00:00:00 → 00:00:02 สำหรับใครที่พลาดงาน The Standard
00:00:02 → 00:00:05 Economic forum 2023 โอกาสสุดท้ายของ
00:00:05 → 00:00:07 คุณครับเราเปิดจำหน่ายบัตรรับชมย้อนหลัง
00:00:07 → 00:00:11 แล้ววันนี้ชมย้อนหลังออนไลน์ได้ทุกที่
00:00:11 → 00:00:13 ทั่วโลกดูย้อนหลังได้นานถึง 6 เดือนตั้ง
00:00:13 → 00:00:17 แต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึง 31 พฤษภาคม
00:00:17 → 00:00:20 2567 รับสรุปเนื้อหา Visual summary
00:00:20 → 00:00:23 ทุกเวทีราคาพิเศษ 2,500 บาทตั้งแต่วันนี้
00:00:23 → 00:00:26 ถึง 31 ธันวาคมนี้เท่านั้นซื้อบาตรย้อน
00:00:26 → 00:00:28 หลังได้ที่ zip Event หรือสแกน QR coe
00:00:28 → 00:00:32 บนหน้าจอได้เลยครับ
00:00:32 → 00:00:34 [เพลง]
00:00:34 → 00:00:38 ใครที่อยากแก่ช้าอยากรู้สึกว่ามีพลังงาน
00:00:38 → 00:00:41 มากขึ้นอยากอายุยืนนันขึ้นสุขภาพดีขึ้น
00:00:41 → 00:00:44 เคยได้ยินคำว่าแนดหรือว่า n มั้ยครับ
00:00:44 → 00:00:46 เดี๋ยวเนี้ยถ้าเกิดดูตามโซเชียล Media
00:00:46 → 00:00:49 โฆษณาต่างๆจะเข้ามาเยอะมากเลยนะมีการดริป
00:00:50 → 00:00:52 nad เข้าไปในร่างกายหรือว่ามีอาหารเสริม
00:00:52 → 00:00:54 เยอะแยะเลยที่สามารถที่จะเพิ่ม nad หรือ
00:00:55 → 00:00:57 ว่าแหนกเข้าไปได้และทำให้เราสุขภาพดีขึ้น
00:00:57 → 00:01:01 ดูเด็กขึ้นนะครับแล้วสงสัยกันมว่าไอ้เจ้า
00:01:01 → 00:01:04 nad หรือว่าแนเนี่ยจริงๆแล้วมันคืออะไร
00:01:04 → 00:01:06 แล้วมันเป็นอย่างที่เขาโฆษณาจริงหรือ
00:01:06 → 00:01:08 เปล่าว่าเอาเข้าไปในร่างกายแล้วทำให้เรา
00:01:08 → 00:01:11 เด็กลงทำให้เรามีพลังงานมากขึ้นแล้วอาหาร
00:01:11 → 00:01:14 เสริมตัวไหนผมมีหลายตัวเลยไม่ว่าจะเป็น nr
00:01:14 → 00:01:17 nmn หรืออะไรเงี้ยกินเข้าไปแล้วมันช่วย
00:01:17 → 00:01:20 เพิ่มแหนดได้จริงๆมวันนี้เดี๋ยว Top to
00:01:20 → 00:01:23 เล่าทุกประเด็นเลยครับไปฟังกันครับ This
00:01:23 → 00:01:26 is the Standard podcast Eye
00:01:26 → 00:01:28 Opening for your
00:01:28 → 00:01:30 ears Top to
00:01:30 → 00:01:33 podcast สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหา
00:01:33 → 00:01:35 ตั้งแต่หัวจด
00:01:35 → 00:01:39 เท้า nad หรือว่าชื่อเล่นๆเรียกว่าแนด
00:01:39 → 00:01:42 เนี่ยนะครับชื่อเต็มๆของมันชื่อว่า
00:01:42 → 00:01:46 นิโคติน adenine ไดนิวคลีโอไทนะครับชื่อ
00:01:46 → 00:01:49 อาจจะยาวนิดนึงนะจริงๆแล้วเนี่ยมันเป็น
00:01:49 → 00:01:52 สารที่ร่างกายสร้างเองอยู่แล้วนะครับมัน
00:01:52 → 00:01:55 คือโคเอนไซมตัวนึงที่สำคัญกับร่างกายเรา
00:01:55 → 00:01:59 มากๆนะครับทีนี้โเอนไซมคืออะไรโคเเนี่ย
00:01:59 → 00:02:01 ภาษาอังกฤษมันแปลว่าร่วมด้วยช่วยกันเนาะ
00:02:02 → 00:02:05 เพราะฉะนั้นโคเอนไซม์มันคือเป็นตัวช่วยใน
00:02:05 → 00:02:08 การทำงานของเอนไซมนั่นเองนะครับซึ่ง
00:02:08 → 00:02:12 เอนไซม์เยอะแยะเลยนะครับที่ต้องอาศัย nad
00:02:12 → 00:02:14 หรือว่าแนทในการทำงานนะครับมีกิจกรรมใน
00:02:14 → 00:02:16 ร่างกายอะไรบ้างนะครับที่ต้องใช้แนตในการ
00:02:17 → 00:02:21 ทำงานอย่างแรกที่สำคัญมากเลยนะครับคือการ
00:02:21 → 00:02:24 สร้างพลังงานเพื่อให้ร่างกายหรือว่าเซลล์
00:02:24 → 00:02:25 ของเราเนี่ยเอาไปใช้ครับเวลาที่เรากิน
00:02:25 → 00:02:28 อาหารหรือว่าหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปเนี่ย
00:02:28 → 00:02:31 ผมเคยเล่าเนาะว่าอออกซิเจนกับอาหารต่างๆ
00:02:31 → 00:02:34 เนี่ยมันจะต้องถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน
00:02:34 → 00:02:37 หรือว่า ATP ที่ไมโทคอนเดรียอวัยวะนึงของ
00:02:37 → 00:02:39 เซลล์นะครับซึ่งปฏิกิริยาในการเปลี่ยน
00:02:39 → 00:02:41 อาหารไปเป็นพลังงานเนี่ยโอต้องอาศัย
00:02:41 → 00:02:43 เอนไซม์เยอะแยะไปหมดเลยนะครับและเอนไซม์
00:02:43 → 00:02:45 เหล่านั้นเนี่ยก็ต้องอาศัยเจ้าแหนดเนี่ย
00:02:45 → 00:02:48 แหละครับในการทำงานเพื่อที่จะทำให้สร้าง
00:02:48 → 00:02:50 พลังงานได้นั่นเองเพราะฉะนั้นหนึ่งในหน้า
00:02:50 → 00:02:53 ที่สำคัญของไอ้เจ้าแนดเนี่ยครับคือช่วยใน
00:02:54 → 00:02:56 กระบวนการสร้างพลังงานของร่างกายนะครับ
00:02:57 → 00:02:59 นี้แล้วมันไปช่วยยังไง่ะฮะเดี๋ยวเล่าให้
00:02:59 → 00:03:02 ฟังเลยจริงๆอยากให้จินตนาการว่าไอ้เจ้า
00:03:02 → 00:03:05 แนดเนี่ยนะครับมันเหมือนกับมอเตอร์ไซค์
00:03:05 → 00:03:08 พ่วงแล้วกันนะครับพ่วงสามารถที่จะบรรทุก
00:03:08 → 00:03:10 ของได้นะครับโดยเจ้าแนตเนี่ยสิ่งที่มันจะ
00:03:10 → 00:03:13 บรรทุกเนี่ยครับคืออิเล็กตรอนหรือว่า
00:03:13 → 00:03:16 ประจุลบนั่นเองนะครับเวลาที่เอนไซม์ที่
00:03:16 → 00:03:19 เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานเ่ะมันจะทำ
00:03:19 → 00:03:21 งานเนี่ยนะครับมันต้องอาศัยไอ้เจ้า
00:03:21 → 00:03:24 อิเล็กตรอนนี่แหละพอมันจะทำงานปึ๊บนะครับ
00:03:24 → 00:03:27 แหนกก็จะขับวิ่งไปแล้วก็ส่งอิเล็กตรอน
00:03:27 → 00:03:30 เข้าไปนะครับให้กับ n พอเอนไซม์ได้รับ
00:03:30 → 00:03:32 อิเล็กตรอนเนี่ยปึ้งมันก็สามารถที่จะทำ
00:03:32 → 00:03:34 งานได้นะครับแล้วก็ทำให้ปฏิกิริยาในการ
00:03:34 → 00:03:37 สร้างพลังงานเนี่ยเกิดขึ้นได้อย่างลุร่วง
00:03:37 → 00:03:40 ไปด้วยดีเราก็จะได้พลังงานออกมานะครับที
00:03:40 → 00:03:43 นี้หลายคนอาจจะคุ้นๆว่าเออเคยเห็นคำนี้
00:03:43 → 00:03:47 เนาะ nad บางครั้งเนี่ยก็เคยเห็นเป็น nad
00:03:47 → 00:03:50 แล้วก็มีบวกห้อยมาด้วยหรือบางครั้งก็เคย
00:03:50 → 00:03:54 เห็นคล้ายๆกันเป็น n a แล้วก็เป็นตัว H
00:03:54 → 00:03:57 ตามมาด้วยนะครับมันต่างกันมจริงๆต้องบอก
00:03:57 → 00:03:59 ว่าจริงๆมันคือตัวเดียวกันเลยครับเลขรวม
00:03:59 → 00:04:02 รวมว่า nad แต่เมื่อไหร่ก็ตามนะครับที่
00:04:02 → 00:04:05 มันมีของบรรทุกไว้นะครับของเนี่ยมันคือ
00:04:05 → 00:04:08 ไฮโดรเจนอะตอมตัว H ที่อุ้มอิเล็กตรอน
00:04:08 → 00:04:11 เพิ่มอีก 1 ตัวนะครับเป็นไฮโดรเจนที่มี
00:04:11 → 00:04:14 ประจุลบครับพอไปบวกกับ nad + ที่เป็นรถ
00:04:14 → 00:04:17 พ่วงเปล่าๆปึ๊บมันก็จะแปลงร่างกลายไปเป็น
00:04:17 → 00:04:21 n DH ซึ่งคิดง่ายๆมันคือรถพ่วงที่มี
00:04:21 → 00:04:23 อิเล็กตรอนเนี่ยบรรทุกไว้นั่นเองนะครับ
00:04:23 → 00:04:26 เพราะจริงๆแล้วไม่ว่าคุณเจอ nad + หรือ
00:04:26 → 00:04:29 ว่า nadh จริงๆมันก็คือไอ้เจ้าแนดนี่แหละ
00:04:29 → 00:04:33 แค่เป็นการบอกว่ามันมีอิเล็กตรอนบรรทุก
00:04:33 → 00:04:35 ไว้หรือเปล่านั่นเองนะครับพอจะเห็นภาพนะน
00:04:36 → 00:04:37 ว่าไอ้เจ้าแหนดเนี่ยนะครับมันคือ
00:04:37 → 00:04:40 มอเตอร์ไซค์พ่วงที่บรรทุกอิเล็กตรอนที่
00:04:40 → 00:04:43 คอยเอาไปส่งให้กับเอนไซม์เวลาที่เอนไซม์
00:04:43 → 00:04:46 เนี่ยต้องการที่จะเปลี่ยนไอ้เจ้าอาหารที่
00:04:46 → 00:04:48 เรากินกับออกซิเจนที่เราหายใจเนี่ยกลายไป
00:04:48 → 00:04:51 เป็นพลังงานนะครับมันถึงสำคัญมากในกระบวน
00:04:51 → 00:04:53 การสร้างพลังงานนั่นเองนะฮะถ้าเกิดว่าเรา
00:04:53 → 00:04:55 ไม่มีแหนดเนี่ยนะครับเราก็ไม่สามารถที่จะ
00:04:56 → 00:04:58 สร้างพลังงานได้แล้วก็จะหมดแรงนั่นเอง
00:04:58 → 00:05:00 เนาะนั่นคือฟังก์ชันอย่างแรกของแนทที่
00:05:00 → 00:05:03 สำคัญมากๆนะครับอย่างที่ 2 ว่าทำไมแนทถึง
00:05:03 → 00:05:06 สำคัญนะครับนอกจากไอ้เจ้าแนทเนี่ยมันจะทำ
00:05:06 → 00:05:08 หน้าที่เป็นโคเอนไซม์ก็คือคอยส่ง
00:05:08 → 00:05:11 อิเล็กตรอนให้กับเอนไซมแล้วเนาะมันยังทำ
00:05:11 → 00:05:14 หน้าที่เป็นเหมือนกับสวิตชที่ไปปลุก
00:05:14 → 00:05:16 เอนไซม์อีกหลายๆตัวเลยนะครับให้มันเฮ้ย
00:05:16 → 00:05:19 ตื่นๆๆทำงานหน่อยนะครับซึ่งเอนไซม์หลายๆ
00:05:19 → 00:05:22 ตัวเหล่านั้นที่ไอ้เจ้าแหนต้องคอยไปปลุก
00:05:22 → 00:05:24 ให้ทำงานเนี่ยครับมีความสำคัญกับร่างกาย
00:05:24 → 00:05:26 มากเพราะมันเกี่ยวข้องกับกระบวนการ aging
00:05:26 → 00:05:28 หรือกระบวนการ Anti aging คือต้านความ
00:05:28 → 00:05:30 แก่นั่นเองนะครับหนึ่งในเอนไซมที่สำคัญ
00:05:30 → 00:05:33 ที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักชื่อว่า
00:05:33 → 00:05:38 เิน 6 หรือว่าเิน 6 นะครับคือตัวที่ 6
00:05:38 → 00:05:40 นั่นเองจริงๆแล้วเินเนี่ยเป็นโปรตีนที่
00:05:40 → 00:05:42 เรียกได้ว่ามีครอบครัวเลยนะครับมีหลายตัว
00:05:42 → 00:05:45 มากก็แบ่งเป็น 1 2 3 4 5 6 7 นะ
00:05:45 → 00:05:48 ครับทีนี้ไอ้ตัวที่มีหมายเลข 6 กำกับ
00:05:48 → 00:05:50 เนี่ยเป็นตัวที่ 6 เนี่ยมันมีความสำคัญ
00:05:50 → 00:05:51 กับร่างกายมนุษย์อย่างมากพอนัก
00:05:51 → 00:05:54 วิทยาศาสตร์เนี่ยเจอว่าไอ้เจ้าเ 2 In 6
00:05:54 → 00:05:56 เนี่ยครับมันทำหน้าที่สำคัญในกระบวนการ
00:05:56 → 00:06:00 DNA Repair หรือว่าซ่อมแซม DNA ของเรา
00:06:00 → 00:06:02 นั่นเองนะครับถ้าใครติดตามรายการเรามา
00:06:02 → 00:06:04 ตลอดเนี่ยจะรู้ว่า DNA เนี่ยครับตอนที่
00:06:04 → 00:06:05 เราเป็นเด็กเนี่ยมันจะอยู่ในสภาพที่
00:06:05 → 00:06:08 สมบูรณ์มากแต่ยิ่งเราใช้ร่างกายไปทุกวัน
00:06:08 → 00:06:10 ทุกวันเราแกะขึ้นแกขึ้นเนี่ย DNA เนี่ยก็
00:06:10 → 00:06:12 จะเสื่อมสภาพไปเรื่อยๆหรือว่าบางทีแตก
00:06:12 → 00:06:14 หรือว่าเกิด Mutation ก็คือเปลี่ยน
00:06:14 → 00:06:16 เปลี่ยนสภาพไปนะครับมันก็ทำงานได้ไม่ดี
00:06:16 → 00:06:19 เหมือนเดิมไอ้เจ้า C 2 In 6 เนี่ยครับ
00:06:19 → 00:06:21 เป็นโปรตีนที่สำคัญที่ช่วยทำให้ DNA
00:06:21 → 00:06:23 เนี่ยมันซ่อมแซมตัวมันเองให้มันอยู่ใน
00:06:23 → 00:06:25 สภาพที่ใกล้เคียงกับตอนที่เราเป็นเด็กมาก
00:06:25 → 00:06:27 ที่สุดนั่นเองนะครับเพราะฉะนั้นพอไอ้เจ้า
00:06:27 → 00:06:31 แนทเนี่ยมันจำเป็นในการปลุกเินเฮ้ยตื่นทำ
00:06:31 → 00:06:35 งานไปซ่อม DNA มันถึงมีความสำคัญมากๆนะ
00:06:35 → 00:06:38 ครับเพราะร่างกายถ้ามีแต่เซอินกระบวนการ
00:06:38 → 00:06:41 ซ่อม DNA ไม่เกิดหรือถ้าร่างกายมีแต่แหนด
00:06:41 → 00:06:43 ไม่มีเซอร์ทูอินเนี่ยก็ซ่อมแซม DNA ไม่
00:06:43 → 00:06:46 ได้นะครับเพราะฉะนั้นแหนดต้องทำงานคู่กับ
00:06:46 → 00:06:49 เินนะครับมันถึงจะเกิดกระบวนการ DNA
00:06:49 → 00:06:52 Repair ที่สำคัญมากๆที่ทำให้เราเนี่ยแก่
00:06:52 → 00:06:55 ช้าลงนั่นเองเพะงั้นเจ้าแนดถึงสำคัญเพราะ
00:06:55 → 00:06:57 ทำหน้าที่ในการปุกไอ้เจ้าเตินให้ทำงาน
00:06:57 → 00:07:00 นั่นเองครับ 2 อย่างแล้วเนาะจริงๆมี
00:07:00 → 00:07:02 ฟังก์ชันของแนตอีกหลายอย่างมากๆเลยนะครับ
00:07:02 → 00:07:06 ทั้งเกี่ยวข้องกับการทำให้จีนหรือว่า DNA
00:07:06 → 00:07:09 เนี่ยมันทำงานได้อย่างปกติหรือว่าเกี่ยว
00:07:09 → 00:07:11 ข้องกับกระบวนการที่ชะลอความแก่หลายอย่าง
00:07:11 → 00:07:13 เลยนะครับไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นการทำงาน
00:07:13 → 00:07:16 ของเอนไซม์ที่จะไปลดอาการอักเสบนะครับถ้า
00:07:16 → 00:07:19 เกิดว่าร่างกายอักเสบเยอะๆเราก็จะแก่เร็ว
00:07:19 → 00:07:21 ขึ้นนั่นเองนะครับด้วยความที่แนตเ่ะมันมี
00:07:21 → 00:07:23 ฟังก์ชันหลายอย่างมากผมอยากจะให้ทุกคนจำ
00:07:23 → 00:07:26 แค่ 2 อย่างพอแล้วกันนะครับว่า 1 แนททำ
00:07:26 → 00:07:29 หน้าที่เป็นเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์พ่วง
00:07:29 → 00:07:33 ส่งอิเล็กตรอนให้กับเอนไซมในการสร้างพลัง
00:07:33 → 00:07:35 งานคือแนตช่วยให้เซลล์มีพลังงานใช้นั่น
00:07:35 → 00:07:39 แหละอ่า 2 คือแนตช่วยไปปลุกเอนไซม์ที่
00:07:39 → 00:07:42 ช่วยในการซ่อม DNA นะครับทำให้เราแก่ช้า
00:07:42 → 00:07:45 ลง 2 อย่างพอครับแค่ 2 อย่างเก็ถือว่า
00:07:45 → 00:07:48 สำคัญกับร่างกายของเรามากๆแล้วแล้วก็เป็น
00:07:48 → 00:07:51 ที่มาว่าทำไมถึงมีการศึกษางนมีงานวิจัย
00:07:51 → 00:07:54 เกี่ยวกับแนตเยอะมีักไม่ว่าจะเป็นอาหาร
00:07:54 → 00:07:57 เสริมหรือว่าจะเป็นทรีทเมนต่างๆทางการ
00:07:57 → 00:07:59 แพทย์เกี่ยวกับแหนดเยอะที่มีการเคลมว่า
00:07:59 → 00:08:02 ช่วยทำให้เราแก่ช้าลงนั่นเองนะครับนี่คือ
00:08:02 → 00:08:05 สาเหตุนั่นเองว่าทำไมแหนถึงสำคัญครับที
00:08:05 → 00:08:06 นี้มาถึงคำถามสำคัญที่คนอยากจะรู้แล้ว
00:08:06 → 00:08:10 โอเครู้แล้วว่ามันสำคัญแล้วเราจะเพิ่มไอ้
00:08:10 → 00:08:12 เจ้าแหนดได้ยังไงก่อนที่จะไปเพิ่มอยากจะ
00:08:12 → 00:08:14 บอกก่อนจริงๆแล้วร่างกายเนี่ยเราสร้าง
00:08:14 → 00:08:16 แหนดอยู่แล้วร่างกายเรามีแหนดอยู่แล้วนะ
00:08:16 → 00:08:19 ครับซึ่งสร้างมาจากอาหารที่เรากินนี่แหละ
00:08:19 → 00:08:23 แต่ว่าพอเราอายุมากขึ้นความสามารถของร่าง
00:08:23 → 00:08:26 กายในการสร้างแหนดเนี่ยมันก็ลดลงลดลงนะ
00:08:26 → 00:08:29 ครับมีงานวิจัยพยายามหาว่าเฮ้ยอายุเท่า
00:08:29 → 00:08:31 ไหร่วะแหนดมันถึงจะเริ่มลดลงเยอะแล้วนะ
00:08:31 → 00:08:35 ครับก็มีการเจอว่าผู้หญิงนะครับมีแนวโน้ม
00:08:35 → 00:08:38 ที่ปริมาณแนตเนี่ยจะลดลงเร็วกว่าผู้ชายนะ
00:08:38 → 00:08:41 ครับโดยผู้หญิงอายุประมาณ 30 เนี่ยแหน่ก็
00:08:41 → 00:08:43 จะค่อยๆเริ่มลดลงลดลงและผู้ชายอาจจะมาช้า
00:08:43 → 00:08:46 หน่อยประมาณ 35 เนี่ยแหน่ก็จะลดลงนะครับ
00:08:46 → 00:08:49 แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามพอเราอายุเกิน 40
00:08:49 → 00:08:52 ช่วง 40 50 60 เนี่ยครับจากแหนดที่ร่าง
00:08:52 → 00:08:55 กายเรามีอาจจะ 100% เนี่ยเราอาจจะเหลือ
00:08:55 → 00:08:57 แหนดใช้ในร่างกายเนี่ยเพียงแค่ประมาณ 50%
00:08:57 → 00:08:59 เท่านั้นเองนะครับเพราะว่าร่างกายเนี่ยมี
00:08:59 → 00:09:02 ความสามารถในการสร้างแหนดได้ลดน้อยลงตาม
00:09:02 → 00:09:06 ความแก่ของเราเนาะเพราะฉะนั้นพอเราแก่
00:09:06 → 00:09:11 ขึ้นแก่ขึ้นมันมีแนตลดลงมีแนตลดลงพลังงาน
00:09:11 → 00:09:13 เราก็จะลดลงเพราะแนตจำเป็นในการสร้างพลัง
00:09:13 → 00:09:16 งานถูกมเราก็จะทำงานอะไรเนี่ยแป๊บเดียว
00:09:16 → 00:09:18 เหนื่อยและเวลาที่เราแกะนะครับอย่างที่ 2
00:09:18 → 00:09:21 พอเราแกะขึ้นแกะขึ้นแนตลดลงความสามารถใน
00:09:21 → 00:09:24 การซ่อมแซม DNA ก็จะลดลงมันก็ยิ่งทำให้
00:09:24 → 00:09:27 DNA เราผูกพังไปเรื่อยๆแล้วก็จะแก่ขึ้น
00:09:27 → 00:09:30 แก่ขึ้นตามไปเรื่อยๆนะครับเพราะฉะนั้นจึง
00:09:30 → 00:09:33 มีความจำเป็นที่เราจะพยายามรักษาแนตให้
00:09:33 → 00:09:36 อยู่กับเราได้นานที่สุดหรือหาวิธีในการ
00:09:36 → 00:09:38 เพิ่มแนดนั่นเองครับเรามาดูวิธีในการ
00:09:38 → 00:09:40 เพิ่มแนตแล้วกันว่าเราจะเพิ่มแนตยังไงได้
00:09:40 → 00:09:44 บ้างผมสรุปมาให้ 3 วิธีนะครับอย่างแรก
00:09:44 → 00:09:47 เป็นวิธีสายเบสิคสุดเป็นวิธีแบบแนวสาย
00:09:47 → 00:09:50 ธรรมชาติแล้วกันนะครับใสๆนะครับคือเริ่ม
00:09:50 → 00:09:53 จากการกินอาหารที่มีประโยชน์นะครับอย่าง
00:09:53 → 00:09:56 ที่บอกไปว่าไอ้เจ้าแหนดเนี่ยร่างกายสร้าง
00:09:56 → 00:09:59 ได้เองอยู่แล้วแต่มันก็ต้องมีวัตถุุดิบ
00:09:59 → 00:10:02 สำคัญที่ใช้ในการสร้างเจ้าแหนดนะครับ
00:10:02 → 00:10:05 เดี๋ยวลองดูแผนผังนี้ครับเดี๋ยวเราขึ้น
00:10:05 → 00:10:07 แผนผังให้ดูเนาะจะได้ทำความเข้าใจไปพร้อม
00:10:07 → 00:10:10 ๆกันมันยากนิดนึงครับการจะสร้างแนตนะครับ
00:10:10 → 00:10:12 วิธีธรรมชาติวิธีทั่วไปเลยนะครับคือเรา
00:10:13 → 00:10:15 ค่อยๆเริ่มเอาสารตัวเล็กๆที่เป็นวัตถุดิบ
00:10:15 → 00:10:18 เนี่ยมาต่อๆๆๆกันจนเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่
00:10:18 → 00:10:22 ขึ้นหรือกลายเป็นแนดนะครับถามว่ามีวัตถุ
00:10:22 → 00:10:25 ดิบสำคัญอะไรบ้างที่ใช้ในการสร้างแนดนะ
00:10:25 → 00:10:28 ครับมี 2 ตัวที่อยากให้ทุกคนทำความรู้จัก
00:10:28 → 00:10:32 นะครับตัวแรกคือกดอะมิโนแอซิดตัวนึงที่
00:10:32 → 00:10:35 ชื่อว่า triptan นะครับเจ้า triptan
00:10:35 → 00:10:37 เนี่ยคือการที่เรากินโปรตีนนั่นแหละนะ
00:10:37 → 00:10:40 ครับกินพวกเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ
00:10:40 → 00:10:42 ไก่เนื้อหมูอะไรเงี้ยได้หมดเลยนะครับ
00:10:42 → 00:10:45 เนื้อปลาก็ได้นะครับรวมไปถึงเครื่องใน
00:10:45 → 00:10:48 สัตว์นะครับหรือถ้าเกิดว่าใครอยากจะเป็น
00:10:48 → 00:10:51 แนวกินจากพืชเนี่ยก็จะถั่วธัญพืชนะครับ
00:10:51 → 00:10:54 หรือแม้กระทั่งนมไข่อย่างเงี้ยก็มีเจ้า
00:10:54 → 00:10:57 ทิปโทแฟนทั้งสิ้นนะครับเพราะงั้นใครกิน
00:10:57 → 00:10:58 อาหารที่มีโปรตีนหลากหลายอยู่แล้วเนี่ย
00:10:59 → 00:11:01 เนี่ยมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ triptan เข้า
00:11:02 → 00:11:04 ไปในร่างกายซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญตัวแรก
00:11:04 → 00:11:07 เลยนะครับในการสร้างเจ้าแนดครับทีนี้นอก
00:11:07 → 00:11:09 จาก triptan เนี่ยก็มีอีกหนึวัตถุดิบครับ
00:11:09 → 00:11:12 ที่สามารถใช้ในการสร้างเจ้าแหนดได้เหมือน
00:11:12 → 00:11:15 กันนะครับเจ้าหนี้มันมีชื่อย่อว่า n a
00:11:15 → 00:11:19 นะครับชื่อเต็มๆของมันคือนิิ Acid หรือ
00:11:20 → 00:11:22 หลายคนเนี่ยอาจจะรู้จักมาในชื่อของ N
00:11:22 → 00:11:25 อาซินหรือคุ้นกว่านั้นอีกคือวิตามิน B3
00:11:26 → 00:11:28 นะครับเจ้า na เนี่ยมันเป็นวิตามิน B3
00:11:28 → 00:11:31 รูปรูปแบบนึงนั่นเองนะครับถ้าเกิดว่ากิน
00:11:31 → 00:11:33 เข้าไปแล้วเนี่ยมันสามารถใช้เป็นวัตถุดิบ
00:11:33 → 00:11:35 ตั้งต้นในการไปประกอบร่างแล้วก็กลายเป็น
00:11:35 → 00:11:38 แหนดได้นะครับซึ่งไอ้เจ้าเส้นทางสีแดง
00:11:38 → 00:11:40 เนี่ยนะครับในการสร้างแหนดเนี่ยไม่ว่าจะ
00:11:40 → 00:11:43 เป็นการที่เรากินทิปโทแฟนเข้าไปหรือว่า
00:11:43 → 00:11:46 กินวิตามิน B3 ในรูปแบบของไซซินหรือว่า
00:11:46 → 00:11:49 นิคิ Acid เข้าไปนะครับจะเป็นรูสีแดง
00:11:49 → 00:11:52 เนี้ยเป็นรูที่ร่างกายใช้อยู่แล้วในการ
00:11:52 → 00:11:55 สร้างเจ้าแหนดนะครับซึ่งกระบวนการเนี้ย
00:11:55 → 00:11:57 มันอาจจะใช้เวลานิดนึงมันมีความซับซ้อน
00:11:57 → 00:11:59 นิดนึงเพราะมันมีหลายสเต็ปเนาะกว่าจะเป็น
00:11:59 → 00:12:02 เจ้าแนตถามว่าสร้างได้มสร้างได้ถ้าเกิด
00:12:02 → 00:12:04 ว่าเรากินอาหารที่ดี Healthy รับรองว่า
00:12:04 → 00:12:07 ทุกคนมีเจ้าแนดพอใช้แน่นอนนะครับเด็กๆ
00:12:07 → 00:12:11 เนี่ยไม่มีปัญหาแต่เผอิญเวลาที่เราอายุ
00:12:11 → 00:12:13 มากขึ้นเนาะไอ้กระบวนการสีแดงเนี่ยบางที
00:12:13 → 00:12:17 โหกินอาหาดีๆเข้าไปวัตถุดิบพร้อมเลยแต่
00:12:17 → 00:12:20 บางทีเนี่ยความสามารถประสิทธิภาพในการ
00:12:20 → 00:12:21 เปลี่ยนไอ้เจ้าสายเหล่านี้เอาไปสร้างไป
00:12:21 → 00:12:24 เป็นแหนดเนี่ยมันก็ทำได้น้อยลงเพราะงั้น
00:12:24 → 00:12:27 ต่อให้กินพวกเยไปเยอะๆไม่ว่าจะเป็น B3
00:12:27 → 00:12:30 หรือว่าไอจาทแฟนเนี่ยมันก็อาจจะสร้างแนต
00:12:30 → 00:12:33 ได้ไม่มากพอนะครับเพงั้นก็จะมีอีกหลายๆ
00:12:33 → 00:12:36 รูทนะครับที่เป็นที่มาของอาหารเสริมนั่น
00:12:36 → 00:12:39 เองนะครับรูทต่อมาที่ทุกคนกำลังเห็นใน
00:12:39 → 00:12:41 ไดอะแกรมนะครับจะเป็นรูทสีน้ำเงินแล้วนะ
00:12:41 → 00:12:44 ครับอันเนี้ยผมขอเรียกมันว่าเป็นรูททาง
00:12:44 → 00:12:46 รัดแล้วกันนะครับซึ่งจริงๆแล้วร่างกาย
00:12:46 → 00:12:48 เนี่ยก็ใช้ไอ้เจ้ารูทสีน้ำเงินในการสร้าง
00:12:48 → 00:12:50 แนตได้เหมือนกันนะครับแต่เป็นคนละรูทกับ
00:12:50 → 00:12:53 สีแดงเลยรูทน้ำเงินเนี่ยต้องบอกว่ามันชต
00:12:53 → 00:12:55 Cut กว่ามันเร็วกว่านะครับเพราะฉะนั้น
00:12:55 → 00:12:58 วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างแหนดด้วยรู้สี
00:12:58 → 00:13:00 น้ำเงินเนี่ยเนี่ยก็จะเป็นคนละตัวกับสี
00:13:00 → 00:13:03 แดงนะครับทีนี้มาดูดีกว่าว่าเอ๊แล้วไอ้
00:13:03 → 00:13:05 วัตถุดิบสำคัญในรู้สีน้ำเงินที่บอกว่ามัน
00:13:05 → 00:13:08 เร็วกว่าเนี่ยมันมีตัวอะไรบ้างนะครับตัว
00:13:08 → 00:13:12 แรกจะเห็นว่าล่างสุดเลยนะครับชื่อว่า nr
00:13:12 → 00:13:16 นะครับ nr เนี่ยมันย่อมาจาก
00:13:16 → 00:13:20 นิโคตินไบมครับ nr เวลาที่เรากินเข้าไป
00:13:20 → 00:13:23 เนี่ยครับมันก็จะตึ๊ดๆๆๆๆวิ่งไปจนถึง
00:13:23 → 00:13:27 เซลล์นะครับมันจะสร้างแหนดได้มันจำเป็น
00:13:27 → 00:13:31 ต้องวิ่งเข้าไปในเซลล์นะเพราว่าแนทมันถูก
00:13:31 → 00:13:33 ใช้ในเซลล์เนาะกระบวนการสร้างพลังงาน
00:13:33 → 00:13:35 กระบวนการซ่อม DNA ต่างๆเนี่ยมันอยู่ใน
00:13:35 → 00:13:38 เซลล์ nr เนี่ยมันตัวเล็กตัวเล็กสุดเนาะ
00:13:38 → 00:13:42 มันสามารถที่จะผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไป
00:13:42 → 00:13:44 ในเซลล์ได้นะครับเมื่อมันผ่านเข้าไปใน
00:13:44 → 00:13:46 เซลล์แล้วเนี่ยครับเจ้า nr เนี่ยร่างกาย
00:13:46 → 00:13:50 สามารถที่จะเอาไปใช้สร้างเป็นสิ่งที่
00:13:50 → 00:13:51 เรียกว่า
00:13:51 → 00:13:54 nmn นะครับซึ่งเจ้า nmn เนี่ยมันก็ย่อมา
00:13:54 → 00:13:55 จาก
00:13:56 → 00:14:00 นิโคติน mon นิวคลีโอไทนะครับสร้างมาจาก
00:14:00 → 00:14:03 nr นั่นเองนะครับ nr วิ่งเข้าไปในเซลล์
00:14:03 → 00:14:05 เปลี่ยนไปเป็น nmn แล้วทีนี้ nmn เนี่ย
00:14:05 → 00:14:09 ครับมันก็อาจจะรวมร่างกันประกอบร่างแล้ว
00:14:09 → 00:14:11 ก็กลายเป็นไอ้เจ้าแหนดตามที่เราต้องการ
00:14:12 → 00:14:14 นั่นเองนะครับเพราะฉะนั้นด้วยความรู้
00:14:14 → 00:14:17 เหล่านี้ครับก็ทำให้เกิดเป็นักอาหารเสริม
00:14:17 → 00:14:20 ขึ้นมา 2 ตัวก็คือ nr กับ nmn นะครับเฮ้ย
00:14:21 → 00:14:22 เพราะมันเป็นเส้นทางสีน้ำเงินคือกินเข้า
00:14:22 → 00:14:24 ไปแล้วเนี่ยร่างกายสามารถเอาไปใช้เป็น
00:14:24 → 00:14:27 วัตถุดิบในการสร้างแนตได้เช่นกันแล้วก็
00:14:27 → 00:14:30 รูดเนี้ยเร็วกว่ารสีแดงด้วยนะครับงั้นถึง
00:14:30 → 00:14:32 เป็นที่นิยมมากเลยแล้วก็ทำให้มีการศึกษา
00:14:32 → 00:14:35 มีงานวิจัยเยอะมากเลยครับทั้งในสัทดลอง
00:14:35 → 00:14:37 รวมไปถึง clinical trial ในคนนะครับทำ
00:14:37 → 00:14:39 กันเป็นร่ำเป็นสันตอนนี้มี evidence เยอะ
00:14:39 → 00:14:42 เลยนะครับว่าการกิน nr กับ nmn เนี่ย
00:14:42 → 00:14:46 สามารถที่จะช่วยในการเพิ่มเลเวลของแนตใน
00:14:46 → 00:14:48 ร่างกายของคนได้นะครับแล้วก็พอเลเวลของ
00:14:48 → 00:14:50 แนตมันเพิ่มเนี่ยมันทำให้สุขภาพของเรา
00:14:50 → 00:14:54 เนี่ยมันดีขึ้นนั่นเองครับทีนี้มันก็มี
00:14:54 → 00:14:56 การ Battle กันเหมือนกันนะครับว่าเออแล้ว
00:14:56 → 00:15:00 เราจะกิน nr หรือว่าเราจะกินกิน nmn ที่
00:15:00 → 00:15:02 เป็นอาหารเสริมดีกว่ากันตัวไหนมันดีกว่า
00:15:02 → 00:15:04 ในเมื่อมันก็อาจจะใช้ได้ทั้งคู่นะครับท
00:15:04 → 00:15:07 นี้เค้าก็มีการเจอว่าอ้อเจ้า nr เอย่าง
00:15:07 → 00:15:10 ที่บอกไปว่าตัวมันเล็กแล้วมันสามารถจะ
00:15:10 → 00:15:13 วิ่งทะลุเข้าไปในเซลล์ได้นะครับฝั่งที่ทำ
00:15:13 → 00:15:16 งานวิจัยทางด้าน nr ก็เจอว่าเฮ้ยการกิน nr
00:15:16 → 00:15:18 เนี่ยมันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า nmn นะ
00:15:19 → 00:15:21 เพราะว่าตัวมันเล็กมันวิ่งเข้าไปได้เลยนะ
00:15:21 → 00:15:23 ครับพอเรากินเข้าไปแล้วนะครับเซลล์สามารถ
00:15:23 → 00:15:25 ที่จะ uptake หรือเอามันเข้าไปได้อ่ะใน
00:15:25 → 00:15:28 ทางตรงกางข้ามถ้าเกิดว่าเรากิน nmn เข้า
00:15:28 → 00:15:31 ใหเนี่ยครับ nmn เนี่ยตัวมันใหญ่บางที
00:15:31 → 00:15:33 เนี่ยการจะเข้าเข้าไปในเซลล์เนี่ยมัน
00:15:33 → 00:15:35 ลำบากเพงั้นกินเข้าไปเนี่ยมันอาจจะเข้าไป
00:15:35 → 00:15:38 ในเซลล์ได้ไม่ทั้งหมดหรือมันอาจจะต้องแตก
00:15:38 → 00:15:42 ตัวไปเป็น nr ก่อนมันก่อนที่มันจะวิ่ง
00:15:42 → 00:15:44 เข้าไปในเซลล์แล้วพอมันเข้าไปในเซลล์ปุ๊บ
00:15:44 → 00:15:47 มันก็ต้องไปหาวิธีในการแปลงร่างให้กลายไป
00:15:47 → 00:15:49 เป็น nmn เพื่อที่จะเอาไปใช้ในการสร้าง
00:15:49 → 00:15:52 nad ด้วยเหตุผลที่ nr เนี่ยครับตัวมัน
00:15:52 → 00:15:54 เล็กมันสามารถจะเข้าไปในเซลล์ได้กว่าไม่
00:15:54 → 00:15:57 เหมือนกับ nmn ที่ต้องแบบเอแตกตัวเป็น nr
00:15:57 → 00:15:59 ก่อนที่เข้าไปในเซลล์มันดูไม่ค่อยมี
00:15:59 → 00:16:01 ประสิทธิภาพนะครับทำให้ clinical trial
00:16:01 → 00:16:05 ของ nr เนี่ยมีการทำเยอะกว่า nmn เยอะมาก
00:16:05 → 00:16:07 นะครับแล้วก็ได้ผลที่ค่อนข้าง solid ว่า
00:16:07 → 00:16:10 กินเท่านี้ปลอดภัยแล้วก็ส่งเสริมให้
00:16:10 → 00:16:13 สุขภาพเราดีขึ้นนะครับในขณะที่ nmn มีผล
00:16:13 → 00:16:16 clinical trial ในคนน้อยกว่า nr นะครับ
00:16:16 → 00:16:18 ซึ่งผลเนี่ยก็มี contradiction ด้วยคือ
00:16:18 → 00:16:20 บางอันก็บอกว่าดีบางอันก็บอกว่าไม่ดีนะ
00:16:21 → 00:16:23 ครับตั้งแต่ปีที่แล้วเนี่ยนะครับ usfda
00:16:23 → 00:16:26 หรือว่าอยอเมริกาเนี่ยนะครับมีการถอด nmn
00:16:26 → 00:16:29 ออกจาก List supplement หรืออาหารเสริม
00:16:29 → 00:16:31 ที่กินเข้าไปในร่างกายแล้วก็ช่วย Boost
00:16:31 → 00:16:34 nad ออกไปแล้วนะครับอ่าจริงๆมันมีหลาย
00:16:34 → 00:16:36 เรื่องมันมีเรื่องทาง Politics ทางการ
00:16:36 → 00:16:38 เมืองที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยด้วยนะครับ
00:16:38 → 00:16:41 ทำให้ตอนเ nr ก็จะเป็นตัวที่หาซื้อได้
00:16:41 → 00:16:44 แล้วก็มีงานวิจัยรองรับว่ากินแล้วปลอดภัย
00:16:44 → 00:16:46 มี evidence โชว์เยอะแยะเลยว่าเพิ่มไอ้
00:16:46 → 00:16:49 เจ้า nad ได้นะครับหาซื้อก็อาจจะง่ายกว่า
00:16:49 → 00:16:51 ในเมืองไทยเนี่ยผมยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะ
00:16:51 → 00:16:53 ครับยังไม่เคยซื้อกินเองแต่เท่าที่เสิร์ช
00:16:53 → 00:16:56 ดูเนี่ยก็เจอว่ายังมี produc ที่เป็นมน
00:16:56 → 00:16:59 ทั้ง nr แล้วก็ nmn วังขายอยู่ในเมืองไทย
00:16:59 → 00:17:02 นะครับแต่ในอเมริกาเนี่ยถอด nmn ออกไป
00:17:02 → 00:17:05 แล้วนะครับไม่ได้หมายความว่า nmn มันแย่
00:17:05 → 00:17:09 นะครับแต่ว่ามันมีเหตุผลหลายๆอย่างทั้ง
00:17:09 → 00:17:12 ทางการเมืองในการทำงานรีเสิร์ชรวมไปถึง
00:17:12 → 00:17:14 evidence เมันมี contradiction เยอะมาก
00:17:14 → 00:17:17 กว่า nr ทำให้ถูกถอดออกไปก่อนนั่นเองนะ
00:17:17 → 00:17:19 ครับสำหรับใครที่อยากจะกินไอ้เจ้าอาหาร
00:17:19 → 00:17:21 เสิร์ฟที่เป็น nr เนี่ยครับก็ต้องบอกว่า
00:17:21 → 00:17:23 ตัว nr เองเนี่ยครับก็ไม่เสถียรเหมือนกัน
00:17:23 → 00:17:26 นะครับมันจำเป็นต้องถูกเก็บในอุณหภูมิ
00:17:26 → 00:17:29 ค่อนข้างเย็นนะครับ 2-7 องศก็คือแช่ตู้
00:17:29 → 00:17:31 เย็นนี่แหละบอกว่าถ้าเกิดว่าเอามาไว้ที่
00:17:31 → 00:17:33 อุณหภูมิห้องเนี่ยมันอยู่ได้แค่ 6 ชมเท่า
00:17:33 → 00:17:36 นั้นแล้วก็แตกตัวเป็นตัวอื่นแล้วะนะครับ
00:17:36 → 00:17:38 ไม่ได้เป็น nr แลแต่ถ้าเกิดว่าเก็บใน
00:17:38 → 00:17:40 อุณหภูมิเย็นในตู้เย็นเนี่ยมันสามารถที่
00:17:40 → 00:17:43 จะอยู่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์เพราะฉะนั้นคุณ
00:17:43 → 00:17:46 จะกิน nr เนี่ยการขนส่งไอ้ตัว nr ที่คุณ
00:17:46 → 00:17:48 ิิหรือซื้อมาเนี่ยมันควรจะเก็บมาใน
00:17:49 → 00:17:51 อุณหภูมิเย็นนะครับไม่งั้นคุณอาจจะไม่ได้
00:17:51 → 00:17:53 nr นะครับนี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรจะ
00:17:53 → 00:17:55 รู้ไว้ถ้าเกิดว่าอยากจะซื้อ nr มารับ
00:17:55 → 00:17:58 ประทานนะครับอ่ะนั่นคืออาหารเสริมู
00:17:58 → 00:18:02 น้ำเงินคือ nr กับเจ้า nmn นั่นเองนะฮะที
00:18:02 → 00:18:05 นี้มีอีก 1 วิธีการในการเพิ่ม nad ครับ
00:18:05 → 00:18:09 ที่โอโหบางคนแบบไม่อยากกินยาหรือแกินยาไป
00:18:09 → 00:18:12 แล้วมันช้าไปเปล่าเราอยากได้วิธีที่แบบ
00:18:12 → 00:18:16 เร็วทันใจขึ้นทางด่วนเลยครับอยากได้ nad
00:18:16 → 00:18:19 หรอก็ฉีด nad เสริมเข้าไปในร่างกายเลยสิ
00:18:19 → 00:18:21 เร็วมาก Short Cut เลยไม่ต้องผ่านกระบวน
00:18:21 → 00:18:23 การย่อยอาหารด้วยครับฉีกเข้าไปปึ๊บ nad
00:18:24 → 00:18:25 อยู่ในเลือดปึ๊บมันก็วิ่งไปที่เซลล์เซก็
00:18:26 → 00:18:28 uptake nad เข้าไปใช้ได้เลยนะครับจริง
00:18:28 → 00:18:32 มยมันเวิร์คจริงมนะครับจริงๆก็ต้องบอกว่า
00:18:32 → 00:18:36 การทำ nad IV therapy หรือว่าการฉีด nid
00:18:36 → 00:18:39 เข้าไปในเลือดเนี่ยครับมี clinical trial
00:18:39 → 00:18:42 ในคนยังไม่เยอะมากจริงๆต้องบอกว่าน้อย
00:18:42 → 00:18:45 น้อยมากๆเลยนะครับน้อยกว่าไอ้เจ้า
00:18:45 → 00:18:48 supplement ทั้ง nr แล้วก็ nmn เยอะเลย
00:18:48 → 00:18:51 นะแต่เท่าที่มี clinical trial ซึ่งก็
00:18:51 → 00:18:54 อาจจะมาจากทั้งบริษัทที่ผลิต produc นี้
00:18:54 → 00:18:58 เองนะครับก็มีการโชว์ว่าเฮ้ยการที่เราดิฟ
00:18:58 → 00:19:01 nad เข้าไปในเลือดแล้วเนี่ยมันช่วยให้
00:19:01 → 00:19:05 ผู้ป่วยเนี่ยครับมีพลังงานดีขึ้นมีสุขภาพ
00:19:05 → 00:19:08 ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นรู้สึกร่างกายแบบ
00:19:08 → 00:19:10 แก่ช้าลงอ่ะรู้สึกร่างกายเราเป็นเด็กมาก
00:19:10 → 00:19:12 ขึ้นเยอะเลยนะครับแต่ด้วยความที่งานวิจัย
00:19:12 → 00:19:14 ที่เกี่ยวข้องกับการฉีด nad เข้าไปเนี่ย
00:19:14 → 00:19:15 มันยังมีน้อยนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:19:15 → 00:19:18 เอฟเฟคของอวัยวะต่างๆในร่างกายเนี่ยมัน
00:19:18 → 00:19:20 อาจจะยังมีไม่ครบนะครับอาจจะมีการศึกษา
00:19:20 → 00:19:23 ว่าฉีดเข้าไปแล้วหัวใจทำงานเป็นยังไงฉีด
00:19:23 → 00:19:26 เข้าไปแล้วสมองทำงานเป็นยังไงซึ่งาจส่วน
00:19:26 → 00:19:28 ใหญ่ก็เจอว่าอ้อเออหัวใจทำงานดูดีขึ้น
00:19:28 → 00:19:31 เนาะสมองดูทำงานดีขึ้นเนาะนะครับจากการ
00:19:31 → 00:19:35 ฉีด nad นะครับเพราะฉะนั้นก็จึงเห็นว่ามี
00:19:35 → 00:19:37 คลินิกอ่ะอย่างในเมืองไทยเนี่ยก็มีเยอะ
00:19:37 → 00:19:41 แยะเลยนะครับมีโฆษณาว่าเรารับทำ nad drip
00:19:41 → 00:19:44 ฉีดเข้าไปเลยนะครับซึ่งอย่างที่ผมบอกนะ
00:19:44 → 00:19:46 ครับในปัจจุบันเนี่ย nad drip ยังไม่ได้
00:19:46 → 00:19:48 เป็น Standard medical procedure นะ
00:19:48 → 00:19:50 ครับมันยังไม่รับการรับรองจาก fda ว่า
00:19:50 → 00:19:53 เฮ้ยมันใช้เป็นมาตรฐานเป็นแบบเป็นกระบวน
00:19:53 → 00:19:55 การทางการแพทย์ที่ใช้กันทั่วไปนะครับ
00:19:55 → 00:19:59 เพราะฉะนั้นก็ยังถือว่าอาจจะยังมีความ
00:19:59 → 00:20:01 เสี่ยงได้อยู่แต่ก็มี evident โชวว่ามัน
00:20:01 → 00:20:04 ก็มีผลดีเหมือนกันนะครับถามว่าถ้าคุณมี
00:20:04 → 00:20:09 เงินอยากจะลองลองได้มยก็ลองได้นะครับแต่
00:20:09 → 00:20:11 จะลองเนี่ยก็ต้องหาข้อมูลก่อนและต้อง
00:20:11 → 00:20:14 ปรึกษาคุณหมอเจ้าของไข้นะครับขอความรู้
00:20:14 → 00:20:16 จากคุณหมอให้คุณหมอเนี่ยอธิบายว่าไอ้เจ้า
00:20:16 → 00:20:19 nad เนี่ยมันคืออะไรฟังก์ชันยังไงฉีดไป
00:20:19 → 00:20:22 แล้วเป็นยังไงมีผลข้างเคียงหรือมีความ
00:20:22 → 00:20:25 เสี่ยงกับตัวเรายังไงได้มยแล้วถ้าจะให้ดี
00:20:25 → 00:20:27 เนี่ยควรจะมีการตรวจสุขภาพของเราด้วยนะ
00:20:27 → 00:20:29 ครับแล้วก็มั่นใจด้วยว่าว่าเราไม่เป็นโรค
00:20:29 → 00:20:32 บางอย่างก่อนที่เราจะฉีด nad นะครับถาม
00:20:32 → 00:20:35 ว่าเฮ้ยแล้วโรคอะไรล่ะถ้าเกิดว่าเราเป็น
00:20:35 → 00:20:38 แล้วอาจจะสุ่มเสี่ยงถ้าเกิดว่าเราฉีด nad
00:20:38 → 00:20:40 เข้าไปในร่างกายนะครับอย่างนึงเลยคือโรค
00:20:40 → 00:20:45 มะเร็งนะครับคือถามว่าทำไมการดริป nad
00:20:45 → 00:20:47 เข้ามาในร่างกายแล้วคนที่เป็นมะเร็งเนี่ย
00:20:47 → 00:20:50 อาจจะอันตรายนะครับก็อยากจะบอกว่าจริงๆ
00:20:50 → 00:20:53 แล้วเซลล์มะเร็งนะครับก็เป็นเซลล์ทั่วไป
00:20:53 → 00:20:55 เหมือนปกติต้องการพลังงานถูกมยแถมเซลล์
00:20:55 → 00:20:57 มะเร็งเนี่ยเป็นเซลล์ที่ต้องการพลังงาน
00:20:57 → 00:21:00 เยอะด้วยเพราะว่ามันแบ่งตัวได้รวดเร็วมาก
00:21:00 → 00:21:02 นะครับเพราะงั้นเซลล์มะเร็งเนี่ยมันก็
00:21:02 → 00:21:05 ต้องการ nad ในการทำงานในการเพิ่มจำนวน
00:21:05 → 00:21:07 เซลล์ในการแบ่งตัวในการใช้ชีวิตของมัน
00:21:07 → 00:21:09 เหมือนกันนะครับแถมไอ้เจ้ามะเร็งเนี่ยมัน
00:21:09 → 00:21:11 ฉลาดด้วยนะครับมันหาวิธีที่สั้นที่สุดรวด
00:21:11 → 00:21:14 เร็วที่สุดในการสร้าง nad ก็คือใช้ไอ้
00:21:14 → 00:21:17 เจ้าพวยสีน้ำเงินนี่แหละในการสร้าง nad
00:21:17 → 00:21:19 นั่นเองนะครับเพราะงั้นมันต้องการ nad
00:21:19 → 00:21:23 เยอะมากถ้าเกิดว่าเราบังเอิญมีเซลล์
00:21:23 → 00:21:25 มะเร็งในร่างกายเป็นมะเร็งอยู่โดยที่เรา
00:21:26 → 00:21:30 อาจจะไม่รู้ตัวมาก่อนเลยแล้วเราไปดริฟเอา
00:21:30 → 00:21:34 เจ้า nad จริงๆไม่ได้แค่เฉพาะการดริฟ nad
00:21:34 → 00:21:36 นะครับเราไปกินอาหารเสริมไม่ว่าจะเป็น nr
00:21:36 → 00:21:38 หรือว่า nmn ที่มันช่วยในการ Boost การ
00:21:38 → 00:21:41 สร้าง nad เนี่ยก็อันตรายทั้งสิ้นนะครับ
00:21:41 → 00:21:44 เพราะว่าเท่ากับว่าเราไปเพิ่มปริมาณ nad
00:21:44 → 00:21:47 ที่เซลล์มะเร็งต้องใช้ในการ Survive ใน
00:21:47 → 00:21:49 การแบ่งตัวในการเพิ่มจำนวนซึ่งเป็นสิ่ง
00:21:49 → 00:21:52 ที่เราไม่ต้องการเลยนะครับเพราะฉะนั้นการ
00:21:52 → 00:21:55 ดริฟ nad อาจจะมีข้อดีที่ยังต้องรอการ
00:21:55 → 00:21:57 พิสูจน์แล้วเก็บข้อมูลเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ
00:21:57 → 00:22:01 นะนะครับมันอาจจะมีผลเสียร้ายแรงตามมาได้
00:22:01 → 00:22:05 ในกรณีที่คุณเป็นมะเร็งนะครับซึ่งไอ้
00:22:05 → 00:22:07 ประเด็นที่ว่าฉีด nad ในคนที่เป็นมะเร็ง
00:22:07 → 00:22:09 แล้วอันตรายเนี่ยก็ยังต้องมีการศึกษาข้อ
00:22:09 → 00:22:12 มูลอยู่ดีแต่ถ้าตามทฤษฎีแล้วเนี่ยครับมัน
00:22:12 → 00:22:14 เป็นอย่างนั้นคือถ้าเกิดว่าเราเป็นมเร็ง
00:22:14 → 00:22:17 เพิ่ม nad เป็นประโยชน์กับเซลล์มะเร็งมาก
00:22:17 → 00:22:19 กว่าเซลล์ปกติซึ่งเราไม่ต้องการซึ่ง
00:22:19 → 00:22:22 อันตรายมากนะครับถามว่าอถ้าเกิดว่าโอเค
00:22:22 → 00:22:24 เราอยากจะดริฟสนใจอยากจะดริฟ nad เนี่ย
00:22:24 → 00:22:27 เราควรจะรู้อะไรอีกนะครับอย่างแรกคือถ้า
00:22:27 → 00:22:29 เกิดว่าคุณคุณเป็นมะเร็งหรือเคยเป็น
00:22:29 → 00:22:31 มะเร็งมาก่อนเนี่ยเสี่ยงแล้วก็อันตราย
00:22:31 → 00:22:34 แล้วควรจะหลีกเลี่ยงนะครับอย่างที่ 2 นะ
00:22:34 → 00:22:38 ครับคือต้องบอกว่า nad เนี่ยครับเป็นสาร
00:22:38 → 00:22:41 ที่โคตรจะ sensitive เลยครับมันสลายตัว
00:22:41 → 00:22:44 เร็วมากคือมันไม่เสถียรเลยเพราะฉะนั้น
00:22:44 → 00:22:49 produc จินตการเนาะโรงงานผลิต nad มาส่ง
00:22:49 → 00:22:52 มาที่คลินิคแล้วกระบวทั้งกระบวนการผลิต
00:22:52 → 00:22:55 กระบวนการขนส่งเนี่ยถ้ามันไม่อยู่ในภาวะ
00:22:55 → 00:22:58 แวดล้อมที่ทำให้เจ้า nad ยังคงสภาพอยู่
00:22:58 → 00:23:00 เนี่ยเผลอๆของที่จะถูกดริฟเข้าไปในร่าง
00:23:00 → 00:23:03 กายเนี่ยมันอาจจะไม่ใช่ nad แล้วก็ได้นะ
00:23:03 → 00:23:06 ครับมันอาจจะอยู่ในรูปอื่นนะครับ nad
00:23:06 → 00:23:08 สามารถจะสลายตัวเป็นอะไรได้บ้างนะครับ
00:23:08 → 00:23:10 สามารถจะสลายตัวเป็นหนี้ครับ nam หรือว่า
00:23:10 → 00:23:14 น้องแหนมซึ่งจริงๆแล้ว nam เนี่ยมันคือ
00:23:14 → 00:23:17 นิโคตินซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยมันคือวิตามิน
00:23:17 → 00:23:20 B3 อีกรูปแบบนึงนั่นเองนะครับ nad เป็น
00:23:20 → 00:23:22 สารที่ sensitive มากเลยนะครับสามารถที่
00:23:22 → 00:23:26 จะแตกตัวเป็น nam หรือตัวอื่นๆได้รวดเร็ว
00:23:26 → 00:23:28 มากนะครับเพราะฉะนั้นเวลาที่เราเป็นดริฟ
00:23:28 → 00:23:30 เราอาจจะไม่ได้ nad ก็ได้ถ้าเกิดว่าสถาน
00:23:30 → 00:23:34 พยาบาลนั้นน่ะดูแลไอ้เจ้าสินค้าไอ้ตัว nad
00:23:34 → 00:23:36 ที่จะมาดริฟให้เราเนี่ยไม่ดีนะครับถามว่า
00:23:36 → 00:23:38 ดูแลดีไม่ดีมันคือยังไงครับ nad เนี่ย
00:23:38 → 00:23:41 sensitive กับแสง sensitive กับความร้อน
00:23:41 → 00:23:44 นะครับถ้ากระบวนการผลิตนะครับมีการใช้แสง
00:23:44 → 00:23:46 มีการใช้ความร้อนอย่างเช่นการทำเป็นผง
00:23:46 → 00:23:49 เนี่ยแล้วมันจะต้องสตอลทำให้มันปอดเชื้อ
00:23:49 → 00:23:51 เนี่ยบางทีมันต้องใช้ความร้อนใช้ความดัน
00:23:51 → 00:23:54 เนี่ยเผลอๆไม่เหลือ nad และแปลงสภาพเป็น
00:23:54 → 00:23:57 ตัวอื่นหมดแล้วนะครับทีนี้มันก็จะมีัก
00:23:57 → 00:23:59 หลายตัวเลยพยายามเคลมว่าเฮ้ย nad ที่เรา
00:23:59 → 00:24:01 เตรียมมาเนี่ยครับเราผลิตขึ้นมาเพื่อใช้
00:24:01 → 00:24:03 ดริฟเข้าไปในร่างกายเนี่ยเราไม่ได้ผ่าน
00:24:03 → 00:24:06 ความร้อนเลยจ้าเราเก็บมันด้วยความเย็นนะ
00:24:06 → 00:24:07 ครับสถานพยาบาลเก็บไว้ในฟรีเซอร์อย่างดี
00:24:07 → 00:24:09 เวลาใช้เนี่ยค่อยเอาออกมาทำให้กลับมาสู่
00:24:09 → 00:24:11 ภูมิห้องแล้วก็รีบฉีกเข้าไปในคนไข้เลย
00:24:11 → 00:24:14 ก่อนที่มันจะสลายไปเป็นตัวอื่นนะครับรับ
00:24:14 → 00:24:16 รองได้ว่ามันยังอยู่ในสภาพแหนดถ้าเป็น
00:24:16 → 00:24:19 อย่างนั้นได้จริงๆซึ่งก็ต้องรอการพิสูจน์
00:24:19 → 00:24:21 นะครับถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆอ่ะโอเค
00:24:21 → 00:24:23 การที่เราดริป nad เข้าไปในหน่ากายมันก็
00:24:23 → 00:24:25 อาจจะมีประโยชน์ได้นะครับเพราะฉะนั้นเรา
00:24:26 → 00:24:28 ไปดริป nad ที่ไหนเนี่ยอาจจะต้องต้องดู
00:24:28 → 00:24:30 ว่าเอ้ย produc มันคือยี่ห้ออะไรแล้วมัน
00:24:30 → 00:24:33 เก็บรักษายังไงสถานพยาบาลเเก็บรักษาดี
00:24:33 → 00:24:35 มั้ยนะครับอีกอย่างนึงครับต้องบอกว่าการ
00:24:35 → 00:24:38 ฉีด nad เข้าไปในร่างกายเนี่ยนะครับคือ
00:24:38 → 00:24:41 มันก็ไม่ได้การันตี 100% ว่าเซลล์จะ
00:24:41 → 00:24:43 สามารถเอาไอ้เจ้า nad นั้นเนี่ยไปใช้ได้
00:24:43 → 00:24:45 นะครับคือ nad จะเป็นประโยชน์ก็แต่เมื่อ
00:24:45 → 00:24:48 เซลล์เนี่ยมันเอา nad เข้าไปใช้ได้นะครับ
00:24:48 → 00:24:51 ซึ่งตอนนี้งานวิจัยมีน้อยมากเลยว่าเออไอ้
00:24:51 → 00:24:54 nad ที่มันฉี่ไปเนี่ยเซลล์มันอทคมันเอ
00:24:54 → 00:24:55 เข้าไปได้หรือเปล่าครับมันก็จะมีแค่บาง
00:24:55 → 00:24:58 วิจัยที่เค้าศึกษาในอวัยวะต่างๆแล้วเจอ
00:24:58 → 00:24:59 ว่ามันเป็นผลดีเช่นหัวใจในสมองเนี่ยอาจจะ
00:24:59 → 00:25:02 เจอว่าเอ้ยเอ้ยมันมันอัพเทคได้เนาะนะครับ
00:25:02 → 00:25:04 แต่เอวยอื่นๆเนี่ยก็ยังไม่มีข้อมูลมาก
00:25:04 → 00:25:06 เพียงพอนะครับเพราะฉะนั้นก็อาจจะมีความ
00:25:06 → 00:25:08 เสี่ยงว่าเราฉีดไป 100% มันอาจจะไม่ได้
00:25:08 → 00:25:11 ใช้ทั้ง 100% ก็ได้นะครับก็เหมือนกับการ
00:25:11 → 00:25:12 จ่ายเงินที่ไม่คุ้มกับของที่เราได้นั่น
00:25:12 → 00:25:14 เองนะครับเป็นความเสี่ยงที่ถ้าเกิดคุณตัด
00:25:15 → 00:25:18 สินใจอยากจะฉีด nad ก็ต้องแบกรับไปนะครับ
00:25:18 → 00:25:20 หลายคนจะมีคถามว่าเฮ้ย nad ไม่เสถียรหรอ
00:25:20 → 00:25:22 ถ้าเกิดว่าไอ้ตัวสินค้าที่มาฉีดเข้าไป
00:25:22 → 00:25:25 ร่างกายมันไม่เสถียรแล้วเรากิน nad ได้
00:25:25 → 00:25:28 มั้ยเออถ้าเกิดว่าเราไม่ฉีดอ่ะก็ต้องบอก
00:25:28 → 00:25:31 ว่ามันไม่เสถียรมากครับด้วยเหตุผลที่ว่า
00:25:31 → 00:25:33 nad เนี่ยมันเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร
00:25:33 → 00:25:36 เพราะฉะนั้นการทำ nad ให้อยู่ในรูปของ
00:25:36 → 00:25:38 แคปซูลเนี่ยครับอยู่เป็นผงแล้วบรรจุใน
00:25:38 → 00:25:40 แคปซูลเโอ้โหยากมากเลยครับทุกคนเพราะ
00:25:40 → 00:25:43 ฉะนั้นเนี่ยเคมีคนพยายามจะทำ nid ที่เป็น
00:25:43 → 00:25:46 เป็นแท็บเล็ตหรือเป็นมนให้เรากินเข้าไป
00:25:46 → 00:25:48 เนี่ยนะครับคือมันไม่เสถียรมันไม่เวิร์ค
00:25:48 → 00:25:51 แล้วต่อให้มันเสถียรได้นะครับเรากินเข้า
00:25:51 → 00:25:54 ไปแล้วเนี่ยกระบวนการย่อยนี่แหละก็ทำให้
00:25:54 → 00:25:56 nad เนี่ยแปรสภาพไปเป็นตัวอื่นนั่นเอง
00:25:56 → 00:25:59 เพราะฉะนั้นการกิน nad เนี่ยถือว่าไม่
00:25:59 → 00:26:01 เวิคไม่ effective นะครับถ้าจะเอา nd
00:26:01 → 00:26:05 เข้าไปตรงๆฉีดยังดูมีความเป็นไปได้ที่จะ
00:26:05 → 00:26:07 ทำให้เกิดผลดีกับร่างกายมากกว่านั่นเองนะ
00:26:07 → 00:26:10 ครับทีนี้ลองมาดูไดอะแกรมนี้ครับเราอยาก
00:26:10 → 00:26:13 จะสร้าง NED ได้มยเอ๊หลายคนบอกโอโอเคกิน
00:26:13 → 00:26:17 nr ช่วยกิน nmn ช่วยเฮ้ยมันมีอีกตัวนึง
00:26:17 → 00:26:19 ยังไม่ได้พูดเลยคือไอ้เจ้า nam หรือว่า
00:26:19 → 00:26:22 แนมเเพิ่งเป็นวิตามิน B3 อีกตัวนึงนะครับ
00:26:22 → 00:26:25 แล้วถ้าเรากินตัวเเข้าไปอ่ะกินเข้าไปเยอะ
00:26:25 → 00:26:27 ๆเนี่ยมันช่วยมั้ยเพราะดูจากไดอะแกรมแล้ว
00:26:27 → 00:26:29 ไอ้เจ้าตัวนี้มันสามารถที่จะมาเปลี่ยน
00:26:29 → 00:26:31 เป็น nmn ได้เช่นกันแล้วมันก็สามารถจะ
00:26:31 → 00:26:34 เปลี่ยนเป็นแนตได้เช่นกันนะครับก็ต้องบอก
00:26:34 → 00:26:37 ว่าจริงๆแล้วไอ้เจ้า nam เนี่ยนะครับคือ
00:26:37 → 00:26:41 ร่างกายก็ต้องการแต่ร่างกายของเราเนี่ย
00:26:41 → 00:26:43 มันก็ไม่ได้ต้องการเยอะจนเกินไปนะครับ
00:26:43 → 00:26:46 เพราะถ้าดูดีๆนะครับไอ้เจ้าแนม nam เนี่ย
00:26:47 → 00:26:50 มันเกิดมาจากการที่ nad ของเราเนี่ยครับ
00:26:50 → 00:26:53 มันไปทำงานบางอย่างคือไปปลุกไอ้เจ้าเินจำ
00:26:53 → 00:26:55 ได้มั้ยที่ผมเล่าตอนแรกเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:26:55 → 00:26:58 nad เนี่ยไปปลุกเิให้ทำงานซ่อมแซม DNA
00:26:58 → 00:27:02 ให้เราแกะช้าลงมันจะกลายไปเป็นไอ้เจ้าแนม
00:27:02 → 00:27:04 ครับแล้วถ้าแนมมีเยอะขึ้นเยอะขึ้นเยอะ
00:27:04 → 00:27:08 ขึ้นเรื่อยๆเนี่ยมันจะไปกดการทำงานของเิน
00:27:08 → 00:27:10 เฮ้ยเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการเหมือนกัน
00:27:10 → 00:27:12 เราอยากให้เินทำงานเยอะๆเพราะมันจะช่วย
00:27:12 → 00:27:14 ซ่อม DNA ของเราเนี่ยให้มันกลับมาทำงาน
00:27:14 → 00:27:16 ได้ดีมากยิ่งขึ้นนะครับเพราะงั้นการกินน
00:27:16 → 00:27:19 แนมเข้าไปเยอะๆหรือวิตามิน B3 ตัวเนี้ย
00:27:19 → 00:27:21 เข้าไปเยอะๆเนี่ยมันก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอ
00:27:21 → 00:27:25 ไปเพราะมันจะไปกดการทำงานของไอ้เจ้าเิน
00:27:25 → 00:27:27 ซึ่งเราต้องการให้มันทำงานได้ดี
00:27:27 → 00:27:29 ประสิทธิภาพนั่นเองครับตอนนี้ทุกคนรู้
00:27:29 → 00:27:31 แล้วเนาะว่าถ้าเราอยากจะเพิ่มแหนดเนี่ย
00:27:31 → 00:27:34 วิธีที่น่าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดตอน
00:27:34 → 00:27:36 นี้นะครับก็คือการกิน supplement นะครับ
00:27:36 → 00:27:39 คือ nr เข้าไปนะครับในอเมริกาเหลือตัว
00:27:39 → 00:27:41 เดียวแล้ว nmn เอาออกไปแล้วนะครับหรือจะ
00:27:41 → 00:27:44 ดริฟไอ้เจ้า nad เข้าไปครับทนี้ผมขอพูด
00:27:44 → 00:27:47 ถึง ose นิดนึงเนาะเพราะว่า ose เนี่ยก็
00:27:47 → 00:27:49 เป็นสิ่งสำคัญนะครับคือ nr ตอนนี้มีงาน
00:27:49 → 00:27:51 วิจัยเยอะเลยนะครับศึกษาว่า ose ปริมาณ
00:27:51 → 00:27:54 เท่าไหร่เนี่ยกินแล้วร่างกายโอเคไม่เกิด
00:27:54 → 00:27:56 ผลเสียกับร่างกายนะครับโดยทั่วๆไปแล้วนะ
00:27:56 → 00:27:59 ครับโดสของ nr เนี่ยที่รู้ๆกันก็คือ 1,000
00:27:59 → 00:28:02 มิลลิกรัมต่อวันมันคือ 1 กรัมนั่นแหละต่อ
00:28:02 → 00:28:04 วันนะครับถือว่าโอเคเลยนะครับจริงๆมีการ
00:28:04 → 00:28:06 ศึกษามากไปกว่านี้อีก 2,000 อะไรเงี้ยก็
00:28:06 → 00:28:08 ยังเจอว่าเซฟอยู่แต่ถ้าชัวร์ๆเนี่ยประมาณ
00:28:08 → 00:28:11 1,000 มิลิกรัมต่อวันเนี่ยโอเคเลยนะครับ
00:28:11 → 00:28:13 ทีนี้แล้วเจ้าแนตล่ะที่เราเราจะดิปล่ะ
00:28:13 → 00:28:17 จริงๆเนี่ยต้องบอกว่าด้วยความที่งานวิจัย
00:28:17 → 00:28:19 มันน้อยเนาะมันยังไม่มีแบบโหคำตอบที่ตาย
00:28:20 → 00:28:23 ตัวว่าปริมาณแหนดเยอะแค่ไหนที่เข้าไปแล้ว
00:28:23 → 00:28:26 มันมีประสิทธิภาพร่างกายยังทนไหวยังต้าน
00:28:26 → 00:28:29 ทานไหวโอเคไม่เกิด Side เอฟเฟคเยอะนะครับ
00:28:29 → 00:28:31 ทีนี้ถ้าเกิดในเมืองนอกเนี่ยมันก็อาจจะมี
00:28:31 → 00:28:34 สูงไปถึงแบบโห 600 มิลกรัมต่อครั้งในการ
00:28:34 → 00:28:36 ดิบนะครับซึ่งเวลาดริปเนี่ยมันไม่ได้ฉีด
00:28:36 → 00:28:39 ปืดเข้าไปนะครับเหมือนเวลาเราฉีดวัคซีน
00:28:39 → 00:28:41 เนาะเหตุผลที่มันต้องดริบเนี่ยเพื่อให้
00:28:41 → 00:28:44 มันค่อยๆหยดติ๊งๆๆแล้วก็ค่อยๆเข้าไปใน
00:28:44 → 00:28:47 เลือดนะครับถ้าเราเพิ่ม nid เข้าไปใน
00:28:47 → 00:28:49 เลือดเร็วๆเนี่ยครับร่างกายเราอาจจะรับ
00:28:49 → 00:28:51 ไม่ไหวนะครับก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้นะ
00:28:51 → 00:28:55 ครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราจะไปดริฟ nad
00:28:55 → 00:28:58 เข้าไปในร่างกายเนี่ยครับบอกคุณหมอเลย
00:28:58 → 00:29:01 ยิ่งครั้งแรกๆเนี่ยครับควรจะดริฟช้าๆใจ
00:29:01 → 00:29:03 เย็นๆโดยปกติแล้วเนี่ยกระบวนการในการดริฟ
00:29:03 → 00:29:06 nad จนหมดขวดที่คุณหมอเคเตรียมเี่ครับ
00:29:06 → 00:29:08 ใช้เวลาหลายชั่วโมงนะครับ 3-4 ชั่วโมง
00:29:08 → 00:29:10 ด้วยซ้ำไปนะครับค่อยๆให้มันเข้าร่างกาย
00:29:10 → 00:29:13 ยิ่งครั้งแรกๆเนี่ยควรจะช้าๆน้อยๆก่อน
00:29:13 → 00:29:15 ซึ่งคุณหมอส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจาก
00:29:15 → 00:29:18 ปริมาณน้อยๆอยู่แล้วะแล้วก็เรทในการให้
00:29:18 → 00:29:20 มันไหลเข้าไปในเลือดเนี่ยช้าๆนะครับเพื่อ
00:29:20 → 00:29:23 ดูว่าร่างกายของคนไข้คนนั้นเนี่ยมีการตอบ
00:29:24 → 00:29:28 สนองยังไงทนไหวมนะครับแล้วครั้งต่อไปเช่น
00:29:28 → 00:29:31 อาทิตย์หน้านะครับมาลองดริฟใหม่แล้วค่อยๆ
00:29:32 → 00:29:35 ขยับโดสไปทีเรื่อยๆหรือว่าขยับความเร็วใน
00:29:35 → 00:29:37 การดริฟเข้าไปเรื่อยๆก็จะปลอดภัยนะครับ
00:29:37 → 00:29:40 เพราะถ้าเกิดว่าเราดริฟเข้าไปเร็วๆมาก
00:29:40 → 00:29:43 เนี่ยครับแน่นอนหัวใจอาจจะทำงานมากขึ้น
00:29:44 → 00:29:46 ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีเลยนะครับอาจจะหัวใจวาย
00:29:46 → 00:29:47 ได้นะครับมันเป็นเรื่องที่ต้องระวัง
00:29:47 → 00:29:50 เหมือนกันใครจะดริฟปรึกษาคุณหมอให้ดีแล้ว
00:29:50 → 00:29:52 ก็วางแผนการรักษาดีๆนะครับถามว่ามันต้อง
00:29:52 → 00:29:55 ดริฟเยอะแค่ไหนหรอถึงจะเห็นผลนะครับก็ยัง
00:29:55 → 00:29:57 ไม่มีงานวิจัยให้คำตอบได้แน่นอนอยู่ดีนะ
00:29:57 → 00:30:00 ครับครับแต่โดยทั่วๆไปนะครับดิฟครั้งแรก
00:30:00 → 00:30:02 ยังไม่เห็นผลหรอกเพราะว่ามันต้องค่อยๆ
00:30:02 → 00:30:04 เพิ่มปริมาณแหนดเข้าไปในร่างกายเนาะถึงจะ
00:30:04 → 00:30:07 เริ่มเห็นผลโดยทั่วไปเขาจะดริฟทุกๆ
00:30:07 → 00:30:11 อาทิตย์ไปเรื่อยๆติดต่อกันอาจจะ 1 เดือน 2
00:30:11 → 00:30:14 เดือน 3 เดือนนะครับแต่จากเท่าที่ผมทราบ
00:30:14 → 00:30:18 คนที่เคยไปทำมาเค้าบอกว่าการดริฟซักเนี่ย
00:30:18 → 00:30:20 1 เดือน 2 เดือนก็จะเริ่มเห็นผลว่าอืม
00:30:20 → 00:30:23 เหมือนร่างกายรู้สึกดีขึ้นเนาะก็ไม่รู้
00:30:23 → 00:30:25 ว่าเป็น plb เฟคหรือเปล่านะครับใครอยาก
00:30:25 → 00:30:28 ร้องเนี่ยก็ต้องทดสอบได้ตัวเองนะครับที่
00:30:28 → 00:30:30 ผมเล่ามาทั้งหมดนะครับอยากจะบอกทุกคนว่า
00:30:30 → 00:30:32 nad หรือว่าแนดเนี่ยนะครับมันไม่ใช่ pud
00:30:32 → 00:30:34 Science เป็นสารที่ร่างกายสร้างอยู่แล้ว
00:30:34 → 00:30:37 ร่างกายจำเป็นด้วยนะครับในกระบวนการต่างๆ
00:30:37 → 00:30:40 ทั้งการสร้างพลังงานแล้วก็การซ่อมแซม DNA
00:30:40 → 00:30:42 ทำให้เราแก่ช้าลงนะครับเพราะฉะนั้นไม่ว่า
00:30:42 → 00:30:46 คุณอายุเท่าไห่เพศอะไรนะครับคุณควรจะดูแล
00:30:46 → 00:30:49 ให้แหนดเนี่ยมีเยอะอยู่เสมอเวลาเราแก่แนต
00:30:49 → 00:30:51 ลดลงเพราะฉะนั้นต้องหาวิธีในการเพิ่มนะ
00:30:51 → 00:30:53 ครับวันนี้ผมแชร์ให้แล้วเราจะเพิ่มแนตได้
00:30:53 → 00:30:55 ยังไงบ้างนะครับทั้งสายธรรมชาตินะครับคือ
00:30:55 → 00:30:58 กินอาหารที่มีประโยชน์อ้อที่ยังไม่ได้บอก
00:30:58 → 00:31:01 ไปการออกกำลังกายการทำ If เป็นการเพิ่ม
00:31:01 → 00:31:04 แหนดแบบธรรมชาตินะครับใครที่ไม่อยากพึ่ง
00:31:04 → 00:31:07 มนไม่ว่าจะเป็นตัว nr หรือ nmn เนี่ยครับ
00:31:07 → 00:31:10 ใช้วิถีธรรมชาติหรือใครอยากได้วิธีที่มัน
00:31:10 → 00:31:12 เฮ้ยเราอายุเยอะแล้วเนี่ยเราอยากได้ทาง
00:31:12 → 00:31:13 ลัดที่มันมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพราะ
00:31:13 → 00:31:16 ร่างกายเราสร้างแหนบไม่ดีกินอาหารเสริม nr
00:31:16 → 00:31:19 คือตัวที่มี clinical trial เยอะที่สุด
00:31:19 → 00:31:21 นะครับแล้วก็มีผลทางวิทยาศาสตร์โชว์ว่า
00:31:21 → 00:31:24 มันปลอดภัยแล้วก็ช่วยให้ร่างกายเนี่ยดี
00:31:24 → 00:31:26 ขึ้นนะครับมีพลังงานมากขึ้นนะครับและถ้า
00:31:26 → 00:31:29 ใครอยากได้ทางลัดกว่านั้นคือจะไปริฟ n
00:31:29 → 00:31:32 เนี่ยก็หาข้อมูลให้ดีนะครับปรึกษาคุณหมอ
00:31:32 → 00:31:35 ใจเย็นๆค่อยๆทำเริ่มจากโดสต่ำๆดริฟช้าๆ
00:31:35 → 00:31:37 แล้วก็เช็คก่อนนะครับว่าคุณไม่เป็นมะเร็ง
00:31:37 → 00:31:39 เพราะถ้าคุณเป็นมะเร็งเนี่ยการดริปแด
00:31:39 → 00:31:42 เนี่ยอาจจะเพิ่มการลุกลมของมะเร็งซึ่งไม่
00:31:42 → 00:31:45 ใช่สิ่งต้องการ
00:31:45 → 00:31:48 ครับ Top to Toe The Standard
00:31:48 → 00:31:54 podcast Eye Opening for your ear