00:00:06 → 00:00:09 หลายๆคนไม่ค่อยได้ถามว่าเราอยากอยู่อยาก
00:00:09 → 00:00:11 มีชีวิตด้วยความรู้สึกแบบไหน
00:00:11 → 00:00:14 เราเลยใช้ชีวิตไปเรื่อยๆตามสิ่งที่สั่งมา
00:00:14 → 00:00:17 อะไรสั่งมาให้ทำก็ทำถูกจับให้เรียนก็
00:00:17 → 00:00:21 เรียนมีแฟนคนนี้แฟนบอกว่าไงก็ทำพ่อแม่บอก
00:00:21 → 00:00:23 ว่าไงเราก็ทำแต่สุดท้ายมันไม่ได้กลับมา
00:00:23 → 00:00:24 ถามว่าแล้วเราอยากใช้ชีวิตด้วยความรู้สึก
00:00:24 → 00:00:27 ไหนแค่เราต้องรู้จักตัวเองว่าเราอยากใช้
00:00:27 → 00:00:30 ชีวิตด้วยความรู้สึกไหนแต่แต่พวกนั้นมัน
00:00:30 → 00:00:32 เป็นเรื่องของผลลัพธ์บางครั้งความรู้สึก
00:00:32 → 00:00:34 ที่เราเบามันไม่ได้เกิดขึ้นมาจู่ๆเบานะ
00:00:34 → 00:00:36 แต่มันอาจจะเกิดขึ้นจากการที่เรากำหนด
00:00:36 → 00:00:39 ชีวิตวางแผนหรือตั้งหลักบางอย่างกับชีวิต
00:00:39 → 00:00:41 ไว้เพื่อให้มันสามารถสร้างความรู้สึกเบา
00:00:41 → 00:00:42 ให้เราได้
00:00:42 → 00:00:44 [เพลง]
00:00:44 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:54 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:54 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:56 → 00:00:59 รายการโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะ
00:00:59 → 00:01:03 วันนี้เรามาพบกันเช่นเคยติดตามรับฟังราย
00:01:03 → 00:01:05 การของเรากันได้ค่ะวันนี้เราจะมาเชิญชวน
00:01:05 → 00:01:09 คุณผู้ฟังมาตั้งหลักกันค่ะตั้งหลักนี่
00:01:09 → 00:01:11 หมายถึงว่าเรามาตั้งหลักชีวิตกันดีกว่านะ
00:01:11 → 00:01:14 คะบางทีเราอาจจะเจอวิกฤตเจอสถานการณ์นะคะ
00:01:14 → 00:01:18 ที่ทำให้ชีวิตเกิดความผันผวนเอียงบ้างล้ม
00:01:18 → 00:01:21 บ้างนะคะหรือว่าอาจจะทำให้เรารู้สึกว่า
00:01:21 → 00:01:24 ยังไงดีกับชีวิตไปต่อไม่ได้นะคะบางทีก็
00:01:24 → 00:01:26 อาจจะหาจุดหลักจุดยืนกันไม่ได้เดี๋ยวคุย
00:01:26 → 00:01:29 กับดรสุวาวุฒิวงศ์ธารสวัสดิ์นะ
00:01:29 → 00:01:31 จิตวิทยาการศึกษาค่ะสวัสดีค่ะคุณเอิ้นค่ะ
00:01:31 → 00:01:34 สวัสดีครับคุณผู้ฟังวันนี้ก็เหมือนเป็น
00:01:34 → 00:01:37 การคุยกันแบบภาพรวมของชีวิตคนเนาะคือแน่
00:01:37 → 00:01:42 นอนว่าหลายคนเนี่ยอาจจะใช้ช่วงของเทศกาล
00:01:42 → 00:01:45 ในการที่แบบเอ้ยเดี๋ยวอือชีวิตฉันจะได้
00:01:45 → 00:01:48 แบบเริ่มต้นใหม่นะคิดแล้วก็เออฉันจะทำแบบ
00:01:48 → 00:01:51 นี้แบบนี้นะแต่ในระหว่างทางเนี่ยมันอาจจะ
00:01:51 → 00:01:54 เป็นไปได้ว่ามันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด
00:01:54 → 00:01:58 และวางแผนไว้อาจจะเดินๆไปอยู่แบบเอียง
00:01:58 → 00:02:04 บ้างลมบ้างหรือว่าแบบอ่าไม่สามารถเอาตัว
00:02:04 → 00:02:06 เองขึ้นมาตั้งหลักตามที่ตัวเองคิดไว้อาจ
00:02:06 → 00:02:08 จะเจออะไรที่มัน
00:02:08 → 00:02:12 ตามแผนเนอะเออก็เป็นไปได้ทำให้แบบเราหลัก
00:02:12 → 00:02:15 ชีวิตเรามันแบบไขว้เขวไปหรือมันไม่เห็น
00:02:15 → 00:02:17 เป็นอย่างที่คิดเลยอ่ะ
00:02:17 → 00:02:19 เอาไงดีล่ะทีนี้
00:02:19 → 00:02:22 ต้องตั้งหลักใหม่ไหมหรือว่ามันมีแนวคิด
00:02:22 → 00:02:24 ยังไงไหมถ้าเกิดสมมุติว่าเดินๆอยู่เราแบบ
00:02:24 → 00:02:26 ไม่เป็นไปตามหวัง
00:02:26 → 00:02:29 จริงๆถ้าสมมุติไม่เป็นไปตามหวังนะครับผม
00:02:29 → 00:02:31 คิดว่าเราอาจจะต้องกลับมาทบทวนมั้งว่า
00:02:31 → 00:02:34 อะไรนะทำให้เราไม่สามารถทำไปตามแผนได้
00:02:34 → 00:02:40 เช่นแผนที่เราตั้งไว้มันสูงเกินจริงหรือ
00:02:40 → 00:02:41 เปล่า
00:02:41 → 00:02:44 หรืออย่างที่ 2 คือตอนที่เราตั้งแผนเรา
00:02:44 → 00:02:46 ไม่ได้คิดเผื่อว่ามันจะมีเขาเรียกว่าตัว
00:02:46 → 00:02:49 แทรกแซงหรือปัจจัยอื่นที่ทำให้เราทำไม่
00:02:49 → 00:02:53 ได้เราคิดบนแบบเหมือนมโนขึ้นมาว่าเฮ้ยมัน
00:02:53 → 00:02:55 น่าจะทำได้มันน่าจะสะดวกมันน่าจะง่าย
00:02:55 → 00:02:58 แต่พอทำเข้าจริงปั๊บโอ้โหเจอภาระอันนี้
00:02:58 → 00:03:03 เจอความขี้เกียจอันนั้นเจอธุระอันโน้นเจอ
00:03:03 → 00:03:06 สิ่งที่น่าสนใจกว่าว่ามันแทรกแซงบางครั้ง
00:03:06 → 00:03:08 มันก็ทำให้ตัวแผนการที่เราจะตั้งกับการ
00:03:08 → 00:03:10 ใช้ชีวิตนะครับมันก็เสียศูนย์มันก็ลงมา
00:03:10 → 00:03:12 เป็นท่าได้เหมือนกันเพราะงั้นของพวกนี้
00:03:12 → 00:03:14 มันอะไรต้องย้อนกลับมาถอดบทเรียนก่อนมั้ง
00:03:14 → 00:03:17 ว่าถ้าเราอยากจะตั้งให้มันสำเร็จอยากจะ
00:03:17 → 00:03:19 ตั้งหลักให้มันได้แต่มันกลับไม่ได้เป็น
00:03:19 → 00:03:22 อย่างที่คาดคิดอะไรคือคำอธิบายที่ทำให้
00:03:22 → 00:03:24 สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้อย่างเงี้ยครับ
00:03:24 → 00:03:27 เพราะถ้าเราได้คำตอบปั๊บเราจะได้มานั่งดู
00:03:27 → 00:03:29 ว่าอ๋อสุดท้ายการที่ตั้งหลักอันนี้ไม่ได้
00:03:29 → 00:03:32 เราควรจะยอมรับมันว่าถ้าเราตั้งแผนสูงไป
00:03:32 → 00:03:35 หรือตั้งแผนแบบที่มันดูเกินจริงไปยังไง
00:03:35 → 00:03:38 มันก็ต้องล้มอยู่ดีหรืออ๋อด้วยเงื่อนไข
00:03:38 → 00:03:41 จากตอนที่เราคิดกับตอนนี้มันมีอะไรบาง
00:03:41 → 00:03:43 อย่างที่แทรกแซงเข้ามาแล้วมันทำให้เราทำ
00:03:43 → 00:03:45 ไม่ได้สุดท้ายเมื่อไหร่จบที่การต้องต้อน
00:03:45 → 00:03:47 รับมันก็ได้ว่าเออมันก็ต้องเกิดขึ้นอย่าง
00:03:47 → 00:03:49 นี้แหละมันก็อาจจะเป็นเรื่องของการตั้ง
00:03:49 → 00:03:54 หลักใหม่บนแผนใหม่บนเป้าหมายใหม่หรือบน
00:03:54 → 00:03:57 ความพอดีที่มากขึ้นว่างั้นเราจะตั้งให้
00:03:57 → 00:04:00 มันพอดีกับตัวเองยังไงอย่างนี้ครับเท่า
00:04:00 → 00:04:03 ที่ฟังดูมันเหมือนกับว่าคนที่มีแผนการใน
00:04:03 → 00:04:07 ชีวิตก็คือแบบมันมีแนวทางแหละแล้วก็
00:04:07 → 00:04:10 ทำให้ตัวเองสามารถกลับมามองได้ว่ามันเกิด
00:04:10 → 00:04:12 อะไรขึ้นเป้าหมายมันสูงเกินไปไหมมันใหญ่
00:04:12 → 00:04:16 เกินไปไหมจนในระหว่างทางเราแบบเออมันไป
00:04:16 → 00:04:20 ไม่ถึงแต่มันก็จะมีอีกบางคนที่แบบว่าใน
00:04:20 → 00:04:22 ชีวิตฉันไม่เคยจะตั้งหลักเอ้ยฉันไม่เคยจะ
00:04:22 → 00:04:24 มีแผนอะไรเลยฉันก็เดินของฉันไปเรื่อยๆ
00:04:24 → 00:04:28 แหละแต่ว่ามันเฮ้ยมันไม่มีอะไรเลยอ่ะ
00:04:28 → 00:04:31 บางทีชีวิตมันก็เลยไร้แก่นสาร
00:04:31 → 00:04:33 ประมาณอย่างนั้นก็
00:04:33 → 00:04:35 ใช่
00:04:35 → 00:04:39 ในเมื่อในชีวิตนี้มันด้อยซึ่งโอกาสด้อย
00:04:39 → 00:04:41 ซึ่ง
00:04:41 → 00:04:44 คุณภาพชีวิตด้วยซึ่งอะไรหลายๆอย่างเนี่ย
00:04:44 → 00:04:46 นะคะมันก็เลยทำให้หลายคนไม่เคยวางเป้า
00:04:46 → 00:04:49 หมายมันก็เลยแบบว่าเธอจะมาตั้งหลักชีวิต
00:04:49 → 00:04:53 อะไรมันจะมาแบบแนวแบบเชิงวิชาการอะไรกัน
00:04:53 → 00:04:56 ขนาดนั้นนี่คือชีวิตจริง
00:04:56 → 00:04:59 นี่คือชีวิตจริงมันความจริงมันไม่ต้อง
00:04:59 → 00:05:01 ตั้งหลักหรอกเดินๆไปแหละเดี๋ยวมันก็ถึง
00:05:01 → 00:05:02 เองแหละ
00:05:02 → 00:05:06 แต่อีกแบบนึงอีกคนกลุ่มหนึ่งก็คือจะเป็น
00:05:06 → 00:05:09 คนที่แบบเป้าหมายชัดเจนมากแล้วเขาพุ่ง
00:05:09 → 00:05:12 เป้ามุ่งเป้าวางแผนมาแบบต่อให้มันกี่ปี
00:05:12 → 00:05:15 อ่ะแต่เขายังคงมีความมุ่งมั่นอยู่
00:05:15 → 00:05:20 เออมันก็มีแบบมีหลายแบบคนแบบแบบที่พี่ลี
00:05:20 → 00:05:22 บอกว่าเฮ้ยบางทีแบบเกิดมาไม่ได้มีโอกาส
00:05:22 → 00:05:25 เยอะหรืออะไรก็ตามพวกเนี้ยผมว่าจริงๆมี 2
00:05:25 → 00:05:29 แบบนะแบบคนที่เขายอมจำนนไปเลยอ่ะครับซึ่ง
00:05:29 → 00:05:31 อันนี้ผมคงไม่ได้ว่าอะไรเนาะแต่ผมคิดว่า
00:05:31 → 00:05:34 แต่ละคนคงเจอความรู้สึกแบบเขาเรียกว่าสู้
00:05:34 → 00:05:34 ไม่ไหว
00:05:34 → 00:05:38 ได้ไม่เท่ากันน่ะบางคนก็สู้รู้สึกสู้ได้
00:05:38 → 00:05:40 อีกบางคนบอกไม่ไหวแล้วอะไรเงี้ยฮะหรือบาง
00:05:40 → 00:05:41 คนท้อแท้เหลือเกิน
00:05:41 → 00:05:43 เพราะงั้นอาจจะมีคนที่แบบทิ้งตัวว่าเออ
00:05:43 → 00:05:46 ชีวิตได้แค่นี้แหละมันก็มีซึ่งผมคงไม่ว่า
00:05:46 → 00:05:48 อะไรถ้าเกิดถ้าเกิดเขาเจอสิ่งที่มันสาหัส
00:05:48 → 00:05:50 แล้วเขารู้สึกว่ามันเกินกำลัง
00:05:50 → 00:05:53 บางทีเขาอาจจะก็แค่ต้องจบด้วยการต้องก็
00:05:53 → 00:05:54 ต้องยอมรับอ่ะว่าชีวิตเราจะอยู่กันแค่
00:05:54 → 00:05:57 ประมาณนี้แหละสุดท้ายถ้าเราหาความสุขเล็ก
00:05:57 → 00:05:59 น้อยกับการอยู่ชีวิตประมาณนั้นได้จริงๆ
00:05:59 → 00:06:02 มันก็เป็นชีวิตที่นี่ก็อยู่ได้ครับ
00:06:02 → 00:06:05 จริงๆทุกๆชีวิตนะครับไม่ว่าจะจนหรือรวยนะ
00:06:05 → 00:06:07 จริงๆมันคือชีวิตที่อยู่ได้หมดแหละแต่แค่
00:06:07 → 00:06:10 อยู่ได้ดีระดับเนี่ยมันอาจจะไม่เท่ากัน
00:06:10 → 00:06:13 ระดับของการอยู่ด้วยดีอาจจะไม่เท่ากัน
00:06:13 → 00:06:14 อย่างเช่นถ้าพูดเรื่องถึงสุขภาพเข้าโรง
00:06:15 → 00:06:16 พยาบาลอย่างนี้ครับคนที่มีตังค์หน่อยเวลา
00:06:16 → 00:06:20 เข้าเอกชนมันก็สามารถเข้าแล้วก็สะดวกสบาย
00:06:20 → 00:06:22 แต่คนที่อาจจะมีฐานะไม่สูงอาจจะใช้บัตร
00:06:22 → 00:06:24 ทองสิทธิ์สวัสดิการสังคมแล้วแต่
00:06:24 → 00:06:27 อาจจะต้องไปรอคิวอาจจะได้ยาที่คุณภาพอาจ
00:06:27 → 00:06:29 จะไม่ได้สูงเท่าแต่ก็ยังได้รับสิทธิ์นั้น
00:06:29 → 00:06:32 อยู่ถ้าถามว่าอยู่ด้วยไหมอยู่ได้แต่แค่
00:06:32 → 00:06:35 การอยู่ด้วยดีอาจจะไม่เท่ากันทีนี้มันจะ
00:06:35 → 00:06:39 มีคนที่ต้องรับสภาพกับคนที่จะต่อสู้เพื่อ
00:06:39 → 00:06:42 ให้หลุดพ้นจากสภาพนี้ถูกไหมครับอันนี้มัน
00:06:42 → 00:06:44 เลยทำให้มันก็จะมีทั้งคนที่ติดอยู่ในชั้น
00:06:44 → 00:06:47 เดิมกับคนที่สามารถทะลุผ่านไปได้อันนี้
00:06:47 → 00:06:50 ขึ้นอยู่กับเขาเรียกว่าการขวนขวายของเขา
00:06:50 → 00:06:53 ด้วยรวมถึงการพยายามศึกษาหาความรู้ของเขา
00:06:53 → 00:06:55 ด้วยซึ่งการศึกษาบางครั้งมันอาจจะไม่ได้
00:06:55 → 00:06:58 เกิดขึ้นจากแค่ระบบการศึกษาก็ได้นะอาจจะ
00:06:58 → 00:07:00 ไม่ใช่แบบต้องจบวุฒิอะไรก็ได้นะ
00:07:00 → 00:07:02 บางครั้งหลายๆคนนะครับก็สามารถร่ำรวยได้
00:07:02 → 00:07:05 หรือสามารถหลุดพ้นจากเขาเรียกว่าชนชั้น
00:07:05 → 00:07:08 เดิมของตัวเองได้ผ่านการคล้ายๆมีการคิด
00:07:08 → 00:07:11 นอกกรอบจากจุดที่เขาอยู่หรืออาจจะเห็นตัว
00:07:11 → 00:07:14 อย่างจากคล้ายๆคนที่ประสบความสำเร็จใน
00:07:14 → 00:07:16 ชีวิตคนอื่นๆที่เขาอาจจะอยู่ตามหน้าขาว
00:07:16 → 00:07:19 บางครั้งก็อยู่บนหน้าเว็บไซต์บางครั้ง
00:07:19 → 00:07:20 เดินไปเข้าร้านหนังสือเราก็เห็นประวัติ
00:07:20 → 00:07:22 ชีวิตคนบางคนแล้วก็นั่งอ่านแล้วก็ได้
00:07:22 → 00:07:25 ไอเดียมาก็มีหรือคนบางคนโชคดีทำงานแล้ว
00:07:25 → 00:07:28 ติดตามนายที่มีเขาเรียกว่าวิสัยทัศน์และ
00:07:28 → 00:07:30 นายได้ถ่ายทอดองค์ความรู้บางอย่างหรือมุม
00:07:30 → 00:07:33 มองบางอย่างให้แก่เราบางครั้งจากคนที่เคย
00:07:33 → 00:07:35 อาจจะไม่ได้มีความรู้หรือไม่ได้เห็นชีวิต
00:07:35 → 00:07:38 ที่มันแบบมีความพลิกแพลงได้ก็กลายเป็นว่า
00:07:38 → 00:07:40 ได้รับอิทธิพลตรงนี้เป็นองค์ความรู้เป็น
00:07:40 → 00:07:43 วิธีคิดให้รู้ว่าจริงๆชีวิตมันมีวิธีการ
00:07:43 → 00:07:46 พลิกแพลงเพื่อให้เราหลุดพ้นจากตรงนี้ได้
00:07:46 → 00:07:48 บางคนก็เลยสามารถหลุดได้ก็ตั้งหลักได้
00:07:48 → 00:07:52 แสดงว่าหลักชีวิตเนี่ยมันมันไม่ใช่ว่าคือ
00:07:52 → 00:07:54 เกิดครั้งเดียวแล้วมันหายไปเลยแสดงว่ามัน
00:07:54 → 00:07:57 จะเกิดเมื่อไหร่อีกครั้งหนึ่งก็ได้ถึงแม้
00:07:57 → 00:08:00 ว่าเราจะเคยทิ้งตัวไปแล้วใช่ครับแต่ว่า
00:08:00 → 00:08:04 บางทีมันอาจจะจังหวะและโอกาสไปเจอบางสิ่ง
00:08:04 → 00:08:06 บางอย่างเข้าทำให้เราแบบตั้งหลักได้ก็มี
00:08:06 → 00:08:09 หรือบางครั้งก็นึกขึ้นมาเอ้ยอยากทำวันนี้
00:08:09 → 00:08:12 อยากจะลองออกไปหาแรงบันดาลใจก็อาจจะตั้ง
00:08:12 → 00:08:17 หลักเฉยๆแล้วก็มีก็มันก็แสดงว่าอ่าไม่แน่
00:08:17 → 00:08:19 ไม่นอนแต่แค่ว่าให้ให้เหมือนกับว่าเรา
00:08:19 → 00:08:23 ต้องมีแรงบันดาลใจอยู่บ้างมันไม่ใช่แบบ
00:08:23 → 00:08:25 ว่าทิ้งตัวไปแล้วก็เออช่างมันปล่อยชะตา
00:08:25 → 00:08:27 ชีวิตเป็นไปตามนั้นอะไรอย่างนี้ใช่ไหมอืม
00:08:27 → 00:08:30 ก็เหมือนกับว่าทีนี้เราก็ต้องต้องเหมือน
00:08:30 → 00:08:33 กับอย่างที่ถ้าเราจะตั้งหลังเนี่ยเราต้อง
00:08:33 → 00:08:36 มาคุยกับตัวเองก่อนไหมแน่นอนครับบางครั้ง
00:08:36 → 00:08:38 เราคงต้องถามก่อนว่าชีวิตเราอยากได้ความ
00:08:38 → 00:08:42 รู้สึกไหนในการอยู่ผมก็คงที่สำคัญนะหลายๆ
00:08:42 → 00:08:44 คนไม่ค่อยได้ถามว่าเราอยากอยู่อยากมี
00:08:44 → 00:08:46 ชีวิตด้วยความรู้สึกแบบไหน
00:08:46 → 00:08:49 เราเลยใช้ชีวิตไปเรื่อยๆตามสิ่งที่สั่งมา
00:08:49 → 00:08:52 อะไรสั่งมาให้ทำก็ทำถูกจับให้เรียนก็
00:08:52 → 00:08:56 เรียนมีแฟนคนนี้แฟนบอกว่าไงก็ทำพ่อแม่บอก
00:08:56 → 00:08:58 ว่าไงเราก็ทำอันนี้เขาเรียกว่าคนหัวอ่อน
00:08:58 → 00:09:06 เปล่า
00:09:06 → 00:09:07 ไม่เคยถาม
00:09:07 → 00:09:11 อย่างผมเองเนี่ยเป็นคนที่พอผ่านชีวิตมา
00:09:11 → 00:09:14 เยอะเนาะสิ่งที่ผมจะบอกจะบอกผ่านเยอะดู
00:09:14 → 00:09:15 แก่
00:09:15 → 00:09:18 เรียกว่าสังเกตตัวเองมาเยอะประมาณนึงรวม
00:09:18 → 00:09:20 ถึงได้ฟังชีวิตคนมาเยอะประมาณนึงผมได้ข้อ
00:09:20 → 00:09:24 สรุปกับตัวเองว่าความรู้สึกที่ผมอยากมี
00:09:24 → 00:09:25 กับการใช้ชีวิตเนี่ย
00:09:25 → 00:09:28 คือการที่ตื่นขึ้นมาทุกวันแล้วรู้สึกเบา
00:09:28 → 00:09:31 รู้สึกไม่มีห่วงและนอนด้วยความไม่กังวล
00:09:31 → 00:09:35 และอยากรู้สึกใช้ชีวิตด้วยความเบาๆโปร่งๆ
00:09:35 → 00:09:37 อย่างเงี้ยไปทุกๆวันที่มีชีวิตนะฮะ
00:09:37 → 00:09:40 อันนี้คือความรู้สึกที่ผมให้กับตัวเองว่า
00:09:40 → 00:09:44 ความรู้สึกแบบนี้มันดีจังเลยนะในการที่
00:09:44 → 00:09:46 เรามีชีวิตอยู่เป็นเพราะว่าเราฟังชีวิตคน
00:09:46 → 00:09:48 อื่นมาเยอะมันเลยทำให้เรารู้สึกเหมือนแบบ
00:09:48 → 00:09:51 เออฉันมีแค่นี้พอแล้วอะไรอย่างนี้มันไม่
00:09:51 → 00:09:53 ใช่แค่ฟังนะครับมันเป็นเรื่องของการที่
00:09:53 → 00:09:55 เรามีประสบการณ์ในการสัมผัสความหนักความ
00:09:55 → 00:09:58 เบาจากชีวิตตัวเองด้วยเราเคยได้อยู่ใน
00:09:58 → 00:10:00 moment แบบนี้แล้วรู้สึกชีวิตมันหนักจัง
00:10:00 → 00:10:04 มันจะอึดอัดมันจะไม่ชอบแล้วก็จะมีโมเมนต์
00:10:04 → 00:10:06 ที่เราเคยได้หลุดพ้นจากสิ่งนั้นแล้วรู้
00:10:06 → 00:10:10 สึกว่าเฮ้ยการรู้สึกปลอดโปร่งมันแบบนี้
00:10:10 → 00:10:13 เราจะเกิดการเปรียบเทียบอ่ะครับว่าวันนี้
00:10:13 → 00:10:16 เราปลอดโปร่งส่วนไอ้ตอนนู้นน่ะเรารู้สึก
00:10:16 → 00:10:17 อึดอัด
00:10:17 → 00:10:19 และในวันที่ปลอดโปร่งมันอาจจะมีวันที่เรา
00:10:19 → 00:10:21 อาจจะเกิดเจอสถานการณ์บางอย่างแล้วมัน
00:10:21 → 00:10:24 กำลังเข้าใกล้ความอึดอัดเราจะเริ่มเกิด
00:10:24 → 00:10:25 การเปรียบเทียบว่า
00:10:25 → 00:10:28 เอาจริงจะให้เลือกเราชอบความรู้สึกโปร่ง
00:10:28 → 00:10:30 อันนี้มันจะเป็นความคิดของคนที่มาในระดับ
00:10:30 → 00:10:34 นึงแล้วแล้วก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันมีมันมี
00:10:34 → 00:10:36 อะไรที่เราได้เห็นได้ผ่านมาเยอะเราก็จะ
00:10:36 → 00:10:37 เริ่มรู้สึกว่าเออแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
00:10:37 → 00:10:41 สำหรับของเราหรือแต่ละคนอาจจะอาจจะมีความ
00:10:41 → 00:10:43 รู้สึกว่ามากกว่าของที่คุณเอิ้นรู้สึกก็
00:10:43 → 00:10:46 ได้ว่าแบบตื่นมาฉันอาจจะแค่ว่าไม่ได้อยาก
00:10:46 → 00:10:48 แค่เบาอ่ะแต่ฉันอยากจะได้แบบวันเนี้ย
00:10:48 → 00:10:50 โอ้โหเป็นวันที่แฮปปี้ฉันหาเงินได้เยอะ
00:10:50 → 00:10:54 ได้เงินมาเป็นแบบจำนวนมากๆตามที่ใจ
00:10:54 → 00:10:57 ต้องการอันนี้ก็ได้ไม่เป็นไรใช่สุดท้าย
00:10:57 → 00:10:59 อย่างที่บอกนะว่าแค่แค่เราต้องรู้จักตัว
00:10:59 → 00:11:01 เองอ่ะว่าเราอยากใช้ชีวิตด้วยความรู้สึก
00:11:01 → 00:11:05 ไหนแต่ๆพวกนั้นน่ะมันเป็นเรื่องของผล
00:11:05 → 00:11:08 ลัพธ์บางครั้งความรู้สึกที่เราเบามันไม่
00:11:08 → 00:11:10 ได้เกิดขึ้นมาจู่ๆเบานะแต่มันอาจจะเกิด
00:11:10 → 00:11:13 ขึ้นจากการที่เรากำหนดชีวิตวางแผนหรือ
00:11:13 → 00:11:16 ตั้งหลักบางอย่างกับชีวิตไว้เพื่อให้มัน
00:11:16 → 00:11:19 สามารถสร้างความรู้สึกเบาให้เราได้
00:11:19 → 00:11:21 อ่าเช่นสมมุติผมเราเราตัวอย่างยกตัวอย่าง
00:11:21 → 00:11:23 ของตัวเองนี่แหละ
00:11:23 → 00:11:26 เช่นเอ่อผมอาจจะเคยมีประสบการณ์ในการร่วม
00:11:26 → 00:11:30 งานเป็นทีมแล้วเจอทีมที่ไม่เข้ากันแล้ว
00:11:30 → 00:11:32 รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมแบบเนี้ยมันอึด
00:11:32 → 00:11:33 อัด
00:11:33 → 00:11:35 มันทำให้เราไม่ชอบงานตัวเอง
00:11:35 → 00:11:39 กับบางช่วงที่รู้สึกว่าพองานนี้เราได้คิด
00:11:39 → 00:11:42 จากตัวเองคิดจากไอเดียเราแล้วมันได้ทำจาก
00:11:42 → 00:11:45 ที่เราควบคุมได้เองมันเป็นตัวเองมันรู้
00:11:45 → 00:11:47 สึกสนุกมันรู้สึกเบา
00:11:47 → 00:11:49 อย่างนี้มันก็เกิดการเปรียบเทียบ
00:11:49 → 00:11:52 เพราะงั้นเพราะผมเข้าใจตัวเองว่าอ๋อพอเรา
00:11:52 → 00:11:55 เลือกทางนี้แล้วมันรู้สึกสบายใจแฮะกับการ
00:11:55 → 00:11:59 จะปรับจะขยับจะคิดจะลงมือมันเป็นเรามากๆ
00:11:59 → 00:12:02 พวกนี้มันคือการเก็บข้อมูลกับตัวเองนะ
00:12:02 → 00:12:02 ครับ
00:12:02 → 00:12:04 แล้วพอเราได้จัดสรรสิ่งนี้ไว้ตั้งหลัก
00:12:04 → 00:12:07 สิ่งนี้ถูกได้หลักคิดที่มันทำให้เกิดความ
00:12:07 → 00:12:10 เบาได้แล้วชีวิตมันจะมันจะเป็นเส้นทางไง
00:12:10 → 00:12:13 ที่วิถีมันก็จะทำให้ทุกอย่างมันดูเบาไป
00:12:13 → 00:12:17 หมดหรือผมอาจจะเป็นคนคล้ายๆรู้สึกว่าเป็น
00:12:17 → 00:12:20 คนชอบยืดหยุ่นเหมือนเหมือนเปลี่ยนตามความ
00:12:20 → 00:12:23 รู้สึกอ่ะทีนี้สมมุติถ้าเราเกิดต้องทำงาน
00:12:23 → 00:12:25 เป็น contract หรือเป็นสัญญาที่มันเป็น
00:12:25 → 00:12:26 ผูกมัดระยะยาว
00:12:26 → 00:12:29 เราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่รู้สึกว่าเรา
00:12:29 → 00:12:32 อาจจะทำสิ่งเนี้ยได้ในช่วงสั้นๆแต่ถ้าให้
00:12:32 → 00:12:34 ทำทั้งปีเนี่ยอาจจะไม่ไหว
00:12:34 → 00:12:36 ผมก็เลยอาจจะเลี่ยงการมี contract บาง
00:12:36 → 00:12:40 อย่างก็ได้หรือการมีสัญญาเพื่อเพื่อให้
00:12:40 → 00:12:42 มันไม่ต้องถูกผูกมัดแล้วผมรู้สึกอึดอัด
00:12:42 → 00:12:45 เป็นระยะยาวหรือมันดิ้นออกไม่ได้อย่างนี้
00:12:45 → 00:12:47 ครับอันนี้เป็นเรื่องการเข้าใจตัวเองเลย
00:12:47 → 00:12:50 นะเหมือนกับแบบว่าเราได้มีเวลาคุยกับตัว
00:12:50 → 00:12:54 เองใช่ครับว่าแบบเราต้องการอะไรกันแน่
00:12:54 → 00:12:56 เหมือนกับสิ่งที่
00:12:56 → 00:12:59 ดิฉันโพสต์ไปเมื่อไม่นานเหมือนกันค่ะคุณ
00:12:59 → 00:13:00 ผู้ฟังว่า
00:13:00 → 00:13:04 ในแต่ละวันน่ะขอแค่ว่าเราทำงานเสร็จ
00:13:04 → 00:13:08 เคลียร์งานได้กลับบ้านได้ไม่มีความภาวะ
00:13:08 → 00:13:10 พะวงใดๆหรือว่าต้องแบบพวกนี้ฉันต้องทำ
00:13:10 → 00:13:14 อะไรต่ออะไรแค่ในในนั้นเนี่ยแค่นี้รู้สึก
00:13:14 → 00:13:16 ว่าชีวิตต้องการแค่นี้แหละ
00:13:16 → 00:13:18 ไม่ได้ต้องการว่าโอ้โหจะต้องแบบหวือหวา
00:13:18 → 00:13:22 เป็นเป็นที่จดจำหรืออะไรขนาดนั้นเอาแค่
00:13:22 → 00:13:26 แบบเออแค่นี้พอแล้ว 1 วันแฮปปี้ละกลาย
00:13:26 → 00:13:28 เป็นว่าไม่ต้องยิ่งใหญ่ชีวิตแค่แบบได้ทำ
00:13:28 → 00:13:29 แค่นี้พอแล้ว
00:13:29 → 00:13:35 ความความสุขที่เราเคยมองว่าเฮ้ยถ้าได้ของ
00:13:35 → 00:13:38 สิ่งนี้มานะหรือว่ามีเงินเท่านี้นะเราถึง
00:13:38 → 00:13:40 จะมีความสุขมันกลายเป็นว่าความสุขของเรา
00:13:40 → 00:13:44 เนี่ยมันง่ายขึ้นเยอะเลยไม่จำเป็นต้องไป
00:13:44 → 00:13:46 เอาอะไรเยอะแยะมากมายใช่ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำ
00:13:46 → 00:13:49 ให้เรารู้สึกเบาอ่ะแล้วนี่คือนี่คือหลัก
00:13:49 → 00:13:51 การในการใช้ชีวิตของเราเราใช้ชีวิตเพื่อ
00:13:51 → 00:13:53 ให้รู้สึกเบาไม่ได้แบบต้องไปทะเยอทะยาน
00:13:53 → 00:13:56 ขวนขวายอะไรที่มันทำให้ตัวเองยิ่งนักอัน
00:13:56 → 00:13:58 นี้แล้วแต่คนแต่บางคนรู้สึกว่าเฮ้ยฉัน
00:13:58 → 00:14:02 อยากจะหลุดพ้นจากเขาเรียกว่าข้อจำกัดของ
00:14:02 → 00:14:05 ฐานะของชีวิตของสังคมแล้วแต่เขาอาจจะมี
00:14:05 → 00:14:09 จุดของแบบการเซ็ตว่าหลักของเขาคือทำไงก็
00:14:09 → 00:14:12 ได้เพื่อให้เขาหลุดพ้นจากตรงนี้ได้มันอาจ
00:14:12 → 00:14:13 จะเป็นเป้าหมายชั่วคราวก็ได้นะเมื่อเขา
00:14:13 → 00:14:15 ได้หลุดพ้นเค้าอาจจะเซ็ตเป้าหมายใหม่ก็
00:14:15 → 00:14:18 ได้ว่าเขาแค่ต้องหล่อเลี้ยงเพื่อให้เขา
00:14:18 → 00:14:19 รู้สึกเบาต่อไปเพราะเขาได้หลุดพ้นมาแล้ว
00:14:19 → 00:14:22 แต่เขาแค่ต้องระวังความทะเยอทะยานที่ต้อง
00:14:22 → 00:14:23 ไปขึ้นอีกแบบไม่พอ
00:14:23 → 00:14:27 เพราะฉะนั้นแสดงว่าคือการการกลับมาถามตัว
00:14:27 → 00:14:31 เองก็คือสิ่งที่จำเป็นมากๆว่าเราต้องการ
00:14:31 → 00:14:35 แบบไหนชีวิตแบบไหนซึ่งไม่ผิดนะถ้าบางคน
00:14:35 → 00:14:38 บอกว่าไม่มีเป้าหมายที่สูงขนาดนั้นคือจะ
00:14:38 → 00:14:42 ไปให้ถึงถ้าชอบก็ทำไม่เป็นไม่ว่าเลยแต่
00:14:42 → 00:14:44 ว่าบางคนบอกเอ้ยขยับลงมาหน่อยเพราะว่าเคย
00:14:44 → 00:14:47 และตั้งเป้าหมายไว้ไกลมากเลยกลายเป็นว่า
00:14:47 → 00:14:52 มันเหนื่อยอ่ะ
00:14:52 → 00:14:57 ถึงแล้วโอเคก็เป็นไปได้เนาะใช่ซึ่งต้อง
00:14:57 → 00:14:58 บอกว่าหลายๆคนนะครับ
00:14:58 → 00:15:00 ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับตัวเองเรื่องนี้
00:15:00 → 00:15:04 จริงๆจริงๆมีมีคนที่มาปรึกษาผมหลายคนนะผม
00:15:04 → 00:15:06 ก็นั่งคุยแล้วบอกเขาว่าบางทีเรื่องนี้เรา
00:15:06 → 00:15:08 อาจจะต้องใช้เวลาในการคุยกับตัวเองหรือ
00:15:08 → 00:15:11 ถามตัวเองให้มากขึ้นแล้วผมก็ถามเขาว่า
00:15:11 → 00:15:14 เรื่องนี้ปกติมีเวลาได้คุยกับตัวเองบ้าง
00:15:14 → 00:15:17 ไหมเขาบอกว่าตั้งแต่เขาเรียนจบมาจนทำงาน
00:15:17 → 00:15:20 มาถึงตอนเนี้ยเขาไม่เคยหยุดคุยกับเธอ
00:15:20 → 00:15:23 เรื่องนี้เลยเพราะเพราะตัวงานมันบีบคั้น
00:15:23 → 00:15:26 มากๆจนการเขาเรียกว่าการหยุดคิดเรื่องตัว
00:15:26 → 00:15:28 เองเนี่ยทำไปทำงานไม่ทัน
00:15:28 → 00:15:31 อ๋อเป็นงานที่แบบต่อให้กลับบ้านแล้วอ่ะ
00:15:31 → 00:15:33 หวยยังต้องคิดต่อเพราะว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้
00:15:33 → 00:15:38 มีสิ่งที่ต้องทำต่อโอ้โห
00:15:38 → 00:15:40 ตอนที่แบบมีพลังอ่ะมันก็อย่างเงี้ยแหละ
00:15:40 → 00:15:43 แต่พอวันนึงเนี่ยเริ่มรู้สึกเฮ้ยสิ่งที่
00:15:43 → 00:15:47 เขาคิดว่าเขาเหนื่อยนะมันไม่ได้หยุดคิด
00:15:47 → 00:15:51 เลยอ่ะ
00:15:51 → 00:15:53 ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป
00:15:53 → 00:15:56 การถูกเลื่อนตำแหน่งนี้แหละคือการปรับตัว
00:15:56 → 00:15:58 ครั้งยิ่งใหญ่เพราะมันมีภาระรับผิดชอบและ
00:15:58 → 00:16:01 เนื้องานที่เปลี่ยนไปมากมายใช่มันต้อง
00:16:01 → 00:16:03 ดิ้นรนนะเปิดโหมดดิ้นรนเพราะมันดิ้นรน
00:16:03 → 00:16:05 ปั๊บทีนี้ก็เลิกคิดเรื่องตัวเองแล้วรู้
00:16:05 → 00:16:08 แค่ว่าฉันต้องทำอันนี้ให้ผ่าน
00:16:08 → 00:16:14 ยิ่งๆๆบางที่นะมันมีเอ่อดัชนีชี้วัด
00:16:14 → 00:16:18 ดูภาษาแบบราชการ
00:16:18 → 00:16:23 ทำให้มันมีความกดดันความเครียดมันไม่ได้
00:16:23 → 00:16:25 แข่งกับตัวเองอย่างเดียวอ่ะมันแข่งกับคน
00:16:25 → 00:16:29 รอบข้างด้วยอ่ะใช่ๆแล้วยิ่งพอเป็นองค์กร
00:16:29 → 00:16:32 เอกชนเนาะ
00:16:32 → 00:16:36 ครับทุกวันนี้ธุรกิจมันแข่งขันกันสูงมาก
00:16:36 → 00:16:38 แล้วแม้กระทั่งคนตกงานอาจจะมีเลขมากขึ้น
00:16:38 → 00:16:40 แต่การที่ควรจะแย่งตำแหน่งก็มากขึ้น
00:16:40 → 00:16:43 แล้วก็ธุรกิจเงินก็ไม่ได้ส่งเหมือนแต่
00:16:43 → 00:16:46 ก่อนเพราะฉะนั้นการแข่งขันว่าสูงขึ้นปั๊บ
00:16:46 → 00:16:50 การกดดันในองค์กรการแบบคล้ายๆบีบให้
00:16:50 → 00:16:52 พนักงานต้องคล้ายๆมีประสิทธิภาพให้มาก
00:16:52 → 00:16:55 ขึ้นสร้างเม็ดเงินให้ได้มากขึ้นทำงานให้
00:16:55 → 00:16:58 เร็วขึ้นมันเลยทำให้คล้ายๆคนแทบจะไม่มี
00:16:58 → 00:17:00 เวลามานั่งถามตัวเองหรือคุยกับตัวเองอ่ะ
00:17:00 → 00:17:02 เพราะว่าแค่เอาทำงานให้รอดเอาตัวให้รอด
00:17:02 → 00:17:04 เพื่อให้ผ่านการประเมินไม่โดนไล่ออกเนี่ย
00:17:04 → 00:17:08 ก็ยากแล้วจริงๆอันนี้ก็ประสบการณ์จาก
00:17:08 → 00:17:10 เพื่อนเหมือนกันที่เขาก็รู้สึกว่า
00:17:10 → 00:17:14 มันถูกกดดันหลายทางแล้วก็ทำให้เหมือนเขา
00:17:14 → 00:17:17 ก็เฮ้ยเริ่มฉุกคิดละเริ่มเริ่มมาฉุกคิด
00:17:18 → 00:17:20 กับตัวเองได้แล้วกว่าจะมาคิดเนี่ยจะรู้
00:17:20 → 00:17:21 สึกว่า
00:17:21 → 00:17:24 อย่างบริษัทเอกชนอะไรอย่างนี้นะคะเขาก็จะ
00:17:24 → 00:17:28 อยากได้เด็กใหม่ๆมาทำงานถามว่าต้องมา
00:17:28 → 00:17:31 เริ่มต้นสอนงานใหม่นี้เขามายอะไรไหมเขาก็
00:17:31 → 00:17:34 ไม่ได้มายนะบริษัทน่ะแต่ว่ามันมันในแง่
00:17:34 → 00:17:37 ของว่าถ้าจ้างคนๆนี้เงินด้วยเงินเดือน
00:17:37 → 00:17:39 เท่านี้แต่มาจ้างเด็กใหม่ได้ 2 คน 3 คน
00:17:39 → 00:17:42 อย่างนี้มันก็เลยทำให้เขาเริ่มหันกลับมา
00:17:42 → 00:17:46 มองว่าเฮ้ยมันไม่ใช่แล้วสิกดดันกันอย่าง
00:17:46 → 00:17:48 นี้มันก็ไม่ใช่ละก็เลยกลายเป็นว่ามันมี
00:17:48 → 00:17:51 โอกาสให้มาถามตัวเองแล้วจากที่เมื่อก่อน
00:17:51 → 00:17:55 อาจจะไม่ได้มีโอกาสคุยกับตัวเองเลยก็ไป
00:17:55 → 00:17:56 เรื่อยๆแต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของ
00:17:57 → 00:17:59 การอ่านเกมในสนามด้วยนะคือเหมือนกับเราไป
00:17:59 → 00:18:01 ทำงานนะครับแล้วก็มุ่งมั่นจะโฟกัสเรื่อง
00:18:01 → 00:18:03 งานแต่เราลืมอ่านว่ากระดานที่เราไปอยู่
00:18:03 → 00:18:06 เนี่ยเขาวางมากันยังไง
00:18:06 → 00:18:10 มีรุกมีค่าใช้อะไรหรือเปล่าใช่มั้ยเราเลย
00:18:10 → 00:18:12 ลืมอ่านเกมว่าเกมในกระดานที่เราไปอยู่เขา
00:18:12 → 00:18:14 เขาคิดยังไง
00:18:14 → 00:18:16 เพราะว่าถ้าเราถ้าเรามีประสบการณ์เยอะ
00:18:16 → 00:18:18 หรือจะได้ฟังคนเยอะๆหรือมีโอกาสได้คุยกับ
00:18:18 → 00:18:20 HR บ้างอะไรอย่างเงี้ยครับเราจะรู้เลย
00:18:20 → 00:18:23 ว่าองค์กรใช้ Concept นี้หรือหลักการ
00:18:23 → 00:18:26 เนี้ยในหลายๆที่และอาจจะกลายเป็นวัฒนธรรม
00:18:26 → 00:18:28 หรือเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
00:18:28 → 00:18:30 มันเลยกลายเป็นว่าถ้าเราเข้าใจกฎของ
00:18:30 → 00:18:32 กระดานนี้ดีเราอาจจะมีการเตรียมการของเรา
00:18:32 → 00:18:35 หรือเป็น Exit plan หรือว่าแผนสำหรับทาง
00:18:35 → 00:18:38 ที่เราจะหลุดจากตรงนี้หรือแผนสำรองไว้
00:18:38 → 00:18:40 ล่วงหน้าแล้วก็ได้
00:18:40 → 00:18:43 อันนี้ก็คือไม่ได้เน้นแค่ว่าคนที่ทำงาน
00:18:43 → 00:18:45 ประจำนะคะคุณผู้ฟังบางท่านที่อาจจะไม่ได้
00:18:45 → 00:18:48 ทำงานประจำอยู่ที่บ้านทำกิจการอยู่ที่
00:18:48 → 00:18:50 บ้านหรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยบางทีมันก็อาจ
00:18:51 → 00:18:53 จะไม่ได้ถามตัวเองเหมือนกันก็อยู่อยู่ไป
00:18:53 → 00:18:56 แบบอยู่ไปเรื่อยๆ
00:18:56 → 00:18:59 เช้าก็ไปทำงานเย็นก็
00:18:59 → 00:19:02 นอนก็ได้ครอบครัวอะไรอย่างเงี้ย
00:19:02 → 00:19:04 จริงๆ
00:19:04 → 00:19:07 แต่ๆอาจจะไม่ใช่กับองค์กรเอกชนหรืออาจจะ
00:19:07 → 00:19:08 เป็นองค์กรที่มีโอกาสปิดตัวได้สูงอย่าง
00:19:08 → 00:19:11 เงี้ยครับใช่ๆมันมีโอกาสเกิดขึ้นได้เพราะ
00:19:11 → 00:19:12 ฉะนั้นการที่เราจะต้องแบบมานั่งถามตัวเอง
00:19:12 → 00:19:15 ดูแล้วก็สมมุติต่อๆให้เรานิ่งก็เถอะเรา
00:19:15 → 00:19:18 ต้องถามตัวเองว่าเฮ้ยจะยังนิ่งอย่างนี้
00:19:18 → 00:19:20 ต่อไปไหมหรือจะยังไงหรือเราโอเคกับความ
00:19:20 → 00:19:23 นิ่งของเราตรงนี้แล้วซึ่งๆเราเลยประมาท
00:19:23 → 00:19:26 กับชีวิตไม่ได้ครับตอนนั้นคำว่าตั้งหลัก
00:19:26 → 00:19:28 มันเลยเป็นหลักที่แบบมันกับว่ายิ่งเรา
00:19:28 → 00:19:30 เสริมคานยิ่งเราคล้ายๆเอาหลักให้มันมั่น
00:19:30 → 00:19:32 คงมากเท่าไหร่ชีวิตเรายิ่งแกว่งยาวเท่า
00:19:32 → 00:19:40 นั้นเหนื่อยเนอะ
00:19:40 → 00:19:44 พนักงานโรงงานตื่นเช้ามาพร้อมกับการทราบ
00:19:44 → 00:19:48 ข่าวว่าโรงงานแจ้งปิดแล้วก็ไปออกทุกคนเออ
00:19:48 → 00:19:50 ไม่ได้เตรียมตัวเลยไม่มีหลักอะไรให้ยึด
00:19:50 → 00:19:55 เลยครับ
00:19:55 → 00:20:00 กิจการต้องปิดตัวเราต้องหยุดงานกันไป
00:20:00 → 00:20:04 เป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึงถึง
00:20:04 → 00:20:06 ถ้ามีเงินสำรองมากพออย่างนี้ครับมันก็
00:20:06 → 00:20:08 เหมือนมีหลักอะไรให้เรายึดบ้างว่าโอเคตก
00:20:08 → 00:20:11 งานแต่มีเงินสำรองแต่นึกภาพว่าต่อให้มี
00:20:11 → 00:20:13 เงินสำรองแต่มีหนี้สินด้วยถ้าเราสร้าง
00:20:13 → 00:20:15 ภาระหนี้สินผ่อนไปเยอะแล้วจะเอาเงินที่
00:20:15 → 00:20:19 ไหนไปจ่ายหลักก็จะมีปัญหาแล้วเออก็เลย
00:20:19 → 00:20:21 เป็นว่าตอนนี้เริ่มมีเวลามาคิดกับตัวเอง
00:20:21 → 00:20:21 แล้ว
00:20:21 → 00:20:25 ชีวิตเป็นเรื่องที่เขาเรียกว่าจริงๆมัน
00:20:25 → 00:20:28 ซับซ้อนขึ้นซับซ้อนขึ้นตามยุคสมัย
00:20:28 → 00:20:29 ที่ผ่านมามันอาจจะไม่ซับซ้อนอย่างนี้ก็
00:20:29 → 00:20:31 ได้นะแต่ทุกวันนี้มันซับซ้อนขึ้นเพราะว่า
00:20:31 → 00:20:35 มันมีสิ่งล่อลวงให้เราแกว่งหรือให้เราเป๋
00:20:35 → 00:20:37 ได้เยอะโอ้โหมากๆๆ
00:20:37 → 00:20:40 ต้องระวังด้วยนะคะสมัยยุคเราเป็นคนป่าจะ
00:20:40 → 00:20:41 ไม่มีคำว่าหนี้สินก็ได้
00:20:41 → 00:20:43 [เสียงหัวเราะ]
00:20:43 → 00:20:46 แต่ตอนนี้ก็บางทีอยู่นอกจากจะมีหนี้สิน
00:20:46 → 00:20:54 แล้วบางทีจะอยู่เงินเราหายไปเลยก็มีนะคะ
00:20:54 → 00:20:56 อันนี้ขอเสริมแทรกเข้าไปอย่างนี้นิดนึงนะ
00:20:56 → 00:20:59 คะเพราะฉะนั้นเดี๋ยวชีวิตเราจะเป๋ค่ะมัน
00:20:59 → 00:21:01 จะตั้งหลักไม่ได้จากบางทีเราอาจจะมีเงิน
00:21:01 → 00:21:04 อยู่ในบัญชีอยู่อย่างเงี้ยใครก็ไม่รู้มา
00:21:04 → 00:21:07 เอาไปง่ายๆปุ๊บล้มเลย
00:21:07 → 00:21:09 หลายคนก็เป็นอย่างนั้นนะคะต้องระวังด้วย
00:21:09 → 00:21:11 แสดงว่าเราถามแค่ว่าเราต้องการอะไรอย่าง
00:21:11 → 00:21:13 เดียวไม่พอแล้วมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
00:21:13 → 00:21:17 ไปแล้วแหละใช่ครับเป็นการวางแผนเป็นเป็น
00:21:17 → 00:21:19 ของการจัดหลักให้ชีวิตนะครับ
00:21:19 → 00:21:22 ถ้าเราถ้าเรามีหลักของการใช้ชีวิตเราเรา
00:21:22 → 00:21:25 เซ็ตหลักจากการเข้าใจตัวเองไม่พอเนอะเรา
00:21:25 → 00:21:28 เข้าใจความเป็นไปของโลกด้วยบางทีการตัด
00:21:28 → 00:21:30 จัดหลักการของเรามันจะสอดคล้องไว้กับความ
00:21:30 → 00:21:33 เป็นไปของโลกแต่มันก็ทำให้ชีวิตมันง่าย
00:21:33 → 00:21:34 ขึ้น
00:21:34 → 00:21:36 คืออะไรก็ได้ตอนนี้มันกลายเป็นว่าการทำ
00:21:36 → 00:21:38 ให้ชีวิตตรงง่ายขึ้นเนี่ยรู้สึกว่ามันน่า
00:21:38 → 00:21:42 จะดีกว่าทุกข์ให้น้อยที่สุด
00:21:42 → 00:21:45 อันนี้คือแบบจริงๆเคยตั้งคอนเซ็ปต์ว่า
00:21:45 → 00:21:49 ทุกข์ให้น้อยที่สุดความสุขขอให้มีนิดๆ
00:21:49 → 00:21:52 หน่อยๆก็ได้ให้มันได้รู้สึกว่าเออความสุข
00:21:52 → 00:21:54 มันคืออะไรแต่เราก็ไม่ได้หมายความว่าเรา
00:21:54 → 00:21:56 จะไม่ทุกข์เลยจนไม่รู้จักความทุกข์เลย
00:21:56 → 00:21:59 เพราะไม่งั้นแหละแต่พอวันนึงที่มาทุบปุ๊บ
00:21:59 → 00:22:01 เราก็จะรับมือไม่ได้
00:22:01 → 00:22:03 ไม่ไหว
00:22:03 → 00:22:06 เขาเรียกว่าอะไรอ่ะวางแผนชีวิตเราต้อง
00:22:06 → 00:22:10 เรียกว่าอยู่บนความไม่ประมาท
00:22:10 → 00:22:13 ไปเรื่อยๆ
00:22:13 → 00:22:16 บางทีก็สติแตกเหมือนกันถามตัวเองบ่อยๆนะ
00:22:16 → 00:22:18 ว่าเรายังมาถูกทางอยู่หรือเปล่านะ
00:22:18 → 00:22:20 ถามตัวเองบ่อยๆ
00:22:20 → 00:22:23 ครับไม่ได้ถามครั้งเดียวแล้วแบบว่าหายไป
00:22:23 → 00:22:26 เลยเนอะเราต้องถามตลอดระยะเวลาแล้วใช่ไหม
00:22:26 → 00:22:34 [เพลง]
00:22:34 → 00:22:37 แต่ถ้ามันมีอะไรที่เอ๊ะขึ้นมานิดนึง
00:22:37 → 00:22:41 แสดงว่ามันต้องมีอะไรแล้วใช่ไหม
00:22:41 → 00:22:44 [เสียงหัวเราะ]
00:22:44 → 00:22:47 ไม่ได้เข้าใจยากนะจริงๆแล้วอ่ะเออแต่ว่า
00:22:47 → 00:22:52 ถ้าเราแบบรู้ว่าบางอย่างมันเกินพอดีเรา
00:22:52 → 00:22:53 กลับมาให้มันพอดี
00:22:53 → 00:22:56 อะไรบางอย่างที่เราไม่เคยได้ตั้งหลักแล้ว
00:22:56 → 00:22:58 ไม่ได้มองเอาไว้เราก็หันกลับมามอง
00:22:58 → 00:23:01 ใช้ประสบการณ์ของตัวเรานี่แหละเนาะจะเป็น
00:23:01 → 00:23:05 ตัวที่บอกเราได้อย่างบางคนอู้ยบางทีเรา
00:23:05 → 00:23:07 อาจจะยังไม่ได้ประสบการณ์เยอะแต่ฟังจากคน
00:23:07 → 00:23:09 อื่นก็ได้นะเขาเป็นหนังสือที่ดีได้เหมือน
00:23:09 → 00:23:12 กันนะโดยเฉพาะบางอย่างแบบบางคนอาจจะมอง
00:23:12 → 00:23:15 ว่าอุ๊ยทำไมเขาประสบความสำเร็จน่ะเรามอง
00:23:15 → 00:23:17 แต่ปลายทางแต่ระหว่างทางของเขาอ่ะ
00:23:17 → 00:23:22 เราอาจจะไม่รู้เลยว่าโอ้โห
00:23:22 → 00:23:25 บางครั้งการที่ประสบความสำเร็จในคนๆนึงไง
00:23:25 → 00:23:26 มันจะเกิดการ
00:23:26 → 00:23:30 เลียนแบบแบบเดียวกันเดินแบบเดียวกันไปเลย
00:23:30 → 00:23:33 อย่างนี้เอิ้นมันก็มีโอกาสที่เราจะไม่ได้
00:23:33 → 00:23:35 เหมือนเขาก็เป็นไปได้เหมือนกันใช่ไหม
00:23:35 → 00:23:38 เพราะเห็นหลายๆครั้งที่แบบ
00:23:38 → 00:23:41 เชิญชวนกันทำธุรกิจแล้วสุดท้าย
00:23:41 → 00:23:46 ไปไม่ได้ทำไมเราไม่ได้อย่างเขามันมีหลาย
00:23:46 → 00:23:49 ปัจจัยนะ
00:23:49 → 00:23:54 ว่าระหว่างทางนี้ถามตัวเองตลอดตลอดนะจ๊ะ
00:23:54 → 00:23:56 ว่ายังใช่ไหม
00:23:56 → 00:23:59 ถ้าไม่ใช่ทำไงก็กลับมาถามว่าไม่ใช่ได้ยัง
00:23:59 → 00:24:13 ไงแล้วอะไรที่ใช่อย่างนี้ครับ
00:24:13 → 00:24:16 สงสัยจริงๆก็มานั่งคุยกับน้าจิตวิทยาก็
00:24:16 → 00:24:17 ได้
00:24:17 → 00:24:27 อันนี้ง่ายกว่าใช่ครับ
00:24:27 → 00:24:29 อาจจะไม่ได้เป็นทางของเราไม่ได้เหมาะกับ
00:24:29 → 00:24:32 เราก็ได้เพราะว่าต้องบอกว่าการที่เราพูด
00:24:32 → 00:24:36 เรื่องนี้ครับเราไม่แน่ใจผู้ฟังหลังเจอ
00:24:36 → 00:24:41 ปัญหาอะไรบ้างมันเลยค่อนข้างกว้าง
00:24:41 → 00:24:44 หลายๆคนมหานาคจิตวิทยาโดยตรงเพราะว่าเขา
00:24:44 → 00:24:47 หาหลักการของตัวเองไม่เจอแล้วว่าชีวิตควร
00:24:47 → 00:24:49 ใช้ยังไงเขาเริ่มหลงทาง
00:24:49 → 00:24:52 การมาคุยมันจะเหมือนกับได้ได้ทำให้เราได้
00:24:52 → 00:24:54 ข้อสรุปเกี่ยวกับบุคลิกเขาเกี่ยวกับการ
00:24:54 → 00:24:57 ประวัติการเติบโตเขาวิธีคิดสิ่งที่เขา
00:24:57 → 00:24:59 ผ่านมาย้อนไปขนาดนั้นเลยหรอใช่ครับมันจะ
00:24:59 → 00:25:02 เห็นเหมือนต้นไม้เหมือนรากเลยว่าแบบต้น
00:25:02 → 00:25:04 ไม้ต้นนี้คือเผ่าพันธุ์อะไร
00:25:04 → 00:25:08 ไม่เคยถามตัวเองได้ไปขนาดนั้นนะมันกลาย
00:25:08 → 00:25:10 เป็นว่าต้องคุยใช่ไหมจริงๆของพวกนี้มัน
00:25:10 → 00:25:13 สามารถสังเกตหรือเก็บข้อมูลกับตัวเองได้
00:25:13 → 00:25:15 ตลอดทั้งชีวิตนะแต่บางทีคนเราไม่ค่อยเก็บ
00:25:15 → 00:25:17 ข้อมูลกับตัวเองอ่ะครับแต่พอพอเราเป็นนัก
00:25:17 → 00:25:19 จิตวิทยาฟังปั๊บเราจะเริ่มเก็บข้อมูลจาก
00:25:19 → 00:25:22 เขาว่าเอ๊ะจากการฟังเขาเขาเป็นบุคลิกมา
00:25:22 → 00:25:25 ไหนนะเค้าน่าจะเป็นเผ่าประมาณไหนได้อย่าง
00:25:25 → 00:25:27 เงี้ยครับเราจะเริ่มเห็นจริตหรือว่าโดย
00:25:27 → 00:25:30 นิสัยพื้นๆนิสัยของเขาโดยธรรมชาติว่าอ๋อ
00:25:30 → 00:25:32 เขาจะรู้สึกทุกข์ในบริบทนี้เขาจะรู้สึก
00:25:32 → 00:25:35 สุขจากสถานการณ์อย่างนี้เราจะเริ่มเห็น
00:25:35 → 00:25:37 ธรรมชาติที่มันเป็นแพทเทิร์นหรือเป็นสิ่ง
00:25:37 → 00:25:40 ที่มันซ้ำแล้วซ้ำอีกในชีวิตเขาอ่ะจนจุด
00:25:40 → 00:25:42 นี้จะเป็นจุดที่ทำให้เราได้ย้อนกลับไป
00:25:42 → 00:25:44 สะท้อนน่ะแล้วบอกเขาว่าเนี่ยถ้าเราสังเกต
00:25:45 → 00:25:47 นะสิ่งที่จะหล่อเลี้ยงให้เขาเป็นสุขได้
00:25:47 → 00:26:20 เนี่ยมันจะต้องอยู่ในเฟรมประมาณเนี้ยอยู่
00:26:20 → 00:26:25 ยินดีครับผมไม่ได้ขาย
00:26:25 → 00:26:28 วันนี้ก็เป็นเป็นแนวทางกว้างๆให้รู้ว่า
00:26:28 → 00:26:31 แต่แต่จริงๆแล้วแก่นคือการหันมาถามตัวเอง
00:26:31 → 00:26:35 ตั้งหลักอ่ะตัวเองดูว่าเออที่ผ่านมามัน
00:26:35 → 00:26:38 เป็นยังไงแล้วทำไมมันถึงยังยังไม่ได้เป้า
00:26:38 → 00:26:40 ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือว่ามันหลุดอะไร
00:26:40 → 00:26:44 ไปหรือว่ามันขาดอะไรไปก็แต่งเติมเพิ่ม
00:26:44 → 00:26:47 อะไรไปแต่ถ้าเกิดว่าเอ้ยมันก็ยังหาทางไม่
00:26:47 → 00:26:49 ได้จริงๆบางทีมันๆไม่มีคำตอบจริงๆเพราะ
00:26:49 → 00:26:53 เราเราเป็นคนตัวเราเองที่เรามองอ่ะแต่ไม่
00:26:53 → 00:26:55 ใช่คนอื่นมองคนอื่นมองจะเห็นตัวเราจะไม่
00:26:55 → 00:26:59 เห็นเพราะฉะนั้นก็อาจจะต้องรบกวนสายตาของ
00:26:59 → 00:27:00 ณจิตวิทยา
00:27:00 → 00:27:09 [เสียงหัวเราะ]
00:27:09 → 00:28:00 [เพลง]
00:28:00 → 00:28:03 แต่มันไม่มีความรักผูกพันแบบแบบชู้สาวกัน
00:28:03 → 00:28:06 มาก่อนเอางี้ละกันนะคะสามารถเที่ยวด้วย
00:28:06 → 00:28:10 กันได้อะไรด้วยกันได้เป็นเพื่อนกินเพื่อน
00:28:10 → 00:28:12 เดินทางแล้วก็เพื่อนนอนด้วยอันนี้นะคะ
00:28:12 → 00:28:15 สำหรับ benefit เนี่ยนะก็คือว่าสามารถมี
00:28:15 → 00:28:17 เพศสัมพันธ์ด้วยกันได้โดยไม่มีการผูกมัด
00:28:17 → 00:28:20 ไม่ใช่ว่าพอมีเช็คกันไปแล้วอ่ะฉันเป็นของ
00:28:20 → 00:28:23 เธอเธอเป็นของฉันเราผูกมัดกันแล้วนะไม่
00:28:23 → 00:28:25 ใช่ค่ะอันนี้ของเมืองนอกนะต้องเน้นก่อน
00:28:25 → 00:28:28 ว่านี่ของเมืองนอกนะสามารถอยู่ร่วมกัน
00:28:28 → 00:28:32 ใกล้ชิดกันได้โดยไม่ต้องกดดันอะไรเพราะ
00:28:32 → 00:28:34 อย่าลืมว่าสังคมต่างประเทศเนี่ยส่วนใหญ่
00:28:34 → 00:28:36 เขาจะเป็นสังคมฟรีเซ็กส์ถูกไหมคะนะฮะ
00:28:36 → 00:28:38 เพราะฉะนั้นมันก็เป็นความสัมพันธ์แบบรูป
00:28:38 → 00:28:40 แบบหนึ่งที่เพื่อนทำหน้าที่หลับนอนกับ
00:28:40 → 00:28:43 เพื่อนน่ะเอางี้แล้วกันนะฮะก็เหมือนกับ
00:28:43 → 00:28:47 ว่าคนสองคนเนี่ยนะเป็นเพื่อนกันมันมีความ
00:28:47 → 00:28:50 สนิทสนมกันอยู่แล้วนะคะชายหญิงว่าไปแล้ว
00:28:50 → 00:28:52 ก็ต่างอยากจะมีเซ็กส์ด้วยกันทั้งคู่แต่
00:28:52 → 00:28:55 ว่าไม่มีคนรักก็เลยเอาว่าเพื่อนก็เพื่อน
00:28:55 → 00:28:59 ช่วยกันหน่อยละกันนึกออกไหมคะถ้าจะเปรียบ
00:28:59 → 00:29:01 ความสัมพันธ์นะสมมุติเป็นแกนหลับตานึกนะ
00:29:01 → 00:29:04 คะท่านผู้ฟังนะถ้าเราเปรียบเทียบเป็นเป็น
00:29:04 → 00:29:08 ขั้วคั่วของความรักเนี่ยเอาเอาซ้ายมือสุด
00:29:08 → 00:29:10 แล้วกันนะคะซ้ายมือสุดเนี่ยจะเป็นพวก one
00:29:10 → 00:29:12 night stand ก็หมายความว่าพวกที่ไปเจอ
00:29:12 → 00:29:15 กันปั๊บก็เกิด Spark กันมีเซ็กส์กันคืน
00:29:15 → 00:29:18 เดียวแล้วก็แยกจากกันกับขั้วขวาสุดเนี่ย
00:29:18 → 00:29:21 นะคะเป็นแบบคนรักแบบโรแมนติกเป็นคู่รัก
00:29:21 → 00:29:26 กันเลยนะคะก็จะบอกว่า fwb เนี่ยมันคือตรง
00:29:26 → 00:29:30 กลางค่ะของ 2 อันนั้นก็หมายความว่าไอ้คู่
00:29:30 → 00:29:32 รักเนี่ยมันมีความสนิทสนมกันใช่ไหมคะรู้
00:29:32 → 00:29:35 จักมักคุ้นกันจนลุ่มหลงลุ่มรักกันแล้ว
00:29:35 → 00:29:38 ส่วนไอ้ฝั่งซ้ายสุดเนี่ยซึ่งมันเป็น one
00:29:38 → 00:29:40 night stand เนี่ยมันไม่สนิทกันมาก่อน
00:29:40 → 00:29:44 เลยแต่เจอปั๊บมันก็มีความใคร่ทางกายกันนะ
00:29:44 → 00:29:47 คะแต่ไอ้ fwb เนี่ยมันอยู่ตรงกลางก็หมาย
00:29:47 → 00:29:49 ความว่าเซ็นดิสนมกันประมาณนึงแบบเพื่อน
00:29:49 → 00:29:53 แต่ไม่ได้รักลุ่มหลงนะฮะแต่ก็ดีกว่าที่จะ
00:29:53 → 00:29:58 แปลกหน้าแล้วก็นะคะเพราะน้ำมันเลยเขาบอก
00:29:58 → 00:29:59 ว่าถ้าเทียบกันเนี่ยไอ้เนี่ยมันอยู่ตรง
00:29:59 → 00:30:02 กลางนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็มีความรู้จัก
00:30:02 → 00:30:05 คุ้นเคยกันพอประมาณแล้วแต่ก็ไม่พัฒนาไป
00:30:05 → 00:30:08 สู่การเป็นคู่รักหรือที่จะเข้าไปสู่การ
00:30:08 → 00:30:18 เป็นคู่แต่งงานที่คิดจะสร้างอนาคตด้วยกัน
00:30:18 → 00:30:21 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:30:21 → 00:30:25 ของไทยพีแดช็อตคลาส spotify Sound
00:30:25 → 00:30:28 Google podcast Apple podcast และ
00:30:28 → 00:30:35 YouTube Channel ThaiPBS portcute
00:30:35 → 00:30:41 [เพลง]