00:00:00 → 00:00:02 เราจะมาพูดคุยกับอาจารย์จิตแพทย์ผู้
00:00:02 → 00:00:04 เชี่ยวชาญ
00:00:04 → 00:00:07 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:00:07 → 00:00:10 เลยนะ
00:00:10 → 00:00:15 [เพลง]
00:00:15 → 00:00:20 คะอาจารย์คะเพราะอะไรถึงเรียกโรคนี้ว่า
00:00:20 → 00:00:23 โรคศพเดินได้อ่ะคะครับคำว่าโรคศพเดินได้
00:00:23 → 00:00:25 เนี่ยทางภาษาอังกฤษจะเรียกว่าเป็น otard
00:00:25 → 00:00:28 Syndrome นะครับมันก็จะเป็นโรคทางจิตเวท
00:00:28 → 00:00:31 ชนิดหนึ่งผู้ป่วยเนี่ยจะเหมือนกับว่ามี
00:00:31 → 00:00:34 ความคิดความเชื่อที่ว่าตัวเองได้เสีย
00:00:34 → 00:00:36 ชีวิตไปแล้วหรือว่าอวัยวะภายในของตัวเอง
00:00:36 → 00:00:39 เนี่ยมีการเน่าเปื่อยก็จึงเป็นที่มาของคำ
00:00:39 → 00:00:42 ว่าเหมือนเป็นศพเดินได้นั่นเองทีเนี้ยพอ
00:00:42 → 00:00:45 เามีความคิดแบบนี้มีความเชื่อแบบเนี้ยมัน
00:00:45 → 00:00:48 ก็อาจจะนำไปสู่พฤติกรรมบางอย่างอย่างเช่น
00:00:48 → 00:00:50 การแบบไม่กินอาหารเพราะว่าเขาก็คิดว่าจะ
00:00:50 → 00:00:53 กินทำไมในเมื่อเขาตายไปแล้วจะกินทำไมใน
00:00:53 → 00:00:56 เมื่อกินไปก็ย่อยไม่ได้เพราะว่าตับไตไส้
00:00:56 → 00:00:59 พุงเนี่ยเน่าสลายไปนะครับทำให้เหมือนมี
00:00:59 → 00:01:02 การสู้ผอมก็ทำให้หน้าตาดูคล้ายศพจริงๆ
00:01:02 → 00:01:05 ขึ้นมาหรือบางคนไม่ขยับไม่เคลื่อนไหวอยู่
00:01:05 → 00:01:08 นิ่งๆก็เกิดเป็นแผลกดทับขึ้นมาได้ทำให้
00:01:08 → 00:01:11 ทั้งสภาพจิตใจสภาพร่างกายเนี่ยเกิดการ
00:01:11 → 00:01:15 เสื่อมถอยลงไปได้แล้วเหตุใดผู้ป่วยโรคนี้
00:01:15 → 00:01:18 ถึงคิดว่าตัวเองตายไปแล้วอ่ะคะอาจารย์ก็
00:01:18 → 00:01:21 ยังไม่ได้มีการเข้าใจสาเหตุที่ชัดเจนของ
00:01:21 → 00:01:24 ความเชื่อแบบนี้นะครับก็มีทฤษฎีบางทฤษฎี
00:01:24 → 00:01:26 บอกว่ามันจะมีส่วนของสมองซึ่งทำงานผิด
00:01:27 → 00:01:29 ปกติไปซึ่งส่วนของสมองตรงนี้เนี่ยจะทำ
00:01:29 → 00:01:31 หน้าที่ที่เกี่ยวกับการตรวจจับใบหน้า
00:01:31 → 00:01:33 อย่างเช่นสมมุติว่าคนปกติเนี่ยมองกระจก
00:01:33 → 00:01:36 เขาก็จะทราบว่าอันนั้นน่ะคือตัวเองแต่ใน
00:01:36 → 00:01:38 ผู้ป่วยบางบางรายมีการพบว่าสมองส่วนที่
00:01:38 → 00:01:41 ตรวจจับใบหน้าเนี่ยเสียไปทำให้พอมองกระจก
00:01:41 → 00:01:44 ปุ๊บก็ไม่คิดว่าเป็นตัวเองคิดว่านี้เป็น
00:01:44 → 00:01:47 ใครก็ไม่รู้นำมาซึ่งความเชื่อที่ว่าตัว
00:01:47 → 00:01:50 เองก็หายไปไม่รู้ว่าคือใครมันก็มีความผูก
00:01:50 → 00:01:53 โยงความคิดต่อไปว่าตัวเองตายไปแล้วอวัยวะ
00:01:53 → 00:01:56 เน่าเปื่อยแบบนั้นอาจารย์ขาแล้วโรคศพเดิน
00:01:56 → 00:02:00 ได้กับภาวะซึมเศร้ามีความเหมือนหรือว่า
00:02:00 → 00:02:02 แตกต่างกันอย่างไรคะก่อนอื่นเขอบอกว่าไม่
00:02:02 → 00:02:05 ได้เหมือนกันนะครับแต่จะบอกว่าภาวะศพเดิน
00:02:05 → 00:02:07 ได้กับซึมเศร้าเนี่ยก็มีความเกี่ยวโยงกัน
00:02:07 → 00:02:11 บางอย่างคนที่เป็นซึมเศร้าเนี่ยก็มักจะมา
00:02:11 → 00:02:13 ด้วยความคิดที่เป็นความคิดเชิงลบนะครับ
00:02:13 → 00:02:15 อาจจะเป็นความคิดเชิงลบกับตัวเองกับผู้
00:02:15 → 00:02:18 อื่นกับสิ่งต่างๆรอบข้างถึงขั้นที่ว่า
00:02:18 → 00:02:20 เกิดความเชื่อผิดๆขึ้นมาว่าตัวเองเสีย
00:02:20 → 00:02:23 ชีวิตไปแล้วว่าตัวเองเน่าเปื่อยนะครับมัน
00:02:23 → 00:02:25 ก็นำไปสู่ภาวะศพเดินได้แบบเนี้ยได้เหมือน
00:02:25 → 00:02:27 กันแต่ว่าโอกาสค่อนข้างน้อยนะครับที่ซึม
00:02:27 → 00:02:30 เศร้าจะนำไปสู่ภาวะแบบศพเดินได้แบบนี้คือ
00:02:30 → 00:02:32 ต่างกันแต่ก็มีส่วนคล้ายกันบ้างถ้าซึม
00:02:32 → 00:02:35 เศร้าเป็นหนักๆอาจจะมีอาการเหมือนกับเป็น
00:02:35 → 00:02:37 ศพเดินได้ในขณะเดียวกันภาวะศพเดินได้
00:02:37 → 00:02:39 เนี่ยก็มักจะมาพร้อมกับอาการที่เหมือนกับ
00:02:39 → 00:02:43 มีความเศร้าความเบื่อความไม่อยากทำอะไร
00:02:43 → 00:02:45 แบบนั้นซึ่งมันก็เป็นอาการที่คล้ายกับ
00:02:45 → 00:02:47 ภาวะซึมเศร้าได้เหมือนกันคนเป็นซึมเศร้า
00:02:47 → 00:02:50 ทั่วไปนะครับต่อให้เขาไม่อยากทำอะไรต่อ
00:02:50 → 00:02:52 ให้เขาอยากนอนอยู่ในห้องเฉยๆมันจะไม่ถึง
00:02:52 → 00:02:54 ขนาดที่ว่าเขาคิดว่าตัวเองนนาเปื่อยเหตุ
00:02:54 → 00:02:56 ผลมันจะต่างกันแต่ในภาวะสบเดนได้เนี่ย
00:02:56 → 00:02:59 เหตุผลมันคือการที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว
00:02:59 → 00:03:02 นำมาซึ่งการที่ไม่ทำอะไรแต่ไม่ได้แปลว่า
00:03:02 → 00:03:05 ซึมเศร้าทุกคนต้องมาด้วยอาการศพเดินได้
00:03:05 → 00:03:07 ไม่ได้แปลว่าศพเดินได้ทุกคนต้องเป็นซึม
00:03:07 → 00:03:10 เศร้านะฮมันมีส่วนที่ซ้อนทับกันอยู่แต่
00:03:10 → 00:03:13 ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวอาจารย์คะแล้วใน
00:03:13 → 00:03:16 ปัจจุบันค่ะเราเนี่ยพบโรคศพเดินได้ใน
00:03:16 → 00:03:20 ประเทศไทยค่ะมากน้อยแค่ไหนคะพบได้ค่อน
00:03:20 → 00:03:22 ข้างน้อยมากนะครับเหตุผลที่พบได้น้อยมาก
00:03:22 → 00:03:25 เนี่ยเพราะว่าปัจจุบันการรักษาทางจิตเวท
00:03:25 → 00:03:28 เนี่ยค่อนข้างดีขึ้นทำให้สามารถไปตรวจเจอ
00:03:28 → 00:03:31 คนที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการป่วยสมมุติ
00:03:31 → 00:03:33 ว่าเป็นซึมเศร้าจะได้รับการรักษาก่อนก่อน
00:03:33 → 00:03:37 ที่จะพัฒนากลายเป็นภาวะในลักษณะนี้เพราะ
00:03:37 → 00:03:40 ฉะนั้นในแสนคนอาจจะเจอสัก 1 คนหรหรือว่า
00:03:40 → 00:03:42 อาจจะน้อยกว่านั้นถามว่าในประเทศไทยมีไหม
00:03:42 → 00:03:44 ถ้าตามสถิติมันก็ต้องมีแน่นอนมันอาจจะ
00:03:44 → 00:03:48 น้อยจนไม่ได้พบเจอในชีวิตประจำวันแล้วคน
00:03:48 → 00:03:50 กลุ่มใดคะอาจารย์ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะ
00:03:51 → 00:03:54 เป็นโรคซบเดินได้คะคนที่มีภาวะซึมเศร้านะ
00:03:54 → 00:03:57 ครับที่มีอาการรุนแรงไม่ได้รับการรักษา
00:03:57 → 00:03:59 อันนี้ก็มีความเสี่ยงหรือว่าคนที่มีมี
00:03:59 → 00:04:02 ภาวะทางมีโรคทางจิตเภทก็มีความเสี่ยงที่
00:04:02 → 00:04:05 จะมีอาการแบบนี้ได้เหมือนกันหรือว่าโรค
00:04:05 → 00:04:07 ทางสมองบางอย่างอย่างเช่นสมองเสื่อมหรือ
00:04:07 → 00:04:09 การบาดเจ็บทางสมองก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ
00:04:10 → 00:04:12 แบบนี้ได้สิ่งใดๆก็ตามที่มีการทำให้เกิด
00:04:12 → 00:04:15 การกระทบกระเทือนกับสมองอุบัติเหตุที่มี
00:04:15 → 00:04:17 การบาดเจ็บทางศีรษะนะครับการใช้ยาบาง
00:04:17 → 00:04:20 อย่างสารเสพติดก็ทำให้การทำงานของสมอง
00:04:20 → 00:04:22 เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างที่ผมบอกมีทฤษฎีว่า
00:04:22 → 00:04:25 ภาวะศพเดินได้เนี่ยมีความเกี่ยวข้องกับ
00:04:25 → 00:04:27 การทำงานของสมองส่วนที่มีการตรวจจับใบ
00:04:27 → 00:04:30 หน้าอาจารย์คะแล้วผู้ผู้ป่วยภาวะโรคศพ
00:04:30 → 00:04:33 เดินดยนี้นะค่ะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค
00:04:33 → 00:04:36 แทรกซ้อนอะไรได้หรือไม่คะแล้วโรคแทรกซ้อน
00:04:36 → 00:04:39 ที่ว่านี่คืออะไรบ้างคนที่มีภาวะเหมือน
00:04:39 → 00:04:41 กับศพเดินได้เนี่ยก็มักจะไม่ค่อยกินไม่
00:04:41 → 00:04:44 ค่อยดื่มน้ำไม่ค่อยเคลื่อนไหวมันก็นำมา
00:04:44 → 00:04:46 ซึ่งภาวะที่ขาสารอาหารนะครับพอน้ำหนักลด
00:04:46 → 00:04:49 ไปมากๆเนี่ยสมองขาดสารอาหารร่างกายขาดสาร
00:04:49 → 00:04:52 อาหารร่างกายก็จะพยายามชัดดาวอวัยวะส่วน
00:04:52 → 00:04:56 ต่างๆที่มันไม่จำเป็นไปทำให้บางทีหัวใจทำ
00:04:56 → 00:04:59 งานผิดปกติไปได้นะครับไตทำงานผิดปกติกจจ
00:04:59 → 00:05:02 ภาวะขาดน้ำอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ถ้า
00:05:02 → 00:05:04 ไม่กินไม่ดื่มเลยในส่วนของการไม่ขยับ
00:05:04 → 00:05:07 เนี่ยก็อาจจะทำให้เกิดเป็นแผลกดทับขึ้นมา
00:05:07 → 00:05:10 ได้มีการติดเชื้อต่างๆตามมาพอยิ่งไม่กิน
00:05:10 → 00:05:13 ภูมิคุ้มกันก็ยิ่งไม่ดีแผลกดทับก็ไม่หาย
00:05:13 → 00:05:15 ก็สามารถเสียชีวิตได้เช่นเดียวกันถ้าไม่
00:05:15 → 00:05:17 ได้รับการรักษาไม่ได้รับการตรวจเจอ
00:05:17 → 00:05:20 อาจารย์คะแล้วหากสงสัยค่ะว่าตัวเราเอง
00:05:20 → 00:05:23 หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัวค่ะเป็นโรคศพเดิน
00:05:23 → 00:05:26 ได้จะมีวิธีการสังเกตอย่างไรบ้างคะก่อน
00:05:26 → 00:05:29 อื่นนะครับคนที่จะมีภาวะสบเดินได้เจะไม่
00:05:29 → 00:05:31 สงสัยว่าตัวเองเป็นศพเดินได้เพราะว่าเขา
00:05:31 → 00:05:33 คิดว่าตัวเองเป็นศพเคิดว่าตัวเองตายไป
00:05:33 → 00:05:35 แล้วปราศจากข้อสงสัยข้อก้าขาใดๆทั้งสิ้น
00:05:35 → 00:05:38 เพราะว่ามันคือความเชื่อซึ่งเขาไม่สามารถ
00:05:38 → 00:05:41 โต้แยงได้มันค่อนข้างเป็นความเชื่อที่ฟิก
00:05:41 → 00:05:45 มากในสมองเขานะฮเพราะฉะนั้นต้องอาศัยการ
00:05:45 → 00:05:48 สังเกตจากคนรอบข้างว่าคนเนี้ยดูมี
00:05:48 → 00:05:51 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปไม่ทำอะไรไม่ออกไป
00:05:51 → 00:05:53 ไหนไม่ยอมกินทีนี้ก็ต้องมาดูเหตุผลว่า
00:05:53 → 00:05:55 เา้าไม่กินเพราะอะไรถ้าสมมุติบอกว่าเออ
00:05:55 → 00:05:57 เพราะว่าคิดว่าตัวเองตายไปแล้วอันนี้มัน
00:05:57 → 00:06:00 ก็มันก็ฟังดูยังไงก็ต้องผิดปกติ
00:06:00 → 00:06:02 นะครับถ้าสมมุติว่าเจอความผิดปกติแบบ
00:06:02 → 00:06:05 เนี้ยก็ต้องรีบพามาพบแพทย์เพื่อทำการ
00:06:05 → 00:06:07 ประเมินแล้วก็รักษาให้เร็วที่สุดเพราะ
00:06:07 → 00:06:10 ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นภาวะศพเดินได้หรือภาวะ
00:06:10 → 00:06:13 อื่นๆทางจิตเวทซึ่งก่อให้เกิดพฤติกรรมที่
00:06:13 → 00:06:16 เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนะครับตัวเขาเองจาก
00:06:16 → 00:06:19 เมื่อก่อนเคยเป็นคนสดใสพูดคุยอยู่ดีๆก็
00:06:19 → 00:06:21 เงียบลงอันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า
00:06:21 → 00:06:23 มีโรคทางจิตเวทบางอย่างเกิดขึ้นเพราะ
00:06:23 → 00:06:27 ฉะนั้นยิ่งตรวจเจอไวยิ่งรักษาได้ไวก็จะ
00:06:27 → 00:06:30 ยิ่งทำให้หายได้ไวโอกาสหายมากขึ้นนะครับ
00:06:30 → 00:06:32 เพราะฉะนั้นคนรอบข้างเนี่ยก็มีบทบาทสำคัญ
00:06:32 → 00:06:36 ในการที่จะช่วยคนที่คุณรักให้มีสุขภาพกาย
00:06:36 → 00:06:38 สุขภาพจิตที่ดีได้ครับแพทย์จะมีการ
00:06:38 → 00:06:42 วินิจฉัยโรคศพเดินได้อย่างไรบ้างคะการ
00:06:42 → 00:06:44 วินิจฉัยเนี่ยก็จะได้มาจากการพูดคุยสัก
00:06:44 → 00:06:46 ประวัตินะครับไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับ
00:06:46 → 00:06:49 ตัวผู้ป่วยเองหรือว่าพูดคุยกับญาติพี่
00:06:49 → 00:06:52 น้องเพื่อดูว่าที่มาที่ไปของอาการเนี่ย
00:06:52 → 00:06:55 เป็นยังไงอาจจะมีการเจาเลือดหรือว่าการ
00:06:55 → 00:06:58 สแกนสมองเพื่อหาพยายามหาสาเหตุทางกายที่
00:06:58 → 00:07:01 เป็นไปได้ส่วนการรรักษาเนี่ยอันที่สำคัญ
00:07:01 → 00:07:03 ก็คงเป็นการใช้ยาไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยา
00:07:03 → 00:07:05 จิตเภทหรือว่ายาต้านเศร้าซึ่งก็จะพิจารณา
00:07:06 → 00:07:08 เป็นเคสๆไปว่ายาไหนเหมาะกับใครที่สุดถ้า
00:07:09 → 00:07:11 สมมุติว่าการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลในบางราย
00:07:11 → 00:07:14 อาจจะมีการพิจารณาทำการรักษาด้วยไฟฟ้าก็
00:07:14 → 00:07:16 ได้เหมือนกันเช่นเดียวกับโรคทางจิตเวท
00:07:16 → 00:07:19 อื่นๆก็ยังไม่ได้มีการพบสาเหตุแน่ชัดว่า
00:07:19 → 00:07:22 สาเหตุของโรคศพเดินได้เนี่ยมาจากไหนนะ
00:07:22 → 00:07:24 ครับไม่สามารถชี้นิ้วไปที่สาเหตุใดสาเหตุ
00:07:24 → 00:07:26 หนึ่งได้เป็นเฉพาะเจาะจงมีการสันนิษฐาน
00:07:26 → 00:07:29 บางอย่างว่ามันอาจจะเกี่ยวกับสมองส่วนที่
00:07:29 → 00:07:31 ที่ทำงานเกี่ยวกับการตรวจจับใบหน้าแต่นั
00:07:31 → 00:07:34 ก็ไม่ใช่ทุกเคสที่เป็นแบบนั้นเพราะฉะนั้น
00:07:34 → 00:07:36 สาเหตุเนี่ยส่วนใหญ่มันก็จะมาจากหลาย
00:07:36 → 00:07:38 สาเหตุร่วมกันไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมหรือ
00:07:38 → 00:07:41 ว่าสิ่งแวดล้อมก็อาจจะมีมามีบทบาทในการทำ
00:07:41 → 00:07:45 ให้เกิดโรคนี้ขึ้นมาได้การรักษาโรคศพเดิน
00:07:45 → 00:07:48 ได้ค่ะอาจารย์มีกี่วิธีคะแล้วมีโอกาสที่
00:07:48 → 00:07:51 จะรักษาให้หายขาดได้หรือไม่คะอันที่สำคัญ
00:07:52 → 00:07:54 ที่สุดในโรคนี้ก็น่าจะเป็นการใช้ยานะครับ
00:07:54 → 00:07:57 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยาของยาจิตเภทนะครับ
00:07:57 → 00:08:00 หรือว่ายาต้านเศร้าหมอจิตจะแพทย์ก็จะมา
00:08:00 → 00:08:02 พิจารณาเป็นเคสๆไปว่าเคสไหนเหมาะกับยาตัว
00:08:02 → 00:08:05 ไหนถ้าสมมุติว่าใช้ยาแล้วยังไม่ได้การตอบ
00:08:05 → 00:08:09 สนองที่ดีพอก็อาจจะมีการพิจารณาการรักษา
00:08:09 → 00:08:11 ด้วยไฟฟ้าเข้ามาด้วยเหมือนกันโรคนี้ก็มี
00:08:11 → 00:08:14 โอกาสทำให้ดีขึ้นได้แต่ว่าโอกาสในการหาย
00:08:14 → 00:08:17 มากหายน้อยก็จะแตกต่างกันแตกต่างกันไปใน
00:08:17 → 00:08:19 ผู้ป่วยแต่ละคนครับก็จะมีการพยายามหา
00:08:19 → 00:08:21 สาเหตุทางกายนะครับไม่ว่าจะเป็นการเจา
00:08:21 → 00:08:25 เลือดหรือว่าการสแกนสมองถ้าสมมุติพบว่ามี
00:08:25 → 00:08:27 ความผิดปกติที่ตรวจเจอได้จากการสแกนสมอง
00:08:27 → 00:08:30 อย่างเงี้ยเป็นต้นก็อาจจะมีการปรึกษา
00:08:30 → 00:08:33 แพทย์ทางด้านระบบประสาทร่วมด้วยเพื่อทำ
00:08:33 → 00:08:36 การแก้ไขที่สาเหตุที่พบเจอได้คำถามข้อสุด
00:08:36 → 00:08:39 ท้ายค่ะอาจารย์อยากจะให้อาจารย์แนะนำใน
00:08:39 → 00:08:43 การดูแลผู้ป่วยโรคนี้ทีค่ะสิ่งสำคัญนะ
00:08:43 → 00:08:45 ครับก็คือการพยายามพามาพบแพทย์ให้เร็วที่
00:08:45 → 00:08:47 สุดตอนที่สงสัยแล้วก็เมื่อได้รับการ
00:08:48 → 00:08:50 วินิจฉัยเนี่ยก็จำเป็นที่ต้องได้รับการ
00:08:50 → 00:08:52 รักษาต่อเนื่องไม่ควรขาดนัดไม่ควรหยุดยา
00:08:52 → 00:08:55 เองส่วนที่บ้านทำยังไงได้บ้างผมว่าสิ่ง
00:08:55 → 00:08:57 สำคัญก็คือพยายามกระตุ้นให้เขาคกินโรคนี้
00:08:58 → 00:09:00 อย่างที่ผมบอกว่าบางทีไม่กินไม่ดื่มซึ่ง
00:09:00 → 00:09:02 จะทำให้สิ่งต่างๆแย่งลงไปได้เพราะฉะนั้น
00:09:03 → 00:09:05 พยายามให้เขาคกินอาหารก็กินเหมือนปกติ
00:09:05 → 00:09:07 เนี่ยแะครับแล้วก็พยายามกระตุ้นให้ออกมา
00:09:07 → 00:09:10 ข้างนอกให้ทำนั่นทำนี่พยายามทำให้เขา
00:09:10 → 00:09:12 เหมือนกับกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้มากที่
00:09:12 → 00:09:14 สุดเท่าที่จะทำได้จิตแพทย์ยาก็ส่วนหนึ่ง
00:09:14 → 00:09:17 แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือที่บ้าน
00:09:17 → 00:09:19 มีการช่วยยังไงบ้างซัพพอร์ตยังไงบ้างครับ
00:09:19 → 00:09:22 ปัจจุบันในภาวะสังคมที่มีความเครียดมาก
00:09:22 → 00:09:25 ขึ้นนะครับมันก็ทำให้แต่ละคนเนี่ยมีความ
00:09:25 → 00:09:27 เสี่ยงต่อโรคทางจิตเวชมากขึ้นไปด้วยเพราะ
00:09:27 → 00:09:29 ฉะนั้นถ้าสมมุติรู้สึกว่าตัวเองหรือว่าคน
00:09:29 → 00:09:32 รอบข้างเนี่ยไม่ค่อยโอเคดูแปลกไปอยากจะ
00:09:33 → 00:09:35 สนับสนุนให้มาพบจิตแพทย์เพื่อทำการ
00:09:35 → 00:09:37 ประเมินนะครับว่าอาจจะมีโรคบางอย่างซ่อน
00:09:37 → 00:09:39 อยู่หรือเปล่าการพบจิตแพทย์การพบนัก
00:09:39 → 00:09:42 จิตวิทยาไม่ได้แปลว่าต้องป่วยจึงจะมาพบ
00:09:42 → 00:09:44 ได้ก็เหมือนกันมาตรวจสุขภาพทั่วไปมาตรวจ
00:09:44 → 00:09:46 เบาหวานตรวจความดันอันนี้ก็เหมือนกันมา
00:09:46 → 00:09:49 ตรวจว่าสภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างถ้าสมมุติ
00:09:49 → 00:09:51 ว่ามีอะไรที่มันไม่ค่อยโอเคจะได้ทำการ
00:09:51 → 00:09:55 ป้องกันแก้ไขได้ขอบคุณนะคะสำหรับการรับชม
00:09:55 → 00:09:59 รายการ TNN Health ค่ะและอย่าลืมค่ะกดส
00:09:59 → 00:10:03 กดไกดแชร์ในทุกช่องทางออนไลน์ของ TNN
00:10:03 → 00:10:06 ช่อง 16 ค่ะเพื่อที่จะไม่พลาดการรับชมราย
00:10:06 → 00:10:10 การสดคลิปวีดีโอที่น่าสนใจของทาง TNN นะ
00:10:10 → 00:10:13 คะ
00:00:00 → 00:00:02 เราจะมาพูดคุยกับอาจารย์จิตแพทย์ผู้
00:00:02 → 00:00:04 เชี่ยวชาญ
00:00:04 → 00:00:07 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:00:07 → 00:00:10 เลยนะ
00:00:10 → 00:00:15 [เพลง]
00:00:15 → 00:00:20 คะอาจารย์คะเพราะอะไรถึงเรียกโรคนี้ว่า
00:00:20 → 00:00:23 โรคศพเดินได้อ่ะคะครับคำว่าโรคศพเดินได้
00:00:23 → 00:00:25 เนี่ยทางภาษาอังกฤษจะเรียกว่าเป็น otard
00:00:25 → 00:00:28 Syndrome นะครับมันก็จะเป็นโรคทางจิตเวท
00:00:28 → 00:00:31 ชนิดหนึ่งผู้ป่วยเนี่ยจะเหมือนกับว่ามี
00:00:31 → 00:00:34 ความคิดความเชื่อที่ว่าตัวเองได้เสีย
00:00:34 → 00:00:36 ชีวิตไปแล้วหรือว่าอวัยวะภายในของตัวเอง
00:00:36 → 00:00:39 เนี่ยมีการเน่าเปื่อยก็จึงเป็นที่มาของคำ
00:00:39 → 00:00:42 ว่าเหมือนเป็นศพเดินได้นั่นเองทีเนี้ยพอ
00:00:42 → 00:00:45 เามีความคิดแบบนี้มีความเชื่อแบบเนี้ยมัน
00:00:45 → 00:00:48 ก็อาจจะนำไปสู่พฤติกรรมบางอย่างอย่างเช่น
00:00:48 → 00:00:50 การแบบไม่กินอาหารเพราะว่าเขาก็คิดว่าจะ
00:00:50 → 00:00:53 กินทำไมในเมื่อเขาตายไปแล้วจะกินทำไมใน
00:00:53 → 00:00:56 เมื่อกินไปก็ย่อยไม่ได้เพราะว่าตับไตไส้
00:00:56 → 00:00:59 พุงเนี่ยเน่าสลายไปนะครับทำให้เหมือนมี
00:00:59 → 00:01:02 การสู้ผอมก็ทำให้หน้าตาดูคล้ายศพจริงๆ
00:01:02 → 00:01:05 ขึ้นมาหรือบางคนไม่ขยับไม่เคลื่อนไหวอยู่
00:01:05 → 00:01:08 นิ่งๆก็เกิดเป็นแผลกดทับขึ้นมาได้ทำให้
00:01:08 → 00:01:11 ทั้งสภาพจิตใจสภาพร่างกายเนี่ยเกิดการ
00:01:11 → 00:01:15 เสื่อมถอยลงไปได้แล้วเหตุใดผู้ป่วยโรคนี้
00:01:15 → 00:01:18 ถึงคิดว่าตัวเองตายไปแล้วอ่ะคะอาจารย์ก็
00:01:18 → 00:01:21 ยังไม่ได้มีการเข้าใจสาเหตุที่ชัดเจนของ
00:01:21 → 00:01:24 ความเชื่อแบบนี้นะครับก็มีทฤษฎีบางทฤษฎี
00:01:24 → 00:01:26 บอกว่ามันจะมีส่วนของสมองซึ่งทำงานผิด
00:01:27 → 00:01:29 ปกติไปซึ่งส่วนของสมองตรงนี้เนี่ยจะทำ
00:01:29 → 00:01:31 หน้าที่ที่เกี่ยวกับการตรวจจับใบหน้า
00:01:31 → 00:01:33 อย่างเช่นสมมุติว่าคนปกติเนี่ยมองกระจก
00:01:33 → 00:01:36 เขาก็จะทราบว่าอันนั้นน่ะคือตัวเองแต่ใน
00:01:36 → 00:01:38 ผู้ป่วยบางบางรายมีการพบว่าสมองส่วนที่
00:01:38 → 00:01:41 ตรวจจับใบหน้าเนี่ยเสียไปทำให้พอมองกระจก
00:01:41 → 00:01:44 ปุ๊บก็ไม่คิดว่าเป็นตัวเองคิดว่านี้เป็น
00:01:44 → 00:01:47 ใครก็ไม่รู้นำมาซึ่งความเชื่อที่ว่าตัว
00:01:47 → 00:01:50 เองก็หายไปไม่รู้ว่าคือใครมันก็มีความผูก
00:01:50 → 00:01:53 โยงความคิดต่อไปว่าตัวเองตายไปแล้วอวัยวะ
00:01:53 → 00:01:56 เน่าเปื่อยแบบนั้นอาจารย์ขาแล้วโรคศพเดิน
00:01:56 → 00:02:00 ได้กับภาวะซึมเศร้ามีความเหมือนหรือว่า
00:02:00 → 00:02:02 แตกต่างกันอย่างไรคะก่อนอื่นเขอบอกว่าไม่
00:02:02 → 00:02:05 ได้เหมือนกันนะครับแต่จะบอกว่าภาวะศพเดิน
00:02:05 → 00:02:07 ได้กับซึมเศร้าเนี่ยก็มีความเกี่ยวโยงกัน
00:02:07 → 00:02:11 บางอย่างคนที่เป็นซึมเศร้าเนี่ยก็มักจะมา
00:02:11 → 00:02:13 ด้วยความคิดที่เป็นความคิดเชิงลบนะครับ
00:02:13 → 00:02:15 อาจจะเป็นความคิดเชิงลบกับตัวเองกับผู้
00:02:15 → 00:02:18 อื่นกับสิ่งต่างๆรอบข้างถึงขั้นที่ว่า
00:02:18 → 00:02:20 เกิดความเชื่อผิดๆขึ้นมาว่าตัวเองเสีย
00:02:20 → 00:02:23 ชีวิตไปแล้วว่าตัวเองเน่าเปื่อยนะครับมัน
00:02:23 → 00:02:25 ก็นำไปสู่ภาวะศพเดินได้แบบเนี้ยได้เหมือน
00:02:25 → 00:02:27 กันแต่ว่าโอกาสค่อนข้างน้อยนะครับที่ซึม
00:02:27 → 00:02:30 เศร้าจะนำไปสู่ภาวะแบบศพเดินได้แบบนี้คือ
00:02:30 → 00:02:32 ต่างกันแต่ก็มีส่วนคล้ายกันบ้างถ้าซึม
00:02:32 → 00:02:35 เศร้าเป็นหนักๆอาจจะมีอาการเหมือนกับเป็น
00:02:35 → 00:02:37 ศพเดินได้ในขณะเดียวกันภาวะศพเดินได้
00:02:37 → 00:02:39 เนี่ยก็มักจะมาพร้อมกับอาการที่เหมือนกับ
00:02:39 → 00:02:43 มีความเศร้าความเบื่อความไม่อยากทำอะไร
00:02:43 → 00:02:45 แบบนั้นซึ่งมันก็เป็นอาการที่คล้ายกับ
00:02:45 → 00:02:47 ภาวะซึมเศร้าได้เหมือนกันคนเป็นซึมเศร้า
00:02:47 → 00:02:50 ทั่วไปนะครับต่อให้เขาไม่อยากทำอะไรต่อ
00:02:50 → 00:02:52 ให้เขาอยากนอนอยู่ในห้องเฉยๆมันจะไม่ถึง
00:02:52 → 00:02:54 ขนาดที่ว่าเขาคิดว่าตัวเองนนาเปื่อยเหตุ
00:02:54 → 00:02:56 ผลมันจะต่างกันแต่ในภาวะสบเดนได้เนี่ย
00:02:56 → 00:02:59 เหตุผลมันคือการที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว
00:02:59 → 00:03:02 นำมาซึ่งการที่ไม่ทำอะไรแต่ไม่ได้แปลว่า
00:03:02 → 00:03:05 ซึมเศร้าทุกคนต้องมาด้วยอาการศพเดินได้
00:03:05 → 00:03:07 ไม่ได้แปลว่าศพเดินได้ทุกคนต้องเป็นซึม
00:03:07 → 00:03:10 เศร้านะฮมันมีส่วนที่ซ้อนทับกันอยู่แต่
00:03:10 → 00:03:13 ไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวอาจารย์คะแล้วใน
00:03:13 → 00:03:16 ปัจจุบันค่ะเราเนี่ยพบโรคศพเดินได้ใน
00:03:16 → 00:03:20 ประเทศไทยค่ะมากน้อยแค่ไหนคะพบได้ค่อน
00:03:20 → 00:03:22 ข้างน้อยมากนะครับเหตุผลที่พบได้น้อยมาก
00:03:22 → 00:03:25 เนี่ยเพราะว่าปัจจุบันการรักษาทางจิตเวท
00:03:25 → 00:03:28 เนี่ยค่อนข้างดีขึ้นทำให้สามารถไปตรวจเจอ
00:03:28 → 00:03:31 คนที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการป่วยสมมุติ
00:03:31 → 00:03:33 ว่าเป็นซึมเศร้าจะได้รับการรักษาก่อนก่อน
00:03:33 → 00:03:37 ที่จะพัฒนากลายเป็นภาวะในลักษณะนี้เพราะ
00:03:37 → 00:03:40 ฉะนั้นในแสนคนอาจจะเจอสัก 1 คนหรหรือว่า
00:03:40 → 00:03:42 อาจจะน้อยกว่านั้นถามว่าในประเทศไทยมีไหม
00:03:42 → 00:03:44 ถ้าตามสถิติมันก็ต้องมีแน่นอนมันอาจจะ
00:03:44 → 00:03:48 น้อยจนไม่ได้พบเจอในชีวิตประจำวันแล้วคน
00:03:48 → 00:03:50 กลุ่มใดคะอาจารย์ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะ
00:03:51 → 00:03:54 เป็นโรคซบเดินได้คะคนที่มีภาวะซึมเศร้านะ
00:03:54 → 00:03:57 ครับที่มีอาการรุนแรงไม่ได้รับการรักษา
00:03:57 → 00:03:59 อันนี้ก็มีความเสี่ยงหรือว่าคนที่มีมี
00:03:59 → 00:04:02 ภาวะทางมีโรคทางจิตเภทก็มีความเสี่ยงที่
00:04:02 → 00:04:05 จะมีอาการแบบนี้ได้เหมือนกันหรือว่าโรค
00:04:05 → 00:04:07 ทางสมองบางอย่างอย่างเช่นสมองเสื่อมหรือ
00:04:07 → 00:04:09 การบาดเจ็บทางสมองก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ
00:04:10 → 00:04:12 แบบนี้ได้สิ่งใดๆก็ตามที่มีการทำให้เกิด
00:04:12 → 00:04:15 การกระทบกระเทือนกับสมองอุบัติเหตุที่มี
00:04:15 → 00:04:17 การบาดเจ็บทางศีรษะนะครับการใช้ยาบาง
00:04:17 → 00:04:20 อย่างสารเสพติดก็ทำให้การทำงานของสมอง
00:04:20 → 00:04:22 เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างที่ผมบอกมีทฤษฎีว่า
00:04:22 → 00:04:25 ภาวะศพเดินได้เนี่ยมีความเกี่ยวข้องกับ
00:04:25 → 00:04:27 การทำงานของสมองส่วนที่มีการตรวจจับใบ
00:04:27 → 00:04:30 หน้าอาจารย์คะแล้วผู้ผู้ป่วยภาวะโรคศพ
00:04:30 → 00:04:33 เดินดยนี้นะค่ะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค
00:04:33 → 00:04:36 แทรกซ้อนอะไรได้หรือไม่คะแล้วโรคแทรกซ้อน
00:04:36 → 00:04:39 ที่ว่านี่คืออะไรบ้างคนที่มีภาวะเหมือน
00:04:39 → 00:04:41 กับศพเดินได้เนี่ยก็มักจะไม่ค่อยกินไม่
00:04:41 → 00:04:44 ค่อยดื่มน้ำไม่ค่อยเคลื่อนไหวมันก็นำมา
00:04:44 → 00:04:46 ซึ่งภาวะที่ขาสารอาหารนะครับพอน้ำหนักลด
00:04:46 → 00:04:49 ไปมากๆเนี่ยสมองขาดสารอาหารร่างกายขาดสาร
00:04:49 → 00:04:52 อาหารร่างกายก็จะพยายามชัดดาวอวัยวะส่วน
00:04:52 → 00:04:56 ต่างๆที่มันไม่จำเป็นไปทำให้บางทีหัวใจทำ
00:04:56 → 00:04:59 งานผิดปกติไปได้นะครับไตทำงานผิดปกติกจจ
00:04:59 → 00:05:02 ภาวะขาดน้ำอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ถ้า
00:05:02 → 00:05:04 ไม่กินไม่ดื่มเลยในส่วนของการไม่ขยับ
00:05:04 → 00:05:07 เนี่ยก็อาจจะทำให้เกิดเป็นแผลกดทับขึ้นมา
00:05:07 → 00:05:10 ได้มีการติดเชื้อต่างๆตามมาพอยิ่งไม่กิน
00:05:10 → 00:05:13 ภูมิคุ้มกันก็ยิ่งไม่ดีแผลกดทับก็ไม่หาย
00:05:13 → 00:05:15 ก็สามารถเสียชีวิตได้เช่นเดียวกันถ้าไม่
00:05:15 → 00:05:17 ได้รับการรักษาไม่ได้รับการตรวจเจอ
00:05:17 → 00:05:20 อาจารย์คะแล้วหากสงสัยค่ะว่าตัวเราเอง
00:05:20 → 00:05:23 หรือแม้กระทั่งคนใกล้ตัวค่ะเป็นโรคศพเดิน
00:05:23 → 00:05:26 ได้จะมีวิธีการสังเกตอย่างไรบ้างคะก่อน
00:05:26 → 00:05:29 อื่นนะครับคนที่จะมีภาวะสบเดินได้เจะไม่
00:05:29 → 00:05:31 สงสัยว่าตัวเองเป็นศพเดินได้เพราะว่าเขา
00:05:31 → 00:05:33 คิดว่าตัวเองเป็นศพเคิดว่าตัวเองตายไป
00:05:33 → 00:05:35 แล้วปราศจากข้อสงสัยข้อก้าขาใดๆทั้งสิ้น
00:05:35 → 00:05:38 เพราะว่ามันคือความเชื่อซึ่งเขาไม่สามารถ
00:05:38 → 00:05:41 โต้แยงได้มันค่อนข้างเป็นความเชื่อที่ฟิก
00:05:41 → 00:05:45 มากในสมองเขานะฮเพราะฉะนั้นต้องอาศัยการ
00:05:45 → 00:05:48 สังเกตจากคนรอบข้างว่าคนเนี้ยดูมี
00:05:48 → 00:05:51 พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปไม่ทำอะไรไม่ออกไป
00:05:51 → 00:05:53 ไหนไม่ยอมกินทีนี้ก็ต้องมาดูเหตุผลว่า
00:05:53 → 00:05:55 เา้าไม่กินเพราะอะไรถ้าสมมุติบอกว่าเออ
00:05:55 → 00:05:57 เพราะว่าคิดว่าตัวเองตายไปแล้วอันนี้มัน
00:05:57 → 00:06:00 ก็มันก็ฟังดูยังไงก็ต้องผิดปกติ
00:06:00 → 00:06:02 นะครับถ้าสมมุติว่าเจอความผิดปกติแบบ
00:06:02 → 00:06:05 เนี้ยก็ต้องรีบพามาพบแพทย์เพื่อทำการ
00:06:05 → 00:06:07 ประเมินแล้วก็รักษาให้เร็วที่สุดเพราะ
00:06:07 → 00:06:10 ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นภาวะศพเดินได้หรือภาวะ
00:06:10 → 00:06:13 อื่นๆทางจิตเวทซึ่งก่อให้เกิดพฤติกรรมที่
00:06:13 → 00:06:16 เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนะครับตัวเขาเองจาก
00:06:16 → 00:06:19 เมื่อก่อนเคยเป็นคนสดใสพูดคุยอยู่ดีๆก็
00:06:19 → 00:06:21 เงียบลงอันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า
00:06:21 → 00:06:23 มีโรคทางจิตเวทบางอย่างเกิดขึ้นเพราะ
00:06:23 → 00:06:27 ฉะนั้นยิ่งตรวจเจอไวยิ่งรักษาได้ไวก็จะ
00:06:27 → 00:06:30 ยิ่งทำให้หายได้ไวโอกาสหายมากขึ้นนะครับ
00:06:30 → 00:06:32 เพราะฉะนั้นคนรอบข้างเนี่ยก็มีบทบาทสำคัญ
00:06:32 → 00:06:36 ในการที่จะช่วยคนที่คุณรักให้มีสุขภาพกาย
00:06:36 → 00:06:38 สุขภาพจิตที่ดีได้ครับแพทย์จะมีการ
00:06:38 → 00:06:42 วินิจฉัยโรคศพเดินได้อย่างไรบ้างคะการ
00:06:42 → 00:06:44 วินิจฉัยเนี่ยก็จะได้มาจากการพูดคุยสัก
00:06:44 → 00:06:46 ประวัตินะครับไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับ
00:06:46 → 00:06:49 ตัวผู้ป่วยเองหรือว่าพูดคุยกับญาติพี่
00:06:49 → 00:06:52 น้องเพื่อดูว่าที่มาที่ไปของอาการเนี่ย
00:06:52 → 00:06:55 เป็นยังไงอาจจะมีการเจาเลือดหรือว่าการ
00:06:55 → 00:06:58 สแกนสมองเพื่อหาพยายามหาสาเหตุทางกายที่
00:06:58 → 00:07:01 เป็นไปได้ส่วนการรรักษาเนี่ยอันที่สำคัญ
00:07:01 → 00:07:03 ก็คงเป็นการใช้ยาไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยา
00:07:03 → 00:07:05 จิตเภทหรือว่ายาต้านเศร้าซึ่งก็จะพิจารณา
00:07:06 → 00:07:08 เป็นเคสๆไปว่ายาไหนเหมาะกับใครที่สุดถ้า
00:07:09 → 00:07:11 สมมุติว่าการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลในบางราย
00:07:11 → 00:07:14 อาจจะมีการพิจารณาทำการรักษาด้วยไฟฟ้าก็
00:07:14 → 00:07:16 ได้เหมือนกันเช่นเดียวกับโรคทางจิตเวท
00:07:16 → 00:07:19 อื่นๆก็ยังไม่ได้มีการพบสาเหตุแน่ชัดว่า
00:07:19 → 00:07:22 สาเหตุของโรคศพเดินได้เนี่ยมาจากไหนนะ
00:07:22 → 00:07:24 ครับไม่สามารถชี้นิ้วไปที่สาเหตุใดสาเหตุ
00:07:24 → 00:07:26 หนึ่งได้เป็นเฉพาะเจาะจงมีการสันนิษฐาน
00:07:26 → 00:07:29 บางอย่างว่ามันอาจจะเกี่ยวกับสมองส่วนที่
00:07:29 → 00:07:31 ที่ทำงานเกี่ยวกับการตรวจจับใบหน้าแต่นั
00:07:31 → 00:07:34 ก็ไม่ใช่ทุกเคสที่เป็นแบบนั้นเพราะฉะนั้น
00:07:34 → 00:07:36 สาเหตุเนี่ยส่วนใหญ่มันก็จะมาจากหลาย
00:07:36 → 00:07:38 สาเหตุร่วมกันไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมหรือ
00:07:38 → 00:07:41 ว่าสิ่งแวดล้อมก็อาจจะมีมามีบทบาทในการทำ
00:07:41 → 00:07:45 ให้เกิดโรคนี้ขึ้นมาได้การรักษาโรคศพเดิน
00:07:45 → 00:07:48 ได้ค่ะอาจารย์มีกี่วิธีคะแล้วมีโอกาสที่
00:07:48 → 00:07:51 จะรักษาให้หายขาดได้หรือไม่คะอันที่สำคัญ
00:07:52 → 00:07:54 ที่สุดในโรคนี้ก็น่าจะเป็นการใช้ยานะครับ
00:07:54 → 00:07:57 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยาของยาจิตเภทนะครับ
00:07:57 → 00:08:00 หรือว่ายาต้านเศร้าหมอจิตจะแพทย์ก็จะมา
00:08:00 → 00:08:02 พิจารณาเป็นเคสๆไปว่าเคสไหนเหมาะกับยาตัว
00:08:02 → 00:08:05 ไหนถ้าสมมุติว่าใช้ยาแล้วยังไม่ได้การตอบ
00:08:05 → 00:08:09 สนองที่ดีพอก็อาจจะมีการพิจารณาการรักษา
00:08:09 → 00:08:11 ด้วยไฟฟ้าเข้ามาด้วยเหมือนกันโรคนี้ก็มี
00:08:11 → 00:08:14 โอกาสทำให้ดีขึ้นได้แต่ว่าโอกาสในการหาย
00:08:14 → 00:08:17 มากหายน้อยก็จะแตกต่างกันแตกต่างกันไปใน
00:08:17 → 00:08:19 ผู้ป่วยแต่ละคนครับก็จะมีการพยายามหา
00:08:19 → 00:08:21 สาเหตุทางกายนะครับไม่ว่าจะเป็นการเจา
00:08:21 → 00:08:25 เลือดหรือว่าการสแกนสมองถ้าสมมุติพบว่ามี
00:08:25 → 00:08:27 ความผิดปกติที่ตรวจเจอได้จากการสแกนสมอง
00:08:27 → 00:08:30 อย่างเงี้ยเป็นต้นก็อาจจะมีการปรึกษา
00:08:30 → 00:08:33 แพทย์ทางด้านระบบประสาทร่วมด้วยเพื่อทำ
00:08:33 → 00:08:36 การแก้ไขที่สาเหตุที่พบเจอได้คำถามข้อสุด
00:08:36 → 00:08:39 ท้ายค่ะอาจารย์อยากจะให้อาจารย์แนะนำใน
00:08:39 → 00:08:43 การดูแลผู้ป่วยโรคนี้ทีค่ะสิ่งสำคัญนะ
00:08:43 → 00:08:45 ครับก็คือการพยายามพามาพบแพทย์ให้เร็วที่
00:08:45 → 00:08:47 สุดตอนที่สงสัยแล้วก็เมื่อได้รับการ
00:08:48 → 00:08:50 วินิจฉัยเนี่ยก็จำเป็นที่ต้องได้รับการ
00:08:50 → 00:08:52 รักษาต่อเนื่องไม่ควรขาดนัดไม่ควรหยุดยา
00:08:52 → 00:08:55 เองส่วนที่บ้านทำยังไงได้บ้างผมว่าสิ่ง
00:08:55 → 00:08:57 สำคัญก็คือพยายามกระตุ้นให้เขาคกินโรคนี้
00:08:58 → 00:09:00 อย่างที่ผมบอกว่าบางทีไม่กินไม่ดื่มซึ่ง
00:09:00 → 00:09:02 จะทำให้สิ่งต่างๆแย่งลงไปได้เพราะฉะนั้น
00:09:03 → 00:09:05 พยายามให้เขาคกินอาหารก็กินเหมือนปกติ
00:09:05 → 00:09:07 เนี่ยแะครับแล้วก็พยายามกระตุ้นให้ออกมา
00:09:07 → 00:09:10 ข้างนอกให้ทำนั่นทำนี่พยายามทำให้เขา
00:09:10 → 00:09:12 เหมือนกับกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้มากที่
00:09:12 → 00:09:14 สุดเท่าที่จะทำได้จิตแพทย์ยาก็ส่วนหนึ่ง
00:09:14 → 00:09:17 แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือที่บ้าน
00:09:17 → 00:09:19 มีการช่วยยังไงบ้างซัพพอร์ตยังไงบ้างครับ
00:09:19 → 00:09:22 ปัจจุบันในภาวะสังคมที่มีความเครียดมาก
00:09:22 → 00:09:25 ขึ้นนะครับมันก็ทำให้แต่ละคนเนี่ยมีความ
00:09:25 → 00:09:27 เสี่ยงต่อโรคทางจิตเวชมากขึ้นไปด้วยเพราะ
00:09:27 → 00:09:29 ฉะนั้นถ้าสมมุติรู้สึกว่าตัวเองหรือว่าคน
00:09:29 → 00:09:32 รอบข้างเนี่ยไม่ค่อยโอเคดูแปลกไปอยากจะ
00:09:33 → 00:09:35 สนับสนุนให้มาพบจิตแพทย์เพื่อทำการ
00:09:35 → 00:09:37 ประเมินนะครับว่าอาจจะมีโรคบางอย่างซ่อน
00:09:37 → 00:09:39 อยู่หรือเปล่าการพบจิตแพทย์การพบนัก
00:09:39 → 00:09:42 จิตวิทยาไม่ได้แปลว่าต้องป่วยจึงจะมาพบ
00:09:42 → 00:09:44 ได้ก็เหมือนกันมาตรวจสุขภาพทั่วไปมาตรวจ
00:09:44 → 00:09:46 เบาหวานตรวจความดันอันนี้ก็เหมือนกันมา
00:09:46 → 00:09:49 ตรวจว่าสภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างถ้าสมมุติ
00:09:49 → 00:09:51 ว่ามีอะไรที่มันไม่ค่อยโอเคจะได้ทำการ
00:09:51 → 00:09:55 ป้องกันแก้ไขได้ขอบคุณนะคะสำหรับการรับชม
00:09:55 → 00:09:59 รายการ TNN Health ค่ะและอย่าลืมค่ะกดส
00:09:59 → 00:10:03 กดไกดแชร์ในทุกช่องทางออนไลน์ของ TNN
00:10:03 → 00:10:06 ช่อง 16 ค่ะเพื่อที่จะไม่พลาดการรับชมราย
00:10:06 → 00:10:10 การสดคลิปวีดีโอที่น่าสนใจของทาง TNN นะ
00:10:10 → 00:10:13 คะ