00:00:29 → 00:00:31 ช่วงแรกของเราค่ะ หมอคุยข่าวนะคะ
00:00:31 → 00:00:33 ช่วงนี้สนับสนุนโดย Allvite
00:00:33 → 00:00:37 นวัตกรรมเพื่อความสวยกระจ่างใส จากประเทศเกาหลี
00:00:37 → 00:00:40 สวยสะบัดบ๊อบใส่ ให้ผู้ชายเหลียวมองนะคะคุณขา
00:00:40 → 00:00:44 เดี๋ยวนี้คือที่สุดของความงาม ก็ต้องขาวใส
00:00:44 → 00:00:47 โดยเฉพาะขาวใส กระจ่างจากภายในด้วยนะคะคุณหมอ
00:00:47 → 00:00:49 ต้องหายตัวช่วยดีๆนะคะ // ต้อง Slim ด้วยคุณแนน
00:00:49 → 00:00:53 Slim ด้วย ถูกต้องดูดีครบทุกองศา
00:00:53 → 00:00:55 หันด้านไหนก็ดูดีไม่ต้องพึ่ง App นะคะ
00:00:55 → 00:00:59 แต่ข่าวนี้ค่ะคุณหมอขา ทำให้เราชอกช้ำและกำใจ
00:00:59 → 00:01:04 มันเป็นข่าวที่แนนต้องปาดน้ำตาซ้ายขวา 100 ทีเลยทีเดียวนะคะ
00:01:04 → 00:01:10 เรื่องของเครื่องดื่มชนิดนึง ซึ่งฮิตมานานและก็ยังคงฮิตไม่เลิกราคุณหมอ
00:01:10 → 00:01:12 นั้นก็คือชานมไข่มุกนะคะ
00:01:12 → 00:01:14 เย้ายวนใจมาก // ใช่
00:01:14 → 00:01:17 เมื่อไม่นานมานี้ คุณผู้ชมขามีข่าวนะคะ
00:01:17 → 00:01:21 เขาออกมาเตือนกันนะคะ มูลนิธิฉลาดซื้อ
00:01:21 → 00:01:23 เขาได้มีการนำชานมไข่มุกตามท้องตลาด
00:01:23 → 00:01:26 แบบสุ่มตรวจ 25 ยี่ห้อด้วยกัน
00:01:26 → 00:01:31 ผลปรากฎว่าทั้งปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลที่ตรวจพบ
00:01:31 → 00:01:34 ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วคุณหมอขา
00:01:34 → 00:01:38 เราจะไม่พูดถึงยี่ห้อแต่เราจะบอกถึงตัวเลข ของปริมาณที่เข้าวัดได้
00:01:38 → 00:01:44 เขาบอกว่าแก้วที่มีปริมาณน้ำตาล และก็แคลอรี่ต่อแก้วน้อยที่สุดเนี่ยนะคะ
00:01:44 → 00:01:47 ก็คือมีน้ำตาลวัดได้ประมาณ 4 ช้อนชาต่อแก้ว
00:01:47 → 00:01:49 อันนี้คือน้อยที่สุด
00:01:49 → 00:01:54 และก็มากที่สุดเนี่ยก็คือ 18.5 ช้อนชา
00:01:54 → 00:01:55 เยอะมาก
00:01:55 → 00:01:59 ส่วนแคลอรี่เนี่ยก็ไล่ไปตั้งแต่ 170 กว่าแคล นี้คือแก้วที่น้อยที่สุด
00:01:59 → 00:02:02 มากที่สุดเนี่ย 700 กว่าแคล
00:02:02 → 00:02:06 ครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ผู้หญิงต้องการต่อวันเลยนะคะคุณหมอขา
00:02:06 → 00:02:08 แล้วเขาบอกว่าที่ต้องออกมาเตือนเนี่ย
00:02:08 → 00:02:14 1.มันเกินปริมาณน้ำตาลที่องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เราทานแค่วันละ 6 ซองชาต่อวัน
00:02:14 → 00:02:19 และสองคือเสี่ยงเบาหวานมากกว่าร้อยละ 92
00:02:20 → 00:02:23 ต้องคุยกับคุณหมอแล้วค่ะ เพราะว่าจริงๆแล้วหวานมันน่ากลัวมากใช่ไหมคะ
00:02:23 → 00:02:28 ใช่เพราะว่าเป็นเบาหวานแล้วเนี่ย คุณแนนมันสามารถเป็นได้ทุกโรค
00:02:28 → 00:02:30 ถ้าอย่างนั้นการบริโภคน้ำตาลมากๆ
00:02:30 → 00:02:32 เสี่ยงเป็นเบาหวานจริงหรือไม่คะ
00:02:32 → 00:02:35 จริงค่ะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียว
00:02:35 → 00:02:39 เพียงแต่ว่าถ้าสมมุติว่าคุณรับประทาน หรือบริโภคน้ำตาลเป็นประจำเนี่ย
00:02:39 → 00:02:43 มันก็จะเป็นตัวนึงที่ทำให้ตับอ่อนคุณทำงานหนักขึ้น
00:02:43 → 00:02:46 เพราะเวลาที่ร่างกายบริโภคน้ำตาลเข้าไป
00:02:46 → 00:02:50 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร่างกายจะต้องมีการผลิตฮอร์โมนออกมาตัวนึง
00:02:50 → 00:02:52 ชื่อว่าฮอร์โมนอินซูลิน
00:02:52 → 00:02:54 ฮอร์โมนอินซูลิน มีหน้าที่ในการนำน้ำตาลไปใช้
00:02:54 → 00:02:58 สมมุติว่าคุณเล่นบริโภคชานมไข่มุกทุกวัน
00:02:58 → 00:03:03 นั่นหมายความว่าตับอ่อนคุณต้องทำงานหนักมาก เพื่อที่จะผลิตอินซูลินออกมา
00:03:03 → 00:03:08 ในปริมาณที่สูง เพื่อที่จะทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณอยู่ในปริมาณที่ปกติ
00:03:08 → 00:03:13 เพราะฉะนั้นหมายความว่า วันหนึ่งคุณก็จะเกิดภาวะที่เราเรียกว่าดื้ออินซูลิน
00:03:13 → 00:03:15 นั่นก็คือคุณหลั่งอินซูลินออกมาเยอะ
00:03:15 → 00:03:18 แต่ว่าไม่สามารถที่จะนำน้ำตาลไปใช้ได้
00:03:18 → 00:03:22 นั่นหมายความว่าเมื่อถึงวันนั้นเมื่อไหร่ คุณก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวานของตัวเองขึ้นมา
00:03:24 → 00:03:28 ซึ่งมันก็สามารถเกิดได้ขึ้นกับทุกๆคน เพราะคนสมัยนี้ทานหวานเยอะมาก
00:03:28 → 00:03:33 แล้วจากนี้น้ำตาลส่วนเกินเข้าไป เหลือเก็บสะสมเกิดโรคอ้วน
00:03:33 → 00:03:36 เกิดโรคไขมันในช่องท้อง
00:03:36 → 00:03:39 ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆตามไปอีก
00:03:39 → 00:03:43 ซึ่งเบาหวานสามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัยเลยรึเปล่าคะ // ใช่แล้ว
00:03:43 → 00:03:45 สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัย
00:03:45 → 00:03:47 สุดท้ายแล้วคนที่เป็นโรคเบาหวาน
00:03:47 → 00:03:50 น้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานๆ
00:03:50 → 00:03:55 คุณก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผลแทรกซ้อน ที่เป็นเรื่องของหลอดเลือด
00:03:55 → 00:03:58 คราวนี้คุณแนนหลอดเลือดมันทั่วร่างกาย
00:03:58 → 00:04:00 ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:04:00 → 00:04:06 ทำให้คุณมีปัญหาสมอง สโต๊ค หลอดเลือดตีบแตกตัน
00:04:06 → 00:04:12 คนที่มีหลอดเลือด ที่ไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เต็มที่
00:04:12 → 00:04:16 ก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคของเนื้องอกหรือมะเร็งได้
00:04:16 → 00:04:22 นอกจากนี้แล้วเนี่ย การที่ภาวะในกลุ่มของคนไข้ที่มีอินซูลินสูงๆ
00:04:22 → 00:04:24 หรือเกิดภาวะดื้ออินซูลิน
00:04:24 → 00:04:28 ในกลุ่มคนพวกนี้ บางทีเขาพบจะว่ามีความเข้มข้นของสารบางอย่าง
00:04:28 → 00:04:31 ไม่ว่าจะเป็น ldl สูงขึ้น
00:04:31 → 00:04:33 Hdl ลดลง
00:04:33 → 00:04:35 ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น
00:04:35 → 00:04:40 หรืออาจจะมีความดันสูงร่วมด้วย เกิดเป็นโรคที่เราเรียกว่าเมตาบอลิกซินโดรม
00:04:40 → 00:04:47 แล้วก็คนที่มีภาวะดื้ออินซูลิน ก็อาจจะมีแนวโน้มทำให้เขามีขบวนการที่เกี่ยวกับการละลายลิ่มเลือด
00:04:47 → 00:04:48 เสื่อมลงไป
00:04:48 → 00:04:51 ซึ่งภาวะดื้ออินซูลินมันจะก่อให้เกิดเบาหวานใช่ไหมคะ
00:04:51 → 00:04:55 ซึ่งถ้าเกิดว่าเราอยู่ในช่วงที่แบบใกล้แล้ว ขาไปแหย่ไปแล้วข้างนึงอย่างเงี้ย
00:04:55 → 00:04:59 เราจะมีวิธีการดูแลตัวเองให้จากภาวะนี้ ไม่กลายเป็นเบาหวานได้ไหมคะ
00:04:59 → 00:05:06 ได้เราก็ต้องควบคุม ดูแล คุณจะต้องหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิกนะคะ
00:05:06 → 00:05:08 พวกของหวานทั้งหมด
00:05:08 → 00:05:12 สิ่งที่มีรสหวานทุกชนิด คือจะต้องไม่ยุ่งกับน้ำตาลเลย
00:05:12 → 00:05:17 แล้วก้จะต้องพยามกินอาหารให้เพียงพอ กับแค่ความต้องการของร่างกายเท่านั้น
00:05:17 → 00:05:21 อย่ากินเกินและกินให้ถูกสัดส่วน กินผักผลไม้
00:05:21 → 00:05:23 ไฟเบอร์ก็จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
00:05:23 → 00:05:25 ที่สำคัญออกกำลังกาย
00:05:26 → 00:05:29 การออกกำลังกายให้มีการได้ใช้พลังงาน
00:05:29 → 00:05:33 ดึงพลังงานไปใช้อย่างน้อย 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์
00:05:33 → 00:05:35 ก็จะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยลดระดับน้ำตาล
00:05:35 → 00:05:38 พวกนี้ก็จะควบคุมได้
00:05:38 → 00:05:40 ก็เป็นวิธีการดูแลตัวเองทั่วๆไป
00:05:40 → 00:05:45 แบบที่คุณหมอแนะนำแทบจะทุกตอนของรายการ ก็คือ เรื่องอาหารสำคัญสุด
00:05:45 → 00:05:48 แล้วก็ตามมาด้วยการออกกำลังกาย
00:05:48 → 00:05:49 แล้วก็การพักผ่อนนั้นเองนะคะ
00:05:49 → 00:05:53 ดูแลเอาไว้แล้วก็ได้ห่างไกลจากโรคต่างๆนั่นเองนะคะ
00:05:53 → 00:05:57 แต่ว่ามีอยู่โรคนึง ซึ่งวันนี้คุณหมอจะชวนพวกเราคุย
00:05:57 → 00:05:59 ชื่อตอนเก๋ไก๋มากค่ะ
00:05:59 → 00:06:01 ชอกช้ำเพราะลองใช้
00:06:01 → 00:06:04 ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกว่ามันช้ำขนาดไหนนะคะ
00:06:04 → 00:06:06 เดี๋ยวกลับมาคุยกันช่วงหน้าค่ะ