00:00:05 → 00:00:14 โดยหมอผิงแพทย์หญิงธิดากานต์รุจิพัฒนกุล
00:00:14 → 00:00:18 ของ fastings
00:00:18 → 00:00:21 ของการ fasting ใหม่ๆนะคะที่ไม่ใช่แค่การ
00:00:21 → 00:00:24 อดอาหารแบบ is แต่เป็น fasting ในรูปแบบ
00:00:24 → 00:00:26 หลายๆทั้งการต่อยอดของ If และ fasting
00:00:26 → 00:00:28 อื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการอดอาหารเลยแต่
00:00:28 → 00:00:32 เป็นเทรนฟาสติ้งสีแบบที่หมอคิดว่ามันก็ทำ
00:00:32 → 00:00:34 แล้วก็ดีต่อร่างเหมือนกันนะคะในแง่ของการ
00:00:34 → 00:00:37 ชะลอวัยและดูแลสุขภาพและก็คิดว่าเป็น
00:00:37 → 00:00:39 เทรนด์ที่น่าสนใจก็เลยอยากจะยกมาเล่าให้
00:00:39 → 00:00:42 ฟังก็ใครที่อยากจะลดน้ำหนักดูแลสุขภาพนะ
00:00:42 → 00:00:48 คะมาฟัง 4 เป็น fasting นี้กันค่ะ
00:00:48 → 00:00:53 ให้รักดูแลชีวิตไทยประกันชีวิต
00:00:53 → 00:00:56 [เพลง]
00:00:56 → 00:00:58 สวัสดีค่ะคุณกำลังอยู่กับหมอผิงแพทย์หญิง
00:00:58 → 00:01:03 ที่ดาการรุจันทร์
00:01:03 → 00:01:06 ที่จะทำให้คุณสนุกแล้วก็มีความสุขกับการ
00:01:06 → 00:01:08 อยู่ตัวคนเดียวมากขึ้นค่ะ
00:01:08 → 00:01:11 วันนี้หมออยากจะมาชวนคุยถึงเรื่องของ
00:01:11 → 00:01:14 fasting นะคะคือเวลาเราพูดถึง fasting
00:01:14 → 00:01:16 เนี่ยหมอเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง
00:01:16 → 00:01:19 intermittent fasting หรือ If นะคะซึ่ง
00:01:19 → 00:01:22 ก็เป็นการลดน้ำหนักประเภท 1 ซึ่งก็ฮิตมาก
00:01:22 → 00:01:25 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นะคะแต่ว่าปลา
00:01:25 → 00:01:26 ซิ่งที่หมออยากจะคุยให้ฟังเนี่ยเป็น
00:01:26 → 00:01:29 เทรนด์ของการ fasting ใหม่ๆนะคะที่ไม่ใช่
00:01:29 → 00:01:32 แค่การอดอาหารแบบ If แต่เป็น fasting ใน
00:01:32 → 00:01:34 รูปแบบหลายๆทั้งการต่อยอดของ If และ
00:01:34 → 00:01:36 fasting อื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการอดอาหาร
00:01:36 → 00:01:40 เลยแต่เป็นเทรนด์ pasting 4 แบบที่หมอ
00:01:40 → 00:01:42 คิดว่ามันก็ทำแล้วก็ดีต่อร่างเหมือนกันนะ
00:01:42 → 00:01:45 คะในแง่ของการชะลอวัยและดูแลสุขภาพและก็
00:01:45 → 00:01:47 คิดว่าเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจก็เลยอยากจะ
00:01:47 → 00:01:50 หยิบยกมาเล่าให้ฟังก็ใครที่อยากจะลดน้ำ
00:01:50 → 00:01:52 หนักดูแลสุขภาพนะคะมาฟัง 4 เทรน fasting
00:01:52 → 00:01:55 นี้กันค่ะเทรนด์แรกก็คือเรื่องของ
00:01:55 → 00:02:00 t-fasting ค่ะที่ t e a ที่แบบว่าน้ำ
00:02:00 → 00:02:04 ชาซิ่งนะคะไม่ใช่การอดน้ำชานะแต่ว่ามัน
00:02:04 → 00:02:06 เป็นการต่อยอดการทำ If ค่ะ If หรือ
00:02:06 → 00:02:08 intervention fasting เนี่ยมันไม่ใช่
00:02:08 → 00:02:11 แค่การอดอาหารแล้วก็ลดน้ำหนักแต่ว่ามันมี
00:02:11 → 00:02:14 หลายๆงานวิจัยพบว่าการทำ AF เนี่ยมันช่วย
00:02:14 → 00:02:17 ในเรื่องของกระตุ้นกระบวนการออโตฟาจี้
00:02:17 → 00:02:20 กระตุ้นในเรื่องของการเปิดสวิตซ์ยีนส์ที่
00:02:20 → 00:02:23 ช่วยในเรื่องของการชะลอวัยมันก็เลยมีบาง
00:02:23 → 00:02:26 คนที่ทำ If เพื่อการชะลอวัยด้วยไม่ใช่แค่
00:02:26 → 00:02:29 เรื่องของการควบคุมน้ำหนักนะคะซึ่งการทำ
00:02:29 → 00:02:31 AF เนี่ยสำหรับคนที่ไม่รู้เลยนะคะก็หมาย
00:02:31 → 00:02:33 ถึงว่าการที่เราจะมีแบ่งช่วงเวลาที่ให้
00:02:33 → 00:02:36 ร่างกายเราได้ fasting คืออดอาหารคือไม่
00:02:36 → 00:02:38 รับประทานอะไรเลยดื่มแต่น้ำเปล่าเนี่ยก็
00:02:39 → 00:02:41 จะมีหลายสูตรสูตรที่ใช้กันมากสุดก็คือ 16
00:02:41 → 00:02:44 8 ก็คืออดอาหาร 16 ชั่วโมงแล้วก็กิน
00:02:44 → 00:02:47 อาหารแค่ในช่วง 8 ชั่วโมงนะคะเช่นสมมุติ
00:02:47 → 00:02:50 เรายกตัวอย่างว่าเราจะอดอาหารจนถึงเที่ยง
00:02:50 → 00:02:52 วันแล้วเราก็จะค่อยเริ่มกินหลังเที่ยง
00:02:52 → 00:02:55 แล้วเราก็จะกินไปได้ถึงแค่ 2 ทุ่มแล้วเรา
00:02:55 → 00:02:57 ก็จะหยุดแล้วก็จะทำอย่างนี้ซ้ำๆทุกวัน
00:02:57 → 00:02:59 ซึ่งการทำ If เนี่ยมันก็หมายถึงว่าช่วง
00:03:00 → 00:03:02 ที่กินเนี่ย feeding ก็คือเราก็กินไม่
00:03:02 → 00:03:04 ต้องจำกัดปริมาณอาหารแต่ก็แนะนำให้กิน
00:03:04 → 00:03:07 อาหารที่ดีต่อสุขภาพนะคะอีกสูตรหนึ่งก็
00:03:07 → 00:03:10 คือ 52 นะคะก็คือจะมี 2 วันต่อสัปดาห์ที่
00:03:10 → 00:03:13 จะรับประทานอาหารแค่ 500-600 kcal นะคะ
00:03:13 → 00:03:15 ส่วนนี้ 5 วันต่อสัปดาห์ก็รับประทานปกติ
00:03:15 → 00:03:18 ส่วนตัวหมอก็จะแนะนำสูตร 16-8 มากกว่า
00:03:18 → 00:03:21 เพราะว่ามันจะค่อนข้างทำได้ง่ายกว่าแล้ว
00:03:21 → 00:03:25 ก็ในระยะยาวยั่งยืนกว่านะคะส่วนงานวิจัย
00:03:25 → 00:03:28 สนับสนุนจึงมีทั้งสองพอๆกันทีนี้เรากลับ
00:03:28 → 00:03:31 มาที่ tefasting tasting เนี่ยเขาเอา If
00:03:31 → 00:03:33 มาต่อยอดค่ะเขาบอกว่าแทนที่ช่วงที่เรา
00:03:33 → 00:03:37 fasting เนี่ยแทนที่เราจะดื่มน้ำเปล่า
00:03:37 → 00:03:40 เขาบอกว่าให้ลองดื่มเป็นชาเพราะว่าไอ้ตัว
00:03:40 → 00:03:44 ชาเนี่ยมันจะมีสารอีจี 4G ซึ่งมันไปยับ
00:03:44 → 00:03:47 ยั้งฮอร์โมนเกรลีนก็คือฮอร์โมนที่ทำให้
00:03:47 → 00:03:48 เราหิวฮอร์โมนหิว
00:03:48 → 00:03:51 มันก็เลยทำให้เราเนี่ยสามารถที่จะ fasting
00:03:51 → 00:03:55 อย่างสบายใจขึ้นอยู่น้อยลงนอกจากตรงนี้
00:03:55 → 00:03:57 เนี่ยมันก็จะยังมีอีกงานวิจัยนึงซึ่งทาง
00:03:57 → 00:04:01 บริษัททดลองพบว่าพอเราทำ f ในสัตว์ทดลอง
00:04:01 → 00:04:03 เนี่ยแล้วเราให้กินเป็นชาบูเอ๋อในช่วงที่
00:04:03 → 00:04:06 ฟ้าเนี่ยเพราะว่าลดน้ำหนักได้ดีกว่าเขาก็
00:04:06 → 00:04:08 คิดว่ามันอาจจะเกี่ยวเนื่องกับการเผาผลาญ
00:04:08 → 00:04:12 ที่นี้มันก็แปลว่าโอเคการทำ is แล้วดื่ม
00:04:12 → 00:04:14 ชาในช่วงที่ fasting หรือ tefasting
00:04:14 → 00:04:17 เนี่ยมันก็น่าจะดีประมาณนึงแต่สิ่งที่
00:04:17 → 00:04:21 ต้องระวังก็คือว่าตัวคาเฟอีนจากชานะคะโดย
00:04:21 → 00:04:24 เฉพาะคนที่ sensitive ไวกับคาเฟอีนถ้า
00:04:24 → 00:04:27 ดื่มเยอะๆก็อาจจะมีปัญหานอนไม่หลับได้แต่
00:04:27 → 00:04:30 โดยทั่วไปแล้วเนี่ยตัวชาเองคาเฟอีนเนี่ย
00:04:30 → 00:04:33 มันต่ำกว่ากาแฟนะคะก็คือถ้วย 8 ออนซ์
00:04:33 → 00:04:36 15-50 mg ซึ่งจัดว่าไม่ได้เยอะอะไรถ้า
00:04:36 → 00:04:39 เทียบกับกาแฟนะคะดังนั้นคือหมอคิดว่าถ้า
00:04:39 → 00:04:41 ใครที่ไม่ได้ sensitive กับการนอนไม่หลับ
00:04:41 → 00:04:44 มากๆจากคาเฟอีนเนี่ยแล้วก็เป็นคนที่อยาก
00:04:44 → 00:04:47 จะลองทำ If นะก็อาจจะทำเป็น t-fasting
00:04:47 → 00:04:49 ได้นะได้แอนตี้ออกซิแดนท์หรือสารต้าน
00:04:49 → 00:04:52 อนุมูลอิสระจากชาด้วยแต่ถ้าคนที่วัยกับ
00:04:52 → 00:04:54 เรื่องนี้กลัวนอนไม่หลับอาจจะใช้เป็นชา
00:04:54 → 00:04:57 ขิงนะคะเพราะว่าชาขิงเนี่ยก็ดีเช่นกันนะ
00:04:57 → 00:04:59 แต่ต้องระวังเอาที่ไม่มีน้ำตาลและไม่มี
00:05:00 → 00:05:02 สารให้ความหวานจะดีกว่าแต่ที่หมอจะไม่
00:05:02 → 00:05:04 ค่อยแนะนำคือบางคนมันจะมีคอนเซ็ปต์เรื่อง
00:05:04 → 00:05:07 ของ Juice fasting ก็คือไม่กินอาหารเลย
00:05:07 → 00:05:10 ดื่มแต่น้ำผลไม้ตลอดคอนเซ็ปต์เนี่ยเขา
00:05:10 → 00:05:12 เชื่อกันว่าการทำชุด sasting เนี่ยมันจะ
00:05:12 → 00:05:15 ช่วยในเรื่องของการดีท็อกซ์แต่จริงๆมัน
00:05:15 → 00:05:17 เป็นเคลมที่ไม่มีวิจัยรองรับและดังนั้น
00:05:17 → 00:05:19 เนี่ยจูน sasing ยังไม่ค่อยแนะนำนะครับ
00:05:19 → 00:05:21 เพราะว่ามันจะได้น้ำตาลจากน้ำผลไม้มาก
00:05:21 → 00:05:24 เกินไปนะคะแล้วก็ไม่ได้ส่งผลดีกับสุขภาพ
00:05:24 → 00:05:28 ในระยะยาวนะสรุป Trend ที่ 1 นะฮะ tasting
00:05:28 → 00:05:31 แนะนำแต่ถ้าชุด sasting ไม่แนะนำที่ 2
00:05:31 → 00:05:33 ค่ะเทรนนี้สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิว
00:05:33 → 00:05:37 เลยก็คือเรื่องของ skinfasting นะคะคือ
00:05:37 → 00:05:40 การหยุดสารพัดครีมค่ะคือเขาพบว่าคนเรา
00:05:40 → 00:05:42 เนี่ยจริงๆบางคนใช้สกินแคร์โปรดักส์เยอะ
00:05:42 → 00:05:46 มากอย่างวันๆนึงเนี่ยอาจจะเปลี่ยนไปมาใช้
00:05:46 → 00:05:49 เป็น 10 ตัวเลยนะคะก็คือวนใช้ไปเรื่อย
00:05:49 → 00:05:52 เปื่อยซึ่งการใช้เยอะเกินเนี่ยมันจะนำมา
00:05:52 → 00:05:54 สู่การระคายเคืองเพิ่มความเสี่ยงของการ
00:05:54 → 00:05:57 แพ้เพิ่มความเสี่ยงการอุดตันดังนั้นคนที่
00:05:57 → 00:05:59 รู้สึกว่าใช้มาเยอะๆแล้วผิวเริ่มพังไม่
00:05:59 → 00:06:02 รู้ว่าจะทำยังไงดีเนี่ยอาจจะลองเทรนนี้
00:06:02 → 00:06:06 ค่ะสกิน fasting ค่ะคือให้หยุดสารพัดครีม
00:06:06 → 00:06:10 เลยที่คุณใช้อยู่เหลือแค่ที่จำเป็นจริงๆ 3
00:06:10 → 00:06:13 ชิ้นก็คือ cleanser ใช้ล้างหน้า
00:06:13 → 00:06:16 moisturizer ให้ความชุ่มชื้นผิว
00:06:16 → 00:06:20 sunscreen กันแดดสำหรับตอนเช้าตอนเย็นก็
00:06:20 → 00:06:23 คือแค่คลีนแล้วก็มอยเจอร์แค่นั้นใช้แค่
00:06:23 → 00:06:26 นี้ไปก่อนนะคะเป็นการทำ skinfasting พวก
00:06:26 → 00:06:29 Serum น้ำตกอะไรหยุดไปก่อนเลยคือโดน
00:06:29 → 00:06:31 คอนเซ็ปต์ของ Skin fasting เนี่ยมันมา
00:06:31 → 00:06:34 จากการเชื่อที่ว่า Skin minimalism หรือ
00:06:34 → 00:06:37 skinimalism นะเป็นคำรวมที่บอกว่า Less
00:06:37 → 00:06:40 is More สำหรับผิวของคนเราก็คือบาง
00:06:40 → 00:06:44 ครั้งการใช้น้อยการทานน้อยการซื้อไม่ต้อง
00:06:44 → 00:06:46 เยอะซื้อแต่น้อยแต่ซื้อสิ่งที่มันถูกต้อง
00:06:46 → 00:06:49 กับผิวเราจริงๆใช้สิ่งที่มันถูกต้องกับ
00:06:49 → 00:06:51 ผิวเราจริงๆเนี่ยมันดีกว่าการฟุ่มเฟือย
00:06:51 → 00:06:53 ใช้เยอะแยะไปหมดแล้วเสี่ยงแพ้เสี่ยงอุด
00:06:53 → 00:06:57 ตันดังนั้นเนี่ยคนที่มีปัญหาผิวแพ้ระคาย
00:06:57 → 00:07:02 เคืองงงเครื่องสำอางไปหมดอุดตันอาจจะลอง
00:07:02 → 00:07:04 ทำในเรื่องของ skincasting ดู 1-2
00:07:04 → 00:07:07 สัปดาห์หมอแนะนำว่า 2 อาทิตย์ไปเลยให้ผิว
00:07:07 → 00:07:10 มันเริ่มสงบเพราะผิวเริ่มสงบเนี่ยค่อยๆ
00:07:10 → 00:07:13 กลับมาใช้ทีละตัวสับดาละ 1 ตัวแล้วสังเกต
00:07:13 → 00:07:16 ผิวพรรณของตัวเองค่ะว่าตัวไหนที่ที่มัน
00:07:16 → 00:07:18 ใช้แล้วเกิดปัญหาก็ลองไปทำกันดูสำหรับ
00:07:18 → 00:07:22 สกิน fasting นะคะเทรนด์ที่ 3 ค่ะ screen
00:07:22 → 00:07:25 fasting คล้ายๆกันเนอะเมื่อกี้สกินผิว
00:07:25 → 00:07:28 หนังอันนี้สกรีนคือหน้าจอค่ะคือ screen
00:07:28 → 00:07:31 fasting เนี่ยก็คือหยุดจากหน้าจอทุก
00:07:31 → 00:07:34 อย่างไม่ว่าจะมือถือหรือทีวีนะหลายคนอาจ
00:07:34 → 00:07:36 จะเคยได้ยิน Concept เรื่องของ Social
00:07:36 → 00:07:39 Media Detox ซึ่ง Social Media Detox
00:07:39 → 00:07:41 ก็คือหยุดใช้โซเชียลมีเดียแต่ว่าอาจจะยัง
00:07:41 → 00:07:45 ใช้หน้าจออื่นๆได้แต่ว่า screen fasting
00:07:45 → 00:07:48 เนี่ยคือหยุดอะไรทุกอย่างเลยที่เกี่ยวกับ
00:07:48 → 00:07:51 หน้าจอทั้งหมดเลยรวมไปถึงพวกแบบดู netflix
00:07:51 → 00:07:54 อะไรต่างๆก็ต้องหยุดให้หมดด้วยเพราะเขา
00:07:54 → 00:07:55 เชื่อว่าการให้เราหยุดจากหน้าจอเนี่ยเรา
00:07:55 → 00:07:58 จะหันไปโฟกัสกับอย่างอื่นที่เป็นทาง
00:07:58 → 00:08:00 กายภาพที่เราสัมผัสได้จริงๆอยู่ได้จริงๆ
00:08:00 → 00:08:03 และที่สำคัญที่สุดคือผู้คนที่อยู่ข้างๆ
00:08:03 → 00:08:06 เราหรือคนในครอบครัวของเราเขาเชื่อว่าการ
00:08:06 → 00:08:09 ทำ screen fasting บ้างคือมีช่วงเวลาที่
00:08:09 → 00:08:13 เราหยุดการใช้หน้าจอเลยเนี่ยบ้างมันจะ
00:08:13 → 00:08:15 ช่วยให้เราเนี่ยโฟกัสได้ดีขึ้นมีสมาธิ
00:08:15 → 00:08:18 ขึ้นเล็กน้อยลงอารมณ์ดีขึ้นหลับได้ดีขึ้น
00:08:18 → 00:08:21 และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับครอบครัว
00:08:21 → 00:08:24 วิธีการ Screen fasting ง่ายๆค่ะเริ่ม
00:08:24 → 00:08:27 จากกำหนดเป้าหมายอาจจะกำหนดเป็นช่วงเวลา
00:08:27 → 00:08:30 ก่อนนะคะเช่น 1 ชั่วโมงก่อนนอนเริ่มต้น
00:08:30 → 00:08:33 ง่ายๆเลยแล้วก็ค่อยๆขยายเป็น 2 ชั่วโมง
00:08:33 → 00:08:36 ก่อนนอน 3 ชั่วโมงก่อนนอนหรือบางคนอาจจะ
00:08:36 → 00:08:38 บอกว่าถนัดเป็นวันเช่นวันอาทิตย์จะเป็น
00:08:38 → 00:08:40 วันที่เราทำ screen fasting นะแล้วเราจะ
00:08:40 → 00:08:44 ออกไปใช้ชีวิตเลยก็สามารถทำได้หรืออย่าง
00:08:44 → 00:08:46 น้อยที่สุดอาจจะทำ screen fasting ตอน
00:08:46 → 00:08:49 กินข้าวค่ะมันจะช่วยให้เรามีสติกับการกิน
00:08:49 → 00:08:51 มากขึ้นก็คือเวลาเรากินข้าวไม่ดูจากมือ
00:08:51 → 00:08:54 ถือไม่ดูโทรทัศน์การที่เราโฟกัสกับการกิน
00:08:54 → 00:08:57 มากขึ้นเนี่ยก็จะทำให้เราคุมปริมาณการกิน
00:08:57 → 00:09:01 ได้ดีขึ้นรับรู้รสชาติของอาหารได้ดีขึ้น
00:09:01 → 00:09:04 แล้วก็จะทำให้เรามีสติกับการกินมากขึ้นนะ
00:09:04 → 00:09:07 คะซึ่งจริงๆในเรื่องนี้หมอเคยพูดถึงการ
00:09:07 → 00:09:09 กินแบบมีสติเหมือนกันใน Single Being
00:09:09 → 00:09:12 นี่แหละ Ep ที่ 213 เรื่อง My full
00:09:12 → 00:09:16 eating ศิลปะการกินแบบมีสตินะคะใครที่สน
00:09:16 → 00:09:19 ใจก็ลองไปฟังกันได้ต่อมาค่ะ fasting สุด
00:09:19 → 00:09:21 ท้ายที่อยากจะแนะนำให้ฟังก็คือเรื่องของ
00:09:21 → 00:09:25 Word fasting Word ที่แปลว่าถ้อยคำคำ
00:09:25 → 00:09:27 พูดเนี่ยแหละค่ะคุณผู้ฟังคิดว่าใน 1 วัน
00:09:27 → 00:09:29 เราพูดกันกี่คำคะ
00:09:29 → 00:09:32 คือบางข้อมูลก็บอกว่า 5,000 บางข้อมูลก็
00:09:32 → 00:09:34 บอกว่า 7,000 ถ้าเราไป Google เนาะซึ่ง
00:09:34 → 00:09:36 ส่วนใหญ่จะบอกว่าผู้หญิงน่าจะพูดมากกว่า
00:09:36 → 00:09:39 ผู้ชายหมอไปดูอันที่มันมีการศึกษาจริงๆ
00:09:39 → 00:09:41 มันย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2007 เนี่ยแต่ว่า
00:09:41 → 00:09:43 มันน่าสนใจมันใช้กลุ่มตัวอย่างถึงเกือบ
00:09:43 → 00:09:46 400 คนพบว่าจริงๆผู้หญิงกับผู้ชายพูดพอๆ
00:09:46 → 00:09:48 กันนะคะพูดเฉลี่ยประมาณ
00:09:48 → 00:09:52 16,000 คำต่อวันค่ะซึ่งเขาพูดว่าการที่
00:09:52 → 00:09:55 เราพูดไปมาตลอดเนี่ยมันทำให้ Express
00:09:55 → 00:09:57 ตลอดเวลาแต่ว่าเราไม่ได้กลับมาโฟกัสกับ
00:09:57 → 00:09:59 ตัวเองหรือหยุดนิ่งกับความคิดของตัวเอง
00:09:59 → 00:10:02 บ้างมันก็เลยมี Concept ที่บอกว่าเราควร
00:10:02 → 00:10:05 จะมีช่วงเวลาที่เราหยุดพูดตั้งใจกับตัว
00:10:05 → 00:10:09 เองที่จะหยุดพูดแล้วฝึกสมาธิโฟกัสทำให้
00:10:09 → 00:10:10 เราเนี่ยโฟกัสได้ดีขึ้นทำให้เราเครียด
00:10:10 → 00:10:12 หรือวิตกกังวลน้อยลงมีความคิดสร้างสรรค์
00:10:12 → 00:10:15 ที่ดีขึ้นนอนหลับที่ดีขึ้นถามว่าการหยุด
00:10:15 → 00:10:20 แล้วตั้งใจเงียบฟังเสียงของความเงียบอยู่
00:10:20 → 00:10:23 กับลมหายใจต้องทำนานแค่ไหนมันจะได้ผลมัน
00:10:23 → 00:10:25 ฟังดูบางคนอาจจะโหให้หยุดพูดแล้วเงียบเฉย
00:10:25 → 00:10:28 ๆไม่ฟังอะไรเลยนี่มันยากเหมือนกันนะงาน
00:10:28 → 00:10:30 วิจัยจาก
00:10:30 → 00:10:34 พบว่าถ้าเราทำ Word fasting ประมาณ 10
00:10:34 → 00:10:36 นาทีต่อวันติดกัน 8 สัปดาห์เนี่ยก็น่าจะ
00:10:36 → 00:10:39 มีผลอะไรบางอย่างที่ช่วยให้เรามีสมาธิได้
00:10:39 → 00:10:42 ดีขึ้นดังนั้นใครที่รู้สึกว่าโอ้วันๆพูด
00:10:42 → 00:10:45 ทั้งวันเลยนะคะลองตั้งใจทำ Word fasting
00:10:45 → 00:10:49 หยุดพูดแล้วฟังเสียงของความเงียบอยู่กับ
00:10:49 → 00:10:52 ลมหายใจดูทำ intermital Silence คือ
00:10:52 → 00:10:55 เงียบระยะนึงดูอาจจะเป็น 10 นาที 20 นาที
00:10:55 → 00:10:58 หรือ 1 ชั่วโมงต่อวันก็ได้แต่หมอเชื่อว่า
00:10:58 → 00:11:00 มันน่าจะทำให้ชีวิตของคุณมันสงบขึ้นค่ะ
00:11:00 → 00:11:04 คือส่วนตัวหมอเองหมอเป็นคนเชื่อในความ
00:11:04 → 00:11:07 สมดุลนะคะหมอเชื่อว่าอะไรที่มันมากไปก็
00:11:07 → 00:11:11 ไม่ดีอะไรที่มันน้อยไปก็ไม่ดีกินมากไปก็
00:11:11 → 00:11:14 ควรจะมีช่วงเวลาที่อดบ้างคือ fasting
00:11:14 → 00:11:15 บ้าง
00:11:15 → 00:11:19 ทาครีมมากไปเราก็ควรจะลดบ้างใช้เท่าที่
00:11:19 → 00:11:23 มันจำเป็นติดจอมากไปเราก็ควรจะปิดจอบ้าง
00:11:23 → 00:11:27 ชีวิตมันก็จะดีขึ้นพูดมากไปนะคะควรฝึก
00:11:27 → 00:11:30 หยุดพูดแล้วอยู่กับความเงียบบ้างนะคะ
00:11:30 → 00:11:34 ชีวิตก็จะสมดุลขึ้นค่ะก็ดูแลสุขภาพนะคะ
00:11:34 → 00:11:38 ด้วยความสมดุลและก็ความรักให้รักดูแล
00:11:38 → 00:11:40 ชีวิตไปด้วยกันถ้าฟังแล้วชอบถ้าฟังแล้ว
00:11:40 → 00:11:43 เห็นด้วยแชร์ให้กับคนที่คุณรักนะคะแล้วก็
00:11:43 → 00:11:46 ถ้าอยากให้หมอพูดคุยอะไรเกี่ยวกับเรื่อง
00:11:46 → 00:11:49 การดูแลสุขภาพก็ treat มาบอกกันได้ที่
00:11:49 → 00:11:51 Twitter ธิดาการนะคะ
00:11:51 → 00:11:54 หรืออีกช่องทางหนึ่งที่จะติดตามหมอได้ก็
00:11:54 → 00:11:58 คือ tiktok นะคะแอดธิดาการ th
00:11:58 → 00:12:01 เวลามีเรื่องราวอะไรสนุกๆหมอก็จะมาเล่า
00:12:01 → 00:12:03 ให้ฟังใน tiktok เช่นกันนะคะเป็นช่องทาง
00:12:03 → 00:12:06 ใหม่ก็ติดตามกันได้ในทุกช่องทางค่ะสำหรับ
00:12:06 → 00:12:12 วันนี้ไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ
00:12:12 → 00:12:22 [เพลง]