00:00:00 → 00:00:01 ก็
00:00:01 → 00:00:04 สวัสดีทุกคนนะครับยินดีต้อนรับเข้าสู่พัด
00:00:04 → 00:00:06 คาสเรื่องเล่าจากร่างกายนะครับกับผมหมอ
00:00:06 → 00:00:10 เอวนายแพทย์จะพลเกียรติขจรธาดาครับสวัสดี
00:00:10 → 00:00:13 ค่ะหมอฟันนะคะครับก็วันนี้จะมาคุยกัน
00:00:13 → 00:00:14 เรื่องของวิตามินและกันเป็นเรื่องของการ
00:00:14 → 00:00:17 ค้นพบหรือเข้าไปแต่มีนิดนึงเพราะว่ามัน
00:00:17 → 00:00:19 เรื่องที่เราคุยกันไว้ในที่สดที่แล้วอ่ะ
00:00:19 → 00:00:22 โอเคถึงวันนี้จะเล่าให้ฟังหน่อยจริงๆก็
00:00:22 → 00:00:24 คือจะพูดกับวิตามินเข้าข้าวนิดนึงแล้วจะ
00:00:24 → 00:00:27 เล่าเกี่ยวกับการค้นพบให้ฟังปัจจุบัน
00:00:27 → 00:00:29 เนี่ยเวลาเราพูดถึงทุกวันนี้เวลาพูดถึง
00:00:29 → 00:00:31 วิตามินมันก็จะมีวิตามิน U 13 ชนิดที่
00:00:31 → 00:00:34 เรารู้จักกันทั่วไปใช่ไหมเสมอเราก็จะ
00:00:34 → 00:00:36 เรียนว่ามันจะมีวิตามินที่ละลายในไขมัน
00:00:36 → 00:00:39 วิตามินที่ละลายในน้ำมันจะเป็นที่ละลายใน
00:00:39 → 00:00:43 ไขมันก็เช่น adek เคยท่องจำมันจะไม่คนที่
00:00:43 → 00:00:45 เรียนทางสายวิทย์เราจะเรียนกันก็ชีววิทยา
00:00:45 → 00:00:49 ส่วนวิตามินที่ละลายน้ำได้ก็มี vitamin c
00:00:49 → 00:00:51 Vitamin B ซึ่งวิตามินบี 1 ก็แบ่งย่อย
00:00:51 → 00:00:55 อีกหลายตัวก็จะมีบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6
00:00:55 → 00:00:59 บี 7D 92 ไหล่ B 100 ปีได้ 1 และเคย
00:00:59 → 00:01:03 สงสัยจะเอาไว้ไอ้บีที่มันหายไปเนี่ย b4b
00:01:03 → 00:01:06 8 มีเศษเนี่ยมันคืออะไรอุ้ยสงสัยมากเลย
00:01:06 → 00:01:08 อ่ะไม่เคยรู้ว่านี้มาก่อนและนี้เป็นตอน
00:01:08 → 00:01:10 นี้หรือว่าเป็นอีกต่อหนึ่งจริงๆจะเป็น
00:01:10 → 00:01:12 เรื่องของการค้นพบแล้วก็จะมีการเล่าเล็ก
00:01:12 → 00:01:14 ในวันหน้าจะเล่าให้ฟังแต่ว่าวันนี้จริงๆ
00:01:14 → 00:01:17 ต่อให้ฉันเฉยว่าจริงวิตามินพรุ่งนี้ตอน
00:01:17 → 00:01:20 แรกเนี่ยที่เราตั้งชื่อขึ้นมาเนี่ยแต่ตอน
00:01:20 → 00:01:21 แรกเค้าไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรมันก็ตั้ง
00:01:21 → 00:01:24 เรียงตามตัวอักษรไป abcde อะไรก็แล้วแต่
00:01:24 → 00:01:27 ที่นี่วิตามินบีเนี่ยแต่มันก็มีชื่ออื่น
00:01:27 → 00:01:29 ซึ่งเป็นวิตามินอื่นไปตอนครับเพราะว่ามัน
00:01:29 → 00:01:32 มีออกมาเลย์คุณทั้งนั้นสารเคมีมันชัดรวม
00:01:32 → 00:01:34 เป็นกลุ่มเดียวกันได้ไม่ได้ถูกจัดรวม
00:01:34 → 00:01:37 กลุ่มเดียวกันที่นี่จะมีที่มันหายไปใน
00:01:37 → 00:01:40 เพราะว่าจริงๆแต่เดิมนั้นก็มี b4b 8
00:01:40 → 00:01:44 แล้วก็มีเซ็ททำมันมีแต่ตอนหลังเนี้ยก็พบ
00:01:44 → 00:01:47 ว่าคือมันไม่ตรงนิยามของวิตามินฉันนิยาม
00:01:47 → 00:01:50 ของวิตามินเนี่ยมันก็คือเป็นสารที่เรา
00:01:50 → 00:01:53 ต้องได้จากในอาหารแล้วก็สำคัญมากกับการมี
00:01:54 → 00:01:57 ชีวิตอยู่ในวิตามินที่ abcd 8b สิทธิ์
00:01:57 → 00:02:00 เนี่ยมันตลาดพบว่ามันไม่ได้
00:02:00 → 00:02:02 มีนิยามนั้นแต่ทุกวันนี้เราก็ยังพอได้ยิน
00:02:02 → 00:02:04 กันชื่อกันอยู่อ่ะเช่นวิตามิน B C ก็คือ
00:02:04 → 00:02:07 อะดีนีนส่วนวิตามินอีบี 8 เนี่ยก็ชื่อ
00:02:07 → 00:02:10 อิโนซิทอลส่วนไม่ได้ be Set ไหนก็คือตัว
00:02:10 → 00:02:15 ภาบาพาราอะมิโน benches ส่วน B เสด็จก็
00:02:15 → 00:02:16 คือสลิชาลิกาเสร็จ
00:02:16 → 00:02:20 โอเคเล้านักวิทยาศาสตร์เค้าเป็นคนผมได้
00:02:20 → 00:02:24 ยังไงอ่ะสารพวกนี้เราตั้งมากมาย abcd
00:02:24 → 00:02:27 อะไรมากมายเขาไปมายังไงอันนี้ก็น่าสนใจ
00:02:27 → 00:02:29 เพราะว่าแต่ก่อนพี่ก็ไม่รู้คือวิตามิน
00:02:29 → 00:02:31 เนี่ยเราก็เคยได้ยินชั่วคนที่เรียนนั้น
00:02:31 → 00:02:34 สนะสุขหรือจะเคยได้ยินว่าแบบเออมีการค้น
00:02:34 → 00:02:38 พบวิตามินซีโดยเกมชลินและเป็นหมอชาว
00:02:38 → 00:02:40 สกอตแลนด์แต่ว่าความรู้เก็บไวตามินมันมี
00:02:40 → 00:02:43 มานานและแล้วมันก็แต่มันจับไม่ได้สักที
00:02:43 → 00:02:46 อย่างที่บอกด้วยความที่มันเล็กแล้วก็ส่วน
00:02:46 → 00:02:48 ใหญ่จะรู้ว่าเราต้องการมันก็ต่อเมื่อนก
00:02:48 → 00:02:51 ขาดแล้วเราจะได้รู้ว่ามันทำให้ป่วยได้
00:02:51 → 00:02:54 เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยองค์ความ
00:02:54 → 00:02:57 รู้ที่เราได้จากเรื่องไวตามินเนี่ยมาจาก
00:02:57 → 00:03:00 โรคที่เกิดจากการตัดไวตามินถ้าถ้าอย่าง
00:03:00 → 00:03:02 นั้นเราก็จะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไวตามิน
00:03:02 → 00:03:05 เนี่ยสำคัญครับมวลมนุษยชาติแบบนี้ช่วย
00:03:05 → 00:03:08 เหลือจริงๆถ้าประวัติศาสตร์น่าจะรู้เลย
00:03:08 → 00:03:10 ว่าไอ้โลกที่โลกจากการขาดเคยว่าได้ไปเช่น
00:03:10 → 00:03:13 ที่ dcs เนี่ยก่อนนั้นมันไม่เคยมีคอนเซป
00:03:13 → 00:03:17 ในการแพทย์มันไม่ค่อยไม่ค่อยมีกันตอนที่
00:03:17 → 00:03:19 เกิดว่ามีให้โรคที่เกิดจากการขาดสารอาหาร
00:03:19 → 00:03:21 แอบการค้นพบวิตามินตัวเป็นเรื่องมันเป็น
00:03:21 → 00:03:24 เป็นไอเดียใหม่แล้วยังครั้งแรกพวกเราค่ะ
00:03:24 → 00:03:27 เป็นยังกายเนี่ยมันจะถูกมองว่าเป็นโรคติด
00:03:27 → 00:03:29 เชื้อแล้วเขาไปอาจจะหาเชื้อกันอันนี้วัน
00:03:29 → 00:03:31 หลังจะเล่าให้ฟังมันจะเป็นเรื่องที่แบบ
00:03:31 → 00:03:33 ทุกครั้งเลยจะค้นพบเนี่ยจะเป็นเรื่องของ
00:03:33 → 00:03:35 การเขียนกันแล้ว 2 กลุ่มกลุ่มหนึ่งเชื่อ
00:03:35 → 00:03:37 ว่าโลกนี้เกิดจากโรคติดเชื้อซึ่งแต่ละ
00:03:37 → 00:03:40 เป็นของใหม่คนเพิ่งรู้จักเช่นโรคอันแต่
00:03:40 → 00:03:42 ไอเดียของการที่เป็นโรคจิตขาดสารอาหาร
00:03:42 → 00:03:44 เนี่ยไม่เป็นไอเดียที่ยังไม่ยอมรับกัน
00:03:44 → 00:03:47 ทั่วไปในวงการแพทย์
00:03:47 → 00:03:51 ค่ะเพราะแค่ส่วนนี้นะคะก็ต้องขอขอบคุณ
00:03:51 → 00:03:55 สปอนเซอร์ของเรา OC แลนด์คอนแทคเลนส์ราย
00:03:55 → 00:04:00 วันตัวเลนส์ทำจากวัสดุ SS ฟิลคอน a ค่ะ
00:04:00 → 00:04:02 ถ้า
00:04:03 → 00:04:06 มันเข้ามาที่ว่าจะมินอีกทีนึงเค้านี้ใน
00:04:06 → 00:04:09 เพียวลองยกตัวอย่างโรคที่เกิดจากการขาดไว
00:04:09 → 00:04:12 ตามินที่นำไปสู่การค้นพบว่าจะมินก็สั่ง
00:04:12 → 00:04:14 หน่อยได้ไหมคือพระเอกเลยก็ต้องวิตามินซี
00:04:14 → 00:04:18 ก็เรื่องล้มลักปิดลักเปิดที่นี่พูดถึงทุก
00:04:18 → 00:04:19 วันนี้เวลาเล่นทั้งวันแล้วก็ปิดแล้วก็
00:04:19 → 00:04:22 เปิดโลกเคอรี่แม้แต่เราจะเลี้ยงคนที่
00:04:22 → 00:04:24 เรียนหมอมาเนี่ยเราไม่รู้จักใช่ไหมก็ไม่
00:04:24 → 00:04:27 อยู่ในตำราชายคือว่าเอาว่าสมัยที่เราเป็น
00:04:27 → 00:04:30 นักศึกษาแพทย์โรคนี้อยู่ในตำราแต่ว่า
00:04:30 → 00:04:33 ชีวิตจริงเนี่ยไม่เคยเจอเลยแล้วก็จะรู้
00:04:33 → 00:04:36 แค่ว่าเลือดออกตามไรฟันอันนี้พอเราอ่าน
00:04:36 → 00:04:38 แล้วจะรู้สึกว่าเออนกเขาก็จะเป็นซีมันก็
00:04:38 → 00:04:41 แบบฟังนวลไม่ค่อยไม่ค่อยน่าสนใจมันดูแบบ
00:04:41 → 00:04:43 ไม่เซ็กซี่ไม่รู้ว่าน่าสนใจสำหรับคุณ
00:04:43 → 00:04:46 สำหรับหมอนักเรียนแพทย์ทั่วไปแต่พอแปลง
00:04:46 → 00:04:48 ประวัติศาสตร์และมันจะแบบน่าสนใจมากเพราะ
00:04:48 → 00:04:50 ว่าโรคนี้แต่เดิมแล้วมันก็เป็นโรคที่หมอ
00:04:50 → 00:04:53 นั่นไม่พบสมัยโบราณนะแค่นี้เขียนถึงสมัย
00:04:53 → 00:04:56 หมายถึงปิดโบราณสมัยอินเดียโบราณไม่ค่อย
00:04:56 → 00:04:59 มีแต่รูปนี้มันค้นพบมาเกิดมากขึ้นจริงๆมี
00:04:59 → 00:05:02 ตัวโอ๊ยลูกใหม่ของยุคหนึ่งก็คือเป็นยุค
00:05:02 → 00:05:05 ที่ตอนที่ยุโรปเนี่ยเริ่มเดินเรือออกไป
00:05:05 → 00:05:08 กลางมหาสมุทรการเดินออกไปนอกทะเลในการไป
00:05:08 → 00:05:10 กลางลึกๆมันไม่ค่อยมีสุดในจะเป็นลักษณะ
00:05:10 → 00:05:12 การที่คือว่าเหมือนกับขึ้นเรือนี่ออกไป
00:05:12 → 00:05:15 ไกลพอที่จะมองเห็นฝั่งเรียบฝั่งไปเรื่อยๆ
00:05:15 → 00:05:18 แต่ว่ายุคที่พอมันเริ่มแบบใกล้ที่จะเดือด
00:05:18 → 00:05:20 ไปไกลแล้วไปอยู่บนเรือนนานเป็นเดือนคือ
00:05:20 → 00:05:22 เป็นยุคสำรวจที่หรือว่า A Shower Take
00:05:22 → 00:05:25 ปอร์เรชั่นเนี่ยก็จะอยู่ห่างบนทะเลไม่
00:05:25 → 00:05:28 ค่อยมีอาหารสดกินไม่มีผักผลไม้กินถั่ว
00:05:28 → 00:05:30 แม็ควิธีการก็จะเป็นลักษณะการนำสัตว์
00:05:30 → 00:05:32 เนี่ยขึ้นไปเลี้ยงบนเรือพ่วงสันเล็กๆตาย
00:05:32 → 00:05:36 หนูทำไว้แล้วก็กินพวกเนื้อสัตว์เออเราไม่
00:05:36 → 00:05:38 ได้กินพวกอาหารที่มันสามารถเก็บดอกได้นาน
00:05:38 → 00:05:41 ๆซึ่งงานพวกนี้เราก็รู้ว่ามันไม่ค่อยมี
00:05:41 → 00:05:44 วิตามินช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เริ่มเกิด
00:05:44 → 00:05:47 โรคพอดีขึ้นมาโดยชวนโลกขาดวิตามินซีที่
00:05:47 → 00:05:50 นี้ในหนังสือในเวลาอ่านพวกประสามันจะมี
00:05:50 → 00:05:52 พวกลูกเรือที่บรรยายเอาไว้จะเล่าให้ฝาก
00:05:52 → 00:05:54 นิดนึงอันที่ 1 คือเรื่องของความรุนแรง
00:05:54 → 00:05:57 เนี่ยคือโรคขาดวิตามินซีและโลกเตอรี่
00:05:57 → 00:05:59 เนี่ยเขาบอกในช่วงแล้วแต่คนลำบาสเริ่ม
00:05:59 → 00:06:02 เดินดีและจนถึงช่วงที่แบบเริ่มรู้จักโลก
00:06:02 → 00:06:04 นี้และโลกนี้พบน้อยลงเนี่ยมีลูกเรือเนี่ย
00:06:04 → 00:06:08 ตายรวมกันประมาณ 2 ล้านคนสองล้านคนสอง
00:06:08 → 00:06:10 ล้านคนเยอะมากแล้วก็เขาบอกประมาณพิเศษ
00:06:10 → 00:06:13 ชีวิตเนี่ยไปมาที่ตายมากกว่ากันลูกเรือ
00:06:13 → 00:06:16 ที่ตายจากคืออับปางโดนโจรสลัดค่าหรือว่า
00:06:16 → 00:06:20 โดนพวกพายุเนี่ยตายรวมกันคือ savina ค่า
00:06:20 → 00:06:23 มาที่สุดและในช่วงที่พีคสุดๆในช่วงนี้มี
00:06:23 → 00:06:26 การได้เร็วๆไปๆเนี่ยส่วนเขาจะประมาณว่า
00:06:26 → 00:06:31 ลูกเรือในจะต้องเสียชุดครึ่งนึงจากโลกนี้
00:06:31 → 00:06:33 เต้นที่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวอาการนิดนึง
00:06:33 → 00:06:35 ก็คือว่าเขาเขียนบรรยายในส่วนใหญ่แล้ว
00:06:35 → 00:06:38 เข้าจะบอกว่าแต่ว่ามันจะเริ่มจากการที่
00:06:38 → 00:06:39 ว่าลูกเรือในจะเริ่มมีอาการรู้จักอ่อน
00:06:39 → 00:06:42 เพลียกรระยะหนึ่งจนทำให้รู้สึกทำงานไม่
00:06:42 → 00:06:45 ค่อยไหวแล้วแค่เนี่ยการอื่นขึ้นมามันทำ
00:06:45 → 00:06:48 ให้น่าสนใจก็คือในช่วงแรกมันทำให้สับสนมี
00:06:48 → 00:06:50 ช่วงแรกเนี่ยเพียงคิดว่าตอนที่ยังไม่รู้
00:06:50 → 00:06:52 ถึงสาเหตุและคนอยากรู้ว่าสาเหตุอะไรเนี่ย
00:06:52 → 00:06:54 หนึ่งในสาเหตุที่ชื่อว่าเป็นสาเหตุของโรค
00:06:54 → 00:06:58 เนี้ยก็คือชื่อว่าลูกเรือในขี้เกียจแล้ว
00:06:58 → 00:06:59 คนที่ขี้เกียจจะทำให้เกิดโรค
00:07:00 → 00:07:02 และก็คือสับสนกันระหว่างเขตแล้วครับผล
00:07:02 → 00:07:05 เอ้าตายละคือจริงๆแล้วกำลังไม่สบายอยู่
00:07:05 → 00:07:08 แต่ว่าโดนมองว่าขี้เกียจแล้วกลายเป็นพี่
00:07:08 → 00:07:11 ผิดเป็นสาเหตุของโรคไปซะงั้นแต่ว่าเรา
00:07:11 → 00:07:13 อ่านพรุ่งนี้มันจะทำให้เห็นว่าเรามองย้อน
00:07:13 → 00:07:15 หลังจากยุคปัจจุบันมองไปในดิแล้วจะสึกไว้
00:07:15 → 00:07:18 ให้มันน่าจำง่ายแล้วก็รู้ว่าใครว่าจะ
00:07:18 → 00:07:21 minzy การค้นพบไม่น่าจะยากอะไรแต่มันทำ
00:07:21 → 00:07:23 ให้เห็นว่าแบบเฮ้ยสมัยก่อนนะการที่จะแยก
00:07:23 → 00:07:26 อะไรเป็นเหตุเป็นผลมาครั้งมันง่ายมาได้
00:07:26 → 00:07:28 คิดได้พอหลังจากที่ช่วงแรกของเพลี้ยเนี่ย
00:07:28 → 00:07:31 มันก็จะตามมาด้วยอาการต่างๆเช่นเรื่องของ
00:07:31 → 00:07:35 อาการปวดข้อแล้วก็จะมีแขนขาหน้าบวมแต่
00:07:35 → 00:07:39 คราวนี้อาการของโรคลักปิดลักเปิดหรือว่า
00:07:39 → 00:07:41 จะเคอรี่ที่รู้กันจากตำราในก็คือว่ามันทำ
00:07:41 → 00:07:44 ให้เลือดออกง่ายแล้วก็พอเลือดออกง่ายปุ๊บ
00:07:44 → 00:07:46 เนี่ยอาการหลักๆก็จะเป็นเลือดออกตามที่
00:07:46 → 00:07:50 ต่างๆคราวนี้ที่เราเห็นบ่อยคือเราตามข้อ
00:07:50 → 00:07:53 ก็จะไม่ปวดคอมากหรือว่าเลือดออกในใต้
00:07:53 → 00:07:56 เยื่อหุ้มกระดูกก็จะทำให้ปวดแขนขารุนแรง
00:07:56 → 00:07:59 ว่าบางทีมีเนื้อตายอะไรแบบเนี้ยพวกนี้ก็
00:07:59 → 00:08:01 มีบันเหมือนกันมั้ยพี่เอบีก็เขียนแบบ
00:08:01 → 00:08:03 ละเอียดเลยเรอะพอมันมีเนื้อตายเขาจะใช้
00:08:03 → 00:08:07 มีดเฉือนออกไปไม่ค่อยลบเวลาก็เชิญไปใน
00:08:07 → 00:08:09 เช่นเงินครับพวกมันบวมจะทำมันยกกลุ่มฟัน
00:08:09 → 00:08:12 แล้วฟันก็โยกมันเคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ทำ
00:08:12 → 00:08:15 เข้ากินไม่ค่อยได้ตอนนี้ว่าจะนึงนะเขาก็
00:08:15 → 00:08:17 จะใช้มีแต่เค้าบอกว่าบรรยายว่าเขาจะมี
00:08:17 → 00:08:20 เนี่ยต้องใช้มีแต่บัตรเฉือนเนื้อตรงอยู่
00:08:20 → 00:08:23 รักที่มันยืนเกินบัวบกมั้งเราเลือดที่มัน
00:08:23 → 00:08:25 เป็นเลือดเที่ยวมาจะดำๆ
00:08:25 → 00:08:29 แล้วก็มันจะมีบรรยายว่าก็จะมีคนบรรยายก็
00:08:29 → 00:08:31 คือมันมีคนเขียนถึงเจอนะคนบางคนเขียนว่า
00:08:31 → 00:08:34 เนี่ยเวลาคนตายเนี่ยมันจะมีความเสร็จเขา
00:08:34 → 00:08:37 เทียบว่าแบบเหมือนกับขนมปังหรือว่าพวกดิส
00:08:37 → 00:08:39 เก็ตต์ที่มันเกี่ยวเก่าๆมันร่วนแล้วมัน
00:08:39 → 00:08:42 ค่อนหนูเป็นผมเขาบรรยายว่าคนพูดหน้าตาย
00:08:42 → 00:08:45 คืออย่างนี้คือแบบมันกับข้อต่อมันหลวม
00:08:45 → 00:08:48 เหงือกมันเปื่อยยุ่ยคอทำให้นึกถึงแบบ
00:08:48 → 00:08:51 ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียนสัญญาตอน 1 ให้
00:08:51 → 00:08:53 ครับโจรสลัดเลยนะแล้วก็ถูกกว่าทุกคนเสีย
00:08:53 → 00:08:57 ชีวิตทุกคนก็สลายเป็นผมอารมณ์นี้มากๆ
00:08:57 → 00:09:00 ประมาณนั้นแล้วก็ต้องนี้มันก็ผู้แทนสภา
00:09:00 → 00:09:03 ว่าจะดีแล้วเนี่ยหน้าที่หลักของไวตามินซี
00:09:03 → 00:09:05 เลยเนี่ยตะก่อนหมายถึงว่าถ้าคนทั่วไปเรา
00:09:05 → 00:09:08 มองวิว Gmail จดหรือว่าเอ๊ย msc ใน
00:09:08 → 00:09:10 สัมพันธ์กับเรื่องความสวยความงามหรือว่า
00:09:10 → 00:09:13 ว่าดำเอซีเกี่ยวกับอ่ะทำไมวินเซียะทำให้
00:09:13 → 00:09:15 ไม่เป็นหวานอะไรเงี้ยแต่ว่าจริงๆแล้วหน้า
00:09:15 → 00:09:17 ที่สำคัญที่สุดเลยของว่าจะเป็นชีในก็คือ
00:09:17 → 00:09:22 เป็นตัวที่มาช่วยกันทำงานของคอลลาเจนเอ่อ
00:09:22 → 00:09:24 ไปเกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจนคราวนี้
00:09:24 → 00:09:27 คอลลาเจนเนี่ยมันดีแล้วก็เหมือนกันอาจจะ
00:09:27 → 00:09:28 ได้ยินอย่างนี้ของคอนเสิร์ตของงานแต่ว่า
00:09:28 → 00:09:30 จริงๆแล้วเนี่ยหน้าที่สำคัญเลยของว่าจะมี
00:09:30 → 00:09:34 c และ Collagen ในก็คือเป็นดาวที่ยึดให้
00:09:34 → 00:09:37 เซลล์ต่างๆโดยเฉพาะผนังเส้นเลือดในเหลือ
00:09:37 → 00:09:40 ต่างๆเนี่ยยึดติดกันได้ดีแล้วก็ป้องกัน
00:09:40 → 00:09:42 ให้มีเลือดออกมาแล้วจริงๆคำว่าคอลลาเจน
00:09:42 → 00:09:45 เน็ตโดยรากศัพท์ของมันมาจาก chakri ที่
00:09:45 → 00:09:48 ความหมายของมันทำไมถึงกลายเป็นกาวโอเคมัน
00:09:48 → 00:09:51 เป็นการเชื่อมร่างกายเขาได้กันโอ้ก็คือ
00:09:51 → 00:09:53 ว่าชื่อนี้ก็คือมาจากหน้าที่ไรโดยตรงเชิญ
00:09:53 → 00:09:56 ไม่เคยรู้เลยนี้ถึงได้เราจะเห็นอย่างหรือ
00:09:56 → 00:10:00 ว่าเพราะไอ้โรคขาดวิตามินซีเนี่ยมันกระทบ
00:10:00 → 00:10:02 มีการเดินเรือแล้วตอนนั้นเป็นยุคที่การ
00:10:02 → 00:10:04 หรือในสำคัญมากมันคือเรื่องของเศรษฐกิจ
00:10:04 → 00:10:07 เรื่องของการเมืองพระยุโรปมันแข่งกันไป
00:10:07 → 00:10:11 ค้าขายเด็กไปแย่งชิงไปครอบครองดินได้ต่าง
00:10:11 → 00:10:14 ๆถูกแม็กซ์เพราะฉะนั้นถ้าแก้ปัญหานี้ไม่
00:10:14 → 00:10:18 ได้มันคือกระทบกระเป๋าตังค์ระทบอำนาจมัน
00:10:18 → 00:10:20 ก็เลยเป็นช่วงที่ตอนนั้นเนี่ยมาคนเนี่ย
00:10:20 → 00:10:22 เขาพยามจะหากันนะครับต่อไปได้ว่าไอ้โรค
00:10:22 → 00:10:25 นี้มันเกิดจากอะไรบันทึกคิดเก่าที่สุด
00:10:25 → 00:10:27 เท่าที่เปรี้ยวที่มีเขียนหนังสือต่างๆก็
00:10:27 → 00:10:29 จะบอกว่าควรเนี่ยมันจับความสัมพันธ์นี้
00:10:29 → 00:10:31 ได้มานานแล้วล่ะว่าให้โลกนี้มันน่าจะ
00:10:31 → 00:10:33 เกี่ยวเครื่องข้องกับการกินอาหารว่าอยาก
00:10:33 → 00:10:35 รู้ว่าการกินอาหารบางอย่างมาช่วยรักษาโรค
00:10:35 → 00:10:39 นี้ได้ซึ่งมันมีตั้งแต่สมัยที่ตอนที่ตั้ง
00:10:39 → 00:10:41 เส้นประยุทธครองทวีปอเมริกาฉันตอนนี้ไม่
00:10:41 → 00:10:44 เกิดประเทศอเมริกานะก็มีอังกฤษเข้าไปมี
00:10:44 → 00:10:47 ก๊าซไปเมืองกรีดไปที่นี่คนร่างเศษก็มี
00:10:47 → 00:10:49 บันทึกไว้ว่าเนี่ยมันมีลูกเกลือที่ป่วย
00:10:49 → 00:10:52 เป็นโรคไอ้เนี้ยเดี๋ยวพอพวกชนพื้นเมือง
00:10:52 → 00:10:55 คือเช่นปัจจุบันเร็วมันแดงๆเขาเก่าชาที่
00:10:55 → 00:10:57 ทำจากเปลือกไม้ปัญญาเนี่ยมาชงให้กินพวก
00:10:57 → 00:11:00 ว่าลูกเลือนหายภายในกี่วัน
00:11:00 → 00:11:02 ก็เพราะใจมันก็เลยมีการเหมือนกับรู้กันใน
00:11:02 → 00:11:05 วงการคนเดินเรือหรือว่าพวกนี้มานานแล้ว
00:11:05 → 00:11:08 เราว่ามันตรงนี้มันโรคเกี่ยวข้องกับการ
00:11:08 → 00:11:10 อาหารว่ามีหางอย่างที่สามารถรักษาตรงนี้
00:11:10 → 00:11:13 ได้คือรู้แล้วว่ามันเป็นโรคที่รักษาได้
00:11:13 → 00:11:17 แต่ว่าอะไรที่จะมารักษารณีเฉยที่นี่พอถึง
00:11:17 → 00:11:20 ประมาณปีซักประมาณ 1700 กว่าเนี่ยมันก็จะ
00:11:20 → 00:11:23 มีชาว does เป็นหมอชาวดัตช์อะนะที่คิดคำ
00:11:23 → 00:11:25 ขึ้นมาคำหนึ่งชื่อว่าแอนตี้ statistic
00:11:25 → 00:11:29 นิดทำให้น่าสนใจก็คือว่าโลกนี้ชื่อว่า
00:11:29 → 00:11:32 เกิร์ลลี่โจ๊กไหมละเขาก็บอกว่าให้เขา
00:11:32 → 00:11:34 แอนดิสคอมพิวเตอร์ของเขาจะหมายถึงผักใบ
00:11:34 → 00:11:37 ผักผลไม้เนี่ยซึ่งสามารถต้านเครื่อง Wii
00:11:37 → 00:11:40 ได้เข้าเล่นมันเรียกผักผลไม้ว่าแอนตี้ส
00:11:40 → 00:11:44 บูตินซึ่ง anitech ในบ้านได้คือที่มาเค้า
00:11:44 → 00:11:47 Add คอบิคอันนี้ก็ขอซ่าในว่าคำว่า Add
00:11:47 → 00:11:49 คอเบรคหรือว่า Add เข้าบิ๊กแอซิดในก็คือ
00:11:49 → 00:11:52 เป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของวอร์เรนจีแต่
00:11:52 → 00:11:55 ว่าประเด็นสำคัญคือนี้ประเด็นก็คือว่าไอ้
00:11:55 → 00:11:58 ตอนที่เค้าตั้งไข่ขึ้นมาจะส่งไปติมันบอก
00:11:58 → 00:12:00 ให้เขารู้ว่าให้รู้เลยว่าชาวนาก็ตอนนั้น
00:12:00 → 00:12:03 เนี่ยรู้แล้วว่าไอ้ผักผลไม้ในเกี่ยวข้อง
00:12:03 → 00:12:05 กับการรักษาโรคนี้
00:12:05 → 00:12:09 อ่านแล้วชักหลังจากชาวด่านซ้ายไงต่อโอเค
00:12:09 → 00:12:11 มันก็จะมีการที่เหมือนก็มีไอเดียว่าแบบ
00:12:11 → 00:12:13 เอ้ออย่างงั้นเราต้องขนผักผลไม้ในคณะบน
00:12:13 → 00:12:16 เรือแต่ปัญหาก็คือว่าจริงๆพวกอาหารสด
00:12:16 → 00:12:18 เนี่ยมันเก็บได้ไม่นานมันก็จะมีการเช่น
00:12:18 → 00:12:21 เอาเอาพวกผักผลไม้มาคั้นน้ำแต่ว่าเพื่อ
00:12:21 → 00:12:24 ที่จะเก็บให้นายเขาก็จะไปต้มแต่ว่าเราก็
00:12:24 → 00:12:27 จะคนเพราะว่ากันป้อมหน้ามันทำให้ใช้รักษา
00:12:27 → 00:12:29 ไม่ได้ผลถูกแม้ปัจจุบันนั้นเรารู้ว่าจะมี
00:12:29 → 00:12:32 ซีเอาไปต้มเนี่ยมันสลายหมดมันถูกทำลาย
00:12:32 → 00:12:34 ด้วยความร้อนแต่นี่ยกนั้นเขาก็ไม่รู้ไง
00:12:34 → 00:12:37 เขาก็แค่แบบเลยหรือว่าทฤษฎีผิดว่าจริงๆ
00:12:37 → 00:12:39 แล้วผักผลไม้มันไม่ได้ช่วยค่านี้ก็ได้
00:12:39 → 00:12:42 เหมือนกับว่าทุกประเทศที่เดินเรือในก็
00:12:42 → 00:12:45 พยายามที่จะหาทางออกที่จะรักษาโรคนี้อ้าว
00:12:45 → 00:12:49 และสุดท้ายเขาไปเจอวิธีการรักษาที่แท้
00:12:49 → 00:12:51 จริงได้ไงอ่ะช่วยทุกคนคนเรียนหมอนักเรียน
00:12:51 → 00:12:54 แพทย์คนเรียนชีววิทยาในทุกคนจะเคยได้ยิน
00:12:54 → 00:12:57 เจมส์สลิลซึ่งก็จะเป็นคนที่ค้นพบวิตามิน
00:12:57 → 00:13:00 ซีเราจะให้เครดิตคนนี้เป็นคนเต็มที่มี NC
00:13:00 → 00:13:03 คือเขาเป็นหมอคนหนึ่งซึ่งเป็นหมอของกอง
00:13:03 → 00:13:05 ทัพเรืออังกฤษเป็นชาติสกอตแลนด์นะแล้วก็
00:13:05 → 00:13:08 เข้าเป็นหมอประจำวันที่เหลือช่วย SMS สเม
00:13:08 → 00:13:11 รี่และเค็มจริงไหมเขาค้นพบว่า renshi ได้
00:13:11 → 00:13:14 ไงอ่ะคือเจนสลิลเนี่ยนอกเหนือจากการค้นพบ
00:13:14 → 00:13:18 mnc เนี่ยมันจะมีการที่คนมาถึงว่าทุกวัน
00:13:18 → 00:13:20 นี้เราไปลาเรียนหนังสือหรือชื่อเขาขึ้นมา
00:13:20 → 00:13:23 เนี่ยควรจะได้ยินว่าเจนคือในเป็นคนแรกที่
00:13:23 → 00:13:26 ทำการทดลองแบบที่เรียกว่ามีกลุ่มควบคุม
00:13:26 → 00:13:30 จิสิ่งที่เขาทำคือเวลาขั้นตอนก็อยู่ในควร
00:13:30 → 00:13:32 เรือเดินทางไปบนเรือนแล้วก็มันมีคนเริ่ม
00:13:32 → 00:13:36 ป่วยเป็นโรค sle เนี่ยเขากับคนที่ป่วยมา
00:13:36 → 00:13:40 12 คนแล้วก็แยกเป็น 6 กลุ่มด้วยกันโดย
00:13:40 → 00:13:43 ที่แต่ละกลุ่มเนี่ยก็จะได้การรักษาที่
00:13:43 → 00:13:46 ต่างกันไปที่นี่วิธีการรักษาที่เขาให้แต่
00:13:46 → 00:13:48 ละกลุ่มเลยไม่เคยมีการรักษาที่ต้องบอกว่า
00:13:48 → 00:13:50 ตอนนั้นคือเชื่อกันแหละว่าแบบใช้วิธีนี้
00:13:50 → 00:13:53 มันรักษาได้มันก็จะมีเช่นแบบให้น้ำส้ม
00:13:53 → 00:13:56 สายชูคุณที่ให้พวกใส่เด้อแล้วก็เป็นพวก
00:13:56 → 00:13:59 น้ำทะเลและก็อื่นๆประมาณเนี้ยแล้วก็ได้
00:13:59 → 00:14:03 กลุ่มเนี่ยขอให้เป็นส้มกับมะนาวนะว่าตอน
00:14:03 → 00:14:05 นั้นแหละก็มีความเชื่อว่าส้มของมะนาว
00:14:05 → 00:14:08 เนี่ยมันสามารถรักษาโรคนี้ได้ผลปรากฏว่า
00:14:08 → 00:14:11 ว่ามันชัดมากก็คือว่าคุณที่ได้ส้มกับ
00:14:11 → 00:14:14 มะนาวนี้อาการดีไม่นานอ่ะคือไม่กี่วันนะ
00:14:14 → 00:14:17 อาการก็ดีขึ้นจนกระทั่งกลุ่มเนี้ยต้องมา
00:14:17 → 00:14:21 คอยดูแลช่วยเขาดูแลรักษาผู้ป่วยคนอื่นได้
00:14:21 → 00:14:24 ที่นี่ฟังดูเหมือนกับแบบโอเคมันชัดใช่ไหม
00:14:24 → 00:14:27 ทุกอย่างจบโอเคการทดลองสำเร็จตอบเลยว่า
00:14:27 → 00:14:30 มันส้มกับมะนาวในใช่รักษาโรคนี้ได้ก็น่า
00:14:30 → 00:14:32 จะไม่มีปัญหาอะไรแล้วทุกคนก็น่าจะเชื่อ
00:14:32 → 00:14:35 หรือเปล่าว่าต้องนี่แหละส้มกับมะนาวเอา
00:14:35 → 00:14:38 จริงๆก็คือสุดท้ายในคือคนมันก็ยังไม่
00:14:38 → 00:14:40 เชื่อไม่ถือว่าเป็นร้อยปีที่โลกนี้ยัง
00:14:40 → 00:14:43 เหมือนระบาดอยู่ในหมู่คนเดินเรืออยู่ที่
00:14:43 → 00:14:45 น่าสนใจคือแม้แต่ตัวเจนผลินเองเนี่ยเขียน
00:14:45 → 00:14:48 หนังสือมาเล่มนึงหลังจากที่เข้าอีไทน์
00:14:48 → 00:14:49 เรียบร้อยแล้วหลายปีถัดมาแล้วเห็นหนังสือ
00:14:49 → 00:14:51 เล่มหนึ่งชื่อว่าเป็นพริตตี้ซอฟท์เกี่ยว
00:14:51 → 00:14:54 กับเคอรี่ที่นั่งสือเล่นเนี้ย
00:14:54 → 00:14:57 สีมันหนา 400 หน้าซึ่งหนาน้อยกว่าเรื่อง
00:14:57 → 00:14:59 เล่าจากทางกาย
00:14:59 → 00:15:02 อะล้อเล่นอ่ะต่อๆคือหนังสือเรื่องเลย
00:15:02 → 00:15:06 เรื่องแล้วก็แล้วกันนะ 279 ได้พอโอเคคือ
00:15:06 → 00:15:09 หนังสือเล่มนี้มันหนา 400 หน้าแต่ที่น่า
00:15:09 → 00:15:12 สนใจก็คือว่าให้การทดลองที่เขาทะโมนเรือน
00:15:12 → 00:15:15 นี้ที่มันก็ปูเป็นตัวที่ชี้ชัดรับส้มกับ
00:15:15 → 00:15:19 มะนาวรักษาโรคนี้ได้มันอยู่กลางๆเล่มแล้ว
00:15:19 → 00:15:21 ก็เขียนถึงกรุงเทพประมาณ 5 ย่อหน้าเราแทบ
00:15:21 → 00:15:24 จะไม่พูดถึงอีกเลยคือว่ามาหาดูนะมันจะไม่
00:15:24 → 00:15:26 ว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการทดลองและมัน
00:15:26 → 00:15:29 ตรวจพิสูจน์ที่นี่มาเรามาดูว่าทำไมอ่ะ
00:15:29 → 00:15:31 ปรากฏว่าในหนังสือเนี่ยมันจะพยายามอธิบาย
00:15:31 → 00:15:33 ถึงทฤษฎีการเกิดโลกเหนือซึ่งตัวเขาเชื่อ
00:15:33 → 00:15:35 เขาเชื่อว่าเป็นเรื่องของการอุดตันของ
00:15:35 → 00:15:38 ต่อมเหนืออะไรประมาณเนี้ยแล้วก็เขาก็จะ
00:15:38 → 00:15:41 มองว่าส้อมกับมะนาวเป็นแค่ 1 ในการรักษา
00:15:41 → 00:15:44 ที่เป็นไปได้ซึ่งช่วงมีการรักษาหรือจะ
00:15:44 → 00:15:47 เป็นไปได้เขาไม่ได้บอกว่ามันมีมีสารอาหาร
00:15:47 → 00:15:49 และมีคุณสมบัติพิเศษที่รักษาโอเคอันเนี้ย
00:15:49 → 00:15:52 พอเข้าใจได้นั้นอย่างนี้ที่จริงๆมันจะได้
00:15:52 → 00:15:54 ว่าเหมือนเป็นไบแอสใช่มาคือว่ามันก็จริงๆ
00:15:54 → 00:15:57 แล้วแต่ถึงแม้ว่าการทดลองมันจะได้ผลชัด
00:15:57 → 00:15:59 จริงแต่ว่าตั้งต้นในก็มีทฤษดีมีสมมุติฐาน
00:15:59 → 00:16:02 อะไรในใจแล้วเขานี้พอถึงแม้ว่าผลการทดลอง
00:16:02 → 00:16:06 มันชัดขนาดนั้นแต่เขาก็ไม่สามารถเอาจิ๊ก
00:16:06 → 00:16:10 ซอว์ตัวสำคัญที่ได้จากการทดลองเนี่ยมาต่อ
00:16:10 → 00:16:13 กับภาพใหญ่ของเขาได้อันเนี้ยใช่คือคิดว่า
00:16:13 → 00:16:15 เป็นไปแอบคืออันนี้ต้องบอกว่าจริงๆไม่รู้
00:16:15 → 00:16:17 มันเพราะอะไรนะเราบอกไม่ได้วัดในคิดอย่าง
00:16:17 → 00:16:19 นั้นตอนที่เราอ่านหนังสือเกี่ยวเรื่อง
00:16:19 → 00:16:21 ประวัติศาสตร์ผู้เคอรี่น่าจะสักอย่างเลย
00:16:21 → 00:16:23 ว่าอันนี้มันคือแสดงให้เห็นว่าบางครั้ง
00:16:23 → 00:16:26 แล้วในยุคนั้นกรอบความคิดของไอ้ที่เรียก
00:16:26 → 00:16:28 ว่าเป็นเดียวเชิญ CDC เนี่ยมันไม่มีคือ
00:16:28 → 00:16:31 โรคที่เกิดจะขาดสาเล็กๆนี้มันไม่มีในยุค
00:16:31 → 00:16:33 ที่เค้ารู้จักโปรตีนคาร์โบไฮเดรทไขมันมัน
00:16:33 → 00:16:36 มีความเชื่อในวงการว่าเรารู้เกี่ยวว่า
00:16:36 → 00:16:39 เรื่องของโภชนาการครบหมดแล้วเข้าใจตรงนี้
00:16:39 → 00:16:41 คนไหนพอเข้าใจนะกรอบความคิดบางทีมันก็
00:16:41 → 00:16:43 สำคัญเหมือนกันมันก็ช่วงตอนที่เรายังไม่
00:16:43 → 00:16:46 รู้จักแบคทีวีกับใบ Last เนี้ยมันก็ยาก
00:16:46 → 00:16:48 มากเลยที่จะมาคิดว่าโรคนี้จะเกิดจากสิ่ง
00:16:48 → 00:16:50 มีชีวิตที่เราไม่เคยรู้ว่ามันมีอยู่อะไร
00:16:50 → 00:16:52 วันนี้บางครั้งเพราะมันอยู่แล้วกรอบความ
00:16:52 → 00:16:55 คิดเนี่ยต่อให้เห็นชัดตรงหน้าก็ไม่เห็นมา
00:16:55 → 00:16:58 กลับไปตีความแบบเดิมเข้าไปตีความว่าส้ม
00:16:58 → 00:17:00 กับมะนาวเนี่ยมันมีคุณสมบัติบางอย่าง
00:17:00 → 00:17:04 สามารถที่ไปเปิดการปิดกั้นของต่อเมื่อได้
00:17:04 → 00:17:07 แล้วก็ยังเจ็บที่ใบแต่ว่ามันมีสูตรที่ดี
00:17:07 → 00:17:10 กว่านี้เช่นส้มมะนาวผสมแอลกอฮอล์ใส่เกลือ
00:17:10 → 00:17:13 อะไรก็ไม่รู้ว่าก็คือประมาณว่าแบบมีสูตร
00:17:13 → 00:17:15 ที่ดีกว่าโอเคแล้วเราจะถ่ายแล้วสุดท้าย
00:17:15 → 00:17:18 เนี่ยมันวกกลับมาจนถึงการค้นพบยังไงคำถาม
00:17:18 → 00:17:21 ในตรงนี้ดีเพราะว่าปกติเวลาอ่าน
00:17:21 → 00:17:23 ประวัติศาสตร์การค้นพบอ่าต่างๆทาง
00:17:23 → 00:17:26 วิทยาศาสตร์การแพทย์เนี่ยภาพที่เรามักจะ
00:17:26 → 00:17:30 นึกถึงก็คือว่าก่อนการค้นพบมันมีความรู้
00:17:30 → 00:17:33 แบบนึงหรือไม่รู้ในแบบหนึ่งต่อมามีใครสัก
00:17:33 → 00:17:36 คนมาแล้วก็คนพบบางอย่างเสร็จแล้วก็จะ
00:17:36 → 00:17:39 เปลี่ยนความคิดของคนไปตลอดกาลแต่ว่าถ้า
00:17:39 → 00:17:41 เราสมุดไปอ่านประวัติศาสตร์และของที่มัน
00:17:41 → 00:17:43 มีความรายละเอียดเพิ่มขึ้นโดยจะเห็นว่า
00:17:43 → 00:17:46 หลายครั้งนะมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นการค้น
00:17:46 → 00:17:48 คนเนี่ยมันมักจะมีลักษณะที่เหมือนกับการ
00:17:48 → 00:17:51 ค่อยต่อจิ๊กซอว์ไปเที่ยวไหนเธอนิดจนถ้าใน
00:17:51 → 00:17:53 มันชัดขึ้นแล้วก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง
00:17:53 → 00:17:55 ความเชื่อหรือว่าเปลี่ยนมีพฤติกรรมของคน
00:17:55 → 00:17:59 แต่ว่าเวลานักประสานมองย้อนหลังกลับมานะ
00:17:59 → 00:18:00 มาพยายามที่จะต่อที่ 2 บริการว่าเรื่อง
00:18:00 → 00:18:03 ราวมันเป็นยังไงเนี่ยมีแนวโน้มใช้เครดิต
00:18:03 → 00:18:05 ไปที่คนคนเดียวเรื่องการค้นพบวิตามินซีก็
00:18:05 → 00:18:08 เหมือนกันถ้าเราฟังดูภาพรวมในจะเห็นว่า
00:18:08 → 00:18:10 จริงๆเนี่ยไอเดียของการเชื่อว่ามีพืชและ
00:18:10 → 00:18:13 ผลไม้สามารถรักษาโรคเออรี่ได้มันมีมาก่อน
00:18:13 → 00:18:17 เจมส์คะลินถูกไหมแล้วเจมส์จินเองนะก็มาทำ
00:18:17 → 00:18:19 การทดลองที่สำคัญนึงซึ่งก็ต้องระวังการทด
00:18:19 → 00:18:22 ลองของเค้าเนี่ยสำคัญแต่ไม่แต่ตัวเค้าเอง
00:18:22 → 00:18:25 อาจจะอยู่ความคิดในกรอบความคิดแบบเดิมก็
00:18:25 → 00:18:27 ยังไม่เห็นถึงความสำคัญหรือว่า Impact
00:18:27 → 00:18:30 หรือว่าผลกระทบของการทดลองของเขาอย่าง
00:18:30 → 00:18:33 เช่นในกรณีของวิตามินซีเนี่ยก็คือหลังจาก
00:18:33 → 00:18:35 ที่เจมส์ Slim ตีพิมพ์ผลงานเขียนหนังสือ
00:18:35 → 00:18:38 มาแล้วประมาณ 40 กว่าปีจนเขาเสียชีวิตไป
00:18:38 → 00:18:40 แล้วเนี่ยก็มีหมอชาวเกิดคนนึงนะชื่อว่า
00:18:40 → 00:18:44 กิลเบิร์ต Brain เนี่ยก็มนพหนาวกองทัพ
00:18:44 → 00:18:46 เรือในให้มีนโยบายที่จะให้มีการเตรียมน้ำ
00:18:46 → 00:18:48 มะนาวเนี่ยสำหรับทหารเรืออังกฤษเพื่อนำไป
00:18:48 → 00:18:51 ดื่มเป็นระยะระยะระหว่างออกทะเลหรือถ้า
00:18:51 → 00:18:53 ออกไปนานกว่านั้นในการให้มีการหาน้ำมะนาว
00:18:53 → 00:18:56 นี้เป็นเติมอีกทีหลังจะรู้สึกอวี่ก็หมดไป
00:18:56 → 00:18:59 เลยใช่ไหมคะยังยังปรากฏว่าขึ้นหลังจากที่
00:18:59 → 00:19:03 นำมาใช้ในโอเคมันได้ผลจริงเราก็ประมาณโรค
00:19:03 → 00:19:05 เออวินัยกองทัพเรือเกิดตอนนั้นลดลงอย่าง
00:19:05 → 00:19:08 มหาศาลแล้วการใช้มะนาวเนี่ยตอนนั้นเนี่ย
00:19:08 → 00:19:10 ก็จะมีผลกระทบต่อประวัติศาสตร์โลกด้วย
00:19:10 → 00:19:13 ส่วนหนึ่งเพราะว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วง
00:19:13 → 00:19:16 เที่ยงจะพยามจะขยายอิทธิพลและอำนาจของกอง
00:19:16 → 00:19:18 ทัพเรือของตัวเองแล้วก็จะเป็นช่วงเวลาที่
00:19:18 → 00:19:21 ยังเกิดในครบกับรังเศสคือยุคของนโปเลียน
00:19:21 → 00:19:24 ที่นี่ในการรบกลยุทธ์หนึ่งที่อังกฤษใช้ใน
00:19:24 → 00:19:27 ก็คือนำกองทัพเรือเนี่ยไปปิดการฟังเศษที่
00:19:27 → 00:19:30 ท่าเรือเลยเพื่อไม่ให้ฟังเสสามารถค้าขาย
00:19:30 → 00:19:32 ทางเรือได้
00:19:32 → 00:19:35 แต่ก็จะหยุดนี้เนี่ยมันจะต้องการปิดเนี่ย
00:19:35 → 00:19:38 ไม่ต้องปิดเป็นปีเพราะฉะนั้นเรือแต่ละลำ
00:19:38 → 00:19:41 นำมาอยู่กลางทะเลเป็นเวลาหลายเดือนซึ่ง
00:19:41 → 00:19:43 การปิดเป็นเวลาหลายเดือนมันยังไงก็ต้อง
00:19:43 → 00:19:45 เกิดโรคเออวี่ที่แน่นอนเพราะปกติหรือ
00:19:45 → 00:19:48 เนี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 6-8 สัปดาห์เนี่ยก็
00:19:48 → 00:19:51 จะเริ่มเกิดโรคขึ้นมาแล้วก็มีการแนะนำน้ำ
00:19:51 → 00:19:54 มะนาวเนี่ยไปใช้แล้วสุดท้ายมาได้ผลการปิด
00:19:54 → 00:19:56 และสุดท้ายในเคยเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ
00:19:56 → 00:19:59 ที่นำไปสู่การแพ้สงครามของนโปเลียนฟังดู
00:19:59 → 00:20:01 แล้วเหมือนกันเรื่องมันจะจบแล้วว่าทุกคน
00:20:01 → 00:20:03 เข้าใจแล้วแล้วก็จะไม่เกิดหรอกเออวี่แต่
00:20:03 → 00:20:06 ไม่ใช่อย่างนั้นเพราะว่าการจะป้องกัน
00:20:06 → 00:20:08 เคอรี่มาให้เกิดได้ไม่ต้องใช้ประมาณมะนาว
00:20:08 → 00:20:11 ในมหาศาลมากซึ่งน้ำมะนาวที่ใช้ในมันมีไม่
00:20:11 → 00:20:15 พออันที่สองก็คือว่าน้ำมะนาวเนี่ยมันเป็น
00:20:15 → 00:20:18 มันเก็บได้ไม่นานมันก็มีพยายามวิธีเนี่ย
00:20:18 → 00:20:20 ที่จะพยายามทำให้น้ำมะนาวกับได้นานขึ้น
00:20:20 → 00:20:23 ซึ่งก็คือเอาไปต้มยิ่งกว่านั้นคือต้มหม้อ
00:20:23 → 00:20:25 ทองแดงซึ่งปัจจุบันในเรารู้ว่าความร้อน
00:20:25 → 00:20:28 เนี่ยกับตัวทองแท้เนี่ยมันทำให้วิตามินซี
00:20:28 → 00:20:30 ในเสื่อมสภาพเพราะฉะนั้นน้ำมะนาวที่นำไป
00:20:30 → 00:20:33 ใช้เนี่ยมันก็เลยใช้ไม่ค่อยได้ผลบ้างก็
00:20:33 → 00:20:36 เลยเกิดมีคนที่เริ่มรู้สึกหรือว่ามีความ
00:20:36 → 00:20:38 เชื่อต่อน้ำมะนาวน้อยลงดังนั้นเนี่ยการ
00:20:38 → 00:20:40 ใช้น้ำมะนาวรักษาเนี่ยมันก็เหมือนกับขึ้น
00:20:40 → 00:20:43 ลงๆไปชวนคนก็ใช้เยอะไหมช่วงคนก็เริ่มลืม
00:20:43 → 00:20:45 มันไปเป็นวรรคพักให้โลกสะ curvy เนี่ยมัน
00:20:45 → 00:20:48 ก็ยังมีเกิดขึ้นอยู่ในยุโรปต่อเวลาตั้ง
00:20:48 → 00:20:49 ค่าช่วงสงครามโลกก็ที่ 1 เนี่ยมันก็จะมี
00:20:49 → 00:20:52 การขาดไว้เป็น c และเกิดโรคนี้อยู่ได้สุด
00:20:52 → 00:20:55 ท้ายโลกนี้มันมาจบจริงๆก็เต็มที่มีการ
00:20:55 → 00:20:58 สกัดวิตามินซีเอามาได้ซึ่งคนที่จะกัดได้
00:20:58 → 00:21:00 เนี่ยก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวฮังการีนะ
00:21:00 → 00:21:05 เขาสกัดวิตามินซีมาได้ในปี 1931 ชื่อเขา
00:21:05 → 00:21:09 คืออัลเบิร์ตเซนต์จอห์นจี้แล้วก็เพราะการ
00:21:09 → 00:21:10 ค้นพบอันนี้ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบล
00:21:10 → 00:21:13 ในที่สุดแล้วก็เป็นการจบเรื่องราวของ
00:21:13 → 00:21:16 วิตามินซีนะครับโอ้โหมันเป็นเรื่องที่ไม่
00:21:16 → 00:21:20 ใช่ว่าง่ายๆนั้นกว่าที่จะมาถึงจุดที่เจอ
00:21:20 → 00:21:23 เปิดบัญชีจริงๆแล้วเอามารักษาโรคได้จริงๆ
00:21:23 → 00:21:26 ใช่อันนี้ก็จะจบในอยากจะทิ้งท้ายไว้หนึ่ง
00:21:26 → 00:21:28 ก็คือว่ารู้ไหมว่าจริงๆเนี่ยพืชและสัตว์
00:21:28 → 00:21:31 ส่วนใหญ่เนี่ยไม่ต้องการวิตามินซีมี
00:21:31 → 00:21:33 พันธุ์มนุษย์และก็ใส่ไม่มีชนิดเท่านั้น
00:21:33 → 00:21:35 เองที่ต้องการวิตามินซีแต่ว่าเราจะคงไม่
00:21:35 → 00:21:38 คุยวันนี้เนอะเราได้คุยกันในพี่สนหน้าละ
00:21:38 → 00:21:42 กันโอเคค่ะถ้าเกิดว่าใครอยากจะรู้คำตอบก็
00:21:42 → 00:21:45 คงจะต้องติดตามกันในตอนต่อไปโอเควันนี้ก็
00:21:45 → 00:21:47 หมดเวลาแค่นี้เนอะแล้วเหรอคุยกันต่อในวัน
00:21:47 → 00:21:50 หน้าสำหรับวันนี้เนี่ยก็ขอบคุณนะครับที่
00:21:50 → 00:21:53 ติดตามฟังกันมาจนจบพิโสดสวัสดีครับสวัสดี
00:21:53 → 00:21:55 ค่าาคะ
00:21:55 → 00:21:58 แล้วก็ต้องขอขอบคุณโอซีแลนนะครับ
00:21:58 → 00:22:01 คอนแทคเลนส์รายวันทำจากวัสดุเทสกับฟิว
00:22:01 → 00:22:03 คะเนที่สนับสนุนรายการในพิสณฑ์นี้นะครับ
00:22:03 → 00:22:09 อ่ะ
00:22:09 → 00:22:15 [เพลง]
00:22:15 → 00:22:18 ม.ค