> ใช่เพราะว่าเรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็น
00:09:14 → 00:09:16 ตัวแทนอาจจะเป็นเรื่องของเชิงคุณธรรม
00:09:16 → 00:09:18 ศีลธรรมหรือสิ่งที่มันเป็นแบบแนวคิดที่
00:09:18 → 00:09:19 เราไม่เห็นด้วย
00:09:19 → 00:09:19 >> อื
00:09:19 → 00:09:22 >> เออเพราะงั้นบางทีตัวเราที่ยึดถือคุณธรรม
00:09:22 → 00:09:23 หรือความคิดอีกแบบนึงอ่ะอาจจะอยากเห็นจุด
00:09:23 → 00:09:26 จบของคนที่แบบไม่ได้ยึดถือคุณธรรมแบบเรา
00:09:26 → 00:09:28 ว่าเขาจะจบยังไงก็ได้เพื่อเพื่อให้เกิด
00:09:28 → 00:09:29 ความสายแก่ใจ
00:09:29 → 00:09:29 >> อื
00:09:29 → 00:09:32 >> บางทีมันก็มีภาวะพวกนี้แต่ว่าคนที่สนใจ
00:09:32 → 00:09:33 เรื่องพวกนี้มากอ่ะครับบางครั้งมันอาจจะ
00:09:33 → 00:09:36 แบบสะท้อนว่าในชีวิตเค้าเนี่ยไม่ได้มี
00:09:36 → 00:09:38 เรื่องน่าสนใจอื่นมากนักไม่ได้บอกว่าเป็น
00:09:38 → 00:09:40 คนใช้ชีวิตไร้สาระนะแต่อย่างเช่นแบบว่า
00:09:40 → 00:09:43 อาจจะเป็นคนที่ก็ทำงานปกติเป็นวันๆเป็นพน
00:09:43 → 00:09:45 เงินเดือนที่ทำงานเสร็จปั๊บกลับบ้านแล้ว
00:09:45 → 00:09:45 ก็ว่าง
00:09:45 → 00:09:46 >> อือ
00:09:46 → 00:09:48 >> อบางทีเค้าก็รู้สึกว่าชีวิตเาก็จัดการตาม
00:09:48 → 00:09:49 หน้าที่ได้ดีแล้ว
00:09:49 → 00:09:51 >> เค้าก็จะเอาใจเนี่ยมาสนใจเรื่องอื่นที่
00:09:51 → 00:09:52 มันดูน่าสนใจกว่า
00:09:52 → 00:09:54 >> แต่สำหรับบางคนนะครับเามีพาร์ทที่ต้อง
00:09:54 → 00:09:57 ดิ้นรนต่อสู้มีพาร์ทที่แบบต้องรีบทำงาน
00:09:57 → 00:09:58 ต้องรีบปั่น
00:09:58 → 00:10:00 >> คนกลุ่มเนี้ยจะไม่ค่อยรับรู้ข่าวสารเพราะ
00:10:00 → 00:10:02 การรับรู้ข่าวสารคือการเสียเวลาที่เขาจะ
00:10:02 → 00:10:03 ต้องประกอบอาชีพหรือต้องทำอะไรบางอย่าง
00:10:03 → 00:10:06 ให้ก้าวหน้ามันมีสิ่งที่มันสำคัญกว่านั้น
00:10:06 → 00:10:08 >> อเหมือนบางทีไม่ได้นึกถึงเลยด้วยซ้ำอ่ะ
00:10:08 → 00:10:09 >> ใช่ไม่นึกถึงเลยเพราะว่าใครจะเป็นอะไร
00:10:09 → 00:10:12 เป็นไปเถอะฉันต้องรอดก่อนฉันต้องทำสิ่ง
00:10:12 → 00:10:13 นี้ก่อนเพราะมันเป็นภาระสำคัญ
00:10:14 → 00:10:16 >> หรือบางคนอยู่หน้าห้อง ICU พ่อแม่กำลัง
00:10:16 → 00:10:19 เข้า ICU เงี้ยครับเคงไม่มานั่งรับรู้
00:10:19 → 00:10:20 หรอกใครกำลังนอกใจใคร
00:10:20 → 00:10:22 >> เพราะมันไม่ใช่ธุระของฉันอย่างเงี้ยครับ
00:10:22 → 00:10:24 ไอ้ตรงเนี้ยเค้าก็จะสนใจจุดที่เขารู้สึก
00:10:24 → 00:10:25 ควรสนใจมากกว่า
00:10:25 → 00:10:25 >> อื
00:10:25 → 00:10:28 >> อ่าไอ้ตรงนี้ก็จะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าบาง
00:10:28 → 00:10:30 ทีคนที่รับรู้ข่าวสารมากนะครับอย่างที่
00:10:30 → 00:10:33 บอกอาจจะเป็นส่วนที่อยากรู้อยากเห็นอยาก
00:10:33 → 00:10:35 เป็นส่วนหนึ่งอยากได้วิพากษ์วิจารณ์เพราะ
00:10:35 → 00:10:37 มันอาจจะไม่ได้มีจุดยึดอื่นที่ทำให้เขา
00:10:37 → 00:10:39 รู้สึกสำคัญกว่าซึ่งไม่ผิดนะใช้คำว่าไม่
00:10:39 → 00:10:42 ผิดแต่บังเอิญว่ามันเกิดช่องทางจิตใจขึ้น
00:10:42 → 00:10:44 มาว่าไม่มีสิ่งที่ให้จิตไปยึดเกาะอ
00:10:44 → 00:10:46 >> เราก็เลยเอาจิตเนี่ยไปยึดเกาะกับสิ่งอื่น
00:10:46 → 00:10:47 ที่มันอาจจะไม่ได้แบบเป็นสิ่งที่สลัก
00:10:47 → 00:10:50 สำคัญกับเรามากนักเป็นสิ่งแก้ขัดให้จิตมี
00:10:50 → 00:10:51 ความบันเทิง
00:10:51 → 00:10:51 >> อือ
00:10:51 → 00:10:53 >> ให้จิตมีสตอี่มีเรื่องราวบางอย่างให้ให้
00:10:53 → 00:10:55 ได้ใจให้ใจได้ไปคิด
00:10:55 → 00:10:55 >> อือฮึ
00:10:55 → 00:10:57 >> แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเป็นคนที่เ้ามีเรื่อง
00:10:57 → 00:11:00 ที่แบบจริงจังต้องคิดมากอะไรเงี้ยเรื่อง
00:11:00 → 00:11:02 เนี้ยก็จะไปอยู่ในสวนระบบของเขา
00:11:02 → 00:11:02 >> อื
00:11:02 → 00:11:04 >> เนาะแล้วก็อีกพาร์ทนึงก็คือว่าพอมันเป็น
00:11:04 → 00:11:06 ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัว
00:11:06 → 00:11:08 อันเนี้ยมันจะดึงดึงมาโดยธรรมชาติไม่ใช่
00:11:08 → 00:11:10 แค่การเสพข่าวเพื่อความบันเทิงและ
00:11:10 → 00:11:10 >> อ่าฮะ
00:11:10 → 00:11:12 >> แต่เสพเพราะจำเป็นต้องรู้
00:11:12 → 00:11:13 >> เพราะมันเกี่ยวกับเรา
00:11:13 → 00:11:15 >> ว่าเกี่ยวกับมันจะเกี่ยวกับเราและมันจะ
00:11:15 → 00:11:18 ส่งผลกระทบต่อเราแน่นอนทีเนี้ยสิ่งที่เรา
00:11:18 → 00:11:20 ทำได้มีแค่ว่าเอ่อเมื่อเรารับรู้สิ่งนี้
00:11:20 → 00:11:23 ปั๊บอะไรคือสาระสำคัญที่เราควรรับรู้
00:11:23 → 00:11:25 เพื่อหยิบมาปรับตัว
00:11:25 → 00:11:25 >> อื
00:11:25 → 00:11:27 >> และเมื่อปรับตัวเสร็จจริงๆมันควรต้องพอ
00:11:27 → 00:11:28 อ่ะครับ
00:11:28 → 00:11:30 >> เอ่อที่เหลือเป็นแค่การอัปเดตต่อว่าแบบ
00:11:30 → 00:11:32 เอ้ยมีอะไรที่เราต้องรู้มากกว่านี้เพื่อ
00:11:32 → 00:11:33 ปรับตัวมั้ย
00:11:33 → 00:11:35 >> อืแต่บางครั้งมันมันจะเริ่มแบบถึงจุดที่
00:11:35 → 00:11:37 มันเลยเส้นไปคือเริ่มมีความคิดเห็นเริ่ม
00:11:37 → 00:11:40 มีความไม่พอใจเริ่มอยากรู้ต่อไปเรื่อยๆ
00:11:40 → 00:11:40 >> อือ
00:11:40 → 00:11:42 >> ทีเนี้ยมันก็จะลากไปไม่จบ
00:11:42 → 00:11:44 >> สุขภาพจิตก็จะเริ่มเสีย
00:11:44 → 00:11:44 >> อื
00:11:44 → 00:11:46 >> เออเพราะว่าใจเรามันหมกมุ่นกับความไม่พอ
00:11:46 → 00:11:49 ใจกับความกังวลกับการต้องรับรู้ตลอดเวลา
00:11:49 → 00:11:50 >> อื
00:11:50 → 00:11:53 >> จิตมันเลยไม่ได้มีพื้นที่ในการคล้ายๆผ่อน
00:11:53 → 00:11:54 ผ่อนให้แบบเกิดความผ่อนคลาย
00:11:54 → 00:11:55 >> ค่ะ
00:11:55 → 00:11:58 >> อ่าแล้วนอกจากจิตที่ไม่ผ่อนคลายแล้วเนี่ย
00:11:58 → 00:12:01 การเรียกว่าใช้ชีวิตกับผู้อื่นในสังคมก็
00:12:01 → 00:12:04 จะเริ่มเรียกว่าเริ่มเกิดการตัดขาดจากกัน
00:12:04 → 00:12:05 ใครที่ไม่ได้คุยกับเราในเรื่องเดียวกัน
00:12:05 → 00:12:08 เนี้ยเราก็จะไม่อยากยุ่งกับออฮะ
00:12:08 → 00:12:10 >> เราอยากจะเข้ากลุ่มอยากจะคุยกับคนที่
00:12:10 → 00:12:12 กำลังคุยเรื่องเดียวกับเราเนาะแล้วมาก
00:12:12 → 00:12:14 กว่านั้นนะก็คือว่าเมื่อเรารับรู้ข่าวสาร
00:12:14 → 00:12:16 บางอย่างแล้วเกิดอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว
00:12:16 → 00:12:19 บางครั้งมันเก็บสะสมเป็นเหมือนดินระเบิด
00:12:19 → 00:12:21 นะครับดินปืนอยู่ในใจเป็นความก้าวร้าว
00:12:21 → 00:12:21 >> อื
00:12:21 → 00:12:23 >> เราไม่แน่เหมือนกันนะว่าไอ้ที่เราสะสม
00:12:23 → 00:12:25 ความก้าวร้าวไว้ในใจเนี่ยเวลาเราไปข้าง
00:12:25 → 00:12:28 นอกอ่ะครับเวลาขับรถบนถนนเกิดการปาด
00:12:28 → 00:12:30 เฉี่ยวชนเราอาจจะเผลอหยิบอารมณ์ก้อนเนี้ย
00:12:30 → 00:12:34 อ่าเอามาเอามาแสดงออกหรือเอามากำจัดณจุด
00:12:34 → 00:12:36 ที่เราเผชิญหน้ากับคนอื่นแล้วมันทำให้
00:12:36 → 00:12:38 เกิดการทะเลาะวิวาบ้านวาแวงขึ้นมาก็มี
00:12:38 → 00:12:38 >> อื
00:12:38 → 00:12:40 >> อือนี่คือผลกระทบที่มันเกิดขึ้นในวงกว้าง
00:12:40 → 00:12:41 ครับอ
00:12:41 → 00:12:43 >> อือฮึแล้วส่วนใหญ่เท่าที่ฟังดูเนี่ยข่าว
00:12:43 → 00:12:45 หรือว่าในการที่เราจะติดตามอะไรก็แล้วแต่
00:12:45 → 00:12:49 เนี่ยมันต้องมีผลกระทบอ่ะ 1 คือเป็นข่าว
00:12:49 → 00:12:51 ที่ไม่ค่อยโอเคข่าวดีแล้วไม่ค่อยตามเท่า
00:12:51 → 00:12:52 ไหร่
00:12:52 → 00:12:52 >> อครับ
00:12:52 → 00:12:56 >> แต่ว่าข่าวอะไรที่มันแบบว่าเป็นข่าวร้าย
00:12:56 → 00:12:59 ข่าวไม่ดีส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกหรือ
00:12:59 → 00:13:02 สิ่งนั้นมันกระทบกับชีวิตเราในการใช้
00:13:02 → 00:13:04 ชีวิตหรืออะไรอย่างสมมุติน้ำมันขึ้นอย่าง
00:13:04 → 00:13:07 เงี้ยอ้าค่าน้ำมันมันขึ้นอีกและอ่ากระบับ
00:13:07 → 00:13:10 ชีวิตเราหรือค่าแรงไม่ได้ถูกขึ้นหรืออะไร
00:13:10 → 00:13:13 ก็แล้วแต่อันนันมันคือเราจะใส่ใจมากๆใน
00:13:13 → 00:13:14 การเสพข่าวอย่างเงี้ย
00:13:14 → 00:13:15 >> อ
00:13:15 → 00:13:17 >> ทำไมมันกลายเป็นว่าเราชอบแต่ข่าวที่มัน
00:13:17 → 00:13:20 แบบไม่โอเค
00:13:20 → 00:13:24 ไปไปอยู่กับมันมากๆกับข่าวที่มันไม่โอเค
00:13:24 → 00:13:25 อ่ะ
00:13:25 → 00:13:25 >> อือ
00:13:25 → 00:13:28 >> ที่จิตมันถูกดึงไปกับพวกนั้นมากเพราะว่า
00:13:28 → 00:13:30 เหมือนกับมันมีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้ว
00:13:30 → 00:13:31 อยากจะแก้ไขอ่ะครับ
00:13:31 → 00:13:33 >> อย่างเนื้ออย่างบางอย่างเนื้อหาข่าวเชิง
00:13:33 → 00:13:34 ลบด้วยนะ
00:13:34 → 00:13:36 >> อ่าเนื้อหาข่าวเชิงรบคือพอรับรู้มันจะมี
00:13:36 → 00:13:38 ความไม่พอใจอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอยาก
00:13:38 → 00:13:41 เห็นการแก้ไขอยากเห็นคนที่ได้รับเค้า
00:13:42 → 00:13:43 เรียกว่าความไม่ยุติธรรมได้รับความ
00:13:43 → 00:13:46 ยุติธรรมคนที่กระทำผิดก็ควรได้รับสิ่งที่
00:13:46 → 00:13:47 ไม่ถูกต้อง
00:13:47 → 00:13:51 >> มันจะเป็นจิตที่แบบมีคำว่าควรจะน่าจะ
00:13:51 → 00:13:53 >> อย่างเงี้ยครับที่มันอยู่ในจิตแล้วพอเรา
00:13:53 → 00:13:55 เห็นปุ๊บเรามีความรู้สึกอยากจะจัดแจง
00:13:55 → 00:13:57 >> สิ่งนั้นแต่แน่นอนตัวเราไม่ได้เป็นคนใน
00:13:58 → 00:14:00 กระบวนการของกระบวนการที่เกิดขึ้นในตัว
00:14:00 → 00:14:02 เรื่องตัวเราก็หวังว่าคนในท้องเรื่องนั้น
00:14:02 → 00:14:05 จะทำบางสิ่งในสิ่งที่เราคาดหวัง
00:14:05 → 00:14:05 >> อือื
00:14:05 → 00:14:08 >> เช่นคนนี้เถูกกระทำเควรจะได้รับการปกป้อง
00:14:08 → 00:14:11 จากกระบวนการยุติธรรมเออพอเราเห็นปั๊บเรา
00:14:11 → 00:14:13 เกิดความรู้สึกสงสารเป็นความอารมณ์ร่วม
00:14:14 → 00:14:15 บางอย่างที่ไม่อยากเห็นคนเนี้ยอยู่ในความ
00:14:15 → 00:14:16 ทุกข์แบบนี้
00:14:16 → 00:14:17 >> อื
00:14:17 → 00:14:19 >> นะครับไอ้ตรงเมันถึงทำให้จิตเราไปเกาะ
00:14:19 → 00:14:22 อยากรับรู้ว่าคนๆนี้พ้นทุกข์หรือยังคนๆ
00:14:22 → 00:14:24 นี้โดนอะไรต่อคนๆนี้ได้รับการปฏิบัติ
00:14:24 → 00:14:26 อย่างถูกต้องมั้ยแต่ถ้าเกิดสมมุติรับรู้
00:14:26 → 00:14:29 ข่าวดีคนนี้สอบได้ที่ 1 ระดับประเทศ
00:14:29 → 00:14:30 >> อ่าดีใจด้วยนะ
00:14:30 → 00:14:31 >> ดีแล้วไงต่อ
00:14:31 → 00:14:34 >> แล้วก็จบไงไม่ได้ไปตอบไม่ได้ไปตอบนอกจาก
00:14:34 → 00:14:37 ว่าจะเห็นคนนี้เป็นไอดอลแฟนมันแท้
00:14:37 → 00:14:39 >> แบบเป็นติดตามเหมือนเป็นไอดอลบางอย่าง
00:14:39 → 00:14:39 เงี้ย
00:14:39 → 00:14:41 >> แต่มันก็จะเป็นเป็นอะไรที่แบบกลุ่มน้อยๆ
00:14:41 → 00:14:43 ที่ตามอะไรเงี้ยแต่ถ้าแบบมันเป็นข่าวเชิง
00:14:44 → 00:14:45 ลบปึ๊บหรืออะไรพวกเนี้ย
00:14:45 → 00:14:46 >> มันมีอารมณ์ครับอารม
00:14:46 → 00:14:47 >> เออมันมีอารมณ์ร่วมแบบเฮ้ยข่าวด่วนเฮ้ย
00:14:47 → 00:14:50 ข่าวด่วนอะไรเฮ้ยภัยธรรมชาติเฮ้ยตรงไหน
00:14:51 → 00:14:53 อะไรยังไงอย่างเงี้ยมันก็จะตามดู
00:14:53 → 00:14:55 >> ใช่ครับเพราะเหมือนที่บอกว่ามันมันเป็นไป
00:14:55 → 00:14:57 เพื่อความอยู่รอดการรับรู้ว่าข่าวนิ่งจะ
00:14:57 → 00:14:59 ทำให้เราสบายใจเช่นแบบภัยพิบัติไม่มีแล้ว
00:14:59 → 00:15:00 เราสบายใจ
00:15:00 → 00:15:00 >> เออสบายใจ
00:15:00 → 00:15:02 >> แต่ถ้าภัยพิบัติเช่นพายุหมุนยังเคลื่อน
00:15:02 → 00:15:03 ที่อยู่
00:15:03 → 00:15:04 >> อือื
00:15:04 → 00:15:06 >> เราก็จะได้ฟังว่าแบบมันจะมาถึงเรา
00:15:06 → 00:15:08 >> เออกระทบเราแค่ไหนติดตามอย่างใกล้ชิดใช่
00:15:08 → 00:15:10 เพราะงั้นการเปิดโหมดรับฟังมันก็จะอยู่
00:15:10 → 00:15:13 แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าวันนี้อากาศแจ่มใสเรา
00:15:13 → 00:15:15 เราจะฟังแจ่มใสต่อไปเรื่อยๆมั้ย
00:15:15 → 00:15:17 >> ก็เออวันนี้ก็คงไม่มีฝนแล้วเนาะ
00:15:17 → 00:15:19 >> เออแล้วพอมองไปก็โอวันนี้แดดออกทั้งวัน
00:15:19 → 00:15:21 >> เราก็จะไม่ตามข่าวแต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเรา
00:15:21 → 00:15:22 ซักผ้าตากผ้าไว้
00:15:22 → 00:15:22 >> อือฮึ
00:15:22 → 00:15:25 >> แล้วเราก็ฟังข่าวว่าฝนตกเราจะเราจะสั่ง
00:15:25 → 00:15:28 เราจะหาว่าฝนตกโซนไหน
00:15:28 → 00:15:32 >> ใช่ช่วงไหนเวลาไหนเออเรากลับถึงทันมั้ย
00:15:32 → 00:15:33 กลับไปเก็บผ้าทันมั้ย
00:15:33 → 00:15:35 ใช่ครับเพราะฉะนั้นไอ้เรื่องข่าวที่
00:15:35 → 00:15:37 เกี่ยวข้องกับทางรบกับตัวเองเนี่ยเออมัน
00:15:37 → 00:15:39 จะค่อนข้างดึงดึงจิตเราไปได้ง่าย
00:15:39 → 00:15:43 >> เพราะตัวเราอยากได้ความปลอดภัยความสงบมาก
00:15:43 → 00:15:45 กว่านั้นคือเราอยากแก้ไขบางสิ่งที่เราไม่
00:15:45 → 00:15:45 ชอบใจ
00:15:45 → 00:15:46 >> อื
00:15:46 → 00:15:48 >> เหมือนที่ที่บอกตะกี้บางคนดูถูกกระทำแล้ว
00:15:48 → 00:15:50 ก็เาควรได้รับการปกป้องจากกระบวนการ
00:15:50 → 00:15:52 ยุติธรรมนะไอ้เนี่ยคือความรู้สึกไม่พอใจ
00:15:52 → 00:15:55 เพราะฉะนั้นเราอยากแก้ไขความรู้สึกที่ไม่
00:15:55 → 00:15:56 พอใจให้เปลี่ยนเป็นพอใจ
00:15:56 → 00:15:57 >> อือฮึ
00:15:57 → 00:15:59 >> เราเลยติดตามข่าวสารตลอดเพื่อหวังว่ามัน
00:15:59 → 00:16:01 จะมีช็อตสักช็อตในข่าวอ่ะหรือจุดสักจุดใน
00:16:01 → 00:16:04 ข่าวที่มันเสนอว่าคนๆนี้ได้รับการปกป้อง
00:16:04 → 00:16:04 เรียบร้อย
00:16:04 → 00:16:05 >> อื
00:16:05 → 00:16:07 >> เมื่อเรารับรู้เสร็จปุ๊บเราก็จะคลายใจ
00:16:07 → 00:16:08 แล้วเราก็จะเลือกดูข่าวนั้น
00:16:08 → 00:16:09 >> ออ
00:16:09 → 00:16:11 >> เพราะรู้สึกว่ามันฟินแล้วมันจบแล้ว
00:16:11 → 00:16:13 >> แต่ถ้าเกิดว่าคนนี้ยังโดนอีกไอ้คนนี้ยัง
00:16:13 → 00:16:15 แก้โต๊ะน้ำขุ่นๆตำรวจไม่ช่วยแล้วแต่อะไร
00:16:15 → 00:16:18 เงี้ยฮะมันก็จะยิ่งเป็นความแบบเจ็บใจว่า
00:16:18 → 00:16:20 แบบเฮ้ยทำไมมันไม่ทำในสิ่งที่มันควรจะ
00:16:20 → 00:16:22 เป็นฉันยังไม่พอใจกับเรื่องนี้นะฉันก็เลย
00:16:22 → 00:16:25 มาตามดูเพื่อหวังว่ามันจะสะสางให้เราพอใจ
00:16:25 → 00:16:25 อ่ะ
00:16:25 → 00:16:28 >> ฟิวเหมือนตามละครแต่มันเป็นข่าวสารบ้าน
00:16:28 → 00:16:31 เมืองหรือข่าวสารโดยอะไรก็แล้วแต่
00:16:31 → 00:16:33 >> อืใช่ครับแล้วมันก็อย่างที่บอกมันก็จะอิน
00:16:33 → 00:16:35 เกินน่ะพออินแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าอาบ
00:16:35 → 00:16:38 น้ำก็คิดทำไมชีวิตแต่ละคนเเป็นอย่างี้นะ
00:16:38 → 00:16:42 ทำไมไอ้คนนี้มันถึงทำแบบนี้นะเออพอนอนก็
00:16:42 → 00:16:43 คิดบางคนก็เอาไปฝันก็มี
00:16:43 → 00:16:44 >> เออใช่
00:16:44 → 00:16:45 >> แต่เหมือนที่บอกครับบางครั้งชีวิตมันไม่
00:16:45 → 00:16:47 มีจุดจุดให้จับจ้องอ่ะ
00:16:47 → 00:16:47 >> อือ
00:16:47 → 00:16:49 >> เราเลยไปจับจ้องสิ่งอื่นที่อาจจะไม่ใช่
00:16:49 → 00:16:50 เรื่องที่เกี่ยวกับเราโดยตรง
00:16:50 → 00:16:53 >> แต่จริงๆแล้วเราผมต้องบอกว่าเรารับรู้ได้
00:16:53 → 00:16:55 เพราะว่าจริงๆแล้วการรับรู้ข่าวสารนะครับ
00:16:55 → 00:16:56 ในภาพใหญ่มันสำคัญนะ
00:16:56 → 00:16:56 >> อื
00:16:56 → 00:16:59 >> เพราะมันจะบอกบริบทพื้นที่ว่ารอบตัวฉัน
00:16:59 → 00:17:01 น่ะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
00:17:01 → 00:17:01 >> อ
00:17:01 → 00:17:04 >> การที่เราเห็นคนอื่นโดนนะครับมันไม่ใช่
00:17:04 → 00:17:06 เรื่องของคนอื่นอย่างเดียวนะเพราะบางที
00:17:06 → 00:17:08 สิ่งนั้นวันนึงอาจจะเกิดขึ้นกับเราก็ได้
00:17:08 → 00:17:11 เช่นสมมุติข่าววิชาชีพถูกหลอกเงินสแปม
00:17:11 → 00:17:13 อะไรก็แล้วแต่ที่แบบสแกมเมอร์อ่ะกดเงิน
00:17:13 → 00:17:14 เสียเป็นล้านเงี้ยครับ
00:17:14 → 00:17:17 >> เราอาจจะตามข่าวแล้วแบบอ๋อคนนี้โดนหลอก
00:17:17 → 00:17:19 เสียเงินไป 1 ล้าน
00:17:19 → 00:17:19 >> อือ
00:17:19 → 00:17:21 >> สมมุติถ้าเราคิดว่านั่นทุกล้านเค้าไม่ใช่
00:17:21 → 00:17:24 เรื่องของฉันมันก็คิดได้แต่สมมุติถ้าเรา
00:17:24 → 00:17:26 ลืมนึกไปว่าวันนึงฉันอาจจะเป็นคนนั้น
00:17:26 → 00:17:27 เหมือนกัน
00:17:27 → 00:17:27 >> อ
00:17:27 → 00:17:30 >> แล้วคนนี้โดนอะไรโดนกระบวนการอะไรนะที่ทำ
00:17:30 → 00:17:32 ให้แบบถูกหลอกอื
00:17:32 → 00:17:34 >> ถ้าเราไม่คิดดึงมาเก็บเป็นบทเรียนนะครับ
00:17:34 → 00:17:35 ตัวเราอาจจะโดนหลอกวันนึงก็ได้
00:17:35 → 00:17:36 >> อือ
00:17:36 → 00:17:38 >> เพราะงั้นผมเลยมองว่าการรับรู้ข่าวสารการ
00:17:38 → 00:17:41 รับรู้ภาพใหญ่สำคัญเพราะมันกำลังบอกพื้น
00:17:41 → 00:17:43 ที่ที่คุณอยู่และพื้นที่ที่คุณอยู่เนี้ย
00:17:43 → 00:17:45 การรับรู้พื้นที่ที่ดีที่ครอบคลุมจะทำให้
00:17:45 → 00:17:47 คุณสามารถปรับตัวเกี่ยวกับพื้นที่ที่คุณ
00:17:47 → 00:17:48 อยู่ได้ง่ายขึ้น
00:17:48 → 00:17:49 >> อื
00:17:49 → 00:17:51 >> อืเพราะงั้นรับรู้ไว้เถอะผมไม่ได้คิดว่า
00:17:51 → 00:17:54 เราไม่ควรรับรู้คือผมว่าเรารับรู้ไว้ดี
00:17:54 → 00:17:56 >> คือรับรู้ได้ในระดับที่พอเหมาะ
00:17:56 → 00:17:57 >> แล้วให้เป็นประโยชน์กับเรา
00:17:57 → 00:17:59 >> เพราะว่าแต่ละคนถ้าสมมุติว่าวันเนี้เรา
00:17:59 → 00:18:02 บอกคุณผู้ฟังไปว่าเออข่าวสารเนี่ยฟังแค่ 3
00:18:02 → 00:18:04 วันก็พอมันมันระบุอย่างนั้นไม่ได้อยู่
00:18:04 → 00:18:07 แล้วแหละแต่แค่ว่าเอาที่ตัวเราอ่ะดูถ้า
00:18:07 → 00:18:09 ถ้าเกิดไม่รู้สึกว่ามันเครียดไปกว่าปกติ
00:18:09 → 00:18:11 อ่ะก็แค่นั้นพอ
00:18:11 → 00:18:14 >> แต่ถ้ามันพอมันเกินเครียดเครียดเกินไป
00:18:14 → 00:18:16 แล้วอ่ะมันไม่ได้มีแค่กระทบกับเราบางที
00:18:17 → 00:18:18 เรื่องบางเรื่องถ้ามันเป็นเรื่องที่มัน
00:18:18 → 00:18:20 กระทบกับตัวเราด้วยอย่างเงี้ยแล้วเรา
00:18:20 → 00:18:22 เครียดกับสิ่งนั้นน่ะมันเป็นลงกับคนข้างๆ
00:18:22 → 00:18:22 ได้เลยนะ
00:18:22 → 00:18:23 >> ใช่ครับ
00:18:23 → 00:18:24 >> เออมัน
00:18:24 → 00:18:26 >> หรืองานเสียหรือทำให้เราแบบ
00:18:26 → 00:18:28 >> สัมพันธเสียภาพรักเสียไปหมดเลย
00:18:28 → 00:18:31 >> ใช่ๆอยู่ๆก็กลายเป็นคนที่แบบว่าหงุดหงิด
00:18:31 → 00:18:36 อารมขึ้นมาก็เป็นไปได้ทั้งที่จริงๆเราก็
00:18:36 → 00:18:39 ไม่ได้จะเป็นคนแบบนั้นด้วยซ้ำไปเออ
00:18:39 → 00:18:40 >> แต่ข่าวมันเปลี่ยนเรา
00:18:40 → 00:18:43 >> อ่าใช่ๆแต่บางข่าวมันเปลี่ยนจริงๆนะ
00:18:43 → 00:18:46 >> ใช่ทัศนคติต่อคนมุมมองที่มีต่อคนบางทีมัน
00:18:46 → 00:18:47 ลบไปเลยอ่ะครับ
00:18:47 → 00:18:51 >> คือแบบหรือบางอย่างอ่ะหรือกลุ่มบุคนบาง
00:18:51 → 00:18:54 กลุ่มอย่างเงี้ยที่แบบเราคิดว่าโอ้ต้อง
00:18:54 → 00:18:59 เป็นบุคคลที่ระดับพอสมควรแหละนะในการในใน
00:18:59 → 00:19:03 ชักในเชิงทางปฏิบัติเนาะอืก็พระสงฆเจ้า
00:19:03 → 00:19:06 แหละเออแต่พอมารู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
00:19:06 → 00:19:08 ปุ๊บมันทำให้ศรัทธาหรืออะไร
00:19:08 → 00:19:11 >> คือรู้แหละว่ามันเป็นเฉพาะบุคคลน่ะแต่มัน
00:19:11 → 00:19:14 ก็ทำให้แบบเฮ้ยมันเกิดอะไรขึ้นมันมีคำถาม
00:19:14 → 00:19:15 แล้ว
00:19:15 → 00:19:16 >> แล้วมันเกิดข่าวอย่างนี้ต่อเนื่องนะ
00:19:16 → 00:19:17 >> ใช่ๆ
00:19:17 → 00:19:18 >> ต่อๆกันเลย
00:19:18 → 00:19:18 >> โหดมาก
00:19:19 → 00:19:19 >> ครับ
00:19:19 → 00:19:21 >> สถานการณ์ข่าวเดี๋ยวนี้ที่เราเสพข่าวอ่ะ
00:19:21 → 00:19:24 โอเคมันผ่านไปในทุกๆวินาทีมันมีข่าวใหม่
00:19:24 → 00:19:27 เกิดขึ้นทั้งในบ้านเมืองของเราเอ่อในโลก
00:19:27 → 00:19:31 ของเราภัยธรรมชาติมันมันมีมาตลอดตลอดแหละ
00:19:31 → 00:19:32 แต่บางอย่างมันกระทบเนี่ยอย่างเห็นที่
00:19:32 → 00:19:36 เป็นเรื่องของที่จะเกิดสึนามิญี่ปุ่นที่
00:19:36 → 00:19:37 ผ่านมาแม้ว่า
00:19:37 → 00:19:41 >> เอ่อมีการ์ตูนมะงะใช่มั้ยเออเออแล้วมัน
00:19:41 → 00:19:44 กลายเป็นว่ามันกระทบกับคนทั้งหมดนะ
00:19:44 → 00:19:45 >> อือๆ
00:19:45 → 00:19:48 >> คนจะไปเที่ยวคนในประเทศหรือคนรอบข้าง
00:19:48 → 00:19:51 เหมือนจับจองจับตามองแล้วก็ดูไปยิ่งถ้า
00:19:51 → 00:19:55 เกิดคนที่เขาอยู่ในพื้นที่ที่ถูกแบบถูก
00:19:55 → 00:19:57 >> ถูกเขียนเอาไว้อะไรอย่างเงี้ยมันก็เกิด
00:19:57 → 00:19:58 ความเครียด
00:19:58 → 00:20:01 >> กังวลหนักเหมือนกันนะว่าจะยังไงแต่โอเค
00:20:01 → 00:20:04 มันดีตรงที่ทำให้เรารับมือกับสถานการณ์
00:20:04 → 00:20:06 น่ะเหมือนเตรียมตัว
00:20:06 → 00:20:07 >> อือๆ
00:20:07 → 00:20:08 >> เรารู้อยู่เราเหมือนที่คุณเอิ้นบอกเมื่อ
00:20:08 → 00:20:11 กี้ว่าเราอยู่ในจุดที่แบบมันมีผลกระทบอ่ะ
00:20:11 → 00:20:11 >> อือ
00:20:11 → 00:20:12 >> เราทำยังไง
00:20:12 → 00:20:12 >> อ
00:20:12 → 00:20:16 >> มันดีตรงเนี้ยแต่มันสร้างความวิตกังวล
00:20:16 → 00:20:16 >> พอสมควรเลยนะ
00:20:16 → 00:20:18 >> ยังไงก็ต้องกังวลครับตราบใดก็ตามที่เรา
00:20:18 → 00:20:20 ยังคงรักชีวิต
00:20:20 → 00:20:22 >> มันคือสันทตญาณในการเอาตัวรอดยังไงความ
00:20:22 → 00:20:24 กังวลต้องเกิดขึ้นถ้าถ้ามันเข้ามากระทบ
00:20:24 → 00:20:25 ถึงชีวิตนะครับ
00:20:25 → 00:20:27 >> ยังไงไม่มีทางหลุดออกจากเอ่อเค้าเรียกว่า
00:20:27 → 00:20:28 ความวิตกได้อ
00:20:29 → 00:20:31 >> นอกจากว่าใช้คำว่านอกจากว่าจะเป็นผู้
00:20:31 → 00:20:32 ปฏิบัติ
00:20:32 → 00:20:33 >> อ๋อ
00:20:33 → 00:20:35 >> ผู้ปฏิบัติธรรมผู้เข้าใจสัจธรรมผู้เข้าใจ
00:20:35 → 00:20:38 ว่าสุดท้ายทุกอย่างก็ต้องเป็นไปอ่ะครับ
00:20:38 → 00:20:38 >> อือฮึ
00:20:38 → 00:20:40 >> อย่างตามข่าวสารพระสงฆ์องคคเจ้าที่อาจจะ
00:20:40 → 00:20:43 มีเรื่องแบบทำผิดศีลทำสิ่งไม่ถูกต้อง
00:20:43 → 00:20:45 >> หรือเกี่ยวกับเรื่องเงินหรือเรื่องสิการ
00:20:45 → 00:20:48 แล้วแต่พวกเนี้ยถ้าเรามองในฐานะผู้บรรลุ
00:20:48 → 00:20:51 สัจธรรมเราจะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่ได้น่าแปลก
00:20:51 → 00:20:54 ใจครับมันเกิดขึ้นแล้วแล้วบางทีคนที่
00:20:54 → 00:20:57 ปฏิบัติธรรมจะไม่ได้ยึดติดในตัวบุคคล
00:20:57 → 00:20:59 >> อืเพราะงั้นการที่ยึดติดในหลวงพอองค์นี้
00:20:59 → 00:21:01 องค์นั้นที่ยังมีชีวิตอยู่อะไรเงี้ยครับ
00:21:01 → 00:21:04 พวกเนี้ยมันเป็นการยึดติดในตัวบุคคลซึ่ง
00:21:04 → 00:21:07 ไม่ได้ถูกต้องตามหลักของการเรียกว่านับ
00:21:07 → 00:21:08 ถือทางพุทธ
00:21:08 → 00:21:08 >> อือ
00:21:08 → 00:21:11 >> เพราะทางพุทธเนี่ยเราเราพึงนับถือผู้มี
00:21:11 → 00:21:12 จริวัฏที่ดีอ่า
00:21:12 → 00:21:14 >> อ่าผู้ที่แบบเรียกว่าสงฆอ่ะเนาะผู้ที่มี
00:21:14 → 00:21:17 จริวัตที่ที่งดงามบางทีตัวเราอาจจะไม่
00:21:17 → 00:21:19 ต้องไปนึกถึงเอ่อพระสงฆ์ที่ยังมีชีวิต
00:21:20 → 00:21:22 อยู่ตอนนี้ก็ได้เราอาจจะนึกถึงจริวัตของ
00:21:22 → 00:21:24 พระพุทธเจ้าเลยโดยตรงก็ได้สมมุติถ้าเรา
00:21:24 → 00:21:24 เป็นชาวพุทธ
00:21:24 → 00:21:25 >> อือ
00:21:25 → 00:21:28 >> ว่าท่านก็สงบเย็นท่านให้ปัญญาท่านให้แนว
00:21:28 → 00:21:32 คิดท่านให้ไม่ยึดติดกับตัวบุคคลไม่ยึดติด
00:21:32 → 00:21:35 กับตำรามีหลักกามสูตรที่ทำให้เราเรียกว่า
00:21:35 → 00:21:38 มีทิศทางให้เราปฏิบัติจนเห็นจริงอ่ะครับ
00:21:38 → 00:21:38 >> อือฮึ
00:21:38 → 00:21:40 >> เพราะงั้นเวลาผมรับรู้ข่าวสารเรื่องพระ
00:21:40 → 00:21:42 สงฆ์เงี้ยครับผมรู้สึกไม่ได้ประหลาดใจผม
00:21:43 → 00:21:45 รู้สึกว่าเกิดขึ้นได้คำถามคือทำไมผมแบบ
00:21:45 → 00:21:46 เกิดนึกเรื่องนี้ได้เพราะว่ามันมีวันนึง
00:21:46 → 00:21:49 อ่ะครับผมไปเรียกว่าเข้าวัดมั้งไปเหมือน
00:21:49 → 00:21:52 อาจารย์พาไปฟังเทศน์แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็
00:21:52 → 00:21:55 คือวันนั้นน่ะผมนั่งอยู่แถวหน้าสุดหน้า
00:21:55 → 00:21:57 สุดในการที่บรรยายอย่างเงี้ยครับ
00:21:57 → 00:22:00 >> เด็กแล้วหลวงพี่ผมว่าหลวงพี่น่าจะอายุตอน
00:22:00 → 00:22:02 นั้นน่าจะมากกว่าผมสัก 10 ปีได้ท่านก็
00:22:02 → 00:22:05 ขึ้นเทศน์แล้วผมก็สังเกตเห็นมือท่านที่
00:22:05 → 00:22:07 จับจีวอรจีวอนะครับแล้วก็นิ้วก็แบบเหมือน
00:22:08 → 00:22:09 บิดๆเค้าเรียกว่าอะไรนะถูกับผ้า
00:22:10 → 00:22:10 >> อืฮึ
00:22:10 → 00:22:12 >> ซึ่งตรงเนี้ยครับในวงจิตวิทยาเนี่ยผมจะ
00:22:12 → 00:22:15 ระลึกเสมอว่าการที่มีอาการแบบมือถูผ้า
00:22:15 → 00:22:17 เนี่ยมันคือความวิตกกังวล
00:22:17 → 00:22:18 >> ออ
00:22:18 → 00:22:20 >> เออเหมือนผมแบบอย่างเช่นแบบเวลาคิดเครียด
00:22:20 → 00:22:22 ๆก็จะหมุนปากกาหรือถ้าเราเคยเห็นบางคน
00:22:22 → 00:22:25 เวลาพูดอ่ะครับจะเขย่าขาแต่พอหยุดพูดปั๊บ
00:22:25 → 00:22:26 ขาไม่เขย่า
00:22:26 → 00:22:28 >> อ่าเราเราเคยเห็นมั้ยฮะ
00:22:28 → 00:22:28 >> ออฮะ
00:22:28 → 00:22:30 >> เออถ้าเป็นเพราะว่ามันเกิดความเครียดเกิด
00:22:30 → 00:22:33 ความตึงบางอย่างในระบบประสาทมันถึงจำเป็น
00:22:33 → 00:22:35 ต้องคลายแรงพลังนั้นออก
00:22:35 → 00:22:35 >> อื
00:22:36 → 00:22:38 >> แต่มันอาจจะคลายผ่านการแบบบางคนก็หมุนผม
00:22:38 → 00:22:41 บางคนก็หมุนปากกาบางคนเขย่าขาบางคนถูผ้า
00:22:41 → 00:22:41 >> ค่ะ
00:22:41 → 00:22:44 >> เออผมเลยเห็นว่าโอ้จริงๆหลวงพี่เนี่ยต่อ
00:22:44 → 00:22:46 ให้ผมผ้าเหลืองท่านก็ยังเป็นมนุษย์เหมือน
00:22:46 → 00:22:48 เราที่มีความวิตกกังวลได้
00:22:48 → 00:22:51 >> อืมมีอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้แบบว่าเอออ๋อ
00:22:51 → 00:22:53 เป็นเรื่องปกติปล่อยวางอ่ะ
00:22:53 → 00:22:55 >> ใช่เพราะฉะนั้นเราเราจะไม่สามารถเค้า
00:22:55 → 00:22:57 เรียกว่าเอาผ้าเหลือเหลืองเป็นตัวตัดสิน
00:22:57 → 00:23:00 การเปลี่ยนโลกได้เออเพราะว่าผมผมมี
00:23:00 → 00:23:04 ทัศนคติว่าพระที่ค่อนข้างเข้าถึงอ่ะครับ
00:23:04 → 00:23:06 มักจะค่อนข้างเก็บตัวอันนี้อาจจะเป็นสิ่ง
00:23:06 → 00:23:08 ที่คนในวงการสงฆมักจะชอบพูดก็คือ
00:23:08 → 00:23:09 >> เอาหายากเข้าถึงยาก
00:23:09 → 00:23:11 >> ผู้ที่เข้าถึงความสงบมักจะไม่ค่อยหา
00:23:11 → 00:23:13 เรื่องเข้าสู่ความวุ่นไวมักจะไม่ยุ่งกับ
00:23:13 → 00:23:16 ของที่เป็นโทษและมีแนวโน้มจะทำให้เกิดโทษ
00:23:16 → 00:23:17 >> อือฮึ
00:23:17 → 00:23:18 >> เพราะงั้นเรื่องเงินทองเรื่องสีกายเรื่อง
00:23:18 → 00:23:21 ผู้หญิงพวกเนี้ยมันคือวัตถุที่มีอานุภาพ
00:23:21 → 00:23:26 ต่อกิเลสอ่าสตรีเเพศมีผลโดยตรงต่อกิเลส
00:23:26 → 00:23:26 ของบุรุษเพศ
00:23:26 → 00:23:27 >> อือ
00:23:27 → 00:23:29 >> ในฐานะสิ่งมีชีวิตเพศผู้เผ่าพันธุนึง
00:23:29 → 00:23:31 เพราะฉะนั้นไม่แปลกที่ตามหลักพุทธจะไม่
00:23:31 → 00:23:33 ค่อยอยากให้ยุ่งกับศีกาเพราะโดยสันทตญาณ
00:23:33 → 00:23:35 น่ะมันมีความรุนแรงอยู่อ่ะครับเพราะเรา
00:23:35 → 00:23:38 คือเราคือสัตว์เผ่าพันธุ์นึงที่มี
00:23:38 → 00:23:40 สันทตญาณในการสืบพันธ์เอ่อไม่พูดเรื่อง
00:23:40 → 00:23:43 ความถูกต้องนะเอาแค่ว่าถูกใจพอใจและอยาก
00:23:43 → 00:23:43 ทำอือ
00:23:43 → 00:23:45 >> เออแล้วจุดนั้นจะทำให้สมองหรือสติมันหาย
00:23:45 → 00:23:48 ไปเพราะงั้นถ้าไม่มีตัวกระตุ้นมันก็จะ
00:23:48 → 00:23:50 ง่ายมากกว่าในการที่ตัวเราจะไม่ต้องไปพบ
00:23:50 → 00:23:52 มันกับสิ่งนั้นนะเพราะงั้นการที่ผมเห็น
00:23:52 → 00:23:54 ว่าแบบมันเกิดสิ่งพวกเนี้ยขึ้นน่ะผมว่า
00:23:54 → 00:23:55 มันเป็นเรื่องที่เห็นแล้วเข้าใจได้
00:23:55 → 00:23:56 >> อือื
00:23:56 → 00:23:57 >> ผมเห็นแล้วก็ไม่ได้เสียใจอะไร
00:23:57 → 00:24:00 >> แต่มันก็ทำให้หลายๆคนเอาช
00:24:00 → 00:24:03 >> ความรู้สึกของเกือบทั้งประเทศอ่ะก็ช็อก
00:24:03 → 00:24:05 แล้วก็รู้สึกแบบเราก็เครียดไปกับข่าวเลย
00:24:05 → 00:24:07 เนาะว่าแบบเฮ้ยจะมีอีกมั้ยมันจะเกิดอะไร
00:24:07 → 00:24:08 ขึ้นอีกมั้ยหรือแบบ
00:24:08 → 00:24:10 >> มันจะมีจนเราตายก็ยังมีเพราะฉะนั้นเรื่อง
00:24:10 → 00:24:12 เนี้ยเราต้องออกจากเปลือกแล้วเข้าสู่แก่น
00:24:12 → 00:24:13 นะครับ
00:24:13 → 00:24:13 >> อื
00:24:13 → 00:24:15 >> เออเพราะงั้นเราก็เข้าสู่แกนกลางของการ
00:24:15 → 00:24:17 เข้าใจสัจธรรมแล้วสิ่งนี้มันจะไม่ได้
00:24:17 → 00:24:19 เหนือความคาดหมายแล้วมันย้อนกลับมาที่
00:24:19 → 00:24:21 เสียบข่าวด้วยนะเมื่อเราเข้าใจชีวิตแล้ว
00:24:21 → 00:24:23 เราเห็นว่าสุดท้ายทุกคนก็ต้องต่อคิว
00:24:23 → 00:24:24 กันแยกย้ายอ่ะ
00:24:24 → 00:24:26 >> เออเราก็จะคิดว่าเออไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
00:24:26 → 00:24:28 เราก็ต้อนรับมันไว้ตามความเป็นจริง
00:24:28 → 00:24:30 >> เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเสพข่าวเครียดกันเกิน
00:24:30 → 00:24:32 ไปเนี่ยหรืออะไรอย่างเงี้ยเราก็ต้องดึง
00:24:32 → 00:24:33 ตัวเองออก
00:24:33 → 00:24:34 >> ดึงออกมาใช่ครับ
00:24:34 → 00:24:35 >> อืหรือว่า
00:24:35 → 00:24:38 >> ไม่ได้เสพทุกสื่อขนาดนั้นอ่ะดูแหล่งน่า
00:24:38 → 00:24:40 เชื่อถือซะหน่อย
00:24:40 → 00:24:40 >> ครับ
00:24:40 → 00:24:43 >> นะคะที่แบบเป็นกลางหรืออะไรแบบเนี้ยนะไป
00:24:44 → 00:24:44 ดูอะไรดีๆบ้าง
00:24:44 → 00:24:45 >> อือๆ
00:24:45 → 00:24:46 >> ข่าวดีๆน่าจะมีอยู่
00:24:46 → 00:24:48 >> ใช่จะได้จะได้ทำให้จิตเราโป่งใสขึ้น
00:24:48 → 00:24:51 >> เออหรือว่าจะไปหาดูอะไรตลกขำๆ
00:24:51 → 00:24:52 >> อื
00:24:52 → 00:24:54 >> ซีรียส์หรืออะไรก็อ่ะสุดแท้แล้วแต่หรือทำ
00:24:54 → 00:24:56 กิจกรรมกรรมอื่นๆอะไรอย่างเงี้ยน่าจะดี
00:24:56 → 00:24:56 กว่า
00:24:56 → 00:24:58 >> ใช่ครับต้องควบคุมปริมาณการรับข่าวเนาะ
00:24:58 → 00:25:00 >> คุยกับคนรอบข้างบ้างก็ได้นะคะ
00:25:00 → 00:25:01 >> ใช่ครับควร
00:25:01 → 00:25:04 >> ไม่ใช่แบบว่าหมกมุ่นกันไปจนแบบว่า
00:25:04 → 00:25:05 >> อ่า
00:25:05 → 00:25:06 >> ไม่งั้นสัตวสวดมันเสียครับสัตว์สวดเรามัน
00:25:06 → 00:25:08 เหมือนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
00:25:08 → 00:25:10 มากเกินไปจนกระทั่งเราเสียคล้ายๆว่า
00:25:10 → 00:25:11 ศักยภาพในการใช้ชีวิตที่ดีอ
00:25:11 → 00:25:14 >> ใช่นะคะก็เอาตัวเองออกจากตรงนั้น
00:25:14 → 00:25:16 >> คิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเพราะ
00:25:16 → 00:25:18 ว่ายังไงเราก็ต้องหัดนะคะเพราะว่าเดี๋ก็
00:25:18 → 00:25:20 ไม่มีข่าวอะไรให้เราได้
00:25:20 → 00:25:22 >> ได้ได้ยินได้เห็นกันอีกแหละนะคะที่แบบคาด
00:25:22 → 00:25:23 ไม่ถึง
00:25:23 → 00:25:26 >> นะบนโลกใบสู้กันต่อไปนะคะส่งกำลังใจให้
00:25:26 → 00:25:28 >> เอาใจช่วยทุกคน
00:25:28 → 00:25:29 >> ขอบคุณคุณเอิ้ลค่ะ
00:25:29 → 00:25:29 >> สวัสดีค่ะ
00:25:31 → 00:25:33 >> เอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วนะคะกับราย
00:25:33 → 00:25:35 การโรงหมอทาง Thai PBS Podcast ค่ะวัน
00:25:35 → 00:25:37 นี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:25:37 → 00:25:39 >> This is Thai PBS Podcast
00:25:39 → 00:25:41 >> ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกิจกรรมการมี
00:25:41 → 00:25:43 เพศสัมพันธ์ของคนไทยคืออะไรสิ่งที่ทำให้
00:25:43 → 00:25:46 กิจกรรมนี้ดีและปลอดภัยทำอย่างไรผู้ช่วย
00:25:46 → 00:25:48 ศาสตราจารย์ดร.จันทรภาลบสัมพันธ์ผู้
00:25:48 → 00:25:51 เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และครอบครัวมา
00:25:51 → 00:25:52 เล่าให้ฟังครับ
00:25:52 → 00:25:55 >> คนที่ชอบความรุนแรงแบบเนี้ยเข้าไปจับคู่
00:25:55 → 00:25:57 กับคนธรรมดา
00:25:57 → 00:26:00 >> คนธรรมดาอาจจะรับไม่ได้ที่ต้องมีรอยดูด
00:26:00 → 00:26:04 รอยกัดรอยอะไรเนี่ยที่ว่าช้ำทั้งตัวเนี่ย
00:26:04 → 00:26:07 >> หรือคนที่เป็นมาโซคิสที่ชอบให้คนทำรุนแรง
00:26:07 → 00:26:10 กับตัวเองเนี่ยไปจับคู่กับคนธรรมดาพี่ตบ
00:26:10 → 00:26:13 หนูหน่อยพี่ด่าหนูแรงๆซิอะไรอย่างเงี้ย
00:26:13 → 00:26:15 >> แล้วก็อาจจะยอมรับไม่ได้แต่ถ้าเมื่อไหร่
00:26:15 → 00:26:19 ก็ตามที่ซาดิกับมาซิมาจับคู่กันใช่มั้ยคะ
00:26:19 → 00:26:19 ลงตัว
00:26:19 → 00:26:22 >> อ่าลงตัวมันเป็นเรื่องของคน 2 คนในห้อง
00:26:22 → 00:26:24 เป็นกิจกรรมทางเพศของเขาเพราะฉะนั้นจะบอก
00:26:25 → 00:26:27 ว่าเาเป็นโรคจิตก็ไม่ได้ใช้คำว่าเป็นรส
00:26:27 → 00:26:31 นิยมทางเพศที่มันไม่ปกติเหมือนคนทั่วๆไป
00:26:31 → 00:26:34 ในสังคมแล้วกันคนไทยเนี่ยชอบอะไรที่ตาม
00:26:34 → 00:26:37 แฟชั่นต้องinทรนเเป็นยังไงต้องเป็นอย่าง
00:26:37 → 00:26:40 งั้นก็เลยคิดว่าการสร้างร่องรอยต่างๆของ
00:26:40 → 00:26:42 การมีเซ็ก์เนี่ยเป็นเรื่องดี
00:26:42 → 00:26:42 >> อ
00:26:42 → 00:26:44 >> ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่หรอก
00:26:44 → 00:26:46 >> ถามว่าถ้าคนนึงแฮปปี้แต่อีกคนนึงถึงไม่
00:26:46 → 00:26:48 แฮปปี้เพราะคนที่มันถูกสร้างรอยมันต้อง
00:26:48 → 00:26:50 เจ็บทั้งเจ็บทั้งทรมานกับการมีเพศ
00:26:50 → 00:26:52 สัมพันธ์แล้วมันจะดีได้ยังไง
00:26:52 → 00:26:55 >> แต่หนังสืออีโรติกเหล่าเนี้ยมันมักจะให้
00:26:55 → 00:26:58 พระเอกเนี่ยเป็นปีศาจร้ายชอบผู้หญิงคนไหน
00:26:58 → 00:27:02 ก็ฉุดเลยเอามานอนด้วยเลยแล้วก็รุนแรงอะไร
00:27:02 → 00:27:06 อย่างเงี้ยนั่นมันคือตัวละครในนิยายเหล่า
00:27:06 → 00:27:08 นั้นแต่ในชีวิตจริงมันยังไม่ใช่ผู้หญิง
00:27:08 → 00:27:11 ไม่เหมือนผู้ชายไงผู้ชายเนี่ยหนัง X ชอบ
00:27:11 → 00:27:14 แต่ผู้หญิงเนี่ยเรท R โอเคมันก็เลยเป็น
00:27:14 → 00:27:16 อะไรที่ทำให้คนเราเนี่ยเข้าใจผิดว่าอ๋อเ
00:27:16 → 00:27:18 ต้องมีรอยอย่างนี้เนาะถึงจะแปลว่ารักกัน
00:27:18 → 00:27:21 จริงถึงจะเป็นแมนถึงจะเป็นอะไรจริงๆมัน
00:27:21 → 00:27:24 ไม่ใช่แต่ละคนไม่ได้ชอบเหมือนกันการมีเพศ
00:27:24 → 00:27:26 สัมพันธ์ที่ดีและปลอดภัยเนี่ยมันต้อง
00:27:26 → 00:27:30 อาศัยความเข้าใจนะอาศัยความรับผิดชอบแล้ว
00:27:30 → 00:27:33 ก็การสื่อสารที่ดีระหว่างคนรักกันด้วย
00:27:33 → 00:27:35 อะไรล่ะที่จะช่วยให้เซ็ก์ที่ดีและปลอดภัย
00:27:35 → 00:27:38 ขีดเส้นใต้ 3 เส้นลงคำว่าปลอดภัยเพราะ
00:27:38 → 00:27:40 ฉะนั้นการที่เราจะมีความสุขด้วยแล้วก็มี
00:27:40 → 00:27:42 ความปลอดภัยด้วยในเรื่องของการมี
00:27:42 → 00:27:44 เพศสัมพันธ์ปลอดภัยจากอะไรคะปลอดภัยจาก
00:27:44 → 00:27:47 โรคปลอดภัยจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พึง
00:27:47 → 00:27:50 ประสงค์ถูกคะแล้วก็เพื่อให้มีการสื่อสาร
00:27:50 → 00:27:53 ที่ดีระหว่างคนรักแล้วทั้งคู่ก็มีสุขภาพ
00:27:53 → 00:27:55 ที่ดีด้วยหลังการมีเพศสัมพันธ์เนี่ย
00:27:55 → 00:27:58 >> นะฮถุงยาอนามัยเนี่ยในขณะนี้นะคะมันยัง
00:27:58 → 00:28:01 เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราค้นพบได้ในสมัย
00:28:01 → 00:28:02 นี้อยู่
00:28:02 → 00:28:05 >> นะคะก็คือว่ามันช่วยป้องกันได้ทั้งโรคติด
00:28:05 → 00:28:07 ต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นหนอง
00:28:07 → 00:28:10 ในซิฟิสอะไรก็แล้วแต่เนี่ยแล้วก็ยังป้อง
00:28:10 → 00:28:12 กันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
00:28:12 → 00:28:14 เมืองไทยเราเนี่ยนะฮะส่วนใหญ่เนี่ยจะฮิต
00:28:14 → 00:28:17 ที่เบอร์เบอร์ 49 แต่ก็จะมีเบอร์ 52 กับ
00:28:17 → 00:28:21 56 วางขายด้วยถ้าเราเนี่ยซื้อผิดขนาดใส่
00:28:21 → 00:28:23 แล้วมันฟิตแน่นเกินไปเราก็ไม่แฮปปี้
00:28:23 → 00:28:24 >> อ่ะเลือดไม่เดิน
00:28:24 → 00:28:25 >> ใส่แล้วมันหลวมมันหลุด
00:28:25 → 00:28:28 >> มันก็ไม่มีประโยชน์เพราะฉะนั้นวิธีง่ายๆเ
00:28:28 → 00:28:31 ให้วัดรอบวงของที่โคนองค์ชาติเนี่ยนะคะใน
00:28:31 → 00:28:34 ขณะที่แข็งตัวเต็มที่แล้วหารด้วย 2
00:28:34 → 00:28:36 >> มันก็จะได้เบอร์ที่เราต้องการเพราะมันจะ
00:28:36 → 00:28:39 มีเบอร์ 49 52
00:28:39 → 00:28:39 ค่ะ
00:28:39 → 00:28:42 >> ก็เอาที่ใกล้เรามากที่สุดการกินยาคุมเนิด
00:28:42 → 00:28:44 เมันช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์ที่ไม่พึง
00:28:44 → 00:28:47 กระสงค์ได้แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉิน
00:28:48 → 00:28:51 บ่อยๆนะคะยาคุมฉุกเฉินเนี่ยให้ใช้เมื่อ
00:28:51 → 00:28:53 จำเป็นเท่านั้น
00:28:53 → 00:28:55 [เพลง]
00:28:55 → 00:28:59 This is Thai PBS Podcast
00:28:59 → 00:29:02 >> ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:29:02 → 00:29:04 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:29:04 → 00:29:07 thapodcast.com
00:29:07 → 00:29:10 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:29:10 → 00:29:14 ผ่าน podcast ช่องทางอื่นๆ Spotify
00:29:14 → 00:29:16 YouTube Apple Podcast และ Soundcloud
00:29:16 → 00:29:18 เ้า
00:29:18 → 00:29:21 [เพลง]