00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice ผู้ป่วยสู่งอายุบางรายก็มีโอกาส
00:00:08 → 00:00:11 ที่จะสำรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้ที่เป็น
00:00:11 → 00:00:12 โรคทางสมอง
00:00:12 → 00:00:15 อัลไซเมอร์หรือมีคนไข้ติดเตียงหรือว่าคน
00:00:15 → 00:00:17 ไข้ที่มีโรคประจำตัวเยอะๆอยู่แล้วพวกนี้
00:00:17 → 00:00:19 เนี่ยก็มีโอกาสที่จะสำลักได้ง่ายกว่าคน
00:00:19 → 00:00:22 ปกติที่เจอบ่อยๆคือสำลักนมสำลักขึ้นไป
00:00:22 → 00:00:25 ปุ๊บแล้วเข้าไปที่ปอดพอน้ำเนี่ยหรือของ
00:00:25 → 00:00:27 เหลวที่มันสิ่งแปดปอที่มันไม่ใช่น้ำเปล่า
00:00:27 → 00:00:29 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปอนมันมันเป็นที่ที่
00:00:29 → 00:00:31 มีความสะอาดค่อนข้างสูงความบริสุทธิ์ค่อน
00:00:31 → 00:00:34 ข้างสูงพอมันมีนมมีอะไรมันเข้าไปปุ๊บมัน
00:00:34 → 00:00:37 ก็เลยเกิดการติดเชียร์เกิดขึ้นนก็จะเป็น
00:00:37 → 00:00:39 ภาวะที่เรียกว่าปอดติดเชื้อถ้าปอดติด
00:00:39 → 00:00:41 เชื้อมากขึ้นเรื่อยๆการติดเชื้อก็จะรุน
00:00:41 → 00:00:44 แรงเข้าสู่กระแสเลือดหรือเราเรียกว่าการ
00:00:44 → 00:00:46 ติดเชื้อในกระแส
00:00:46 → 00:00:50 เลือดฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภย
00:00:50 → 00:00:54 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:54 → 00:00:58 ค่ะ This Is tha PBS podcast เอาล่ะ
00:00:58 → 00:01:00 ค่ะคุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมามาพูดคุยกัน
00:01:00 → 00:01:04 ถึงเรื่องของภาวะปอดติดเชื้อนะคะอันตราย
00:01:04 → 00:01:07 คือบางทีอาจจะเกิดจากการสำลักอาหารด้วยนะ
00:01:07 → 00:01:09 คะเอ๊ะแล้วมันไปสู่เรื่องของการปอดติด
00:01:09 → 00:01:12 เชื้อได้ยังไงนะคะเรื่องนี้มาขขข้อสงสัย
00:01:12 → 00:01:15 กันแล้วมันอันตรายมากน้อยแค่ไหนพูดคุยกับ
00:01:15 → 00:01:18 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ในแพทย์ศีลราหไทยแพทย์
00:01:18 → 00:01:20 ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทาง
00:01:20 → 00:01:24 ด้านโรคปอดโรงพยาบาลวชิรพยาบาลค่ะสวัสดี
00:01:24 → 00:01:26 ค่ะคุณหมอคะครับสวัสดีครับค่ะเรื่องของ
00:01:26 → 00:01:29 ปอดติดเชื้อเ้ามาต้องมาทำความเข้าใจ
00:01:30 → 00:01:32 มาเรียนรู้เรื่องปอดกันก่อนเลยดีมยคะคุณ
00:01:32 → 00:01:35 หมอดีเลยครับผมว่าเอยู่ตรงไหนมีหน้าที่
00:01:36 → 00:01:39 อะไรยังไงบ้างค่ะคือต้องบอกก่อนเลยว่า
00:01:39 → 00:01:42 บริเวณตรงปอดติดเชื้อนะครับตรงปอดร่างกาย
00:01:42 → 00:01:44 เราเนี่ยอ่าที่เราเห็นคืออยู่ใต้ซี่โครง
00:01:44 → 00:01:47 นะครับเวลาเข็นซี่โครงบนเลยหน้าอกอ่ะนะ
00:01:47 → 00:01:49 ครับเนาะอันแข้างหลังใต้ซี่โครงตรงนี้
00:01:49 → 00:01:52 เนี่ยคือปอดอยู่ข้างบนเหรอคะอ่าทั้งข้าง
00:01:52 → 00:01:55 เลยทั้งหมดเลยแสดงว่าทั้งซิโครงเราเเห็น
00:01:55 → 00:01:57 ตั้งแต่ข้างบนจนถึงข้างล่างเนี่ยพวกนี้
00:01:57 → 00:02:00 เนี่ยเป็นปอมหมดเลยนะค่ะนะครับเนาะแสดง
00:02:00 → 00:02:02 ว่ามีอะไรขนาดใหญ่มากๆขึ้นอยู่กับบริเวณ
00:02:02 → 00:02:06 ตัวของแต่ละคนนะครับอืปอดเนี่ยต้องบอกเลย
00:02:06 → 00:02:09 ว่ามี 2 ข้างนะไม่ได้มีข้างเดียวนะครับมี
00:02:09 → 00:02:11 ข้างซ้ายและข้างขวาระหว่างตรงปอดตรงนี้
00:02:11 → 00:02:15 เนี่ยเราจะมีหัวใจกั้นอยู่ตรงกลางอืซึ่ง
00:02:15 → 00:02:17 ซึ่งถ้าเราคำบริเวณตรงหน้าอกตรงกลางปุ๊บ
00:02:17 → 00:02:19 จะมีกระดูกแข็งๆตรงนั้นเราเรียกว่ากระดูก
00:02:19 → 00:02:22 หน้าอกเราเรียกว่าสเตร์นั่มใต้ไอ้ตัว
00:02:22 → 00:02:25 กระดูกแข็งๆตรงนี้แหละคือหัวใจไอ้กระดูก
00:02:25 → 00:02:28 เนี่ยทำหน้าที่ป้องกันนะครับส่วนหัวใจ
00:02:28 → 00:02:31 เนี่ยก็จะแบ่งนะครับอยู่กั้นกลางระหว่าง
00:02:31 → 00:02:35 ปอดซ้ายปอดขวาเพื่อรับทำหน้าที่เอาเลือด
00:02:35 → 00:02:39 ที่แลกเปลี่ยนแล้วค่ะนะครับสุบฉีดเข้าสู่
00:02:39 → 00:02:43 ร่างกายเราอืนะครับก็อ่ามันจะมีซี่โครง
00:02:43 → 00:02:46 เราแบบว่าเหมือนปอดอยู่ข้างในใช่อยู่ใน
00:02:46 → 00:02:48 กล่องพูดง่ายๆซีโครงจะทำหน้าที่เหมือน
00:02:48 → 00:02:51 เป็นกล่องและปอดเนี่ยก็อยู่ข้างในกล่อง
00:02:51 → 00:02:54 นั้นเพื่อทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนและ
00:02:54 → 00:02:56 คาร์บอนไดออกไซด์พูดง่ายๆหรือของเสียที่
00:02:56 → 00:02:58 ทำให้ร่างกายเราไปใช้งานและไปทำเป็นพลัง
00:02:58 → 00:03:02 งานได้ออืค่ะก็ยังบางบางทียังรู้สึกว่า
00:03:02 → 00:03:06 แบบหายใจไม่ค่อยทั่วปอดอ่าหายใจเหมือนถอด
00:03:06 → 00:03:08 หายใจอ่ะถอดหายใจบ่อยไม่เกี่ยวใช่มั้อ่า
00:03:08 → 00:03:10 ไม่เกี่ยวฉะนั้นแต่ว่าคนที่หายใจไม่ทบปอน
00:03:10 → 00:03:13 อาจจะมีจากหลายอย่างได้เช่นอย่างเช่นเรา
00:03:13 → 00:03:15 นึกภาพว่าถ้าในกล่องนั้นเรามีอะไรโดน
00:03:15 → 00:03:20 เบียดอยู่อย่างเช่นมีลมมีน้ำนะครับเนาะ
00:03:20 → 00:03:22 ซึ่งอาจจะเกิดจากติดเชื้อหรือเกิดจากภาวะ
00:03:22 → 00:03:24 หลายๆอย่างพวกนี้ก็อาจจะทำให้หายใจไม่
00:03:24 → 00:03:26 อิ่มนะรู้สึกพูดง่ายๆเหมือนเหมือนเอ๊ะ
00:03:26 → 00:03:29 ทำไมฉันรู้สึกหายใจไม่สุดแล้วทำไมเหมือน
00:03:29 → 00:03:32 เหนื่อยกว่าปกติอ่าหรือว่ามันมีก้อนมี
00:03:32 → 00:03:36 อะไรหรือเปล่าที่ไปแทนที่เนื้อปอดปกติโอ
00:03:36 → 00:03:38 ทำให้เขาคหายใจไม่อิ่มพวกนี้ก็เป็นได้แต่
00:03:38 → 00:03:41 พวกนี้เนี่ยอ่าไม่ไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้ต้อง
00:03:41 → 00:03:44 น่ากลัวนะโดยส่วนมากมักจะคิดไปเองอ่าแต่
00:03:44 → 00:03:46 มันมีจริงๆมีบางรายที่เป็นจริงๆฉะนั้น
00:03:46 → 00:03:49 วิธีการสังเกตตัวง่ายๆอย่างเช่นเราเวลา
00:03:49 → 00:03:52 เราหายใจรู้สึกเอ๊ะทำไมเราหายใจไม่ค่อย
00:03:52 → 00:03:54 อิ่มเลยเรารู้สึกเหนื่อยถ้าเรามีความ
00:03:54 → 00:03:57 กังวลมากๆแล้วอาการมันไม่ดีขึ้นแนะนำไป
00:03:57 → 00:04:01 ฟิลมเเใกล้บ้านอ๋ออชื่นใจว่าโอเคทุกอย่าง
00:04:01 → 00:04:04 ปกติดีนะไม่มีลมไม่มีน้ำไม่มีก้อนไม่มี
00:04:04 → 00:04:06 อะไรแค่นี้ก็โอเคหลือให้คุณหมอไปฟังปอดก็
00:04:06 → 00:04:09 ได้ว่าเสียง 2 ข้างเท่ากันหรือไม่ค่ะนะ
00:04:09 → 00:04:11 ครับพวกนี้ก็จะเป็นการตรวจดูแลตัวเองง่าย
00:04:11 → 00:04:14 ๆนะครับเอ๊แต่ลมอยู่ในปอดนี่มันไปทำให้
00:04:14 → 00:04:17 การหายใจมันไม่โอเคแล้วในเมื่อเราก็หายใจ
00:04:17 → 00:04:20 เอาอากาศเข้าไปแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอด
00:04:20 → 00:04:23 อ่ะแล้วทำไมมันถึงไปขวางหรือมันไปทำให้
00:04:23 → 00:04:26 พื้นที่มันน้อยลงได้ยังไงพวกนี้มันจะเป็น
00:04:26 → 00:04:28 ภาวะเขเรียกว่าลมรั่วในยุหุ้มปอดเรานึก
00:04:28 → 00:04:30 ภาพว่าปกติอากาศเนี่ยต้องเข้าผ่าทานหลอด
00:04:30 → 00:04:33 ลมเพื่อเข้าไปในปอดอืแต่เนี่ยปอดมันรั่ว
00:04:33 → 00:04:37 มันเลยอยู่นอกปอดอออ่าก็เลยเบียดปอดที่ทำ
00:04:37 → 00:04:41 งานไม่ยอมให้ปอดมันขยายอ่านี่คือเรียกว่า
00:04:41 → 00:04:44 ภาวะลมรั่วในยั่หุ้มปอดอไปกดเปลี่ยนพวก
00:04:44 → 00:04:46 นี้ก็สามารถมาด้วยอาการเจดังคือรู้สึกหาย
00:04:47 → 00:04:50 ใจไม่ค่อยอิ่มเลยค่ะเหนื่อยแน่นๆเป็นนานๆ
00:04:51 → 00:04:53 เลยใช่มั้ยคะพวกนี้มักจะเป็นแล้วมันจะ
00:04:53 → 00:04:55 เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆอืนะ
00:04:55 → 00:04:58 ครับเว่าเพราะว่าถ้าลมรั่วยังรั่วไม่หยุด
00:04:58 → 00:05:00 มันก็จะไปเบียดเนื้อปอดที่ทำงานปกติมาก
00:05:00 → 00:05:02 ขึ้นเรื่อยๆค่ะพวกนี้ก็มีโอกาสเสียชีวิต
00:05:03 → 00:05:05 สูงอุยนะครับอันนี้ต้องระวังไว้เฉยๆแสดง
00:05:05 → 00:05:08 ว่าก็ต้องสังเกตว่าเอ่อการหายใจไม่เต็ม
00:05:08 → 00:05:12 อิ่มก็จะถ้าบ่อยๆแล้วมันจะมีระดับเลเวล
00:05:12 → 00:05:15 ค่อยๆแบบเฮ้ยมันมากขึ้นมันเริ่มเจ็บมันมี
00:05:15 → 00:05:17 อาการอะไรพวกเจ็บอย่างนี้ด้วยมั้ยคะพวก
00:05:17 → 00:05:19 นี้มักจะเป็นเรื่องเหนื่อยมากกว่าอืแต่
00:05:19 → 00:05:21 ว่าช็อตแรกเนี่ยตอนที่มันแตกอาจจะมีเจ็บ
00:05:21 → 00:05:25 ได้แต่ว่าสมมุติว่าถ้าถ้าเรามีอาการมาก
00:05:25 → 00:05:27 ขึ้นเรื่อยๆเราจะสังเกตได้อย่างเช่นเอ๊ะ
00:05:27 → 00:05:29 ทำไมเดินขึ้นบันได 2-3 ชั้นแล้วมัน
00:05:29 → 00:05:31 เหนื่อยแล้วไม่แบบเดินไป 100 เมร 200 เมต
00:05:31 → 00:05:33 แล้วมันเหนื่อยกว่าปกติอผมแนะนำไปฟิล์ม
00:05:33 → 00:05:36 เซเรย์ซะหน่อยอันนั้นก็จะปลอดภัยกว่านะ
00:05:36 → 00:05:38 คือถ้ามากกว่าปกติเอปกติเดินก็เหนื่อย
00:05:38 → 00:05:40 อยู่แล้วอ้าอันนี้อกำลังายใช่อันนั้นก็ผม
00:05:41 → 00:05:43 เหมือนกันแต่ว่าเอาเหนื่อยกว่าปกติดีกว่า
00:05:43 → 00:05:45 เออันนี้ก็สังเกตตัวเองแล้วกันนะแต่ที่
00:05:45 → 00:05:48 ว่าเป็นไฮไลท์ของวันนี้ก็คือเรื่องของ
00:05:48 → 00:05:51 เอ่อปอดติดเชื้อนะคะเค้าเรียกว่าติดเชื้อ
00:05:51 → 00:05:53 ในกระแสเลือดด้วยอะไรด้วยอะไรต่างๆเหล่า
00:05:53 → 00:05:56 เนี่ยคือจากการสำลักอ่ะสำลักแล้วมันไปแบบ
00:05:56 → 00:05:59 เฮ้ยไปเกี่ยวกับปอดยังไงงงอะไรเงี้เงี้ย
00:05:59 → 00:06:02 ค่ะต้องอธิบายก่อนเลยว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:06:02 → 00:06:05 มันมันติดกันเลยอ่ะคำว่าติดกันเลยหมายคาม
00:06:05 → 00:06:07 ว่าเรานึกภาพร่างกายเรานะเปรียบเสมือน
00:06:08 → 00:06:12 โครงสร้างบ้านโอเคเรามีประตู 2 ทางนะครับ
00:06:12 → 00:06:15 เนาะที่อยู่ประตูติดกันเลยนะครับอ่าประตู
00:06:15 → 00:06:18 ติดกันขนานกันเลยนะอือฮึท่อนึงเนี่ยเข้า
00:06:18 → 00:06:22 ไปสู่ทางเข้าเนี่ยเข้าไปสู่ปอดอ่าอ่า
00:06:22 → 00:06:25 เพื่อทำการหายใจค่ะกับการประตูที่อยู่ติด
00:06:25 → 00:06:29 กันเลยคือประตูที่ลงไปสู่หลอดอาหารก็คือ
00:06:29 → 00:06:32 อ๋อหลอดลมกับหลอดอาหารใช่มันอยู่ติดกัน
00:06:32 → 00:06:34 อ่ะมันอยู่ทางเข้าเนี่ยทางเข้าเดียวกัน
00:06:35 → 00:06:39 เลยอทีนี้โดยปกติเราอธิบายเรื่องร่างกาย
00:06:39 → 00:06:41 ก่อนถ้าร่างกายเวลาเรากินข้าวปุ๊บสินี้
00:06:41 → 00:06:43 เกิดขึ้นเป็นไงร่างกายเวลาเรากินเวลาเรา
00:06:43 → 00:06:49 กลืนเราเราจะกลืนพร้อมหายใจได้มั้ยกลืน
00:06:49 → 00:06:51 พร้อมหายใจอ่ะสมมติเรากลืนน้ำลายพร้อมหาย
00:06:51 → 00:06:54 ใจได้มั้ยกลืนน้ำลายไม่ไม่ได้เพราะว่า
00:06:54 → 00:06:57 อะไรมันจะมีกล่องเสียงปิดเหมือนประตูอ่ะ
00:06:57 → 00:07:00 เหมือนเรานึกภาพรถไฟประอัตโนมัติอ่าไฟอ่ะ
00:07:00 → 00:07:02 มันต้องเข้าไปด้านซ้ายคือไปหลอดอาหารมัน
00:07:02 → 00:07:06 ก็จะทำหน้าที่เป็นสับรางอือ่าเพื่อที่
00:07:06 → 00:07:10 เข้าไปที่หลอดอาหารโอเคกับกันสมมุติเวลา
00:07:10 → 00:07:13 เราหายใจเรามีน้ำลายถูกมั้ยครับร่างกายก็
00:07:13 → 00:07:18 จะปิดประตูอ่าอากาศเข้าไปที่หลอดลมเลยนะ
00:07:18 → 00:07:22 ครับไม่ให้เข้าไปที่หลอดอาหารนะครับออฮะ
00:07:22 → 00:07:25 แต่บางครั้งเนี่ยเวลาเราหายใจเนี่ยก็บาง
00:07:25 → 00:07:28 ทีร่างกายจะอนุโลมว่าหายใจทางปากเพื่อที่
00:07:28 → 00:07:31 เข้าไปที่หหลอดอาหารได้บ้าเป็นบางครั้งนะ
00:07:31 → 00:07:35 ครับแต่ว่าร่างกายจะไม่ยอมให้อะไรอนอก
00:07:35 → 00:07:37 เหนือจากอาการเนี่ยเข้าไปที่หลอดลมเลยอื
00:07:37 → 00:07:41 เมื่อใดก็ตามที่มีของแปลกปลอมเข้าหลบลม
00:07:41 → 00:07:46 สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไงใครๆก็จะสำลักออใช่
00:07:46 → 00:07:48 ๆจะไอเพราะว่าอะไรเพราะว่าเหมือนร่างกาย
00:07:49 → 00:07:52 เราพยายามที่จะขับมันออกมาว่าไอ้เนี่ยมัน
00:07:52 → 00:07:55 ไม่ได้นะนไอ้นี่อันนี้เข้าผิดทางยูไปเข้า
00:07:55 → 00:07:58 อีกทางนึงนะครับเนาะพวกนี้เนี่ยต้องบอก
00:07:58 → 00:08:00 เลยว่าก็จะเป็นหน้าที่เปิดประตูเบิดประต
00:08:00 → 00:08:03 ปิดอือฮึทีนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นยังไง
00:08:03 → 00:08:06 สิ่งที่เกิดขึ้นคือเวลาเราสำลักร่างกาย
00:08:06 → 00:08:10 โดยเฉพาะต้องพูดเลยว่าคนสูงอายุมากๆการไอ
00:08:10 → 00:08:14 หรือการกลืนเค้าเนี่ยไม่ค่อยได้แข็งแรง
00:08:14 → 00:08:16 เหมือนสมัยหนุ่มแล้วเหมือนพูดง่ายๆเหมือน
00:08:16 → 00:08:20 รถอ่ะเวลาเราขับรถมานานๆผ่านไป 40 ปี 50
00:08:20 → 00:08:24 ปี 60 ปีจนทั่ง 70 80 เป็นไงรถมันเสื่อม
00:08:24 → 00:08:27 ค่ะมันก็มีติดๆดับๆมีอะไรตามช่วงอายุ
00:08:27 → 00:08:29 ฉะนั้นไอ้ตัวสับรางของเราบางทีมันเป็นเงย
00:08:29 → 00:08:33 มันก็ทำงานช้าหน่อยบางครั้งหลายๆทีผู้
00:08:33 → 00:08:37 ป่วยไอส่งอายุบางรายนะครับก็มีโอกาสที่จะ
00:08:37 → 00:08:41 สำลักเออโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้ที่เป็น
00:08:41 → 00:08:45 โรคอะไรโรคทางสมองเช่นอัลไซเมอร์อืหรือมี
00:08:45 → 00:08:48 คนไข้ติดเตียงหรือว่าคนไข้ที่มีโรคประจำ
00:08:48 → 00:08:50 ตัวเยอะๆอยู่แล้วนะครับโดยเฉพาะผู้ป่วย
00:08:50 → 00:08:53 โรคสมองพวกนี้เนี่ยก็มีโอกาสที่จะสำลัก
00:08:53 → 00:08:54 ได้ง่ายกว่าคน
00:08:54 → 00:08:58 ปกติพอไปสำลักแล้วมันเกิดอะไรขึ้นสมมุติ
00:08:58 → 00:09:00 ว่าเราสำลักนิดๆหน่อยๆหน่อยร่างกายขับมา
00:09:00 → 00:09:03 ทันโอเคแต่ถ้าสมมุติในบางรายที่เราสำลัก
00:09:03 → 00:09:07 เยอะเช่นที่เจอบ่อยๆคือสำลักนมเอ้ยอ่าน้ำ
00:09:07 → 00:09:11 อ่ะอ่านะพวกนมกินนมแล้วของของเหลวนะใช่
00:09:11 → 00:09:14 สำลักขึ้นไปปุ๊บแล้วเข้าไปที่ปอดแล้วพอ
00:09:14 → 00:09:16 เป็นถ้าเป็นเนื้อเนี่ยมันง่ายแต่ว่าร่าง
00:09:16 → 00:09:19 กายก็ติดรูหน่อยพอเป็นน้ำไม่ไงมันไหลจุ๊ด
00:09:19 → 00:09:23 ๆๆๆๆๆอออ่ามันก็เลยวิ่งเข้าไปที่ปอดค่ะพอ
00:09:23 → 00:09:25 น้ำเนี่ยหรือของเหลวที่มันสิ่งแปดปอที่
00:09:25 → 00:09:27 มันไม่ใช่น้ำเปล่าเช่นเป็นนมเป็นอะไรก็
00:09:27 → 00:09:30 ตามมันมีความข้นมันมีความพนอยู่เข้าไปที่
00:09:30 → 00:09:34 ปอดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปอดมันมันเป็นที่
00:09:34 → 00:09:36 สเตอไรด์อ่ะนะครับหรือว่าเป็นที่ที่มี
00:09:36 → 00:09:38 ความสะอาดค่อนข้างสูงความบริสุทธิ์คข้าง
00:09:38 → 00:09:42 สูงพวมันมีนมมีอะไรมันเข้าไปปุ๊บมันก็เลย
00:09:42 → 00:09:45 เกิดการติดเชียร์เกิดขึ้นโอยมันก็จะเป็น
00:09:45 → 00:09:48 ภาวะที่เรียกว่าปอดติดเชื้อมันไม่ใช่ว่า
00:09:48 → 00:09:51 เชื้อโรคเข้าไปพร้อมกับนมแต่มันคือมันมี
00:09:52 → 00:09:54 พอนมมันเข้าไปขังแล้วมีการกกร่างกายก็
00:09:54 → 00:09:58 พยายามจะขจัดออกขจัดออกในการสร้างสารหลาย
00:09:59 → 00:10:01 ๆอย่างงเพื่อที่จะไปกำจัดไอ้ตัวนี้ออก
00:10:01 → 00:10:03 หรือพยายามไอขึ้นมาหรือพยายามอะไรก็ตามก
00:10:03 → 00:10:05 มีการอักเสบเข้าไปจัดการตัวนมที่มันเข้า
00:10:06 → 00:10:09 มาปิดแปลกอืนะครับแล้วบางทีนมก็ต้องบอก
00:10:09 → 00:10:11 ว่าบางทีมันก็จะมีเชื้อโรคมีอะไรแต่ว่า
00:10:11 → 00:10:13 ด้วยความที่ว่าถ้าไปที่หลอดอาหารเรามี
00:10:13 → 00:10:16 เซลล์หรือว่าเรามีตัวที่อ่ะมาเลยฉันพร้อม
00:10:16 → 00:10:18 รับมือที่จะจัดการของพนี้แต่ว่าพอไปที่
00:10:18 → 00:10:21 หลอนลมปุ๊บมันมันไม่ได้มีแล้วเราไม่เคย
00:10:21 → 00:10:23 เตรียมการพร้อมสิ่งนี้ขึ้นมาอผู้ป่วยก็จะ
00:10:24 → 00:10:31 มีอาการอย่างแรกคือ 1 เหนื่อยอื 2 ไอค่ะ 3
00:10:31 → 00:10:35 มีไข้อืนะครับเหมือไก็ตามที่มี 3 อาการ
00:10:35 → 00:10:38 เหล่านี้เนี่ยไข้ไอเหนื่อยพวกนี้เนี่ยอาจ
00:10:38 → 00:10:41 จะเป็นอาการบอกเลยว่าสงสัยเลยว่าน่าจะมี
00:10:42 → 00:10:46 ปอดติดเชื้อมันมันจะมันจะค่อยๆเป็นแบบอ่า
00:10:46 → 00:10:49 สำลักหรือว่าไอแล้วก็มีไข้ก็เดี๋ยวจะเป็น
00:10:49 → 00:10:52 ลำดับตามๆกันมาใช่ถูกต้องจะเริกจะสำลัก
00:10:52 → 00:10:55 ก่อนมันมีสาเหตุไงใช่มั้ยพอเข้าไปปุ๊บ
00:10:55 → 00:10:58 ร่างกายสร้างพยายามหาของมาโจมตีขับมานอก
00:10:58 → 00:11:01 ก็จะเริ่มมีอาการไอพอไอเสร็จปุ๊บก็จะ
00:11:01 → 00:11:04 เริ่มมีไข้เออพอไข้ปุ๊บปอดเริ่มติดเชื้อ
00:11:05 → 00:11:07 ปอดเริ่มทำงานหนักหรือปอดมันเริ่มมีการ
00:11:07 → 00:11:11 เสียศูนยไปคนนใขก็จะเริ่องมีอาการเหนื่อย
00:11:11 → 00:11:15 นะครับออช่วงเนี้ยเป็นอาการที่บ่งบอกถึง
00:11:15 → 00:11:18 อาการติดเชื้อแต่บางรายถ้าสมมุติว่าถ้า
00:11:18 → 00:11:21 มันโอ้โหถ้ามันปอติดเชื้อมากขึ้นเรื่อยๆ
00:11:21 → 00:11:25 มากขึ้นเรื่อยๆเป็นไงการติดเชื้อก็จะรุน
00:11:25 → 00:11:28 แรงเข้าสู่กระแสวดหรือเราเรียกว่าการติด
00:11:28 → 00:11:32 เชเชื้อในกระแสเลือดออคำว่าการติดเชื้อใน
00:11:32 → 00:11:33 กระแสเลือดหมายความว่าการที่เราเจาะเลือด
00:11:33 → 00:11:37 เนี่ยนะครับเวลาเราปกติคนไปเจาะเลือดเจาะ
00:11:37 → 00:11:39 บ้าหวานเจาะอะไรถ้าเราไปเพราาะเชื้อควรจะ
00:11:39 → 00:11:41 ขึ้นมั้ยไม่ควรอ่าเพราะเราไม่มีใครแต่ไม่
00:11:41 → 00:11:44 ได้ก็ตามที่เราติดเชื้อหนักๆแล้วเราเจาะ
00:11:44 → 00:11:46 เลือดเนี่ยแล้วมันขึ้นเชื้อในเลือดแสดง
00:11:46 → 00:11:49 ว่าโอ้โหมันการติดเชื้อนี้มันรุนแรงมากๆ
00:11:49 → 00:11:52 เข้าไปสู่ในกระแสเลือดแล้วนะครับวิธีการ
00:11:52 → 00:11:54 รักษาหลักๆก็คงมีอย่างเึงคือให้ยาฆ่า
00:11:54 → 00:11:58 เชื้อสู้กับตัวคือก็เค้าจะเอาเชื้อตัวนี้
00:11:58 → 00:12:02 ไปเพาะว่าเอ๊ะคุณควณใช้ยาสูตรไหนแล้วเรา
00:12:02 → 00:12:07 ก็จะให้ยาตรงกับตัวอ่าเลือดนะครับที่เรา
00:12:07 → 00:12:10 เพาะเชื้อเจอให้มันเหมาะสมอ๋อแสดงว่า
00:12:10 → 00:12:13 เชื้อที่เข้าไปเนี่ยมันจะมีหลากหลายแล้ว
00:12:13 → 00:12:18 แต่ว่าจะตัวไหนใช่แล้วมันมีมากแค่ไหนถ้า
00:12:18 → 00:12:20 มันเข้าสู่กระแสเรือดนี้ก็ก็ต้องระวังไว้
00:12:20 → 00:12:23 ก่อนแะโอมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากๆออฉะนั้น
00:12:23 → 00:12:26 เนี่ยเพราะว่ามันเข้าสู่กระแสเลือมแปลว่า
00:12:26 → 00:12:29 อะไรมันไปที่ตำแหน่งเอย้อนอื่นได้มากเช่น
00:12:29 → 00:12:34 ก็จะมาละถ้าไปสูนแล้วก็จะมีเริ่มนึงไตวาย
00:12:34 → 00:12:37 ตับวายออถูกมั้ยเพราะว่ามันมันมันมันมัน
00:12:37 → 00:12:40 แพร่ไปที่อวยวะอื่นตามมาอือฮึฉะนั้นก็
00:12:40 → 00:12:43 เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเนี่ยค่อนข้าง
00:12:43 → 00:12:45 ที่จะเกิดความน่ากลัวเมื่อใดก็ตามที่มี
00:12:45 → 00:12:48 อาการเหล่านี้เกิดขึ้นอืถึงว่าได้ยินมา
00:12:48 → 00:12:51 ตลอดว่าเอ่อพอมีการติดเชื้อในกระแสเรือด
00:12:51 → 00:12:55 ปุ๊บก็เริ่มที่จะแบบว่าไม่ค่อยโอเคละมัน
00:12:55 → 00:12:58 จะมีปัญหาตรงนี้แต่ถ้าเกิดให้สูตรยาจาก
00:12:58 → 00:13:01 เชื้อถ้าได้เหมือนเค้าเรียกว่าอะไรร่าง
00:13:01 → 00:13:04 กายเราสามารถที่จะรับยาได้ก็สู้ได้ใช่
00:13:04 → 00:13:08 มั้ยคใช่ถูกต้องคือถ้าอถ้าเป็นเชื้อบ้านๆ
00:13:08 → 00:13:12 นะครับและร่างกายยังมีคือต้องอธิบายว่า
00:13:12 → 00:13:15 มันไม่ใช่ว่าเราให้ยาทุกคนจะหายหมดอือ
00:13:15 → 00:13:17 ต้องมีภูมิของคนไข้ด้วยถ้าภูมิของคนไข้
00:13:17 → 00:13:20 สู้ได้แล้วเราให้ยาช่วยไปอีกแดงนึงแล้วคน
00:13:20 → 00:13:23 ไข้ค่ะไหวผวป่วยโดยส่่วนมากใช็คว่าโดย
00:13:23 → 00:13:26 ส่วนมากดีกว่านะครับก็จะอาการดีขึ้นตาม
00:13:27 → 00:13:32 ลำดับค่ะแต่ดับการถ้าคนไข้ที่ภูมิต่ำเช่น
00:13:32 → 00:13:34 ยกตัวอย่างเป็นออายุมากหรือมีโรคยำตัว
00:13:34 → 00:13:37 เยอะกินยากดภูมิอือือเราให้ยาฆ่าเชื้อไป
00:13:37 → 00:13:40 ต่อให้เราช่วยกันบางรายก็ดีแต่บางรายก็
00:13:40 → 00:13:44 อาจจะสู้ไม่ไหวในระกับการฆ่าเชื้อมันดูดุ
00:13:44 → 00:13:48 ร้ายมากๆเช่นเป็นเชื้อดื้อยาบางที่เรารู้
00:13:48 → 00:13:50 กันว่าโอ้โหตัวนี้ตัวยอดคิดเลยในโรง
00:13:50 → 00:13:53 พยาบาลติดมาจากในโรงพยาบาลไม่ติดติดมาจาก
00:13:53 → 00:13:55 ในโรงพยาบาลแล้วเป็นตัวยอดคิดพว่งนี้
00:13:55 → 00:13:58 เนี่ยความเสี่ยงแลโอกาสสู้เนี่ยก็จะยิ่ง
00:13:58 → 00:14:01 ต่ำลงอ๋อแต่เราก็คาดหวังว่าถ้าเราให้ยา
00:14:01 → 00:14:04 ถูกตมมันก็จะมียาแก้ยาลื้อยาไปอีกอันนึง
00:14:04 → 00:14:07 ชั้นนึงเข้าไปอีกออนะครับถ้าเราให้ยาถูก
00:14:07 → 00:14:10 ภูปมกันดีพรุ่งนี้เนี่ยเราก็น่าจะสู้ได้
00:14:10 → 00:14:12 นะครับอ๋อโแต่ว่ามันก็ต้องมาลุ้นแหละคือ
00:14:12 → 00:14:15 การเพาะเชื้อมันก็ต้องใช้ระยะเวลาใช่
00:14:15 → 00:14:18 ประมาณ 3 วันโออ้าวแต่เชื้อมันก็กระจายไป
00:14:18 → 00:14:21 แล้วอ่ะนะใช่ฉะนั้นเคก็จะให้ดักก่อนเ้าจะ
00:14:21 → 00:14:24 คงไม่ลองปกติเจะให้ดักเยอะๆก่อนแล้วพอ
00:14:25 → 00:14:28 สมมุติว่าพอเราให้ดักยาเยอะๆปุ๊บแล้วพอ
00:14:28 → 00:14:31 เราเจอเป็นเชื้อเราค่อยปรับลงมาอ๋ออ่า
00:14:31 → 00:14:34 อย่างเช่นยกตัวอย่างเราให้เซรุ่มไงเซรุ่ม
00:14:34 → 00:14:36 เรานึกว่าเซรุ่มพิษงูอ่ะเจอพิษงูแต่ไม่
00:14:36 → 00:14:39 รู้งูชนิดไหนไม่รู้งูชนิดไหนปุ๊บอ่ะไปไป
00:14:39 → 00:14:42 ดักจับงูอยู่มาถึงปุ๊บสาดเลย 10 เซรุ่มออ
00:14:42 → 00:14:46 อ่า 10 ตัวเลยยาต้านปฐพีเสร็จปุ๊บเราเจอ
00:14:46 → 00:14:49 งูละอ้าไปเจอแล้วอยู่หน้าบ้านตายอยู่หน้า
00:14:49 → 00:14:51 บ้านอ่ะจับมาอ่ะูที่ไหนอ่ะเราปรับลดยา
00:14:52 → 00:14:55 เหลือสูต 1 อ่ะที่มันชนกันอ่างูเป็นงูตัว
00:14:55 → 00:14:57 หนึ่งนะอ่ะแล้วก็ให้ยาตัวหนึ่งพอออ่ะแล้ว
00:14:57 → 00:14:59 ถ้าเวอร์อย่างงี้มันไม่ไม่เป็นการ
00:14:59 → 00:15:01 Overdose ในการที่ให้ยาเกินไปหรเพราะว่า
00:15:01 → 00:15:04 เออบางบางอย่างมันร่างกายเราก็ต้องขับไอ้
00:15:04 → 00:15:06 พวกยาที่มันไม่ได้จำเป็นออกแบบนั้นมั้ยคะ
00:15:07 → 00:15:10 พวกนี้ต้องบอกเลยว่าขึ้นอยู่กับเป็นลายๆ
00:15:10 → 00:15:13 นะครับพวกนี้มันจะมีลักษณะยาอยู่แล้วว่า
00:15:13 → 00:15:15 เป็นยาสูตที่แบบอ่าสูตเซรุ่ม 10 ตัวสูตร
00:15:16 → 00:15:18 เซรุ่ม 100 ตัวสูตรเซรุ่ม 20000 ตัวซึ่ง
00:15:18 → 00:15:20 เขาจะมีอ่าวิธีการคำนวณแล้วว่าคนไข้แบบ
00:15:20 → 00:15:23 ไหนควรให้สูตรไหนอ๋ออ่าเช่นคนไข้ที่ฟิต
00:15:23 → 00:15:26 มากๆเราอาจจะใช้แค่สูตรธรรมดาอ่ะไม่ต้อง
00:15:26 → 00:15:28 เยอะมากเอาคุ้มไว้ก่อนสักนิดนึงที่เราจะ
00:15:28 → 00:15:31 เจอได้บ่อยแล้วเราเดาว่าน่าจะเป็นจากอะไร
00:15:31 → 00:15:34 ค่ะอ่าถัดไปสูตรสอสำหรับคนที่ภูมิคุงกัน
00:15:34 → 00:15:36 ต่ำโอ้โหมานอนโรงพยาบาลทุกอาทิตย์เลยอัน
00:15:36 → 00:15:40 นี้เราอาจะใช้สูตรพิเศษสูตร 2 แรงหน่อยนะ
00:15:40 → 00:15:43 ครับหรือว่าสูตร 3 เรียกว่าสูตรขาประจำ
00:15:43 → 00:15:46 คือมาโรงพยาบาลทุกเดือนเลยแบบมาบ่อยขา
00:15:46 → 00:15:49 ประจำติดเชื้อเคยมีบติดเชื้อดื้อยาอันนี้
00:15:49 → 00:15:52 เราอาจจะใช้สูตรเ้าเรียกว่าเคลือบเหมาประ
00:15:52 → 00:15:55 จักรวาลนะครับมีทุกอย่างสาดให้หมดอะไร
00:15:55 → 00:15:58 อย่างนี้นะครับเพราะว่ามีประวัติหลายรอบะ
00:15:58 → 00:16:01 ฉะนั้นแต่ละรอบไม่ใช่ตัวกระจอกมาแน่นอน
00:16:01 → 00:16:04 อันนี้เป็นต้นอันนี้คือยกตัวอย่างฉะนั้น
00:16:04 → 00:16:07 แต่ละแพทย์แต่ละท่านก็จะมีอดุลยพินิจใน
00:16:07 → 00:16:09 การเลือกใช้ยาอยู่แล้วครับโอ้โหวันนี้พอ
00:16:09 → 00:16:11 ได้ฟังคุณหมอพูดแบบนี้คือเข้าใจมากขึ้น
00:16:11 → 00:16:14 เลยแล้วเพราะว่ามันใช้เวลาในการเพาะเชื้อ
00:16:14 → 00:16:16 ตั้ง 3 วันแน่ะแล้วไอ้เชื้อพวกนี้พออยู่
00:16:16 → 00:16:20 ร่างกายเรามันก็ขยันจังเลยออใช่อยู่ขยัน
00:16:20 → 00:16:23 ผิดที่ใช่ถูกต้องวิ่งไปทุกที่นะครับั้น
00:16:23 → 00:16:26 ต้องตามจับให้ทำออ๋อแล้วหลังจากนั้นก็แต่
00:16:26 → 00:16:28 ถ้าเกิดว่าไม่สามารถที่จะกำจัดเชื้อพวก
00:16:28 → 00:16:32 นี้ได้ก็สามารถเสียชีวิตได้โดยที่แบบว่า
00:16:32 → 00:16:35 แค่การสำลักนิดเดียวโดยเฉพาะแบบของเหลว
00:16:35 → 00:16:37 ด้วยซ้ำไปอ่ะคุณผู้ฟังมันไม่น่าเชื่อเลย
00:16:37 → 00:16:41 เนาะว่าสามารถไปถึงจุดนั้นได้อ่ะใช่ครับ
00:16:41 → 00:16:44 โดยส่วนมากนี้โดยส่วนมากถ้าสำรักโดยส่วน
00:16:44 → 00:16:46 มากพวกนี้มักจะเกิในผู้ป่วยสูงอายุค่ะ
00:16:46 → 00:16:50 หรือว่าผู้ป่วยที่ทานอาหารทางสายยาง
00:16:50 → 00:16:53 อออใช่เพราะว่าใช่เพราะว่าเพราะว่าบางบาง
00:16:53 → 00:16:56 ทีเเข้าใจว่าพอมันมีอาหารอาศัยยางอ่ะสิ่ง
00:16:56 → 00:16:58 นี้เกิดขึ้นเป็นยังไงการกินอาหารอาศัยยา
00:16:58 → 00:17:01 างเนี่ยอ่าผู้ป่วยที่กินอ่าสยางต้อง
00:17:01 → 00:17:03 อธิบายก่อนอาจจะมีผู้ป่วยหลายกลุ่มอย่าง
00:17:03 → 00:17:06 เช่นหนึอายุมากๆอือนะครับหรือมีโรคจำตัว
00:17:06 → 00:17:08 บางอย่างที่ไม่สามารถกินทางปากได้นะครับ
00:17:08 → 00:17:11 หรือว่าไม่ยอมกินข้าวแต่มันนกรนงาน
00:17:11 → 00:17:15 แคลอรี่อ่ะก็เลยต้องใส่ทาใส่ยางทีนี้การ
00:17:15 → 00:17:17 ใส่ซาใส่ยางแปลว่าอะไมันมีสายอันนึงที่
00:17:17 → 00:17:20 มันค้ำคออยู่ประตูมันเปิดแง้มไม่อยู่อ่ะ
00:17:20 → 00:17:24 ตลอดเวลาอ่าค้างไว้ใช่ฉะนั้นเวลาเราใส่
00:17:24 → 00:17:27 เข้าไปโอเคผู้ปวยก็ได้รับสาอาเต็มที่นะ
00:17:27 → 00:17:29 กับกันประตูมันเปิดแง้มอ่ะอาฮะถ้าผู้ป่วย
00:17:29 → 00:17:32 สำลักหรือผู้ป่วยไปนอนมันก็มีโอกาสวิ่ง
00:17:32 → 00:17:35 ย้อนกลับมาประตูถูกมนึกภาพมันคือน้ำอ่ะ
00:17:35 → 00:17:37 มันคือนม่นโคว่าเราไหลเข้าไปแต่ประตูมัน
00:17:37 → 00:17:40 เปิดแง้มอยู่อ่ะนะครับแล้วหูรูดส่วนมาก
00:17:40 → 00:17:43 กลุ่มพวกนี้ก็จะอายุค่อนข้างเยอะละฉะนั้น
00:17:43 → 00:17:47 มันก็หูรูดอาจจะไม่ได้รัดแน่นมากอาจจะมี
00:17:47 → 00:17:49 บางส่วนที่มันซึมมันก็จะไหลขึ้นมาสำรัก
00:17:49 → 00:17:52 พวกนี้ก็คือเจอได้บ่อยอฉะนั้นนเป็นสิ่ง
00:17:52 → 00:17:54 ที่ต้องระมัดระวังมากๆนะครับอ้าแต่ว่าก็
00:17:54 → 00:17:57 เห็นผู้ป่วยบางรายเนี่ยนะคะเขาต้องนอนน่ะ
00:17:57 → 00:17:59 แล้วก็ให้อาหารทางสายยงเลยอะไรเงี้ยคือ
00:17:59 → 00:18:02 เ้าไม่สามารถจะมานั่งตัวตรงเอ่อแบบเตียง
00:18:02 → 00:18:05 ปรับระดับตรงแล้วก็กินใช่ครับพูดพูดนี้
00:18:05 → 00:18:07 พูดนี้แต่มันก็ยังมีเทคนิคอยู่อย่างเช่น
00:18:07 → 00:18:09 เ่าเค้าไม่ใช่นอนลาบอย่างเดียวเ้าจะแบบ
00:18:09 → 00:18:13 ว่าอ่านอน 45 องศเอออ่านะครับนอนลาบอาจจะ
00:18:13 → 00:18:16 ไม่ได้เพราะว่ามีอาการสำลักสูงอาจจะนอน 45
00:18:16 → 00:18:19 หลังฟีดหรือว่าหลังใส่สไอใส่อาหารปุ๊บ
00:18:19 → 00:18:22 ทิ้งไว้ 2 ช่วโมงถึงจะนอนได้อ่าวนี้มีข้อ
00:18:22 → 00:18:26 ควรปฏิบัติอยู่อ๋อเนาไม่ต้องกังวลใจไป
00:18:26 → 00:18:28 เดี๋ยวลูกหลานไปเยี่ยมปึ๊บอุ้ยสำลักเลย
00:18:28 → 00:18:30 เออนะเดี๋ยวพวกเราเช่นเดียวกันก็ไม่ควร
00:18:30 → 00:18:33 กินแล้วนอนถูกมั้ยอ่าเดี๋ยวสำลักเอา่มั้ย
00:18:33 → 00:18:35 เอาแค่ธรรมดายังจะสำลักเลยใช่เห็นมั้ย
00:18:36 → 00:18:37 เดี๋ยวนี้ถ้าเรากินแล้วนอนมันกินเเป็นไง
00:18:37 → 00:18:40 กดไหลย้อนถามมากแล้วใช่ๆมาแล้วล่ะเริ่ม
00:18:40 → 00:18:44 ขย่อนมาตรงคอเริ่มแบบว่าจะไอใช่อ่าอ่าน
00:18:44 → 00:18:46 เห็นปะมันเหมือนกันเลยมันเหมือนกดมันไหล
00:18:46 → 00:18:48 เข้าไปในตัวหลอดลมมันก็เลยทำให้ไอออแต่
00:18:48 → 00:18:52 ว่าพอดีมันขูรูดก็ยังยังทำงานงอยู่แต่ว่า
00:18:52 → 00:18:54 มันก็จะมีเรื่องมีกดไหลขึ้นมานิดนึงแล้ว
00:18:54 → 00:18:56 ก็เลยมีอาการอะไรโอ๊ยนเรือเปี้ยวหรือ
00:18:56 → 00:18:59 อาการไอเออๆใช่มันน่ากลัวเหมือนกันเนาะ
00:18:59 → 00:19:01 แต่อย่างเงี้ยก็น่าเป็นห่วงผู้สูงอายุนะ
00:19:01 → 00:19:03 เพราะว่าอ่าอย่างเคสคุณแม่เนี่ยก็เนี่ย
00:19:03 → 00:19:07 สำลักน้ำน้ำไม่ได้ไปกินนมด้วยนะน้ำเปล่า
00:19:07 → 00:19:10 นี่แหละเราก็ยังงงว่าเอ๊ะทำไมถึงแบบไปถึง
00:19:10 → 00:19:12 ขั้นแบบติดเชื้อในกระแสเลือดไปถึงตรงนู้น
00:19:12 → 00:19:14 ได้อะไรอย่างเงี้ยก็ยังงงอยู่เพราะมัน
00:19:14 → 00:19:17 เป็นของเหลวพอคุณหมออธิบายปุ๊บอ๋อของเหลว
00:19:17 → 00:19:21 นี่หนักกว่าไอ้พวกที่เป็นเป็นข้าวเป็น
00:19:21 → 00:19:24 ชิ้นเป็นซ้อนไหลลงไปเลยเออใช่ข้าวสมมุติ
00:19:24 → 00:19:29 ง่ายๆก็คือคืออ่าคนไข้แบบเอ่อไก่ติดคอ
00:19:29 → 00:19:31 สมมุติยกอย่างทุกอย่างชิ้นเล็กๆติดคอเป็น
00:19:31 → 00:19:34 ไงคนไข้ก็จะแบบไอเหมือนในหนังอ่ะอจุ๊กๆ
00:19:34 → 00:19:37 แล้วก็หลุดออกมาเพราะว่ามันแข็งไมันลงไป
00:19:37 → 00:19:40 ไม่ได้อแต่พอเป็นน้ำเป็นนมอมันไหลโจ๊กวู้
00:19:40 → 00:19:43 โอโหมันก็เลยหนักหน่อยเปลี่ยนเป็นอย่าง
00:19:43 → 00:19:46 อื่นได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ยไม่สำลักดีที่
00:19:46 → 00:19:49 สุดอ่ะใช่ตาระมัดระวังไม่สำลักดีที่สุด
00:19:49 → 00:19:52 แล้วอย่างงี้เราจะสังเกตยังไงว่าแบบเออ
00:19:52 → 00:19:55 กลืนลำบากมีปัญหามีอะไรอย่างเงี้ยแบบ
00:19:55 → 00:19:58 อย่างๆคนที่เคยสำลักแล้วอ่ะมีโอกาสที่จะ
00:19:58 → 00:20:01 สำลักบ่อยๆใช่มากขึ้นกว่าเดิมถูกป่ะ
00:20:01 → 00:20:03 ฉะนั้นเคต้องมีอะไรบางอย่างที่เช่นหูรูด
00:20:03 → 00:20:06 ไม่ดีนะครับหรือว่ามีการขย่อนหรือว่าการ
00:20:06 → 00:20:09 จัดท่าวิธีการเตรียมตัวสักอย่างอันนี้
00:20:09 → 00:20:11 ต้องระมัดระวังมากๆเพราะว่าถ้าเขาสำลัก
00:20:12 → 00:20:14 ได้ง่ายและเกิดขนาดเแสดงว่าเต้องมีบาง
00:20:14 → 00:20:17 อย่างฉะนั้นเราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะ
00:20:17 → 00:20:22 ครับอก็คนดูแลคนที่บ้านบางถูกต้องส่วน
00:20:22 → 00:20:24 ใหญ่ไม่ได้ค่อยได้ปรับระดับเตียงอ่ะเพราะ
00:20:24 → 00:20:25 ว่าเตียงที่บ้านน่ะมันไม่ได้เหมือนเตียง
00:20:25 → 00:20:28 โรงพยาบาลถูกมั้ยนอนราบอย่างเดียวหรือว่า
00:20:28 → 00:20:31 อย่างมากก็เอิ่มยกหัวขึ้นสูงหน่อยเอาหมอน
00:20:31 → 00:20:33 ซ้อนเข้าไปอ่าใช่คได้แค่นั้นแหละผมว่า
00:20:34 → 00:20:38 เอ้ามันก็สำลักง่ายอ่ะสิใช่ไม่งั้นมันก็
00:20:38 → 00:20:42 มันอาจจะต้องเช่นเอาเก้าอี้นั่งขึ้นมา
00:20:42 → 00:20:47 โซฟาอ่านึกภาพโซฟาโหอ่าแล้วก็หาเสาไว้
00:20:47 → 00:20:51 ขวัญอ่อเสาไว้ขวัญผ้าเอามาตั้งอออฮะอพวก
00:20:51 → 00:20:54 นี้ก็อาจจะช่วยได้บ้างต้องพยายามที่จะแบบ
00:20:54 → 00:20:58 ว่าปรับให้แบบว่า 45 องศดีที่สุดใช่มั้ย
00:20:58 → 00:21:00 ใช่แล้วมันมีอะไรที่จะบอกให้รู้ว่าเฮ้ย
00:21:00 → 00:21:02 เอาอยู่ในภาวะกลืนลำบากหรือว่ามันมีโอกาส
00:21:02 → 00:21:06 ที่จะแบบมาสำลักมาติดเชื้อปอดติดเชื้อติด
00:21:06 → 00:21:08 เชื้อในกระแสเลือดได้อีกมยคะโออันนี้
00:21:08 → 00:21:11 อย่างแรกคือถ้าเราใส่สายระบายทางจมูกใส่
00:21:11 → 00:21:14 สายยางเนี่ยนะครับพวกนี้เป็นง่ายอยู่
00:21:14 → 00:21:18 แล้วะถ้าเรามีอาการทางสมองเช่นเคยมีอมื
00:21:18 → 00:21:20 กพามาก่อนหรือว่ามีสมองขัดเลือดมาก่อน
00:21:20 → 00:21:23 หรือเสสมองตีบมาก่อนหรือว่ามีโรคทาสมอง
00:21:23 → 00:21:26 เช่นอัลไซเมอร์โอหรือพวป่วยติดเตียงพวก
00:21:26 → 00:21:29 นี้ก็ยิ่งง่ายกว่าคนปกติอืหรือแม้แต่นะ
00:21:29 → 00:21:31 กับการคนไข้ที่มีประวัติพวกอ่าเป็นคนไข้
00:21:31 → 00:21:33 สูงอายุทั่วไปเนี่ยอย่างที่ผมพูดไปมัน
00:21:33 → 00:21:36 เหมือนกับมันใช้งานมานานอ่ะพวกนี้ก็ต้อง
00:21:36 → 00:21:39 ระวังมากๆนะครับอือหรือแม้กระทั่งไม่ต้อง
00:21:39 → 00:21:42 เป็นผู้ป่วยเราซึ่งอายุมากๆก็ก็ต้องค่อย
00:21:43 → 00:21:47 แบบว่าค่อยๆนอนเคี้ยวให้ละเอียดใช่สุดๆไป
00:21:47 → 00:21:50 เลยใช่ถูกต้องฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังนะ
00:21:50 → 00:21:52 ครับเป็นพิเศษนะครับอถ้าอย่างงั้นเอางี้
00:21:52 → 00:21:55 คุณหมอแบบป้องกันเลยไม่ให้แบบมีเกิดอาการ
00:21:55 → 00:21:58 สำลักแบบมันฟังดูแล้วมันถึงแก่ชีวิตได้
00:21:58 → 00:22:02 อ่ะมันแค่นี้เองอ่ะนะคะทำยังไงแบบอาหาร
00:22:02 → 00:22:05 ที่จะเคยกินเป็นข้าวเป็นอะไรอย่างเงี้ยก็
00:22:05 → 00:22:08 เปลี่ยนเป็นโจ๊กหรือของเหลแบบอาหารเหลวไป
00:22:08 → 00:22:11 เลยมได้มั้ยผมว่าชีวิตอันนั้นก็อาจจะยาก
00:22:11 → 00:22:14 เกินไปเนาะแบบปุ๊บเลิกกินข้าวกินแต่โจ๊ก
00:22:14 → 00:22:17 เลยผมว่าอย่างนี้ครับคืออย่างง่ายคือเวลา
00:22:17 → 00:22:21 เรากินหรือว่าเราทำอะไรก็ตามก็ช้าลงหน่อย
00:22:21 → 00:22:23 นะครับก็คือกินอาหารปกตินี่แหละเพียงแต่
00:22:23 → 00:22:26 ว่าเวลากินก็ไม่ต้องรีบเคลียร์ไว้ละเอียด
00:22:26 → 00:22:29 อค่อยๆนะครับค่อยๆกินแล้วก็เวลากินก็อย่า
00:22:29 → 00:22:33 เพิ่งนอนค่ะนะครับอันนี้คือทั่วไปแต่
00:22:33 → 00:22:35 สำหรับคนไขที่ผู้ป่วยสูงอายุนะครับก็อาจ
00:22:35 → 00:22:39 จะเช่นเวลาเราเราใส่หาหารทางสายยางอย่าง
00:22:39 → 00:22:41 นี้เนี่ยยกตัวอย่างนะครับในคนไข้ที่ใส่
00:22:41 → 00:22:44 อาหารทางส่ยางก็ใช้เวลาดิบนานหน่อยมให้
00:22:44 → 00:22:48 อาหารนานหน่อยไม่ใช่แบบนูภาพเราใส่ 200
00:22:48 → 00:22:51 300 ซีซีตู้มเดียวชั่วโมงนึงแล้วก็อาจจะ
00:22:51 → 00:22:54 เป็นเป็นไง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วมงค่อยๆดิบ
00:22:54 → 00:22:57 ค่อยๆให้ไปช้าๆอค่ะอ่าให้ร่างกายมันดูด
00:22:57 → 00:23:01 ซึมอืนะไม่ต้องให้เร็วตั้งหัวสูงอีย 15
00:23:01 → 00:23:04 องศานะครับส่วนในราายที่ทานเองได้นะครับ
00:23:04 → 00:23:07 ที่อายุมากๆปุ๊บก็ค่อยๆทานอาจจะย็นที่เรา
00:23:07 → 00:23:09 พูดไปก็ได้อาจจะเปลี่ยนเป็นอาหารที่
00:23:09 → 00:23:13 เคี้ยวง่ายค่ะนะครับแล้วก็อ่ากลืนง่ายนะ
00:23:13 → 00:23:16 ครับแล้วก็ค่อยๆทานนะครับแล้วก็เวลาทาน
00:23:16 → 00:23:18 เสร็จปุ๊บก็อย่าเพิ่งนอนค่ะนะครับพวกนี้
00:23:18 → 00:23:21 ก็สมมว่าก็สามารถป้องกันได้น้ำซุปน้ำแกง
00:23:21 → 00:23:24 คือก็กินได้ปกติแหละไม่ได้ถึงขนาดแบบโอ๊ย
00:23:24 → 00:23:27 เพวันนี้ฟังของเหลวปึ้มพรุ่งนี้กลับไปกิน
00:23:27 → 00:23:29 ข้าวเหนียวเลยใช่เน้นข้าวเหนียวส้มตำ
00:23:29 → 00:23:31 อย่างเดียวไม่ได้นะอันนั้นยิ่งสำลักเลย
00:23:31 → 00:23:34 ส้มตำแสบคออ๋ออาหารรสชาติอะไรอย่างี้ก็่
00:23:34 → 00:23:37 เอาเป็นจืดๆเพราะมันเดี๋ยวมันจะแบบว่าอ๋อ
00:23:37 → 00:23:40 ได้หรอได้จริงๆก็ได้หมดแล้วแต่ชอบแต่ว่า
00:23:40 → 00:23:43 เอาแล้วแต่ตามอเค้าเรียกว่าโรคประจำตัว
00:23:43 → 00:23:45 แล้วกันถ้าเป็นโรคใต้โลกเค็มก็รดเค็มรด
00:23:45 → 00:23:48 อะไรกันหน่อยรถเป็นเบาหวานก็บอกได้ปุ๊บไป
00:23:48 → 00:23:51 กินโหวานเหวินอันนี้ก็ตามโรคประจำตัว
00:23:51 → 00:23:53 แล้วะกันให้เหมาะสมคือให้มีความสุขอยู่
00:23:53 → 00:23:56 ด้วยในการที่จะได้กินอะไรใช่มยอ่าแต่ก็
00:23:56 → 00:23:59 คุมโลกจำตัวให้มันพอเหมาะด้วยด้วยเออแต่
00:24:00 → 00:24:04 ส่วนใหญ่ผู้ผู้สูงวัยจะดื้อคุณหมอเวลากิน
00:24:04 → 00:24:07 แล้วแบบอย่าเพิ่งนอนอย่าเพิ่งรีบนอนก็จะ
00:24:07 → 00:24:10 เอนละก็จะลงละก็จะอะไรอย่างเงี้ยิ่งบางคน
00:24:10 → 00:24:12 ที่แบบว่าอาจจะสรีระรู้สึกว่านั่งนานไม่
00:24:12 → 00:24:15 ได้ปวดหลังปวดอะไรอย่างเงี้ยก็จะแบบพร้อม
00:24:15 → 00:24:18 ลงนอนงี้ก็ต้องแบบยื้อกันไว้นิดนึงก่อน
00:24:18 → 00:24:21 ใช่มั้ยคสักชั่วโมง 2 ชั่วโมงใช่ได้มั้ย 2
00:24:21 → 00:24:28 ช่มแล้วก็อ่าเรื่องของการถ้ามีอาการไอ
00:24:29 → 00:24:31 หรือแบบในระหว่างที่ป้อนเนี่ยมีอาการไอก็
00:24:31 → 00:24:34 ให้หยุดก่อนอือฮึถูกต้องครับต้องหยุดเลย
00:24:34 → 00:24:38 นะอ่าก็จะได้ไม่ไม่เอ่อเสี่ยงกับการที่จะ
00:24:38 → 00:24:40 ต้องไปสำลักแล้วก็เกิดปอดติดเชื้อแล้วก็
00:24:40 → 00:24:43 ไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้มี
00:24:43 → 00:24:45 โอกาสในการเสียชีวิตได้ง่ายมากขึ้นอ้าว
00:24:46 → 00:24:47 ท้ายนี้คุณหมอฝากอะไรหน่อยมั้ยคะเกี่ยว
00:24:48 → 00:24:50 กับเรื่องนี้ค่ะสำหรับคนไข้นะครับหรือว่า
00:24:50 → 00:24:53 ผู้ป่วยทั่วไปที่ดูแลผู้ปวสายุผู้ป่วยทรง
00:24:53 → 00:24:56 อายุอยู่นะครับก็ระมัดระวังนิดนึงนะครับ
00:24:56 → 00:24:58 ช่วงนี้เนี่ยเกิดบ่อยมากนะครับอือใน
00:24:58 → 00:25:01 ปัจจุบันตอนที่ผมยังตอนเที่ยังทำงานอยู่
00:25:01 → 00:25:03 เนี่ยเราก็เจอผู้ป่วยเยอะมากๆที่มาด้วย
00:25:03 → 00:25:06 อาการสำลักนะครับส่วนมากก็เป็นผู้ป่วยสูง
00:25:06 → 00:25:08 อายุหรือว่าผู้ป่วยที่มีอาการทานสมอง
00:25:08 → 00:25:11 ฉะนั้นเหลายๆอย่างเนี่ยผมคิดว่าก็เรา
00:25:11 → 00:25:13 เนี่ยไม่สามารถปงกังได้แต่ว่าเราก็จะ
00:25:13 → 00:25:15 พยายามดีที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้เหตุ
00:25:15 → 00:25:17 การณ์เหล่านี้เกิดขึ้นนะครับอย่างที่เรา
00:25:17 → 00:25:20 แจ้งไปว่าการปรับอาหารหรือว่าการกินช้าลง
00:25:20 → 00:25:22 หรือว่าแม้แต่การให้สารอาหารให้มันช้าลง
00:25:22 → 00:25:25 นิดนึงนะครับก็สามารถช่วยป้องกันได้นะ
00:25:25 → 00:25:29 ครับสำที่สุดก็คือการสังเกตอาการเมื่อไก็
00:25:29 → 00:25:32 ตามที่มีประวัติการไอหรือมีอาการการสำลัก
00:25:32 → 00:25:35 มันเลยเริ่มมีการไข่มีรีบมาโรงพยาบาล
00:25:35 → 00:25:37 เพื่อที่เราจะได้ป้องกันนะครับป้องกันไม่
00:25:37 → 00:25:40 ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเช่นการติดชกระแส
00:25:40 → 00:25:43 เลือดนะครับผู้ป่วยก็จะได้แข็งแรงและกลับ
00:25:43 → 00:25:45 บ้านอยู่กับเรานานๆนะครับค่ะอ่านี้คุณหมอ
00:25:45 → 00:25:47 ฝากไว้แล้วนะคะเรื่องเล็กๆมันจะเป็น
00:25:47 → 00:25:49 เรื่องใหญ่ได้เหมือนกันนะต้องระวังแล้วก็
00:25:49 → 00:25:52 ดูแลดีๆนะคะขอบคุณคุณหมอค่ะสวัสดีค่ะครับ
00:25:53 → 00:25:55 ขอบคุณครับเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้ว
00:25:55 → 00:25:57 ค่ะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง
00:25:57 → 00:25:59 ไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไปก่อน
00:25:59 → 00:26:04 สวัสดีค่ะ This Is Thai PBS podcast
00:26:04 → 00:26:06 การดื่มแอลกอฮอล์เราคงรู้กันดีว่าส่งผล
00:26:06 → 00:26:09 ต่อตับและสมองได้ในอนาคตแต่อย่าลืมว่ายัง
00:26:09 → 00:26:12 ส่งผลต่อกระดุกด้วยดรนายแพทย์จตุพลคงถาวร
00:26:12 → 00:26:14 สกุลแพทย์ศูนย์กล้ามเนื้อกระดุกและข้อมา
00:26:14 → 00:26:18 บอกให้รู้ครับคนส่วนใหญ่เนี่ยก็จะคิดว่า
00:26:18 → 00:26:20 เอ๊ะการดื่มแอลกอฮอล์เนี่ยหรือการดื่ม
00:26:20 → 00:26:23 เหล้านี่แหละเหล้าเบียร์วายพวกเนี้ยมันจะ
00:26:23 → 00:26:27 มีผลอะไรกับสุขภาพร่างกายโดยทั่วๆไปเรามย
00:26:27 → 00:26:29 คือคนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงตับใช่มั้ยอ่า
00:26:30 → 00:26:33 กลัวตับแข็งนะกลัวตับมีปัญหาค่ะนะแล้วก็
00:26:33 → 00:26:36 อาจจะเกี่ยวข้องกับการสมองใช่มั้ยฮะคือ
00:26:36 → 00:26:39 ถ้าไม่ดื่มแล้วคือสมมุติเราดื่มในระยะ
00:26:39 → 00:26:41 เวลานานๆแล้วไม่ดื่มแล้วปุ๊บเนี่ยก็จะ
00:26:42 → 00:26:44 เกิดสภาวะที่เค้าเรียกว่าแอลกอฮอล
00:26:44 → 00:26:47 withdraw ก็คือขาดแอลกอฮอล์แล้วก็ทำให้
00:26:47 → 00:26:51 เกิดอาการทางสมองแต่คนน่ะส่วนใหญ่ไม่ได้
00:26:51 → 00:26:54 คิดถึงว่าเอ๊ะมันมีปัญหากับกระดูกหรือ
00:26:54 → 00:26:57 เปล่าอืมไม่ไม่ถึงใช่ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย
00:26:57 → 00:27:00 มันมีปัญหาโดยรวมกับกระดูกได้อือันนี้ก็
00:27:00 → 00:27:03 มีงานวิจัยออกมาบอกว่าพอกินเหล้าปุ๊บ
00:27:03 → 00:27:08 ปรากฏว่าทำให้กระดูกไม่บางนะและกระดูกไม่
00:27:08 → 00:27:12 พรุนหรือพรุนช้าลงเดี๋ยวอันนี้เหล้าหรือ
00:27:12 → 00:27:16 นมอ่าใช่มั้ยฮะคือคนก็จะงงว่าเอ๊ะเออหรือ
00:27:16 → 00:27:19 ว่าอย่างั้นไม่ต้องดื่มแล้วนมต่อไปนี้
00:27:19 → 00:27:21 ดื่มเหล้าไปเลยดืเออไหนๆก็ไหนๆแต่มันก็มี
00:27:21 → 00:27:25 งานวิจัยอีกหลายๆงานวิจัยที่ขัดแย้งอ่า
00:27:25 → 00:27:28 มันมีงานวิจัยนึงนะฮะที่บอกว่าการดื่มไ
00:27:28 → 00:27:32 drink เนี่ยนะจะทำให้เกิดโอกาสการเป็น
00:27:32 → 00:27:35 กระดูกพรุนเนี่ย 1.3 เท่าของคนที่ไม่ดื่ม
00:27:35 → 00:27:38 นั่นหมายความว่าต่อให้คุณจะกินไ drink
00:27:38 → 00:27:42 เนี่ยนะก็ก็ยังมีปัญหาใช่พรุนอยู่ดีในขณะ
00:27:42 → 00:27:44 ที่ moderate drink ก็คือปานกลางต่อให้
00:27:44 → 00:27:48 เรากิน 2 ดริงต่อวันปริมาณประมาณ 1.3
00:27:48 → 00:27:50 เท่าค่ะที่เป็นกระดูกพรุนอีกเหมือนกันใน
00:27:50 → 00:27:54 ขณะที่พอบริโภคเป็นแบบ Heavy 3-5 แก้ว
00:27:54 → 00:27:58 ขึ้นไปกลุ่มนี้เราพบว่ามีโอกาสเกิดกระดูก
00:27:58 → 00:28:03 พรุนเนี่ย 1.6 เท่าซึ่งแปลว่าไม่ดีละอ่า
00:28:03 → 00:28:06 เพราะฉะนั้นจากข้อสรุปของงานวิจัยที่ยัง
00:28:06 → 00:28:10 ไม่ได้ข้อสรุปเนี่ยพบว่าการดื่มมากกว่า 3
00:28:10 → 00:28:14 แก้วยังไงก็ไม่ดีแต่ 1 แก้วเนี่ยหรือ 1
00:28:14 → 00:28:18 เปกเนี่ยก็ยังถือว่าพอได้พอเวลาเราดื่ม
00:28:18 → 00:28:21 แอลกอฮอล์เข้าไปเนี่ยนะมันจะมีผลอะไรบ้าง
00:28:21 → 00:28:23 อยู่ 3 อย่าง 1 ผลเกี่ยวกับเรื่องของการ
00:28:24 → 00:28:27 ล้มอ่าดื่มแอลกอฮอลไปเนี่ยมันทำให้เราสูญ
00:28:27 → 00:28:30 เสียการส่งตัวทำให้ล้มง่ายเซล้มอ่า 2 การ
00:28:30 → 00:28:32 ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปจะทำให้การดูดซึม
00:28:32 → 00:28:35 แคลเซียมกับวิตามินเนี่ยมันแย่ลงปัจจัย
00:28:35 → 00:28:38 ที่ 3 เนี่ยนอกจากการดูดซึมที่มันแย่ลง
00:28:38 → 00:28:41 นอกจากโอกาสการล้มที่มันสูงขึ้นแล้วเนี่ย
00:28:41 → 00:28:44 อีกอันนึงคือปัจจัยเรื่องของฮอร์โมน
00:28:44 → 00:28:47 ฮอร์โมนในร่างกายเราเนี่ยนะฮะมันจะมีความ
00:28:47 → 00:28:52 สัมพันธ์กับแอลกอฮอล์นะฮะโดยการที่เมื่อ
00:28:52 → 00:28:54 เราดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเนี่ย
00:28:54 → 00:28:58 ปรากฏว่ามันจะไปทำให้ฮอร์โมนเพศของชาและ
00:28:58 → 00:29:02 หญิงเนี่ยมันลด
00:29:02 → 00:29:06 ลง This Is Thai PBS
00:29:06 → 00:29:10 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:10 → 00:29:13 podcast ได้ทางเว็บไซต์ www.thai PBS
00:29:13 → 00:29:17 podcast dcom Application Thai PBS
00:29:17 → 00:29:19 podcast รวมถึงฟังผ่าน podcast ช่องทาง
00:29:20 → 00:29:24 อื่นๆ spotify YouTube Apple podcast
00:29:24 → 00:29:27 และ
00:29:27 → 00:29:31 soundcloud อ