00:00:01 → 00:00:03 เรู้ว่าเค้าผิดแล้วเก็อ้าผ่านๆไปเขาแค่
00:00:03 → 00:00:05 เรียนรู้ว่าจะไม่ทำอย่างนี้เพื่อไม่ให้
00:00:06 → 00:00:08 เกิดข้อผิดพลาดแต่ถามว่าเขาเรียนรู้เพื่อ
00:00:09 → 00:00:12 ไปต่อยอดยังไงรู้ยังไงแล้วทำยังไงหา
00:00:12 → 00:00:15 พนักงานที่ sel motivate ยากมากทำยังไง
00:00:15 → 00:00:18 ให้เขาให้เขา motivate ตัวเองพอเรา
00:00:18 → 00:00:21 flexible มากแทนที่เขาจะ productive มาก
00:00:21 → 00:00:25 ขึ้นกลับกลายเป็นว่าเหลวมเขี้เกียจมาก
00:00:25 → 00:00:27 ขึ้นเรื่องดึงคนเก่งให้อยู่ในองค์กรหาคน
00:00:27 → 00:00:31 เก่งแยกมยเอาอย่างงี้ก่อนคนเก่งยากีปคน
00:00:31 → 00:00:35 เก่งไว้ยากกว่าความต่างระหว่างเอเนหรือ
00:00:35 → 00:00:39 ว่าผู้ก่อตั้งคนไทยกับต่างชาติมันต่างกัน
00:00:39 → 00:00:44 มั้ยบุคลิกการทำงานการคิดถ้าให้ดูแล้วข้อ
00:00:44 → 00:00:47 ดีข้อเสียหรือว่ามันมีจุดเด่นจุดอ่อนยัง
00:00:47 → 00:00:50 ไงเวลาพอเราเน้นที่ให้ต่างชาติเข้ามาลง
00:00:50 → 00:00:52 ทุนแล้วเป็นแรางงานชั้นดีราคาถูกก็ตามมา
00:00:53 → 00:00:56 ด้วยที่ว่าเฮ้ยค่าของชีพเราหรือว่าการ
00:00:56 → 00:00:58 จ่ายเงินเดินของเราก็จะไม่ได้สูงเท่าต่าง
00:00:58 → 00:01:01 ประเทศมันเลยทำให้เอ้ยคนเก่งผมว่าอยู่ไทย
00:01:01 → 00:01:06 ได้เงินเ 50,000 อยู่ต่างประเทศได้
00:01:06 → 00:01:10 200,000 ปัจจุบันคุณเพชรทำงานทางด้าน AI
00:01:10 → 00:01:12 ใช่ครับอยากให้แนะนำโปรเจคที่กำลังทำอยู่
00:01:12 → 00:01:16 สักนิดนึงหน่อยได้มั้ยครับ tula Data T
00:01:16 → 00:01:18 Data คือ Data Anything ที่เป็นในเชิง
00:01:18 → 00:01:21 ของตารางอ่าเป็นเชิงของตัวเลขว่าจะทำไง
00:01:21 → 00:01:24 ให้ a เข้าใจข้อมูลสิ่งนี้ได้ดีที่สุดใน
00:01:24 → 00:01:26 use Case การใช้งานจะเป็นเรื่องของใน
00:01:26 → 00:01:29 ตลาดหุ้นในอะไรเพราะว่าตลาดหุ้นมีแต่ตัว
00:01:29 → 00:01:32 เลขเดี๋ยเยอะเต็มไปหมดถูกมั้ยฮะมีวิธีการ
00:01:32 → 00:01:35 วัดผลต่างๆที่มันแตกต่างกันอ่าด้านที่ 2
00:01:35 → 00:01:37 เนี่ยจะเป็นในมุมของด้านคอมพิวเตอร์
00:01:37 → 00:01:40 Vision สิ่งเครับก็ตอนนี้ก็แดปกับทาง
00:01:40 → 00:01:43 ฝั่งของเกษตรอุตสาหกรรมแล้วก็การแพทย์
00:01:43 → 00:01:45 เพราะว่าถ้าดูปัญหาโดยส่วนใหญ่เนี่ยมันก็
00:01:45 → 00:01:49 เป็นเรื่องของภาพที่เอามาใช้
00:01:49 → 00:01:52 อ่าช่วยในการประเมินวัดผลต่างๆที่ปกติ
00:01:52 → 00:01:56 แล้วเป็นคนที่วัดผลนะนะครับแล้วก็ด้านของ
00:01:56 → 00:01:59 ภาษาตอนนี้ของผมก็ทำทั้งเรื่องของ AI ใน
00:01:59 → 00:02:04 การแปลหรือว่าในการอ่า generate พวกของ
00:02:04 → 00:02:07 script ต่างๆหรือเอามาสรุปหลายๆอย่างก็
00:02:07 → 00:02:10 มือแชท gbt ประมาณนั้นครับแล้วก็อีกด้าน
00:02:10 → 00:02:13 นึงครับก็คือเรื่องของเสียงเสียงเนี่ยก็
00:02:13 → 00:02:15 จะเป็นอีกอีกแขนงนึงที่เอาไว้ไม่ว่าจะ
00:02:15 → 00:02:18 เป็นการถอดเสียงเหมือนเราพูดออกมาทำไงให้
00:02:18 → 00:02:21 ใส่เป็นข้อความอยู่ในวีีดีโอได้หรืออย่าง
00:02:21 → 00:02:23 ไงที่เป็นคำที่พิมพ์แล้วให้ออกมาเป็น
00:02:23 → 00:02:25 เสียงได้แล้ว Advance ไปมากกว่านั้นคือทำ
00:02:25 → 00:02:28 ไงให้มันสื่อถึง emotional ได้ด้วยจากบท
00:02:28 → 00:02:31 จากตัวของข้อข้อความที่เราพิมพ์เข้าไปอื
00:02:31 → 00:02:34 อ่านี้ก็เป็นอีกแขนกนึงแล้วก็จะมีอีกแขนก
00:02:34 → 00:02:38 นึงที่เป็นเกี่ยวกับอ่าเรื่องของ
00:02:38 → 00:02:43 อตคือทำยไงให้เราสามารถสร้างแบบจำลองของ
00:02:43 → 00:02:45 คนขึ้นมาแล้วขยับต่างๆตาม emotional ได้
00:02:46 → 00:02:49 อีกออ่าแล้วก็จะมีอันสุดท้ายแล้วจะเป็น
00:02:50 → 00:02:53 ตัวของอ่าในการพวก generate รูปภาพก็จะ
00:02:53 → 00:02:55 เป็นม M jy แต่ว่า use Case การใช้งาน
00:02:55 → 00:02:59 ก็จะเป็นอีกแบบหนึว่าเราจะทำให้การ์ตูน
00:02:59 → 00:03:02 หรือว่า AI เนี่ยมันเข้าใจตัวของ Content
00:03:02 → 00:03:05 ต่างๆได้ยังไงบ้างอือเพื่อที่จะไม่ว่าจะ
00:03:05 → 00:03:08 เป็นลงสีหรือทำเรื่องของการขยับต่างๆ
00:03:08 → 00:03:10 ประมาณนั้นครับซึ่งทั้งหมดนี้ทำในเมือง
00:03:10 → 00:03:12 ไทยมั้ยหรือทำในต่างประเทศทำในเมืองไทย
00:03:12 → 00:03:15 นี่แหละครับแต่ว่าจริงๆในทีมนะครับก็มี
00:03:15 → 00:03:18 ทั้งคนไทยและต่างชาติซึ่งอยู่ที่ที่เมือง
00:03:18 → 00:03:22 ไทยอ่าออนไลน์อยู่ทั่วโลกแล้วครับอรีโมท
00:03:22 → 00:03:25 อยู่ใช่มั้ยใช่ครับอ่าแล้วปัจจุบันถ้า
00:03:25 → 00:03:29 สมมุติทีนี้ักเรามันเป็น b2c หรือว่า B2B
00:03:29 → 00:03:33 ฮะส่วนใหญ่เป็น B2B เลยครับอืเพราะว่าอ่า
00:03:34 → 00:03:38 การทำการทำ B2B ก็ตว่ามันมันเป็นอ่าจุด
00:03:38 → 00:03:40 จุดแข็งอย่างที่ AI มัน adapt ได้ง่าย
00:03:40 → 00:03:43 กว่าเพราะว่าเราก็ทำ use ใช้งานให้เข้า
00:03:43 → 00:03:45 กับนี้หรือว่าเาแค่ส่งข้อมูลมาเป็นก้อน
00:03:45 → 00:03:48 ใหญ่ๆอันนึงแล้วทุกอย่างมันก็ coding
00:03:48 → 00:03:50 automate ได้หมดเลยถ้ามองภาพว่าสมมุติ
00:03:50 → 00:03:53 การแปลภาษานิยายมี 1000 เรื่องเอ้ยมีมี
00:03:53 → 00:03:56 1000 ตอนแล้วกันครับการที่จะให้คนมานั่ง
00:03:56 → 00:03:59 Copy PR ใส่แช gpt ให้มันช่วยแปลหรือ
00:03:59 → 00:04:01 ใส่ Google Translate เนี่ยใช้เวลาเยอะ
00:04:01 → 00:04:04 มากอั้นทางผมสมมุติเโยนมาเลย 1000 ตอนผม
00:04:04 → 00:04:07 ก็แค่เอาโค้ดเขียน altimate ทั้งหมดก็จะ
00:04:07 → 00:04:09 ไวกว่าอะไรประมาณนี้ครับโดโ use cas ส
00:04:09 → 00:04:12 ใหญ่ก็จะเป็น B2B เป็นหลักครับผมในเชิง
00:04:12 → 00:04:15 ของกฎหมายกฎหมายด้วยเหรอใช้ AI มาในกฎ
00:04:15 → 00:04:19 หมายใช่ครับเพราะว่าถ้าถ้าองมองภาพว่าจริ
00:04:19 → 00:04:22 กฎหมายเรามีเต็มไปหมดเลยสมตเราติดปัหา
00:04:22 → 00:04:25 สมมุติรถชนกฎหมายข้อไหนบ้างหรือสมมุติเรา
00:04:25 → 00:04:28 โดนละเมิดสิทบางอย่างอเราจะรู้ได้ไงว่า
00:04:28 → 00:04:31 เอ้ยสิ่งนี้เราต้องทำยังไงมีกฎหมายข้อไหน
00:04:31 → 00:04:35 ที่วอร์กับสิ่งนี้บ้างซึ่งก็มีน้อยคนมาก
00:04:35 → 00:04:38 ที่จะรู้กฎหมายในเชิงที่โอคอาจจะไม่ใช่กฎ
00:04:38 → 00:04:41 หมายทั่วไปที่เราใช้นกฎหมายการชาจรอะไร
00:04:41 → 00:04:43 ต่างๆเรารู้อยู่ะแต่กฎหมายเรื่องสิทธิ
00:04:43 → 00:04:47 เสรีภาพกฎหมายอื่นๆที่มันอาจจะไม่ได้เกิด
00:04:47 → 00:04:50 ขึ้นในชีวิตประจำวันของเราเนี่ยเราแทบจะ
00:04:50 → 00:04:52 ไม่มีทางรู้เลยหรือเสิร์ช Google เองก็
00:04:52 → 00:04:54 ตามก็อาจจะไม่เจอทั้งหมดอือะไรประมาณนี้
00:04:54 → 00:04:57 ครับอืสมมุติเรารดชนซสมัยก่อนเราต้องไป
00:04:57 → 00:05:00 นั่งหากฎหมายว่ามีกฎหมายอะไรบ้างสมมติถ้า
00:05:00 → 00:05:02 เราเป็น AI นี่ก็คือแค่บอกสถานการณ์ไปเลย
00:05:02 → 00:05:05 ว่าเรารดชนนะมีกฎหมายอะไรที่เราต้องรู้
00:05:05 → 00:05:09 ตอนนี้เก็จะบอกมาเลยตื๊ดๆๆๆใช่ครับหรือรถ
00:05:09 → 00:05:11 ชนแล้วบาดเจ็บมีกฎหมายอะไรมันก็จะคัดมา
00:05:11 → 00:05:13 ให้เลยกลายเป็นว่าเราไม่ต้องไปนั่งอ่าน
00:05:13 → 00:05:17 เองทั้งหดอ๋อยซึ่งซึโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น
00:05:17 → 00:05:19 อาจจะมี Call Center ต่างๆที่คอยสอคำถาม
00:05:19 → 00:05:22 แหละแต่ว่า 1 คือโอเค Call Center ที่
00:05:22 → 00:05:26 รู้กฎหมายแบบสถถามว่าเราจะนั่งคนที่รู้กฎ
00:05:26 → 00:05:29 หมายมานั่งเป็นคเซ็นตก็น้อยอีกเเออังแล้ว
00:05:29 → 00:05:32 แบบเอสุดยอดนะมันๆตอนนี้ทำงานกับกระทรวง
00:05:32 → 00:05:35 ด้วยใช่ไหมครับตอนนี้ทุกๆอย่างที่เล่าไป
00:05:35 → 00:05:37 ตอนนี้อ Production หมดเลยครับอ๋อเสร็จ
00:05:37 → 00:05:40 แล้วมีคนใช้แล้วครับผมอ๋อยกตัวอย่างเลย
00:05:40 → 00:05:42 ได้ Vision คพร Vision ก็คือ AI ที่เรียน
00:05:42 → 00:05:44 รู้ด้านภาพแล้วกันครับที่ปัญหาที่ผมเข้า
00:05:45 → 00:05:48 ไปแก้ไขเนี่ยมันคืออ่าอุตสาหกรรมของเกษตร
00:05:48 → 00:05:51 หรือในในมุมของอุตสาหกรรมที่เราพยายามจะ
00:05:51 → 00:05:54 สร้างมาตรฐานให้กับอ่าไม่ว่าจะเป็นผลผลิต
00:05:54 → 00:05:57 ทางการเกษตรหรือการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา
00:05:57 → 00:06:02 ของสัวหรือของอะไรต่างๆที่แน่นอนเราปกติ
00:06:02 → 00:06:05 ถ้าถ้ามองภาพของเวลาเราซื้อขายอย่างเช่น
00:06:05 → 00:06:08 ซื้อขายทุเรียนเราดูได้ว่าลูกเยครับควรจะ
00:06:08 → 00:06:11 ให้ราคาเท่าไหร่อืหรือซื้อขายน้ำมันปาล์ม
00:06:11 → 00:06:13 เอ้หรือซื้อขายลูกปาล์มเองเรารู้ได้ไงว่า
00:06:13 → 00:06:15 ลูกนี่ควรให้ราคาเท่าไหร่แล้วถ้ามองภาว่า
00:06:16 → 00:06:19 ถ้าสิ่งนี้ครับมา 1 คันลดบรรทุกเราจะตี
00:06:19 → 00:06:23 ราคาสิ่งนี้ยังไงอืนี่คือนี่คือปัญหาที่
00:06:23 → 00:06:26 อ่าทั้งโรงงานเองหรือเกษตรกรเองต้องเจอมา
00:06:26 → 00:06:29 ตลอด 40-50 ปีที่อุตสาหกรรมนี้มันเกิด
00:06:29 → 00:06:32 ขึ้นมาครับผมซึ่งนั่นครับ AI เลยเป็น
00:06:32 → 00:06:35 เหมือนตัวนึงที่โอเคเป็นมาตรฐานกลางแล้ว
00:06:35 → 00:06:38 กันว่าโอเคแต่ละโรงงานก็จะมีมาตรฐานของ
00:06:38 → 00:06:40 เขาซึ่งเขาก็จะมีวิธีการวัดผลใช่มฮะแต่
00:06:40 → 00:06:43 แน่นอนว่าคนก็อาจจะเกิดการผิดพลาดได้สม
00:06:43 → 00:06:46 วันนี้เจอมาเป็น 100 คันเลยคันที่ 101 จะ
00:06:46 → 00:06:49 ไปแอหรือเปล่าแบบวันนี้เหนื่อยล้าละก็จะ
00:06:49 → 00:06:51 มีสิ่งเหล่านี้ที่มันเกิดขึ้นอยู่ในอยู่
00:06:51 → 00:06:55 ในระบบหรือไม่รวมไม่รวมถึงการอ่าคอรัปชัน
00:06:55 → 00:06:59 ไอ้เรื่องนี้ผมจะพูดได้รือเปล่าอื
00:06:59 → 00:07:03 ถึงเรื่องๆเหล่านั้นแล้วก็เอ่อนะครับว่า
00:07:03 → 00:07:05 To Be Fair หรือเปล่าว่าเอ้ยสมมุติ
00:07:05 → 00:07:08 เกษตรกรส่งของดีไปแต่ว่าคนตัดสินหน้างาน
00:07:08 → 00:07:11 บอกเอ้ยสีมันยังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคำ
00:07:11 → 00:07:14 ว่าสีดูไม่ค่อยดีเนี่ยวัดผลยังไงออืออ่า
00:07:14 → 00:07:17 AI เลยจะเข้ามาเหมนตัวช่วยเป็นมาตรฐาน
00:07:17 → 00:07:20 กลางในการวัดผลแล้วก็ To Be Fair กับ
00:07:20 → 00:07:22 ทั้ง 2 ฝั่งเพราถ้าคุณส่งของดีคุณก็ควรจะ
00:07:22 → 00:07:25 ได้ราคาที่ดีหรือถคุณส่งของไม่ดีคุณก็ควร
00:07:25 → 00:07:27 จะได้ในราคาที่มันไม่ดี produc นี้เรา
00:07:27 → 00:07:30 เรียกคอมพิวเตอ Vision ใช่ครับซึ่งตอนนี้
00:07:30 → 00:07:32 ใช้อยู่ที่ไหนตอนนี้ใช้อยู่ในเกษตรฝั่ง
00:07:32 → 00:07:36 ภาคใต้ครับอ๋อเหรอฮะใช่ครับโอ้ดีนะฮะประ
00:07:36 → 00:07:39 นั้นครับผมก็คืออารมณ์ไหนครับหมายถึงว่า
00:07:39 → 00:07:41 รถก็จะเข้าไปแล้วจะเป็นตัวสแกนตื๊ดอย่าง
00:07:41 → 00:07:44 นี้แหละจริงแล้วแต่ต้องเรียกว่าที่เป็น
00:07:44 → 00:07:47 B2B เพราะผม Custom ให้แต่ละแต่ละโรงงาน
00:07:47 → 00:07:50 ด้วยเพราะวางโรงงานสะดวกที่จะให้คนเนี่ย
00:07:50 → 00:07:54 ถ่ายรูปเอออ่าถ่ายรูปปุ๊บยิงเข้าคราวโต
00:07:54 → 00:07:57 ออกมาครับผมหรือบางโรงงานก็เอ้ยมีกล้อง
00:07:57 → 00:08:01 เลยรถแค่ผ่านก็พออ่าอแต่ละที่ก็มีวิธีการ
00:08:01 → 00:08:04 ที่แตกต่างกันอือประมาณนั้นครับหรือวิธี
00:08:04 → 00:08:07 การที่แต่ละที่โฟกัสก็จะไม่เหมือนกันบาง
00:08:07 → 00:08:10 โรงงานจะบอกว่าเอ้ยโรงใครให้เกรด A เยอะ
00:08:10 → 00:08:14 ผมให้ราคาดีบางโรงงานบอกว่าใครให้เกรดแย่
00:08:14 → 00:08:17 น้อยผมให้ราคาดีอ่าซึ่งแต่ละที่ก็จะมี
00:08:17 → 00:08:20 วิธีการที่แตกต่างกันแล้วก็การต่อยอดของ
00:08:20 → 00:08:23 มันก็คือปกติแล้วข้อมูลเหล่านี้ครับพอมัน
00:08:23 → 00:08:25 เป็นคนประเมินเนี่ยเราไม่สามารถทำอะไรต่อ
00:08:25 → 00:08:28 ได้เลยอเราไม่มีทางรู้เลยว่าคนไหนส่งของ
00:08:28 → 00:08:31 ดีมาให้เราคนในส่งขอไม่ดีมาให้เราอือหรือ
00:08:31 → 00:08:34 ไอ้ที่เราวัดผลตรงนี้ครับมันออกมาเป็นน้ำ
00:08:35 → 00:08:36 มันออกมาสมมุติเป็นปาลมนะครับออกมาเป็น
00:08:36 → 00:08:40 น้ำมันออกมาเนี่ยมันได้ตามที่เราขัดจริงๆ
00:08:40 → 00:08:43 ไเพราะปกติแล้วสมมุติเกรด A เขจะบอกว่า
00:08:43 → 00:08:45 เกรด A จะได้น้ำมันประมาณเท่านี้เกด B จะ
00:08:46 → 00:08:47 ได้น้ำมันประมาณเท่านี้ผลลัพธ์ที่ออกมา
00:08:47 → 00:08:49 มันได้ตามนั้นจริงหรือเปล่าอือถ้ามันไม่
00:08:49 → 00:08:52 ได้ตามนั้นมันห่างมากแค่ไหนอือแล้ว
00:08:52 → 00:08:54 process ไหนที่มันน่าจะมีปัญหาพอทุก
00:08:55 → 00:08:57 อย่างมันเป็น Data นี้ครับมันสามารถเข้า
00:08:57 → 00:08:59 ไปเช็คได้หมดเลยว่าโอเคตรงไหนไหนน่าจะมี
00:08:59 → 00:09:02 ปัญหาเข้าไปดูหรือเอ้ยคนไหนที่เป็นลูกค้า
00:09:02 → 00:09:04 ดีของเราคนไหนที่เป็นลูกค้าที่เอ้ยส่งแต่
00:09:04 → 00:09:07 ของไม่ดีให้เราอ่ะมันดูได้หมดเลยหรือดู
00:09:07 → 00:09:11 ได้กระทั่งว่าคนนี้อยู่สวนบริเวณตรงไหนอื
00:09:11 → 00:09:14 ถ้ามีการเก็บของรภาพออกโอเคแสดงว่าเอ้ย
00:09:14 → 00:09:16 ตรงนี้อาจจะดินอสมบูรณ์หรือเปล่าตรงนี้เ
00:09:16 → 00:09:19 มีวิธีการดูแลยังไงงั้นมันก็เป็นการ
00:09:19 → 00:09:21 เหมือนถอดเป็นฮบางอย่างที่ส่งกลับไปให้
00:09:21 → 00:09:24 เกษตรกรได้อีกด้วยว่าเอ้ยคุณควรจะใส่ปุ๋ย
00:09:24 → 00:09:27 แบบนี้นะคุณควรจะลดน้ำแบบนี้นะหรือคุณควร
00:09:27 → 00:09:30 จะเก็บเกี่ยวยังไงให้คุณได้ของที่คุณภาพ
00:09:30 → 00:09:32 ดีที่สุดแล้วถ้าคุณส่งของดีโลงงานก็ยินดี
00:09:32 → 00:09:35 ที่จะจ่ายเพิ่มให้อยู่แล้วอืประมาณนั้น
00:09:35 → 00:09:38 ครับอือันนี้คือ use เจก็เป็นบริษัทที่
00:09:38 → 00:09:40 Spin Off ออกมาตจจากคตัว deal ก็คือ
00:09:40 → 00:09:43 ชื่อว่า D Vision อประมาณนั้นคือด
00:09:43 → 00:09:46 Anything กับรูปภาพเลยประมาณนั้นครับอ
00:09:46 → 00:09:49 หรือหรืออย่าง AIA ด้านภาษาเองครับที่ถาม
00:09:49 → 00:09:54 ว่าทำไมต้องทำแบบแชท gbt จริงๆมันก็มีมี
00:09:54 → 00:09:59 เหตุผลของมันอยู่ครับคืออ่าภาษาในแถบตวัน
00:09:59 → 00:10:02 ตกกับภาษาในแถบตะวันออกเนี่ยมีความแตก
00:10:02 → 00:10:05 ต่างกันค่อนข้างเยอะว่าจะเป็นสมมุติอภาษา
00:10:05 → 00:10:09 อังกฤษเนี่ยพี่น้องก็ Brother เรียกชื่อ
00:10:09 → 00:10:12 คนก็ชื่อตรงๆอย่างเรียกพี่บิ๊กก็เรียกแค่
00:10:12 → 00:10:18 บิ๊กมิสเบิ๊กนู่นนี่นั่นอภาษาไทยเองหรือ
00:10:18 → 00:10:20 ภาษาในแถบฝั่งเอเชียเองภาษาจีนภาษา
00:10:20 → 00:10:24 ญี่ปุ่นต่างๆจะมีพวกวจนภาษาค่อนข้างเยอะ
00:10:24 → 00:10:30 จะมีระดับของภาษาสมมติพี่ก็จะมีเว่าพี่คน
00:10:30 → 00:10:33 โตคนกลางคนเล็กนู่นนี่นั่นการที่จะเรียก
00:10:33 → 00:10:38 ชื่อคนสักคนนึงอาจจะมีคำนำหน้าหรือการที่
00:10:38 → 00:10:42 ใช้ภาษาแบบอักับชั้นสูงหน่อยก็จะมีวิธี
00:10:42 → 00:10:45 การใช้ที่แตกต่างกันซึ่งมันเลยเป็นโจทย์
00:10:45 → 00:10:47 ที่ว่าเอ้ยถ้าทำให้ไอเข้าใจความยากของ
00:10:47 → 00:10:50 ภาษาระดับนี้ได้เนี่ยภาษาง่ายๆนี่ไม่ต้อง
00:10:50 → 00:10:52 พูดถึงเลยมันเข้าใจได้อยู่ละอือก็เลยก็
00:10:52 → 00:10:55 เลยเกิดมาเป็นอ่าโจทย์ของทางฝั่งนี้ว่า
00:10:55 → 00:10:57 แล้วเรา use cas ที่เอาไปใช้งานนะครับก็
00:10:58 → 00:11:02 คือเอาไปแปลนิยาเลยพนิยายยังมีความยากอีก
00:11:02 → 00:11:04 ตรงนึงก็คือเรื่องของอารมณ์ว่าเอ้ยจะทำ
00:11:04 → 00:11:07 ให้เข้าใจอารมณ์ในการแปลได้ยังไงความต่อ
00:11:07 → 00:11:10 เนื่องของเรื่องราวแล้วอารมณ์ที่ใส่เข้า
00:11:10 → 00:11:13 ไปหรือการเลือกใช้คำที่มันดูแฟนตาซีที่
00:11:13 → 00:11:15 มันมีเรื่องของสำนวนจีนิกสมมุติแปลจากจีน
00:11:16 → 00:11:18 เป็นไทยก็จะมีสำนวนจีนหรือยุคสมัยของ
00:11:18 → 00:11:22 นิยายอีกว่าสมัยโบราณสมัยใหม่หรือสมัยแบบ
00:11:22 → 00:11:25 ยุคอนาคตการใช้คำก็จะแตกต่างกันอแต่เราจะ
00:11:26 → 00:11:28 ทำยังไงให้ไเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อือะไร
00:11:28 → 00:11:32 ประนี้ครับซึ่งซึ่งตัวนี้เนี่ยก็จริงๆก็
00:11:32 → 00:11:37 เป็นหนึอันที่ได้ได้ถูกใช้งานอยู่ในนิยาย
00:11:37 → 00:11:40 หลายๆเรื่องไปละอืโดยที่เราแทบจะไม่รู้
00:11:40 → 00:11:43 เลยว่าเรื่องไหนที่เป็น AI แปลออกมาอื
00:11:43 → 00:11:45 หรือบางเรื่องที่ถูกแปลไว้อยู่ละนิยายมี
00:11:46 → 00:11:48 5,000 ตอนแปลไปแล้ว 1000 ตอนอยากจะให้
00:11:48 → 00:11:52 อ่าสำนวนของคนแปลคนเนี้ยสูกส่งต่อมาด้วย
00:11:52 → 00:11:55 ทำไงให้มันเรียนรู้วิธีการแปลของคนๆนี้
00:11:55 → 00:11:59 ได้ด้วยอืเพราะว่าการการแปลนิยาย
00:11:59 → 00:12:03 มันไม่ต่างจากการพากเสียงที่พอสมมติเสียง
00:12:03 → 00:12:05 ของคนนี่ไปแล้วเนี่ยสมมุติผ่านไปครึ่ง
00:12:05 → 00:12:06 เรื่องแล้วอีกครึ่งเรื่องเปลี่ยนเสียงคน
00:12:06 → 00:12:09 เนี่ยคนก็จะไม่อินละถูกครับการแปลตัวของ
00:12:09 → 00:12:12 สำนวนหรือคำที่ใช้ของคนคนนี้นะครับวิธี
00:12:12 → 00:12:14 การของคนคนเก็เหมือนกับน้ำเสี่งเหมือนมัน
00:12:14 → 00:12:17 เลยซึ่งถ้าสมมุติเปลี่ยนคนแปลคนคนอ่าจจะ
00:12:17 → 00:12:20 ดูออกทันทีอืเราจะทำไงให้มันเรียนรู้วิธี
00:12:20 → 00:12:24 การของคนๆนี้ได้ด้วยอะไรประมาณนั้นครับอ
00:12:24 → 00:12:26 ก็เป็นเป็นอีกหนึ่ง use cas ที่ที่ทาง
00:12:26 → 00:12:29 ทีมได้ทำขึ้นมาอแต่ว่านั่นครับสิ่งที่
00:12:29 → 00:12:31 โฟกัสก็คือเอ้ยทำให้ของยากชิ้เนี่ยทำยัง
00:12:31 → 00:12:34 ไงให้ซมันได้แล้ว use การใช้งานเนี่ยค่อย
00:12:34 → 00:12:37 ไปว่ากันทีหลังเลยอว่าเอ้ยโอเคผมจะจับกับ
00:12:37 → 00:12:39 แปที่ยหรผมจะจับกับอะไรก็ได้หรือผมจะ
00:12:39 → 00:12:41 สร้างเหมือนแชท gpt ขึ้นมาอีกตัวนึงก็ได้
00:12:41 → 00:12:44 เหมือนกันอืเงี้ครับแต่สิ่งสิ่งที่โฟกัส
00:12:44 → 00:12:47 คือเทคโนโลยีมากกว่าอืประมาณนั้นครับผม
00:12:47 → 00:12:50 เคยดูคลิปนึงนะเหมือนกับในร้านกาแฟมั้ง
00:12:50 → 00:12:53 ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นกล้องแล้วก็เป็นใช้
00:12:53 → 00:12:57 ระบบ AI นะครับผมเค้าดูเลยว่า
00:12:57 → 00:13:03 1 จำนวนคนเข้าออกอืแต่ละวันในช่วงไหน
00:13:03 → 00:13:08 ครับอันที่ 2 คือเดูแม้กระทั่งแก้วว่าจับ
00:13:08 → 00:13:12 เลยว่าออเดอร์คาปูชิโนลาเต้
00:13:12 → 00:13:17 เอเซหวานมากหวานน้อยกล้องมันจับหมดแล้วอื
00:13:17 → 00:13:21 ดูแม้กระทั่งผู้หญิงผู้ชายผู้สูงอายุดู
00:13:21 → 00:13:25 แม้กระทั่งถ้าจำไม่ผิดอารมณ์ยิ้มไม่ยิ้ม
00:13:25 → 00:13:27 ยิ้มไม่ยิ้ม Happy customer แล้วก็ตี
00:13:27 → 00:13:30 เป็นตัวเลขออกมาโดยใช้เพียงกล้อง AI
00:13:30 → 00:13:32 เนี่ยแล้วมันก็วิเคราะห์หลังบ้านมาให้ผู้
00:13:32 → 00:13:37 ประกอบการเลยตึ๊กๆๆๆๆๆว่าพนักงานใช่มัน
00:13:37 → 00:13:40 ดักจับแม้กระทั่งเออพนักงานแบบอู้ข้างนอก
00:13:41 → 00:13:44 เอออะไรอย่างเงี้คือคือกลายเป็นว่าเราไม่
00:13:44 → 00:13:48 ต้องทำอะไรกล้องเนี่ยมันมันติดตามผลงาน
00:13:48 → 00:13:51 แล้วก็มันเป็นระบบประเมินไปในตัวใช่ครับ
00:13:51 → 00:13:54 และเก็บตัวเลขไปในตัวโดยที่สมัยก่อนเรา
00:13:54 → 00:13:57 ต้องไปนั่งดูไปนั่งถามใช่ครับโอผมว่าเรา
00:13:57 → 00:14:00 มาถึงยุคที่มันแบบไอ้ระบบ AI นี่มันค่อน
00:14:00 → 00:14:04 ข้างน่าจะไปได้อีกไกลเลยนะก็ก็ถ้าถ้ามอง
00:14:04 → 00:14:06 ว่า use cas ประมาณเมื่อกี้ครับมองว่า
00:14:06 → 00:14:10 จรริงแล้ว AI เข้าไปแทนใครจริงทั้งหมด
00:14:10 → 00:14:12 หน้าที่พน่าจะแทบจะทั้งหมดเป็นหน้าที่ของ
00:14:12 → 00:14:15 เจอร์อืถูกมฮะเห็นว่าเนี่ยครับ a เริ่ม
00:14:15 → 00:14:19 เข้าไปแทนในมุมที่เอ้ยคน่ะโอเคไม่ได้บอก
00:14:19 → 00:14:23 ว่าเจอรเขาไม่ได้ดีหรือว่าทำงานได้ไม่ดี
00:14:23 → 00:14:25 นะครับแต่ว่ามองในเชิญที่ว่าการที่เราจะ
00:14:25 → 00:14:27 วิเคราะห์ข้อมูลมากขนาดเนี้ยสมติให้ไป
00:14:27 → 00:14:30 นั่งดูแก้วลูกค้าแต่ละคนเนี่ยคนไม่สามารถ
00:14:30 → 00:14:34 ทำได้ะอืใช่แล้วนี่คือ use Case แรกๆถูก
00:14:34 → 00:14:36 มั้ยฮะเรายังมีอื่นๆอีกตั้งเยอะแยะมากมาย
00:14:36 → 00:14:38 ที่ AI ยังไม่ได้เข้าไปผมเลยมองว่าจริงๆ
00:14:38 → 00:14:41 แล้วยุคนี้ AI เป็นแค่ต้นเวฟคือเป็นแค่
00:14:41 → 00:14:44 จุดเริ่มต้นเท่านั้นเองครับที่จะ adapt
00:14:44 → 00:14:48 ใช้งานกับหลายๆอุตสาหกรรมครับเหลังจากนี้
00:14:48 → 00:14:50 เนี่ยเราน่าจะเห็นอะไรที่มันว้าวเพิ่ม
00:14:50 → 00:14:53 ขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปีครับทีนี้ผมถามหน่อย
00:14:53 → 00:14:58 ว่าคุณเพชรทำงานในวงการ AI ครับผมความ
00:14:58 → 00:15:03 ต่างระหว่างเหรือว่าผู้ก่อตั้งคนไทยกับ
00:15:03 → 00:15:07 ต่างชาติมันต่างกันมั้ยบุคลิกการทำงานการ
00:15:07 → 00:15:10 คิดจรริงผมว่า
00:15:10 → 00:15:14 อ่าทุกๆอย่างมันส่งผลต่อความคิดทั้งหมด
00:15:14 → 00:15:17 ไม่ว่าจะเป็นโอเคเรื่องของ culture ที่
00:15:17 → 00:15:22 เราอยู่เรื่องของจริงๆถึงระดับภาษาที่เรา
00:15:22 → 00:15:26 พูดกันมันส่งผลต่อวิธีการคิดทั้งหมดเพราะ
00:15:26 → 00:15:29 ถ้าสังเกตอย่างภาษาจีนเนี่ยมีตัวอักษรจำ
00:15:29 → 00:15:32 ให้ให้จำเป็นพันเป็นพันตัวเลยคนจีนก็จะมี
00:15:32 → 00:15:39 ลักษณะนิสัยที่เอ้ยอ่าจชอบจำจำ Copy PR
00:15:39 → 00:15:44 อ่าหรือคนคนบางประเทศที่ภาษาเขาจะมีความ
00:15:44 → 00:15:47 ซับซ้อนหน่อยอะไรอย่าเงี้ครับก็ก็จะส่งผล
00:15:47 → 00:15:49 ต่อความคิดของเขาให้มีความคิดที่ซับซ้อน
00:15:49 → 00:15:52 มีความชอบความคิดยอย่างเช่นพวกเยอรมันก็
00:15:52 → 00:15:54 จะคิดทุกอย่าง 1 2 3 4 โดยเขาเจอหรือ
00:15:54 → 00:15:57 ญี่ปุ่นหลังจากที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2
00:15:57 → 00:16:00 ประเทศเขามีความอดยงออกมาเเลยทำให้ตัวเอง
00:16:00 → 00:16:05 เนี่ยมีวิธีการอ่าแล้วว่าการใช้ชีวิตที่
00:16:05 → 00:16:09 เคร่งขัดมากๆอืงี้ผมรู้สึว่าโอเคถามว่า
00:16:09 → 00:16:12 ไทยต่างจากต่างประเทศมากแค่ไหนก็ต้องกลับ
00:16:12 → 00:16:16 มาดูที่ culture ของไทยหรือวิธีการต่างๆ
00:16:16 → 00:16:19 ที่ที่เขีผมว่าประเทศไทยโอเคอย่างแรกเลย
00:16:19 → 00:16:22 ที่เราประเสไม่ได้ No Who กับ no how
00:16:22 → 00:16:26 อือเรารู้จักใครเรามีความน่าชื่อถือยังไง
00:16:26 → 00:16:29 อย่าเงี้ยครับก็อยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่ก็
00:16:29 → 00:16:32 ดูอ่ะคุณทำอะไรได้บ้างคนไทยเอ้ยคุณรู้จัก
00:16:32 → 00:16:35 ใครบ้างอือ่ะวิธีการเติบโตก็จะต่างกันละ
00:16:35 → 00:16:38 อืผมว่าในเรื่องของ
00:16:38 → 00:16:43 อ่าความโดยธรรมชาติของเลือกอาหาระกันถ้า
00:16:43 → 00:16:46 ลองสังเกตคนที่คล้ายๆเราก็จะมีอิตาลี
00:16:46 → 00:16:48 เพราะเป็นประเทศที่อาหารอุดมสมบูรณ์เราก็
00:16:48 → 00:16:53 จะเป็นพวกที่ชิลหน่อยแล้วแต่ละอย่างที่
00:16:53 → 00:16:54 เป็น produc ในประเทศก็เป็นส่วนใหญ่เป็น
00:16:54 → 00:16:58 เรื่องของ emotional มากกว่าถ้าเทียบกับ
00:16:58 → 00:17:01 ประเทศที่เอ้ยเขาไม่ค่อยมีทรัพยากรอย่าง
00:17:01 → 00:17:05 อังกฤษอย่างเยอรมันเขาก็จะมีความโหยหาอ่า
00:17:05 → 00:17:10 การเอาชนะสงครามต่างๆอืนะครับว่าโอเคไทย
00:17:10 → 00:17:13 เนี่ยก็จะทุกอย่างจะเน้นไปตามแพชชั่นอื
00:17:13 → 00:17:15 อย่างไม่ว่าจะเป็นศิลปะไทยเหมที่โดดเด่น
00:17:16 → 00:17:19 การท่องเที่ยวแล้วลองกลับไปดูอย่างอ่า
00:17:19 → 00:17:22 อิตาลีที่คล้ายๆเรามีอะไรมี Ferrari มี
00:17:22 → 00:17:26 เรื่องอาหารที่เขาเด่นมามีศิลปกรรมต่างๆ
00:17:26 → 00:17:29 เพอประเทศเขาอุดมสมบูรณ์คล้ายๆเราออันนี้
00:17:29 → 00:17:32 ผมว่าก็จะเป็นหนึ่งในเนเจอร์ที่เ้ยคนไทย
00:17:32 → 00:17:34 ต่างจากต่างชาติยังไงเรื่องของวิธีการคิด
00:17:34 → 00:17:37 ต่างๆเราก็จะเน้นที่การทำอะไรตที่เป็น
00:17:37 → 00:17:41 emotional ค่อนข้างเยอะอืเออนี้ผมไม่เคย
00:17:41 → 00:17:43 ไม่เคยคิดไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรากับ
00:17:43 → 00:17:44 อิตาลี
00:17:44 → 00:17:48 เนี่ยคล้ายๆกันนะ mood แ Tone เราจะคล้าย
00:17:48 → 00:17:52 ๆกันใช่ครับอเสียงดนตรีต่างๆแล้วกลับไปดู
00:17:52 → 00:17:55 อังกฤษอังกฤษก็จะเอ้ยไม่มีทรัพยากรเราก็
00:17:55 → 00:17:59 จะเน้นที่การทำอ่าการชาตินิยมหน่อยอ่ะ
00:17:59 → 00:18:01 เพราะว่าเขาอยู่ในเมืองที่เป็นเกาะเนาะ
00:18:01 → 00:18:03 แล้วก็ต้องออกไปล่าอานิคมเพราะว่าประเทศเ
00:18:03 → 00:18:06 แทบไม่มีทรัพยากรอะไรเลยอืถ้ามองย้อนกลับ
00:18:06 → 00:18:10 ไปประเทศเไหนก็จะพยายามออกมาข้างนอกอืเพ
00:18:10 → 00:18:13 เพื่อต้องการหาทรัพยากรต่างๆแล้วคุณเพชร
00:18:13 → 00:18:16 มองว่าถ้าให้ดูแล้วข้อดีข้อเสียหรือว่า
00:18:16 → 00:18:20 มันมีจุดเด่นจุดอ่อนยังไงเวลาทำงานในในวง
00:18:20 → 00:18:23 การ AI อย่างเงี้ยหรือทำงานกับต่างประเทศ
00:18:23 → 00:18:26 ผมว่าโอเคด้วยด้วคัลเจอร์ไทยที่มันถูก
00:18:26 → 00:18:29 หล่อล้อมาครับมันอาจจะทำให้โคเราประเทศ
00:18:29 → 00:18:33 เราเนี่ยจะีปคนเก่งไม่ค่อยได้ด้วยโอเคเรา
00:18:33 → 00:18:36 หลังจากที่อุตสาหกรรมมันแพ้ขยายเราพยายาม
00:18:36 → 00:18:40 จะเป็นเมืองที่อ่า
00:18:40 → 00:18:44 สร้างแรงงานชั้นยอดในราคาที่ถูกให้กับ
00:18:44 → 00:18:46 ต่างชาติเพื่อให้ต่างชาติเอาเงินเข้ามาลง
00:18:46 → 00:18:48 ทุนเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็เป็นส่วนใหญ่ของ
00:18:48 → 00:18:51 อุตสาหกรรมแล้วก็ยังีปในมุมของอุตสาหกรรม
00:18:51 → 00:18:53 ทางการเกษตรซึ่งโอเคนี้เป็นสิ่งที่ดี
00:18:53 → 00:18:55 เพราะว่าเรื่องของที่ดินหรือเรื่องของ
00:18:55 → 00:18:58 ทรัพยากรต่างๆเรามันมีเยอะการที่เป็น
00:18:58 → 00:19:01 เกษตรส่วนใหญ่ก็ก็ไม่แปลกแต่ว่าพอเราเน้น
00:19:01 → 00:19:03 ที่ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้วเป็นแรงงาน
00:19:03 → 00:19:07 ชั้นดีราคาถูกก็ตามมาด้วยที่ว่าเฮ้ยค่า
00:19:07 → 00:19:09 ของาชีพเราหรือว่าการจ่ายเงินเดินของเรา
00:19:09 → 00:19:12 ก็จะไม่ได้สูงเท่าต่างประเทศมันเลยทำให้
00:19:12 → 00:19:14 เอ้ยคนเก่งสว่าอยู่ไทยได้เงินเดิน 50,000
00:19:14 → 00:19:16 อยู่ต่างประเทศได้ 200,000 เขาจะเลือก
00:19:17 → 00:19:19 อะไรแน่นอนเขาก็ต้องไปต่างประเทศถูกมั้ย
00:19:19 → 00:19:23 ฮะอหรือพอเรามีความที่เป็นลำดับขั้นค่อน
00:19:23 → 00:19:28 ข้างเยอะการอ่าไหวหน้าเจ้านายการที่เรา
00:19:28 → 00:19:30 พูดไม่สามารถพูดตรงไปตรงมาได้เพราะการ
00:19:30 → 00:19:33 สมมุติเราบอกว่าเฮ้ยคุณไม่ดีอย่างงู้น
00:19:33 → 00:19:37 อย่างงี้ 1 2 3 4 มันจะกลายเป็นว่าอ่า
00:19:37 → 00:19:39 emotional ของคนที่ถูกพูดอย่างงี้แทนที่
00:19:39 → 00:19:41 เอ้ยโอเคผมไม่ดีอย่างงี้ผมจะปรับปรุง
00:19:41 → 00:19:43 เหมือนกันแบบทำไมคุณพูดเหกับเราอย่างงี้
00:19:43 → 00:19:46 อ่ะอะไรเงี้ยกลายเป็นตลอมันเลยมันเลยเกิด
00:19:46 → 00:19:50 ทำให้คนเก่งที่อยากจะทำให้อ่าออกเสียงให้
00:19:51 → 00:19:52 เหมือนแก้ไขทุกอย่างให้มันดีขึ้นก็ไม่มี
00:19:52 → 00:19:57 สิทธิ์ที่จะออกอประมาณนั้นครับเลยโอเคมัน
00:19:57 → 00:20:00 ก็มีมีทั้งข้อดีในในบางมุมที่เอ้ยเราถ้า
00:20:00 → 00:20:03 เรามีวิธีการเจรจาที่ดีไทยก็จะง่ายหน่อย
00:20:03 → 00:20:06 กับการใช้วิธีการเจรจาแต่ข้อเสียมันคือนะ
00:20:06 → 00:20:08 ครับเรื่องของการีปคนเก่งที่คนเก่งก็เลย
00:20:08 → 00:20:12 พยายามออกไปสู่ข้างนอกงั้นการที่จะีปคน
00:20:12 → 00:20:14 เก่งให้อยู่ในไทยได้ครับก็อาจจะต้องปรับ
00:20:14 → 00:20:17 เจอร์เหล่านี้ในบริษัทอืผมเองอ่ะเรื่อง
00:20:17 → 00:20:20 ของเวลางานโอเคเราก็จะอิงจากญี่ปุ่นมา
00:20:20 → 00:20:23 ค่อนข้างเยอะตอกปัดตอนเช้าเลิกตอนเย็นทำ
00:20:23 → 00:20:27 งานเวละกี่ชั่วโมงต่างๆทำให้สมมุติคนที่
00:20:27 → 00:20:30 ต้องมีไปรับลูกเที่ยงทำยังไงล่ะอะไรอย่า
00:20:30 → 00:20:32 เงี้ครับก็จะกลายเป็นตัวประหลาดในสังคมไป
00:20:32 → 00:20:35 อถูกมั้ยฮะถ้าเราสามารถแก้ไขสิ่งเหล่านี้
00:20:35 → 00:20:39 ปรับเจอรองค์กรให้ให้ซัพพอร์ตคนกลุ่มนี้
00:20:39 → 00:20:43 หรือสร้างความ Comfort ให้กับคนได้ครับ
00:20:43 → 00:20:46 จริงๆแค่นี้คนเก่งก็อยู่กับเราแล้วครับ
00:20:46 → 00:20:48 อาจจะถึงไม่ถึงขั้นต้องเพิ่มเงินเดือนให้
00:20:48 → 00:20:50 เลยนะเพราะว่าหลายๆคนก็รู้สึกว่าไม่ได้
00:20:50 → 00:20:52 อยากไปทำงานกดดันที่ต่างประเทศหรอกแต่ว่า
00:20:52 → 00:20:54 เรื่องเงินเรื่องอะไรต่างๆมันก็มันก็เป็น
00:20:54 → 00:20:57 หนึ่งในปัจจัยอือที่โอเคเราก็ยังวัดค่า
00:20:57 → 00:21:00 ความสำเร็จกับเงินเดือนแกเป็นส่วนใหญ่อื
00:21:00 → 00:21:02 ถูกมั้ยฮะแล้วคุณเพชรแก้โจทย์ยังไงฮเพราะ
00:21:02 → 00:21:06 ว่าคุณเพชรเองก็ทำงานกับพนักงาน 50 60
00:21:06 → 00:21:08 คนนะครับผมเขาใช้คำว่าผู้ร่วมงานดีกว่า
00:21:08 → 00:21:11 ไม่ใช่พนักงานนะเพราะเรา outsource ใช่
00:21:11 → 00:21:14 มั้ยเราแบ่งงานอ่าจริงๆก็เป็นเป็นพนักงาน
00:21:14 → 00:21:16 ในบริษัทครับแต่แต่ผมจะมองว่าทุกคนเป็น
00:21:16 → 00:21:18 ทีมมากกว่าไม่ว่าเขาจะเป็นสัญญาแบบ
00:21:18 → 00:21:20 outsource หรือว่าจะเป็นสัญญาพนักงาน
00:21:21 → 00:21:23 ประจำอ้าแล้วแก้โจทย์ยังไงเรื่องเรื่อง
00:21:23 → 00:21:26 ดึงคนเก่งให้อยู่ในองค์กรหาคนเก่งแยกมั้ย
00:21:26 → 00:21:28 เอาอย่างงี้ก่อนหาคนเก่งผมว่าโอเคคนกเก่ง
00:21:28 → 00:21:34 หายากแต่การที่จะคีคนเก่งไว้ยากกว่าอื
00:21:34 → 00:21:37 อย่างบริษัทผมเนี่ยผมรับผมไม่กำหนดอายุ
00:21:37 → 00:21:39 ไม่ดูไปปริญญาเพราะอย่างผมเองก็ยังไม่
00:21:39 → 00:21:42 เรียนไม่จบถูกมั้ยฮะผมเชื่อว่าแบบถ้าคนมี
00:21:42 → 00:21:45 แพชชั่นในเรื่องไหนเขาจะพยายามทำเรื่อง
00:21:45 → 00:21:48 นั้นให้มันออกมาดีที่สุดเองอืถ้างั้นคีย
00:21:48 → 00:21:51 ที่ผมคีคนก็คือผมให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขา
00:21:51 → 00:21:56 อยากจะทำได้เต็มที่อื 2 คือผมไม่ัว่าเ
00:21:56 → 00:22:00 อายุเท่าไหร่เขวดขั้นไหนแล้วเควรจะเงิน
00:22:00 → 00:22:02 เดือนเท่าไหร่ทุกอย่างวัดตามความสามารถ
00:22:02 → 00:22:05 ที่คุณทำได้เพราะว่าบางคนสมมุติว่าเอ้ย
00:22:05 → 00:22:08 บางคนอาจจะอยู่แค่มัธยมแต่ว่าเอ้ยความ
00:22:08 → 00:22:11 สามารถเขาไปไกลมากๆเขาอาจจะเก่งกว่าคนที่
00:22:11 → 00:22:14 จบเองหลายๆคนด้วยซ้ำงั้นเงินเดือนผมก็ไม่
00:22:14 → 00:22:16 จัเลยว่าเอ้ยคุณอายุ 16 คุณเอาไป 5,000
00:22:16 → 00:22:19 พอไม่มีสิ่งเหล่านี้ในบริษัทผมอืใช่ครับ
00:22:19 → 00:22:23 งั้นทุกอย่างเราจะจัตามสิ่งที่คุณทำได้
00:22:23 → 00:22:27 ใช่ครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็คือให้ความ
00:22:27 → 00:22:30 flexible กับแต่ละคนมาเข้าใจว่าแต่ละคน
00:22:30 → 00:22:33 มีภาระที่ตัวเองต้องแบ่งที่ไม่ใช่แค่
00:22:33 → 00:22:36 เรื่องงานเรื่องส่วนตัวครอบครัวหรือแม้
00:22:36 → 00:22:39 แต่บางคนเรียนอยู่สัญญาของผมเลยหลากหลาย
00:22:39 → 00:22:42 มากว่าเอ้ยสมมุติเป็นน้องน้องๆนักเรียน
00:22:42 → 00:22:45 ล่ะโอเคในช่วงเปิดเทอมเอาจจะมีเวลาทำน้อย
00:22:45 → 00:22:47 หน่อยแต่นี่คือความฝันเขาเอยากทำสิ่งนี้
00:22:47 → 00:22:50 เราก็เปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาทำอืหรือ
00:22:50 → 00:22:52 สมมุติช่วงปิดเทอมเมีเวลามากขึ้นอ่ะ
00:22:52 → 00:22:54 compensate มาคุยกันเพิ่มอ่ะเพราะตอน
00:22:54 → 00:22:57 ก่อนนี้คุณมีเวลาน้อยคุณก็เอ้ยอาเคตลดลง
00:22:57 → 00:22:59 หน่อยแต่ตอนไหนคุณมีเวรคุณทำได้เต็มที่
00:22:59 → 00:23:02 คุณทำตั้งแต่ 8:00 นถึง 2:00 นเลยอคุณก็
00:23:02 → 00:23:04 ตามที่คุณทำเลยอะไรประมาณนี้ครับเพงั้น
00:23:04 → 00:23:06 ทุกอย่างมันเลยแบบ flexible มากๆแต่มัน
00:23:06 → 00:23:09 อาจจะขัดแย้งกับรูปแบบองค์กรในที่ผ่านมา
00:23:09 → 00:23:12 หน่อยว่าถ้า fal คนี้โหสัญญาเปลี่ยนกัน
00:23:12 → 00:23:15 ระนาวเลยบัญชี HR นี่ทำงานกันหนักหน่มาก
00:23:15 → 00:23:18 อะไรอย่าเงี้ยครับใช่แต่มันก็ทำให้เอ้ยคน
00:23:18 → 00:23:20 รู้สึกว่าแฮปปี้ให้รู้สึกเราเหมือนเรา
00:23:20 → 00:23:22 เหมือนเป็น Comfort Zone เป็นเหมือน SB
00:23:22 → 00:23:25 ที่เอ้ยเขาจะลองผิดลองถูกได้แล้วก็อีก
00:23:25 → 00:23:27 อย่างนึงคือไม่จัดว่าสิ่งที่เขาทำแล้วมัน
00:23:27 → 00:23:30 ผิดพลาดจะไม่ชัดว่าโอเคคุณทำผิดคุณต้อง
00:23:30 → 00:23:33 โดนลงโทษแต่ว่าโอเคคุณได้เรียนรู้อะไรจาก
00:23:33 → 00:23:36 สิ่งนี้แล้วสิ่งนี้มันทำให้คนอื่นๆนะครับ
00:23:36 → 00:23:40 ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้างั้นสมมุติเราทำ
00:23:40 → 00:23:42 10 ครั้งผิด 9 ครั้งเลยแต่อย่างน้อยไอ้
00:23:42 → 00:23:44 ครั้งที่ถูกเนี่ยมันจะเป็นการถูกแบบก้าว
00:23:44 → 00:23:46 กระโดดเลยเพราะว่าเราเรียนรู้แล้วว่าอะไร
00:23:46 → 00:23:51 คือสิ่งที่ผิดบ้างอืทีนี้ดีนะที่คุณเพชร
00:23:51 → 00:23:54 พูดเนี่ยมันเป็น ideal Model เลยนะที่ 1
00:23:54 → 00:23:57 คือผู้บริหารเนี่ยเปิดโอกาสผู้บริหาร
00:23:57 → 00:23:58 flexible
00:23:58 → 00:24:02 ผู้บริหารให้เงินตามผลลัพธ์ครับใช่มั้ย
00:24:02 → 00:24:06 แล้วก็เด็กมีสิทธิ์ที่จะออกเสียงไม่ได้มี
00:24:06 → 00:24:09 กฎตายตัวอยู่กันแบบครอบครัวแต่ทีนี้ปัญหา
00:24:09 → 00:24:14 ที่ตามมาอันที่ 1 ที่ผมอยากจะถามคือครับ
00:24:14 → 00:24:16 พนักงาน
00:24:16 → 00:24:20 เค้าเค้าเข้าใจมั้ยอันที่ 1 พอเรา
00:24:20 → 00:24:22 flexible มาก
00:24:22 → 00:24:26 ครับแทนที่เขาจะ productive มากขึ้นครับ
00:24:26 → 00:24:31 กลับกลายเป็นว่าเขรวมเขขี้เกียจมากขึ้น
00:24:31 → 00:24:35 อันนี้ผมไม่รู้ว่ามองยังไงแก้ยังไง 2 คือ
00:24:35 → 00:24:39 พนักงานเนี่ยไม่ได้เป็นพนักงานที่ Self
00:24:39 → 00:24:42 motivate อืเข้าใจมฮะอย่างอย่าคุณเพชร
00:24:42 → 00:24:45 อาจจะมี Self motivation มีแชั่นของตัว
00:24:45 → 00:24:49 เองแต่ผมเชื่อว่าพนักงานร้อยละ 90 อผมไม่
00:24:49 → 00:24:52 รู้ต่างประเทศหรือวงวงกรองค์กรอื่นเป็น
00:24:52 → 00:24:57 ยังไงแต่ว่าในองค์กรผมเนี่ยหาพนักงานที่ S
00:24:57 → 00:25:00 motivate ยากมากเข้าใจกลายเป็นว่าเรา
00:25:00 → 00:25:03 ต้องลงไป motivate พอเรามิทเค้าก็เหมือนเ
00:25:03 → 00:25:06 มิทนะแต่มันก็เป็นไฟที่แบบฟุดมาแล้วมันก็
00:25:07 → 00:25:10 ดับไปเพราะมันไม่ได้มาจากตัวเ
00:25:10 → 00:25:13 อืปรากฏการณ์อย่างนี้ในองค์กรคุณเพชรทำ
00:25:14 → 00:25:17 ยังไงให้เา้าให้เขาค motivate ตัวเองเมี
00:25:17 → 00:25:19 passion อย่างที่คุณเพชรบอกว่าเอ่อเรา
00:25:19 → 00:25:22 ไม่ได้ว่าเค้าจากการที่เขาผิดแต่ให้เขาค
00:25:22 → 00:25:26 เรียนรู้อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์นึงว่า
00:25:26 → 00:25:30 เอ่อเค้าเรียนรู้จริงหรือเปล่าเข้าใจเลย
00:25:30 → 00:25:32 ครับหรือว่าเแบบเค้ารู้ว่าเคผิดแล้วเก็
00:25:32 → 00:25:35 อ้าผ่านๆไปเแค่เรียนรู้ว่าจะไม่ทำอย่าง
00:25:35 → 00:25:38 นี้เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแต่ถามว่า
00:25:38 → 00:25:41 เขาเรียนรู้เพื่อไปต่อยอดยังไงรู้ยังไง
00:25:41 → 00:25:44 แล้วทำยังไงะโอเคจริงถามว่าโอเคคนที่
00:25:44 → 00:25:47 productive มากๆมีไม่มีกับคนที่เข้ามาผล
00:25:47 → 00:25:50 ประโยชน์จากสิ่งนี้ก็มีเหมือนกันผมเลยไม่
00:25:50 → 00:25:53 แปลกใจว่าทำไมโอเคบริษัทส่วนใหญ่เเลยจะ
00:25:53 → 00:25:56 ตั้งทุกอย่างวัดผลเป็นเวลาเพราะว่าอย่าง
00:25:56 → 00:25:59 น้อยมันจะได้มีตัวหนึข้อบังคับแนึงที่จะ
00:25:59 → 00:26:03 ทำให้สามารถคลผลงานต่างๆออกมาได้เพราะ
00:26:03 → 00:26:05 อย่างน้อยอ่ะคุณต้องนั่งทำงานไม่ต่ำกว่า 8
00:26:05 → 00:26:07 ชั่วโมงไม่งั้นไม่จ่ายเงินเดือนถูกมั้ยฮะ
00:26:07 → 00:26:11 โอเคแต่ว่าทีนี้ก็ต้องต้องเรียกว่าทม
00:26:11 → 00:26:15 management เนี่ยก็ต้องดูต้องลงดีเทลกับ
00:26:15 → 00:26:18 ทุกๆคนจริงๆเราจะเห็นว่าเอ้ยคนนี้
00:26:18 → 00:26:20 productive มากคนนี้ productive น้อย
00:26:20 → 00:26:22 แล้วเรา feedback กับทุกคนตลอดงั้นถ้าใคร
00:26:22 → 00:26:24 productive น้อยหรือแบบเข้ามาเพื่อเอาผล
00:26:24 → 00:26:27 ประโยชน์จากสิ่งความ flexible ตรงนี้ครับ
00:26:27 → 00:26:29 มีเหมือนกันอืก็แค่รีบตัดออกให้เร็วที่
00:26:29 → 00:26:32 สุดอืประมาณนครับเต้องโอเคอาจจะไม่มี
00:26:32 → 00:26:36 เกณฑ์วัดผลชัดเจนเพราะว่าโอเคการการงาน
00:26:36 → 00:26:38 ที่เป็นรีเสิร์ชแบบของใหม่ๆแน่นอนมันมี
00:26:38 → 00:26:41 ถูกมีผิดแต่ว่าถ้าคนที่เข้าใจในเชิงของ
00:26:41 → 00:26:44 เทคนิคอลลึกๆเนี่ยเขจะรู้ได้ว่าเอ้ยสิ่ง
00:26:44 → 00:26:47 เนี้ยน่าจะทำประมาณกี่วันอืหังจากที่คุณ
00:26:47 → 00:26:51 พูดออกมาเนี่ยเนื้อแค่ไหนหรือน้ำแค่ไหน
00:26:51 → 00:26:53 โอเคเข้าใอ่ามันมันจะมีมันจะมีวิธีแบบ
00:26:53 → 00:26:56 วิธีการฟังในในแต่ละคนได้อยู่ครับหรือว่า
00:26:56 → 00:26:59 นั่นแหลครับว่าถ้าสมมุตถามถามลงไปในดีเทล
00:26:59 → 00:27:01 ว่าในสิ่งที่เขาทำมาเเข้าใจมันมากขนาดไหน
00:27:01 → 00:27:03 ออะไรพวกนี้ครับก็จะเป็นวิธีการวัดได้ว่า
00:27:03 → 00:27:06 เอ้ยคนนี้เขาูปงานจริงรือเปล่าหรว่าอวัน
00:27:06 → 00:27:08 ทั้งวันเขาอาจจะนอนเล่นโทรศัพท์แล้วค่อย
00:27:08 → 00:27:10 มาทำสักชั่วโมงนึงก่อนจะพรีเซนต์งานหรือ
00:27:10 → 00:27:12 ก่อนจะอัปเดตกันเห็นภาพแสดงว่าคุณเพชร
00:27:12 → 00:27:15 กำลังจะบอกว่ามันมีแหละใช่มันคนที่แบบ
00:27:16 → 00:27:19 เกาะมาหาช่องโหวตในองค์กรแต่เรารู้งานของ
00:27:19 → 00:27:24 เราเรารู้วิธีการตรวจสอบแล้วเราก็ตัดตัด
00:27:24 → 00:27:26 เร็วถ้าเไม่ใช่ใชใช่ครับตัดเพราะว่าถ้า
00:27:26 → 00:27:29 ถ้ามองเพราว่าเอ้ยเราจะเปลี่ยนกดตรงนี้ทำ
00:27:29 → 00:27:31 ให้คนส่วนใหญ่ในองค์กรเขาไม่แฮปปี้เนี่ย
00:27:31 → 00:27:34 เราอยากจะทำหรือเปล่าอืถ้าการเปลี่ยนแล้ว
00:27:34 → 00:27:36 ทำให้คนส่วนใหญ่ที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
00:27:36 → 00:27:39 ไม่แฮปปี้ผมว่ามันก็ไม่แฟร์สำหรับเขาที่
00:27:39 → 00:27:42 เอ้ยเขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำละ
00:27:42 → 00:27:45 ครับหรือในเรื่องของแพชชั่นเองผมว่าตรง
00:27:45 → 00:27:50 นี้มันก็มีวิธีการการดูว่าเาแชั่นกับสิ่ง
00:27:50 → 00:27:52 นี้ขนาดไหนเพราะว่าถ้าเราสนใจสักเรื่อง
00:27:52 → 00:27:55 นึงมากๆครับเราจะศึกษาต่อเองโดยที่ไม่
00:27:55 → 00:27:57 ต้องมีใครนำทางเลยว่าเฮ้ยคุณต้องไปดู 1 2
00:27:57 → 00:28:00 3 4 นะสิ่งนี้เขาจะเป็นคนบอกเราเองว่า
00:28:00 → 00:28:04 เอ้ยเค้าควรจะไปดูอะไรมาเพื่อให้สิ่งที่
00:28:04 → 00:28:06 เป้าหมายที่เราทำอยู่นั้นมันดีขึ้นอือ
00:28:06 → 00:28:09 หรือการเรียนรู้ข้อผิดพลาดเองอ่ะครับก็
00:28:09 → 00:28:12 เหมือนกับการวัดผลอย่างนึงที่โอเคสิ่ง
00:28:12 → 00:28:15 เหล่านี้มันก็จะถอดเป็นบทเรียนที่เวลา
00:28:15 → 00:28:17 เวลาผมประชุมกันครับจะมีหลายๆทีมเข้ามา
00:28:17 → 00:28:20 ฟังร่วมกันได้เพรางั้นแต่ละทีมก็จะเห็น
00:28:20 → 00:28:22 เลยว่าโอเคสิ่งเหล่านี้นะครับมัน
00:28:22 → 00:28:25 อ่าความผิดพลาดเหล่านี้ครับมันใหญ่ลงมาก
00:28:25 → 00:28:29 แค่ไหนแล้วควรจะทำยังไงต่ออถ้าถ้าคนที่เ
00:28:29 → 00:28:32 มีแฟชั่นจริงเขาจะรู้เลยว่าโอเคเขาควรจะ
00:28:32 → 00:28:34 แก้ไขในมุมไหนต่อแล้วเขาก็จะควรเดินต่อ
00:28:34 → 00:28:38 ยังไงแล้วเอ้ยมันตันจริงๆถึงมโอเคมันสุด
00:28:38 → 00:28:41 ที่ความรู้ะก็จะมีเจอร์ที่เขาคอยชี้แนะ
00:28:41 → 00:28:44 ให้ว่าเอ้ยเอเวนี้ก็ก็เป็นเวที่น่าลอง
00:28:44 → 00:28:46 แล้วถ้าลองเวนี้มันอาจจะเกิดผล 1 2 3 4
00:28:47 → 00:28:49 เวนี้จะมีข้อเสีย 1 2 3 4 ก็จะเป็นการ
00:28:49 → 00:28:51 discus กันตรงๆว่า Manager ไม่มีหน้าที่
00:28:51 → 00:28:54 สั่งมีหน้าที่แค่ Advice ไกเฉยๆใช่ครับ
00:28:54 → 00:28:58 แล้วก็คนทีมที่ทำงานกับเเอร์ทุกคนเขียง
00:28:58 → 00:29:00 กันได้เอ้ถ้าใครคิดว่าตรงไหนไม่ดีทุกคนก็
00:29:00 → 00:29:04 พูดมาเลยอืออือเพราะไม่มีใครที่จะรู้จริง
00:29:04 → 00:29:07 ที่สุดในของที่มันยังไม่เกิดขึ้นอถูกมั้ย
00:29:07 → 00:29:10 ฮะงั้นมันเลยต้องเดินไปด้วยท่านี้ที่ทุก
00:29:10 → 00:29:12 คนสามารถออกเสียงและออกมุมมองของตัวเอง
00:29:12 → 00:29:16 ได้โอไอเลมากเลยประมาณนั้นครับผมนี่ก็
00:29:16 → 00:29:19 อยากทำงานในองค์กรแบบนี้มากไอดีลมากเลย
00:29:19 → 00:29:23 จริงๆครับไอเลมากไอเลมากเพราะว่าคือพองค์
00:29:23 → 00:29:26 กรที่มันใหญ่มากเนี่ยผู้บริหารก็จะมี
00:29:26 → 00:29:29 โจทย์ของตัวเองรับมาจากเบื้องบนพู้ถือ
00:29:29 → 00:29:31 หุ้นพู้อะไรอีกทีนึงครับคือกลายเป็นมัน
00:29:31 → 00:29:34 เริ่มเกิด Gap ระหว่างผู้ปฏิบัติกับผู้
00:29:34 → 00:29:37 บริหารกับผู้บริหารและผู้บริหารก็จะส่ง
00:29:37 → 00:29:42 งานให้กับคนชั้นเอผู้บริหารระดับกลาง
00:29:42 → 00:29:45 เพื่อมาเป็นตัวเชื่อมระหว่างเ้ากับเราอื
00:29:45 → 00:29:49 นะแต่บางทีมันก็มีมีอีกหลายแฟตรมีอีกหลาย
00:29:49 → 00:29:54 ler นะ anyway ไม่เป็นไรครับดีครับดีๆผม
00:29:54 → 00:29:54 ว่า
00:29:54 → 00:29:58 ถ้าถ้าแล้วคิดว่ารูปแบบการบริหารอย่าง
00:29:58 → 00:30:00 เงี้ยผมเท่าที่ผมเคยรู้อย่างเช่น Google
00:30:00 → 00:30:03 อย่างเงี้ยเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีว์
00:30:03 → 00:30:05 Microsoft นะ facebook อย่างเงี้ยใชใช่ฮ
00:30:06 → 00:30:08 บริหารใหญ่ๆเขาก็ใช้ mindset ประมาณนี้
00:30:08 → 00:30:12 ใช่ครับผมก็ adopt กับตัวเองนะคือไม่
00:30:12 → 00:30:16 กำหนดที่เวลากำหนดที่ผลงานแล้วก็ก็พยายาม
00:30:16 → 00:30:20 จะให้เกียรติผู้ร่วมงานครับครับแต่ก็ไม่
00:30:20 → 00:30:23 ง่ายใช่ครับผมไม่ง่ายอาจจะ 1 ผมเองไม่
00:30:23 → 00:30:28 เก่งหรือเปล่าในการในการีดทีมแต่ว่าไม่
00:30:28 → 00:30:31 รู้ว่าพอถึงจุดนึงไม่เรารู้สึกเราเหนื่อย
00:30:31 → 00:30:34 ที่จะีดคนเราอยากได้คนที่ S passion อื
00:30:34 → 00:30:37 เพราะว่าทุกครั้งต้องลงไปปั้นเไปกระตุ้น
00:30:37 → 00:30:40 เค้าเรารู้สึกเราออกแรงเยอะใช่แต่ถ้ามัน
00:30:40 → 00:30:42 ไม่มาจากตัวเ้าบางทีเราเหนื่อยนะเข้าใจ
00:30:42 → 00:30:46 เลยครับผมหลายๆคนนะฮะผมก็พยายามจะหยอด
00:30:46 → 00:30:49 หยอดความคิดทีละนิดทีละนิดให้เขาคิดเพื่อ
00:30:49 → 00:30:52 หวังว่าเขาจะตั้งคำถามให้กับตนเองและเดิน
00:30:52 → 00:30:55 มาหาเราเพื่อเปิดประตูถึงคำตอบเราอาจจะ
00:30:55 → 00:30:58 ไม่รู้คำตอบแต่อย่างน้อยเราก็ไกดอะไรบ้าง
00:30:58 → 00:31:00 อืแต่มันก็ไม่ง่ายนะผมว่าเพราะว่าใช่ครับ
00:31:00 → 00:31:03 ทีนี้ถาม
00:31:03 → 00:31:07 หน่อยคณคุณเพชรทำยังไงให้ Self motivate
00:31:07 → 00:31:11 คือคือหรือว่าทำยังไงให้พนักงานเ้า Self
00:31:11 → 00:31:13 motivate ผมว่าเอาเริ่มที่คุณเพชรเอง
00:31:13 → 00:31:16 ก่อนครับผมผมว่าโอเคการการที่คิดแบบนั้น
00:31:16 → 00:31:19 ผมว่าไม่แปลกด้วยโอเคย้อนกลับไปที่เรื่อง
00:31:19 → 00:31:23 culture ที่ไทยเราปฏิบัติกันมาทุกอย่าง
00:31:23 → 00:31:27 ไม่ว่าจะตั้งแต่ตอนเรียนทุกอย่างจะต้อง
00:31:27 → 00:31:29 เป็นเวลาต้องเป็นอะไรต่างๆเราแทบจะไม่มี
00:31:29 → 00:31:31 สิทธิ์คิดหรือสิทธิ์ตอบที่ไม่เหมือนครู
00:31:31 → 00:31:34 ถูกมั้ยฮะเลยทำให้ไม่แปลกใจครับที่คนส่วน
00:31:34 → 00:31:36 ใหญ่หรือจริงๆแล้วถึงแม้คนจะมีแพชชั่นมาก
00:31:36 → 00:31:39 แค่ไหนก็ยังไม่ชินกับการทำงานตอนนี้
00:31:39 → 00:31:42 เหมือนกันใช่เพราะว่าทั้งที่ตั้งแต่เด็ก
00:31:42 → 00:31:44 โอโหเข้าโรงเรียนเมื่อไหร่ปุ๊บก็จะโดน
00:31:44 → 00:31:46 สิ่งนี้มาตลอดถูกมั้ยฮะมันก็เลยไม่แปละ
00:31:46 → 00:31:50 ที่ว่าทำไมคนเรายังถึงแบบยังไม่กล้าคิด
00:31:50 → 00:31:53 ยังไม่กล้าตัดสินใจกันอะไรเงี้ครับหลายๆ
00:31:53 → 00:31:56 คนก็ค่อยๆปรับแบบมาเจอที่นี่ก็เเจอช็อแรก
00:31:56 → 00:31:59 ๆเหมือนกันว่าเ้มันพูดได้ขนาดแล้วเลยเหรอ
00:31:59 → 00:32:03 อะไรเงี้ยแบบเ้ยตรงนี้แบบเออบางทีหลายๆคน
00:32:03 → 00:32:05 ก็จะทักมาหาผมส่วนตัวแล้วเอ้ยแบบมีปัญหา
00:32:05 → 00:32:08 แบบนี้เฮ้ยจริงๆอ่ะผมก็เลยเรียกเนเจอร์มา
00:32:08 → 00:32:10 นั่งคุยอะไรอ่ะจริงๆคุณคุยตรงๆได้เลยนะ
00:32:10 → 00:32:13 ไม่ต้องซีเรียสเลยอือแล้วผมพยายามทำให้
00:32:13 → 00:32:16 องค์กรมันแฟชที่สุดไม่ได้มีระดับขั้นเยอะ
00:32:16 → 00:32:18 อะไรต่างๆเพื่อที่ทุกคนจะได้รู้สึกว่าไม่
00:32:18 → 00:32:22 ห่างกันมากอืๆสมมุติมีเนเจอร์สัก 4 ขั้น
00:32:22 → 00:32:25 เนี่ยโอ้โหเคนทำงานเกว่าจะขึ้นไปถึงบอส
00:32:25 → 00:32:27 เนี่ยลำบากมากเลยแทบจะไม่มีได้ยินเสียงไป
00:32:27 → 00:32:30 ถึงบอสเลยบอสก็ไม่มีทางภาพเงี้แล้วแล้ว
00:32:30 → 00:32:33 คุณเพชรทำยังไงที่จะแบบคือมันอาจจะมีไฟ
00:32:33 → 00:32:36 อยู่แล้วแต่ว่าครับผมเรา motivate ตัวเอง
00:32:36 → 00:32:41 ยังไงถ้าในในอ่ากลับกับทีมใช่มั้ยฮะหรว่า
00:32:41 → 00:32:44 กับตัวเองถ้ากลับตัวเองคือโอเคผมผมมองผม
00:32:44 → 00:32:47 ตั้งตั้งเป้าใหญ่ๆว่าผมผมอยากจะทำอะไรแต่
00:32:47 → 00:32:51 ริงๆอ่าเป้าผมนั่นครับผมรู้สึกว่าสิ่งที่
00:32:51 → 00:32:53 ผมอยากจะจะทำจริงๆแล้วอยากให้มันเป็นแบบ
00:32:53 → 00:32:56 World Impact เลยคืออยากให้ไอมันทำได้
00:32:56 → 00:32:58 ทุกๆอย่างแต่แต่ผมเชื่อว่านั่นแหละครับ
00:32:58 → 00:33:01 ว่าถ้า AI ที่มันทำได้เก่งมากๆมันจะไม่
00:33:01 → 00:33:03 ได้มาจากแขนงเดียวมันเลยเป็นจุดเริ่มต้น
00:33:03 → 00:33:07 ที่ผมเลยแตะแขนง AI ออกมาหลายๆรูปแบบอือ
00:33:07 → 00:33:09 เพื่อที่จะได้รวมฮนี้ครับมารวมเป็นก้อน
00:33:09 → 00:33:12 อันเดียวใหญ่ๆที่กลายเป็นเหมือนสมองอัน
00:33:12 → 00:33:15 ใหญ่ที่ทำได้ทุกอย่างจริงๆอืประมาณนั้น
00:33:15 → 00:33:18 ครับอืๆนั่นก็เลย motivate เราทุกวันใช่
00:33:18 → 00:33:20 ครับแล้วบริหารชีวิตตัวเองยังไงแต่ละวัน
00:33:20 → 00:33:24 อ๋อจริงงานเป็นลักงานเป็นลักเลยครับเอเ
00:33:24 → 00:33:28 เรียกว่าถ้าพอพอเหมือนเราได้โอเคเนื่อง
00:33:28 → 00:33:29 จากงานเป็นเชิงรีเสิร์ชด้วยแล้วเราได้
00:33:29 → 00:33:31 ตื่นมาเจอสิ่งใหม่ๆทุกวันมันเลยทำให้รู้
00:33:31 → 00:33:33 สึกว่าแต่ละวันที่ตื่นขึ้นมามันมีความ
00:33:33 → 00:33:36 ตื่นเต้นรอเราอยู่อืโอเคบางวันมันอาจะมี
00:33:36 → 00:33:39 วันที่แย่บ้างววันมันอาจจะแบบล้มบ้างเฟล
00:33:39 → 00:33:42 บ้างแต่ก็กลับมามองที่เป้าหมายใหญ่ๆว่า
00:33:42 → 00:33:44 เอ้ยนี่คือสิ่งที่เรากำลังเดินอยู่แล้ว
00:33:45 → 00:33:46 สิ่งที่เราเดินผ่านมาแล้วเนี่ยมันไกลขนาด
00:33:46 → 00:33:49 ไหนแล้วนะอออย่างเงี้ครับมันก็ทำให้เอ้ย
00:33:49 → 00:33:53 ก็สู้ต่ออือะไรประมาณนั้นครับแล้วก็รู้
00:33:53 → 00:33:56 สึกว่าถ้าถ้าวันนี้ผมหยุดสู้ไปคนข้างหลัง
00:33:56 → 00:34:00 ผมอีก 50 6 คนเขาจะเป็นยังไงอือืแล้วถ้า
00:34:00 → 00:34:02 ผมไม่ทำสิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างแบบไม่มี
00:34:02 → 00:34:05 ไฟแล้วคนอื่นจะมีไฟได้ยังไงอะไรอย่าเงี้
00:34:05 → 00:34:10 ครับอใช่ก็เลยต้องไฟลุกตลอดอืประมาณนั้น
00:34:10 → 00:34:11 ครับแต่ก็แต่ก็เป็นสิ่งที่แบบเป็นเป็น
00:34:12 → 00:34:14 เป้าหมายใหญ่ๆของเราอยู่แล้วด้วยโอคนอก
00:34:14 → 00:34:16 เหนือจากการกำหนดเป้าให้กับตัวเองเป้า
00:34:16 → 00:34:19 หมายใหญ่เรามีวิธียังไงที่ปลุกไฟในตัวเอง
00:34:19 → 00:34:22 อยู่ตลอดเวลาคือหรือว่าใช้คำว่าครองไฟก็
00:34:22 → 00:34:26 ได้อ่ะให้มันให้มันให้มันคิปว่าเออเรามี
00:34:26 → 00:34:29 ไฟที่เราต้องทำตลอดเวลาว่ามันมันต้อง
00:34:29 → 00:34:31 เชื่อในสิ่งที่ทำก่อนนะครับว่าถ้าถ้าเรา
00:34:31 → 00:34:37 bel ว่าภาพอนาคตมันจะเป็นยังไงอแล้วผมส
00:34:37 → 00:34:39 ว่าโอเคภาพในอนาคตผมมันอาจจะมีการเปลี่ยน
00:34:39 → 00:34:42 แปลงในดีเทลบ้างเล็กน้อยแต่ว่าภาพใหญ่มัน
00:34:42 → 00:34:45 ยังเหมือนเดิมว่ายังไง AI จะเป็นตัวที่
00:34:45 → 00:34:48 เข้ามา experience หลายๆอย่างแล้วก็มันจะ
00:34:48 → 00:34:52 ต้องมี AI ที่สร้างทุกๆสิ่งแว่าทำได้หลาย
00:34:52 → 00:34:55 ๆอย่าง้างั้นไอ้ภาพนี้มันยังคงอยู่แล้วจะ
00:34:55 → 00:34:57 เห็นว่าโลกปัจจุบันอย่างที่คุณหมอยกตัว
00:34:57 → 00:35:00 อย่างเคสจะเห็นว่า AI มันก็เริ่ม adap ละ
00:35:00 → 00:35:03 มันเหมือนยิ่งยิผ่านไปในทุกๆวันนะครับภาพ
00:35:03 → 00:35:05 ที่ผมคิดมันเริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆอือ
00:35:05 → 00:35:08 มันก็เลยทำให้รู้สึกว่ามันช้าไม่ได้ละมัน
00:35:08 → 00:35:11 ต้องใส่ลงไปอีกมันต้องใส่ลงไปอีกอะไรเงี้
00:35:11 → 00:35:15 ครับอครับใช่แต่ว่าโอเคในในในเชืองของผม
00:35:15 → 00:35:17 อาจจะพูดในยุค AI ที่ที่ a มันมันเต็มไป
00:35:17 → 00:35:20 หมดเนาะแต่ว่าในเชืองคอ่าในมุมของคนอื่นๆ
00:35:20 → 00:35:23 นะครับผมว่าในในเรื่องเหล่านี้เนี่ยถ้ามี
00:35:23 → 00:35:26 แพชชั่นแล้วเราเชื่อเห็นภาพกับมันจริงๆนะ
00:35:26 → 00:35:29 ครับก็ต้องคิดภาพอนาคตนั้นไว้แบบตั้งไว้
00:35:29 → 00:35:33 บนทิ่งเลยว่าไม่ว่าจะมี priority 1 2 4
00:35:33 → 00:35:35 คุณต้องเอานี้เป็นอันดับแรกอืถ้าคุณ
00:35:35 → 00:35:37 priority มันอยู่ในทุกๆวันแล้วทำให้มัน
00:35:37 → 00:35:39 เป็นชีวิตประจำวันนะครับสิ่งนี้ผมว่ามัน
00:35:39 → 00:35:44 ก็ยังคงอยู่ต่อไปอืครับจริงผมว่าอ่าทุกๆ
00:35:44 → 00:35:47 อย่างมันส่งผลต่อความคิดทั้งหมดไม่ว่าจะ
00:35:47 → 00:35:51 เป็นโอเคเรื่องของ culture ที่เราอยู่
00:35:51 → 00:35:55 เรื่องของจริงๆถึงระดับภาษาที่เราพูดกัน
00:35:55 → 00:35:59 มันส่งผลต่อวิธีการคิดทั้งหมดวเพราะถ้า
00:35:59 → 00:36:02 สังเกตอย่างภาษาจีนเนี่ยมีตัวอักษรจำให้
00:36:02 → 00:36:05 ให้จำเป็นพันเป็นพันตัวเลยคนจีนก็จะมี
00:36:05 → 00:36:12 ลักษณะนิสัยที่เ้ยอ่าจชอบจำจำ Copy PR
00:36:12 → 00:36:16 อ่าหรือคนคนบางประเทศที่ภาษาเขาจะมีความ
00:36:16 → 00:36:19 ซับซ้อนหน่อยอะไรอย่าเงี้ครับก็ก็จะส่งผล
00:36:19 → 00:36:22 ต่อความคิดของเขาให้มีความคิดที่ซับซ้อน
00:36:22 → 00:36:24 มีความชอบความคิดยอย่างเช่นพวกเยอรมันก็
00:36:24 → 00:36:27 จะคิดทุกอย่าง 1 2 3 4 โด้วเขาเจอหรือ
00:36:27 → 00:36:30 ญี่ปุ่นหลังจากที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2
00:36:30 → 00:36:32 ประเทศเขามีความอดหยามากมาเเลยทำให้ตัว
00:36:32 → 00:36:37 เองเนี่ยมีวิธีการอ่าเรียว่าการใช้ชีวิต
00:36:37 → 00:36:42 ที่เคร่งขัดมากๆอืองี้ผมรู้สึว่าโอเคถาม
00:36:42 → 00:36:44 ว่าไทยต่างจากต่างประเทศมากแค่ไหนก็ต้อง
00:36:44 → 00:36:48 กลับมาดูที่ culture ของไทยหรือวิธีการ
00:36:48 → 00:36:52 ต่างๆที่ที่คีผมว่าประเทศไทยโอเคอย่างแรก
00:36:52 → 00:36:55 เลยที่เราประเสไม่ได้ No Who กับ no how
00:36:55 → 00:36:59 อือเรารู้จักใครเรามีความน่ายื่อถือยังไง
00:36:59 → 00:37:01 อย่างเงี้ยครับก็อยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่
00:37:01 → 00:37:04 ก็ดูอ่ะคุณทำอะไรได้บ้างคนไทยเอ้ยคุณรู้
00:37:04 → 00:37:07 จักใครบ้างอือ่ะวิธีการเติบโตก็จะต่างกัน
00:37:07 → 00:37:11 ละอืผมว่าในเรื่องของ
00:37:11 → 00:37:16 อ่าความโดยธรรมชาติของเรื่องอาหารละกัน
00:37:16 → 00:37:19 ถ้าลองสังเกตคนที่คล้ายๆเราก็จะมีอิตาลี
00:37:19 → 00:37:21 เพราะเป็นประเทศที่อาหารอุดมสมบูรณ์เราก็
00:37:21 → 00:37:25 จะเป็นพวกที่ชิลหน่อยแล้วแต่ละอย่างที่
00:37:25 → 00:37:27 เป็น produc ในประเทศก็เป็นส่วนใหญ่เป็น
00:37:27 → 00:37:30 เป็นเรื่องของ emotional มากกว่าถ้าเทียบ
00:37:30 → 00:37:33 กับประเทศที่เอ้ยเขาไม่ค่อยมีทรัพยากร
00:37:33 → 00:37:36 อย่างอังกฤษอย่างเยอรมันเขาก็จะมีความโหย
00:37:36 → 00:37:42 หาอ่าการเอาชนะสงครามต่างๆอืนะครับผมบอก
00:37:42 → 00:37:44 ว่าโอเคไทยเนี่ยก็จะทุกอย่างจะเน้นไปตาม
00:37:44 → 00:37:48 แพชชั่นอือย่างไม่ว่าจะเป็นศิลปะไทยมที่
00:37:48 → 00:37:51 โดดเด่นการท่องเที่ยว้าลองกลับไปดูอย่าง
00:37:51 → 00:37:54 อ่าอิตาลีที่คล้ายๆเรามีอะไรมี Ferrari
00:37:54 → 00:37:58 มีเรื่องอาหารที่เขาเด่นมามีมีศิลปกรรม
00:37:58 → 00:38:01 ต่างๆเพราะประเทศเขาอุดมสมบูรณ์คล้ายๆเรา
00:38:01 → 00:38:04 ออันนี้ผมว่าก็จะเป็นหนึ่งในเนเจอร์ที่เย
00:38:04 → 00:38:07 คนไทยต่างจากต่างชาติยังไงเรื่องของวิธี
00:38:07 → 00:38:09 การคิดต่างๆเราก็จะเน้นที่การทำอะไรที่
00:38:10 → 00:38:13 เป็น emotional ค่อนข้างเยอะอืเออประมาณ
00:38:13 → 00:38:15 นั้นที่ผมไม่เคยไม่เคยคิดไม่เคยรู้มาก่อน
00:38:15 → 00:38:17 เลยว่าเรากับอิตาลี
00:38:17 → 00:38:20 เนี่ยคล้ายๆกันนะ mood and Tone เราจะ
00:38:20 → 00:38:24 คล้ายๆกันใช่ครับอเสียงดนตรีต่างๆแล้ว
00:38:24 → 00:38:27 กลับไปดูอังกฤษอังกฤษก็จะเอ้ยไม่สก่อนเรา
00:38:27 → 00:38:31 ก็จะเน้นที่การทำอ่าการชาตินิยมหน่อยอ่ะ
00:38:31 → 00:38:34 เพราะว่าเขาอยู่ในเมืองที่เป็นเกาะเนาะ
00:38:34 → 00:38:36 แล้วก็ต้องออกไปล่าอานิคมเพราะว่าประเทศเ
00:38:36 → 00:38:39 แทบไม่มีทรัพยากรอะไรเลยอืถ้ามองย้อนกลับ
00:38:39 → 00:38:42 ไปประเทศเเนี่ยก็จะพยายามออกมาข้างนอกอื
00:38:42 → 00:38:45 เพราะว่าเพื่อต้องการหาทรัพยากรต่างๆแล้ว
00:38:45 → 00:38:48 คุณเพชรมองว่าถ้าให้ดูแล้วข้อดีข้อเสีย
00:38:48 → 00:38:52 หรือว่ามันมีจุดเด่นจุดอ่อนยังไง่ะเวลาทำ
00:38:52 → 00:38:54 งานในในวงการ AI อย่างเงี้ยหรือทำงานกับ
00:38:55 → 00:38:58 ต่างประเทศผมว่าโอเคเคด้วยด้วยคัลเจอร์
00:38:58 → 00:39:00 ไทยที่มันถูกหล่อล้อมาครับมันอาจจะทำให้
00:39:00 → 00:39:04 เคเราประเทศเราเนี่ยจะีปคนเก่งไม่ค่อยได้
00:39:04 → 00:39:08 โดยโอเคเราหลังจากที่อุตสาหกรรมมันแพ้
00:39:08 → 00:39:13 ขยายเราพยายามจะเป็นเมืองที่อ่า
00:39:13 → 00:39:16 สร้างแรงงานชั้นยอดในราคาที่ถูกให้กับ
00:39:16 → 00:39:19 ต่างชาติเพื่อให้ต่างชาติเอาเงินเข้ามาลง
00:39:19 → 00:39:21 ทุนเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็เป็นส่วนใหญ่ของ
00:39:21 → 00:39:23 อุตสาหกรรมแล้วก็ยังีปในมุมของอุตสาหกรรม
00:39:23 → 00:39:25 ทางการเกษตรซึ่งโอเคอนี้เป็นสิ่งที่ดี
00:39:25 → 00:39:28 เพราะว่าเรื่องของที่ดินหรือเรื่องของ
00:39:28 → 00:39:30 ทรัพยากรต่างๆเรามันมีเยอะการที่เป็น
00:39:30 → 00:39:34 เกษตรส่วนใหญ่ก็ก็ไม่แปลกแต่ว่าพอเราเน้น
00:39:34 → 00:39:36 ที่ให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนแล้วเป็นแรงงาน
00:39:36 → 00:39:39 ชั้นดีราคาถูกก็ตามมาด้วยที่ว่าเฮ้ยค่า
00:39:39 → 00:39:42 ของอาชีพเราหรือว่าการจ่ายเงินเดินของเรา
00:39:42 → 00:39:44 ก็จะไม่ได้สูงเท่าต่างประเทศมันเลยทำให้
00:39:44 → 00:39:47 เอ้ยคนเก่งผมว่าอยู่ไทยได้เงินเดิน 50,000
00:39:47 → 00:39:49 อยู่ต่างประเทศได้ 200,000 เขาจะเลือก
00:39:49 → 00:39:53 อะไรแน่นอนเขาก็ต้องไปต่างประเทศถูกมยฮะ
00:39:53 → 00:39:56 หรือพอเรามีความที่เป็นลำดับขั้นค่อนข้าง
00:39:56 → 00:40:01 เยอะการอ่าไววหน้าเจ้านายการที่เราพูดไม่
00:40:01 → 00:40:04 สามารถพูดตรงไปตรงมาได้เพราะการสมมติเรา
00:40:04 → 00:40:06 บอกว่าเฮ้ยคุณไม่ดีอย่างงู้นอย่างงี้ 1 2
00:40:07 → 00:40:08 3 4 มันจะกลายเป็นว่า
00:40:08 → 00:40:12 อ่า emotional ของคนที่ถูกพูดอย่างงี้แทน
00:40:12 → 00:40:14 ที่เอ้ยโอเคผมไม่ได้อย่างงี้ผมจะปรับปรุง
00:40:14 → 00:40:16 เหมือนกันแบบทำไมคุณพูดกับเราอย่างงี้อ
00:40:16 → 00:40:19 อะไรเงี้ยกลายเป็นตลอมันเลยมันเลยเกิดทำ
00:40:19 → 00:40:23 ให้คนเก่งที่อยากจะทำให้อ่าออกเสียงให้
00:40:23 → 00:40:25 เหมือนแก้ไขทุกอย่างให้มันดีขึ้นก็ไม่มี
00:40:25 → 00:40:29 สิทธิ์ที่จะออกเสียอประมาณนั้นครับเลย
00:40:29 → 00:40:32 โอเคมันก็มีมีทั้งข้อดีในในบางมุมที่เอ้ย
00:40:32 → 00:40:36 เราถ้าเรามีวิธีการเจรจาที่ดีทยก็จะง่าย
00:40:36 → 00:40:39 หน่อยกับการใช้วิธีการเจรจาแต่ข้อเสียมัน
00:40:39 → 00:40:41 คือนะครับเรื่องของการคิคนเก่งที่คนเก่ง
00:40:41 → 00:40:44 ก็เลยพยายามออกไปสู่ข้างนอกองั้นการที่จะ
00:40:44 → 00:40:46 ีคนเก่งให้อยู่ในไทยได้ครับก็อาจจะต้อง
00:40:46 → 00:40:50 ปรับ culture เหล่านี้ในบริษัทอืผมเองอ่ะ
00:40:50 → 00:40:52 เรื่องของเวลางานโอเคเราก็จะอิงจาก
00:40:52 → 00:40:55 ญี่ปุ่นมาค่อนข้างเยอะตอกปัดตอนเช้าเลิก
00:40:55 → 00:40:58 ตอนเย็นทำงานเวละกี่ชั่วโมงตต่างๆทำให้
00:40:58 → 00:41:01 สมมุติคนที่ต้องมีไปรับรูปตอนเที่ยงทำยัง
00:41:02 → 00:41:03 ไงล่ะอย่างเงี้ครับก็จะกลายเป็นตัว
00:41:04 → 00:41:06 ประหลาดในสังคมไปอถูกมั้ยฮะถ้าเราสามารถ
00:41:06 → 00:41:10 แก้ไขสิ่งเหล่านี้ปรับเจอร์องค์กรให้ให้
00:41:10 → 00:41:14 ซัพพอร์ตคนกลุ่มนี้หรือสร้างความ Comfort
00:41:14 → 00:41:18 ให้กับคนได้ครับจริงๆแค่นี้คนเก่งก็อยู่
00:41:18 → 00:41:19 กับเราแล้วครับอาจจะถึงไม่ถึงขั้นต้อง
00:41:20 → 00:41:22 เพิ่มเงินเดือนให้เลยนะเพราะหลายๆคนก็รู้
00:41:22 → 00:41:24 สึกว่าไม่ได้อยากไปทำงานกดดันที่ต่าง
00:41:24 → 00:41:26 ประเทศหรอกแต่ว่าเรื่องเงินเรื่องอะไร
00:41:26 → 00:41:29 ต่างๆมันก็ก็มันก็เป็นหนึ่งในปัจจัยอือ
00:41:29 → 00:41:31 ที่โอเคเราก็ยังวัดค่าความสำร็จกับเงิน
00:41:31 → 00:41:34 เดือนกันเป็นส่วนใหญ่อถูกมยฮะแล้วคุณเพชร
00:41:34 → 00:41:36 แก้โจทย์ยังไงฮะเพราะว่าคุณเพชรเองก็ทำ
00:41:36 → 00:41:40 งานกับพนักงาน 5060 คนนะเขาใช้คำว่าผู้
00:41:40 → 00:41:43 ร่วมงานดีกว่าไม่ใช่พนักงานนะเพราะเรา
00:41:43 → 00:41:45 outsource ใช่มั้ยเราแบ่งงานอ่าจริงๆก็
00:41:45 → 00:41:48 เป็นเป็นพนักงานในบริษัทครับแต่แต่ผมจะ
00:41:48 → 00:41:50 มองว่าทุกคนเป็นทีมมากกว่าไม่ว่าเขาจะ
00:41:50 → 00:41:52 เป็นสัญญาแบบ outsource หรือว่าจะเป็น
00:41:52 → 00:41:55 สัญญาพนักงานประจำอ้าแล้วแก้โจทย์ยังไง
00:41:55 → 00:41:57 เรื่องเรื่องดึงคนเก่งให้อยู่ในในองค์กร
00:41:57 → 00:42:00 หาคนเก่งแยากมั้ยเอาอย่างงี้ก่อนหาคนเก่ง
00:42:00 → 00:42:05 ผมว่าคโอเคคนเก่งหายากแต่การที่จะคีปคน
00:42:05 → 00:42:09 เก่งไว้ยากกว่าอือย่างบริษัทผมเนี่ยผมรับ
00:42:09 → 00:42:12 ผมไม่กำหนดอายุไม่ดูไปปริญญาเพราะอย่างผม
00:42:12 → 00:42:13 เองก็ยังไม่เรียนไม่จบถูกมั้ยฮะผมเชื่อ
00:42:13 → 00:42:17 ว่าแบบถ้าคนมีแพชชั่นในเรื่องไหนเขาจะ
00:42:17 → 00:42:19 พยายามทำเรื่องนั้นให้มันออกมาดีที่สุด
00:42:19 → 00:42:23 เองอืถ้างั้นคียที่ผมคีคนก็คือผมให้เขา
00:42:23 → 00:42:26 ได้ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำได้เต็มที่อื 2
00:42:26 → 00:42:31 คือคือผมไม่ัว่าเอายุเท่าไหร่เขาขวดขั้น
00:42:32 → 00:42:34 ไหนแล้วเาควรจะเงินเดือนเท่าไหร่ทุกอย่าง
00:42:34 → 00:42:36 วัดตามความสามารถที่คุณทำได้เพราะว่าบาง
00:42:36 → 00:42:40 คนสมมุติว่าเอ้ยบางคนอาจจะอยู่แค่มัธยม
00:42:40 → 00:42:43 แต่ว่าเอ้ยความสามารถเขาไปไกลมากๆเขาอาจ
00:42:43 → 00:42:46 จะเก่งกว่าคนที่จบเองหลายๆคนด้วยซ้ำงั้น
00:42:46 → 00:42:48 เงินเดือนผมก็ไม่จัว่าเ้ยคุณอายุ 16 คุณ
00:42:48 → 00:42:51 เอาไป 5,000 พอไม่มีสิ่งเหล่านี้ในบริษัท
00:42:51 → 00:42:55 ผมอืใช่ครับงั้นทุกอย่างเราจะจัตามสิ่ง
00:42:55 → 00:42:59 ที่คนทำได้ใช่ครับแล้วก็อีกอย่างนึงก็คือ
00:42:59 → 00:43:02 ให้ความ flexible กับแต่ละคนมาเข้าใจว่า
00:43:02 → 00:43:06 แต่ละคนมีภาระที่ตัวเองต้องแบกที่ไม่ใช่
00:43:06 → 00:43:09 แค่เรื่องงานเรื่องส่วนตัวครอบครัวหรือ
00:43:09 → 00:43:12 แม้แต่บางคนเรียนอยู่สัญญาของผมเลยหลาก
00:43:12 → 00:43:14 หลายมากว่าเอ้ยสมมุติเป็นน้องน้องๆนัก
00:43:14 → 00:43:18 เรียนล่ะโอเคในช่วงเปิดเทอมเจะมีเวลาทำ
00:43:18 → 00:43:20 น้อยหน่อยแต่นี่คือความฝันเขาเอยากทำสิ่ง
00:43:20 → 00:43:23 นี้แล้วก็เปิดโอกาสให้เขาได้เข้ามาทำอื
00:43:23 → 00:43:25 หรือสมมุติช่วงปิดเทอมเคมีเวลามากขึ้นอ่ะ
00:43:25 → 00:43:28 คจมาคุยกันเพิ่มอ่ะเพราะตอนก่อนนี้คุณมี
00:43:28 → 00:43:30 เวลาน้อยคุณก็เอ้ยเอาเขตลดลงหน่อยแต่ตอน
00:43:30 → 00:43:32 ไหนคุณมีเวลายคุณทำได้เต็มที่คุณทำตั้ง
00:43:32 → 00:43:35 แต่ 8:00 นถึง 2:00 นเลยอคุณก็ตามที่คุณ
00:43:35 → 00:43:37 ทำเลยอะไรประมาณนี้ครับราะงั้นทุกอย่าง
00:43:37 → 00:43:39 มันเลยแบบ flexible มากๆแต่มันอาจจะขัด
00:43:39 → 00:43:43 แย้งกับรูปแบบองค์กรในที่ผ่านมาหน่อยว่า
00:43:43 → 00:43:46 ถ้า FX คนี่โหสัญญาเปลี่ยนกันระนาวเลย
00:43:46 → 00:43:48 บัญชี HR นี่ทำงานกันหนักหน่มากอะไรอย่า
00:43:48 → 00:43:51 เงี้ยครับใช่แต่มันก็ทำให้เอ้ยคนรู้สึก
00:43:51 → 00:43:53 ว่าแฮปปี้ให้รู้สึกเราเหมือนเราเหมือน
00:43:53 → 00:43:55 เป็น Comfort โนเป็นเหมือน sandbox ที่
00:43:55 → 00:43:58 เอ้ยเขาจะลองผิดลองถูกได้แล้วก็อีกอย่าง
00:43:58 → 00:44:00 นึงคือไม่จัดว่าสิ่งที่เขาทำแล้วมันผิด
00:44:00 → 00:44:04 พลาดจะไม่จัดว่าโอเคคุณทำผิดคุณต้องโดนลง
00:44:04 → 00:44:06 โทษแต่ว่าโอเคคุณได้เรียนรู้อะไรจากสิ่ง
00:44:06 → 00:44:08 นี้แล้วสิ่งนี้มันทำให้คนอื่นๆนะครับได้
00:44:08 → 00:44:13 เห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้างแั้นสมมติทำ 10
00:44:13 → 00:44:15 ครั้งผิด 9 ครั้งเลยแต่อย่างน้อยไอ้ครั้ง
00:44:15 → 00:44:17 ที่ถูกเนี่ยมันจะเป็นการถูกแบบก้าวกระโดด
00:44:17 → 00:44:19 เลยเพราะว่าเราเรียนรู้แล้วว่าอะไรคือ
00:44:19 → 00:44:24 สิ่งที่ผิดบ้างอทีนี้ดีนะที่คุณเพชรพูด
00:44:24 → 00:44:26 เนี่ยมันเป็น ideal Model เลยนะที่ 1
00:44:26 → 00:44:30 คือคือผู้บริหารเนี่ยเปิดโอกาสผู้บริหาร
00:44:30 → 00:44:33 flexible ผู้บริหารให้เงินตามผลลัพธ์
00:44:34 → 00:44:37 ครับใช่มั้ยแล้วก็เด็กมีสิทธิ์ที่จะออก
00:44:37 → 00:44:41 เสียงไม่ได้มีกฎตายตัวอยู่กันแบบครอบครัว
00:44:41 → 00:44:44 แต่ทีนี้ปัญหาที่ตามมาอันที่ 1 ที่ผมอยาก
00:44:44 → 00:44:48 จะถามคือครับพนักงาน
00:44:48 → 00:44:53 เค้าเคเข้าใจมยอันที่ 1 พอเรา flexible
00:44:53 → 00:44:54 มาก
00:44:54 → 00:44:59 ครับแทนที่เขาจะ productive มากขึ้นครับ
00:44:59 → 00:45:02 กลับกลายเป็นว่าเค้าหลวมเค้าขี้เกียจมาก
00:45:02 → 00:45:08 ขึ้นอันนี้ผมไม่รู้ว่ามองยังไงแก้ยังไง 2
00:45:08 → 00:45:12 คือพนักงานเนี่ยไม่ได้เป็นพนักงานที่ Self
00:45:12 → 00:45:15 motivate อืเข้าใจมั้ยฮะอย่างอย่าคุณ
00:45:15 → 00:45:17 เพชรอาจจะมี Self motivation มี passion
00:45:18 → 00:45:20 ของตัวเองแต่ผมเชื่อว่าพนักงานร้อยละ 90
00:45:21 → 00:45:25 เคงไม่รู้ต่างประเทศหรือวงวงกรองค์กรอื่น
00:45:25 → 00:45:27 เป็นยังไงแต่ว่า
00:45:27 → 00:45:30 ในองค์กรผมเนี่ยหาพนักงานที่ S motivate
00:45:30 → 00:45:33 ยากมากเข้าใจกลายเป็นว่าเราต้องลงไป
00:45:33 → 00:45:36 motivate พอเรา motivate เก็เหมือนเขา
00:45:36 → 00:45:39 motivate นะแต่มันก็เป็นไฟที่แบบฟุดมา
00:45:39 → 00:45:43 แล้วมันก็ดัไปเพราะมันไม่ได้มาจากตัวเขา
00:45:43 → 00:45:46 อืปรากฏการณ์อย่างนี้ในองค์กรคุณเพชรทำ
00:45:46 → 00:45:49 ยังไงให้เขาให้เขา motivate ตัวเองเมี
00:45:49 → 00:45:52 passion อย่างที่คุณเพชรบอกว่าเอ่อเรา
00:45:52 → 00:45:54 ไม่ได้ว่าเขาจากการที่เขาผิดแต่ให้เขา
00:45:54 → 00:45:58 เรียนรู้อันนี้ก็เป็นอีกโจทย์นึงว่า
00:45:58 → 00:46:02 เอ่อเค้าเรียนรู้จริงหรือเปล่าอ่าเข้าใจ
00:46:02 → 00:46:04 เลยครับหรือว่าเค้าแบบเค้ารู้ว่าเค้าผิด
00:46:04 → 00:46:07 แล้วเก็เอาผ่านๆไปเแค่เรียนรู้ว่าจะไม่ทำ
00:46:07 → 00:46:10 อย่างนี้เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแต่ถาม
00:46:11 → 00:46:13 ว่าเเรียนรู้เพื่อไปต่อยอดยังไงรู้ยังไง
00:46:13 → 00:46:17 แล้วทำยังไงะโอเคจริงถามว่าโอเคคนที่
00:46:17 → 00:46:20 productive มากๆมีไม่มีกับคนที่เข้ามาผล
00:46:20 → 00:46:23 ประโยชน์จากสิ่งนี้ก็มีเหมือนกันผมเลยไม่
00:46:23 → 00:46:26 แปกใจว่าทำไมโอเคบริษัทส่วนใหญ่เาเลยจะ
00:46:26 → 00:46:29 ตั้งทุกอย่างวัดผลเป็นเวลาเพราะว่าอย่าง
00:46:29 → 00:46:32 น้อยมันจะได้มีตัวหนึข้อบังคับนึงที่จะทำ
00:46:32 → 00:46:36 ให้สามารถคอนโรลผลงานต่างๆออกมาได้เพราะ
00:46:36 → 00:46:37 อย่างน้อยอคุณต้องนั่งทำงานไม่ต่ำกว่า 8
00:46:38 → 00:46:40 ชั่วโมงไม่งั้นไม่จ่ายเงินเดือนถูกมยฮะ
00:46:40 → 00:46:43 โอเคแต่ว่าทีนี้ก็ต้องต้องเรว่าทม
00:46:43 → 00:46:47 management เนี่ยก็ต้องดูต้องลงดีเทลกับ
00:46:47 → 00:46:50 ทุกๆคนจริงๆเราจะเห็นว่าเอ้ยคนนี้
00:46:50 → 00:46:53 productive มากคนนี้ productive น้อย
00:46:53 → 00:46:55 แล้วเราฟีดแบคกับทุกคนตลอดงั้นถ้าใคร
00:46:55 → 00:46:57 productive น้้อยหรือแบบเข้ามาเพื่อเอา
00:46:57 → 00:46:59 ผลประโยชน์จากสิ่งความ flexible ตรงนี้
00:46:59 → 00:47:02 ครับมีเหมือนกันอก็แค่รีบตัดออกให้เร็ว
00:47:02 → 00:47:05 ที่สุดอืประมาณนี้ครับเต้องโอเคอาจจะไม่
00:47:05 → 00:47:08 มีเกณฑ์วัดผลชัดเจนเพราะว่าโอเคการการงาน
00:47:08 → 00:47:11 ที่เป็นรีเสิร์ชแบบของใหม่ๆแน่นอนมันมี
00:47:11 → 00:47:14 ถูกมีผิดแต่ว่าถ้าคนที่เข้าใจในเชิงของ
00:47:14 → 00:47:17 เทคนิลึกๆเนี่ยเขจะรู้ได้ว่าเอ้ยสิ่ง
00:47:17 → 00:47:20 เนี้ยน่าจะทำประมาณกี่วันอแล้วจากที่คุณ
00:47:20 → 00:47:23 พูดออกมาเนี่ยเนื้อแค่ไหนหรือน้ำแค่ไหน
00:47:23 → 00:47:27 โอเคเขมันมันจะมีมันจะมีวิธีแบบวิธีการใน
00:47:27 → 00:47:30 แต่ละคนได้อยู่ครับหว่านั่นแหละครับว่า
00:47:30 → 00:47:32 ถ้าสมมติถามลงไปในดีเทลว่าในสิ่งที่เขาทำ
00:47:32 → 00:47:35 มาเเข้าใจมันมากขนาดไหนออะไรพวกนี้ครับก็
00:47:35 → 00:47:37 จะเป็นวิธีการวัดได้ว่าเอ้ยคนนี้เขาูบงาน
00:47:37 → 00:47:40 จริงหรือเปล่าหรว่าวันทั้งวันเขาอาจจะนอน
00:47:40 → 00:47:42 เล่นโทรศัพท์แล้วค่อยมาทำสักชั่วโมงนึง
00:47:42 → 00:47:45 ก่อนจะพรีเซนงกอัเห็นภาพแสดงว่าคุณเพชร
00:47:45 → 00:47:49 กำลังจะบอกว่ามันมีแหละใช่คนที่แบบเกาะมา
00:47:49 → 00:47:53 หาช่องโหวตในองค์กรแต่เรารู้งานของเราเรา
00:47:53 → 00:47:57 รู้วิธีการตรวจสอบแล้วเราก็ตัดตัเรถ้าเ
00:47:57 → 00:48:00 ไม่ใช่ใช่ครับตัดเพราะว่าถ้าถ้ามองว่า
00:48:00 → 00:48:02 เอ้ยเราจะเปลี่ยนกดตรงนี้ทำให้คนส่วนใหญ่
00:48:02 → 00:48:04 ในองค์กรเขาไม่แฮปปี้เนี่ยเราอยากจะทำ
00:48:04 → 00:48:07 หรือเปล่าอือครับถ้าการเปลี่ยนแล้วทำให้
00:48:07 → 00:48:09 คนส่วนใหญ่ที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลยไม่
00:48:09 → 00:48:12 แฮปปี้ผมว่ามันก็ไม่แฟร์สำหรับเขาที่เอ้ย
00:48:12 → 00:48:15 เขาจะได้ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำละี้ครับ
00:48:15 → 00:48:18 หรือในเรื่องของแพชชั่นเองผมว่าตรงนี้มัน
00:48:18 → 00:48:23 ก็มีวิธีการการดูว่าเคแพชชั่นกับสิ่งนี้
00:48:23 → 00:48:25 ขนาดไหนเพราะว่าถ้าเราสนใจสักเรื่องนึง
00:48:25 → 00:48:28 มากๆครับเราจะศึกษาต่อเองโดยที่ไม่ต้องมี
00:48:28 → 00:48:30 ใครนำทางเลยว่าเฮ้ยคุณต้องไปดู 1 2 3 4
00:48:30 → 00:48:34 นะสิ่งนี้เขาจะเป็นคนบอกเราเองว่าเอ้ยเขา
00:48:34 → 00:48:37 ควรจะไปดูอะไรมาเพื่อให้สิ่งที่เป้าหมาย
00:48:37 → 00:48:40 ที่เราทำอยู่นั้นมันดีขึ้นอืหรือการเรียน
00:48:40 → 00:48:43 รู้ข้อผิดพลาดเองอ่ะครับก็เหมือนกับการ
00:48:43 → 00:48:46 วัดผลอย่างนึงที่โอเคสิ่งเหล่านี้มันก็จะ
00:48:46 → 00:48:49 ถอดเป็นบทเรียนที่เวลาเวลาผมประชุมกัน
00:48:49 → 00:48:51 ครับจะมีหลายๆทีมเข้ามาฟังร่วมกันได้เพรา
00:48:51 → 00:48:53 งั้นแต่ละทีมก็จะเห็นเลยว่าโอเคสิ่งเหล่า
00:48:53 → 00:48:55 นี้นะครับมัน
00:48:55 → 00:48:58 อ่าความผิดพลาดเหล่านี้ครับมันใหญ่ลงมาก
00:48:58 → 00:49:02 แค่ไหนแล้วควรจะทำยังไงต่อถ้าถ้าคนที่เมี
00:49:02 → 00:49:05 แฟชั่นจริงเจะรู้เลยว่าโอเคเควรจะแก้ไขใน
00:49:05 → 00:49:08 มุมไหนต่อแล้วเก็จะควรเดินต่อยังไงเอ้ย
00:49:08 → 00:49:12 มันตันจริงๆถึงมโอเคมันสุดที่ความรู้ะก็
00:49:12 → 00:49:15 จะมีเนเจอร์ที่เขาคอยชี้แนะให้ว่าเอ้ยเออ
00:49:15 → 00:49:18 เวนี้ก็ก็เป็นเวยที่น่าลองแล้วถ้าลองเว
00:49:18 → 00:49:20 นี้มันอาจจะเกิดผล 1 2 3 4 เวนี้จะมี
00:49:20 → 00:49:22 ข้อเสีย 1 23 4 ก็จะเป็นการ discus กัน
00:49:22 → 00:49:24 ตรงๆว่า Manager ไม่มีหน้าที่สั่งมีหน้า
00:49:24 → 00:49:29 ที่แค่ Advice ไกเฉยๆใช่ครับแล้วก็คนทีม
00:49:29 → 00:49:31 ที่ทำงานกับเนเจอร์ทุกคนเถียงกันได้เอ้
00:49:31 → 00:49:34 ถ้าใครคิดว่าตรงไหนไม่ดีทุกคนก็พูดมาเลย
00:49:34 → 00:49:37 อืออือเพราะว่าไม่มีใครที่จะรู้จริงที่
00:49:37 → 00:49:40 สุดในของที่มันยังไม่เกิดขึ้นถูกมั้ยฮะ
00:49:40 → 00:49:43 งั้นมันเลยต้องเดินไปด้วยท่านี้ที่ทุกคน
00:49:43 → 00:49:45 สามารถออกเสียงและออกมุมมองของตัวเองได้
00:49:45 → 00:49:49 โอหไอเดลมากเลยประมาณนั้นครับผมนี่ก็อยาก
00:49:49 → 00:49:52 ทำงานในองค์กรแบบนี้มากไอดีลมากเลยจริงๆ
00:49:52 → 00:49:56 ครับไอเลมากไอเลมากเพราะว่าคือพอองกรคาม
00:49:56 → 00:49:59 ที่มันใหญ่มากเนี่ยผู้บริหารก็จะมีโจทย์
00:49:59 → 00:50:02 ของตัวเองรับมาจากเบื้องบนเพื่อถือหุ้น
00:50:02 → 00:50:04 พู้อะไรอีกทีนึงคือกลายเป็นมันเริ่มเกิด
00:50:04 → 00:50:07 Gap ระหว่างผู้ปฏิบัติกับผู้บริหารกับ
00:50:07 → 00:50:12 ผู้บริหารและผู้บริหารก็จะส่งงานให้กับคน
00:50:12 → 00:50:16 ชั้นเอผู้บริหารระดับกลางเพื่อมาเป็นตัว
00:50:16 → 00:50:19 เชื่อมระหว่างเขากับเราอืเนแต่บางทีมันก็
00:50:19 → 00:50:24 มีมีอีกหลาย Factor มีอีกหลาย ler นะ any
00:50:24 → 00:50:27 ไม่เป็นไรครับดีครับดีๆผมว่า
00:50:27 → 00:50:31 ถ้าถ้าแล้วคิดว่ารูปแบบการบริหารอย่าง
00:50:31 → 00:50:33 เงี้ยผมเท่าที่ผมเคยรู้อย่างเช่น Google
00:50:33 → 00:50:36 อย่างเงี้ยเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีวร
00:50:36 → 00:50:39 Microsoft นะ facebook อย่างเงี้ยบริหาร
00:50:39 → 00:50:41 ใหญ่ๆเขาก็ใช้ mindset ประมาณนี้ใช่ครับ
00:50:42 → 00:50:45 ผมก็ adopt กับตัวเองนะคือไม่กำหนดที่
00:50:45 → 00:50:49 เวลากำหนดที่ผลงานแล้วก็ก็พยายามจะให้
00:50:49 → 00:50:53 เกียรติผู้ร่วมงานผมครับแต่ก็ไม่ง่ายใช่
00:50:53 → 00:50:56 ครับผมไม่ง่ายอาจจะ 1 ผมเองไม่ไม่เก่ง
00:50:56 → 00:51:01 หรือเปล่าในการในการีดทีมแต่ว่าไม่รู้ว่า
00:51:01 → 00:51:04 พอถึงจุดนึงไม่เรารู้สึกเราเหนื่อยที่จะ
00:51:04 → 00:51:07 ีดคนเราอยากได้คนที่ S passion อืเพราะ
00:51:07 → 00:51:10 ทุกครั้งต้องลงไปปั้นเขไปกระตุ้นเ้าเรา
00:51:10 → 00:51:13 รู้สึกเราออกแรงเยอะใช่แต่ถ้ามันไม่มาจาก
00:51:13 → 00:51:16 ตัวเบางทีเราเหนื่อยนะเข้าใจเลยครับผม
00:51:16 → 00:51:19 หลายๆคนนะฮะผมก็พยายามจะหยอดหยอดความคิด
00:51:19 → 00:51:22 ทีละนิดทีละนิดให้เขาคคิดเพื่อหวังว่าเขา
00:51:22 → 00:51:25 จะตั้งคำถามให้กับตนเองและเดินมาหาเรา
00:51:25 → 00:51:28 เพื่อเปิดประตูถึงคำตอบเราอาจจะไม่รู้คำ
00:51:28 → 00:51:31 ตอบแต่อย่างน้อยเราก็ไกดอะไรบ้างอืแต่มัน
00:51:31 → 00:51:36 ก็ไม่ง่ายนะผมว่าเพราะว่าใช่ครับทีนี้ถาม
00:51:36 → 00:51:39 หน่อยคุณเพชรทำยังไงให้ Self motivate
00:51:40 → 00:51:43 คือคือหรือว่าทำยังไงให้พนักงานเ
00:51:43 → 00:51:46 sate ผมว่าเอาเริ่มที่คุณเพชรเองครับผม
00:51:46 → 00:51:50 ผมว่าโอเคการการที่คิดแนั้นผมว่าไม่แปลก
00:51:50 → 00:51:53 ด้วยโอเคย้อนกลับไปคิดเรื่อง culture ที่
00:51:53 → 00:51:57 ไทยเราปฏิบัติกันมาทุกอย่างไม่ว่าจะตั้ง
00:51:57 → 00:52:00 แต่ตอนเรียนทุกอย่างจะต้องเป็นเวลาต้อง
00:52:00 → 00:52:03 เป็นอะไรต่างๆเราแทบจะไม่มีสิทธิ์คิดหรือ
00:52:03 → 00:52:05 สิทธิ์ตอบที่ไม่เหมือนครูถูกมยฮะเลยทำให้
00:52:05 → 00:52:08 ไม่แปลกใจครับที่คนส่วนใหญ่หรือจริงๆแล้ว
00:52:08 → 00:52:10 ถึงแม้คนจะมีแพชชั่นมากแค่ไหนก็ยังไม่ชิน
00:52:10 → 00:52:13 กับการทำงานแนี้เหมือนกันชิใช่เพราะว่า
00:52:13 → 00:52:15 ทั้งที่ตั้งแต่เด็กโอโหเข้าโรงเรียนเมื่อ
00:52:15 → 00:52:18 ไหร่ปุ๊บก็จะโดนสิ่งนี้มาตลอดถูกมั้ยฮะ
00:52:18 → 00:52:21 มันก็เลยไม่แปละที่ว่าทำไมคนเรายังถึงแบบ
00:52:21 → 00:52:25 ยังไม่กล้าคิดยังไม่กล้าตัดสินใจอกันอะไร
00:52:25 → 00:52:28 เงี้ครับหลายๆคนก็ก็ค่อยๆปรับแบบมาเจอที่
00:52:28 → 00:52:30 นี่ก็เจอรช็อแรกๆเหมือนกันว่าเฮ้ยมันพูด
00:52:30 → 00:52:33 ได้ขนาดแล้วเลยหรออะไรเงี้ยแบบเฮ้ยตรงนี้
00:52:33 → 00:52:37 แบบเออบางทีหลายๆคนก็จะทักมาหาผมส่วนตัว
00:52:37 → 00:52:40 แล้วเอ้ยแบบมีปัญหาแบบนี้เฮ้ยจริงๆอ่ะผม
00:52:40 → 00:52:42 ก็เลยเรียกเนเจอร์มานั่งคุยอะไรอ่ะจริง
00:52:42 → 00:52:44 คุณคุยตรงๆได้เลยนะไม่ต้องซีเรียสเลยอือ
00:52:44 → 00:52:47 แล้วผมพยายามทำให้องค์กรมันแฟลชที่สุดไม่
00:52:47 → 00:52:50 ได้มีระดับขั้นเยอะอะไรต่างๆเพื่อที่ทุก
00:52:50 → 00:52:53 คนจะได้รู้สึกว่าไม่ห่างกันมากอืๆสมมุติ
00:52:53 → 00:52:56 มีเนเจอร์สัก 4 ขั้นเนี่ยโอ้โหเคนทำงาน
00:52:57 → 00:52:59 เนี่ยกว่าจะขึ้นไปถึงบอสเนี่ยลำบากมากเลย
00:52:59 → 00:53:01 แทบจะไม่มีได้ยินเสียงไปถึงบอสเลยบอสก็
00:53:01 → 00:53:04 ไม่มีทาง็นภาพแล้วแล้วคุณเพชรทำยังไงที่
00:53:04 → 00:53:07 จะแบบคือมันอาจจะมีไฟอยู่แล้วแต่ว่าครับ
00:53:07 → 00:53:12 ผมเรา motivate ตัวเองยังไงถ้าในในอ่ากับ
00:53:12 → 00:53:14 กับทีมใช่มั้ยฮะหรว่ากับตัวเองถ้ากับตัว
00:53:15 → 00:53:18 เองคือโอเคผมผมมองผมตั้งตั้งเป้าใหญ่ๆว่า
00:53:18 → 00:53:22 ผมผมอยากจะทำอะไรแต่ริงๆอ่าป้าผมนั่นครับ
00:53:23 → 00:53:25 ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมอยากจะจะทำจริงๆแล้ว
00:53:25 → 00:53:27 อยากให้มันเป็นแบบ World Impact เลยคือ
00:53:27 → 00:53:30 อย่าให้ไมันทำได้ทุกๆอย่างแต่ผมเชื่อว่า
00:53:30 → 00:53:33 นั่นแหละครับว่าถ้ายไงที่มันทำได้เก่งมาก
00:53:33 → 00:53:36 ๆมันจะไม่ได้มาจากแขนงเดียวมันเลยเป็นจุด
00:53:36 → 00:53:39 เริ่มต้นที่ผมเลยแตะแขนง AI ออกมาหลายๆ
00:53:39 → 00:53:41 รูปแบบอือเพื่อที่จะได้รวม know How นี้
00:53:41 → 00:53:44 ครับมารวมเป็นก้อนอันเดียวใหญ่ๆที่กลาย
00:53:44 → 00:53:46 เป็นเหมือนสมองอันใหญ่ที่ทำได้ทุกอย่าง
00:53:46 → 00:53:49 จริงๆอืประมาณนั้นครับอือๆนั่นก็เลย
00:53:49 → 00:53:52 motivate เราทุกวันใช่ครับแล้วบริหาร
00:53:52 → 00:53:55 ชีวิตตัวเองยังไงแต่ละวันอ๋อจริงงานเป็น
00:53:55 → 00:53:59 รักงานเป็นรักเลยนะครับเราเรว่าถ้าพอพอ
00:53:59 → 00:54:01 เหมือนเราได้โอเคเนื่องจากงานเป็นเชิง
00:54:01 → 00:54:03 รีเสิร์ชด้วยแล้วเราได้ตื่นมาเจอสิ่งใหม่
00:54:03 → 00:54:05 ๆทุกวันมันเลยทำให้รู้สึกว่าแต่ละวันที่
00:54:05 → 00:54:08 ตื่นขึ้นมามันมีความตื่นเต้นรอเราอยู่อื
00:54:08 → 00:54:10 โอเคบางวันมันอาจะมีวันที่แย่บ้างบวันมัน
00:54:10 → 00:54:14 อาจจะแบบล้มบ้างเฟลบ้างแต่ก็กลับมามองที่
00:54:14 → 00:54:16 เป้าหมายใหญ่ๆว่าเอ้ยนี่คือสิ่งที่เรา
00:54:16 → 00:54:18 กำลังเดินอยู่แล้วสิ่งที่เราเดินผ่านมา
00:54:18 → 00:54:21 แล้วเนี่ยมันไกลขนาดไหนแล้วนะออือออย่าง
00:54:21 → 00:54:24 เงี้ครับมันก็ทำให้เอ้ยก็สู้ต่ออือะไร
00:54:24 → 00:54:26 ประมาณนั้นครับแล้วก็รู้สึกว่าถ้าถ้าวัน
00:54:27 → 00:54:30 นี้ผมหยุดสู้ไปคนข้างหลังผมอีก 50-60 คน
00:54:30 → 00:54:33 เขาจะเป็นยังไงอือืแล้วถ้าผมไม่ทำสิ่ง
00:54:33 → 00:54:36 เหล่านี้เป็นตัวอย่างแบบไม่มีไฟแล้วคน
00:54:36 → 00:54:39 อื่นจะมีไฟได้ยังไงอะไรอย่างเงี้ครับอใช่
00:54:39 → 00:54:43 ก็เลยต้องไฟลุกตลอดอืประมาณนั้นครับแต่ก็
00:54:43 → 00:54:45 แต่ก็เป็นสิ่งที่แบบเป็นเป็นเป้าหมายใหญ่
00:54:45 → 00:54:47 ๆของเราอยู่แล้วด้วยโอเคนอกเหนือจากการ
00:54:47 → 00:54:50 กำหนดเป้าให้กับตัวเองเป้าหมายใหใหญ่เรา
00:54:50 → 00:54:53 มีวิธียังไงที่ปลุกไฟในตัวเองอยู่ตลอด
00:54:53 → 00:54:56 เวลาคือหรือว่าใช้คำว่าครองไฟก็ได้นะให้
00:54:56 → 00:54:59 มันให้มันให้มันคิว่าเออเรามีไฟที่เรา
00:54:59 → 00:55:02 ต้องทำตลอดเวลาว่ามันมันต้องเชื่อในสิ่ง
00:55:02 → 00:55:06 ที่ทำก่อนนะครับว่าถ้าถ้าเรา bel ว่าภาพ
00:55:06 → 00:55:10 อนาคตมันจะเป็นยังไงแล้วผมผมว่าโอเคภาพใน
00:55:10 → 00:55:13 อนาคตผมมันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในดีเทล
00:55:13 → 00:55:15 บ้างเล็กน้อยแต่ว่าภาพใหญ่มันยังเหมือน
00:55:15 → 00:55:19 เดิมว่ายังไง AI จะเป็นตัวที่เข้ามา exper
00:55:19 → 00:55:22 หลหๆอย่างแล้วก็มันจะต้องมี a ที่สร้าง
00:55:22 → 00:55:26 ทุกๆสิ่งหว่าทำได้หลายๆอย่างงงั้นไอ้ภาพ
00:55:26 → 00:55:29 นี้มันยังคงอยู่แล้วจะเห็นว่าโลกปัจจุบัน
00:55:29 → 00:55:31 อย่างที่คุณหมอยกตัวอย่างเคสจะเห็นว่า AI
00:55:31 → 00:55:34 มันก็เริ่ม adapt ละมันเหมือนยิ่งยิผ่าน
00:55:34 → 00:55:36 ไปในทุกๆวันนะครับภาพที่ผมคิดมันเริ่ม
00:55:36 → 00:55:39 เป็นจริงขึ้นเรื่อยๆอือมันก็เลยทำให้รู้
00:55:39 → 00:55:42 สึกว่ามันช้าไม่ได้ละมันต้องใส่ลงไปอีก
00:55:42 → 00:55:45 มันต้องใส่ลงไปอีกอะไรอย่าเงี้ครับอครับ
00:55:45 → 00:55:48 ใช่แต่ว่าโอเคในในในเชืของผมอาจจะพูดใน
00:55:48 → 00:55:50 ยุค AI ที่ที่ a มันมันเต็มไปหมดเนาะแต่
00:55:50 → 00:55:54 ว่าในของคนออ่าในมุมของคนอื่นๆนะครับผม
00:55:54 → 00:55:57 ว่าในในเรื่องเหล่านี้เนี่ยถ้ามีแพชชั่น
00:55:57 → 00:56:00 เราเราเชื่อเห็นภาพกับมันจริงๆนะครับก็
00:56:00 → 00:56:03 ต้องคิดภาพอนาคตนั้นไว้แบบตั้งไว้บนทิง
00:56:03 → 00:56:05 เลยว่าไม่ว่าจะมี priority 1 2 4 คุณ
00:56:05 → 00:56:08 ต้องเอานี้เป็นอันดับแรกอืถ้าคุณ priority
00:56:08 → 00:56:10 มันอยู่ในทุกๆวันแล้วทำให้มันเป็นชีวิต
00:56:10 → 00:56:12 ประจำวันนะครับสิ่งนี้ผมว่ามันก็ยังคง
00:56:12 → 00:56:16 อยู่ต่อไปอืครับผมขอบคุณคุณเพชรออเป็น
00:56:16 → 00:56:19 เกียตอย่างยิ่งเยหวังว่าเราจะได้คุยกันใน
00:56:19 → 00:56:22 พสข้างหน้าอีกสักรอบเพราะผมเชื่อว่ายังมี
00:56:22 → 00:56:25 อีกหลายคำถามเดี๋ยวรอติดตามผลงานของคุณ
00:56:25 → 00:56:28 เพชรต่อๆต่อไปนะครับขอบคุณมากๆครับสำหรับ
00:56:28 → 00:56:33 ผมหมอวินัยกับเวทีหมอชวนคุยปัญหาและมุม
00:56:33 → 00:56:36 มองของสังคมกับแขกรับเชิญที่เก่งกว่าผมใน
00:56:36 → 00:56:40 หลายๆด้านมาแลกเปลี่ยนบนเวทีในภาษาบ้านๆ
00:56:40 → 00:56:43 เพื่อกับเราชุมชนและคนรัก
00:56:43 → 00:56:48 ย่าหวังว่าอนาคตบ้านเมืองเราจะดีขึ้นวันล
00:56:48 → 00:56:52 นิดวันละหน่อยเพราะปัญหาบ้านเมืองและทาง
00:56:52 → 00:56:54 ออกไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง
00:56:54 → 00:56:56 แต่เป็นหน้าที่ของเราทุกคน
00:56:56 → 00:57:00 แขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใครรอติดตามผมหมอ
00:57:00 → 00:57:05 วินัยลานะครับสวัสดีครับ