00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปริปและนี่คือศัลยกรรมความสุข
00:00:13 → 00:00:16 รายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมาก
00:00:16 → 00:00:19 ขึ้นมีความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:24 ผมอยากให้คุณผู้ฟังเนี่ยสังเกตภาพอะไรบาง
00:00:24 → 00:00:26 อย่างแต่คุณผู้ฟังไม่เห็นหรอกเพราะฉะนั้น
00:00:26 → 00:00:30 พี่อ้อยจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ฟัง
00:00:30 → 00:00:35 สังเกต 2 อย่างสังเกตสีหน้าอาการแล้วก็
00:00:35 → 00:00:39 อารมณ์ของผมแล้วก็สังเกตอารมณ์ความรู้สึก
00:00:39 → 00:00:44 ของตัวเองด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นนะครับวัน
00:00:44 → 00:00:47 นี้ผมจะมาแบ่งปันเรื่องฉันเกลียดแก
00:00:47 → 00:00:51 [เพลง]
00:00:51 → 00:00:54 พี่ออยได้ยินครั้งนี้แล้วอันดับแรกแทนตัว
00:00:54 → 00:00:57 เป็นผู้ฟังเลยครับได้ยินคำเมื่อกี้เนี่ย
00:00:57 → 00:01:02 แล้วรู้สึกยังไงครับสะดุ้งสะดุ้งแล้วก็
00:01:02 → 00:01:06 ตามมาด้วยความสงสัยค่ะว่าเฮ้ย
00:01:06 → 00:01:09 เมื่อเกลียดอะไรฉันน่ะแล้วฉันทำอะไรผิด
00:01:09 → 00:01:14 หรอค่ะแต่ต้องบอกพี่อ้อยและบอกคุณผู้ฟัง
00:01:14 → 00:01:17 ก่อนนะครับว่าฉันเกลียดแกเนี่ยในที่นี้
00:01:17 → 00:01:20 เนี่ยหัวข้อในวันนี้คือฉันเกลียดแกเนี่ย
00:01:20 → 00:01:22 แต่ฉันน่ะที่นี้ไม่ได้หมายถึงฉันไม่ได้
00:01:22 → 00:01:26 หมายถึงทีวีแล้วแกเลยทีนี้ก็ไม่ได้หมาย
00:01:26 → 00:01:30 ถึงพี่อ้อยหรือคุณผู้ฟังด้วยแต่วันนี้
00:01:30 → 00:01:33 เนี่ยทำไมผมถึงอยากจะมาแบ่งปันเรื่องฉัน
00:01:33 → 00:01:34 เกลียดแก
00:01:34 → 00:01:37 แต่ก่อนจะไปตรงนั้นอีกครับเมื่อตะกี้นี้
00:01:37 → 00:01:39 ตอนที่ผมพูดคำว่าฉันเกลียดแกเนี่ยพี่อ้อย
00:01:39 → 00:01:41 สังเกตเห็นอะไรที่ตัวผมบ้างครับ
00:01:41 → 00:01:45 เห็นสีหน้าก่อนนะคะสีหน้าของพี่วีแบบ
00:01:45 → 00:01:49 เหมือนกับเคร่งเครียดแล้วก็ตาเนี่ยจะแบบ
00:01:49 → 00:01:53 เบิกกว้างกว่าปกตินะคะและน้ำเสียงก็ที่
00:01:53 → 00:01:55 ส่งมาเนี่ย
00:01:55 → 00:02:00 มันห้วนนะคะอ่าแล้วก็พี่วีมีเอ่อเหมือน
00:02:00 → 00:02:05 ชี้ด้วยว่าแกแกนั่นแหละ
00:02:05 → 00:02:08 ไม่ใช่คนอื่นค่ะแล้วคำนี้เนี่ยมันน่าสนใจ
00:02:08 → 00:02:11 นะครับว่าทีแรกผมก็คิดว่าเอ๊ะ
00:02:11 → 00:02:14 จะจัดรายการตอนนี้ตอนทำแบบนี้มันจะใช้ได้
00:02:15 → 00:02:18 ไหมอะไรเงี้ยแต่ถ้าใช้ไม่ได้นี้ก็จะตอน
00:02:18 → 00:02:21 นี้ไม่ได้เลยนะครับเพราะว่าคำพูดว่าคนๆ
00:02:21 → 00:02:24 หนึ่งเกลียดคนคนหนึ่งเนี่ยถ้าใช้เป็นคำ
00:02:24 → 00:02:26 อื่นมันก็ไม่ใช่เลยนะอย่างเช่นบอกว่าเออ
00:02:27 → 00:02:30 พี่อ้อยครับผมเกลียดพี่อ้อย
00:02:30 → 00:02:32 มันมัน
00:02:32 → 00:02:35 ซอฟลงไปเลยเออมันไม่ใช่นะเกลียดมันอย่าง
00:02:36 → 00:02:39 นี้ไม่ได้หรือผมเกลียดคุณอะไรอย่างนี้นะ
00:02:39 → 00:02:42 มันต้องชั้นเกลียดแกเลยเนี่ยแล้วทำไมวัน
00:02:42 → 00:02:45 นี้ผมถึงแบ่งปันเรื่องนี้รู้ไหมครับ
00:02:45 → 00:02:49 เพราะว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมได้ไปอยู่ในวง
00:02:49 → 00:02:53 สนทนาวงศ์แล้วมีเพื่อน 2 คนเขาก็คุยกัน
00:02:53 → 00:02:56 เพื่อนคนนึงเขาก็เปิดเปิดประเด็นด้วยกัน
00:02:56 → 00:03:00 บอกว่าเนี่ยเขาเพิ่งไปเห็นแนวความคิดความ
00:03:00 → 00:03:02 คิดของคนๆหนึ่ง
00:03:02 → 00:03:05 มีแนวความคิดอะไรบางอย่างในเรื่องบาง
00:03:05 → 00:03:06 เรื่อง
00:03:06 → 00:03:09 ซึ่งเขาบอกว่าเพื่อนคนที่มาเล่านึงนะเขา
00:03:09 → 00:03:13 บอกว่าก็ไม่ชอบแนวความคิดนี้เลยเขาเกลียด
00:03:13 → 00:03:17 ในความคิดนี้มากๆที่ผมไม่ได้พูดถึงแนว
00:03:17 → 00:03:18 ความคิดว่ามันคืออะไรเพราะว่าผมอยากจะ
00:03:18 → 00:03:20 ข้ามประเด็นนั้นไปนะ
00:03:20 → 00:03:23 คือเขาบอกว่าเขาไม่ชอบแนวความคิดนี้เลย
00:03:23 → 00:03:26 แล้วเขาเกลียดแนวความคิดนี้มากๆเลยนะฮะ
00:03:26 → 00:03:30 เพื่อที่เขาเล่าเนี่ยแบบถึงข้างเลยแล้ว
00:03:30 → 00:03:33 เราเห็นสังเกตเห็นเลยว่าข้างในเขานี่คือ
00:03:33 → 00:03:36 คุณมัวแล้วหน้าเขาเครียดแล้วร้อนอ่ะเออ
00:03:36 → 00:03:38 แล้วก็ไม่สดใส
00:03:38 → 00:03:41 เพราะอย่างนั้นเสร็จปุ๊บพอเขาเล่าให้
00:03:41 → 00:03:44 เพื่อนก็ฟังจบเนี่ยพอเพื่อนเขาฟังเพื่อน
00:03:44 → 00:03:46 เขาก็บอกว่าเฮ้ย
00:03:46 → 00:03:49 แต่ฉันเห็นด้วยกับความคิดนั้นว่า
00:03:49 → 00:03:53 คือเพื่อน 2 คนคุยกันน่ะคนนึงบอกว่าไม่
00:03:53 → 00:03:56 ชอบแนวความคิดนึงเลยแล้วจนกระทั่งถึงคำ
00:03:56 → 00:03:59 ว่าเกลียดในความคิดนี้เลยแต่พอเล่าให้
00:03:59 → 00:04:00 เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกว่า
00:04:00 → 00:04:03 แต่เพื่อนเนี่ยแต่ฉันเนี่ยชอบแนวความคิด
00:04:03 → 00:04:04 นั้น
00:04:04 → 00:04:07 คนที่มาเล่าก็เลยบอกว่าไงรู้ไหมงั้นฉัน
00:04:07 → 00:04:11 เกลียดแกด้วย
00:04:11 → 00:04:12 คือ
00:04:12 → 00:04:13 [เพลง]
00:04:13 → 00:04:16 ประเด็นนี้มันทำให้ผมเกิดแนวความคิดอะไร
00:04:16 → 00:04:19 บางอย่างซึ่งโหยอยากจะมาแบ่งปันกับคุณผู้
00:04:19 → 00:04:49 ฟังมากเลยครับพี่อ้อย
00:04:49 → 00:05:15 [เพลง]
00:05:15 → 00:05:18 คำถามมันเกิดขึ้นในใจผมว่า
00:05:18 → 00:05:33 แล้วคนคนนี้
00:05:33 → 00:05:38 ข้างในตัวเขาเขาจะรู้สึกยังไงคือสิ่งแรก
00:05:38 → 00:05:40 เลยก็คือ
00:05:40 → 00:05:45 เขาร้อนรุ่มและไม่มีความสุขแน่ๆเพราะว่า
00:05:45 → 00:05:47 อารมณ์เกลียด
00:05:47 → 00:05:51 มันร้อนมันเป็นอารมณ์ร้อนนะคะมันเหมือน
00:05:51 → 00:05:55 แบบมันเผาไหม้อยู่ในใจตัวเขาเองซึ่งจริงๆ
00:05:55 → 00:05:58 คนที่เขาเกลียด
00:05:58 → 00:06:01 ตอนนั้นน่ะเขาอาจจะสบายๆทำอะไรของเขาก็
00:06:01 → 00:06:07 ไม่รู้อยู่ที่บีฟังเพลงไปเที่ยวแต่ตัวตัว
00:06:07 → 00:06:08 คนเกลียดเนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 ไฟมันเผาบอกว่าฉันเกลียดคนนี้เกลียด
00:06:11 → 00:06:15 เรื่องนี้แนวคิดนี้เกลียดๆๆมันก็จะเผา
00:06:15 → 00:06:19 ความรู้สึกตัวเองอยู่ตลอดเวลาไม่มีความ
00:06:19 → 00:06:23 สุขค่ะนี่แหละคือนี่แหละคือสาเหตุที่ผม
00:06:23 → 00:06:25 อยากเอาเรื่องนี้มาพูดคุยแบ่งปันเพราะว่า
00:06:25 → 00:06:29 ผมพบว่าเวลาที่เราพี่อ้อยเคยไม่ชอบอะไร
00:06:29 → 00:06:33 บางอย่างแต่ว่าไม่รู้สึกเกลียดไงเออเคย
00:06:33 → 00:06:35 ไม่ชอบอะไรบางอย่าง
00:06:35 → 00:06:38 เอ่อเคยค่ะคิดว่าเป็นไปได้ไหมในสังคมที่
00:06:38 → 00:06:40 เราอาจจะไม่ชอบอะไรบางอย่างแต่เราก็ไม่
00:06:40 → 00:06:42 เห็นต้องเปลี่ยนเลยยกตัวอย่างเช่นนึกถึง
00:06:42 → 00:06:43 อะไรครับ
00:06:43 → 00:06:44 คือ
00:06:44 → 00:06:49 อย่างเช่นว่าเราไม่ชอบรับประทานอะไรบาง
00:06:49 → 00:06:53 อย่างเราก็ไม่ได้ไปเกลียดมันหรือว่าคนบาง
00:06:53 → 00:07:10 คนในชีวิตอ่ะ
00:07:10 → 00:07:12 ผมว่าประเด็นนี้ประเด็นที่หนึ่งของเรื่อง
00:07:12 → 00:07:15 นี้เนี่ยนะเรื่องฉันเกลียดแกนะผมคิดว่า
00:07:15 → 00:07:19 เราต้องแยกออกเป็นหลายเรื่องมากเลยสิ่ง
00:07:19 → 00:07:22 ที่อยู่ในชีวิตเราเนี่ยผมมองว่าเราไม่
00:07:22 → 00:07:25 จำเป็นต้องเห็นโดยทุกเรื่องไงไม่ต้องแล้ว
00:07:25 → 00:07:28 ก็เป็นแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไปเห็นด้วย
00:07:28 → 00:07:31 ทุกเรื่องหรือไม่เห็นต้องไม่จำเป็นต้อง
00:07:31 → 00:07:34 เห็นท้องต้องการเป็นเอกฉันเรื่องนี้ในทุก
00:07:34 → 00:07:38 คนมันไม่มีไม่มีค่ะแล้วประการต่อมาก็คือ
00:07:38 → 00:07:42 เราก็มีสิทธิ์แล้วก็เป็นไปได้ที่เราจะชอบ
00:07:42 → 00:07:46 อะไรหรือไม่ชอบอะไรพึงพอใจอะไรหรือไม่พึง
00:07:46 → 00:07:49 พอใจอะไรแล้วเมื่อสักครู่นี้เนี่ยพี่อ้อย
00:07:49 → 00:07:53 พูดไปถึงเรื่องของอาหารเนี่ยโอ้โหอาหาร
00:07:53 → 00:07:55 เป็นเรื่องที่ชัดที่สุด
00:07:55 → 00:07:59 เพราะว่าคนบางคนตอนนี้เลยเป็นประเด็นเลย
00:07:59 → 00:08:03 นะครับมีคนบางคนมีข่าวเร็วๆนี้เลย
00:08:03 → 00:08:07 มีที่ต่างประเทศ
00:08:07 → 00:08:10 พนักงานดับเพลิงอ่ะของเมืองนั้นได้รับ
00:08:10 → 00:08:13 แจ้งเขตบางอย่างครูกันมาที่อาคารอาคาร
00:08:13 → 00:08:16 หนึ่งบอกว่ามีแก๊สรั่วครับมากันใหญ่ไล่คน
00:08:16 → 00:08:19 ออกทั้งตึกเลยปรากฏว่าอ๋อไม่ได้มีแก๊ส
00:08:19 → 00:08:23 รั่วครับมีคนคนหนึ่งเขาเป็นคนไทยเขาอยู่
00:08:23 → 00:08:28 ในตึกนั้นแล้วมีเพื่อนเนี่ยส่งทุเรียนไป
00:08:28 → 00:08:30 ให้ทางไปรษณีย์
00:08:30 → 00:08:32 โอ้โห
00:08:32 → 00:08:34 กลิ่นมันออกอ่ะครับ
00:08:34 → 00:08:37 ฝรั่งแตกตื่นเลยแหละฝรั่งแตกตื่นทั้งตื่น
00:08:37 → 00:08:40 เลยครับเพราะว่าเขาบอกว่ากลิ่นมันเหม็น
00:08:40 → 00:08:44 มากแล้วมันเหมือนแก๊สรั่วครับ
00:08:45 → 00:08:48 แต่ว่าอันนี้เป็นกรณีที่น่าสนใจมากเลยที่
00:08:48 → 00:08:52 ผลไม้ชนิดหนึ่งที่เราบอกว่าหอมหวานอร่อย
00:08:52 → 00:08:57 เหลือเกินเนี่ยแต่มีคนบางคนบอกโอ้ยไม่ไหว
00:08:57 → 00:09:01 ถึงกับห้ามเอาเข้าไปในโรงแรม
00:09:01 → 00:09:05 คือทุเรียนเนี่ยมันภาพมันชัดมากเลยค่ะพี่
00:09:05 → 00:09:10 วีคือฝั่งนึงอ่ะ King of the Food แต่
00:09:10 → 00:09:13 อีกฝั่งนึงอ่ะเหม็นจนรับไม่ได้เออค่ะ
00:09:13 → 00:09:18 เพราะฉะนั้นสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้ในใน
00:09:18 → 00:09:21 ชีวิตมนุษย์ในสังคมโลก
00:09:21 → 00:09:24 ค่ะที่อะไรบางอย่างคนบางคนชอบคนบางคน
00:09:24 → 00:09:26 เกลียด
00:09:26 → 00:09:29 คือหรือว่ารับไม่ไหวเลยเนี่ยแต่ว่า
00:09:29 → 00:09:33 พี่อ้อยเคยหรือคุณผู้ฟังลองนึกดูว่าใน
00:09:33 → 00:09:37 ชีวิตเนี่ยตัวเราเองเคยเจอใครไหมที่
00:09:37 → 00:09:38 สมมุติว่าเราชอบกินทุเรียนนะ
00:09:39 → 00:09:41 เราเคยเจอใครไหมที่
00:09:41 → 00:09:45 เขาไม่ชอบกินทุเรียนอย่างนี้ค่ะเยอะแยะ
00:09:45 → 00:09:48 เลยนะ
00:09:48 → 00:09:53 เราก็ไม่เกลียดหรือถ้าเราเป็นคนที่ไม่ชอบ
00:09:53 → 00:09:57 กินทุเรียนเลยได้กลิ่นนี้ไม่ได้เลยนะแต่
00:09:57 → 00:10:01 ว่าเราก็มีเพื่อนที่ชอบกินทุเรียนมากแล้ว
00:10:01 → 00:10:06 เราเกลียดทำไมก็ไม่แสดงว่าอะไรแสดงว่าการ
00:10:06 → 00:10:08 ที่เราชอบอะไรบางอย่างหรือไม่ชอบอะไรบาง
00:10:08 → 00:10:12 อย่างเนี่ยเราแยกมันออกจากความเกลียด
00:10:12 → 00:10:16 แล้วมันจะทำให้ชีวิตเราเนี่ยผมคิดว่าจะ
00:10:16 → 00:10:20 นุ่มเบาสบายแล้วใส่มากอันนี้ประการที่ 1
00:10:20 → 00:10:22 นะแล้วประการต่อมาก็คือว่า
00:10:22 → 00:10:25 การที่มีเพื่อนคนหนึ่งตั้งแต่ผมเล่าให้
00:10:25 → 00:10:29 ฟังเมื่อสักครู่นะบอกว่าฉันไม่ชอบแนวความ
00:10:29 → 00:10:32 คิดนี้เลยแล้วพอเพื่อนบอกว่าเฮ้ย
00:10:32 → 00:10:36 ก็เลยบอกงั้นฉันเกลียดแกด้วย
00:10:36 → 00:10:38 คนที่
00:10:38 → 00:10:42 เกลียดแบบหวาดไปหมดเนี่ย
00:10:42 → 00:10:44 ชีวิตเขา
00:10:44 → 00:10:46 แว๊บแรกที่ผมได้ยินผม
00:10:46 → 00:10:48 ผมสงสารเขาอ่ะ
00:10:48 → 00:10:51 จริงค่ะเหมยก็เขาจมอยู่ในอะไรบางอย่าง
00:10:51 → 00:10:55 แล้วข้อสังเกตอีกอันนึงก็คือพอเพื่อนบอก
00:10:55 → 00:10:59 ว่าฉันเห็นด้วยกับเขาเนี่ยเขาพูดส่วนทัน
00:10:59 → 00:11:02 ทีว่าฉันเกลียดแกด้วยเนี่ยโดยที่ยังไม่
00:11:02 → 00:11:06 ฟังเหตุผลของเพื่อนเลย
00:11:06 → 00:11:08 หรือแม้กระทั่งบางทีเพื่อนอาจจะอธิบายก็
00:11:08 → 00:11:11 ยังไม่ฟังอยู่ดีก็ยังเกลียดอยู่ดีเนี่ยผม
00:11:11 → 00:11:15 คิดว่าอันนี้มันเป็นเรื่องที่น่าจะเรียก
00:11:15 → 00:11:18 ว่าอะไรดีอ่ะสงสารเขาประเด็นเดียวผมไม่
00:11:18 → 00:11:21 ได้ผมถึงไม่แตะเรื่องว่าถูกผิดเลยนะยัง
00:11:21 → 00:11:25 ไม่ต้องพูดถึงถูกผิดแต่ว่าสงสารเขาเพราะ
00:11:25 → 00:11:27 อะไรรู้ไหมเพราะว่าผมเคย
00:11:27 → 00:11:31 สมัยก่อนผมเคยอ่านอ่านข่าวๆนึงครับพี่
00:11:31 → 00:11:33 อ้อยพี่อ้อยน่าจะเคยได้ยินข่าวคราวนี้ที่
00:11:33 → 00:11:34 มี
00:11:34 → 00:11:38 คนๆนึงนะจมอยู่ในความโกรธและความเกลียด
00:11:38 → 00:11:40 ตลอดชีวิต
00:11:40 → 00:11:44 แต่วันหนึ่งเนี่ยเขาพ้นจากความทุกข์อัน
00:11:44 → 00:11:47 เนื่องมาจากความโกรธและเกลียดได้กลายเป็น
00:11:47 → 00:11:50 เขาเบาสบายเลยนะแล้วถ้าคนที่เป็นอย่างนี้
00:11:50 → 00:11:53 เขาโกรธเขาเกลียดอะไรผู้หญิงคนนี้ชื่อ
00:11:53 → 00:11:54 คิมฟุค
00:11:54 → 00:11:57 กินปุ๊บเนี่ยชื่อพี่น้อยอาจจะยังไม่คุ้น
00:11:57 → 00:12:00 นะไม่คุณไม่คุ้นแต่ถ้าบอกว่าในสมัยก่อน
00:12:00 → 00:12:03 มันมีสงครามเวียดนาม
00:12:03 → 00:12:08 อเมริกาก็เอาเครื่องบินมาทิ้งระเบิด
00:12:08 → 00:12:11 ลงไปในหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งเนี่ยเป็น
00:12:11 → 00:12:14 ระเบิดนาปาล์มไม่เผาไม่ทั้งหมู่บ้านเลย
00:12:14 → 00:12:17 ครับแล้วก็มีนักข่าวคนนึงเนี่ยเขาถ่ายภาพ
00:12:17 → 00:12:21 ได้เป็นภาพของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่ง
00:12:21 → 00:12:25 อยู่กลางถนนแล้วไม่มีเสื้อผ้าถูกไฟไหม้ไป
00:12:25 → 00:12:26 หมดแล้ว
00:12:26 → 00:12:29 น้องผู้หญิงคนนั้นชื่อคิม
00:12:29 → 00:12:33 แล้วอันนั้นต้องนานไปแล้วตอนนี้เขาโตเป็น
00:12:33 → 00:12:35 ปู่ย่าคุณยายแล้ว
00:12:35 → 00:12:36 แล้วก็
00:12:36 → 00:12:39 การที่โดนทิ้งระเบิดอย่างนั้นเนี่ยมันทำ
00:12:39 → 00:12:42 ให้เขาโดนไฟลวกทั้งตัวแล้วหลังจากนั้นเขา
00:12:42 → 00:12:44 ก็ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิให้ไป
00:12:44 → 00:12:48 รักษาตัวอะไรเงี้ยนะแล้วก็แต่เขามีแผล
00:12:48 → 00:12:52 เป็นทั้งตัวเลยครั้งเขาก็ลี้ภัยไปอยู่
00:12:52 → 00:12:54 อเมริกาด้วย
00:12:54 → 00:12:57 แล้วเขาก็ชีวิตเขานี่มีความทุกข์จากการ
00:12:57 → 00:13:00 ที่โดนระเบิดแล้วไฟไหม้ทั้งตัวทุกข์ทรมาน
00:13:00 → 00:13:03 มากและยิ่งมีกว่านั้นเนี่ย
00:13:03 → 00:13:05 ไอ้ไฟมันไหม้เขาครั้งเดียวแต่ว่าเขาต้อง
00:13:05 → 00:13:09 ผ่าตัดหลายครั้งแล้วแผลเป็นหายแล้ว
00:13:09 → 00:13:11 แต่ที่ไม่หายเลยข้างใน
00:13:11 → 00:13:16 เพราะว่าเขามีความรู้สึกโกรธแค้นมากที่
00:13:16 → 00:13:20 ทำไมถึงทำกับมนุษย์ขนาดนี้แล้วพี่อ้อยคิด
00:13:20 → 00:13:23 ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นป่ะจริงๆแล้ว
00:13:23 → 00:13:29 ถ้าเป็นเคสนี้พี่อ้อยว่าเขามีสิทธิ์ค่ะ
00:13:29 → 00:13:32 ใช่ไหมแล้วเขาว่าทั้งบ้านทั้งร่างกายทั้ง
00:13:33 → 00:13:38 ชีวิต
00:13:38 → 00:13:47 แล้วก็ความแค้น
00:13:47 → 00:13:50 ทำไมเราไอ้ความรู้สึกนี้มันมันเผาเราอ่ะ
00:13:50 → 00:13:53 ค่ะแล้วถ้าเกิดเขาอยากจะหลุดพ้นจากอันนี้
00:13:53 → 00:13:54 ทำยังไง
00:13:54 → 00:13:59 เขาก็ไปใช้แนวความเชื่อหรือการปฏิบัติทาง
00:13:59 → 00:14:00 ศาสนา
00:14:00 → 00:14:10 เกี่ยวกับเรื่องของการให้อภัยครับ
00:14:10 → 00:14:15 อาจารย์ขอเพิ่มนิดนึงค่ะคือระดับอารมณ์
00:14:15 → 00:14:19 ของมนุษย์ความเกลียดเนี่ยมันอยู่ในระดับ
00:14:19 → 00:14:23 ที่เกือบจะสูงสุดของอารมณ์ทางลบแล้วค่ะ
00:14:23 → 00:14:27 เพราะฉะนั้นการที่จะแบบเขาเรียกปลดอารมณ์
00:14:27 → 00:14:31 ตรงนั้นน่ะกลับคืนมาสู่เฉยๆสมมุติแค่เฉยๆ
00:14:31 → 00:14:34 ไม่ได้ต้องไปชอบไปอะไรอย่างนี้ตรงนี้ก็
00:14:34 → 00:14:36 ยากมากแล้วค่ะ
00:14:36 → 00:14:41 เพราะฉะนั้นเรื่องยากแต่ว่าวันนึงเขาเกิด
00:14:41 → 00:14:43 เอะใจว่าเฮ้ยนี่
00:14:43 → 00:14:46 มันยังทำร้ายเขาอยู่เหรอเนี่ย
00:14:46 → 00:14:49 เขาก็เลยอยากจะพ้นจากความรู้สึกนี้เขาก็
00:14:49 → 00:14:51 ใช้ความเชื่อแล้วก็แนวความคิดทางศาสนา
00:14:51 → 00:14:54 เรื่องเกี่ยวกับการให้อภัย
00:14:54 → 00:14:56 แล้ววันหนึ่งเขาก็ให้อภัยไง
00:14:56 → 00:15:01 และเขาก็โล่งสบายแล้วมีความสุขเลยแล้วไม่
00:15:01 → 00:15:03 อยู่วันนึงครับพี่อ้อย
00:15:03 → 00:15:06 เขาก็ได้รับเชิญให้ไปกราบมาจากคาถา
00:15:06 → 00:15:09 เขาเดินทางไปหลายเมืองเลยนะครับไปกราบ
00:15:09 → 00:15:11 ประทานเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตเขา
00:15:11 → 00:15:11 นี่ๆๆๆ
00:15:12 → 00:15:13 [เพลง]
00:15:13 → 00:15:14 แล้วในระหว่างที่เขามีอยู่ครั้งหนึ่งเขา
00:15:15 → 00:15:16 ก็กล่าวมาจากคาถาแล้วเขาก็เล่าเรื่องนี้
00:15:16 → 00:15:21 ให้ฟังอะไรเงี้ยแล้วก็พอจบการกล่าวหา
00:15:21 → 00:15:26 เนี่ยมีคนเข็นรถเล็กๆมาใส่กระดาษนะเหมือน
00:15:26 → 00:15:28 จะถามคำถามอะไรอย่างเงี้ยแต่ไม่ได้ถามคำ
00:15:28 → 00:15:32 ถามบอกว่าขออนุญาตเจอตัวได้ไหม
00:15:32 → 00:15:33 [เพลง]
00:15:33 → 00:15:36 เป็นเป็นผู้ชายชาวอเมริกันคนนึงขออนุญาต
00:15:36 → 00:15:40 พบส่วนตัวแล้วเขาก็เลยบอกว่ามาพบกัน
00:15:40 → 00:15:43 พอมาเจอกันเนี่ยเขาก็คุยกันว่าผู้ชายคน
00:15:43 → 00:15:48 นั้นก็บอกว่าผมเป็นทหารผ่านศึก
00:15:48 → 00:15:49 แต่ผมเนี่ย
00:15:49 → 00:15:54 เป็นคนจริงระเบิดวันนั้น
00:15:54 → 00:15:56 กลายเป็น
00:15:56 → 00:16:00 ขนลุกอาจารย์มันเป็นเรื่องท้าทายมากเลยนะ
00:16:00 → 00:16:02 ที่วันหนึ่งเนี่ย
00:16:02 → 00:16:04 เขาต้อง
00:16:04 → 00:16:06 แต่วันนั้นเขาให้อภัยแล้วไงแล้วเขาก็มา
00:16:06 → 00:16:07 เจอ
00:16:07 → 00:16:10 [เพลง]
00:16:10 → 00:16:13 แล้วทหารคนนั้นเนี่ยก็มาพูดกับเขาทำนอง
00:16:13 → 00:16:14 ว่า
00:16:14 → 00:16:17 เขาเนี่ยเป็นคนที่ทิ้งระเบิดวันนั้นนะ
00:16:17 → 00:16:20 แต่หลังจากนั้นเนี่ยเขาบอกว่าคิมฟลุ๊คอ่ะ
00:16:20 → 00:16:22 ก็ต้องโดนไฟเผาทั้งตัวเลย
00:16:22 → 00:16:24 แต่เชื่อไหมว่า
00:16:24 → 00:16:26 ตัวเขาซึ่งเป็นคนทิ้งระเบิดเนี่ยก็ไม่ได้
00:16:26 → 00:16:29 รับผลกระทบจากระเบิดนั้นเลยนะ
00:16:29 → 00:16:32 แต่ชีวิตเขาอ่ะข้างในเนี่ยมันถูกเผามากจน
00:16:32 → 00:16:34 ถึงวันนี้ค่ะ
00:16:34 → 00:16:36 เพราะว่ารู้สึกผิดไง
00:16:36 → 00:16:40 แล้วก็รู้สึกผิดจนกระทั่งแบบก็เลยแล้ววัน
00:16:40 → 00:16:43 นี้ได้มาได้มาฟังปุ๊บได้มาเจอปุ๊บก็เลย
00:16:43 → 00:16:44 อยากจะมาเจอตัว
00:16:44 → 00:16:49 แล้วก็อยากจะขอโทษ
00:16:49 → 00:16:51 แล้วหลังจากนั้นวันนั้นเนี่ยคือกินฟลุ๊ค
00:16:51 → 00:16:53 เนี่ยได้ให้อภัยไปเรียบร้อยแล้ววันนั้นก็
00:16:53 → 00:16:54 เลยให้อภัย
00:16:54 → 00:16:58 กลายเป็นว่าคือผมมีความรู้สึกว่าวันนี้พอ
00:16:58 → 00:17:01 พูดถึงเรื่องของความเกลียดของฉันเกลียดแก
00:17:01 → 00:17:04 เนี่ยความเกลียดเนี่ยมันเผาคนเกลียดใช่
00:17:04 → 00:17:08 ค่ะแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราวางอันนี้ได้
00:17:08 → 00:17:10 แล้วเราให้อภัยได้โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึง
00:17:10 → 00:17:14 ว่าเฮ้ยไม่ยุติธรรมนี่แกเป็นคนทำอะไร
00:17:14 → 00:17:16 อย่างนี้นะหรือถ้าเรายังอยู่นั้นเราก็ยัง
00:17:16 → 00:17:18 ติดอยู่ตรงนั้นแหละ
00:17:18 → 00:17:24 แต่พอเราให้อภัยได้เอ้าคนที่มีความสุขคือ
00:17:24 → 00:17:28 กลายเป็นตัวเราใช่ค่ะโหแล้วมันกลายเป็น
00:17:28 → 00:17:32 ว่าแล้วมันมีมันทำให้เกิดอีกคำถามพี่อ้อย
00:17:32 → 00:17:35 พี่อ้อยคิดว่าคนที่ให้อภัยคนอื่นได้ขนาด
00:17:36 → 00:17:38 นี้เนี่ยเป็นคนที่มีความเมตตาหรือเป็นคน
00:17:39 → 00:17:44 เห็นแก่ตัวเมตตาหรือเห็นแก่ตัว
00:17:44 → 00:17:50 จริงๆในมุมของเรื่องให้อภัยหลายคนเข้าใจ
00:17:50 → 00:17:52 ผิดคิดว่า
00:17:52 → 00:17:56 ฉันโดนทำร้ายฉันเป็นเหยื่อ
00:17:56 → 00:18:00 และฉันจะต้องไปให้อภัยกับไอ้คนที่มาทำตรง
00:18:00 → 00:18:04 นี้มันก็ให้อภัยไม่ได้เพราะ
00:18:04 → 00:18:09 ความรู้สึกเกลียดเกลียดชังโกรธมีอยู่คราว
00:18:09 → 00:18:14 นี้เนี่ยถ้ามองอีกมุมหนึ่งมองกลับด้านว่า
00:18:14 → 00:18:17 จริงๆแล้วเนี่ยการให้อภัยเนี่ย
00:18:17 → 00:18:19 มันหมายถึงการปลดปล่อยตัวเองออกจาก
00:18:19 → 00:18:23 พันธนาการที่ไปผูกติดกับคนนั้นน่ะนะคะ
00:18:23 → 00:18:27 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าเราปลดโซ่อันนั้น
00:18:27 → 00:18:31 ออกเราก็มีอิสระในชีวิตเราเราจะไปมีความ
00:18:31 → 00:18:34 สุขเราจะคิดเรื่องอื่นเราไม่ต้องไปสนใจคน
00:18:34 → 00:18:37 นั้นล่ะอย่างนี้ค่ะถามว่าเห็นแก่ตัวหรือ
00:18:37 → 00:18:42 เมตตาเอ่อตรงนี้อาจจะแบบไม่ไม่ไม่คิดว่า
00:18:42 → 00:18:46 จะเป็นเห็นแก่ตัวหรือเมตตาค่ะไม่ๆๆไม่รู้
00:18:46 → 00:18:49 สึกว่าจะเป็นทั้งสองอ่าแต่เพียงแต่ว่ามัน
00:18:49 → 00:18:52 เป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งกระทำเพื่อให้ตัว
00:18:52 → 00:18:57 เองปลดพันธนาการจากคนหรือเรื่องราวหรือ
00:18:57 → 00:19:01 เหตุการณ์ออกมาเพื่อความอิสรภาพในชีวิต
00:19:01 → 00:19:04 ตัวเองค่ะ
00:19:04 → 00:19:07 พี่อ้อยตอบได้แบบยอดเยี่ยมมากเลยเพราะว่า
00:19:07 → 00:19:11 มันพูดยากนะถ้ามองเผินๆเหมือนแบบว่าเรา
00:19:11 → 00:19:14 ต้องมีความเมตตาสูงมากเลยนะแต่ในความเป็น
00:19:14 → 00:19:16 จริงเนี่ยที่ผมนึกถึงคำว่าเห็นแก่ตัว
00:19:16 → 00:19:19 เพราะอะไรรู้ไหมครับเพราะว่าดูเหมือนว่า
00:19:19 → 00:19:22 เราต้องใช้ความเมตตาสูงมากแต่จริงๆแล้ว
00:19:22 → 00:19:25 เราทำสิ่งนี้เนี่ยจริงๆแล้วตัวเราเองใช่
00:19:25 → 00:19:30 เพื่อตัวเราเองจะได้พ้นจากพันธนาการคือ
00:19:30 → 00:19:33 ความโกรธความเกลียดที่หลอกเราไว้
00:19:33 → 00:19:37 แล้วบางคนเนี่ยส่วนใหญ่ที่ผมเห็นเลยนะ
00:19:37 → 00:19:40 ที่โดนล็อคเอาไว้แล้วหลุดไม่ได้เลยนะ
00:19:40 → 00:19:42 เพราะอะไรรู้ไหมครับ
00:19:42 → 00:19:46 โดนล็อคไว้แล้วหลุดไม่ได้เพราะไปยึด
00:19:46 → 00:19:49 เกี่ยวกับเรื่องของความยุติธรรม
00:19:49 → 00:19:52 ฉันเป็นผู้ถูกกระทำ
00:19:52 → 00:19:58 ฉันถูกแกผิดแกก็ต้องรับผลนู่นนี่นั่น
00:19:58 → 00:20:02 คือความยุติธรรมก็เลยกลายเป็นโดนความ
00:20:02 → 00:20:05 ยุติธรรมล็อกขาไว้
00:20:05 → 00:20:10 ทำให้เราไม่มีความสุขอย่างถูกอยู่
00:20:10 → 00:20:14 เพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังลองนึกดูนะครับว่าใน
00:20:14 → 00:20:15 ชีวิตเรานะ
00:20:15 → 00:20:19 เราอาจจะต้องเจอประสบการณ์อะไรหลากหลายนะ
00:20:19 → 00:20:23 แล้วก็ถ้าเราอยู่ในโลกผมไม่อยากใช้คำว่า
00:20:23 → 00:20:25 สังคมหรือทั้งโลกอ่ะมันจะมีประเด็นอย่าง
00:20:25 → 00:20:28 นี้เราไปที่ไหนเราก็จะเจอแบบนี้เนี่ยทุก
00:20:28 → 00:20:33 ที่ทั้งโลกค่ะทั้งโลกถ้าเราไม่ทำความเข้า
00:20:33 → 00:20:35 ใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้นะ
00:20:35 → 00:20:40 เราจะถูกเราจะไปทุกที่ด้วยความรู้สึกคุณ
00:20:40 → 00:20:44 ข้องหมองใจข้างในข้างในแล้วเราก็จะไม่สด
00:20:44 → 00:20:45 ใส
00:20:45 → 00:20:49 แล้วเราก็จะพรานเห็นอะไรก็หงุดหงิดไปหมด
00:20:49 → 00:20:51 ยังไม่ต้องเปลี่ยนเนี่ยเห็นอะไรก็
00:20:51 → 00:20:54 หงุดหงิดไปหมดไม่ได้ดั่งใจไปหมดแล้วก็ใน
00:20:54 → 00:20:57 ที่สุดถ้าฝึกไปเรื่อยๆนะกลายเป็นเกลียดไป
00:20:57 → 00:21:01 หมดแล้วก็ถ้ามีใครสักคนมานั่นฉันก็เกลียด
00:21:01 → 00:21:04 แกด้วย
00:21:04 → 00:21:05 จริงๆ
00:21:05 → 00:21:07 ตอนนี้
00:21:07 → 00:21:08 พี่อ้อยครับผมมีความรู้สึกว่าในระหว่าง
00:21:08 → 00:21:10 ที่เราคุยไปเนี่ย
00:21:10 → 00:21:12 ผมก็เชื่อว่าคุณผู้ฟังเนี่ยพอฟังแล้ว
00:21:12 → 00:21:13 เนี่ย
00:21:13 → 00:21:18 ก็จะมีโอกาสนั่งลงแล้วก็คิดถึงตัวเราเอง
00:21:18 → 00:21:21 เพราะในชีวิตเราเนี่ยเรามีอะไรบ้างไหมที่
00:21:21 → 00:21:24 มันทำให้เราขุ่นมัวอันนี้มาจากความคิด
00:21:24 → 00:21:27 เห็นที่ต่างกันไม่ว่าทางไหน
00:21:27 → 00:21:31 ไม่ว่าเรื่องอาหารการกินเรื่องวิถีชีวิต
00:21:31 → 00:21:33 เรื่อง
00:21:33 → 00:21:36 สารพัดไปทุกเรื่องเรื่องความเชื่อด้วยก็
00:21:36 → 00:21:38 ได้นะอะไรก็ได้
00:21:38 → 00:21:42 ถ้าเราไม่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้
00:21:42 → 00:21:42 เนี่ย
00:21:42 → 00:21:47 เราจะมีชีวิตอยู่ในความขูดมัวแล้วก็ถ้า
00:21:47 → 00:21:50 เราบริหารจัดการเรื่องความ
00:21:50 → 00:21:52 อยู่กับความเห็นต่างหรือความชอบความไม่
00:21:52 → 00:21:56 ชอบแล้วถลำลงไปอย่างที่พี่อ้อยบอกในเมื่อ
00:21:56 → 00:21:59 กี้ที่ผมชอบมากที่บอกว่าความเกลียดเนี่ย
00:21:59 → 00:22:02 ความเกลียดมันเป็นความรู้สึกที่มัน
00:22:02 → 00:22:07 เป็นพลังงานลบที่สูงมากสูงมากแล้วก็ลึก
00:22:07 → 00:22:12 มากลึกมากแก้ยากมากอย่าปล่อยให้ไปถึงจุด
00:22:12 → 00:22:13 ตรงนั้น
00:22:13 → 00:22:17 เนี่ยแล้วที่สำคัญที่สุดครับผม
00:22:17 → 00:22:18 พลังงานนี้
00:22:18 → 00:22:24 มันเผาไหม้เจ้าของบ้าน
00:22:24 → 00:22:28 ไหนอ่ะ
00:22:28 → 00:22:29 เพราะฉะนั้น
00:22:29 → 00:22:34 วิธีการของผมแล้วพี่อ้อยนะก็คือผมจะแยก
00:22:34 → 00:22:39 เรามีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบแต่ยังไม่ต้อง
00:22:39 → 00:22:39 เกลียด
00:22:39 → 00:22:43 แล้วก็อีกตัวอย่างที่ผมนึกถึงอย่างเร็วๆ
00:22:43 → 00:22:47 เลยนะครับคนที่ไม่ชอบอะไรบางอย่างแต่ก็
00:22:47 → 00:22:50 ไม่เกลียดเลยนี่นะก็คือลูกศิษย์ผมที่ผม
00:22:50 → 00:22:52 เจอเยอะๆในเรือนจำ
00:22:52 → 00:22:56 อืมเด็กคนนึงเยาวชนคนนึงทำความผิดถึงขั้น
00:22:56 → 00:22:59 ติดคุกเนี่ยคิดว่าพ่อแม่เขาจะชอบสิ่งนั้น
00:22:59 → 00:23:03 ไหมไม่ชอบแน่นอนไม่ชอบแน่นอนแต่อยากให้
00:23:03 → 00:23:06 เกิดขึ้นเขาไม่เกลียดลูกเขา
00:23:06 → 00:23:08 เพราะอะไรเพราะว่าพ่อแม่เนี่ยลูกผิดขนาด
00:23:08 → 00:23:09 ไหนก็ตาม
00:23:09 → 00:23:12 ก็ยังมีแต่พ่อแม่นี่แหละที่ไปเยี่ยมที่
00:23:12 → 00:23:16 เรือนจำเอาอาหารชอบอะไรก็เอาไปให้กิน
00:23:16 → 00:23:19 เพราะฉะนั้นพ่อแม่ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบ
00:23:19 → 00:23:21 ไม่ชอบสิ่งนั้นอยู่แล้ว
00:23:21 → 00:23:24 แต่เขาก็ไม่เกลียด
00:23:24 → 00:23:27 เรื่องนี้มันทำให้เราเข้าใจอย่างท้อแท้
00:23:27 → 00:23:30 เลยนะครับว่าความไม่ชอบกับความเกลียดเป็น
00:23:30 → 00:23:31 คนละเรื่อง
00:23:31 → 00:23:35 คนละเรื่องค่ะอาจารย์มันเป็นถ้าเรานึกภาพ
00:23:35 → 00:23:39 นะคะว่ามันมีเส้นตรงแนวนอนอยู่เส้นนึงมัน
00:23:39 → 00:23:43 ฝั่งซ้ายเนี่ยมันเป็นเรื่องชอบไม่ชอบนะคะ
00:23:43 → 00:23:47 แล้วมันมีจุดตัดค่ะมีเส้นตัด
00:23:47 → 00:23:50 ข้ามเส้นตัดนั้นไปเป็นเกลียด
00:23:50 → 00:23:54 เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ตัวว่าเราอยู่ในโซน
00:23:54 → 00:23:59 ของซ้ายมือว่าชอบไม่ชอบถ้าเราไม่ชอบไม่
00:23:59 → 00:24:01 ชอบมากๆ
00:24:01 → 00:24:05 มันจะก้าวข้ามไปสู่เกลียดเพราะฉะนั้นถ้า
00:24:05 → 00:24:08 เรารู้ตัวเราต้องหยุดยั้งตัวเองโดยวิธี
00:24:08 → 00:24:13 ที่พี่วีแนะนำก็คือเรื่องแยกแยะค่ะโอ้โห
00:24:13 → 00:24:16 ต้องขอบคุณพี่อ้อยมากเลยครับพี่เอาเส้น
00:24:16 → 00:24:17 ตรงแห่งความ
00:24:18 → 00:24:21 ความชอบแล้วก็ข้ามเขตแดนไปก็กลายเป็นความ
00:24:21 → 00:24:27 เกลียดกุญแจคือรู้ตัวรู้ตัวแยกแยะได้แยก
00:24:27 → 00:24:29 ได้ปุ๊บหลังจากนั้นเราก็จะเริ่มสงบเริ่ม
00:24:29 → 00:24:32 นิ่งแล้วก็เริ่มเย็นลงค่ะคุณผู้ฟังครับ
00:24:32 → 00:24:35 วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงนะครับที่เป็นหัว
00:24:35 → 00:24:39 ข้อไปเรื่อยๆฉันเกลียดแกนะแต่จริงๆแล้ว
00:24:39 → 00:24:42 เราไม่ได้เกลียดคุณผู้ฟังนะครับแล้วเรา
00:24:42 → 00:24:43 ไม่ได้เกลียดกันเองครับแต่ว่าเราเอา
00:24:43 → 00:24:46 เรื่องนี้มาแบ่งปันเพื่อเราจะได้มีชีวิต
00:24:46 → 00:24:50 ที่มีความสุขมากขึ้นและก็มีความทุกข์น้อย
00:24:50 → 00:24:53 ลงนะครับต้องขอขอบคุณคุณผู้ฟังทุกท่าน
00:24:53 → 00:24:56 ครับที่กรุณาติดตาม podcast ศัลยกรรมความ
00:24:56 → 00:24:59 สุขของเรานะครับวันนี้เวลาหมดลงแล้วครับ
00:24:59 → 00:25:02 ผมพี่วีและพี่อ้อยต้องลาไปก่อนนะครับ
00:25:02 → 00:25:06 สวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:25:06 → 00:25:09 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:25:09 → 00:25:15 ของไทย
00:25:15 → 00:25:18 และ YouTube Channel Thai PBS potass
00:25:18 → 00:25:24 Plus
00:25:24 → 00:25:29 [เพลง]