00:00:04 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:26 [เพลง]
00:00:26 → 00:00:29 ปัจจุบันการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้าส่ง
00:00:29 → 00:00:32 ผลใหุ้ขของคนนั้นยืนยาวขึ้นทำให้จำนวนผู้
00:00:32 → 00:00:36 สูงอายุมีมากขึ้นประชากรกลุ่มนี้จึง
00:00:36 → 00:00:38 เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังเช่นโรค
00:00:39 → 00:00:42 กระดูกพุนซึ่งจะส่งผลให้ผู้สูงวัยเข้าสู่
00:00:42 → 00:00:45 ภาวะพึ่งพาผู้อื่นและมีผลต่อคุณภาพชีวิต
00:00:45 → 00:00:50 ของผู้สูง
00:00:50 → 00:00:51 [เพลง]
00:00:51 → 00:00:55 อายุโรคกระดูกพุนจึงเป็นภัยเงียบที่กำลัง
00:00:55 → 00:00:59 คุกคามสุขภาพของประชากรในประเทศไทยโดย
00:00:59 → 00:01:02 เฉพาะสตรีวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากเป็น
00:01:02 → 00:01:05 สาเหตุทำให้กระดูกหักได้ง่ายกว่าคนปกติ
00:01:05 → 00:01:09 และการรักษาทำได้ยากมีภาวะแทรกซ้อนมากมาย
00:01:09 → 00:01:11 รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้าง
00:01:11 → 00:01:14 สูงซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ
00:01:14 → 00:01:15 ของ
00:01:15 → 00:01:18 ประเทศโรคกระดูกพรุนเนี่ยก็เป็นภัยเงียบ
00:01:18 → 00:01:22 อย่างนึงเป็นปัญหาสำคัญที่เกิดในผู้สูง
00:01:22 → 00:01:25 วัยอ่าไม่ใช่เฉพาะผู้สูงวัยความจริงเป็น
00:01:25 → 00:01:28 พวกวัยประจำเดือนก็เกิดได้เพียงแต่กลุ่ม
00:01:28 → 00:01:30 สูงวัยเนี่ยเป็นกลุ่มที่อีกกลุ่มหนึ่งที่
00:01:30 → 00:01:34 พบได้บ่อยโดยที่เขาน่ะไม่มีอาการเมื่อไม่
00:01:34 → 00:01:36 มีอาการกลุ่มนี้ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าตัว
00:01:36 → 00:01:38 เองเป็นเพรางั้นคิดว่าถ้าเราไม่รณรงค์โรค
00:01:38 → 00:01:41 นี้เนี่ยเราปล่อยไว้เนี่ยตัวโรคกระดูกพุน
00:01:41 → 00:01:43 จะนำไปสู่ภาวะกระดูกหักเมื่อมีการหกล้ม
00:01:43 → 00:01:46 เพรางั้นถ้าเรารอให้จนกระดูกหักแล้วก็
00:01:46 → 00:01:49 เป็นวันที่สายไปหน่อยพอสายไปแล้วก็ต้อง
00:01:49 → 00:01:51 เสียค่าใช้จ่ายคนแค้ช่วยตัวเองไม่ได้มีผล
00:01:51 → 00:01:54 ต่อคุณภาพชีวิตของเขามันคิดว่าการป้องกัน
00:01:54 → 00:01:57 น่าจะเป็นอะไรที่สมควรทำงั้นการให้ความ
00:01:57 → 00:02:00 รู้ในการดูแลสุขภาพในการว่าทำงไม่ให้ป้อง
00:02:00 → 00:02:02 กันไม่ให้เกิดภาวะกระดูกพรุนหรือคนที่
00:02:02 → 00:02:05 เป็นแล้วก็ยังต้องการการปรับพฤติกรรมใน
00:02:05 → 00:02:07 เรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายที่
00:02:07 → 00:02:09 เป็นประโยชน์กับเขาคิดว่าน่าจะได้
00:02:09 → 00:02:11 ประโยชน์นะค่ะก็เลยนำมาอ่าจัดกิจกรรมนี้
00:02:11 → 00:02:13 ขึ้น
00:02:13 → 00:02:18 ค่ะภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟูคณะแพทยศาสตร์
00:02:18 → 00:02:21 ศิริราชพยาบาลจึงได้จัดโครงการเวชศาสตร์
00:02:21 → 00:02:25 ฟื้นฟูนำความรู้สู่ผู้สูงวัยไทยครั้งที่
00:02:25 → 00:02:28 2/2557 ภายใต้หัวข้อโรคกระดูกพุนในผู้
00:02:28 → 00:02:31 สูงวัย
00:02:31 → 00:02:33 ในการจัดงานครั้งนี้นะคะภาควิชาเนี่ยก็
00:02:33 → 00:02:37 สนองนโยบายของทางคณะในการ่านำความรู้สู่
00:02:37 → 00:02:39 ผู้สูงอายุไทยเนื่องจากว่าเรารู้ว่าผู้
00:02:39 → 00:02:42 สูงอายุเป็นกลุ่มประชากรกลุ่มนึงที่เป็น
00:02:42 → 00:02:45 กลุ่มใหญ่ที่มาปัจจุบันเนี้ยประเทศเราก็
00:02:45 → 00:02:47 เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุละเพราะฉะนั้นผู้
00:02:47 → 00:02:49 สูงวัยก็จะเป็นกลุ่มนึงที่มีปัญหาเรื่อง
00:02:49 → 00:02:52 ของการสูญเสียสมภาพความสามารถเป็นกลุ่ม
00:02:52 → 00:02:54 ที่เห็นชัดๆเลยเพราะฉะนั้นเราคิดว่ากลุ่ม
00:02:54 → 00:02:57 เนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่เราน่าจะอ่ามาสนใจ
00:02:57 → 00:03:00 ให้ความสนใจจึงจัดงานอันนี้ขึ้นเราก็มุ่ง
00:03:00 → 00:03:03 หวังจะเอาการฟื้นฟูสมัตภาพเนี้ยเข้าไปกับ
00:03:03 → 00:03:06 กลุ่มผู้สูงอายุในกลุ่ม 5 โลกใหญ่ๆซึ่ง
00:03:06 → 00:03:09 วันนี้เราก็จัดอ่าโรคของกระดูกพรุนซึ่ง
00:03:09 → 00:03:10 เป็นหนึ่งใน 5 โรคที่เราคิดว่าเป็นโรคที่
00:03:10 → 00:03:15 พบบ่อยในผู้สูงอายุ
00:03:15 → 00:03:19 ค่ะช่วงนี้พบกับการบรรยายในหัวข้อโรค
00:03:19 → 00:03:23 กระดูกพรุนการป้องกันและการรักษาโรค
00:03:23 → 00:03:27 กระดูกพรุนเป็นยังไงนะคะก็คือโรคที่ตัว
00:03:27 → 00:03:29 เนื้อกระดูกนี่กระดูกเราเนี่ยนะกระดูกแค
00:03:29 → 00:03:33 กระดูกขาทุกส่วนในร่างกายเรานะคะตัว
00:03:33 → 00:03:37 กระดูกนั้นเนื้อลดลงนี่นี่ดูง่ายๆอันนี้
00:03:37 → 00:03:39 คือเนื้อดีนะคะกระดูกดีนะคะนี่กระดูก
00:03:40 → 00:03:44 พรุ่นนะคะลองดูเทียบกันนะคะเนื้อเนี่ยมัน
00:03:44 → 00:03:48 น้อยลงมยพวกเราน้อยคุณภาพนี่ไอ้นี่มัน
00:03:49 → 00:03:51 เชื่อมต่อกันดีจากตรงนี้ไปตรงนี้เชื่อม
00:03:51 → 00:03:53 ต่อหมดนะมีเชื่อมต่อมีสะพานเชื่อมต่อหมด
00:03:53 → 00:03:57 แต่ไอีนี่สะพานหักเห็นมยสะพานผอมเห็นมย
00:03:57 → 00:04:01 พร้อมจะหักซึ่งทั้งเนื้อและความแข็งแรง
00:04:01 → 00:04:06 เนี่ยนะคะลดน้อยลงและต้องเสี่ยงต่อการ
00:04:06 → 00:04:09 เกิดกระดูกหักทำไมมันถึงเกิดล่ะใน
00:04:09 → 00:04:11 ธรรมชาติของตัวกระดูกที่คุณมองไม่เห็น
00:04:12 → 00:04:15 เนี่ยนะเพราะว่ามีเซลล์อยู่ 2 ชนิดนะชนิด
00:04:15 → 00:04:20 นี้ก็คือเซลล์ทำลายกระดูกกินๆๆๆกระดูกของ
00:04:20 → 00:04:22 คุณอยู่เนี่ยทุกวันทุกวันทุกวันส่วนอี
00:04:23 → 00:04:26 เซลล์ตัวนี้มันชื่อเซลล์สร้าง
00:04:26 → 00:04:30 กระดูกเพราะฉะนั้นตั้งแต่เกิดเล็กจนตตที่
00:04:30 → 00:04:33 หมอพูดมันต้องทั้งสร้างและทำลายเพราะถ้า
00:04:33 → 00:04:36 ไม่สร้างเราเป็นเด็กเล็กๆตัวแค่เนี้ย 50
00:04:36 → 00:04:40 ซมเราจะสูงใหญ่ขึ้นมาเมตกว่าได้มมันต้อง
00:04:40 → 00:04:43 สร้างกระดูกใหม่ถูกมและถ้ามีแต่สร้างไม่
00:04:43 → 00:04:47 มีทำลายแย่มก็เป็นพวกใจน่ะพวกยักษ์อ่ะที่
00:04:47 → 00:04:50 ตัว 2 เมตกว่านะเพราะงั้นก็ต้องมีการ
00:04:50 → 00:04:53 สร้างและมีการทำลายแต่ภาวะปกตินั้นการ
00:04:53 → 00:04:57 สร้างและการทำลายจะสมดุลหมายความว่าสร้าง
00:04:57 → 00:05:01 กับทำลายมันก็คือพอๆกันเราก็จะไม่โตใหญ่
00:05:01 → 00:05:03 แล้วเราก็จะไม่โแคะ
00:05:03 → 00:05:06 แก่นตอนเล็กๆตั้งแต่เล็กตั้งแต่แรกเกิดจน
00:05:06 → 00:05:10 ถึงอายุวัยสรุ่นเนี่ยเราก็จะมีสร้างมาก
00:05:10 → 00:05:13 กว่าทำลายถูกมก็ 50 ซม 60 ซมสูงขึ้นสูง
00:05:13 → 00:05:17 ขึ้นขึนเรื่อยๆจนเมตกว่าเห็นมจนเข้าสู่
00:05:17 → 00:05:20 ผู้ใหญ่มีประจำเดือนผู้หญิงก็เข้าสู่วัย
00:05:20 → 00:05:23 ประจำเดือนผู้ชายก็เสียงแตกละเป็นหนุ่ม
00:05:23 → 00:05:25 อันนั้นก็คือเป็นพีของเขาะก็ประมาณ 10
00:05:25 → 00:05:29 กว่าขวบวัยรุ่นน่ะทอันนั้นก็คือสร้างมาก
00:05:29 → 00:05:32 กว่าทำลายหลังจากนั้นไปพอกระดูกมันเริ่ม
00:05:32 → 00:05:35 ปิดไม่ได้หมายความว่าการสร้างการทำลายมัน
00:05:35 → 00:05:37 จะหยุดไม่ใช่มันก็ยังทำอยู่นะแต่กระดูก
00:05:37 → 00:05:40 มันปิดะปิดคือไม่ยาวกว่านี้ละผู้ใหญ่ก็
00:05:40 → 00:05:42 เลยตัวเท่าเดิมเห็นมเราก็เลยมีความสูง
00:05:42 → 00:05:45 ประมาณเนี้ยเมตรกว่าๆนะและไอ้การสร้าง
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยมันจะสร้างเยอะที่สุดเลยเมื่อตอน
00:05:48 → 00:05:51 อายุ 30 ถ้าต่ำ 30 แปลว่าคุณกำลังสร้าง
00:05:51 → 00:05:54 อยู่แต่เมื่อตอนเราเลย 30 แปลว่าเราหยุด
00:05:54 → 00:05:57 หมายความคามว่าพีคอ่ะพีคคือสร้างสูงสุด
00:05:57 → 00:06:01 เนี่ยหยุดไปะตอนนี้เราอยู่ช่วงถอยคือลดๆๆ
00:06:01 → 00:06:05 ๆแต่เราจะถอยเห็นเยอะๆอยู่ 2 ช่วงคือช่วง
00:06:05 → 00:06:09 หนึ่งคือวัยหมดประจำเดือนประจำเดือนเนี่ย
00:06:09 → 00:06:11 มันมันมันบ่งบอกว่าฮอร์โมนเพศเราที่เกิด
00:06:11 → 00:06:15 จากรังไขเนี่ยมันหมดละพอมันหมดฮอร์โมนเพศ
00:06:15 → 00:06:18 นี้สำคัญมากถ้าไม่มีฮอร์โมนเพศหญิงกระดูก
00:06:18 → 00:06:20 เราก็จะเข้าสู่เนี่ยกระดูกพนคือมีการ
00:06:20 → 00:06:23 ทำลายเยอะมากเป็นช่วงที่มีการทำลายประมาณ
00:06:23 → 00:06:27 ปีละ 3 -5% ต่อปีเยอะมากเลยนะคะกลับอีก
00:06:27 → 00:06:30 ช่วงนึงคือช่วงสว
00:06:30 → 00:06:34 เนี่ยสวเนี่ยคือ 65 อัพขึ้นไปเนี่ย 60 65
00:06:34 → 00:06:36 อัเนี่ยเป็นช่วงที่มีการทำลายเยอะอีก
00:06:37 → 00:06:39 ครั้งหนึเพราะฉะนั้นคุณผู้ชายที่อายุเกิน
00:06:39 → 00:06:42 70 ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดกพุน
00:06:42 → 00:06:46 ได้เช่นกันผู้ชายเขาเกิดมาเนี่ยข้อดีเา
00:06:46 → 00:06:48 คือเขามีฮอร์โมนเพศชายมีโมนเพศหญิงใช่ม
00:06:48 → 00:06:50 ฮอโมนเพศชายเนี่ยทำให้พวกผู้ชายทั้งหลาย
00:06:50 → 00:06:53 แหล่เนี่ยมวลกระดูกมากกว่าเพศหญิงตั้งแต่
00:06:53 → 00:06:56 เกิดแล้วเราก็ขาดทุนเขาตั้งแต่เกิดแล้ว
00:06:56 → 00:06:59 เขามีมากกว่าเราเพงั้นเราจึงเข้าสู่จำ
00:06:59 → 00:07:02 เือนปั๊บเราก็ถูกถอนอีกรอบนึงผู้หญิงก็
00:07:02 → 00:07:04 เลยเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคกระดูกพรุน
00:07:04 → 00:07:08 เห็นชัดเห็นเร็วดูยังไงพอหกล้มอายุสัก 40
00:07:08 → 00:07:11 กว่าๆ 50 พอล้มเมื่อไหร่เอามือยันกระดูก
00:07:11 → 00:07:14 ข้อมือหักเห็นมั้ยผู้หญิงอายุประมาณสัก 50
00:07:14 → 00:07:17 คล้องแขนนี้เรื่อยเลยคล้องสะพายถามพอเห็น
00:07:17 → 00:07:21 แต่ไกลรู้แล้วเริ่มกระดูกพุนเข้าใจยังอัน
00:07:21 → 00:07:24 นี้คือบ่งบอกว่าทำไมผู้หญิงถึงได้เป็น
00:07:24 → 00:07:27 ก่อนผู้ชายต้นทุนก็น้อยฮอร์โมนเพศเราก็
00:07:27 → 00:07:30 หมดเร็วใช่มั้ยแล้วพพอเราหกลมามือยันปั๊บ
00:07:30 → 00:07:35 มันก็เปาะก็หักก็เข้าสู่อ่าคำนิยามเมื่อ
00:07:35 → 00:07:37 กี้นี่ไงว่าข้างในมันโครงสร้างมันเปลี่ยน
00:07:37 → 00:07:39 ไปแล้วแต่เรายังไม่เห็นพอเราล้มเอามือยัน
00:07:39 → 00:07:42 หน่อยเดียวไม่เห็นหน้าจะหักเลยเราเป็น
00:07:42 → 00:07:45 เด็กกระแทกแรงกว่านี้ยังไม่หักเลยแต่ทำไม
00:07:45 → 00:07:48 พอเราเข้าสู่สวเอามือยันหน่อยเดียวนะใช่
00:07:48 → 00:07:52 มยยังหักเลยถูกมอันนี้ก็คือคือคือโรค
00:07:52 → 00:07:56 กระดกพุนนะคะเพราะฉะนั้นในช่วงสูงวัย
00:07:57 → 00:07:59 เนี่ยมีการทำลาย
00:08:00 → 00:08:03 มากกว่าการสร้างพอเรารู้เป็นโรคยังไงทำไม
00:08:03 → 00:08:07 ถึงเกิดแล้วแล้วมีความสำคัญยังไงก็คือว่า
00:08:07 → 00:08:09 โรคเนี้ยอ่าทำให้เกิดกระดูกหักเมื่อกี้
00:08:09 → 00:08:12 เราคุยกันใช่มั้ยคะไอ้กระดูกหักที่ชอบหัก
00:08:12 → 00:08:15 คือชอบหักกระดูกข้อมือกระดูกสันหลัง
00:08:15 → 00:08:17 กระดูกหัวสะโพกในบรรดา 3-4 ตำแหน่งนี้ที่
00:08:17 → 00:08:20 เป็นตำแหน่งที่พบบ่อยเนี่ยพบว่าตำแหน่ง
00:08:20 → 00:08:22 กระดูกสะโพกเนี่ยเป็นที่ซีเรียสซีเรียส
00:08:22 → 00:08:26 แปลว่าอะไรไอ้ข้อมือถ้ามันหักก็ใส่เฝือก
00:08:26 → 00:08:30 กระดูกหลังที่มันยุบก็หลังค่อมนะบางคนก็
00:08:30 → 00:08:32 ปวดหน่อยลุกไม่ได้ไปสักอาทิตย์ 2 อาทิตย์
00:08:32 → 00:08:35 3 อาทิตย์เอ๊ะทำไมตัวค่อยๆเตี้ยลงเตี้ย
00:08:35 → 00:08:38 ลงเตี้ยลงก็มันค่อยๆยุบๆๆๆกระดูกยุบกับ
00:08:38 → 00:08:41 กระดูกหักเหมือนกันนะคะยุบกับหักเหมือน
00:08:41 → 00:08:44 กันร้าวหรืออะไรเงี้ยคำเดียวกันหมดคือหัก
00:08:44 → 00:08:47 แต่หักมันดูแรงใช่มร้าวมันดูเบาเนาะก็
00:08:47 → 00:08:49 เรื่องเดียวกันยุคก็เหมือนกันเรื่องเดียว
00:08:49 → 00:08:53 กันนะเพราะงั้นถ้าเกิดเกิดที่สะโพกตรง
00:08:53 → 00:08:56 สะโพกมันต้องเดินถูกมถ้ากระดูกหัวสะโพก
00:08:56 → 00:09:01 หักเดินได้มไม่ได้เพราะั้นเป็นปัญหามากนะ
00:09:01 → 00:09:04 แล้วก็มันก็ชอบเกิดตอนที่อายุสัก 70 อั
00:09:04 → 00:09:07 ป่ะ 70 80 ถ้าใครมีพ่อแม่อยู่อายุ 90
00:09:07 → 00:09:10 เนี่ยอย่าให้ล้มทีเดียวถ้าล้มเมื่อไหร่ก็
00:09:10 → 00:09:13 เตรียมตัวไปนอนโรงพยาบาลผ่านแน่นะเพราะ
00:09:13 → 00:09:18 กระดูกเปราะบางนะทีนี้อ่าก็เกิดเยอะๆคือ
00:09:18 → 00:09:21 ในคนอายุ 50 เกิดแค่ 100 กว่าครั้งแต่ถ้า
00:09:21 → 00:09:24 อายุ 75 เกิดเพิ่มขึ้นไปกี่เท่าเนี่ยเห็น
00:09:24 → 00:09:28 มนะ 5-6 เท่าเห็นมอันนั้นแปลว่าเป็นโรค
00:09:28 → 00:09:32 ของผู้สูงวัยมั้ยเป็นนะอันนี้ก็แปลว่า
00:09:32 → 00:09:35 อายุเยอะขึ้นก็มีโอกาสเกิดกระดูกสะโพกหัก
00:09:35 → 00:09:40 มากขึ้นนะตรงไปตรงมานะอันนี้ก็เจอที่
00:09:40 → 00:09:43 กระดูกหลังส่วนเอวตรงนี้ก็สะเอวอ่ะภาษา
00:09:43 → 00:09:46 เราเรียกสะเอวภาษาหมอเเรเรียกกระดูกหลัง
00:09:46 → 00:09:48 ถ้าเรียกกระดูกเอวไม่มีเรียกกระดูกหลัง
00:09:48 → 00:09:52 ส่วนเอวนะก็พบประมาณนี้ 1 ใน 5 อัน 1 ใน 5
00:09:52 → 00:09:55 นะคะกระดูกสะโพกก็เพะประมาณนี้นะคะก็แล้ว
00:09:55 → 00:09:58 แต่การศึกษาว่าจะเป็นของใครอย่างไรก็ตาม
00:09:58 → 00:10:00 มันเป็นธรรมชาติคืออย่างงี้แหละงั้นเราจะ
00:10:00 → 00:10:03 เห็นว่าพออายุเยอะๆก็จะเจอแต่โกเรื่อง
00:10:03 → 00:10:06 กระดูกหักเพราะฉะนั้นความจริงข้อที่ 1
00:10:06 → 00:10:10 ที่อยากให้เรารับทราบคือโรคเนี้ยมันพบ
00:10:10 → 00:10:11 เยอะเหมือนกัน
00:10:11 → 00:10:17 นะแต่เราไม่ค่อยรู้ไงเราไม่ค่อยรู้พบเยอะ
00:10:17 → 00:10:21 เหมือนกันไม่ใช่น้อยและยังเป็นโรคที่มี
00:10:21 → 00:10:25 เรื่องของค่าใช้จ่ายก็คือแพงนะเพราะ
00:10:25 → 00:10:29 ฉะนั้นอ่าค่าใช้จ่ายก็เป็นปัญญหา
00:10:29 → 00:10:32 เมื่อเกิดกระดูกหักแล้วเนี่ยนะคะอ่าความ
00:10:32 → 00:10:34 จริงที่ 3 คือโรคนี้ทำให้เกิดกระดูกหัก
00:10:34 → 00:10:39 ได้หืเกิดกระดูกหักแล้วยุ่งเนาะโรคกระดูก
00:10:39 → 00:10:42 พรุนก็เป็นโรคที่อ่ามีเนื้อเนื้อกระดูก
00:10:42 → 00:10:46 เนี่ยมันลดลงแล้วก็คุณภาพของกระดูกก็แย่
00:10:46 → 00:10:49 ลงส่งผลต่อความแข็งแรงของกระดูกและมีความ
00:10:49 → 00:10:52 เสี่ยนต่อการเกิดกระดูกหักแปลง่ายๆคือ
00:10:52 → 00:10:56 เนื้อก็น้อยความแข็งแกร่งก็น้อยแล้วก็ยัง
00:10:56 → 00:11:00 เกิดกระดูกหักอีกอันเนี้ยครบอ่าเกณฑ์ของ
00:11:00 → 00:11:02 การวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพุนเลยค่ะโดย
00:11:02 → 00:11:05 ทั่วไปเราเรียกว่าโรคเนี้ยว่าเป็นไผ่
00:11:05 → 00:11:08 เงียบคำว่าไผ่เงียบแปลว่าคุณนั่งอยู่
00:11:08 → 00:11:11 เนี่ยหมอเชื่อว่ามีคนเป็นหมอเชื่อว่ามีคน
00:11:11 → 00:11:15 เป็นแต่คุณจะรู้ได้ยังไงยากเพราะไม่มี
00:11:15 → 00:11:21 อาการไม่มีอาการแต่ถ้ากระดูกหักแล้วมี
00:11:21 → 00:11:25 อาการอ้าทำไมอ่ะก็ล้มไปเอามือยันก็ปวดสิ
00:11:25 → 00:11:30 น่ะปวดมกระดูกหักปวดมปวดอ่ากระดูกหักที่
00:11:30 → 00:11:33 ไหนก็ปวดทุกที่เลยมีปวดหลังโกงคือเมื่อ
00:11:34 → 00:11:35 ยุบที่เมื่อกระดูกที่ยุบนั้นเป็นกระดูก
00:11:35 → 00:11:41 สันหลังล้มก้นกระแทกนะกระดูกสันหลัง้ายุบ
00:11:41 → 00:11:44 ไปก็หลังโกงหรือถ้าเป็นกระดูกสะโพกก็เดิน
00:11:44 → 00:11:46 ไม่ได้ช่วยตัวเองไม่ได้เห็นยังว่าคำว่า
00:11:47 → 00:11:51 ภัยเงียบมันแปลว่าไม่มีอาการงั้นเราก็จะ
00:11:51 → 00:11:54 ไม่รู้ไม่เหมือนความดันวัดปั๊บอู้ความดัน
00:11:54 → 00:11:57 ขึ้นเจาะเบาหวานเจาะน้ำตาลเบาหวานน้ำตาล
00:11:57 → 00:12:01 เธอขึ้นนะอีนี่เนี่ยมันต้องไปตรวจเฉพาะ
00:12:01 → 00:12:04 ของเขานั่งเฉยๆไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณเป็น
00:12:04 → 00:12:06 ไม่มีทางรู้อ่าเนื่องจากโรคนี้เป็นภัย
00:12:06 → 00:12:09 เงียบนะคะโอกาสที่จะสังเกตจากอาการทั่วไป
00:12:09 → 00:12:12 เนี่ยยากยกเว้นอ่าคุณอาจจะเห็นว่าเนี่ยมี
00:12:12 → 00:12:15 หลังคร่อมคนที่มีหลังคร่อมเนี่ยก็แปลว่า
00:12:15 → 00:12:18 คนๆเนี้เคยมีปัญหาเรื่องกระดูกหักมาก่อน
00:12:18 → 00:12:20 ค่ะหรือว่าคนที่เคยมีประวัติกระดูกหักเลย
00:12:20 → 00:12:23 ตรงๆเลยอันนี้ก็เป็นปัญหาของผู้สูงอายุ
00:12:23 → 00:12:27 เช่นเดียวกันค่ะกลุ่มเป้าหมายนี่ไงใช่มย
00:12:27 → 00:12:30 ล่ะเราข้อ 1 ป่ะเนี่ยสาวๆเยอะกว่าเยอะ
00:12:30 → 00:12:32 เนี่ยสาวน้อยทั้งหลายแหล่ฉันเนี่ยหมอก็
00:12:32 → 00:12:35 เป็นกลุ่มหนึในนี้นะก็จะตีไปหมดประจำ
00:12:35 → 00:12:39 เดือน 2 สวหนุ่มก็ include เรวมด้วยรวม
00:12:39 → 00:12:42 หนุ่มด้วยมสวผู้ชายให้ 70 แล้วกันนะให้
00:12:42 → 00:12:44 ประมาณ 70 แล้วกันนะ 60 กว่ากๆ 70 แล้ว
00:12:44 → 00:12:48 กันนะคนที่กินยาบางประเภทบางคนเนี่ยกินยา
00:12:48 → 00:12:51 โดยเฉพาะยาสเตอรอยด์รู้จักยาสเตอรอยด์มยา
00:12:51 → 00:12:54 ครอบจักรวาลทำไมชื่อครอบจักรวาลรักษาทุก
00:12:55 → 00:12:58 โรคเป็นโรคอะไรหายหมดสักพักนึงก็หายไปจาก
00:12:58 → 00:13:01 โลกสระโอรอลิงกไก่นะไม่ใช่สระโอรเรือคอ
00:13:01 → 00:13:05 ควายนะอ่ามันมันมันครอบจักรวาลรักษาดีทุก
00:13:05 → 00:13:09 โรคเลยแต่อ่าผลข้างเคียงเยอะถ้ากินต่อ
00:13:09 → 00:13:12 เนื่องยาวนานอันตรายมากกว่าคุณโทษน่ะมาก
00:13:12 → 00:13:15 กว่าคุณเพราะฉะนั้นยาพวกเนี้ยถ้าใครกิน
00:13:15 → 00:13:18 นานๆก็เป็นกลุ่มเป้าหมายคือเป็นพวกที่มี
00:13:18 → 00:13:21 โอกาสจะเป็นยากันชักยากันเลือดแข็งอันนี้
00:13:21 → 00:13:23 ไม่เกี่ยวกับเราเกี่ยวกับหมอที่เขาจะสั่ง
00:13:23 → 00:13:26 ให้คนไข้กินนะอ่าบางโรคอันนี้เพียงแค่
00:13:26 → 00:13:29 เล่าให้คุณฟังว่าคนไข้บางโรคเนี่ยคนเเป็น
00:13:29 → 00:13:31 ไทรอยด์รู้จไทลอยมอยู่ตรงเนี้ยแถวๆเย
00:13:31 → 00:13:35 ไทรอยด์เนี่ยถ้าหมอบอกว่าเราเป็นไทรอยด์
00:13:35 → 00:13:39 อ่าเป็นกลุ่มนี้มยไทลอยเป็นพิษพวกนี้จะใจ
00:13:39 → 00:13:43 สั่นเหงื่อแตกโอชีพจรเร็วมากผอมทำอะไเร็ว
00:13:44 → 00:13:45 อย่าเงี้ยพวกกลุ่มนั้นหมอจะวินิจฉัยจะ
00:13:45 → 00:13:48 เจาะเลือดเราดูเพียงแต่เล่าให้ฟังว่าโรค
00:13:48 → 00:13:50 บางโรคไม่ว่าจะเป็นไทรรอยด์หรือโรคข้อ
00:13:50 → 00:13:54 อักเสบรูมาตอยอะไรก็ตามเนี่ยโรคบางโรคนำ
00:13:55 → 00:13:59 ให้คนไข้กลุ่มโลกนั้นเป็นกระดูกพรนได้อ่า
00:13:59 → 00:14:02 มาดูซิใครมีมั่งปัจจัยเสี่ยงภาษาแพทย์
00:14:02 → 00:14:04 เรียกปัจจัยเสี่ยงภาษาเราเรียกว่าคนที่มี
00:14:04 → 00:14:08 ลักษณะดังต่อไปเนี้ยเป็นกลุ่มที่มีโอกาส
00:14:08 → 00:14:12 เป็นกระดูกพุนเป็นมั้ยข้อนึงผู้หญิงนี่
00:14:12 → 00:14:15 เยอะเลยเนี่ยอายุเยอะๆเป็นมั้ยเข้าข่าย
00:14:15 → 00:14:19 ยิ่งมากกว่า 65 ใช่เลยเนี่ยเข้าข่ายเลยนะ
00:14:19 → 00:14:21 เชื้อชาติเนี่ยเราโชคดีที่เราเป็นคนผิว
00:14:21 → 00:14:26 เหลืองนะผิวขาวคือฝรั่งผิวดำนิโกพวกเราใน
00:14:27 → 00:14:29 เอเชียเรียกผิวเหลืองเพรางั้นเราอยู่ตกลา
00:14:29 → 00:14:32 งก็ยังดีหน่อยนะคือความว่าความเสี่ยงเรา
00:14:32 → 00:14:34 น้อยกว่าฝรั่งฝรั่งมีโอกาสเป็นโรคกระดูก
00:14:34 → 00:14:38 พรุนมากกว่าเรานะคะกรพันธ์อันเนี้ยเป็น
00:14:38 → 00:14:42 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากถ้าใครมีนะเมื่อ
00:14:42 → 00:14:44 กี้คือปัจจัยที่แก้ไม่ได้หมายความว่าเกิด
00:14:44 → 00:14:47 มาเป็นผู้หญิงเกิดมาอายุเยอะขึ้นเยอะขึ้น
00:14:47 → 00:14:49 เยขึ้นมันมีใครอายุน้อยลงมีแต่คนอายุเยอะ
00:14:49 → 00:14:52 ขึ้นก็แก้ไม่ได้ผิวขาวผิวเหลืองผิวดำก็
00:14:52 → 00:14:56 แก้ไม่ได้นะแต่ตรงหน้าสไลด์เนี้ยเป็นเป็น
00:14:56 → 00:15:00 ความเสี่ยงที่แกได้แก้ได้หมายความว่าถ้า
00:15:00 → 00:15:02 เราเป็นคนมีพฤติกรรมเสี่ยงที่ไม่ดีเช่น
00:15:02 → 00:15:06 เป็นคนชอบดื่มสุราาชอบสูบบุหรี่ชอบดื่ม
00:15:06 → 00:15:10 กาแฟชอบดื่มหน้าำอัดลมอันนี้เป็นพฤติกรรม
00:15:10 → 00:15:13 เสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดกกรุนก็คือไอ้พวก
00:15:13 → 00:15:16 เนี้ยเป็นพวกที่ดึงเอาแคลเซียมออกจากตัว
00:15:16 → 00:15:20 เรานะเป็นพวกไม่ดีพูดง่ายๆพวกที่ไม่ชอบ
00:15:20 → 00:15:24 ออกกำลังกายวันๆนั่งนอนๆก็เป็นกลุ่มที่
00:15:24 → 00:15:27 เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนพวกกิน
00:15:27 → 00:15:29 แคลเซียมไม่พอเดี๋ยวจะที่ให้ฟังว่า
00:15:29 → 00:15:32 แคลเซียมอยู่ตรงไหนยังไงนะแต่พวกที่กิน
00:15:32 → 00:15:35 เลือกอ่ะเลือกมากรู้จักมั้ยเลือกกินน่ะ
00:15:35 → 00:15:37 ถ้าคนชอบเลือกกินคือไม่ชอบไอ้นั่นไม่ชอบ
00:15:37 → 00:15:41 ไอ้โนนไม่ชอบสารพัดไม่ชอบอันนี้ก็ลำบากละ
00:15:41 → 00:15:43 คือกินซ้ำกินซากคือชอบอยู่แค่ข้าวมันไก่
00:15:43 → 00:15:46 ข้าวมันไก่ข้าวมันไก่อย่างเงี้ยแย่นะอัน
00:15:46 → 00:15:48 นี้คือกินซ้ำกินซากต้องกินหลายๆอย่างที่
00:15:48 → 00:15:52 อธิบายต่อไปนะหรือว่าฟันไม่ดีฟันไม่ดีก็
00:15:52 → 00:15:56 กินลำบากถูกมยหรือว่าระบบย่อยอาหารไม่ดี
00:15:56 → 00:15:58 กินแล้วถ่ายกินแล้วถ่ายคือยังไม่ทันได้
00:15:58 → 00:16:01 ดูดซึมเลยไปซะแล้วนะนี้ก็เป็นโรคของลำไส้
00:16:01 → 00:16:05 นะนี้ก็เป็นกลุ่มอยู่ในข่านี้แล้วก็พวก
00:16:05 → 00:16:08 ที่น้ำหนักตัวน้อยๆผอมบางอ่าความอ้วน
00:16:08 → 00:16:10 เนี่ยมีอย่างเดียวที่ดีคือไม่เป็นโรค
00:16:10 → 00:16:13 กระดูกผนแต่ไม่ใช่ว่าต้องอ้วนแล้วจะดีไม่
00:16:13 → 00:16:16 ใช่น้ำหนักที่มันเยอะกว่าปกติเวลาเราอายุ
00:16:16 → 00:16:18 เยอะขึ้นเราจะอ้วนหรือเราจะผอมคะเราจะ
00:16:18 → 00:16:21 อ้วนง่ายปกติจะอ้วนง่ายเพราะว่าอะไรเพราะ
00:16:21 → 00:16:24 เราใช้พลังงานน้อยนะเมีวิธีคิด BMI นี่
00:16:24 → 00:16:28 คือดัชนีมวนกายซึ่งคิดโดยการเอาอ่าน้ำ
00:16:28 → 00:16:32 หนักหนักน้ำหนักนะน้ำหนักของเรานะหารด้วย
00:16:32 → 00:16:36 ความสูงเป็นเม็ด 2 ที 2 ทีนะออกมาต่ำกว่า
00:16:36 → 00:16:39 เบอร์ 19 แล้วไซสเนี่ยคือคำว่าผอมบางก็
00:16:39 → 00:16:42 คือเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องเพิ่มน้ำหนักหน่อย
00:16:42 → 00:16:45 อ่าอันนี้ผู้ที่มีความเสี่ยงการหกล้มอัน
00:16:45 → 00:16:48 นี้คือพวกสวที่สูญเสียการทรงตัวหรือคนบาง
00:16:48 → 00:16:51 คนมีโรคทางระบบประสาทเดินแล้วก็ตะเเปะ
00:16:51 → 00:16:53 ตะปะตหล่นอยู่เรื่อยไอ้กลุ่มนี้ก็เป็น
00:16:53 → 00:16:56 กลุ่มเสี่ยงนะเพราะงั้นพวกนี้แก้ไขได้
00:16:56 → 00:16:59 ปัจจัยเสี่ยงที่ในแง่ของการเป็นโรคกระดูก
00:16:59 → 00:17:01 พุนนะคะเรามีแยกเป็นปัจจัยที่แก้ไม่ได้
00:17:01 → 00:17:04 กับแก้ได้เราจะพูดเรื่องแก้ได้แล้วกันนะ
00:17:04 → 00:17:07 เพราะแก้ไม่ได้อย่างพวกอะไรอายุเพศเชื้อ
00:17:07 → 00:17:09 ชาติพวกเนี้ยมันแก้ไม่ได้พูดไปก็ไม่มี
00:17:09 → 00:17:12 ประโยชน์แต่พวกที่แก้ได้คือยกตัวอย่างอ่า
00:17:12 → 00:17:14 คนที่อ่าเลือกรับประทานอาหารก็คือกิน
00:17:14 → 00:17:17 อาหารที่มีแคลเซียมน้อยนะคะหรือพวกที่ไม่
00:17:17 → 00:17:21 ชอบออกกำลังกายนั่งๆนอนๆชีวิตวันๆไม่ออก
00:17:21 → 00:17:24 กำลังกายพวกที่ไม่ยอมถูกแดดเลยอย่างเงี้ย
00:17:24 → 00:17:26 เพราะแดดเนี่ยเป็นตัวสร้างไวตามินดีที่
00:17:26 → 00:17:29 เป็นช่วยดูดซึมแคลเซียมกลักนะหรืออีก
00:17:29 → 00:17:31 กลุ่มนึงคือกลุ่มพวกที่มีพฤติกรรมเกี่ยว
00:17:31 → 00:17:36 กับด้านอ่าบุหรี่กาแฟแอลกอฮอล์หรือน้ำอัด
00:17:36 → 00:17:39 ลมพวกนี้เป็นตัวดึงแคลเซียมทิ้งเพราะงั้น
00:17:39 → 00:17:42 พอคุณกินแคลเซียมเข้าไปแต่มีพฤติกรรมการ
00:17:42 → 00:17:45 ดื่มสุราาด้วยหรือดื่มกาแฟเยอะๆก็จะดึง
00:17:45 → 00:17:47 แคลเซียมออกหมดเลยเอาออกทิ้งหมดก็จะไม่
00:17:47 → 00:17:50 ได้ประโยชน์จากการกินแคลเซียม
00:17:50 → 00:17:54 [เพลง]
00:17:54 → 00:17:59 ค่ะทีนี้การตรวจคัดกรองคำว่าคัดกรองหมาย
00:17:59 → 00:18:03 ความว่าคนไหนสมควรไปตรวจคนที่มีอายุผู้
00:18:03 → 00:18:06 หญิงที่อายุมากกว่า 65 ปีหรือผู้ชายอายุ
00:18:06 → 00:18:09 มากกว่า 70 ข้อ 1 เนี่ยถ้าใครเข้าขายนี้
00:18:09 → 00:18:13 แล้วไซ้ไม่มีอะไรเลยนะมีแค่อายุมากกว่า 15
00:18:13 → 00:18:16 สมควรตรวจแต่ถ้าคนอายุน้อยกว่า 65 ล่ะผู้
00:18:16 → 00:18:19 หญิงหรือน้อยกว่า 70 ล่ะต้องมีอันอื่นๆ
00:18:19 → 00:18:24 อีกอย่างน้อย 1 ข้อจึงสมควรตรวจ 1 ข้อที่
00:18:24 → 00:18:27 ว่านี้คือหมดประจำเดือนก่อน 45 ปีแปลง่าย
00:18:27 → 00:18:31 ๆคือไม่ได้หมดตามธรรมชาติเป็นโรคโน้นโลก
00:18:31 → 00:18:34 นี้โลกนั้นแล้วหมอเขเอาไปผ่าแล้วก็ยกบลูก
00:18:34 → 00:18:37 ทิ้งยกรังไข่ทิ้งพวกที่ถูกยกรังไข่ทิ้ง 2
00:18:37 → 00:18:41 ข้างก่อนายุ 45 ปีเป็นกลุ่มเสี่ยงอ่าขาด
00:18:41 → 00:18:45 ฮอร์โมนชื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนนะอ่าก่อน
00:18:45 → 00:18:48 ประจำเดือนหมายความว่ายังอายุไม่ถึง 50
00:18:48 → 00:18:50 เลยอ่าประจำเดือนมันหายไปนานกว่าปีนึงอัน
00:18:50 → 00:18:53 นี้เข้าข่ายข้อนี้ส่วนมากจะเป็นพวกเล่น
00:18:53 → 00:18:57 กีฬาหนักๆขายที่ 3 นะกินยาสเตอรอยด์วัน
00:18:57 → 00:19:01 วันละมากกว่า 7.5 มกรนานต่อเนื่อง 3
00:19:01 → 00:19:05 เดือนอ่าคนที่มีพ่อหรือแม่มีปัดกระดูก
00:19:05 → 00:19:07 สะโพกหักที่เป็นกรรมพันธ์ที่มีความเสี่ยง
00:19:07 → 00:19:10 สูงชัดเจนอ่ะชัดเจนในเรื่องของการคัดกรอง
00:19:10 → 00:19:12 กระดูกพุ่นนะคะเราก็ต้องเลือกกลุ่มที่มี
00:19:12 → 00:19:16 โอกาสจะเกิดไปคัดกรองถ้าเราคนทุกคนไปคัด
00:19:16 → 00:19:18 กรองก็จะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก
00:19:18 → 00:19:20 เพราะฉะนั้นคนที่ควรจะไปคัดกรองก็คือ
00:19:20 → 00:19:23 กลุ่มที่มีโอกาสเกิดเช่นอ่าอายุเยอะๆคือ
00:19:23 → 00:19:27 ผู้หญิงใช้ 65 ปีผู้ชายใช้ 70 ปีถ้าอายุ
00:19:27 → 00:19:30 เกินนี้ไปก็สมควรรการคัดกรองคือไปตรวจโรค
00:19:30 → 00:19:32 กระดูกคุณว่าเป็นหรือเปล่าแต่ถ้าคนที่
00:19:32 → 00:19:34 อายุน้อยกว่านี้นะคะเช่นผู้หญิงอายุน้อย
00:19:34 → 00:19:36 กว่า 65 ผู้ชายน้อยกว่า 70 มันต้องมี
00:19:36 → 00:19:39 ปัจจัยเสี่งอื่นๆร่วมด้วย 1 อย่างเช่นมี
00:19:39 → 00:19:43 ประวัติในบ้านว่าเคยมีพ่อแม่หรือพี่น้อง
00:19:43 → 00:19:46 มีกระดูกสะโพกหักอันนี้ก็เป็นปัจจเสี่ง
00:19:46 → 00:19:49 สำคัญนะหรือมีตัวผอมบางน้ำหนักตัวน้อยมาก
00:19:49 → 00:19:52 อันนี้ก็เป็นปัจจเสี่งอันที่ที่สำคัญนะคะ
00:19:52 → 00:19:56 หรือพวกที่กิน่ายาบางตัวเช่นยาสเตอรอยด์
00:19:56 → 00:20:00 หรือยากันกันชักยากันแข็งนะหรือพวกที่
00:20:00 → 00:20:03 เป็นข้ออักเสบรูมาตอยกลุ่มพวกนี้มีโอกาส
00:20:03 → 00:20:06 จะเกิดภาวะกระดูกพรุนได้บ่อยกว่าในกลุ่ม
00:20:06 → 00:20:08 คนทั่วไปค่ะเพราะฉะนั้นกลุ่มถ้ามีประวัติ
00:20:08 → 00:20:11 แบบนี้ก็สมควรได้รับการตรวจหรือว่ากลุ่ม
00:20:11 → 00:20:14 อีกกลุ่มนึงที่สำคัญก็คือกลุ่มที่ตัดอ่า
00:20:14 → 00:20:18 รังไข่ออกไปก่อนวัย 45 ปีอย่างเงี้ยเป็น
00:20:18 → 00:20:20 กลุ่มเสี่ยงเพราะฉะนั้นกลุ่มพวกนี้ก็สม
00:20:20 → 00:20:23 ควรรับการตรวจคัดกรองก่อนที่จะถึงอายุ 65
00:20:23 → 00:20:29 ปีค่ะการรักษาก็ใช้ยากับไม่ใช้ยาอีใช้ยา
00:20:29 → 00:20:32 ก็หนีไม่พ้น 2 ตระกูลเมื่อกี้หมอบอกแล้ว
00:20:32 → 00:20:37 โรคมันเกิดจากมีการทำลายกระดูกเยอะกับมี
00:20:37 → 00:20:40 การสร้างกระดูกน้อยเพราะนั้นยาก็ตรงไปตรง
00:20:40 → 00:20:44 มาคือยาก็ต้องลดการทำลายกระดูกซะหรือยา
00:20:44 → 00:20:48 กลุ่มให้สร้างเนื้อกระดูกซะถูกมตรงไปตรง
00:20:48 → 00:20:50 มาซึ่งยาจะกลุ่มไหนไม่เกี่ยวกับเราเกี่ยว
00:20:50 → 00:20:53 กับหมอที่เขารักษาเราในแง่การรักษาโดย
00:20:53 → 00:20:55 ทั่วๆไปเนี่ยเราก็จะมี 2 ประเภทใหญ่คือ
00:20:55 → 00:20:58 ประเภทหนึ่งคือการใช้ยาอีกประเภทหนึ่งคือ
00:20:58 → 00:21:02 ไม่ใช้ใช้ยานะคะเผอิญการใช้ยาเนี่ยเราจะ
00:21:02 → 00:21:04 มีจะอยู่ในหน้าที่ของแพทย์ซึ่งจะมีอยู่ 2
00:21:05 → 00:21:07 กลุ่มใหญ่คือกลุ่มลดการทำลายกระดูกกับ
00:21:07 → 00:21:09 เพิ่มการสร้างเนื้อกระดูกซึ่งทั้ง 2
00:21:09 → 00:21:11 กลุ่มเนี้ก็เป็นหน้าที่หลักของแพทย์เขา
00:21:11 → 00:21:13 เป็นคนจัดการแต่กลุ่มที่เราคุยกันในวัน
00:21:13 → 00:21:16 นี้ก็คือเรื่องของการไม่ใช้ยาซึ่งการไม่
00:21:16 → 00:21:19 ใช้ยาก็จะมี 3-4 อย่างใหญ่ๆคืออย่างแรกก็
00:21:19 → 00:21:22 จะล้อไปกันกับปัจจัยเสียนที่แก้ไขได้ก็
00:21:22 → 00:21:24 คือเราต้องเลือกอ่าอาหารที่อุดมด้วย
00:21:24 → 00:21:27 แคลเซียมและไวตามินดีนะคะย้ำว่าอาหาร
00:21:27 → 00:21:30 ประเภทไหนที่มีแคลเซียมวิตามินีสูงเพราะ
00:21:30 → 00:21:31 แคลเซียมนั้นจะเป็น
00:21:32 → 00:21:35 อ่าต้นต่อที่ร่างกายจะเอาไปสร้างไปเป็น
00:21:35 → 00:21:37 เนื้อกระดูกค่ะอันที่ 2 เราคุยกเรื่องของ
00:21:37 → 00:21:40 การปรับพฤติกรรมเรื่องของปรับพฤติกรรมก็
00:21:40 → 00:21:44 เรื่องของการเลี่ยงการสวดบุหรี่สุลานะ
00:21:44 → 00:21:48 แล้วก็พวกอ่ากาแฟนะน้ำผัดลมทั้งหลายแหล
00:21:48 → 00:21:50 เนี่ยพวกนี้ก็เป็นการปรับพฤติกรรมและสุด
00:21:50 → 00:21:53 ท้ายคือเรื่องการออกกำลังกายซึ่งการอกาย
00:21:53 → 00:21:56 ก็จะมีแบ่ง 3 ประเภทใหญ่คือการอกายที่มี
00:21:56 → 00:21:58 แรงกระทำต่อข้อนะคะมีการลงน้ำหนักเรา
00:21:58 → 00:22:00 เรียกเรียกการอกายที่มีการลงน้ำหนักแล้ว
00:22:00 → 00:22:03 ก็การอกายประเภทที่ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
00:22:03 → 00:22:05 เพื่อให้กล้ามเนื้อสะโพกขาเมีแรงดีเพื่อ
00:22:05 → 00:22:08 การยืนเดินที่ปลอดภัยไม่หกล้มและสุดท้าย
00:22:08 → 00:22:12 คือเรื่องการอ่าควบคุมการทรงตัวก็มี 3
00:22:12 → 00:22:15 ประเภทใหญ่ตามนี้นะค่ะเรื่องที่ 1 ที่
00:22:15 → 00:22:19 เกี่ยวกับการบพิธิกรรมคืออาหารอาหารก็
00:22:19 → 00:22:23 ต้องกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงวิตามินดี
00:22:23 → 00:22:28 ด้วยทำไมถึงมี 2 ตัวแคลเซียมเนี้อ่าเป็นส
00:22:28 → 00:22:32 สารตั้งต้นที่นำมาใช้ในการสร้างเนื้อ
00:22:32 → 00:22:35 กระดูกถ้าไม่มีแคลเซียมร่างกายที่มีเซลล์
00:22:35 → 00:22:38 สร้างกระดูกเมื่อกี้เนี้ยก็ไม่สามารถที่
00:22:38 → 00:22:41 จะสร้างกระดูกได้เพราะไม่มีสารตั้ง
00:22:41 → 00:22:47 ต้นดังนั้นเราจึงต้องกินอาหารที่มี
00:22:47 → 00:22:49 แคลเซียมเพื่อให้เป็นสารตั้งต้นให้ร่าง
00:22:49 → 00:22:52 กายเซลล์นี่ในตัวเราเนี่ยเอาไปสร้าง
00:22:52 → 00:22:54 กระดูกเพราะฉะนั้นไอ้อาหารที่มีแคลเซียม
00:22:54 → 00:23:00 สูงก็คือกลุ่มเนี้ยเช่นอะไรนมนมเนี่ยให้
00:23:00 → 00:23:04 เป็นนมขาดมันเนยปลาเล็กปลาน้อยกรุงแห้ง
00:23:04 → 00:23:07 กรุงฟ้อยกปีพวกเนี้ยปลากระป๋องปาดิน
00:23:07 → 00:23:11 สารพัดปลาเนี่ยเป็นปลาที่เรากินกระดูกใช่
00:23:11 → 00:23:15 ป่ะถูกมยปลาเล็กปลาน้อยคุณคายกระดูกมไม่
00:23:15 → 00:23:17 คุณเคี้ยวตั้งกระดูกหมดเลยอีกกระดูกก็คือ
00:23:17 → 00:23:20 แคลเซียมนั่นเองใช่เวลาคุณจะกินเนี่ยมี
00:23:20 → 00:23:23 อย่างเดียวนะก็คือถ้าคุณเป็นความดันโลหิต
00:23:23 → 00:23:26 สูงคุณต้องระวังนิดนึงเพราะว่าไอ้ปลาพวก
00:23:26 → 00:23:29 นี้มันมักจะไม่ค่อยมีจืดหรอก
00:23:29 → 00:23:31 ส่วนมากเค็มทั้งนั้นถ้าถ้าเราชิมแล้วร้าน
00:23:31 → 00:23:34 นี้ไม่เค็มมากก็โอ๊นะก็คือกลัวเรื่อง
00:23:34 → 00:23:37 เกลือเท่านั้นแหละเพราะอีเกลือเดี๋ยวพูด
00:23:37 → 00:23:40 ทีหลังว่ามันจะไม่ถูกกันกับไอ้โรคเนี้ย
00:23:40 → 00:23:42 คือไม่ดีนะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเราเป็นความ
00:23:42 → 00:23:45 ิตสูงก็ต้องระวังนิดนึงแต่พวกเนี้ยเป็น
00:23:45 → 00:23:48 พวกที่มีก้างเกิ้งทั้งเนี่ยกินทั้งก้างป
00:23:48 → 00:23:51 กระป๋องเนี่ยอร่อยดีใช่มก็ได้แคลเซียมปสด
00:23:51 → 00:23:54 พวกนี้จะมีทั้งแคลเซียมและไวตามินดียัง
00:23:54 → 00:23:57 ไม่ได้บอกเลยไวตามินดีเนี่ยเป็นคู่หูของ
00:23:57 → 00:24:01 แคลเซียมนะอ่าคำว่าคู่หูแปลว่าต้องถ้ามา
00:24:01 → 00:24:04 คู่กันแล้วไซสจะทำงานได้ดีมากอ่าผักใบ
00:24:04 → 00:24:07 เขียวเชื่อมยผักใบเขียวก็มี
00:24:07 → 00:24:10 แคลเซียมแต่ไม่ได้มีทุกประเภทก็มีผัก
00:24:10 → 00:24:13 ประเภทเนี้ยเผักพูตเพาะผักคะน้าผักกอง
00:24:13 → 00:24:18 ตุ้งผักกาดผักบรอกโคลี่เหมแม่บ้านซื้อไป
00:24:18 → 00:24:21 ให้เด็กๆที่บ้านกินนะคะเต้าหู้เต้าหู้
00:24:21 → 00:24:24 เนี่ยแนะนำเต้าหู้ก้อนเห็นมั้เต้าหู้ก้อน
00:24:24 → 00:24:28 เนี่ยนะมีปริมาณแคลเซียมมากกว่าเต้าหู้
00:24:28 → 00:24:28 หลอ
00:24:28 → 00:24:32 และมากกว่าน้ำเตาหู้เนี่ยหมอจะบอกว่าแต่
00:24:32 → 00:24:36 ละวต้องการแคลเซียมในปริมาณที่ไม่เท่ากัน
00:24:36 → 00:24:41 เด็กเล็กๆยังโตๆๆๆต้องการแคลเซียมเยอะนะ
00:24:41 → 00:24:44 พอเป็นผู้ใหญ่ะหยุดโตแล้วก็กินแค่เนี้ย
00:24:44 → 00:24:48 800 ต่อวันสวมันถูกทำลายเยอะต้องการ
00:24:48 → 00:24:53 ประมาณ 1000 คนให้นมลูกลูกก็จะมาดูดเอานม
00:24:53 → 00:24:57 ไปถ้าคนตั้งคันหรือให้นมบุดไม่กิน
00:24:57 → 00:25:01 แคลเซียมตัวเองก็จะเหมือนกับถอนถนแบงค์
00:25:01 → 00:25:04 อ่ะแคลเซียมในตัวก็จะลดน้อยลงงั้นคนที่มี
00:25:04 → 00:25:07 ให้นมบุดหรือตั้งครรภ์ยิ่งต้องรับประทาน
00:25:07 → 00:25:09 แคลเซียมเยอะหน่อยถัดไปจากแคลเซียมก็เป็น
00:25:09 → 00:25:13 ไวตามินดีที่ว่าเป็นคู่หูหมายความว่าถ้า
00:25:13 → 00:25:17 เราไม่มีไวตามินดีเรากินแคลเซียมเข้าไปใน
00:25:17 → 00:25:20 ร่างกายแล้วไซสการดูดซึมแคลเซียมเอาไปใช้
00:25:20 → 00:25:23 งานคือเอาไปเก็บที่กระดูกเนี่ยมันก็เกิด
00:25:23 → 00:25:28 ไม่ดีเพราะวตามินดีเท่านั้นจะพาแคลเซียม
00:25:28 → 00:25:31 ไปเก็บที่กระดูกมีในไหนมั่งเนี่ยๆๆเนี่ย
00:25:31 → 00:25:33 จริงๆมันก็มีในแหล่งคล้ายๆกับแคลเซียม
00:25:33 → 00:25:36 นั่นแหละแต่ที่เพิ่มเติมมาก็นี่แซมอนกิน
00:25:36 → 00:25:40 มยสดนก็กับกระป๋องเรานมเขก็เติมไวตามินดี
00:25:40 → 00:25:44 มาเห็ดหอมไข่แดงน้ำมันพืชทำนองนี้นะอ่า
00:25:44 → 00:25:48 สิ่งสำคัญคือไวตามินดีนั้นใน
00:25:48 → 00:25:53 สวมีโอกาสขาดขาดก็เพราะว่าไวตามินดีนั้น
00:25:53 → 00:25:57 สร้างที่ผิวหนังนั่นคือเหตุผลทำไมเราต้อง
00:25:57 → 00:26:00 ไปตากแดดบ้างไงทำไมต้องไปไม่ต้องไปปิ้ง
00:26:00 → 00:26:03 ปลานะแล้วไม่ต้องไปตากตอนเที่ยงๆนะเดี๋ยว
00:26:03 → 00:26:06 มะเร็งผิวหนังกินมาว่าหมอนะตากเช้าๆแดด
00:26:06 → 00:26:11 อ่อนๆหรือเย็นๆ 15 นาทีพอละตากแดดบ้างแต่
00:26:11 → 00:26:14 พบว่าพอเราเข้าสู่สวผิวหนังเราเนี่ยความ
00:26:14 → 00:26:18 สามารถในการสร้างไวตามินดีสู้เด็กๆไม่ได้
00:26:18 → 00:26:22 แห่เด็กไปตากเหมือนกันเผู้ใหญ่ไปตากสวไป
00:26:22 → 00:26:25 ตากสวเนี่ยสร้างไวตามินดีได้น้อยกว่าวัย
00:26:25 → 00:26:29 อื่นเห็นยังธรรมชาตินี่มันแกล้งเราจริงๆ
00:26:29 → 00:26:31 เนาะเขาเรียกว่าพออายุเยอะแล้วก็ไม่มี
00:26:31 → 00:26:33 อะไรดีเนาะสารพัดเลยนะเพราะงั้นความ
00:26:33 → 00:26:37 สามารถในการสร้างไวตามินดีก็ลดน้อยลงนะ
00:26:37 → 00:26:41 แล้วเพินซ้ำร้ายสวบางคนก็อยู่สถานพยาบาล
00:26:41 → 00:26:44 ไม่ไปไหนเลยอยู่แต่ในบ้านหรืออยู่จากใน
00:26:44 → 00:26:47 ศาลพยาบาลเนอิโฮมเงี้ยบางคนนะพวกนั้นเป็น
00:26:47 → 00:26:51 กลุ่มยิ่งยิ่งขาดใหญ่เพราะวันๆไม่เคยโดน
00:26:51 → 00:26:54 แดดหรือว่ากินอาหารที่มีวิตามินดีน้อยอัน
00:26:54 → 00:26:56 นี้ก็อยู่ที่เราเลือกที่หมอเล่านะคะเรา
00:26:56 → 00:26:59 ต้องรู้ว่าอาหารใดมีวิตามินดีเยอะนะอีก
00:26:59 → 00:27:04 ทั้งการทำงานของตับและไตยังดีอยู่มยมันก็
00:27:04 → 00:27:08 ไปตามวัยใช่ะยิ่งคนที่เป็นไตวายเริ่มระยะ
00:27:08 → 00:27:11 ที่ 1 ระยะที่ 1 ที่ 2 อะไรเงี้ยพวกนี้
00:27:11 → 00:27:14 เพราะทำไมถึงเกี่ยวกับไตกับตับล่ะเมื่อ
00:27:14 → 00:27:16 กี้หมอลืมบอกว่าไวตามินดีที่สร้างที่ผิว
00:27:16 → 00:27:20 หนังเรานั้นยังเอาไปใช้งานเลยไม่ได้หลัง
00:27:20 → 00:27:22 จากสร้างที่ผิวหนังเสร็จมันจะต้องไป
00:27:22 → 00:27:26 เปลี่ยนเค้าเรียกอะไรไปเติมเติมสารสักตัว
00:27:26 → 00:27:32 นึงที่ตับและที่ไตคือเติม 2 ทีตัวที่ตับ
00:27:32 → 00:27:35 ตัวที่ไตพอเติม 2 ทีเรียบร้อยโอหเเรียก
00:27:35 → 00:27:38 เป็นวจีที่พร้อมจะทำงานละพร้อมจะไปดูดซึม
00:27:38 → 00:27:42 แคลเซียมให้กลับมาทันทีเพราะฉะนั้นในสว
00:27:42 → 00:27:46 ความที่ผิวหนังก็สร้างได้น้อยแลยังซ้ำร้า
00:27:46 → 00:27:49 ตับก็ไม่ดีใต้ก็ไม่ได้เรื่องเพราะฉะนั้น
00:27:49 → 00:27:52 ไวตามินดีก็เลยแย่ลงเพราะไวตามินแย่ลง
00:27:52 → 00:27:55 น้อยลงเนี่ยก็ทำให้แคลเซียมที่ดุดซึมกลับ
00:27:55 → 00:27:59 มาน้อยลงทั้งหลายแหล่เทำให้เราพบว่าในผู้
00:28:00 → 00:28:03 สูงายุไทยเนี่ยมีคนที่ข่าวจำเป็นดีถึง
00:28:03 → 00:28:08 ร้อยละ 25 54 นี่คือ 1 ใน 4 ถึง 1 ใน 2
00:28:08 → 00:28:12 นะ 1-2 คนใน 4 คนเดินมา 4 คนเนี้ยมีคน 2
00:28:12 → 00:28:15 คนน่ะที่ข่าวจำเป็นดีการป้องกันโรคกระดูก
00:28:15 → 00:28:17 พรุนนะคะความจริงแล้วก็คือสิ่งทั้งหลาย
00:28:17 → 00:28:19 แหละที่หมอพูดไปเพราะในแง่การป้องกัน
00:28:19 → 00:28:22 เนี่ยคุณต้องเริ่มจากอาหารเลยเพราะว่าไม่
00:28:22 → 00:28:24 ว่าจะเป็นวัยใดก็ตามวัยเด็กวัยผู้ใหญ่
00:28:24 → 00:28:26 หรือวัยสูงวัยก็ตามนะคะถึงแม้วันนี้เรา
00:28:26 → 00:28:28 คุยกันเรื่องสูงวัยเพราะสูงวเป็นเป็น
00:28:28 → 00:28:31 กลุ่มที่แสดงอาการละแต่จริงๆการสร้าง
00:28:31 → 00:28:33 กระดูกนั้นมันเริ่มมาตั้งแต่เด็กๆะเพราะ
00:28:33 → 00:28:35 ฉะนั้นตั้งแต่วัยเด็กมาถึงวัยผู้ใหญ่ก็
00:28:35 → 00:28:38 ตามคุณต้องกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงสิ่ง
00:28:39 → 00:28:40 ที่หมอพูดไปทั้งหมดเนี่ยต้องปฏิบัติตั้ง
00:28:40 → 00:28:43 แต่เด็กๆแล้วไม่ใช่มารอทำตอนสูงวยเพียง
00:28:43 → 00:28:45 แต่ว่าเอ้ยสูงวัยแล้วงี้ทำก็ไม่ได้
00:28:45 → 00:28:48 ประโยชน์สิก็ตอบว่าไม่ใช่ก็ได้เหมือนกัน
00:28:48 → 00:28:51 แต่สู้ทำตั้งแต่เด็กไม่ได้เพถจะให้ดีเด็ก
00:28:51 → 00:28:54 เนี่ยคนดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมที่มี
00:28:54 → 00:28:56 แคลเซียมสูงเนี่ยมาตั้งแต่เล็กๆละเพราะจะ
00:28:56 → 00:28:59 ได้ประโยชน์มากนะค่ะรวมทั้งการออกกำลัง
00:28:59 → 00:29:01 กายซึ่งเด็กปกติก็ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว
00:29:01 → 00:29:04 นี่คือข้อดีนะถ้าเกิดเด็กคนไหนเอาแต่อ่าน
00:29:04 → 00:29:08 หนังสือเล่นแต่เกมมือถืออย่างงี้ก็จะวัน
00:29:08 → 00:29:10 ข้างหน้าก็จะเป็นกลุ่มที่มีเนื้อกระดูก
00:29:10 → 00:29:12 สะสมอยู่น้อยก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการ
00:29:12 → 00:29:15 เกิดกระดูกพุนในต่อไปในวันข้างหน้าเพรา
00:29:15 → 00:29:18 งั้นโดยกราโดยสรุปก็คือทุกๆวัยนะคะควรจะ
00:29:18 → 00:29:22 เลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ทุกเพศทุกวัย
00:29:22 → 00:29:26 ทุกวันนะคะพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆที่กล่าวไป
00:29:26 → 00:29:30 ควรเลี่ยงซะนะอีกงครั้งสุดท้ายการอวังกาย
00:29:30 → 00:29:32 เราดูเหมือนไม่สำคัญแต่จริงๆแล้วเป็นหัว
00:29:32 → 00:29:34 ใจสำคัญที่จะกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก
00:29:34 → 00:29:36 ค่ะถ้าทำได้ทั้ง 3 อย่างนี้ตั้งแต่วัย
00:29:36 → 00:29:39 เด็กๆก็เหมือนเราสะสมมาตั้งแต่เด็กๆะสะสม
00:29:39 → 00:29:41 มวลกระดูกไว้โอกาสที่จะเป็นในวัยข้างหน้า
00:29:41 → 00:29:45 คือวันเป็นสวผู้สูงอายุก็จะน้อยลงในการไป
00:29:45 → 00:29:48 โรกกระดกพุนค่ะก็ฝากไว้
00:29:48 → 00:29:54 [เพลง]
00:29:54 → 00:29:58 ค่ะมีคนศึกษาบอกว่าอ่าในผู้หญิงที่อายุ
00:29:58 → 00:30:01 มากกว่า 50 นะคะคนที่ไม่ออกกำลังกายเนี่ย
00:30:01 → 00:30:05 เนื้อกระดูกสันหลังเจะลดลงประมาณ 0.7%
00:30:05 → 00:30:09 ต่อปีแต่คนที่ออกกำลังกาย 3 ครั้งต่อ
00:30:10 → 00:30:13 สัปดาห์นาน 8 เดือนเป็นเวลาอย่างน้อย 3
00:30:13 → 00:30:17 ปีไม่พบว่ามวลกระดูกลดลงเราคาดว่ามวล
00:30:17 → 00:30:19 กระดูกจะเพิ่มขึ้นปรากฏว่าไม่ลดลงอันนี้
00:30:19 → 00:30:21 แล้วแต่การวัดการศึกษานะคะเขได้ผลังไงเ
00:30:21 → 00:30:23 ต้องอ่านอย่างงั้นเห้ามใส่ความคิดตัวเอง
00:30:23 → 00:30:25 เข้าไปต้องวัดแล้วเจอยังไงก็ต้องรายงาน
00:30:26 → 00:30:28 อย่างงั้นแต่อย่างน้อยไม่ลดขณะที่นที่ไม่
00:30:28 → 00:30:31 ออกรดการกำลังกายที่อยากจะแนะนำในเรื่อง
00:30:31 → 00:30:35 กระดูกพุนประเภทที่ 1 คือการออกกำลังกาย
00:30:35 → 00:30:37 ที่มีการลงน้ำหนักไม่รู้จะแปลว่าอะไรภาษา
00:30:37 → 00:30:39 อังกฤษเรียก weight baring Exercise
00:30:39 → 00:30:41 คือออกกำลังกายที่ไม่ใช่อยู่ในน้ำอ่ะคุณ
00:30:41 → 00:30:44 จะเดินคุณจะจอกกิ้งคุณจะปั่นจักรยานจะ
00:30:44 → 00:30:48 แอโรบิกรำไ้พองท้ายเกกอะไรอีกไม่รู้เยอะ
00:30:48 → 00:30:52 แยะเลยน่ะที่อยู่บนบกน่ะเรียกการออกกาย
00:30:52 → 00:30:58 ที่มีการลงน้ำหนักหมดยกเว้นลงน้ำการออกอ
00:30:58 → 00:31:01 กลังกายในน้ำไม่ใช่ไม่ดีทุกประเภทเดิน
00:31:01 → 00:31:06 วิ่งจักรยานไม่พองแทเก๊กบวกว่ายน้ำดีใน
00:31:06 → 00:31:12 แง่หัวใจและปอดหมายความว่าถ้าต้องการให้
00:31:12 → 00:31:17 หัวใจดีทำงานแข็งแรงปอดขยายดีกามเนื้อมี
00:31:17 → 00:31:22 แรงทำได้ทุกอย่างที่หมอพูดมาแต่ถ้าเน้น
00:31:22 → 00:31:25 เรื่องเนื้อกระดูกถ้ามกระดูกเยอะก็ต้อง
00:31:25 → 00:31:29 บ่นบกสินะนะแต่ถ้าอ้วนๆมากๆบนโบกไม่ค่อย
00:31:30 → 00:31:33 จะไหวแต่เผอิญคนอ้วนเไม่เป็นโรคกระดูกพุน
00:31:33 → 00:31:39 นี่อ่านะโอเคนะอันที่ 1 นลงน้ำหนักนะ 2
00:31:39 → 00:31:41 ต้องทำให้กล้ามเนื้อนั้นมี
00:31:41 → 00:31:46 แรงคำว่ามีแรงต้องเน้นแรงของอะไรสะโพก
00:31:46 → 00:31:48 เพราะที่หมอเดินไปเดินมาพูดกับคุณอยู่
00:31:48 → 00:31:51 เนี่ยถ้ากล้าเนื้อสะโพกหมอสะโพกมีด้าน
00:31:51 → 00:31:53 ข้างกับสะโพกด้านหลังคือก้นน่ะนะที่เรา
00:31:53 → 00:31:55 เรียกก้นแต่เราเรียกภาษาแพทย์เรียกสะโพก
00:31:55 → 00:32:00 อ่ะนะหน้าหังพวกเนี้ยกับหน้าขาพวกเต้องดี
00:32:00 → 00:32:03 เพราะถ้าไม่แข็งแรงจะยืนเดินได้มไม่ได้
00:32:04 → 00:32:08 งั้นประเภทที่ 2 ต้องมีแรงประเภทที่ 3 ทำ
00:32:08 → 00:32:13 ยังไงให้การทรงตัวดีเพราะทรงตัวไม่ดีก็
00:32:13 → 00:32:17 ล้มแผล้มแผ่ล้มแล้วเราก็กระดูกหักนะเพราะ
00:32:17 → 00:32:21 งั้นจึงเน้นการกายเพียงแค่ 3 ประเภทเท่า
00:32:21 → 00:32:24 นั้นการกายที่มีการลงน้ำหนักก็จะมีการ
00:32:24 → 00:32:27 สร้างเนื้อกระดูกประมาณปีละ 1% ดูเสมือน
00:32:27 → 00:32:30 น้อยแต่ช่วงที่ที่มีการทำลายทุกปีทุปี
00:32:30 → 00:32:33 เนี่ยที่ว่าเข้าสู่สวเนี่ยนะคะมันทำลาย
00:32:33 → 00:32:37 ประมาณ 0.5 - 1% ต่อปีมันดูเหมือน
00:32:37 → 00:32:39 เปอร์เซ็นต์เดียวนะแต่มันไปทุกปีทุกทุกปี
00:32:39 → 00:32:42 มันก็เอาเรื่องเหมือนกันนะได้ตั้งหลาย
00:32:42 → 00:32:44 อย่างแล้วก็ที่พูดว่าเดินจักยานพวกเไอ้
00:32:44 → 00:32:47 วิ่งเหมือนกันนะถ้าอายุน้อยๆก็คงไหวอ่ะนะ
00:32:47 → 00:32:50 40 50 ก็คงพอไหวแต่ถ้าเข้าสวแบบเรา 65
00:32:50 → 00:32:54 70 แล้ววิ่งไหวมไม่ไหวเห็นึยังว่าเวลา
00:32:54 → 00:32:57 เราอ่านเราต้องตีความเหมาะกับเราเปล่าถ้า
00:32:57 → 00:32:59 ไม่เหมาะเราอย่าทำคำว่าการออกกำลังกายคือ
00:32:59 → 00:33:02 ต้องมีลักษณะที่ว่าอันนี้คือประเภทเฉยๆนะ
00:33:02 → 00:33:06 อันนี้คือนระยะเวลาทำ 20-30 นาทีต่อวัน
00:33:06 → 00:33:10 ต่อครั้งนะ 35 วันต่อสัปดาห์แต่บางทีเรา
00:33:10 → 00:33:13 อูฉันขี้เกียจทำงั้นน่ะหมอฉันแค่เอ่อล้าง
00:33:13 → 00:33:19 รถรดต้นไม้อาบน้ำหมาล้างจานดีกว่าไม่ทำ
00:33:19 → 00:33:23 อะไรขอให้มีกิจกรรมก็ดีกว่าไม่ทำอะไรแต่
00:33:23 → 00:33:25 จะให้ดีกว่านั้นนี่เค้าเรียกเป็นเป็นขั้น
00:33:25 → 00:33:28 ๆๆนะดีกว่าไม่ทำอะไรนอนเฉยๆแย่ที่สุดมี
00:33:28 → 00:33:31 กิจกรรมดีขึ้นออกกำลังกายดีที่สุดแต่เรา
00:33:31 → 00:33:34 ลงทุนยังไงก็ได้อย่างงั้นถ้าลงทุนน้อยก็
00:33:34 → 00:33:37 ต้องได้น้อยหน่อยนะเราจะลงทุนน้อยเอามาก
00:33:37 → 00:33:41 เป็นไปไม่ได้หายเกกก็มีคนชอบในกลุ่มสวเ
00:33:41 → 00:33:44 ชอบรำเ่อมันค่อยๆเคลื่อนเพราะฉะนั้นในไ
00:33:44 → 00:33:47 เกกเนี่ยมันจะทำให้การทรงตัวเนี่ยดีป้อง
00:33:47 → 00:33:50 กันการหอกล้มได้ดีแต่เ็ถามว่าหัวใจกับปอด
00:33:50 → 00:33:53 จะดีมยก็ดีสู้อย่างอื่นไม่ได้นะแต่ละ
00:33:53 → 00:33:55 อย่างมันคงไม่ดีมีอะไรที่ 1 ดีสำหรับทุก
00:33:55 → 00:33:58 อย่างคเป็นไปไม่ได้ไไเกกเดีในแง่การป้อง
00:33:58 → 00:34:01 กันการหกล้มเพราะเวลาเ้ารำเค่อยๆเคลื่อน
00:34:01 → 00:34:04 คุุณเห็นมั้เค่อยๆขยับนะขอพูดกบริหารหลัง
00:34:04 → 00:34:06 หน่อยนึงนะการบริหารหลังเนี่ยอ่าท่า
00:34:06 → 00:34:10 บริหารจะเป็นนอนคว่ำแต่ฝรั่งคนเนี้ยแกชอบ
00:34:10 → 00:34:13 ทำเรื่องออกกำลังกายที่หลังเยอะเลยแกก็
00:34:13 → 00:34:17 เอาแบคแพคเหรอใส่น้ำหนักซักอ่า 3 กลโดย
00:34:17 → 00:34:22 ประมาณให้ให้แบกไว้แล้วก็แอ่นตัวขึ้นก็
00:34:22 → 00:34:25 พูดง่ายๆคือให้กล้ามเนื้อหลังทำงานเขา
00:34:25 → 00:34:27 เชื่อว่าจะไปกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก
00:34:27 → 00:34:31 ที่บริเวณกระดูกสันหลังนะทำไปอย่างเงี้ย
00:34:31 → 00:34:35 ทุกวันทุกวันทุกวัน 2 ปีนะเขาก็วัดว่า
00:34:35 → 00:34:38 ก้ามเนื้อหลังของกลุ่มที่บริหารกับกลุ่ม
00:34:38 → 00:34:41 ที่ไม่บริหารเนี่ยเป็นยังไง 2 ปีพบว่า
00:34:41 → 00:34:44 กำลังกล้ามเนื้อมันเพิ่มขึ้นเทียบกับ
00:34:44 → 00:34:45 กลุ่มไม่บริหาร
00:34:45 → 00:34:50 นะแล้วพอทำไป 2 ปีเลิกพอ 10 ปีมาวัดใหม่
00:34:50 → 00:34:54 นะกำลังก็ลดลงแต่ยังเยอะกว่ากลุ่มนี้อยู่
00:34:54 → 00:34:57 อันนี้คือนายสิริกิทำเงี้ยก็มาโชว์เฉยๆ
00:34:57 → 00:35:02 ว่าเออมันไปยกๆมันก็แข็งแรงดีนะอีกทั้ง
00:35:02 → 00:35:04 ไอ้กลุ่มที่ออกกำลังกายหลังที่ยกแบบเมื่อ
00:35:04 → 00:35:08 กี้เนี่ยมีกระดูกหักน้อยเมื่อเทียบกับ
00:35:08 → 00:35:12 กลุ่มที่ไม่ทำอะไรกระดูกหลังยุบอ่ะน้อย
00:35:12 → 00:35:15 ป้องมี 6 ป้องจาก 378 ที่หักหรือคิดเป็น
00:35:16 → 00:35:19 1.6% เทียบกับกลุ่มที่ไม่ทำอะไรก็ 4.3%
00:35:19 → 00:35:21 เพราะนั้นสรุปว่าความเสี่ยงการเกิดกระดูก
00:35:21 → 00:35:25 หักนั้นจะเพิ่มขึ้นประมาณเกือบ 3
00:35:25 → 00:35:29 เท่าในกลุ่มที่ไม่ทำอะไรก็มาเล่าว่าเป็น
00:35:29 → 00:35:31 หลักฐานทางการแพทย์ว่าการอกำลังกายโดยการ
00:35:31 → 00:35:33 แอ่นหลังเนี้ยหรือการเอากำลังกายหลัง
00:35:33 → 00:35:36 เนี่ยจะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อกระดูก
00:35:36 → 00:35:40 และกระตุ้นเกำลังกล้ามเนื้อได้
00:35:40 → 00:35:44 นะช่วงนี้พบกับการสาธิตการออกกำลังกาย
00:35:44 → 00:35:48 สำหรับผู้สูงอายุสาธิตและบรรยายโดยคุณ
00:35:48 → 00:35:51 ชุติมาธีรสมบัติและคุณจันจิราเกิดวันนัก
00:35:51 → 00:35:55 กายภาพบำบัดภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟูคณะ
00:35:55 → 00:36:00 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหามหาวิทยาลัย
00:36:00 → 00:36:03 มหิดลตอนนี้เราจะเริ่มออกกำลังกายกันนะคะ
00:36:03 → 00:36:08 ด้วยการยืนค่ะยืนเราจะย้ำเท้าอยู่กับที่
00:36:08 → 00:36:15 ค่ะย่ำเท้าสลับซซ้ายขวานะคะนับ 1 2 3 4
00:36:15 → 00:36:21 5 6 7 8 9 10 หยุดทีนี้ท่าที่ 2 นะ
00:36:21 → 00:36:23 คะมันจะเป็นอย่างงนี้ค่ะ
00:36:23 → 00:36:28 อ่ายกปลายเท้าสลับกับส้นเท้านึกออกมั้ยคะ
00:36:28 → 00:36:31 เป็นการฝึกการทรงตัวด้วยนะคะเริ่มนะคะ
00:36:31 → 00:36:37 ปลายเท้าก่อนค่ะ 1 ส้นเท้า
00:36:37 → 00:36:44 2 3 ส้นเท้าค่ะปลายเท้า
00:36:44 → 00:36:46
00:36:46 → 00:36:48
00:36:48 → 00:36:51
00:36:51 → 00:36:53
00:36:53 → 00:36:56
00:36:56 → 00:36:58 9 10
00:36:58 → 00:37:03 โอเคค่ะท่าต่อไปนะคะจะเป็นท่าอืย่อเข่า
00:37:03 → 00:37:07 ค่ะย่อนะย่อ
00:37:07 → 00:37:11 เข่าค่ะกางขาออกมานิดนึงนะคะย่อเข่าย่อลง
00:37:12 → 00:37:16 ไปนะคะเท่าที่ไหวแล้วก็ค่อยๆนับ 1 2 3
00:37:16 → 00:37:21 4 5 แล้วยืดขึ้นมาตรงนะคะอ่าย่อ
00:37:22 → 00:37:23 ค่ะ
00:37:23 → 00:37:29 ย่อ 1 2 3 4 5 5 ย่อค่ะตอนเหยียด
00:37:29 → 00:37:34 เหยียดให้ช้าค่ะ 1 2 3 4 5 อีกรอบนึง
00:37:34 → 00:37:40 นะคะ 1 2 3 4 5 ทีนี้นะคะจับไว้
00:37:40 → 00:37:45 เหมือนเดิมนะคะเตะขาไปข้างหน้าช้าๆค่ะอ่า
00:37:45 → 00:37:49 แล้วสลับเตะไปข้างหลังนะคะมือจับอยู่ที่
00:37:49 → 00:37:56 โต๊ะนะแสลับขาเป็นอ่าเริ่มขาขวาก่อนนะคะ
00:37:56 → 00:38:01 ไปข้างหน้ามาข้างหลังกลับตรงกลางยืนอยู่
00:38:01 → 00:38:06 เหมือนเดิมขาซ้ายเริ่มไปข้างหน้าไปข้าง
00:38:06 → 00:38:10 หลังแล้วก็เหยียบนะคะต้องจับโต๊ะไว้นะคะ
00:38:10 → 00:38:14 อย่าลอยตัวนะคะเดี๋ยวจะล้มได้ค่ะเตะขาไป
00:38:14 → 00:38:17 ข้างหน้าขวาไป
00:38:17 → 00:38:24 อ่าไปข้างหลังนะคะแล้วก็เหยียบอ่าได้ยคะ
00:38:24 → 00:38:30 อ่าเตะขาไปข้างหน้ากลับมาข้างหลังแยืน
00:38:30 → 00:38:36 สลับข้างค่ะทำข้างละ 5 ครั้งนะคะก็คือการ
00:38:36 → 00:38:40 ออกกำลังกายรอบข้อสะโพกใน่าเตะขาไปข้าง
00:38:40 → 00:38:43 หน้าแล้วก็เหยียดข้อสะโพกไปด้านหลังนะคะ
00:38:43 → 00:38:48 ทีนี้นะคะจะเป็นท่ากางข้อสะโพกแล้วก็หุบ
00:38:48 → 00:38:51 กลับมาค่ะเอาเริ่มจากซ้ายนะคะเราจะกางไป
00:38:51 → 00:38:56 ด้วยกันนะอ่ะซ้ายกางขาออกไปด้านข้าง
00:38:56 → 00:39:04 หุบหุหุบค่ะอ่ากลางขวากลับมาหุบโอเคค่ะ
00:39:04 → 00:39:07 อันนี้เราคุยกันต่อเมเมื่อกี้ก็คือ 3
00:39:07 → 00:39:11 เรื่องแล้วนะอาหารพฤติกรรมออกกำลังกาย
00:39:11 → 00:39:13 สรุปว่าวันนี้ทั้งหมดที่เรียนน่ะเรียน
00:39:13 → 00:39:16 อะไรเรียนเรื่องอาหารเน้นเรื่องมี
00:39:16 → 00:39:21 แคลเซียมไวตามินดีคู่หูนะดูดแคลเซียมกลับ
00:39:21 → 00:39:24 มาเพื่อจะไปผลิเนื้อกระดูก 2 พฤติกรรมที่
00:39:24 → 00:39:27 ไม่ดีทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นกาแฟบุหรี่น้ำ
00:39:27 → 00:39:30 มัดลมแอลกอฮอล์ทั้งหลายแหล่พวกนี้ดึง
00:39:30 → 00:39:33 แคลเซียมทิ้งหมดเค็มลืมอเค็มอาารเค็มดึง
00:39:33 → 00:39:36 แคลเซียมทิ้งหมดนะหรือกาแฟก็เหมือนกันกิน
00:39:36 → 00:39:39 มากๆแก้ววันละแก้ว 2 แก้ว
00:39:39 → 00:39:43 หยวนแก้ว 2 แก้วหยวนได้ยินมยหยวนถ้าจะให้
00:39:43 → 00:39:47 ดีแก้วที่ 2 ตามด้วยนม 1 แก้วจะดีมากอ้า
00:39:47 → 00:39:51 สรุปอีกอันนึงนะคะคืออาหารพฤติกรรมแล้วก็
00:39:51 → 00:39:55 ออกกำลังกายนะ 3 อย่างนะอ่าเดินจักรยาน
00:39:55 → 00:39:59 ให้เกกแอลบิเรกว่าไปนะอ่าทำมากทำน้อยอยู่
00:39:59 → 00:40:02 ที่เราถ้าเราไม่มีปัญหาก็ยังไม่ทำก็ไม่
00:40:02 → 00:40:04 ว่ากันนะถ้าเรามีปัญหาแล้วควรจะเริ่ม
00:40:04 → 00:40:06 เริ่มแต่วันนี้อย่ารอให้หักก่อนแล้วค่อย
00:40:07 → 00:40:13 ทำมันช้าเกินไปน้อ
00:40:13 → 00:40:16 นะท่านผู้ชมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
00:40:16 → 00:40:19 ได้ที่ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟูคณะ
00:40:19 → 00:40:23 แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล
00:40:23 → 00:40:28 โทรศัพท์หมายเลข 02 419 7508 8 02
00:40:28 → 00:40:34 419 86 27 02 411 2408 หรือทาง
00:40:34 → 00:40:40 เว็บไซต์ www.si.mahidol.ac.th
00:40:40 → 00:41:00 [เพลง]
00:41:00 → 00:41:01 [ปรบมือ]
00:41:01 → 00:41:26 [เพลง]
00:41:26 → 00:41:30 K อ