00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:05 โรคไข้เลือดออกนะครับโรคนี้เนี่ยมันเป็น
00:00:05 → 00:00:08 โรคที่หลายคนน่าจะคุ้นหูกันดีนะครับแล้ว
00:00:08 → 00:00:11 ก็ได้รับการเรียนการสอนมาตั้งแต่เด็กๆนะ
00:00:11 → 00:00:14 ครับว่ามันสามารถที่จะติดมาโดยยุงลายนะ
00:00:14 → 00:00:17 ครับวันนี้ผมก็เลยจะมาลงรายละเอียดในโรค
00:00:17 → 00:00:20 นี้ให้ฟังกันเลยนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:20 → 00:00:22 แพทย์ธนีนธเนียวรรณนะครับเป็นอาจารย์
00:00:22 → 00:00:24 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:24 → 00:00:26 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและธุรกิจบำบัดนะ
00:00:26 → 00:00:27 ครับ
00:00:27 → 00:00:31 โรคไข้เลือดออกนะครับมันเป็นโรคที่หลายคน
00:00:31 → 00:00:34 รู้จักนะครับติดมาจากยุงลายนะครับยุงลาย
00:00:34 → 00:00:36 เนี่ยภาษาทางการแพทย์หรือภาษาวิทยาศาสตร์
00:00:36 → 00:00:39 ตัวที่มันสามารถที่จะนำเชื้อได้เนี่ยเรา
00:00:39 → 00:00:42 จะเรียกมันว่า Edit Enter ตายนะครับแล้ว
00:00:42 → 00:00:45 ก็อีกตัวนึงคือ Edit a+ Fac นะครับ 2
00:00:45 → 00:00:48 ตัวนี้เนี่ยมันเป็นยุงลายที่สามารถนำ
00:00:48 → 00:00:51 เชื้อโรคไข้เลือดออกได้นะครับเชื่อโรคไข้
00:00:51 → 00:00:54 เลือดออกเราจะเรียกมันว่าเดงกี่นะครับ
00:00:54 → 00:00:57 เด้งกี่วาระหรือบางคนเคยได้ยินชื่อว่าไข้
00:00:57 → 00:00:59 เดนกิก็คือไอ้ตัวไข้เลือดออกนี่แหละครับ
00:01:00 → 00:01:03 จริงๆถ้าจะบอกว่าไอ้ตัวเนี้ยมันเป็นตัว
00:01:03 → 00:01:04 ที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกชนิดเดียวในโลก
00:01:04 → 00:01:08 มันก็คงไม่ใช่นะครับโรคอื่นไวรัสอื่นก็
00:01:08 → 00:01:10 สามารถทำให้เกิดไข้เลือดออกได้แต่เราก็
00:01:10 → 00:01:12 ไม่ได้เจอในประเทศไทยยกตัวอย่างเช่น Ebola
00:01:12 → 00:01:15 มาเบิกไวรัสอะไรพวกนี้นะครับงั้นวันนี้
00:01:15 → 00:01:18 เราจะไม่พูดถึงพวกนั้นเราจะมาพูดถึงใน
00:01:18 → 00:01:20 เรื่องของไข้เลือดออกกันนะครับ
00:01:20 → 00:01:24 เรื่องของยุงเนี่ยผมอยากจะเน้นให้เราเข้า
00:01:24 → 00:01:26 ใจอะไรเกี่ยวกับมันนิดนึงนะครับหลายคนคง
00:01:26 → 00:01:29 จะรู้ว่ายุงพวกนี้เนี่ยจะวางไข่ในภาชนะ
00:01:29 → 00:01:32 ที่มีน้ำนิ่งนะครับแล้วน้ำมันขังอยู่
00:01:32 → 00:01:34 อย่างนั้นนะครับเราก็เลยเป็นที่มาของการ
00:01:34 → 00:01:38 ที่เราจะต้องพยายามศึกษาดูรอบๆบ้านเราว่า
00:01:38 → 00:01:40 มีตรงไหนที่มีน้ำขังแล้วก็ไปจับมันคว่ำ
00:01:40 → 00:01:43 ให้หมดนะครับถ้าตรงไหนยังเราไปคว่ำมันไม่
00:01:43 → 00:01:45 ได้เราก็ต้องใส่ทรายอะเบทลงไปนะครับเพื่อ
00:01:45 → 00:01:48 ที่จะไปไม่ให้มันมีลูกน้ำอยู่ในน้ำนั่นนะ
00:01:48 → 00:01:51 ครับแล้วเกิดเป็นอยู่นะครับถ้ารู้ไหมครับ
00:01:51 → 00:01:54 ว่ายุ่งอะไรเนี่ยมันมีรายละเอียดที่หน้า
00:01:54 → 00:01:58 ตกใจอยู่อย่างนึงนะครับยุ่งไรมันสามารถ
00:01:58 → 00:02:02 ที่จะบินรอบๆบริเวณที่มันเกิดขึ้นมันฟัก
00:02:02 → 00:02:04 ไข่อยู่ที่ 1 และมันจะบินอยู่รอบๆหน้า
00:02:04 → 00:02:06 ประมาณสัก 50 เมตร 100 เมตรเนี่ยไม่เกิน
00:02:06 → 00:02:10 นี้นะครับแล้วก็อายุของมันเนี่ยจะมีสัก
00:02:10 → 00:02:13 ประมาณ 3 อาทิตย์ในช่วงอายุของเขาเนี่ยนะ
00:02:13 → 00:02:15 ครับจะวางไข่ได้ 4-5 ครั้งแต่ละครั้ง
00:02:15 → 00:02:19 เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 50 ถึง 150 ฟองหรือ
00:02:19 → 00:02:21 บ้านกรณีเห็นบอกว่าถึงร้อยฟองเลยด้วยซ้ำ
00:02:21 → 00:02:24 ไปนะครับและลองคิดดูถ้าสมมุติว่ามันวาง
00:02:24 → 00:02:26 ไข่ได้น้อยที่สุดเราถือซะว่า 50 ฟองละกัน
00:02:26 → 00:02:29 แล้วมันวางได้ 4 ครั้งตลอดชั่วชีวิตมันก็
00:02:29 → 00:02:34 200 ฟองแล้วอ่ะนะครับ 200 ฟองแล้วไงต่อ
00:02:34 → 00:02:37 ก็มีการวางต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ 200 ฟอง
00:02:37 → 00:02:40 ไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งยิ่งมีปัญหาใหญ่ถูกไหม
00:02:40 → 00:02:42 ครับอย่างนี้เราก็ไม่รู้ว่ายุงเกิดมารอบๆ
00:02:42 → 00:02:44 บ้านเรานี่มันจะมีกี่ตัวนี่คือแค่ 1 ตัว
00:02:44 → 00:02:47 เท่านั้นเองที่วางไข่นะครับแต่ว่าถ้ามัน
00:02:47 → 00:02:51 มียุงสมมุติว่าสัก 100 ตัวอย่างนี้วางไข่
00:02:51 → 00:02:54 มันน่าจะแบบโอ้โหมหาศาลมากมายเลยนะครับ
00:02:54 → 00:02:55 ดังนั้นเราต้องระวังกันเรื่องนี้ให้ดี
00:02:55 → 00:02:59 แล้วยุงลายเนี่ยมันจะกัดตอนกลางวันนะครับ
00:02:59 → 00:03:01 กลางวันเนี่ยแหละครับไม่ใช่กลางคืนไม่ใช่
00:03:01 → 00:03:03 ไอ้ยุงที่มันบินๆวิ่งๆอยู่ตรงหัวเราตรง
00:03:03 → 00:03:06 เวลาที่เรานอนนะครับมันจะกัดเราเวลากลาง
00:03:06 → 00:03:08 วันนี่แหละครับแล้วก็ถ้าใครเคยเห็นยุงลาย
00:03:09 → 00:03:11 เนี่ยจะรู้สึกว่ามันเป็นยุงที่ตกค่อนข้าง
00:03:11 → 00:03:13 จะยากนะครับจากประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะ
00:03:13 → 00:03:15 ครับคือผมก็เลิกตบยุงมานานแล้วนะครับแต่
00:03:15 → 00:03:18 ว่าอืมเจอยุงมันบินๆอยู่ผมก็จะจับแล้วมัน
00:03:18 → 00:03:20 ไปปล่อยทิ้งที่อื่นนะครับยุงพวกนี้เนี่ย
00:03:21 → 00:03:23 เนื่องจากมันเป็นลายๆเวลามันบินทีนึงมัน
00:03:23 → 00:03:25 อาจจะมองเห็นมันยากหน่อยนะครับแล้วก็มัก
00:03:25 → 00:03:28 จะไปเกาะอยู่ตามผ้าม่านตามเฟอร์นิเจอร์
00:03:28 → 00:03:30 อะไรต่างๆของเราเนี่ยแหละครับมันก็เลยทำ
00:03:30 → 00:03:33 ให้เราไม่เห็นแล้วมันก็มากัดเราด้วยว่า
00:03:33 → 00:03:36 ช่วงเวลาที่เราไม่ได้สนใจเราไม่คิดว่ามัน
00:03:36 → 00:03:38 เป็นกลางคืนนะครับเพราะว่าบางคนก็รู้สึก
00:03:38 → 00:03:41 ว่าเอ้ยยุงกัดกลางคืนไม่นะครับไอ้ยุงยุง
00:03:41 → 00:03:45 ลายของเราเนี่ยกัดกลางวันนะครับอ่ะเรามา
00:03:45 → 00:03:47 ลงรายละเอียดกันดีกว่าว่าไข้เลือดออกของ
00:03:47 → 00:03:50 เรานะครับอาการมันเป็นยังไงตรงนี้สำคัญ
00:03:50 → 00:03:53 แล้วอาการมันแตกต่างจากโรคอื่นๆโดยเฉพาะ
00:03:53 → 00:03:56 โรคโควิดพอสมควรนะครับอาการของเขานี่แหละ
00:03:56 → 00:03:58 ครับหลังจากที่เราโดนกัดแล้วเนี่ยมันจะ
00:03:58 → 00:04:02 ใช้เวลาสักประมาณ 8-12 วันในการฟักตัวนะ
00:04:02 → 00:04:05 ครับแล้วพอเริ่มมีอาการแล้วล่ะก็อาการของ
00:04:05 → 00:04:07 เราเนี่ยอยู่ๆเราจะเป็นไข้ฉับพลันเลยไข้
00:04:07 → 00:04:11 สูงเลยนะครับมีการปวดหัวมากๆนะครับปวดหัว
00:04:11 → 00:04:14 ปวดกระบอกตาเวลาที่เรากรอกตาซ้ายขวาซ้าย
00:04:14 → 00:04:17 ขวาแบบนี้เราจะเจ็บกระบอกตามากนะครับแล้ว
00:04:17 → 00:04:20 ไม่ใช่แค่ปวดเฉพาะหัวนะครับปวดทั้งตัวเลย
00:04:20 → 00:04:22 นะครับปวดกระดูกทั้งตัวบางคนปวดข้อด้วย
00:04:22 → 00:04:26 ซ้ำไปนะครับบางคนมีตาแดงนะฮะและอาการที่
00:04:26 → 00:04:29 มักจะมาร่วมกันก็คืออาการปวดท้องคลื่นไส้
00:04:29 → 00:04:32 อาเจียนนะครับปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน
00:04:32 → 00:04:35 เนี่ยอาการอันนี้เป็นอาการเด่นของมันนะ
00:04:35 → 00:04:38 ครับคือปวดทั้งร่างกายมีไข้มีปวดกระบอกตา
00:04:38 → 00:04:41 ปวดหัวนะครับเป็นฉับพลันมีปวดท้องแล้วก็
00:04:41 → 00:04:44 มีคลื่นไส้อาเจียนซึ่งเท่าที่ฟังดูเนี่ย
00:04:44 → 00:04:47 มันจะแตกต่างจากโควิดพอสมควรถูกไหมครับ
00:04:47 → 00:04:50 โควิดเนี่ยจะมีอาการทางด้านของระบบทาง
00:04:50 → 00:04:52 เดินหายใจเป็นหลักก็คือมีอาการคัดจมูกน้ำ
00:04:52 → 00:04:54 มูกไหลเจ็บคอมากๆนะครับ
00:04:54 → 00:04:58 ไอจามนะครับพวกนี้แล้วมันจะไม่ค่อยปวด
00:04:58 → 00:05:02 เมื่อยขนาดเป็นเป็นไวรัสไข้เลือดออกนะ
00:05:02 → 00:05:05 ครับอ่าจะแตกต่างกันตรงนี้นะครับไข้เลือด
00:05:05 → 00:05:07 ออกเนี่ยมันปวดตัวขนาดที่ภาษาอังกฤษเนี่ย
00:05:07 → 00:05:10 เรามีชื่อเรียกอีกอย่างนึงคือว่าชื่อวัน
00:05:10 → 00:05:13 ว่า Break old Fever นะครับหรือปวดแบบ
00:05:13 → 00:05:15 กระดูกมันหักได้เลยอ่ะมันปวดขนาดนั้นนะ
00:05:15 → 00:05:16 ครับถ้าคนไหนที่เคยกระดูกหักจาก
00:05:16 → 00:05:19 อุบัติเหตุคงจะทราบดีว่ามันปวดขนาดไหนนะ
00:05:19 → 00:05:21 ครับปวดจากไข้เลือดออกเนี่ยก็เป็นแบบนั้น
00:05:21 → 00:05:24 เลยนะครับอันนี้คืออาการหลักๆของไข้เลือด
00:05:24 → 00:05:28 ออกที่มันจะแสดงทันทีบางคนก็มีผื่นแดงๆ
00:05:28 → 00:05:29 ขึ้นทั่วตัวนะครับแต่ผื่นมันจะอยู่แค่
00:05:29 → 00:05:33 ชั่วคราวเท่านั้นเองนะครับทีนี้อาการของ
00:05:33 → 00:05:37 ไข้เลือดออกเนี่ยนะครับตอนช่วงที่มันมี
00:05:37 → 00:05:40 ไข้เนี่ยมันไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับมันจะไป
00:05:40 → 00:05:43 มีอาการแย่ตอนช่วงหลังของไข้มันเริ่มไป
00:05:43 → 00:05:45 มากๆแล้วนะครับเวลาที่เรามีไข้เลือดออก
00:05:45 → 00:05:48 ถ้าเรามีอาการอย่างที่ผมว่าไปเนี่ยครับก็
00:05:48 → 00:05:51 คืออยู่ๆมีไข้ขึ้นมาสูงและปวดหัวมากนัก
00:05:51 → 00:05:53 ปวดกระบอกตานะครับแล้วมีอาการคลื่นไส้
00:05:53 → 00:05:55 อาเจียนจุกแน่นท้องนะครับพวกนี้ไปหาหมอ
00:05:55 → 00:05:57 เลยนะครับสิ่งแรกที่หมอเขาจะซักประวัติ
00:05:57 → 00:06:00 ตรวจร่างกายเนี่ยเขาจะดูว่าเอ้ยมีโรคอื่น
00:06:00 → 00:06:02 ที่คล้ายๆกันหรือเปล่ายกตัวอย่างโรคที่
00:06:02 → 00:06:04 คล้ายกันนะครับในประเทศไทยก็ยกตัวอย่าง
00:06:04 → 00:06:06 เช่น malaria นะครับคนไหนที่อยู่ในถิ่น
00:06:06 → 00:06:08 ที่มันมีมาเรียนเยอะๆนะครับลงมาลาเรีย
00:06:08 → 00:06:10 เนี่ยก็ต้องระวังว่าเป็นมาเรียหรือเปล่า
00:06:10 → 00:06:12 นะครับเพราะว่าการรักษาไม่เหมือนกันเลย
00:06:12 → 00:06:14 มาเรียนมียาที่ต้านมะเร็งได้แต่ว่าถ้า
00:06:14 → 00:06:16 เลือดออกไม่มีนะครับ
00:06:16 → 00:06:19 โรคไข้จากยุงอีกอย่างหนึ่งก็คือชื่อคุณ
00:06:19 → 00:06:21 คุณย่าครับแต่พวกนี้ที่คุณคุณย่ามักจะปวด
00:06:21 → 00:06:23 ข้อมากกว่านะครับ
00:06:23 → 00:06:27 โรคฉี่หนูถ้าคนไหนที่อยู่ในถิ่นที่มีโรค
00:06:27 → 00:06:29 ฉี่หนูพวกนี้จะมีประวัติว่าเราไปสัมผัส
00:06:29 → 00:06:32 กับน้ำนะครับไปย่ำน้ำหรือบางคนเนี่ยไม่
00:06:32 → 00:06:34 ได้ไปย่ำน้ำอะไรด้วยเท้าเปล่ามานะครับแต่
00:06:34 → 00:06:38 ว่าไปกินน้ำกระป๋องที่หนูมันมาฉี่ใส่นะ
00:06:38 → 00:06:41 ครับเคยเคยมีผมเคยซักประวัติได้ว่ามันมี
00:06:41 → 00:06:43 ของอย่างนี้มีพวกน้ำกระป๋องที่วางทิ้งไว้
00:06:43 → 00:06:46 ตรงพื้นแล้วก็ไม่รู้หนูไปฉี่ใส่แล้วไปกิน
00:06:46 → 00:06:50 นะครับก็ได้รับเชื้อฉีดหนูเข้าไปนะครับ
00:06:50 → 00:06:52 ฉี่หนูก็อาการคล้ายอย่างนี้ได้นะครับเอ่อ
00:06:52 → 00:06:55 โรคติดเชื้อจากหมัดชนิดหนึ่งนะครับอ่า
00:06:55 → 00:06:58 เชื้อโรคมันจะชื่อว่า ridget เสี่ยงนะ
00:06:58 → 00:07:00 ครับตัวนี้ก็จะมีอาการแบบนี้ได้ซึ่งอัน
00:07:00 → 00:07:02 นี้ก็ต้องตรวจพิเศษเพราะว่ามันมียาเฉพาะ
00:07:02 → 00:07:04 เจาะจงกับมันเหมือนกันนะครับ
00:07:04 → 00:07:06 นอกเหนือจากนี้ก็ยกตัวอย่างเช่นค่าย
00:07:06 → 00:07:09 ไทยฟอยด์อ่าโรคอื่นๆนะครับแต่ว่าไอ้โรค
00:07:09 → 00:07:11 ที่พูดไปทั้งหมดนี้ก็เป็นโรคที่มักจะเจอ
00:07:11 → 00:07:14 ในประเทศไทยซึ่งหมอหลายๆคนเขาก็จะรู้จัก
00:07:14 → 00:07:16 กันอยู่แล้วนะครับว่าจะต้องแยกโรคพวกนี้
00:07:16 → 00:07:18 ออกไปจากไข้เลือดออกก่อนที่จะวินิจฉัยว่า
00:07:18 → 00:07:23 เป็นไข้เลือดออกนะครับอ่างั้นหมอก็จะบอก
00:07:23 → 00:07:25 ว่าเอ้ยอาการเราเข้าได้กับไข้เลือดออกนะ
00:07:25 → 00:07:27 แต่ขอตรวจไอ้พวกนี้ให้แน่ใจว่ามันไม่ใช่
00:07:27 → 00:07:30 จริงๆหรือเปล่าซะก่อนนะครับถึงจะบอกว่า
00:07:30 → 00:07:32 เป็นไข้เลือดออกแล้วสิ่งหนึ่งซึ่งเราจะ
00:07:32 → 00:07:35 ตรวจกันก็คือว่าเราจะทดสอบได้ยังไงว่า
00:07:35 → 00:07:37 เลือดมันออกนะครับบางคนถ้ามีประจำเดือน
00:07:37 → 00:07:39 โอเคประจำเดือนอาจจะมามากกว่าปกติบางคน
00:07:39 → 00:07:42 ที่รับประทานยาที่ทำให้เลือดออกง่ายๆเช่น
00:07:42 → 00:07:44 ยาละลายลิ่มเลือดเลือดก็ยิ่งออกใหญ่นะ
00:07:44 → 00:07:47 ครับคนที่รับประทานยาแก้ปวดกลุ่มที่เรียก
00:07:47 → 00:07:50 ว่า nsaid นะครับหรือ non statodo and
00:07:50 → 00:07:54 ก็จะยิ่งทำให้เลือดเราออกง่ายเลยนะครับ
00:07:54 → 00:07:57 เวลามาถึงหมอเนี่ยมันจะมีการตรวจอย่าง
00:07:57 → 00:07:59 หนึ่งเรียกว่า turnigator
00:07:59 → 00:08:03 Test คือการที่หมอเขาเอาไอ้ตัววัดความ
00:08:03 → 00:08:06 ดันนี่แหละครับที่แบบแมนนวลที่เราบีบๆๆ
00:08:06 → 00:08:08 วัดความดันมารัดแขนเราเนี่ยนะครับเขาจะ
00:08:08 → 00:08:11 วัดความดัน 2 ค่าคือค่า systolic คือตัว
00:08:11 → 00:08:13 ตัวบนแล้วก็ dias คือความดันตัวล่างนะ
00:08:13 → 00:08:14 ครับ
00:08:14 → 00:08:17 แล้วเขาก็จะหาค่าที่อยู่ตรงกลางระหว่าง
00:08:17 → 00:08:21 ช่องเช่นสมมุติว่าตัวบน 120 ตัวล่าง 80
00:08:21 → 00:08:25 ตรงกลางคืน 100 ถูกไหมครับเขาก็จะใช้ไอ้
00:08:25 → 00:08:28 ตัวลัดนั่นแหละครับรัฐบีบจนกระทั่งความ
00:08:28 → 00:08:30 ดันมันอยู่ตรงกลางก็คือ 100 บีบค้างไว้
00:08:30 → 00:08:33 สัก 5 นาทีนะครับเหนือข้อศอกตรงเนี้ยแล้ว
00:08:33 → 00:08:35 พอมันครบ 5 นาทีก็คลายแล้วเขาก็จะมาดูว่า
00:08:35 → 00:08:38 ไอ้ตรงตรงที่อยู่ใต้ที่รัฐเนี่ยมันมีจุด
00:08:38 → 00:08:41 เลือดออกมากี่จุดนะครับทั่วไปแล้วอ่ะไอ้
00:08:41 → 00:08:43 จุดเลือดออกเนี่ยถ้ามันยิ่งเยอะยิ่งแปล
00:08:43 → 00:08:46 ว่าเราน่าจะเป็นไข้เลือดออกนะครับโดยทั่ว
00:08:46 → 00:08:46 ไป
00:08:46 → 00:08:48 ถ้าเกิน 10 จุดเนี่ยเราก็เริ่มมีปัญหา
00:08:48 → 00:08:50 แล้วถ้าเกิน 20 จุดเนี่ยค่อนข้างจะชัวร์
00:08:51 → 00:08:52 แล้วว่าเฮ้ยต้องเป็นไข้เลือดออกแน่ๆนะ
00:08:52 → 00:08:56 ครับ 20 จุดในหนึ่งตารางนิ้วนะครับเราก็
00:08:56 → 00:08:58 มีตารางเป็นนิ้วแล้วก็มาวัดแล้วก็นับจุด
00:08:58 → 00:09:00 ดูถ้ามันจุดเต็มไปหมดเลยเกิน 20 อันนั้น
00:09:00 → 00:09:02 น่าจะเป็นไข้เลือดออกนะครับ
00:09:02 → 00:09:05 วิธีวินิจฉัยอย่างอื่นที่สามารถทำได้ก็
00:09:05 → 00:09:07 คือการตรวจ pcr หาไข้เลือดออกนั่นเองนะ
00:09:07 → 00:09:10 ครับดังนั้นตรงนี้มันเป็นการที่เราพอตรวจ
00:09:10 → 00:09:12 ได้ว่าเป็นไข้เลือดออกคนที่เป็นปุ๊บเนี่ย
00:09:12 → 00:09:15 ไม่จำเป็นจะต้องอยู่โรงพยาบาลเสมอไปนะ
00:09:15 → 00:09:16 ครับมันขึ้นอยู่กับว่าอาการของเราเนี่ย
00:09:16 → 00:09:19 เป็นหนักมากน้อยแค่ไหนนะครับนอกเหนือจาก
00:09:19 → 00:09:22 การตรวจอย่างนี้แล้วจะมีการตรวจเลือด
00:09:22 → 00:09:23 อย่างอื่นนะครับตรวจเลือดอย่างอื่นเพราะ
00:09:23 → 00:09:26 ว่าอย่างที่ผมผมจะต้องเรียนเสมอก่อนเลยนะ
00:09:26 → 00:09:29 ครับว่า pcr สำหรับการตรวจไข้เลือดออก
00:09:29 → 00:09:31 เนี่ยไม่ได้ตรวจกันได้ทุกโรงพยาบาลนะครับ
00:09:31 → 00:09:34 แล้วมันก็แพงด้วยดังนั้นโอกาสที่จะได้
00:09:34 → 00:10:00 ตรวจ pcr เนี่ย
00:10:00 → 00:10:04 จะเจอว่ามีเกล็ดเลือดต่ำกว่าต่ำได้โดย
00:10:04 → 00:10:06 เฉพาะต่ำกว่า 100,000 นะครับอ่าตรงนี้
00:10:06 → 00:10:08 เป็นหลักเลยนะครับเป็น 2 ตัวที่เราเจอ
00:10:08 → 00:10:13 หลักๆแล้วก็ถ้าเป็นน้องๆแพทย์เข้ามาฟังนะ
00:10:13 → 00:10:15 ครับก็อาจจะมีอย่างหนึ่งซึ่งเราเจอได้
00:10:15 → 00:10:19 เพิ่มขึ้นก็คือถ้าเราไปดูตรงที่ตัวเม็ด
00:10:19 → 00:10:20 เลือดขาวที่มันต่ำลงเนี่ยนะครับมันจะมี
00:10:20 → 00:10:22 ตัวพิเศษโผล่ขึ้นมาก็คืออาทิตย์ไปเข้า
00:10:22 → 00:10:25 ลิฟต์ไซต์ที่เราเจอได้นะครับถ้าคนทั่วไป
00:10:25 → 00:10:27 ตัวนี้ไม่ต้องสนใจมันนะครับอันนี้มันเจอ
00:10:27 → 00:10:29 ได้ในโลกไข้เลือดออกแล้วก็ไวรัสบางอย่าง
00:10:29 → 00:10:31 ที่เราเจอกันนะครับอ่ะ
00:10:31 → 00:10:34 อีกอย่างหนึ่งซึ่งหมอก็จะตรวจก็แน่นอน
00:10:34 → 00:10:37 เรื่องของตับนะครับเพราะว่าอย่างที่พบ
00:10:37 → 00:10:39 เมื่อกี้ผมบอกคนที่เป็นโรคไข้เลือดออก
00:10:39 → 00:10:42 เนี่ยมันจะปวดท้องได้นะครับทำไมปวดเออ
00:10:42 → 00:10:45 ทำไมปวดเพราะว่ามันมีการอักเสบของตับครับ
00:10:45 → 00:10:48 ตับของเราเนี่ยอยู่บริเวณท้องด้านบนขวานะ
00:10:48 → 00:10:50 ครับใต้ชายโครงขวานะครับบางคนกดตรงนั้น
00:10:50 → 00:10:53 น่ะเจ็บเลยนะครับอ่าเจ็บเลยหรือบางคนตัด
00:10:54 → 00:10:56 มันบวมมันโตขึ้นมาเราก็จะคลำตัดได้นะครับ
00:10:56 → 00:10:59 แล้วพวกนี้เวลาถ้าเจาะเลือดดูค่าเอนไซม์
00:10:59 → 00:11:01 ของตับนะครับมันก็จะเจอว่าค่ามันสูงขึ้น
00:11:01 → 00:11:02 นะครับ
00:11:02 → 00:11:05 ทั่วไปเวลาที่เราจะตัดสินใจว่าให้คนไข้
00:11:05 → 00:11:07 ที่เป็นไข้เลือดออกนอนโรงพยาบาลหรือเปล่า
00:11:07 → 00:11:11 เราดูที่ข้อแรกเขากินข้าวกินน้ำได้หรือ
00:11:11 → 00:11:14 เปล่านะครับเกล็ดเลือดของเขาต่ำแค่ไหนนะ
00:11:14 → 00:11:16 ครับถ้าต่ำมากๆเลยเช่นต่ำกว่า 50,000
00:11:16 → 00:11:19 อย่างนี้อาจจะต้องอยู่โรงพยาบาลแล้วต่อ
00:11:19 → 00:11:21 ให้มันไม่มีอาการอะไรก็ตามนะครับแต่ถ้า
00:11:21 → 00:11:24 อยู่สักประมาณแสนนึงแสนต้นๆ 8 หมื่นอะไร
00:11:24 → 00:11:26 อย่างนี้ผมอาจจะโอเคถ้าคนไข้กินน้ำกิน
00:11:26 → 00:11:29 ข้าวได้ดีแล้วก็มีโอกาสที่จะกลับมาตรวจ
00:11:29 → 00:11:31 ซ้ำได้อย่างง่ายดายไม่ใช่อยู่ถิ่น
00:11:31 → 00:11:33 ทุรกันดารไกลๆที่มายากๆนะครับผมก็เอ่อ
00:11:33 → 00:11:36 อย่างนั้นก็กลับบ้านได้นะครับ
00:11:36 → 00:11:39 และต่อมาแล้วยังไงต่อนะครับโอเคถ้ากลับ
00:11:39 → 00:11:43 บ้านได้ก็ดีนะครับถ้ากลับบ้านได้ให้ดื่ม
00:11:43 → 00:11:45 น้ำให้เพียงพอนะครับดื่มเกลือแร่ให้เพียง
00:11:45 → 00:11:47 พอนะครับถ้าคนไหนกินข้าวไม่ลงก็ไอ้พวก
00:11:47 → 00:11:49 เกลือแร่พวกนี้นะครับเพราะว่ามันไม่มียา
00:11:49 → 00:11:52 ฆ่าเชื้อไวรัสไข้เลือดออกนะครับต้องระวัง
00:11:52 → 00:11:54 ตรงนี้ไว้อย่างนึงนะฮะ
00:11:54 → 00:11:57 ทีนี้ช่วงที่เราเป็นไข้เนี่ยมันจะนานสัก
00:11:57 → 00:12:00 ประมาณ 2-7 วันนะครับแล้วไข้มันก็จะเริ่ม
00:12:00 → 00:12:01 ลงของมันเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
00:12:01 → 00:12:05 ปัญหาอยู่ตรงนี้เลยครับคนจะตายหรือเปล่า
00:12:05 → 00:12:07 เนี่ยอยู่ตรงนี้ช่วงที่อันตรายที่สุดของ
00:12:07 → 00:12:10 ไข้เลือดออกเนี่ยคือช่วงที่ไข้มันกำลังลง
00:12:10 → 00:12:14 ครับไม่ใช่ไข้กำลังขึ้นอ่าตรงนี้หลายคน
00:12:14 → 00:12:16 อาจจะไม่รู้โดยเฉพาะคนทั่วๆไปแต่ส่วนใหญ่
00:12:16 → 00:12:18 หมอเขาจะรู้กันนะครับช่วงเมื่อไหร่ที่ไข้
00:12:18 → 00:12:20 มันเริ่มลงแล้วแหละหมอก็ต้องเจาะเลือด
00:12:21 → 00:12:23 บ่อยเลยนะครับวันนึงก็อาจจะ 3-4 ครั้ง
00:12:23 → 00:12:26 เพราะว่ามันจะเป็นช่วงที่น้ำในเลือดของ
00:12:26 → 00:12:28 เราเนี่ยรั่วออกไปนอกเส้นเลือดนะครับหรือ
00:12:28 → 00:12:30 ที่เราเรียกว่า Plasma ของเราเนี่ยมัน
00:12:30 → 00:12:34 รั่วออกไปข้างนอกมันรั่วไปไหนนะครับมันก็
00:12:34 → 00:12:36 รั่วไปตามที่ต่างๆเช่นอาจจะมีน้ำในปอดได้
00:12:36 → 00:12:40 น้ำในท้องได้หรือว่าตรงขาจะบวมได้หน้าก็
00:12:40 → 00:12:42 จะบวมๆได้นิดหน่อยพอมันรั่วออกนอกเส้น
00:12:42 → 00:12:45 เลือดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปริมาณเลือดที่
00:12:45 → 00:12:48 อยู่ในเส้นเลือดของเราลดลงความดันก็จะ
00:12:48 → 00:12:52 เริ่มตกพอตกจนถึงจุดนึงปุ๊บช็อคแล้วก็
00:12:52 → 00:12:56 เสียชีวิตทันทีดังนั้นเนี่ยเราจำเป็นจะ
00:12:56 → 00:12:59 ต้องดูให้ได้ว่าเฮ้ยมันเกิดภาวะนี้ขึ้นมา
00:12:59 → 00:13:01 หรือยังโดยการเจาะเลือดบ่อยๆนะครับเรา
00:13:01 → 00:13:04 เจาะดูอะไรในทางการแพทย์เราจะเจาะดูค่า
00:13:04 → 00:13:07 ฮีมาโตคริกนะครับหรือค่าความเข้มข้นของ
00:13:07 → 00:13:09 เม็ดเลือดแดงนั่นเองนะครับถ้ามันเข้มข้น
00:13:09 → 00:13:11 มากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆเนี่ยมันก็แปลว่า
00:13:12 → 00:13:15 น้ำของเราถูกดึงออกไปเรื่อยๆเรื่อยๆๆถูก
00:13:15 → 00:13:17 ไหมครับคือเลือดของเราเนี่ยมีส่วนประกอบ
00:13:17 → 00:13:19 ที่เป็นเม็ดเลือดแล้วก็ส่วนประกอบที่เป็น
00:13:19 → 00:13:22 น้ำเลือดถ้าเอาน้ำออกไปเยอะๆนะครับมันก็
00:13:22 → 00:13:24 มีความเข้มข้นสูงขึ้นเรื่อยๆถูกไหมครับ
00:13:24 → 00:13:28 ถ้าค่าฮีมาโตคลิกเนี่ยมันสูงขึ้นกว่าพื้น
00:13:28 → 00:13:32 ฐานของเราเนี่ย 20% ขึ้นไปแล้วล่ะก็แปล
00:13:32 → 00:13:35 ว่าเริ่มเกิดภาวะนี้แล้วเราควรจะต้องให้
00:13:35 → 00:13:37 สารน้ำคนไข้เข้าไปให้เพียงพอนะครับเพราะ
00:13:37 → 00:13:40 ถ้าคนไข้ไม่มีสารน้ำเนี่ยคือเลือดมันหนืด
00:13:40 → 00:13:43 มากๆนะครับสุดท้ายก็จะช็อคเสียชีวิตได้นะ
00:13:43 → 00:13:45 ครับดังนั้นช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราต้อง
00:13:45 → 00:13:48 ตรวจให้บ่อยที่สุดแล้วก็มีการให้สารน้ำ
00:13:48 → 00:13:51 เข้าไปนะครับแต่มันไม่ได้จบแค่นั้นเวลา
00:13:51 → 00:13:53 ที่เราให้สารนั้นเข้าไปเมื่อกี้อย่างที่
00:13:53 → 00:13:56 ผมบอกคือทุกๆอย่างในน้ำเลือดแต่มันรั่ว
00:13:56 → 00:13:59 ออกไปข้างนอกมันก็มีโอกาสที่จะเราให้สระ
00:13:59 → 00:14:01 น้ำเข้าไปปุ๊บมันก็รั่วออกไปได้เช่นกัน
00:14:01 → 00:14:03 แล้วที่ที่เราไม่อยากให้มันรั่วออกไปมาก
00:14:03 → 00:14:07 ที่สุดแล้วแต่มันจะรั่วออกไปก็คือในปอด
00:14:07 → 00:14:10 ครับมันรวบไปในปอดแล้วเป็นอะไรน้ำท่วมปอด
00:14:10 → 00:14:13 ครับบางคนเนี่ยอาจจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
00:14:13 → 00:14:15 ในช่วงเวลานี้ด้วยซ้ำไปนะครับเพราะว่าคือ
00:14:15 → 00:14:18 เราจะไม่ให้สารน้ำก็ไม่ได้ถูกไหมครับไม่
00:14:18 → 00:14:20 ให้สระน้ำคนไข้ก็เสียชีวิตถ้าให้สารน้ำใน
00:14:20 → 00:14:23 บางคนโชคร้ายน้ำท่วมปอดก็ต้องใส่ท่อช่วย
00:14:23 → 00:14:25 หายใจนะครับนั่นแหละครับคือช่วงที่มัน
00:14:25 → 00:14:29 หนักหนาสาหัสมากนะครับช่วงนี้บางคนก็ใช้
00:14:29 → 00:14:32 เวลา 3-4 วันก่อนจะผ่านมันไปนะครับ
00:14:32 → 00:14:35 และอีกอย่างหนึ่งซึ่งเรายังไม่ได้พูดถึง
00:14:36 → 00:14:38 ก็คือเลือดออกไข้เลือดออกแล้วเลือดมันออก
00:14:38 → 00:14:41 ตรงไหนล่ะเลือดมันออกเมื่อไหร่นะครับไข้
00:14:41 → 00:14:43 เลือดออกเนี่ยเลือดของเราจะออกได้ตั้งแต่
00:14:43 → 00:14:47 ช่วงที่มีไข้นะครับหรือบางคนในช่วงที่
00:14:47 → 00:14:49 กำลังช็อคเนี่ยก็จะเลือดออกนะครับมันออก
00:14:49 → 00:14:52 ตรงไหนได้บ้างโอ้โหได้ทุกที่เลยนะครับถ้า
00:14:52 → 00:14:54 มีประจำเดือนประจำเดือนก็จะออกมากกว่า
00:14:54 → 00:14:58 ปกตินะครับออกจากริมฝีปากจากเมื่อเยื่อ
00:14:58 → 00:15:01 เมือกในปากก็ได้นะครับบางคนมีเลือดออกใน
00:15:01 → 00:15:03 ทางเดินอาหารไทยอุจจาระออกมาเนี่ยจะสีดำๆ
00:15:03 → 00:15:06 เลยสีดำเหมือนยางมะตอยเหนียวแล้วก็ติด
00:15:06 → 00:15:08 ส้วมอย่างนี้ครับอันนั้นคืออาการที่มี
00:15:08 → 00:15:11 เลือดออกในทางเดินอาหารนะครับถ้ามีแผล
00:15:11 → 00:15:13 เลือดมันก็จะออกไม่หยุดอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:15:13 → 00:15:15 ครับนั่นคืออาการของไข้เลือดออกแล้วถ้า
00:15:15 → 00:15:18 มันมาออกช่วงที่เรากำลังความดันตกอันนั้น
00:15:18 → 00:15:21 เนี่ยก็จะน่ากลัวมากๆนะครับเพราะว่าเรา
00:15:21 → 00:15:24 สามารถช็อคและเสียชีวิตได้เลยนะครับถ้า
00:15:24 → 00:15:26 ผ่านช่วงนี้ไปได้สิ่งที่เกิดขึ้นและคือ
00:15:26 → 00:15:29 เราจะเริ่มรู้สึกเริ่มอยากอาหารแล้วเริ่ม
00:15:29 → 00:15:31 รู้สึกมีกำลังวางชานะเริ่มไม่รู้สึกแย่
00:15:31 → 00:15:35 อะไรและนะครับแต่มันจะมีสิ่งหนึ่งที่เป็น
00:15:35 → 00:15:37 ตัวเตือนเลยว่าเราเป็นไข้เลือดออกแน่ๆ
00:15:37 → 00:15:40 แล้วเรากำลังหายแล้วเราพ้นขีดอันตรายแล้ว
00:15:40 → 00:15:44 ก็คืออาการคันตามผิวหนังนะครับเราอาจจะมี
00:15:44 → 00:15:46 ผืนขึ้นเล็กๆน้อยๆนะครับผื่นของไข้เลือด
00:15:46 → 00:15:48 ออกเวลาที่มันหายเราจะเรียกว่า
00:15:48 → 00:15:51 conversation นะครับคือผิวของเราเนี่ยจะ
00:15:51 → 00:15:53 แดงทั้งอะไรแดงหมดเลยนะครับแล้วมันจะมี
00:15:53 → 00:15:58 เหมือนกับเหมือนเป็นรูกลมๆสักประมาณสัก 1
00:15:58 → 00:15:59 เซนติเมตรหรือเล็กกว่านั้นนิดนึงนะครับ
00:15:59 → 00:16:03 เป็นเป็นบริเวณที่ไม่มีผื่นนะครับอ่าเป็น
00:16:03 → 00:16:05 บริเวณที่ไม่ไม่คืนเหมือนกับเป็นเกาะสี
00:16:05 → 00:16:08 ขาวๆเนี่ยอยู่ท่ามกลางพื้นที่มันแดงๆนะ
00:16:08 → 00:16:11 ครับอ่าถ้ามันมีแบบนั้นอ่ะแล้วคันๆนะครับ
00:16:11 → 00:16:14 อาจจะคันมือคันเท้าคันตัวนะครับอันนั้น
00:16:14 → 00:16:17 อ่ะถือว่าเราหายแล้วครับเราโชคดีที่ท่าน
00:16:17 → 00:16:19 หายถ้ามีอาการแบบนั้นขึ้นมาก็ถือว่าโอเค
00:16:19 → 00:16:21 เราเป็นไข้เลือดออกค่อนข้างที่จะแน่นอน
00:16:21 → 00:16:23 เลยโดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ตรวจ pcr นะครับ
00:16:23 → 00:16:27 แล้วก็เป็นการบ่งบอกว่าเฮ้ยเราดีขึ้น
00:16:27 → 00:16:29 เรียบร้อยแล้วเราไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ
00:16:29 → 00:16:32 ครับนั่นคืออาการทั้งหมดของไข้เลือดออก
00:16:32 → 00:16:36 แต่มันก็ไม่จบแค่นั้นนะครับไข้เลือดออก
00:16:36 → 00:16:39 มันมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ด้วยกันถ้าเรา
00:16:39 → 00:16:42 เป็นสายพันธุ์แรกครั้งแรกในชีวิตอาการมัก
00:16:42 → 00:16:44 จะไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกครับแต่ถ้าเราไปติด
00:16:44 → 00:16:47 สายพันธุ์ที่เหลือที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 นะ
00:16:47 → 00:16:49 ครับโดยที่เราเคยติดครั้งแรกมาแล้วครั้ง
00:16:49 → 00:16:52 ที่ 2 เนี่ยมันมักจะรุนแรงมากกว่าครั้ง
00:16:52 → 00:16:55 แรกนะครับงั้นคือเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับไข้เลือดออกมีวัคซีนในการป้องกันแต่
00:16:58 → 00:17:02 เราจะให้ฉีดวัคซีนเนี่ยคนไข้จะอยู่ในช่วง
00:17:02 → 00:17:05 อายุประมาณ 9 ถึง 45 ปีแล้วก็ต้องเคยเป็น
00:17:05 → 00:17:08 ไข้เลือดออกมาแล้วสักครั้งหนึ่งก่อนนะ
00:17:08 → 00:17:11 ครับถ้าไปฉีดที่นอกเหนือจากนี้อาจจะทำให้
00:17:11 → 00:17:13 โรคมันเป็นมากขึ้นก็ได้นะครับอันนั้นเป็น
00:17:13 → 00:17:16 ข้อจำกัดของวัคซีนไข้เลือดออกนะครับก็
00:17:16 → 00:17:18 ต้องระวังในจุดนี้ไว้ด้วย
00:17:18 → 00:17:22 หลายคนก็อาจจะยังคงจำเรื่องของคุณปอทฤษฎี
00:17:22 → 00:17:25 ได้อยู่นะครับที่เขาเป็นไข้เลือดออกแล้ว
00:17:25 → 00:17:27 ก็เสียชีวิตนะฮะ
00:17:27 → 00:17:31 อันนี้มันมีภาวะพิเศษอันนึงซึ่งน่ากลัว
00:17:31 → 00:17:33 มากนะครับก็คือถ้าตอนนั้นเนี่ยย้อนกลับไป
00:17:33 → 00:17:36 ได้นะครับหลายคนอาจจะเคยได้ยินว่ามันมี
00:17:36 → 00:17:38 ภาวะที่เม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดงนะ
00:17:38 → 00:17:41 ครับนั่นคือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุด
00:17:41 → 00:17:43 ของไข้เลือดออกนะครับมันไม่ใช่การที่เกิด
00:17:43 → 00:17:46 เลือดออกนะครับแต่ว่ามันเกิดปัญหาอันนี้
00:17:46 → 00:17:49 ขึ้นมานะครับในภาษาทางการแพทย์เราจะเรียก
00:17:49 → 00:17:51 ภาวะนี้ว่า
00:17:51 → 00:17:56 ฮีโมฟาโกไซติกลิปโฟร์
00:17:56 → 00:17:59 ภาวะนี้มันเกิดได้ยังไงนะครับมันเกิด
00:17:59 → 00:18:02 เพราะว่าร่างกายของเรามีไวรัสไข้เลือดออก
00:18:02 → 00:18:04 ที่เซลล์ของเราตัวนึงกำจัดไม่ได้เซลล์ตัว
00:18:04 → 00:18:06 นั้นก็คือเซลล์
00:18:06 → 00:18:09 แมคโคราชมันก็เป็นตัวยืดยื้อตัวนึงแล้ว
00:18:09 → 00:18:12 กันเอาไปกินไข้เลือดออกไว้ในตัวมันแล้ว
00:18:12 → 00:18:13 พยายามทำลายแล้วมันทำลายไม่ได้สักทีนะ
00:18:13 → 00:18:14 ครับ
00:18:14 → 00:18:17 พอทำอะไรไม่ได้สักทีมันก็ปล่อยศาลอักเสบ
00:18:17 → 00:18:18 ออกมาเต็มไปหมดทำให้เซลล์ตัวอื่นๆเนี่ย
00:18:18 → 00:18:20 มันก็ต้องเข้ามาร่วมแล้วบางทีมันอาจจะ
00:18:20 → 00:18:22 ต้องพยายามทำลายตัวเซลล์แมคโครฟารัดที่
00:18:22 → 00:18:25 มันมีเชื้อเนี่ยให้มันตายไปด้วยนะครับให้
00:18:25 → 00:18:27 มันตายไปพร้อมกันนะครับก็มีการไปกระตุ้น
00:18:27 → 00:18:29 ไอ้อย่างอื่นออกมาเยอะแยะไปหมดนะครับแล้ว
00:18:29 → 00:18:32 ก็พอเกิดการกระตุ้นก็จะเกิดการอักเสบทั่ว
00:18:32 → 00:18:37 ร่างกายนะครับผลของมันก็คือการที่มีการ
00:18:37 → 00:18:39 อักเสบทั่วร่างกายเยอะจนเกินไปส่งผลทำให้
00:18:39 → 00:18:43 เอาอวัยวะต่างๆของเขาเนี่ยแย่ลงได้นะครับ
00:18:43 → 00:18:47 เวลาที่เราตรวจว่าเฮ้ยเราเป็นภาระนี้หรือ
00:18:47 → 00:18:49 ยังเราตรวจดูอะไรนะครับทุกวันที่เราเป็น
00:18:49 → 00:18:51 ไข้เลือดออกแล้วต้องนอนโรงพยาบาลเนี่ยเรา
00:18:51 → 00:18:54 จะตรวจค่า CBC หรือ Complete Blood
00:18:54 → 00:18:57 ครั้งหนึ่งนะครับเราจะเริ่มเห็นว่าทำไม
00:18:57 → 00:19:01 ทุกๆเซลล์เนี่ยมันตกลงหมดเลยนะครับทั้ง
00:19:01 → 00:19:04 เม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงแล้วก็เกล็ด
00:19:04 → 00:19:07 เลือดนะครับในโรคไข้เลือดออกเนี่ยเม็ด
00:19:07 → 00:19:10 เลือดขาวกับเลือดมันตกอยู่แล้วแต่เมื่อ
00:19:10 → 00:19:11 ไหร่ก็แล้วแต่ที่เราเห็นเม็ดเลือดแดงตก
00:19:11 → 00:19:13 ร่วมด้วยเนี่ยเราต้องรู้สึกประหลาดใจแล้ว
00:19:13 → 00:19:15 เฮ้ยมันไม่ใช่ละ
00:19:15 → 00:19:17 แล้วที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราเจอในค่า
00:19:17 → 00:19:20 CBC ก็คือค่าที่เราเรียกว่า Absolute
00:19:20 → 00:19:24 มันจะเริ่มตกลงแล้วซึ่งในอีกโรคไข้เลือด
00:19:24 → 00:19:26 ออกเนี่ยมันตกมันต่ำได้แต่มันไม่ควรจะลด
00:19:26 → 00:19:28 ลงไปเรื่อยๆนะครับถ้าเรามีภาวะเนี่ยเรา
00:19:28 → 00:19:31 ต้องสงสัยว่าเฮ้ยมันเกิดภาวะ hls ขึ้นมา
00:19:31 → 00:19:34 แล้วนะแล้วเราจะทำยังไงในการตรวจต่อไป
00:19:34 → 00:19:36 เพื่อยืนยันนะครับเราอาจจะตรวจค่าที่
00:19:36 → 00:19:38 เรียกว่าสถิติ์นะครับ ferratin ตรงนี้
00:19:38 → 00:19:41 เนี่ยมันเกี่ยวข้องกับเอ่อธาตุเหล็กใน
00:19:41 → 00:19:43 ร่างกายแต่ว่ามันจะออกมาเวลาที่มันอักเสบ
00:19:43 → 00:19:45 มากๆนะครับมันเป็นการบ่งบอกว่าเฮ้ยกำลัง
00:19:45 → 00:19:47 เกิดภาวะนี้อยู่ในร่างกายโดยเฉพาะถ้ามัน
00:19:47 → 00:19:49 สูงเป็นพันเป็นหมื่นอย่างเงี้ยอันเนี้ยมี
00:19:49 → 00:19:52 ปัญหาละนะครับถ้าจะยืนยันภาวะนี้ได้จริงๆ
00:19:52 → 00:19:54 เนี่ยมันก็มีอยู่หลายๆแล็บที่เราสามารถ
00:19:54 → 00:19:57 ตรวจได้นะครับตัวนึงก็คือเป็นการเจาะเอา
00:19:57 → 00:19:59 ไขกระดูกออกมาตรวจนะครับหรือตรวจต่อมน้ำ
00:19:59 → 00:20:01 เหลืองหรือตรวจม้าหรืออะไรก็ได้นะครับแต่
00:20:01 → 00:20:03 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเจาะไขกระดูกแล้วก็
00:20:03 → 00:20:05 เจอว่าไอ้เม็ดเลือดแดงเนี่ยมันกำลังโดน
00:20:05 → 00:20:07 เม็ดเลือดขาวกินอยู่นะครับแล้วก็วินิจฉัย
00:20:07 → 00:20:09 ภาวะนี้ได้นะครับหรือตรวจเลือดหาตัวหนึ่ง
00:20:09 → 00:20:13 ชื่อว่าเป็นการตรวจ CD 25 นะครับโซโล่
00:20:13 → 00:20:16 ซีดีคนที่ 5 นะครับตัวนี้ก็เป็นการตรวจ
00:20:16 → 00:20:18 ยืนยันนะครับหรืออีกอย่างหนึ่งคือ CX al9
00:20:18 → 00:20:21 ซึ่งประเทศไทยไม่รู้มีหรือเปล่านะครับแต่
00:20:21 → 00:20:24 ว่า CD 25 นี้น่าจะมีนะครับก็เราตรวจ
00:20:24 → 00:20:25 ประมาณนี้ได้
00:20:25 → 00:20:28 คนพวกนี้จะมีค่าไตรกลีเซอไรด์หรือไขมัน
00:20:28 → 00:20:30 ไตรสกิลไซด์ในร่างกายสูงมากนะครับมันจะ
00:20:30 → 00:20:32 สูงขึ้นไปเรื่อยๆเลยมีตับมีม้ามโตได้นะ
00:20:32 → 00:20:35 ครับบางคนมีอาการทางระบบประสาทได้นะครับ
00:20:35 → 00:20:37 ถ้าเมื่อไหร่เราเจอว่าค่า ferratin สูง
00:20:37 → 00:20:40 มากๆแล้วก็ไอ้เซลล์ของเรามันหายไปเรื่อยๆ
00:20:40 → 00:20:43 ค่าไตรกลีเซอไรด์สูงแบบนี้สงสัยว่าเป็น
00:20:43 → 00:20:47 hls ละนะครับเฮ้ยเรารักษายังไง
00:20:47 → 00:20:49 hls เนี่ยน่ากลัวมากนะครับเพราะว่าต่อ
00:20:49 → 00:20:52 ให้เรารักษาเนี่ยมันก็ไม่ได้แปลว่าจะรอด
00:20:52 → 00:20:55 นะครับวิธีการรักษามันขึ้นอยู่กับว่าคน
00:20:55 → 00:20:58 ไข้มีอาการอะไรมากน้อยแค่ไหนถ้าอาการเบาๆ
00:20:58 → 00:21:00 นะครับเราไม่ต้องทำอะไรเลยนะครับในคนที่
00:21:00 → 00:21:02 เป็นเดงกี่ไวรัสหรือไวรัสไข้เลือดออก
00:21:02 → 00:21:05 เนี่ยเราอาจจะนะครับอาจจะผมบอกว่าอาจจะ
00:21:05 → 00:21:08 เพราะว่าหมอแต่ละคนอาจจะรักษาไม่เหมือน
00:21:08 → 00:21:10 กันขึ้นอยู่กับว่าคนไข้ตอนนั้นเป็นอย่าง
00:21:10 → 00:21:13 ไรแล้วก็ขึ้นอยู่กับการคิดเป็นระบบว่า
00:21:13 → 00:21:16 ต้องทำยังไงบ้างอย่างแรกที่อาจจะทำก็คือ
00:21:16 → 00:21:19 การให้อินเทอร์ฟีนัสอีเมลนะครับเพื่อไปมี
00:21:19 → 00:21:22 ผลในการกำจัดไวรัสแต่ถ้าเกิดคนไข้กำลัง
00:21:22 → 00:21:24 แย่โดยเฉพาะค่า ferritin เนี่ยมันเกิน
00:21:24 → 00:21:27 หมื่นไปและนะครับคนไข้อวัยวะเริ่มล้มเหลว
00:21:27 → 00:21:31 และพวกนี้เนี่ยเราอาจจะต้องให้ยารักษาโดย
00:21:31 → 00:21:34 เฉพาะมันเป็นยาเคมีบำบัดตัวหนึ่งชื่อว่า
00:21:34 → 00:21:38 อีเฒ่าโพไซน์หรือชื่อโค้ดเนมคือ VP
00:21:38 → 00:21:41 sixteen นะครับ VP sixteen introposite
00:21:41 → 00:21:41 นะครับ
00:21:41 → 00:21:44 ร่วมกับยาสเตียรอยด์ตัวหนึ่งชื่อว่า dext
00:21:44 → 00:21:47 Zone นะครับ 2 ตัวนี้เนี่ยต้องให้ไปนาน
00:21:47 → 00:21:50 เลยทีเดียวนะครับให้ไปประมาณสัก 2 เดือน
00:21:50 → 00:21:53 นานขนาดนั้นเลยนะครับแล้วถ้าไม่ให้ก็ไม่
00:21:53 → 00:21:56 ได้เพราะว่าคนไข้ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตถ้า
00:21:56 → 00:21:58 เป็นอาการหนักๆนะครับแล้วบางคนเนี่ยถ้ามี
00:21:58 → 00:22:02 อาการทางสมองแล้วนะครับเราจะต้องตรวจน้ำ
00:22:03 → 00:22:05 ไขสันหลังด้วยเพราะว่าถ้าเราตรวจน้ำไขสัน
00:22:05 → 00:22:08 หลังมันแล้วเจอเซลล์เยอะๆเนี่ยแปลว่าภาวะ
00:22:08 → 00:22:10 hls เนี่ยมันขึ้นสมองด้วยนะครับเราอาจจะ
00:22:10 → 00:22:13 ต้องมีการให้ยาเข้าน้ำไขสันหลังตัวหนึ่ง
00:22:13 → 00:22:16 ยาตัวเนี้ยชื่อว่า Metro Taxi นะครับ
00:22:16 → 00:22:19 ร่วมกับไฮโดรคโซนไม่ต้องแท็กเสร็จคุณๆไหม
00:22:19 → 00:22:23 ครับผมเคยพูดในคลิปเรื่องของโรครูมาตอยด์
00:22:23 → 00:22:25 ครับใช่ Metro text state นี่แหละครับ
00:22:25 → 00:22:26 มันเป็นยาคีโม
00:22:26 → 00:22:29 แล้วเราสามารถให้เข้าไปในไขสันหลังน้ำไข
00:22:29 → 00:22:32 สันหลังได้นะครับอันนี้ผมแถมให้อีกอย่าง
00:22:32 → 00:22:35 นึงแล้วกันภาวะที่คนไข้มีอาการทางสมอง
00:22:35 → 00:22:38 เช่นชักเช่นซึมเช่นอะไรพวกนี้ไม่จำเป็น
00:22:38 → 00:22:40 ว่าจะต้องเป็นจาก SOS ขึ้นสมองเท่านั้น
00:22:40 → 00:22:45 เพราะว่าคนที่เป็น hos เนี่ยมีปัญหาอย่าง
00:22:45 → 00:22:48 หนึ่งซึ่งเจอได้บ่อยกว่าคนทั่วไปคือภาวะ
00:22:48 → 00:22:52 postivia reversible lucle experty
00:22:52 → 00:22:56 Syndrome หรือ press นะครับภาวะนี้ไม่
00:22:56 → 00:22:58 ต้องทำอะไรพิเศษมันไม่มีการรักษาเฉพาะ
00:22:58 → 00:23:01 พิเศษนะครับถ้ามีความดันโลหิตที่มันผิด
00:23:01 → 00:23:02 ปกติเราก็ต้องแก้ไขตรงนั้นเราต้องรอให้
00:23:03 → 00:23:06 มันหายไปเองภาวะนี้วินิจฉัยด้วยการทำ CT
00:23:06 → 00:23:08 Scan สมองหรือ MRI สมองนะครับดังนั้นคน
00:23:08 → 00:23:12 ที่มีความผิดปกติทางด้านความสติและก็สมอง
00:23:12 → 00:23:16 ที่มันมีปัญหาไปเนี่ยตรงนี้เราอาจจะต้อง
00:23:16 → 00:23:19 มีการทำสแกนสมองนะครับและถ้าสแกนแล้วมัน
00:23:19 → 00:23:21 ไม่เจออะไรก็อาจจะต้องเจาะน้ำไขสันหลังมา
00:23:21 → 00:23:24 ตรวจในคนที่มีโรคไข้เลือดออกการเจาะน้ำไข
00:23:24 → 00:23:26 สันหลังก็ไม่ง่ายนะครับเพราะว่าเกล็ด
00:23:26 → 00:23:27 เลือดมันต่ำถ้าเราเจาะแล้วเลือดอาจจะออก
00:23:27 → 00:23:30 เยอะเราอาจจะต้องมีการให้เกร็ดเลือดเข้า
00:23:30 → 00:23:32 ไปก่อนแล้วก็เจาะระหว่างที่เรากำลังเก็บ
00:23:32 → 00:23:35 เลือดมันสามารถที่จะทำได้นะครับแล้วพอเรา
00:23:35 → 00:23:37 ให้ยารักษาอีท็อปปอไซด์ dachmettle Zone
00:23:37 → 00:23:39 พวกนี้ไปเราก็ต้องตรวจติดตามเยอะแยะไปหมด
00:23:39 → 00:23:42 นะครับซึ่งจะต้องอาศัยคุณหมอทางด้านโรค
00:23:42 → 00:23:45 เลือดนะครับมาช่วยเหลือเราในการรักษาภาวะ
00:23:45 → 00:23:48 นี้นะครับเพราะว่ามันไม่ได้รักษากันง่ายๆ
00:23:48 → 00:23:51 เอาเป็นว่าสมมุติว่ามีคนมาฟังอันนี้แล้ว
00:23:51 → 00:23:53 กันนะครับผมก็ไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีหมอที่
00:23:54 → 00:23:57 แบบดูแลเรื่องพวกนี้เฉพาะเหมือนพวกเราใน
00:23:57 → 00:24:01 ICU นะครับที่เราเจอกันถ้าสมมุติว่าฟัง
00:24:01 → 00:24:04 ผมจะบอกคลิกอีกอย่างหนึ่งไว้ให้นะครับถ้า
00:24:04 → 00:24:07 เราให้ไปแล้วนะครับค่าเอนไซม์ของตับมัน
00:24:07 → 00:24:10 สูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆวิธีก็คือ
00:24:10 → 00:24:13 เราต้องหยุด Detox ภาษาไทยนะครับอาจจะ
00:24:13 → 00:24:15 ต้องเปลี่ยนไปใช้อีกตัวนึงคือทุกแบบนะ
00:24:15 → 00:24:19 ครับหรือแอนตี้ซีดี fifty2 นะครับเอ่อตัว
00:24:19 → 00:24:21 นี้บังเอิญมันเป็นยาถนัดของผมเพราะว่าผม
00:24:21 → 00:24:23 ใช้ในโลกการปลูกถ่ายปอดค่อนข้างจะบ่อย
00:24:23 → 00:24:25 เหมือนกันนะครับดังนั้นก็อันนี้เป็นทริค
00:24:25 → 00:24:28 อย่างนึงซึ่งทำให้คนไข้อาจจะมีโอกาสรอด
00:24:28 → 00:24:31 เพิ่มขึ้นนะครับนี่คือภาวะ hls รักษายาก
00:24:31 → 00:24:34 มากรักษาได้ก็มีปัญหาเหมือนกันแล้วมันหาย
00:24:34 → 00:24:36 แล้วมันก็กลับมาเป็นซ้ำได้แต่ส่วนใหญ่ถ้า
00:24:36 → 00:24:38 มันเป็นจากการติดเชื้อเนี่ยรักษาหายแล้ว
00:24:38 → 00:24:42 หายเลยนะครับอ่ะวันนี้เราก็มาคุยกันยาว
00:24:42 → 00:24:45 เลยนะครับเราก็ขอสรุปให้อีกทีนึงนะครับ
00:24:45 → 00:24:48 ว่าโรคไข้เลือดออกนั้นเกิดจากดินกี่ไวรัส
00:24:48 → 00:24:51 นะครับไวรัสชนิดนี้มี 4 ตัวด้วยกันนะครับ
00:24:51 → 00:24:53 4 ชนิดด้วยกันถ้าเราติดไปครั้งแรกอาการ
00:24:53 → 00:24:56 มักจะไม่รุนแรงแต่ถ้าติดครั้งที่ 2 จาก
00:24:56 → 00:24:59 ตัวไวรัสตัวอื่นมักจะอาการรุนแรงได้นะ
00:24:59 → 00:25:02 ครับมันติดได้จากยุงลายยุงลายของเราเนี่ย
00:25:02 → 00:25:05 ก็บินได้รอบๆบริเวณที่มันวางไข่สักประมาณ
00:25:05 → 00:25:08 50 เมตรถึง 100 เมตรไม่เกินนี้นะครับวาง
00:25:08 → 00:25:11 ขายได้ 4-5 ครั้งต่อช่วงชีวิตซึ่งจะมี
00:25:11 → 00:25:14 ช่วงชีวิตประมาณสัก 3 อาทิตย์นะครับไข่
00:25:14 → 00:25:17 ต่อครั้งเนี่ย 50-30 ฟองซึ่งเยอะมากนะ
00:25:17 → 00:25:19 ครับกับเวลากลางวันนะครับถ้าเรามีอาการ
00:25:19 → 00:25:22 ไข้เลือดออกเราจะมีอาการไข้สูงทันทีนะ
00:25:22 → 00:25:25 ครับปวดหัวมากๆนะครับปวดขมับปวดกระบอกตา
00:25:25 → 00:25:28 กรอกตาอย่างนี้แล้วก็ปวดมากปวดทั่วตัวปวด
00:25:28 → 00:25:31 กระดูกบางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนปวด
00:25:31 → 00:25:34 ท้องนะครับโดยเฉพาะท้องด้านบนขวาที่อยู่
00:25:34 → 00:25:37 ใต้ชายโครงนะครับอาการไข้เนี่ยจะเป็นอยู่
00:25:37 → 00:25:39 ช่วงประมาณสัก 2 - 7 วันแล้วหลังจาก
00:25:39 → 00:25:40 นั้นเนี่ย
00:25:40 → 00:25:43 ก็จะเริ่มมีไข้ที่มันลดลงไปตอนไข้ลดเนี่ย
00:25:43 → 00:25:46 อาการของเรานี่แหละครับที่จะมีโอกาสช็อค
00:25:46 → 00:25:48 ได้ดังนั้นช่วงนั้นเนี่ยเราต้องสังเกตตัว
00:25:48 → 00:25:50 เองดีๆถ้าเรากลับบ้านเราต้องกินน้ำกิน
00:25:50 → 00:25:52 อะไรให้เพียงพอถ้าเมื่อไหร่รู้สึกกินน้ำ
00:25:52 → 00:25:54 ไม่ได้อาการคลื่นไส้อาเจียนมันมากขึ้น
00:25:54 → 00:25:58 ปัสสาวะน้อยลงรู้สึกเวียนหัวกลับไปโรง
00:25:58 → 00:25:59 พยาบาลเลยทันทีนะครับเพราะว่านั่นกำลัง
00:25:59 → 00:26:02 แปลว่าท่านกำลังจะชอบแล้วนะครับเวลาไปหา
00:26:02 → 00:26:05 หมอเขาจะตรวจเลือดค่า CBC นะครับเจอเม็ด
00:26:05 → 00:26:07 เลือดขาวต่ำเกล็ดเลือดต่ำได้นะครับตรวจ
00:26:07 → 00:26:10 telegatest นะครับเอาที่ที่วัดเขานำมา
00:26:10 → 00:26:12 รัดตรงแขนแล้วก็เจอว่ามีจุดเลือดออกเพิ่ม
00:26:12 → 00:26:14 ขึ้นนะครับ
00:26:14 → 00:26:17 แล้วการเลือดออกก็จะเกิดในช่วงเนี่ยช่วง
00:26:17 → 00:26:19 ที่มีไข้หรือช่วงที่กำลังไข้ลงก็ได้อันใด
00:26:19 → 00:26:22 อันหนึ่งก็ได้นะครับพอท่านหายแล้วก็จะมี
00:26:22 → 00:26:25 ผื่นขึ้นแดงๆตามตัวนะครับโดยผื่นเนี่ยมัน
00:26:25 → 00:26:27 เหมือนปืนทั้งปืนจะเป็นสีแดงแล้วก็จะมี
00:26:27 → 00:26:31 จุดกลมๆเล็กๆสักประมาณเซ็นนึงหรือเล็ก
00:26:31 → 00:26:33 กว่าเซ็นนึงนิดหน่อยอ่ะสีขาวๆที่มันไม่มี
00:26:33 → 00:26:36 ผื่นขึ้นอยู่ตามตัวพวกนี้นะครับแล้วมันก็
00:26:36 → 00:26:39 ขันด้วยนะครับถ้าท่านถึงภาวะที่มันมีผื่น
00:26:39 → 00:26:42 ขึ้นแล้วคันนะครับแปลว่าท่านปลอดภัยและ
00:26:42 → 00:26:44 แล้วก็หายจากไข้เลือดออกแล้วแต่ไม่ได้แปล
00:26:44 → 00:26:47 ว่าท่านเป็นอีกไม่ได้นะครับอ่าวันนี้ก็
00:26:47 → 00:26:49 ฝากไว้เท่านี้นะครับใครมีอะไรสงสัยก็สอบ
00:26:49 → 00:26:51 ถามมาแล้วกันนะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:26:51 → 00:26:53 ครับ