00:00:00 → 00:00:02 หัวใจของเรื่องเนี่ยมันจะนำไปสู่ความเข้า
00:00:02 → 00:00:05 ใจใหม่มันจะนำไปสู่ความเข้าใจบางชุดเพราะ
00:00:05 → 00:00:07 ทำให้เรื่องเล่าเนี่ยค่ะมีศักยภาพของวัน
00:00:07 → 00:00:10 ที่จะทำงานเช่นใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภาย
00:00:10 → 00:00:12 ในตนเองมันมีเรื่องเล่าเพื่อการเรียนรู้
00:00:12 → 00:00:15 ภายในเปลี่ยนผ่านตัวตนภายในการเล่าเรื่อง
00:00:15 → 00:00:17 เนี่ยคือการประติดประต่อชิ้นส่วนที่มัน
00:00:17 → 00:00:19 แตกกระจายไปบนพื้นเนี่ยขึ้นมาใหม่เพื่อ
00:00:19 → 00:00:22 ให้เจ้าของเรื่องเนี่ยสามารถเดินต่อไปได้
00:00:22 → 00:00:28 โดยไม่ไปติดอยู่กับสิ่ง
00:00:28 → 00:00:32 นั้นสวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ
00:00:32 → 00:00:34 podcast ของ T Academy สถาบันการเรียน
00:00:34 → 00:00:37 รู้การสร้างเสริมสุขภาพนะครับผมนายแพทย์
00:00:37 → 00:00:39 นันทวัฒน์สิทธิรักนะอ่าวันนี้เราจะมาคุย
00:00:40 → 00:00:43 กับดรบสุวงศ์วิเศษพลชัยนะครับเป็นประเด็น
00:00:43 → 00:00:45 ที่ใกล้ตัวแต่เป็นประเด็นที่อาจจะสำคัญ
00:00:45 → 00:00:47 มากประเด็นนึงเลยนะครับคือเรื่องเรื่อง
00:00:47 → 00:00:51 เล่าร่างแรงบันดาลใจนะครับถามดรบุสบงหรือ
00:00:51 → 00:00:54 พี่แมวนะผมเรียกขอเรียกซๆว่าพี่แมวเนี่ย
00:00:54 → 00:00:56 เรื่องเล่ามันถ้าถามจริงๆมันคืออะไรครับ
00:00:56 → 00:00:58 เรื่องที่เรามันก็ได้ยินกันอยู่เป็นประจำ
00:00:58 → 00:01:01 แต่ถ้าถามจริงๆเนี่ยมันคืออะไรครับเรื่อง
00:01:01 → 00:01:03 เล่าคือศักยภาพพื้นฐานของความเป็นมนุษย์
00:01:03 → 00:01:06 นะคะคือเอาข้องจริงเนี่ยพวกเราเนี่ยเรา
00:01:06 → 00:01:08 เรียกว่าเป็นโฮโมเซเปียนใช่มั้ยคะ
00:01:08 → 00:01:11 โฮโมเซเปียนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่สืบทอด
00:01:11 → 00:01:14 กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเหตุผลที่
00:01:14 → 00:01:16 โฮโมเซเปียนเนี่ยสามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์
00:01:16 → 00:01:19 มาได้เนี่ยเพราะโฮโมเซเปียนมีศักยภาพใน
00:01:19 → 00:01:21 การเล่าเรื่องโฮโมเซเปียนอย่างพวกเรา
00:01:21 → 00:01:23 เนี่ยมีความสามารถในการจินตนาการถึง
00:01:23 → 00:01:25 เรื่องราวนามธรรมมันจึงทำให้พวกเราเนี่ย
00:01:26 → 00:01:28 สามารถสร้างอารยธรรมได้เช่นถ้าคุณจะสร้าง
00:01:28 → 00:01:30 พีระมิดในเมืองกีซ่าเนี่ยถ้าคุณไม่มี
00:01:30 → 00:01:33 จินตนาการถึงเทพเจ้าของชาวอียิปต์แล้วก็
00:01:33 → 00:01:35 เล่าเรื่องราวของเทพเจ้าเหล่านั้นออกมา
00:01:35 → 00:01:38 ได้เนี่ยคุณไม่สามารถจะรวมผู้คนด้วยกัน
00:01:38 → 00:01:40 เข้ามาเพื่อจะสร้างอารยธรรมแล้วก็สร้าง
00:01:40 → 00:01:43 ปริมิตแห่งนั้นได้เพราะฉะนั้นเรื่องเล่า
00:01:43 → 00:01:45 คืออะไรเรื่องเล่าคือศักยภาพพื้นฐานที่
00:01:45 → 00:01:48 สุดของการเป็นมนุษย์ของพวกเราค่ะเรื่อง
00:01:48 → 00:01:50 เล่าเนี่ยมันก็คู่กับความเป็นมนุษย์ถ้า
00:01:50 → 00:01:52 พี่แมวว่าอย่างงั้นนะครับนะมันมีเรามี
00:01:53 → 00:01:55 เรื่องเล่าหลายประเภทมยครับถ้ามีประเภท
00:01:55 → 00:01:57 ของเรื่องเล่าเนี่ยมันมีแบบไหนบ้างอะไร
00:01:57 → 00:01:59 บ้างอะไรคือเรื่องเล่าอะไรคือไม่ใช่
00:01:59 → 00:02:02 เรื่องเล่าถ้าขอถามลงละเอียดนิดนึงครับ
00:02:02 → 00:02:04 อ่าถ้าคำถามเนี้ยนะคะเราก็อาจจะต้องบอก
00:02:04 → 00:02:06 ว่าเรื่องเล่ามันทำหน้าที่อะไรบ้างใน
00:02:06 → 00:02:09 สังคมมนุษย์เช่นเรื่องเล่าทำหน้าที่จัด
00:02:09 → 00:02:11 การความรู้นะคะในทุกจารีตแล้วก็ทุก
00:02:11 → 00:02:14 วัฒนธรรมเลยทุกศาสนาประกอบไปด้วยเรื่อง
00:02:14 → 00:02:17 เล่าอ่านิทานชาดกอันนี้เป็นเรื่องเล่า
00:02:17 → 00:02:19 มั้ยคะเวลาที่เราจะเทศน์สอนพุทธศาสนาใช้
00:02:19 → 00:02:22 เรื่องเล่าขณะเดียวกันศาสนาคริสต์ก็เต็ม
00:02:22 → 00:02:24 ไปด้วยเรื่องเล่าใช่มั้ยคะว่าอ่าบัญญัติ
00:02:24 → 00:02:27 10 ประการได้มายังไงอ่าทะเลมันแหวกยังไง
00:02:27 → 00:02:30 ศาสนาฮินดูแน่นอนเต็มไปด้วยเรื่องเล่า
00:02:30 → 00:02:33 หรือแม้กระทั่งการจัดการความรู้ในระดับ
00:02:33 → 00:02:36 ของชุมชนเ่อในชนบทในนิทานพื้นบ้านทั้ง
00:02:36 → 00:02:39 หลายผาแดงนางไอ่เป็นนิทานพื้นบ้านใช่มั้
00:02:39 → 00:02:42 คะเอื้อยอ้ายอ่าแม่นาคพระโขนงทั้งหมด
00:02:42 → 00:02:44 เนี่ยเป็นเรื่องเล่าเพราะฉะนั้นสังคม
00:02:44 → 00:02:46 มนุษย์อ่ะค่ะเราจัดการความรู้ด้วยเรื่อง
00:02:46 → 00:02:49 เล่าเราส่งต่อความรู้ต่างๆด้วยเรื่องเล่า
00:02:49 → 00:02:51 เช่นไซอิ๋วไซอิ๋วเนี่ยมันเป็นเรื่องเล่า
00:02:51 → 00:02:54 เนาะแต่จริงๆไซอิ๋วแต่ละตอนเ่ะมันบอกให้
00:02:54 → 00:02:57 เรารู้ว่าชีวิตที่ดีควรจะเป็นยังไงแล้วทำ
00:02:57 → 00:02:59 อย่างไรจึงจะเป็นชีวิตที่มันอาจจะมีปัญหา
00:02:59 → 00:03:04 ได้ได้หรือแม้กระทั่งอ่านิทาน
00:03:04 → 00:03:09 อิสกานดาร์
00:03:09 → 00:03:13 เรื่องเด็กเลี้ยงแกะเด็กทุกคนในโลกนี้ออ
00:03:13 → 00:03:16 เฮ้ยโกหกไม่ดีว่ะเพราะฉะนั้นเรื่องเล่าทำ
00:03:16 → 00:03:18 หน้าที่จัดการความรู้ขณะเดียวกันในสาย
00:03:18 → 00:03:21 วิทยาศาสตร์เรื่องเล่าของจหสโนวที่เขาทำ
00:03:21 → 00:03:24 เรื่องอ่าระบาดวิทยานะคะอ่าแล้วอน่าจะจำ
00:03:24 → 00:03:27 ได้ว่าจสโนเนี่ยเป็นคุณหมอชาวอังกฤษที่
00:03:27 → 00:03:30 เขาเป็นคนแรกเป็นบิดาของระบาดวิยาเขาได้
00:03:30 → 00:03:32 ทำแผนที่ที่ว่าการระบาดมันระบาดไงแต่
00:03:32 → 00:03:35 เรื่องเล่าของจอหสโนก็คือว่าจหสโนรู้
00:03:35 → 00:03:37 เรื่องของระบาดวิทยะรู้เรื่องของการระบาด
00:03:37 → 00:03:40 ของอหิวาตะโลกในอังกฤษในตอนนั้นน่ะโดยการ
00:03:40 → 00:03:42 นั่งฟังอยู่ที่นั่งที่บ้านตัวเองแล้วก็
00:03:42 → 00:03:45 ตรวจคนไข้แล้วพอซักไปซักมาเฮ้ยคนไข้คนนี้
00:03:45 → 00:03:47 ก็มาจากการกินน้ำบ่อบ่อน้ำอันนี้เป็นบ่อ
00:03:47 → 00:03:50 น้ำโยกใช่มั้ยคะในอดีตแล้วก็คนนี้ก็กิน
00:03:50 → 00:03:52 น้ำจากบ่อน้ำโยกอันนี้เหมือนกันเอ้าถ้า
00:03:52 → 00:03:54 อย่างงั้นแปลว่าไอ้บ่อน้ำโยกอเนี้ยมันคง
00:03:54 → 00:03:57 จะมีปัญหาอะไรสิแล้วจอหสโนก็รวบรวมกันนึก
00:03:57 → 00:03:59 ขึ้นมาได้เอ้ยแผนที่ถ้างั้นบ่อน้ำนี่คือ
00:03:59 → 00:04:02 ต้นเหตุของอหิวาตกโลกที่ระบาดในอังกฤษ
00:04:02 → 00:04:04 ครั้งนี้จอหสโนก็เลยวิ่งไปจากคลินิกแล้ว
00:04:04 → 00:04:06 ก็ไปหักไอ้ตัวคครโยกอันนี้คือในเรื่อง
00:04:06 → 00:04:10 เล่าเนหักตัวคันโยกของบ่อน้ำโยกนั้นแล้ว
00:04:10 → 00:04:12 ก็ยุติการใช้บ่อน้ำโยกบ่อน้ำสาธารณะบ่อ
00:04:13 → 00:04:16 นั้นในอังกฤษทำให้อหิวาตกโลกหยุดยุติการ
00:04:16 → 00:04:18 ระบาดในอังกฤษทันทีทั้งหมดเนี่ยถ้าเรา
00:04:18 → 00:04:22 เล่าแบบแบนๆแห้งๆว่าระบาดิยาเกิดขึ้นจาก
00:04:22 → 00:04:24 อะไรเงี้ยคนอาจจะจำไม่ได้แต่พอเล่าผ่าน
00:04:24 → 00:04:27 เรื่องเล่าของจอหสโนเนี่ยคนจำได้อีก
00:04:27 → 00:04:30 เรื่องนึงที่อ่าชัดเจนของการจัดการความ
00:04:30 → 00:04:33 รู้ในจายวิทยาศาสตร์ก็คือเรื่องของอิิเรา
00:04:33 → 00:04:35 ทุกคนรู้จักเรื่องยูเรก้าเรารู้จักเรื่อง
00:04:35 → 00:04:39 อิิใช่มั้ยคะอ่าอิิเนี่ยเาพูดเรื่องการ
00:04:39 → 00:04:41 ปริมาตรใช่มคะระหว่างน้ำหนักกับปริมาตร
00:04:41 → 00:04:43 คือถ้าสอนคณิตศาสตร์ด้วยน้ำหนักกับ
00:04:43 → 00:04:45 ปริมาตรเนี่ยมันแบนมากแล้วเด็กอาจจะจำไม่
00:04:45 → 00:04:47 ได้แต่ทุกคนจำเรื่องเล่าของอาร์คิมีดิส
00:04:47 → 00:04:50 ได้ว่าอาร์คิมีดิสอ่านึกไม่ออกว่าพระราชา
00:04:50 → 00:04:52 บอกว่าให้ไปดูซิว่าไอ้ทองที่เอามาทำมงกุฎ
00:04:52 → 00:04:55 1 กลเนี่ยตกลงว่ามันเป็นทองทั้งหมดมย
00:04:55 → 00:04:57 เพราะว่าช่างน้ำหนักแล้วมันก็ 1 กลเท่า
00:04:57 → 00:05:00 กันอิมิคิดหาวิธีการมาออกจนกระทั่งวันนึง
00:05:00 → 00:05:03 ไปอาบน้ำแล้วก็ลงไปในอ่างน้ำที่มีน้ำเต็ม
00:05:03 → 00:05:07 เปี่ยมแล้วพอลงไปน้ำมันก็ล้นออกมาอิิก็
00:05:07 → 00:05:09 เลยรู้แล้วว่าเ้ยถ้าอย่างงั้นมันต้องใช้
00:05:09 → 00:05:12 การแทนที่น้ำไงแกก็ลุกขึ้นมาแล้วก็ร้อง
00:05:12 → 00:05:14 ว่ายูเรก้าซึ่งกลายมาเป็นชื่อกระบอกแก้ว
00:05:14 → 00:05:16 อันนึงในห้องทดลองวิทยาศาสตร์อันนี้ก็
00:05:16 → 00:05:18 เป็นเรื่องเล่านะคะแล้วมันก็เป็นการจัด
00:05:18 → 00:05:20 การความรู้ที่ทำให้เด็กที่เรียน
00:05:20 → 00:05:22 วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์จำเรื่องราวเรื่อง
00:05:22 → 00:05:24 นี้ได้ค่ะอันนี้คือตัวอย่างของการใช้
00:05:24 → 00:05:25 เรื่องเล่าว่ามันไม่ได้เรื่องไกลตัวนะคะ
00:05:25 → 00:05:28 มันอยู่ราายล้อมรอบตัวเราตั้งแต่ศาสนา
00:05:28 → 00:05:30 นิทานพื้นบ้าน
00:05:30 → 00:05:32 เรื่องผีทั้งหลายก็ใช้เรื่องเล่าแล้วก็วิ
00:05:32 → 00:05:35 วิทยาศาสตร์เองก็ใช้เรื่องเล่าขอบคุณครับ
00:05:35 → 00:05:39 รอบๆด้านเลยเนาะคราวนี้พี่แมวก็บอกว่า
00:05:39 → 00:05:40 เรื่องเล่าเี่เป็นสิ่งที่คู่กับความเป็น
00:05:40 → 00:05:43 มนุษย์เป็นโฮโมเซเปียนเนาะแล้วก็ทำให้
00:05:43 → 00:05:46 เกิดการนะมีจินตนาการร่วมกันทำอะไรร่วม
00:05:47 → 00:05:49 กันอะไรเงี้ยเมื่อกี้หัวข้อเราคือพลัง
00:05:49 → 00:05:52 เรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจเรื่องเล่า
00:05:52 → 00:05:54 เกี่ยวกับแรงบันดาลใจครับพี่แมวอ่าอันนึง
00:05:54 → 00:05:57 ที่เมื่อกี้เยังไม่ได้ยกตัวอย่างก็คือว่า
00:05:57 → 00:05:59 แล้วในระบบบริการสุขภาพทั้งหลายเเราใช้
00:05:59 → 00:06:01 เร่องเรื่องเล่าทำงานอะไรบ้างมันมีสิ่ง
00:06:01 → 00:06:04 ที่เรียกว่า narrative Medicine อ่าเวลา
00:06:04 → 00:06:08 ที่คนทำงานอันนี้หมายรวมถึงคนทำงานในอ่า
00:06:08 → 00:06:10 วิธีการทำงานในแบบอื่นๆวิชาชีพอื่นๆด้วย
00:06:10 → 00:06:13 นะคะชีวิตมนุษย์น่ะที่เราทำงานไปในแต่ละ
00:06:13 → 00:06:15 วันในทุกเมื่อเชื่อวันของการทำงานนะเราก็
00:06:15 → 00:06:18 จะหมุนไปข้างหน้าเนาะพุชพุพุตัวเองไปข้าง
00:06:18 → 00:06:21 หน้าเราไม่ค่อยมีเวลาที่จะนั่งลงแล้วก็
00:06:21 → 00:06:24 ใคร่ครวญถึงงานที่เราทำถึงคุณค่างานที่
00:06:24 → 00:06:26 เราทำแต่การใช้เรื่องเล่าเนี่ยค่ะถ้าการ
00:06:26 → 00:06:29 ที่เรานั่งลงแล้วค่อยๆเขียนเรื่องเล่าึง
00:06:29 → 00:06:33 งานที่เราทำเ่าเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยสัก
00:06:33 → 00:06:36 แห่งนึงได้เดไปดูแลคุณยายท่านนึงอย่างต่อ
00:06:36 → 00:06:39 เนื่องตลอดมา 10 ปีเวลาที่เขาจะคียข้อมูล
00:06:39 → 00:06:41 เป็นตัวเลขเพื่อจะนับเป็นตัวชี้วัดส่ง
00:06:41 → 00:06:43 กระทรวงสาสุขเนี่ยเขาสามารถนับเพียง
00:06:43 → 00:06:46 เหนื่อย 1 1 เท่านั้นเพราะคือคนไข้ 1 คน
00:06:46 → 00:06:49 แต่ถ้าน้องเจ้าหน้าที่สานีอมัยคนเนี้ย
00:06:49 → 00:06:52 นั่งลงแล้วเขียนว่าคุณยายตอนตื่นเช้ามา
00:06:52 → 00:06:54 คุณยายทำไมคุณยายมานั่งรอหน้าบ้านว่า
00:06:54 → 00:06:57 เมื่อไหร่คุณหมอจะมาเยี่ยมยายน้อแล้วคุณ
00:06:57 → 00:07:00 หมอมาถึงบ้านมาเยี่ยมยายยายก็นั่งคุยเอา
00:07:00 → 00:07:02 ขนมดำเนมาฝากทั้งๆที่ยายไม่ค่อยจะมีอะไร
00:07:02 → 00:07:06 แต่ยายคิดว่าคุณหมอจะเป็นลูกคนนึงเอาขนม
00:07:06 → 00:07:08 มาฝากคุณหมอก็กินกับขนมกับคุณยายแล้วก็
00:07:08 → 00:07:11 คุยพูดคุยแล้วก็กลับไปทุกวันจะต้องเทียว
00:07:11 → 00:07:13 มาเยี่ยมคุณยายเงี้ยไอ้ความเป็นมนุษย์คุณ
00:07:13 → 00:07:16 ค่างานที่มันได้ดูแลกันแล้วกันในฐานะ
00:07:16 → 00:07:19 มนุษย์นะคะมันไม่สามารถจะลดทอนเป็นตัวเลข
00:07:19 → 00:07:22 1 ได้เพราะว่าในนั้นเต็มไปด้วยความเป็น
00:07:22 → 00:07:24 มนุษย์ต่างๆเต็มไปหมดเพราะฉะนั้นเรื่อง
00:07:24 → 00:07:27 เล่าแบบเนี้ยค่ะมันจึงเยียวยาจิตใจผู้คน
00:07:27 → 00:07:30 มันจึงเป็นสะพานเชื่อมของแรงบันดาลใจมัน
00:07:30 → 00:07:34 ทำให้เรามองเห็นคุณค่าของงานที่เราทำ
00:07:34 → 00:07:36 อย่างชัดเจนแล้วเอาข้อจริงๆเนี่ยมันคือ
00:07:36 → 00:07:40 คุณค่าของงานที่ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลง
00:07:40 → 00:07:43 อะไรใหญ่โตในโลกคแต่มันเป็นสิ่งเล็กๆน้อย
00:07:43 → 00:07:45 ๆที่เราปฏิบัติกันในชีวิตประจำวันเพราะ
00:07:45 → 00:07:48 ว่าเวลาเราจะเปลี่ยนโลกเค่ะเวลาที่เราจะ
00:07:48 → 00:07:51 เห็นคุณค่าของงานใหญ่ๆทั้งหลายในโลกเนี้ย
00:07:51 → 00:07:54 มันต่างก็ประกอบด้วยคุณค่าของงานเล็กๆ
00:07:54 → 00:07:56 ทั้งหลายแหล่ที่ทำในชีวิตประจำวันที่มัน
00:07:57 → 00:07:59 มาเชื่อมโยงกันมันกลายเป็นการเปลี่ยนแปลง
00:07:59 → 00:08:02 ยิ่งใหญ่ขึ้นมาเพราะฉะนั้นอ่าเรื่องเล่า
00:08:02 → 00:08:04 สร้างแรงบันดาลใจเนี่ยคือการมองเห็นคุณ
00:08:04 → 00:08:07 ค่าของสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตในทุกเมื่อ
00:08:08 → 00:08:10 เชื่อวันที่เราทำงานไปนี่แหละค่ะแต่ว่า
00:08:10 → 00:08:13 มันปรากฏขึ้นมาในเวลาที่เราเขียนเรื่อง
00:08:13 → 00:08:16 เล่าแล้วมันทำให้เรามีเวลาช้าลงที่จะมอง
00:08:16 → 00:08:19 เห็นคุณค่างานเหล่านี้ก็จริงของพี่แมวนะ
00:08:19 → 00:08:21 ครับเวลาโรงพยาบาลเรานับว่ามาตรวจกี่ราย
00:08:21 → 00:08:24 นะวันนึงกี่รายเนะเป็นครั้งในแต่ละวัน
00:08:24 → 00:08:27 อะไรอย่างเงี้ยมาจำนวนครั้งนะแต่นี้มันก็
00:08:27 → 00:08:30 ลดทอนพูดง่ายๆนะแต่ว่าพี่แมวเรื่องเล่า
00:08:30 → 00:08:32 เนี่ยเป็นเรื่องใกล้ตัวนะอยู่กับมนุษย์มา
00:08:32 → 00:08:35 เนินานแล้วก็มีพลังทำให้เกิดการจินตนาการ
00:08:35 → 00:08:38 ร่วมเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ทำให้เกิด
00:08:38 → 00:08:41 แรงบันดาลใจนะคราวนี้หมอกลับมาถามนิดนึง
00:08:41 → 00:08:44 พี่แมวว่าคำว่าเรื่องเล่าเนี่ยถ้าพูดเให้
00:08:44 → 00:08:46 เป็นรูปธรรมเนี่ยมันมีส่วนประกอบมีองค์
00:08:46 → 00:08:49 ประกอบมีอะไรอะไรถึงเรียกว่าเรื่องเล่า
00:08:49 → 00:08:51 มันต้องประกอบด้วยอะไรบ้างครับพี่แมวก็
00:08:51 → 00:08:53 อย่างน้อยที่สุดอ่ะค่ะเวลาเราพูดถึง
00:08:53 → 00:08:55 เรื่องเล่าเนี่ยเพราะว่าเราก็เล่าเรื่อง
00:08:55 → 00:08:57 กันทุกเมื่อเชื่อวันใช่มั้ยพูดไม่รู้
00:08:57 → 00:08:59 เรื่องเล่าให้มันเป็นเรื่องอะไรแบบเยมัน
00:08:59 → 00:09:01 ก็จะวนอย่างเงี้แต่ว่าเรื่องเล่าในที่
00:09:01 → 00:09:02 เนี้ยที่เราคุยกันเนี่ยมันจะเป็นลักษณะ
00:09:02 → 00:09:05 เรื่องสั้นก็คือมีความยาวสักอย่างน้อย 2-3
00:09:05 → 00:09:08 หน้าค่ะในอดีตเนี่ยเวลาที่เราอ่าสอนการ
00:09:08 → 00:09:10 เขียนเรื่องเล่าเนี่ยอย่างน้อยตั้ง 8
00:09:10 → 00:09:12 หน้าแต่ปัจจุบันเนี้ยประมาณ 3 หน้าก็อยู่
00:09:12 → 00:09:14 แล้วในนั้นจะต้องประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
00:09:14 → 00:09:16 สิ่งสำคัญที่สุดของทุกเรื่องเรื่องเล่า
00:09:16 → 00:09:19 ทุกเรื่องคือหัวใจของเรื่องหัวใจของ
00:09:19 → 00:09:22 เรื่องแปลว่าเรื่องเนี้ยเราอยากจะเล่า
00:09:22 → 00:09:25 อะไรเรื่องเล่าเรื่องนี้ถ้าเติมคำในช่อง
00:09:25 → 00:09:27 ว่างก็คือเรื่องเล่าเรื่องเนี้ยต้องการจะ
00:09:27 → 00:09:30 บอกว่าเพราะว่าเรื่องเล่าทุกเรื่องมันจะ
00:09:30 → 00:09:32 มีหัวใจของเรื่องอยู่ในนั้นเป็นคีย
00:09:32 → 00:09:34 Message ที่เราจะส่งให้คนที่ฟังเรื่อง
00:09:34 → 00:09:37 ของเราอ่านเรื่องของเราเนี่ยได้หัวใจก้อน
00:09:37 → 00:09:40 เนี้ยไปด้วยอันที่ 2 ก็คือโครงเรื่อง
00:09:40 → 00:09:41 เพราะว่าไม่งั้นน่ะมันจะไม่ใช่เรื่องเล่า
00:09:41 → 00:09:44 มันจะเป็นการบรรยายยาวไปเลยมันต้องมีเปิด
00:09:44 → 00:09:47 เรื่องกลางเรื่องแล้วก็ตอนจบจะจบยังไงอัน
00:09:47 → 00:09:49 ที่ 3 ก็ต้องมีตัวละครเพราะว่าเรื่องเล่า
00:09:49 → 00:09:52 มันคือสิ่งมีชีวิตเนาะคนมันได้มาทำบาง
00:09:52 → 00:09:55 อย่างอยู่ในนั้นงั้นต้องมีตัวละครอันที่ 4
00:09:55 → 00:09:58 ก็เป็นฉากฉากคือพื้นที่ที่ให้ตัวละครทั้ง
00:09:58 → 00:10:01 หลายมาแสดงกันนอกจากนี้ในเรื่องเล่าค่ะ
00:10:01 → 00:10:04 มันก็จะมีเทคนิคมีวิธีการใช้ภาษามี
00:10:04 → 00:10:07 วรรณศิลมีการเขียนโดยไม่บรรยายออกมาจนบท
00:10:07 → 00:10:10 จดเบ็ดเสร็จเหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า
00:10:10 → 00:10:12 เวลาหน้าที่ของเรื่องเล่าอ่ะค่ะถ้าจะทำ
00:10:12 → 00:10:15 หน้าที่แบบเนี้ยมันทำหน้าที่ให้คนรู้สึก
00:10:15 → 00:10:18 ไม่ได้ทำหน้าที่ให้คนรู้บทความวิชาการ
00:10:18 → 00:10:21 เนี่ยทำหน้าที่ให้คนรู้รู้ว่าเนี่ยอ่าอัน
00:10:21 → 00:10:24 นี้ข้อค้นพบอันนี้ประกอบไปด้วยอ่าซิกไม่
00:10:24 → 00:10:26 ซิกแต่ว่าเรื่องเล่าหน้าที่ของเรื่องเล่า
00:10:26 → 00:10:29 เนี่ยคือทำหน้าที่ให้คนรู้สึกเพราะว่า
00:10:29 → 00:10:31 ความรู้สึกการรู้สึกนี่แหละที่จะทำให้คน
00:10:31 → 00:10:34 ลุกมาเปลี่ยนโลกรู้อย่างเดียวไม่ได้ทำให้
00:10:34 → 00:10:36 ใครลุกมาเปลี่ยนแปลงโลกนี้แต่เมื่อไหร่
00:10:36 → 00:10:39 ที่คุณรู้สึกว่าเราจะไม่ทนให้เรื่องเมัน
00:10:39 → 00:10:41 เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเราอีกต่อไปเราจะลุก
00:10:41 → 00:10:43 ขึ้นมาเปลี่ยนแปลงมันเรารู้สึกเช่นนั้น
00:10:43 → 00:10:46 ได้เมื่อนั้นเรื่องเล่าจะทำหน้าที่อัน
00:10:46 → 00:10:48 สำคัญก็คือเรื่องเล่าจะเปลี่ยนโลกมากไป
00:10:48 → 00:10:50 กว่านั้นคือเรื่องเล่าเปลี่ยนโลกภายในของ
00:10:50 → 00:10:53 เราด้วยเพราะว่าคนเขียนนะค่ะถ้าเขียนไปเ
00:10:53 → 00:10:55 มันจะค่อยๆปติดประต่อชีวิตที่ผ่านมาของ
00:10:55 → 00:10:58 เราบอกเราว่าชีวิตที่ดีมันควรจะเป็นยังไง
00:10:58 → 00:11:01 อะไรคือคุณของชีวิตในทุกเมื่อเชื่อวันที่
00:11:01 → 00:11:04 กำลังผ่านไปของเราก็พี่แมวก็บอกว่าเรื่อง
00:11:04 → 00:11:08 เล่าก็มีหัวใจของมันใจความนะใจความจุดจุ
00:11:08 → 00:11:11 จุดหลักจุดใหญ่ของมันมีผู้คนมีเรื่องราว
00:11:11 → 00:11:14 เนาะมีฉากหลังอยู่ตรงนั้นนะครับแล้วก็มา
00:11:14 → 00:11:18 ประกอบเป็นเรื่องเล่าเจริงๆหมอเองก็คุ้น
00:11:18 → 00:11:21 กับการเขียนบทความทางวิชาการที่พี่แมวพูด
00:11:21 → 00:11:23 แล้วก็มันจะมีแพทเทิร์นมันก็เป็นการเล่า
00:11:23 → 00:11:26 เรื่องแบบนึงโดยอาศัยหลักการมีโครงสร้าง
00:11:26 → 00:11:28 อะไรบางอย่างแต่เรื่องเล่าหลักๆเนี่ยถ้า
00:11:28 → 00:11:31 พี่แมวสรุปอีกทีโครงสร้างของมันคืออะไร
00:11:31 → 00:11:33 ครับอ่าอย่างที่บอกไปอค่ะว่าเรื่องเล่า
00:11:33 → 00:11:35 เนี่ยมันต้องมีหัวใจจริงๆก็คือหัวใจของ
00:11:35 → 00:11:37 เรื่องคือเอาข้อจริงๆนะคะเหมือนกับงาน
00:11:37 → 00:11:39 วิจัยอ่ะค่ะมันก็มีสิ่งที่เรียกว่า Main
00:11:39 → 00:11:42 agreement งั้นหัวใจของเรื่องเนี่ยมันจะ
00:11:42 → 00:11:44 นำไปสู่ความเข้าใจใหม่มันจะนำไปสู่ความ
00:11:44 → 00:11:47 เข้าใจบางชุดเพราะทำให้เรื่องเล่าเนี่ย
00:11:47 → 00:11:49 ค่ะมีศักยภาพของมันที่จะทำงานเช่นใช้
00:11:49 → 00:11:52 เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายในตนเองมันมี
00:11:52 → 00:11:54 เรื่องเล่าเพื่อการเรียนรู้ภายในเปลี่ยน
00:11:54 → 00:11:58 ผ่านตัวตนภายในเวลาที่เราเผชิญกับอ่า
00:11:58 → 00:12:01 ปัญหาหนักหนักทรอม่าความแตกสลมากๆนะค่ะ
00:12:01 → 00:12:04 มันเหมือนกับชีวิตเมันแตกกระจายไปบนพื้น
00:12:04 → 00:12:06 การเล่าเรื่องเนี่ยคือการประติดประต่อ
00:12:06 → 00:12:08 ชิ้นส่วนที่มันแตกกระจายไปบนพื้นเนี่ย
00:12:08 → 00:12:10 ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เจ้าของเรื่องเนี่ย
00:12:10 → 00:12:13 สามารถเดินต่อไปได้โดยไม่ไปติดอยู่กับ
00:12:13 → 00:12:15 สิ่งนั้นอันที่ 2 เเรื่องเล่าใช้เพื่อ
00:12:15 → 00:12:17 พัฒนาองค์กรได้การจัดการความรู้ด้วย
00:12:17 → 00:12:19 เรื่องเล่าเป็นสิ่งที่องค์กรทั้งหลายควร
00:12:19 → 00:12:22 จะทำเพราะว่าความรู้ที่แฝงฝังอยู่ในตัว
00:12:22 → 00:12:24 บุคลากรในองค์กรเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เรียก
00:12:24 → 00:12:27 ว่าทิ knowledge ทิ knowledge เนี่ยเจ้า
00:12:27 → 00:12:29 ของอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีหรือรู้ว่า
00:12:29 → 00:12:32 มีแต่ไม่สามารถจะเขียนมันมาเป็นตัว
00:12:32 → 00:12:35 หนังสือเป็น text เป็น Content ได้นั้น
00:12:35 → 00:12:38 การให้เขาเล่าออกมาเนี่ยค่ะมันคือการที่
00:12:38 → 00:12:40 เาค่อยๆเล่าประสบการณ์ข้างในตัวเองแล้วมี
00:12:40 → 00:12:43 คนที่คอยจับความรู้ก้อนเนี้ยมาเป็นอ่า
00:12:43 → 00:12:45 knowledge management เป็นการจัดการ
00:12:45 → 00:12:47 ความรู้ได้อันที่ 3 เนี่ยนอกจากพัฒนาองค์
00:12:47 → 00:12:50 กรจัดการความรู้ๆนะเรื่องเล่าเนี่ยสามารถ
00:12:50 → 00:12:52 สร้างความรู้ได้ในฐานะงานวิจัยหรือที่
00:12:52 → 00:12:54 เรียกเราเราว่า narrative Research ถ้า
00:12:54 → 00:12:57 ในวงการแพทย์เนี่ยมันมีสิ่งที่เรียกว่า
00:12:57 → 00:12:59 evidence Bas narrative นะคะคือมัน
00:12:59 → 00:13:01 สามารถใช้เรื่องเล่าเนี่ยเป็น evidence
00:13:01 → 00:13:03 Base เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ได้แต่ว่า
00:13:03 → 00:13:06 ทั้งหมดที่พูดมาเนี่ยมันก็จะมีวิธีการมี
00:13:06 → 00:13:10 หลักการที่จะทำแล้วก็กลายเป็นอ่าถ้าเราจะ
00:13:10 → 00:13:12 ทำให้มันเป็นวิชาการไปเลยเนี่ยมันก็จะ
00:13:12 → 00:13:14 สามารถนำไปสู่องค์ความรู้ที่เชื่อถือได้
00:13:14 → 00:13:16 เช่นเดียวกันจริงๆพี่แมวก็ไปแตะเรื่อง
00:13:16 → 00:13:19 ประโยชน์ของเรื่องเล่าหลายๆอย่างนะครับนะ
00:13:19 → 00:13:22 องค์กรจัดการความรู้ทำให้เกิดพลังทำให้
00:13:22 → 00:13:24 เกิดอะไรแล้วก็พี่แมวเน้นว่าเรื่องเล่า
00:13:24 → 00:13:27 เนี่ยทำให้เกิดความรู้สึกด้วยแลความรู้
00:13:27 → 00:13:30 สึกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนะข้อมูลเนี่ย
00:13:30 → 00:13:33 ไอ้ถ้าเรื่องบางอย่างเนี่ยมันก็ให้แต่ข้อ
00:13:33 → 00:13:35 มูลมันก็อาจจะให้แต่ตัวเลขมันก็ให้ความ
00:13:35 → 00:13:38 รู้ไม่ใช่ความรู้สึกนะคราวนี้เนี่ยถ้าหมอ
00:13:38 → 00:13:41 ถามในวงกว้างขึ้นนะครับว่าเรื่องเล่า
00:13:41 → 00:13:44 เนี่ยเอาไป Apply ใช้ประโยชน์อะไรได้อีก
00:13:44 → 00:13:46 บ้างครับพี่แมวเมื่อกี้พี่แมวพูดมา 2-3
00:13:46 → 00:13:48 เรื่องมาเรื่อง Km เรื่องอะไรอย่างเงี้ย
00:13:48 → 00:13:50 นะครับนะมีเรื่องอื่นอีกมั้ยครับพี่แมวยก
00:13:50 → 00:13:52 ตัวอย่างอีกสักนิดครับอ่าอย่างเช่นเรื่อง
00:13:52 → 00:13:55 เล่าเนี่ยสามารถไปผลักดันเชิงนโยบายได้นะ
00:13:55 → 00:13:58 คะเอาข้อจริงๆนโยบายทั้งหลายในโลกเนี้ย
00:13:58 → 00:14:02 พื้นที่สุดมันมันเวลาเราพูดว่าบีซีีบการ
00:14:02 → 00:14:04 ผลักดันนโยบายเชิงสาธารณะเนี่ยเรามักจะ
00:14:05 → 00:14:07 คิดถึงตัวเลขเนว่าไปประกอบว่าเอ้ยทำสิ่ง
00:14:07 → 00:14:09 นี้มันจะเกิดอะไรขึ้นแต่ขณะเดียวกันตัว
00:14:09 → 00:14:12 เลขเหล่านั้นนะคะมันคือชีวิตผู้คนที่อยู่
00:14:12 → 00:14:14 ข้างใต้เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องเนี่ยมัน
00:14:14 → 00:14:17 คือต้นทางของการที่จะผลักดันเชิงนโยบาย
00:14:17 → 00:14:21 ด้วยซ้ำไปก็มีมีเอาไปใช้ประโยชน์หลายๆ
00:14:21 → 00:14:24 อย่างทำนโยบายนะครับนะสร้างเป็นเ
00:14:24 → 00:14:26 knowledge management เป็น Km มีเรื่อง
00:14:26 → 00:14:28 อื่นีมครับแล้วก็เป็นสำหรับเรื่องพัฒนา
00:14:28 → 00:14:31 ศักยภาพเจ้าหน้าที่อย่างเช่นในระบบบริการ
00:14:31 → 00:14:34 ทั้งหลายแหล่ในระบบบริการทั้งหลายนะคหรือ
00:14:34 → 00:14:37 แม้กระทั่งในระบบบริการสุขภาพการที่เรา
00:14:37 → 00:14:39 สอนให้เจ้าหน้าที่ในระบบบริการสุขภาพเค่ะ
00:14:39 → 00:14:42 เขียนเรื่องเล่าเป็นแปลว่าเขาจะมีความ
00:14:42 → 00:14:45 ละเอียดอ่อนในการสังเกตต่างๆมากขึ้นเพราะ
00:14:45 → 00:14:47 ว่าคุณไม่สามารถจะเขียนเรื่องเล่าได้เลย
00:14:47 → 00:14:49 ถ้าคุณไม่ได้สังเกตเห็นว่าวันนี้คนไข้ใส่
00:14:49 → 00:14:52 เสื้อเสียอะไรมาวันนี้ยายหน้าตาเป็นยาย
00:14:52 → 00:14:55 เศร้ามั้ยคิ้วยายเป็นยังไงมันจะทำให้คน
00:14:55 → 00:14:57 ที่ฝึกทักษะซึ่งเราเรียกว่า narrative
00:14:57 → 00:15:00 skill นะคะมีความละเอียดอ่อนต่อการ
00:15:00 → 00:15:02 สังเกตผู้คนแล้วก็มีความละเอียดอ่อนในการ
00:15:02 → 00:15:06 ตีความชีวิตของผู้คนมากขึ้นอย่างไรก็ดีมี
00:15:06 → 00:15:09 ข้อที่จะบอกก็คือว่าเราอาจฟังมาถึงตอนนี้
00:15:09 → 00:15:11 อาจจะรู้สึกว่าอ้าแล้วถ้าเกิดเจอเรื่อง
00:15:11 → 00:15:14 โกหกล่ะทำยังไงเพราะมันมีเรื่องที่แบบเ่า
00:15:14 → 00:15:15 เขียนโกหกต่างๆนานาเต็มไปหมดใน
00:15:16 → 00:15:18 โซเชียลมีเดียเงี้ยการบูลี่กันเงี้ยหรือ
00:15:18 → 00:15:21 ว่าการสร้างเข่าเท็จอ่าน้ำมะนาวโซดาฆ่า
00:15:21 → 00:15:24 มะเร็งอะไรแบบเนี้ยไอ้อย่างเงี้ยมันจะเออ
00:15:24 → 00:15:27 อ่าแล้วเราจะทำยังไงได้สิ่งเหล่าเนี้
00:15:27 → 00:15:30 เรียกว่าเรื่องเล่าอีกมุนึงเพราะฉะนั้น
00:15:30 → 00:15:33 ถ้าเราจะสู้กับเรื่องเล่าแบบนี้เราก็ต้อง
00:15:33 → 00:15:35 สร้างเรื่องเล่าอีกเรื่องนึงมาสู้กันเ่อ
00:15:35 → 00:15:37 เพราะฉะนั้นในองค์กรนะคะเรื่องเล่าสามารถ
00:15:37 → 00:15:39 ใช้เพื่อการสื่อสารประชาสัมพันธ์ได้
00:15:39 → 00:15:41 สมมุติว่าองค์กรมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีอะไร
00:15:42 → 00:15:44 ดรอปสักอย่างเนี่ยองค์กรก็ใช้เรื่องเล่า
00:15:44 → 00:15:47 อีกชุดนึงขึ้นมาเพื่อจะเป็นการปะทะกันของ
00:15:47 → 00:15:49 ความจริงคนละชุดเพราะว่าความจริงในโลกนี้
00:15:49 → 00:15:51 ไม่มีชุดเดียวอยู่แล้วการสร้างความรู้สึก
00:15:51 → 00:15:54 แต่ละอันเนี่ยมันก็ไม่ได้มีสิ่งครั้ง
00:15:54 → 00:15:55 เดียวอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเรื่องเล่า 2
00:15:55 → 00:15:59 เรื่องจึงมาปะทะกันเวลาที่เราจะทำอ่า
00:15:59 → 00:16:02 นโยบายสาธารณะจากเรื่องเล่าค่ะอ่าปกติ
00:16:02 → 00:16:04 นโยบายทั่วไปเมันอาจจะโดนกำกับหรือสร้าง
00:16:04 → 00:16:07 ขึ้นมาจากแนด narrative คือเรื่องเล่า
00:16:07 → 00:16:09 เรื่องเดียวในสังคมแต่ว่าเวลาเราจะสร้าง
00:16:09 → 00:16:12 อ่านโยบายสาธารณะจากเรื่องเล่าเนี่ยมัน
00:16:12 → 00:16:15 คือการเอาเสียงของที่คนที่ไม่ได้ยินเสียง
00:16:15 → 00:16:18 เสียงของคนตัวเล็กตัวน้อยเพราะว่าเขาเอง
00:16:18 → 00:16:20 ก็คงไม่สามารถจะลุกขึ้นมาทำตัวเลขอะไร
00:16:20 → 00:16:22 เงี้ยแต่เขาเล่าเรื่องได้การรวบรวมเสียง
00:16:22 → 00:16:26 ของคนตัวเล็กตัวน้อยขึ้นมารวบรวมขึ้นมา
00:16:26 → 00:16:29 แล้วก็พัฒนามันเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย
00:16:29 → 00:16:32 เพื่อจะให้เรื่องเล่าของคนตัวเล็กตัวน้อย
00:16:32 → 00:16:34 เหล่าเนี้ยไปโชว์คู่กับแกรนด narrative
00:16:34 → 00:16:37 หรือเรื่องเล่าขนาดใหญ่ที่บงการสังคมอยู่
00:16:37 → 00:16:40 เพื่อให้นโยบายที่เกิดขึ้นเี่มันมองเห็น
00:16:40 → 00:16:42 มันได้ยินเสียงคนที่ไม่ได้ยินทั้งหลาย
00:16:42 → 00:16:45 ด้วยจึงเป็นการทำนโยบายสาธารณะจากเรื่อง
00:16:45 → 00:16:48 เล่าซึ่งให้ผู้คนเหล่าเนี้ยเล่าเรื่องของ
00:16:48 → 00:16:50 ตัวเองขึ้นมาพี่แมวก็พูดว่าเรื่องเล่ามัน
00:16:50 → 00:16:53 สร้างพลังนะพลังในการขับเคลื่อนสังคม
00:16:54 → 00:16:57 เปลี่ยนแปลงสังคมพพลังในการนำเสนอนโยบาย
00:16:57 → 00:17:00 อะไรต่างๆให้สังคมดีดีขึ้นหรือสังคม
00:17:00 → 00:17:02 เปลี่ยนแปลงนะพี่แมวก็พูดถึงว่าจริงๆแล้ว
00:17:02 → 00:17:04 เนี่ยอารยธรรมของมนุษย์ก็สร้างมาด้วย
00:17:04 → 00:17:07 เรื่องเล่าเนาเรื่องเล่าก็ต้องไม่ว่าเป็น
00:17:07 → 00:17:09 นิทานสอนคุณธรรมที่บอกเรื่องนิทานอีสบ
00:17:09 → 00:17:12 หรือว่าชาดกหรืออะไรก็ตามเลยมันก็ทำหน้า
00:17:12 → 00:17:15 ที่ของมันแล้วไอ้เรื่องเล่าแบบนิยายที่
00:17:15 → 00:17:18 เราอ่านๆกันในชีวิตประจำวันเนี่ยหน้าที่
00:17:18 → 00:17:20 มันทำอะไรครับพประโยชน์มันไม่แน่ใจว่าคุณ
00:17:20 → 00:17:22 หมอเคยอ่านเรื่องกระท่อมน้อยของลุงทอม
00:17:22 → 00:17:26 มั้ยคะอ่ากระท่อมน้อยของลุงทมเป็นนิยาย
00:17:26 → 00:17:29 ยาวมากกระท่อมน้อยของลุงทมพูดได้ว่าเป็น
00:17:29 → 00:17:32 นิยายที่ทำให้เกิดการเลิกทาสในประเทศ
00:17:32 → 00:17:35 สหรัฐอเมริกาเอ่อตอนที่คนแต่งนิยายเรื่อง
00:17:35 → 00:17:38 เนี้ยซึ่งเป็นผู้หญิงนะคะเจอกับอับราฮัม
00:17:38 → 00:17:41 ลินคอนราฮัมลิงคอนพูดกับผู้หญิงนักแต่งคน
00:17:41 → 00:17:44 เนี้ยว่านี่ใช่มั้ยผู้หญิงที่เป็นคนจุด
00:17:44 → 00:17:47 ประกายสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกาอัน
00:17:47 → 00:17:50 นี้คือหน้าที่ของเรื่องเล่านี่คือนี่
00:17:50 → 00:17:52 กระท่อมน้อยของลุงพอมเป็นนิยายแท้ๆเลยนะ
00:17:52 → 00:17:56 คะแต่มันคือนิยายที่ได้สร้างให้เกิดการ
00:17:56 → 00:17:58 เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมากในประเทศสหรัฐ
00:17:58 → 00:18:00 อเมริกาคเพราะฉะนั้นเรื่องเล่าไม่ได้เป็น
00:18:00 → 00:18:03 แค่เรื่องเล่านิยายไม่ได้เป็นแค่นิยาย
00:18:03 → 00:18:06 นิยายได้เชฟบางอย่างในสังคมได้เพราะงั้น
00:18:06 → 00:18:08 ศักยภาพของเรื่องเล่าจึงใหญ่มากนะถ้าเรา
00:18:08 → 00:18:10 ใช้มันยังถูกวิธีไม่ใช่แค่เรื่องความ
00:18:10 → 00:18:14 บันเทิงไม่ใช่แค่ขายเอามาอ่านกันสนุกๆนะ
00:18:14 → 00:18:18 มันมีพลังแล้วมันขับเคลื่อนสังคมทำให้
00:18:18 → 00:18:21 เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อะไรได้นะครับนะ
00:18:21 → 00:18:23 จริงๆพี่แมวก็แตะแล้วเราเรื่องเล่ามันก็
00:18:23 → 00:18:26 มีหลายแบบมีพลังนะมีโครงสร้างของมันยังไง
00:18:26 → 00:18:29 มีประโยชน์ส่งผลกระทบอะไรยังไงเนาะเมื่อ
00:18:29 → 00:18:31 กี้พี่แมวพูดถึงว่าเออแต่เรื่องเล่าบาง
00:18:31 → 00:18:34 ครั้งมันก็ทำให้เกิดความเสี่ยงนะเเล่าผิด
00:18:34 → 00:18:38 เล่าหมอหมอแย่งเล่าหมอจะสร้างเรื่องให้คน
00:18:38 → 00:18:40 เชื่ออะไรอย่างเงี้ยครับนะมันมีความ
00:18:40 → 00:18:42 เสี่ยงอะไรของเรื่องเล่าหรือเราต้องระมัด
00:18:42 → 00:18:45 ระวังอะไรบ้างครับเวลาจะเป็นคนเล่าเรื่อง
00:18:45 → 00:18:47 นะเป็นคนเล่าเรื่องเราต้องระมัดระวังอะไร
00:18:47 → 00:18:50 หรือต้องคำนึงถึงผลตามมาความเสี่ยงอะไร
00:18:50 → 00:18:52 บ้างมั้ครับพี่แมวจริงๆแล้วเวลาเราเป็น
00:18:52 → 00:18:55 นักเล่าเรื่องเองค่ะมันจะมีสิ่งที่เรียก
00:18:55 → 00:18:58 ว่าจริยธรรมเลยนะคะมันมีจริยธรรมของการ
00:18:58 → 00:19:01 เล่าเรื่องงั้นอันนึงที่เราจะลดความ
00:19:01 → 00:19:03 เสี่ยงของเรื่องเล่าแล้วก็เรื่องเล่าที่
00:19:03 → 00:19:05 มันไม่ถูกต้องเรื่องเล่าที่มันเป็นเรื่อง
00:19:05 → 00:19:07 ปลอมทั้งหลายเนี่ยอ่ามันทำได้อยู่ 2-3
00:19:07 → 00:19:10 แบบแบบแรกเนี่ยคือสร้างความรู้ของคนที่
00:19:10 → 00:19:12 อ่านเรื่องนั้นก็คือจริงๆมันคือเฟกนิวส์
00:19:12 → 00:19:15 ใช่่ะให้รู้เท่าทันเฟกนิวส์อ่าอันที่ 2
00:19:15 → 00:19:18 คือคนที่จะเล่าเรื่องเนี่ยต้องมีจริยธรรม
00:19:18 → 00:19:20 ของการเล่าเรื่องว่าเรื่องเล่าที่คุณคุณ
00:19:20 → 00:19:23 ต้องตระหนักอันแรกคือต้องตระหนักว่าอาจจะ
00:19:23 → 00:19:25 คิดว่าเฮ้ยก็เล่าขำๆว่าไม่มีอะไรแต่จริงๆ
00:19:25 → 00:19:28 คุณต้องตระหนักว่าเรื่องเล่ามันมีพลังบาง
00:19:28 → 00:19:30 อย่างอยู่อยู่ข้างในมันเอ่อมันสามารถ
00:19:30 → 00:19:32 กระทำการบางเรื่องได้เพราะหลายคนที่เล่า
00:19:32 → 00:19:34 เรื่องแบบนี้เอาจจะไม่ได้รู้ก็ได้ว่ามัน
00:19:34 → 00:19:37 จะส่งผลกระทบอันร้ายแรงก็จะคิดว่าเฮ้ยมัน
00:19:37 → 00:19:40 ก็แค่เล่าเรื่องงั้นเขาไม่ได้ตระหนักถึง
00:19:40 → 00:19:42 พลังของมันเพราะงั้นตั้งแต่ที่เราคุยมา
00:19:42 → 00:19:44 ถึงตอนเนี้ยทุกคนน่าจะตระหนักแล้วว่า
00:19:44 → 00:19:46 เรื่องเล่ามันมีพลังของมันที่อยู่ข้างใน
00:19:46 → 00:19:52 อืๆก็ต้องใช้ให้ถูกวิธีมีจริยธรรมด้วย
00:19:52 → 00:19:56 แล้วก็คนฟังเองก็ต้องมีความเท่าทันรู้จัก
00:19:56 → 00:19:58 ฟังรู้จักวิเคราะห์อะไรครับแล้วรู้จักตี
00:19:58 → 00:20:01 ความอ่านเนื้อเรื่องนะแล้วก็พี่แมวพูด
00:20:01 → 00:20:03 จริงๆคือเรื่องสิ่งเสียงที่ไม่ได้ยินอะไร
00:20:03 → 00:20:05 อย่างงั้นด้วยนะครับหลายๆเรื่องทำให้เกิด
00:20:05 → 00:20:08 พลังเก็บขึ้นมาเล่ากันเป็นเปลี่ยนนโยบาย
00:20:08 → 00:20:12 ได้นะทางสถาบันการรุการสร้างสสุขภาพเนี่ย
00:20:12 → 00:20:14 ครับทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องเล่าบ้างมีหลัก
00:20:14 → 00:20:18 สูตรหรือมีงานอะไรที่เอาไปใช้เปลี่ยนแปลง
00:20:18 → 00:20:20 สังคมทำให้สังคมดีขึ้นหรืออะไรพี่แมวรับ
00:20:20 → 00:20:22 ผิดชอบเรื่องพัฒนาศักยภาพพี่แมวช่วยช่วย
00:20:22 → 00:20:25 เล่าตรงนี้นิดนึงครับก็จริงๆตอนเนี้ค่ะ
00:20:25 → 00:20:27 ของสถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ
00:20:27 → 00:20:29 เนี่ยมีหลักสูตรของเรื่องเล่าที่เรียกว่า
00:20:29 → 00:20:32 narrative Series อยู่อ่าหลักสูตรแรก
00:20:32 → 00:20:35 เนี่ยเป็นเรื่องเล่าบันดาลใจอันนี้จะสอน
00:20:35 → 00:20:37 การเขียนเรื่องเล่าเลยเพราะว่าก่อนที่คุณ
00:20:37 → 00:20:39 จะใช้ประโยชน์จากเรื่องเล่าเนี่ยคุณต้อง
00:20:39 → 00:20:41 เขียนเป็นก่อนงั้นก็จะบอกแล้วว่าวิธีการ
00:20:41 → 00:20:44 เขียนเรื่องยังไงโครงเรื่องตั้งยังไงฉาก
00:20:44 → 00:20:46 เซตยังไงหัวใจของเรื่องตัวละครทั้งหลาย
00:20:46 → 00:20:48 เป็นยังไงอันนี้เป็นหลักสูตรแรกหลักสูตร
00:20:48 → 00:20:50 ที่ 2 ก็คือ narrative for knowledge
00:20:50 → 00:20:52 management การจัดการความรู้ด้วยเรื่อง
00:20:52 → 00:20:55 เล่าอันนี้ก็จะสอนวิธีการจัดการความรู้
00:20:55 → 00:20:57 ว่ามันมีวิธีคิดมีอะไรการจัดการความรู้
00:20:57 → 00:20:59 เนี่ยมันจะต้องอ่าผ่านอะไรบ้างในเรื่อง
00:20:59 → 00:21:01 เล่าสมมุติคุณมีเรื่องเล่า 50 เรื่องมี
00:21:01 → 00:21:03 สต๊อกอยู่แล้วคุณไม่จำเป็นต้องเขียนเอง
00:21:03 → 00:21:06 คุณจะเอาความรู้ถอดออกมาจากไอ้เรื่องเล่า
00:21:06 → 00:21:08 เหล่านี้ยังไงอันนี้เป็นหลักสูตรที่ 2
00:21:08 → 00:21:11 หลักสูตรที่ 3 คือหลักสูตร narrative for
00:21:11 → 00:21:13 policy advocate คือการผลักดันนโยบาย
00:21:13 → 00:21:15 สาธารณะด้วยเรื่องเล่าก็อย่างที่บอกไปว่า
00:21:15 → 00:21:18 หลักสูตรเนี้ยจะเป็นไปเพื่อคุณช้อนเสียง
00:21:18 → 00:21:21 ที่ไม่ได้ยินทั้งหลายในสังคมเนี้ยซึ่งมี
00:21:21 → 00:21:22 อยู่เต็มไปหมดเนี่ยให้มันกลายเป็นเรื่อง
00:21:23 → 00:21:25 เล่าแล้วก็แปลงเสียงเราเนี่ยให้กลายเป็น
00:21:25 → 00:21:27 นโยบายสาธารณะที่มันจะสร้างความเท่าเทียม
00:21:28 → 00:21:30 และเป็นให้กับสังคมนี้จริงๆแล้วมีอกอัน
00:21:30 → 00:21:33 นึงที่ยังไปไม่ถึงคือ narrative resch
00:21:33 → 00:21:35 มันสามารถทำวิจัยจากเรื่องเล่าได้เช่น
00:21:35 → 00:21:38 เดียวกันอันนี้ก็จะเป็นหลักสูตร 3-4 หลัก
00:21:38 → 00:21:40 สูตรที่ตอนนี้สถาบันการเรียนรู้การสร้าง
00:21:40 → 00:21:43 เสริมสุขภาพมีแล้วก็ต้องขอบคุณพี่แมวนะมา
00:21:43 → 00:21:46 คุยมาคุยเรื่องใกล้ๆตัวเรื่องเรื่องเล่า
00:21:46 → 00:21:49 ซึ่งเราก็คุ้นชินตั้แต่เราเกิดมาก็ได้ยิน
00:21:49 → 00:21:52 เล่านิทานเล่านู่นเล่านี่เราก็โตมาได้ยิน
00:21:52 → 00:21:53 เรื่องนู้นเรื่องนี้ซึ่งพี่แมวก็พูดแล้ว
00:21:53 → 00:21:56 ว่ามีทั้งถ้าเราไม่มีจริยธรรมก็อาจะมีข้อ
00:21:56 → 00:22:00 เสียหรือเราคนฟังเองไม่รู้ทันก็อาจจะแปล
00:22:00 → 00:22:03 ความหรือได้ได้ความรู้หรือความรู้สึกที่
00:22:03 → 00:22:06 ที่ผิดพลาดไปนะแต่ขณะเดียวกันมันก็มีพลัง
00:22:06 → 00:22:09 สร้างแรงบันดาลใจสร้างการเปลี่ยนแปลงให้
00:22:09 → 00:22:13 สังคมดีขึ้นเยียวยาผู้คนนะทำได้หลายอย่าง
00:22:13 → 00:22:15 มากนะครับนะทางสถาบันเราก็มีหลักสูตรบาง
00:22:15 → 00:22:17 อย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ว่าถ้าจะ
00:22:17 → 00:22:20 ให้พี่แมวสรุปอีกทีทิ้งท้ายนะเกี่ยวกับ
00:22:20 → 00:22:23 เรื่องเล่าพี่แมวอยากจะฝากอะไรผู้ฟังบ้าง
00:22:23 → 00:22:26 ครับอ่าสิ่งที่อยากจะฝากก็คือว่าเรื่อง
00:22:26 → 00:22:29 เล่าเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำประจำวันน่ะ
00:22:29 → 00:22:32 ค่ะเ่ามันเป็นไม่ได้เป็นไปเพื่อแค่ให้เรา
00:22:32 → 00:22:34 สื่อสารหรือบอกผู้คนว่าเฮ้ยตอนนี้มันมี
00:22:34 → 00:22:36 เรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างแล้วแต่ว่าเวลาเรา
00:22:36 → 00:22:40 เขียนถึงเรื่องเล่าสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เรา
00:22:40 → 00:22:43 ทำในชีวิตประจำวันแต่ว่าทำอย่างเต็มที่ใน
00:22:43 → 00:22:45 ฐานะมนุษย์ที่จะพึงปฏิบัติต่อมนุษย์ด้วย
00:22:45 → 00:22:49 กันเนี่ยมันจะทั้งทำให้คนอื่นรู้สึกว่า
00:22:49 → 00:22:52 สังคมเนี้ยมันยังมีคุณค่าพอที่จะเยียวยา
00:22:52 → 00:22:55 แล้วก็ต่อสู้เพื่อมันเพื่อสังคมที่ดีกว่า
00:22:55 → 00:22:59 กลับสุดท้ายก็คือว่ามันกำลังบอกแล้วว่า
00:22:59 → 00:23:02 เราเนี่ยเป็นมนุษย์คนนึงเรายังดำรงชีวิต
00:23:02 → 00:23:04 อยู่ในฐานะมนุษย์นะเว้ยเฮ้ยทำให้เราเนี่ย
00:23:04 → 00:23:07 เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเองผ่าน
00:23:07 → 00:23:10 การเขียนเรื่องเล่าเล็กๆน้อยๆในชีวิตใน
00:23:10 → 00:23:12 ทุกเมื่อเชื่อวันที่เราพยายามทำมันอย่าง
00:23:12 → 00:23:15 เต็มที่ในฐานะมนุษย์คนนึงคมดีนะครับตอนจบ
00:23:15 → 00:23:18 นะก็เราก็คุยกันมาวันนี้นะครับเรื่อง
00:23:18 → 00:23:21 เรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจนะครับนะเราก็
00:23:22 → 00:23:24 พอจะรู้กันนะว่าเรื่องเล่านมันมีความหมาย
00:23:24 → 00:23:27 ของมันว่าอะไรมีอ่าโครงสร้างมีหน้าที่มี
00:23:28 → 00:23:30 พลังของมันนะครับมันไม่ใช่แค่แค่ความ
00:23:30 → 00:23:33 บันเทิงนะมันสร้างการเปลี่ยนแปลงสร้าง
00:23:33 → 00:23:36 พลังได้นะครับก็วันนี้ก็ต้องขอบคุณดร
00:23:36 → 00:23:38 บุสบงนะครับพี่แมวที่มาคุยกับเราเรื่อง
00:23:38 → 00:23:41 เรื่องเล่านะสร้างแรงบันดาลใจนะครับเราจะ
00:23:41 → 00:23:43 พอจะเห็นภาพนะครับว่าเรื่องเล่านี่ไม่ใช่
00:23:43 → 00:23:45 เรื่องเล่นๆไม่ใช่เรื่องแค่บันเทิงนะมัน
00:23:45 → 00:23:48 มีประโยชน์มีคุณค่ามหาศาลต่อมนุษยชาตินะ
00:23:48 → 00:23:51 ครับก็ Thai He Academy ก็มีการทำหลัก
00:23:51 → 00:23:53 สูตรเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับแล้วก็ใครสน
00:23:53 → 00:23:56 ใจก็มาลองเรียนหรือว่าใช้เรื่องเล่าใน
00:23:56 → 00:23:58 ชีวิตประจำวันในการทำให้เกิดสสังคม
00:23:58 → 00:24:01 เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้นะครับก็
00:24:01 → 00:24:03 ขอบคุณที่ติดตามพสของทางสถาบันการเรียน
00:24:03 → 00:24:10 รู้การสร้างเสริมสุขภาพขอบคุณครับ
00:24:10 → 00:24:15 [เพลง]