00:00:00 → 00:00:02 เป็นยังไงบ้างคะรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาครู
00:00:03 → 00:00:06 ติ๋วติดตามข่าวอะไรเป็นพิเศษมั้ยหรือว่า
00:00:06 → 00:00:09 จริงๆไม่อยากติดตามหรอกแต่ยังไงมันก็ผ่าน
00:00:09 → 00:00:13 มันก็ต้องเห็นอยู่ดีอะไรเงี้ยใช่ค่ะถ้า
00:00:14 → 00:00:17 ปกติเลยนะจริงๆเนี่ยค่ะครู
00:00:17 → 00:00:20 เนี่ยพูดแล้วผมขอหัวรอนิดนึงครูอ่ะไม่ดู
00:00:20 → 00:00:23 ข่าวเลยค่ะอ๋อครูเนี่ยจะไม่ดูข่าวเลยไม่
00:00:23 → 00:00:28 ว่าข่าวบวกข่าวลบข่าวใดๆเนี่ยครูไม่ดูไม่
00:00:28 → 00:00:33 เคยมีค่ะในศาลระบบครูเลยในการเสพข่าวอือื
00:00:33 → 00:00:36 แต่เหมือนที่ขวัญพูดน่ะถูกเลยว่าถึงแม้
00:00:36 → 00:00:40 เราจะไม่ได้ตั้งใจดูข่าวนะค่ะแต่ใน
00:00:40 → 00:00:44 ปัจจุบันค่ะข่าวจะมาหาเราโดยอัตโนมัติ
00:00:44 → 00:00:47 ใช่ไม่ทางใดก็ทางนึงในชีวิตของเราเพราะ
00:00:47 → 00:00:51 ทุกคนถ้ามีมือถือเนี่ยถ้าแบบสไลด์เอ่อมือ
00:00:51 → 00:00:54 ถือไปเรื่อยๆไถฟีดไปเรื่อยๆยังไงก็เห็น
00:00:54 → 00:00:57 ข่าวที่เป็นข่าวที่โดดเด่นในช่วงนั้นๆใน
00:00:57 → 00:01:00 ในแต่ละวันน่ะนะคะซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน
00:01:00 → 00:01:04 มาเรื่องของเอ่อดาราสาวท่านนึงที่ใช้
00:01:04 → 00:01:08 ชีวิตเอ่อค่อนข้างที่จะติดความหรูหราแล้ว
00:01:08 → 00:01:11 ก็จนนำพามาสู่หนี้สินที่เอ่อเกินเนื้อ
00:01:11 → 00:01:15 เกินตัวไปมากก็คือคุณดิวอริสรานะคะแต่ก็
00:01:15 → 00:01:18 ก็เลยเห็นว่าเรื่องนี้เนี่ยน่าสนใจก็เลย
00:01:18 → 00:01:23 หยิบยกมาจะให้ครูติ๋วได้เอ่อมองในมุมมุม
00:01:23 → 00:01:27 มองเชิงจิตวิทยาว่าเอ๊ะมันเป็นยังไงชีวิต
00:01:27 → 00:01:30 ติดแกรมหรือเ้าเป็นสัญญาณของโรคหรือเป็น
00:01:30 → 00:01:34 พฤติกรรมที่แบบเสพติดความสุขแบบแป๊บแป๊บๆ
00:01:34 → 00:01:36 ประเด๋ยวประดาวหรือเป็นพฤติกรรมสุดโต่ง
00:01:37 → 00:01:39 ที่ช้อปแบบสะบัดขนาดนั้นหรือว่าใช้เงิน
00:01:39 → 00:01:44 แบบเออลืมตัวไปหรือว่าเสพติดยังไง
00:01:44 → 00:01:46 อันเนี้ยก็เลยชวนครูติ๋วพูดคุยกันใน
00:01:46 → 00:01:49 เรื่องนี้แล้วก็บวกกับว่าก่อนหน้านี้
00:01:49 → 00:01:52 เนี่ยเราก็มีติดอาวุธทางความรู้ด้าน
00:01:52 → 00:01:55 จิตวิทยากับผู้ฟังมาแล้วพอสมควรใช่มั้ยคะ
00:01:55 → 00:01:59 ครูติ๋วที่ว่าทั้งเรื่องของเอ่อเอ่อ B
00:01:59 → 00:02:00 เอ่อ
00:02:00 → 00:02:04 MBSR ที่เป็นอ่าการลดความเครียดด้วยการ
00:02:04 → 00:02:09 ใช้สติอาศัยสติแล้วก็รวมถึง MBCT การเอ่อ
00:02:09 → 00:02:14 คิดบำบัดที่บำบัดจากความคิดด้วยบำบัดความ
00:02:14 → 00:02:18 คิดและพฤติกรรมพฤติกรรมอ่าแล้วก็ CBT การ
00:02:18 → 00:02:21 ปรับพฤติกรรมด้วยความแบบการคิดการปรับ
00:02:21 → 00:02:25 พฤติกรรมความคิดนะคะแล้วก็ใช่ค่ะแสัปดาห์
00:02:25 → 00:02:30 ล่าสุดคือการยอมรับยอมรับค่ะก็เลยคราว
00:02:30 → 00:02:33 เนี้ยเราเริ่มเอาข่าวเอาเริ่มเอาเรื่อง
00:02:33 → 00:02:36 ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตจริงเริ่มเอาอาวุธ
00:02:36 → 00:02:39 ต่างๆที่เรามีน่ะบทเรียนต่างๆที่ผ่านมา
00:02:39 → 00:02:43 ลองมาปรับใช้กันจริงๆอันเนี้ยใช่ใช่ครู
00:02:43 → 00:02:47 ติ๋วคะทำไมทางความรู้สึกเนี่ยที่ขวัญบอก
00:02:47 → 00:02:49 ว่าเอ๊ะการเสพติดหรือเปล่าหรือเป็น
00:02:49 → 00:02:52 พฤติกรรมสุดโต่งของการใช้ชีวิตติดแกรม
00:02:52 → 00:02:54 เนี่ยหรือมันจะเป็นสัญญาณของโรคจริงๆแล้ว
00:02:54 → 00:02:58 เนี่ยเรื่องเหล่าเนี้ยมันมันอธิบายได้
00:02:58 → 00:03:02 อย่างไรบ้างในเชิงจิตวิทยาคะ
00:03:02 → 00:03:04 มันเชื่อมโยงกันดีมากเลยเนาะที่เราอ่ะค่ะ
00:03:04 → 00:03:08 ได้ปูพื้นฐานความรู้ให้กับคุณผู้ฟังคุณ
00:03:08 → 00:03:12 ผู้ชมที่ติดตามรายการของเราเนาะเพราะว่า
00:03:12 → 00:03:15 ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ต่างๆที่ขวัญได้เกริ่น
00:03:16 → 00:03:20 มาค่ะมันล้วนเป็นทางภาษาจิตวิทยาเค้า
00:03:20 → 00:03:23 เรียกเครื่องมือเป็นเครื่องมือเป็นอาวุธ
00:03:23 → 00:03:26 ที่เราจะใช้ในการช่วยเหลือให้ทุกอย่าง
00:03:26 → 00:03:31 เนี่ยมันดีขึ้นเป็นศาสตร์แห่งการเยียวยา
00:03:31 → 00:03:35 บำบัดเยียวยาให้ทุกอย่างมันค่อยๆดีขึ้น
00:03:35 → 00:03:39 โดยอัตโนมัติโดยธรรมชาติเนาะค่ะคราวนี้
00:03:39 → 00:03:42 เร็วๆนี้ที่เราได้ยินข่าว
00:03:42 → 00:03:46 เรื่องคุณดิวค่ะจริงๆเนี่ยส่วนตัวครู
00:03:46 → 00:03:49 เนี่ยนะครูรู้สึกว่าคุณดิวเนี่ยเขาก็
00:03:49 → 00:03:53 เหมือนเป็นครูคนนึงในสังคมเลยนะที่พอมี
00:03:53 → 00:03:57 เรื่องของคุณดิวเกิดขึ้นมาเนี่ยเราหลายคน
00:03:57 → 00:04:01 ตระหนักมากขึ้นเนาะเราได้เรียนรู้เราได้
00:04:01 → 00:04:05 เอ๊ะมากขึ้นว่าเออมันมีแบบนี้ด้วยนะทันใด
00:04:05 → 00:04:08 นั้นเราอ่ะค่ะก็จะกลับเข้ามาดูที่ตัวเรา
00:04:08 → 00:04:11 เองหรือคนใกล้ชิดที่ทำให้เราอ่ะได้เรียน
00:04:11 → 00:04:14 รู้จากเา้าว่าไอ้คำว่าชีวิตติดแกรมเนี่ย
00:04:14 → 00:04:19 มันคืออะไรอืค่ะอืเป็นคำสมัยใหม่เนาะเป็น
00:04:19 → 00:04:23 ตอนแรกครูก็ยังงงๆเอ๊ะติดเกมหรือเปล่า
00:04:23 → 00:04:24 เอ้อ
00:04:24 → 00:04:29 Glamัสอ่าค่ะอ่าไอ้แมัสเนี่ยมันมาจากราก
00:04:29 → 00:04:34 ศัพท์ของคำที่ว่าต้องการมีเสน่ห์หรือดึง
00:04:34 → 00:04:39 ดูดค่ะน่ามองคราวเนี้ย
00:04:39 → 00:04:44 ค่ะวิถีของคนในยุคปัจจุบันเนี่ยบางทีก็
00:04:44 → 00:04:46 ให้ความหมาย
00:04:46 → 00:04:51 กับการมีเสน่ห์กับคำว่าดึงดูดหน้ามอง
00:04:51 → 00:04:55 เนี่ยค่ะไปในทิศทางที่อาจจะเหมือนกับง่าย
00:04:55 → 00:04:57 ๆเนาะ
00:04:57 → 00:05:01 เช่นถ้าใช้ของราคาแพงอาจจะทำให้ฉันมี
00:05:01 → 00:05:02 เสน่ห์
00:05:02 → 00:05:08 ขึ้นถูกมยคือใช้ของที่ไม่เหมือนใครอ่ามี
00:05:08 → 00:05:14 ความluชี่หรือเอ่อเป็นลักษณะของที่มีชิ้น
00:05:14 → 00:05:17 เดียวจะรู้สึกถึงความมีคุณค่ากว่าใช้ของ
00:05:17 → 00:05:21 ปกติทั่วไปแต่มันเหมือนเป็นวัฒนไม่ใช่
00:05:21 → 00:05:24 วัฒนธรรมแหละหรือว่ามันเป็นวัฒนธรรมนะครู
00:05:24 → 00:05:28 ติ๋วกรณีเหมือนวัฒนธรรมการเปรียบเทียบการ
00:05:28 → 00:05:31 เอ่อการที่แบบเหมือนกับเป็นนิสัยมนุษย์
00:05:31 → 00:05:33 ด้วยหรือเปล่าที่แบบเราต้องเหนือคนอื่น
00:05:33 → 00:05:37 ความเอาชนะอะไรทำนองเนี้ยค่ะในใช่ค่ะค่ะ
00:05:37 → 00:05:40 ใช่เลยขวัญเพราะว่ามัน
00:05:40 → 00:05:43 เป็นเหมือนส่วนนึง
00:05:43 → 00:05:48 ในจิตใจเนาะที่คือที่ใช้คำว่าจิตใจเพราะ
00:05:48 → 00:05:52 ว่ามันอยู่ติดกับมนุษย์เนี่ย
00:05:52 → 00:05:56 โดยเป็นเนื้อเดียวกันโดยเฉพาะยุคสมัยแต่
00:05:56 → 00:05:59 ละยุคสมัยอ่ะค่ะมันก็จะมีการปรับเปลี่ยน
00:05:59 → 00:06:02 ไปเรื่อยๆเหมือนกับที่เราคุยกันว่าเอ้ยใน
00:06:02 → 00:06:04 ยุคเนี้ยมันก็จะเปรียบเทียบอีกอย่างนึง
00:06:04 → 00:06:06 เหมือนยุคก่อนมันอาจจะเปรียบเทียบกันด้วย
00:06:06 → 00:06:08 การ
00:06:08 → 00:06:13 เอ่อด้วยการเรียนด้วยการทำงานด้วยอะไร
00:06:13 → 00:06:16 หลายๆอย่างพอในยุคปัจจุบันเนี่ยเหมือนมัน
00:06:16 → 00:06:24 จะพัฒนาความเร่งรีบความไวความที่จะแบบว่า
00:06:24 → 00:06:27 ทำให้มันเห็นภาพชัดขึ้นน่ะค่ะบางทีเปรียบ
00:06:27 → 00:06:29 เทียบกันเรื่องการเรียนการงานอย่างเงี้ย
00:06:29 → 00:06:34 มันอาจจะเห็นผลคือกว่าจะเห็นผลมันต้องใช้
00:06:34 → 00:06:37 เวลานานอย่างน้อยๆอ่ะถ้าเป็นการเรียน 1
00:06:37 → 00:06:40 เทอมอ่ะครูติ๋วก็สัก 2-3 เดือนใช่มั้คะ
00:06:40 → 00:06:44 กว่าเราจะเห็นเกรดเอ่อ GP ที่ออกมาว่าเรา
00:06:44 → 00:06:50 ได้ 3 กว่าหรือเปล่าหรือ 3.5 ใช่ใช่ใช่ๆ
00:06:50 → 00:06:53 ถูกต้องเลยเพราะว่าการเปรียบเทียบเนี่ย
00:06:53 → 00:06:55 ค่ะมันก็เป็น
00:06:55 → 00:06:59 กลไกทางจิตวิทยาหรือว่ากลไกตามธรรมชาติ
00:06:59 → 00:07:01 ของมนุษย์เหมือนกันเหมือนมนุษย์เนี่ยมัน
00:07:01 → 00:07:05 จะต้องมีเลเวลต่างๆเนาะถ้าในกฎมาสโลเนี่ย
00:07:05 → 00:07:08 ง่ายๆเนี่ยมันก็จะมีความต้องการทางด้าน
00:07:08 → 00:07:10 ร่างกายถูกมั้ยแล้วมันก็ไต่ขึ้นไปจนขั้น
00:07:11 → 00:07:16 สูงเนี่ยก็คือการยอมรับขวัญการยอมรับจาก
00:07:16 → 00:07:17 สังคม
00:07:17 → 00:07:21 ซึแล้วก็เหมือนกับว่าได้รับการให้เกียรติ
00:07:21 → 00:07:24 อันนั้นคือสิ่งที่ความคาดหวังของมนุษย์
00:07:24 → 00:07:28 ใช่มั้คะครูติ๋วใช่ค่ะค่ะคือความคาดหวัง
00:07:28 → 00:07:31 ของมนุษย์แล้วไอ้เรื่องการติดแกมเนี่ยมัน
00:07:31 → 00:07:33 ก็จะเข้ามาในเรื่องของความคาดหวังด้วยนะ
00:07:33 → 00:07:35 ค่ะเหมือนกับคนที่
00:07:36 → 00:07:39 ที่เค้ากำลังอยู่ในสภาวะเนี้ยค่ะครูอาจจะ
00:07:39 → 00:07:42 ชวนเรียกว่าสภาวะก็ได้เนาะเพราะว่าอะไร
00:07:42 → 00:07:46 เพราะว่ามันอาจจะเหมือนกับคนเป็นซึมเศร้า
00:07:46 → 00:07:47 หรือ
00:07:47 → 00:07:51 คนติดสารเสพติด
00:07:51 → 00:07:54 คือมันมีความคล้ายกันมากสารเสพติดครูติ๋ว
00:07:54 → 00:07:58 กำลังหมายถึงตัวเฮโรอีนยาไอซอะไรพวกนี้
00:07:58 → 00:08:02 ใช่มั้คะเป็นถูกที่ให้ความสุขในช่วงที่มี
00:08:02 → 00:08:07 การเสพถูกต้องถูกต้องค่ะเพราะการใช้ชีวิต
00:08:07 → 00:08:09 ติดหรูหรืออะไรอย่างเงี้ยนะมันก็เป็นการ
00:08:09 → 00:08:13 เสพติดด้วยอย่างหนึ่งเหมือนกันค่ะ
00:08:13 → 00:08:16 แสดงว่าเราจะไม่มีความสุขเมื่อเราไม่ได้
00:08:16 → 00:08:19 ใช้ของหรูหราหรือไม่มีคนชื่นชม
00:08:19 → 00:08:23 ถูกต้องค่ะมนุษย์ต้องการความสุขต้องการ
00:08:23 → 00:08:27 การยอมรับเวลาที่เมื่อสักครู่อ่ะที่ครู
00:08:27 → 00:08:31 ใช้คำว่ามันเข้ามาติดกับเราค่ะใช้คำว่า
00:08:31 → 00:08:33 จิตใจจนแยกไม่ออกอ่ะเพราะว่าเรื่องเหล่า
00:08:33 → 00:08:37 เนี้ยค่ะบางครั้งอ่ะเจ้าตัวนะคะเจ้าตัว
00:08:37 → 00:08:40 ที่มีพฤติกรรมเหล่าเนี้ยค่ะเค้าก็ไม่รู้
00:08:40 → 00:08:41 ตัวเหมือน
00:08:41 → 00:08:46 กันเพราะว่าอะไรรู้มั้ยเพราะมันลงลึกถึง
00:08:46 → 00:08:51 ขั้นสารเคมีในสมองอืค่ะอืบางทีเขาก็ไม่
00:08:51 → 00:08:53 ได้ตั้งใจที่จะเป็นแบบนั้นใช่มั้คะครู
00:08:53 → 00:08:56 ติ๋วเค้าไม่ได้ตั้งใจค่ะเค้าไม่ได้ตั้งใจ
00:08:56 → 00:08:59 แต่เค้าอ่ะไม่รู้ตัวค่ะ
00:08:59 → 00:09:05 คือพอในระดับที่สูงขึ้นน่ะมันจะเหมือนกับ
00:09:05 → 00:09:08 เหมือนคนถ้าเปรียบเปยอ่ะนะคะเหมือนคนติด
00:09:08 → 00:09:14 ยาเสพติดอืชนิดรุนแรงอ่ะค่ะเค้าเค้าก็จะ
00:09:14 → 00:09:17 มีอาการในลักษณะคล้ายคล้ายติดแกรมเลยนะ
00:09:17 → 00:09:23 แต่ว่าสูงกว่าอืคืออย่างสมมุติอ่าถ้ายก
00:09:23 → 00:09:27 ตัวอย่างง่ายๆติดแกรมเนี่ยค่ะเราเสพติด
00:09:27 → 00:09:30 การซื้อของ
00:09:30 → 00:09:33 อ่าราคาสูงหรือว่าของแพงคือครูอาจจะขอ
00:09:33 → 00:09:36 อนุญาตตรงนี้นิดนึงนะว่าค่ะทุกอย่างอ่ะ
00:09:36 → 00:09:41 มันคือความสมดุลค่ะถ้าคุณนะหรือคุณผู้ฟัง
00:09:42 → 00:09:46 ลองฟังดีๆนะคะถ้าคุณมีรายได้มีบทบาทมี
00:09:46 → 00:09:50 หน้าที่ใดๆที่มันเหมาะสมที่จะใช้ของราคา
00:09:50 → 00:09:53 สูงของที่มีคุณภาพเมันก็โอเคนะค่ะแต่
00:09:53 → 00:09:55 ประเด็นที่มันเป็นอยู่ในทุกวัน
00:09:55 → 00:10:00 เนี้ยมันยังไม่เหมาะสมหรือรายได้หรือพูด
00:10:00 → 00:10:03 ง่ายๆเราเพิ่งเพิ่งเรียนรู้กันเรื่องแ
00:10:03 → 00:10:07 เนาะค่ะคือการยอมรับอืมการยอมรับความจริง
00:10:07 → 00:10:10 เนี่ยค่ะความจริงของเราอ่ะมันไม่ได้เหมาะ
00:10:10 → 00:10:14 ที่จะใช้สิ่งนี้ถูกมั้ยคะค่ะคราวนี้เมื่อ
00:10:14 → 00:10:18 สักครู่ที่ครูพูดถึงว่ามันเข้ามาอยู่ใน
00:10:18 → 00:10:20 ชีวิตเราแบบจริงจังเลย
00:10:20 → 00:10:24 เนี่ยจนถึงขั้นใช้คำว่าจิตใจอ่ะเพราะว่า
00:10:24 → 00:10:28 เวลาที่เราอ่ะค่ะสมมุติว่าเราซื้อของราคา
00:10:28 → 00:10:32 แพงอ่ะค่ะแล้วเราได้สิ่งนั้นตามที่เรา
00:10:32 → 00:10:36 หวังไว้ตามที่เราคาดหวังอ่ะค่ะเวลาที่เรา
00:10:36 → 00:10:39 มีความรู้สึกเหล่าเนี้ยเคมีในสมองของเรา
00:10:39 → 00:10:42 อ่ะมันก็จะเปลี่ยนตามอารมณ์ความรู้สึกของ
00:10:42 → 00:10:46 เราค่ะอ่ะเหมือนที่เราคุ้นเคยกันในเรื่อง
00:10:46 → 00:10:49 ของโดพามีนเนาะโดพามีนเนี่ยมันจะเป็นสุก
00:10:49 → 00:10:53 เนาะถูกมันจะมันจะหลั่งสารออกมาแล้วเรา
00:10:53 → 00:10:58 อ่ะจะรู้สึกพึงพอใจค่ะเราจะมีความสุขรู้
00:10:58 → 00:11:01 สึกเหมือนกำลังได้รับรางวัลน่ะกำลังแบบ
00:11:01 → 00:11:06 โหยมันจะทำให้ร่างกายเราได้รับผลกระทบใน
00:11:06 → 00:11:09 ลักษณะนั้นด้วยเพราะว่าเคมีก็ออกมาจาก
00:11:09 → 00:11:12 ร่างกายเรามันก็ออกมาจากอารมณ์ของเราความ
00:11:12 → 00:11:16 รู้สึกของเราพอเรารู้สึกได้รับการตอบตอบ
00:11:16 → 00:11:22 สนองรู้สึกได้รับความพึงพอใจค่ะเนาะเคมี
00:11:22 → 00:11:24 นี้มันหลั่งเพราะหลั่งบ่อยๆมันเป็นไงคะ
00:11:24 → 00:11:28 มันติดมั้ล่ะติดสิคะมันก็ต้องรู้สึกว่า
00:11:28 → 00:11:31 อยากได้อีกอยากมีความสุขอีกอยากมีความสุข
00:11:31 → 00:11:35 เยอะๆเพราะว่าคือไม่มีใครอยากมีความทุกข์
00:11:35 → 00:11:39 นะคะครูติ๋ว
00:11:39 → 00:11:44 ใช่ค่ะค่ะเพียงแค่ว่าแหมพอพอกำลังจะพูด
00:11:44 → 00:11:46 ประโยคนี้ถึงคำว่ารู้
00:11:46 → 00:11:50 ตัวมันทำให้นึกถึงเครื่องมือที่เราเคยนำ
00:11:50 → 00:11:53 เสนอกับคุณผู้ฟังและคุณผู้ชมไปเนาะรายการ
00:11:53 → 00:11:56 เรามีทั้งชมและฟังคืออย่างงี้ไม่ว่าจะ
00:11:56 → 00:12:01 เป็น MBSR MBCT CBTX เนี่ยล้วนเป็น
00:12:01 → 00:12:05 เครื่องมือที่ทำให้เราอ่ะกลับเข้ามาหาตัว
00:12:05 → 00:12:10 เองมีสติที่จะรู้ว่าสิ่งไหนควรแก่เราสิ่ง
00:12:10 → 00:12:17 ไหนไม่ควรแก่เราค่ะอืแสดงว่าการตั้งข้อ
00:12:17 → 00:12:21 ตั้งตั้งคำถามภายใต้ข้อเท็จจริงเอ่อตาม
00:12:21 → 00:12:25 หลักจิตวิทยาเนี่ยคือถามว่าถ้าตั้งคำถาม
00:12:25 → 00:12:30 ว่าของนี้ที่เราอยากได้เรามีเงินพอมย
00:12:30 → 00:12:35 แต่ถ้าซื้อกับบัตรเครดิตเรามีสิ้นเดือน
00:12:35 → 00:12:38 เรามีปัญญาจ่ายเต็มวงเงินมั้ยอันนี้คือ
00:12:38 → 00:12:41 ภายใต้ข้อเท็จเท็จจริงแล้วพอเราคิดตามข้อ
00:12:41 → 00:12:44 เท็จจริง Yes or No ปึ๊บแล้วทีนี้เราก็
00:12:44 → 00:12:49 จะได้คำตอบในในเค้าเรียกอะไรนะคะว่า
00:12:49 → 00:12:51 สถานการณ์เนี้ยเราควรทำต่อหรือพอพอแค่
00:12:51 → 00:12:56 ความคิดถูกต้องมั้ยคะถูกต้องใช่เลยค่ะใช่
00:12:56 → 00:13:01 เลยค่ะคุณขวัญเหมือนกับที่เราเอ่อเคยพูด
00:13:01 → 00:13:04 ถึงใน CBT เนาะเทคนิค CBT คือตั้งคำถาม
00:13:04 → 00:13:09 ค่ะเพื่อท้าทายตัวเองหรือเพื่อเยียวยาตัว
00:13:09 → 00:13:12 เองลักษณะเนี้ยค่ะเหมือนเราสามารถตั้งคำ
00:13:12 → 00:13:18 ถามได้นะว่าของสิ่งเนี้ยมันจำเป็นสำหรับ
00:13:18 → 00:13:21 เรามั้ยของสิ่งนี้มันเหมาะสมกับเรามั้ย
00:13:21 → 00:13:24 ฉันน่ะซื้อเพื่อตัวเอง
00:13:24 → 00:13:28 หรือเพื่อให้คนอื่นเห็นค่ะมันเคยมีคน
00:13:28 → 00:13:32 กล่าวนะว่าทำไมฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันไม่
00:13:33 → 00:13:37 ชอบเพื่อให้คนที่ฉันไม่ชอบอ่ะมาชอบฉัน
00:13:37 → 00:13:42 หรือฉันต้องเลือกบางอย่างซื้อของบางอย่าง
00:13:42 → 00:13:47 เพื่อให้คนมาชอบใดๆเนี่ยมันค่อนข้างจะ
00:13:47 → 00:13:52 เค้าเรียกว่าเจ็บปวดนะกับการที่เราต้องทำ
00:13:52 → 00:13:54 ให้กับคนที่ไม่ชอบมาชอบเราหรือเราต้องทำ
00:13:54 → 00:13:58 ในสิ่งที่ไม่ชอบเพื่อให้คนมาชอบเราถ้าทำ
00:13:58 → 00:14:01 แบบนั้นในระยะยาวความเป็นตัวของตัวเองจะ
00:14:01 → 00:14:05 ถูกกลืนกินไปมั้ยคะแล้วก็มันจะนำพามาซึ่ง
00:14:05 → 00:14:09 เอ่อโรคได้หรือเปล่าเพราะว่าพอความเป็น
00:14:09 → 00:14:13 ตัวเองถูกกลืนกินไปแล้วเนี่ยภาวะความซึม
00:14:13 → 00:14:18 เศร้าหรือภาวะความอเอ่อหลงผิดไปว่าจริงพอ
00:14:18 → 00:14:22 พอทำให้คนอื่นชอบนานๆเนี่ยชีวิตก็อาจจะ
00:14:22 → 00:14:25 หลงผิดไปว่าออจริงๆแล้วฉันอาจจะเป็นแบบ
00:14:25 → 00:14:28 นั้นก็ได้ฉันอาจจะชอบทำก็ได้อันเนี้ย
00:14:28 → 00:14:31 เกี่ยวข้องมั้คะหรือว่าเอ่อมีมุมมองอย่าง
00:14:31 → 00:14:33 อื่นคะครูติ๋วคะ
00:14:33 → 00:14:36 มันเกี่ยวข้องอย่างมากเลยค่ะเกี่ยวข้อง
00:14:36 → 00:14:40 โดยตรงในทางจิตวิทยาเนี่ยเรามีคำคำนึง
00:14:40 → 00:14:41 เหมือนกันนะ
00:14:41 → 00:14:47 ที่เอ่อเรียกว่ามันแทบจะเป็นรากของหลายๆ
00:14:47 → 00:14:50 ปัญหาเลยอ่ะค่ะคือ Self esteem ค่ะ Self
00:14:50 → 00:14:53 esteem คือการที่เราอ่ะนับถือตัวเองหรือ
00:14:53 → 00:14:57 เป็นตัวเองอย่างแท้จริงค่ะคนในยุคเนี้ยมี
00:14:57 → 00:15:00 เปลือกที่บางทีมันเปลือกซ้อนเปลือกเลยอ่ะ
00:15:00 → 00:15:03 ค่ะที่ทำให้เราอ่ะไม่ได้เป็นตัวเองไม่ได้
00:15:03 → 00:15:09 เห็นตัวเองอืค่ะพอพอพอเราพอเราไม่มีเซลล์
00:15:09 → 00:15:11 Estem หรือเซลล์ esteem ต่ำอ่ะค่ะมันก็
00:15:11 → 00:15:15 จะหาทางออกต่างๆเพราะว่ามนุษย์เนี่ยมี
00:15:15 → 00:15:19 ความกลัวที่เหมือนๆกันต่างกันที่ระดับ
00:15:19 → 00:15:22 ความกลัวของมนุษย์เนี่ยมันก็กลัวไม่เป็น
00:15:22 → 00:15:27 ที่รักค่ะกลัวไม่ดีพอกลัวไม่เข้าพวกไม่
00:15:27 → 00:15:31 ได้เข้าสังคมค่ะลักษณะเนี้ยค่ะซึ่งมันก็
00:15:31 → 00:15:36 จะโยงโยงใยไปถึงเรื่องของชีวิตติดแกมที่
00:15:36 → 00:15:40 เราเอามาพูดด้วยอืค่ะอืในลักษณะนี้อีก
00:15:40 → 00:15:44 อย่างนึงอ่ะนะคะในเรื่องของการปรับสมดุล
00:15:44 → 00:15:48 เพื่อการตระหนักรู้เนี่ยนอกจากเราจะใช้
00:15:48 → 00:15:50 การตั้งคำ
00:15:50 → 00:15:53 ถามเนาะเมื่อสักครู่ที่เราคุยกันว่าเรา
00:15:53 → 00:15:56 สามารถตั้งคำถามเพื่อช่วยได้เนี่ยมันยัง
00:15:56 → 00:16:00 มีการหาแหล่งความสุขที่ยั่งยืนกว่าด้วยนะ
00:16:00 → 00:16:04 เพราะว่าทุกพฤติกรรมเนี่ยเค้า
00:16:04 → 00:16:08 อ่ะแสดงออกมาเพื่อหาความสุขให้กับตัวเอง
00:16:08 → 00:16:13 ค่ะถูกมั้ยคะคราวเนี้ยมันสามารถที่ตั้งคำ
00:16:13 → 00:16:15 ถามว่าแล้วเราจะหาแหล่งที่มาของความสุข
00:16:16 → 00:16:19 เนี่ยได้จากที่ไหนที่มันยั่งยืนกว่ายั่ง
00:16:19 → 00:16:22 ยืนการที่เราใช้ชีวิตติดแกรมอ่ะยั่งยืน
00:16:22 → 00:16:27 กับการที่เราอจะต้องดึง
00:16:27 → 00:16:30 ดูดดึงดูดเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมี
00:16:30 → 00:16:35 เสน่ห์ด้วยการที่ใช้ชีวิตติดแกมซื้อของ
00:16:35 → 00:16:39 ราคาแพงใช้ชีวิตหรูหราเกินกว่าฐานะความ
00:16:39 → 00:16:43 เป็นจริงลักษณะนี้เรามีทางเลือกอื่นมั้ย
00:16:43 → 00:16:47 เช่นเอ่อออกกำลัง
00:16:47 → 00:16:51 กายทำงานอดิเรกหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เรา
00:16:51 → 00:16:55 อ่ะมีความสุขแสดงว่าเราต้องตั้งคำถามแล้ว
00:16:55 → 00:16:58 ทบทวนกับตัวเองว่ากิจกรรมอื่นๆนอกเหนือ
00:16:58 → 00:17:03 จากการพึงพอใจกับการได้ของหรือว่าความ
00:17:03 → 00:17:05 หรูหราตรงเนี้ยความสุขอย่างอื่นเรามี
00:17:05 → 00:17:08 อย่างอื่นกิจกรรมอื่นๆอีกหรือไม่ใช่มั้ย
00:17:08 → 00:17:12 คะแล้วก็พอถ้ามีกิจกรรมอย่างอื่นที่มันมี
00:17:12 → 00:17:17 ความสุขแล้วเนี่ยเราจะทำด้วยวิธีอะไรที่
00:17:17 → 00:17:21 จะทำให้มันยั่งยืนแต่พออันเนี้ยครูติ๋ว
00:17:21 → 00:17:24 ชีวิตติดแกรมอีกอันนึงที่นึกถึงบางคนเวลา
00:17:24 → 00:17:27 โพสต์ไปในโซเชียลต่างๆแล้วชอบเข้าไปดู
00:17:27 → 00:17:30 เช็คยอดไลฟ์อันนี้มีคนมาไลฟ์ฉันเยอะมั้ย
00:17:31 → 00:17:36 อันเนี้ยก็คล้ายๆเป็นการติดสารเสพติดความ
00:17:36 → 00:17:40 สุขโดพามีนด้วยหรือเปล่าคะอันเนี้ย
00:17:40 → 00:17:44 เอ่อครูชวนคิดอย่างี้ค่ะว่า
00:17:44 → 00:17:48 อ่ามันทำให้เราเนี่ยค่ะ
00:17:48 → 00:17:51 เอ่อพูดภาษาชาวบ้านก็เดือดร้อนมั้ยหรือ
00:17:51 → 00:17:54 ว่าชีวิตเราถ้ายังเป็นอย่างี้ต่อไปเนี่ย
00:17:54 → 00:17:58 มันจะสร้างความลำบากอะไรให้เราหรือเปล่า
00:17:58 → 00:18:00 คืออย่างไปดูยอดกดไลก์เนี่ยมันอาจจะไม่
00:18:00 → 00:18:03 ได้ทำให้ชีวิตเราสะเทือนอะไรเยอะแยะ
00:18:03 → 00:18:06 สะเทือนหรือเสียหายเนาะค่ะถูกมั้ยเออมัน
00:18:06 → 00:18:09 ก็ได้เพราะอย่างงี้เหมือนที่เราคุยกันว่า
00:18:09 → 00:18:13 ไอ้ชีวิตติดแกรมเนี่ยมันก็มีความคล้ายกับ
00:18:13 → 00:18:18 การติดอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นติดการพนัน
00:18:18 → 00:18:23 ถูกมั้ยค่ะก็ติดเซ็ก์ติดเซ็ก์ที่มันเป็น
00:18:23 → 00:18:26 ปัญหาติดแม้แต่เรื่องง่ายๆคือติดมือถือ
00:18:27 → 00:18:31 คือใดๆทุกอย่างที่พูดมาเนี่ยนะค่ะ
00:18:31 → 00:18:32 คือถ้า
00:18:32 → 00:18:36 มันสมดุลหรือมันไม่ได้ทำความเสียหายถูก
00:18:36 → 00:18:39 มั้ยเพราะเหมือนเมื่อสักครู่ที่ครูพูดถึง
00:18:39 → 00:18:45 ติดการพนันน่ะค่ะคนจำนวนมากต้องการเสพติด
00:18:45 → 00:18:48 ความรู้สึกที่ได้จากการเล่นการพนันความ
00:18:48 → 00:18:52 รู้สึกตอนชนะพนันน่ะหรอคะคุณติ๋วใดๆไม่
00:18:52 → 00:18:55 ว่าจะเป็นความรู้สึกตอนชนะความรู้สึกตอน
00:18:55 → 00:19:00 ได้ลุ้นค่ะถูกมั้ยซึ่งเหล่าเนี้ยค่ะตอน
00:19:00 → 00:19:04 ที่เราเอ่อช้อปปิ้งของหรูหรือว่าติดแกม
00:19:04 → 00:19:08 เนี่ยบางครั้งพอเราซื้อของอย่างเช่นกลไก
00:19:08 → 00:19:12 ทางการตลาดที่มีการโฆษณาถูกมย Limited
00:19:12 → 00:19:15 Edition มันทำให้เราเนี่ยรู้สึกแบบว้าว
00:19:15 → 00:19:20 มันต้องมีของมันต้องได้ถ้าเราไม่ซื้อตอน
00:19:20 → 00:19:25 นี้แล้วมันหมดล่ะเออนั่นแหละค่ะ
00:19:25 → 00:19:28 อ่ะ 2 ชิ้นสุดท้าย
00:19:29 → 00:19:33 ค่ะเคยเคยมาแล้วยังไงไหนลองแชร์คุณผู้ฟัง
00:19:33 → 00:19:36 หน่อยเนี่ยเหลือเหลือ 2 ชิ้นสุดท้ายแต่
00:19:36 → 00:19:41 ถ้าสีเนี้ยค่ะเป็นสีหายากมากเลยนะคะแล้ว
00:19:41 → 00:19:44 ก็จริงๆแล้วสีเนี้ยถ้า
00:19:44 → 00:19:48 รับไปนะคะแล้วก็ไปใช้แป๊บนึงสามารถเอาไป
00:19:48 → 00:19:51 ขายมีมูลค่าสีนี้หายากมากในเมืองไทยมีไม่
00:19:51 → 00:19:56 กี่ชิ้นที่เข้ามาโอหยหลงใหลเลยค่ะครูคราว
00:19:56 → 00:19:58 นี้แหละโอบัตรเครดิตสั่น
00:19:58 → 00:20:02 [เสียงหัวเราะ]
00:20:02 → 00:20:08 เออก็ก็ยอมรับค่ะว่าเอ่อพอเจอคำพูดดึงดูด
00:20:08 → 00:20:12 แล้วก็จากที่ไม่ค่อยอยากได้เนี่ยก็อยาก
00:20:12 → 00:20:16 ได้เพิ่มขึ้นและมีบางสิ่งบางอย่างที่ตัด
00:20:16 → 00:20:18 สินใจซื้อไปเหมือนกันค่ะ
00:20:18 → 00:20:23 ถูกมั้ยค่ะเนี่ยค่ะกลไกต่างๆ
00:20:23 → 00:20:29 ในตัวเราอ่ะค่ะมันก็จะตอบสนอง 2 ต่อสิ่ง
00:20:29 → 00:20:33 เร้าสิ่งกระตุ้นมากมายคราวเนี้ยค่ะมัน
00:20:33 → 00:20:36 ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้น
00:20:36 → 00:20:40 เนี่ยมีภูมิต้านทานแค่ไหนอ่ะถ้าพูดกัน
00:20:40 → 00:20:42 ง่ายๆค่ะ
00:20:42 → 00:20:46 อ่าภูมิต้านทานที่ว่ามันสามารถลิงก์เข้า
00:20:47 → 00:20:50 มาหาเครื่องมือที่เราเคยพูดกันในรายการ
00:20:50 → 00:20:55 ค่ะคุณผู้ฟังคะการที่รู้ตัวการที่มีสติ
00:20:55 → 00:20:59 อยู่กับตัวเองการที่ปรับความคิดและ
00:20:59 → 00:21:03 พฤติกรรมการที่ยอมรับเห็นมั้ยขวัญขวัญ
00:21:03 → 00:21:06 เห็นมั้ว่าอมันล้วนเชื่อมโยงกับเครื่อง
00:21:06 → 00:21:10 มือที่เราได้พูดกันในรายการให้ใช่ค่ะถูก
00:21:10 → 00:21:14 มั้ยการยอมรับก็แอที่เราเพิ่งพูดถึงไปนะ
00:21:14 → 00:21:18 คะว่าเราเรายอมรับไม่ว่าข้อนั้นจะเป็นข้อ
00:21:18 → 00:21:21 ดีหรือข้อลบแต่ว่าเรายอมรับและรับรู้ว่า
00:21:21 → 00:21:25 เอ่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้วเราจะทำยังไง
00:21:25 → 00:21:28 ให้มันเป็นเรื่องที่ดีขึ้นหรือปรับ
00:21:28 → 00:21:32 เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีกว่าอืค่ะอ่ะเราจะ
00:21:32 → 00:21:35 ขออนุญาตทวนคุณผู้ฟังด้วยนิดนึงเนาะเพื่อ
00:21:35 → 00:21:38 ให้ความรู้ที่เราได้เรียนกันมาฟังกันมา
00:21:38 → 00:21:41 เนี่ยได้เกิดประโยชน์สูงสุดการทบทวนจะ
00:21:41 → 00:21:45 ช่วยให้คุณผู้ฟังเนี่ยได้กลับเข้ามาเ้า
00:21:45 → 00:21:49 เรียกว่าชัดเจนแล้วก็
00:21:49 → 00:21:52 เพิ่มคูณเนาะใช่เวลาจะนึกแล้วนำไปใช้จริง
00:21:52 → 00:21:55 ๆอ่ะมันจะมันจะคลิกได้เร็วขึ้นใช่มั้ยคะ
00:21:55 → 00:21:56 กูติ๋ว
00:21:56 → 00:21:59 ใช่เลยค่ะมันจะเกิดประโยชน์สูงสุดจริงๆ
00:21:59 → 00:22:00 ที่
00:22:00 → 00:22:04 ฟังรายการเราเพราะว่าอะไรเได้นำกลับไปใช้
00:22:04 → 00:22:07 จริงๆค่ะค่ะถูกมั้ยไม่ว่าจะเป็นครั้งแรก
00:22:07 → 00:22:11 เลยที่เราพูดถึง MBSR คือการลดความเครียด
00:22:11 → 00:22:15 ด้วยสติ MBCT ด้วยการมีสติเข้ามาช่วยใน
00:22:15 → 00:22:18 เรื่องของการปรับความคิดและพฤติกรรมจนมา
00:22:18 → 00:22:22 ถึง CBT โดยตรงคือการเรียนรู้ที่จะปรับ
00:22:22 → 00:22:25 ความคิดและพฤติกรรมเพราะความคิดของเราก็
00:22:25 → 00:22:28 เป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งเราจะเป็นไปตามที่
00:22:28 → 00:22:31 เราคิดถูกมั้คะและล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่
00:22:31 → 00:22:34 แล้วเราคุยกันถึงแการยอม
00:22:34 → 00:22:39 รับและมีคอมมิในการที่จะพัฒนาตัวเองต่อ
00:22:39 → 00:22:43 ค่ะอืเห็นมแล้วเทคนิคต่างๆที่เราได้นำ
00:22:43 → 00:22:47 เสนอไปอ่ะค่ะสามารถนำมาใช้ได้หมดเลยอืจำ
00:22:47 → 00:22:50 เทคนิค Stop ได้มั้ยคะเทคนิค Stop จำได้
00:22:50 → 00:22:55 ค่ะก็พอเจอปัญหาปึ๊บหยุดอ่ะอ่าใช่หยุด
00:22:55 → 00:23:00 ปุ๊บก็เริ่มสำรวจอ่าพอสำรวจเสร็จปุ๊บก็
00:23:00 → 00:23:04 สังเกตสังเกตเสร็จปุ๊บยอมรับเออถูกมั้
00:23:04 → 00:23:09 เนี่ยถูกมั้เนี่ยถูกอ่ะถ้าถ้าจะตัวนึงก็
00:23:09 → 00:23:14 คือเพิ่มนะซึ่งมันง่ายจนเราอ่ะมักจะมัน
00:23:14 → 00:23:17 ง่ายจนเรามักจะไม่ค่อยทำเรื่องที่มันง่าย
00:23:17 → 00:23:21 จนเหลือเชื่ออะไรเหรอคะอ่ะอะไรหล่นไปข้อ
00:23:21 → 00:23:24 นึงเอ๊ะหรอ
00:23:24 → 00:23:26 อ่ะครูติ๋วเฉลยเถอะขวัญว่าขวัญก็พยายาม
00:23:26 → 00:23:29 พยายามขวัญน่ะยอดเยี่ยมมากเพราะขวัญน่ะจำ
00:23:29 → 00:23:33 ได้แล้วก็ทวนให้คุณผู้ฟังได้เสมอหายใจค่ะ
00:23:33 → 00:23:38 คุณผู้ฟังหายออใช่อันที่ 2 หายใจลึกๆบรีส
00:23:38 → 00:23:45 เออค่ะตั้งสติคุมหายใจให้มันแบบช้าลงความ
00:23:45 → 00:23:50 เวลาความโกรธอารมณ์ที่พุ่งพลาดน่ะมันก็จะ
00:23:50 → 00:23:53 ดาวลงแล้วก็มันดึงสติกลับมาได้เร็วถูกคืน
00:23:53 → 00:23:56 อ้าขอบพระคุณค่ะครูติ๋วคะโอคุณขวัญยอด
00:23:56 → 00:23:59 เยี่ยมมากเลยคุณสามารถจำเทคนิคได้ยอด
00:23:59 → 00:24:02 เยี่ยมเมื่อสักครู่ที่ครูได้ยินถึงเอ่อ
00:24:02 → 00:24:05 ขวัญพูดถึงคำว่าเทคนิคเหล่าเนี้ยนำมาใช้
00:24:05 → 00:24:08 ได้ได้เวลาความโกรธใช่มั้ยคะค่ะความจริง
00:24:08 → 00:24:11 คืออะไรรู้มั้ยเทคนิคนี้นะคะคุณผู้ฟัง
00:24:11 → 00:24:14 เทคนิค Stop ง่ายๆเนี่ยค่ะใช้ได้กับทุก
00:24:15 → 00:24:17 อารมณ์ค่ะแล้วก็แก้ได้ทุกปัญหาทุกอารมณ์
00:24:17 → 00:24:22 เลยนะเอ๊ะอารมณ์เวลาโเครียดอะไรนะขวัญว่า
00:24:22 → 00:24:25 ไงกำลังจะแบบเอ๊ะนิดนึงตรงที่ว่ามีเวลา
00:24:25 → 00:24:29 เรามีความสุขเราต้อง stop ด้วยเหรอคะครู
00:24:29 → 00:24:31 อืเป็นคำถามที่ดี
00:24:31 → 00:24:36 นะคือว่าถ้ามีความสุขเนี่ยมันอาจจะล้าว
00:24:36 → 00:24:39 ไว้ในฐานที่เข้าใจนะว่าเออมีความสุข
00:24:40 → 00:24:43 เนี่ยอืจริงๆแล้วแหมในเชิงจิตวิทยานี่ก็
00:24:44 → 00:24:46 ตอบยากเหมือนกันนะเนี่ยเพราะว่าอย่าสุขจน
00:24:46 → 00:24:52 ล้นหรอถ้ายังไงหรอคะเออจริงๆสุขอ่ะมันดี
00:24:52 → 00:24:56 แล้วถ้าเป็นในมุมมองครูด้วยนะอ่ะค่ะแต่
00:24:56 → 00:25:00 สิ่งนึงอ่ะเหมือนที่เรามาคุยกันเนี่ยมัน
00:25:00 → 00:25:04 คงจะต้องดูในเรื่องของแหล่งที่มาของความ
00:25:04 → 00:25:08 สุขด้วยนะอืมค่ะแหล่งที่มาของความสุขที่
00:25:08 → 00:25:11 ยั่งยืนกว่าค่ะหมายถึงอะไรเหมือนที่เรา
00:25:11 → 00:25:14 คุยกันเรื่องติดแกรมเมื่อสักครู่อ่ะค่ะ
00:25:14 → 00:25:18 ค่ะการที่เราได้ช้อปปิ้งการที่เราได้ซื้อ
00:25:18 → 00:25:22 ของราคาแพงการที่เราจะไปมีประสบการณ์ส่วน
00:25:22 → 00:25:26 ตัวในที่หรูหราใดๆก็ตามเนี่ยมันทำให้เรา
00:25:26 → 00:25:29 มีความสุขนะแม้แต่การเล่นการพนันเนี่ยบาง
00:25:29 → 00:25:32 ทีมันก็ทำให้เรามีความสุขเพราะมันจะทำให้
00:25:32 → 00:25:36 อารมณ์ความรู้สึกต่างๆเนี่ยอุ้ยลุ้นว่ะ
00:25:36 → 00:25:40 ตื่นเต้นว่ะชนะว่ะไอ้สิ่งเหล่าเนี้ยมัน
00:25:40 → 00:25:43 ล้วนกระตุ้นเคมีที่ทำให้เรารู้สึกมีความ
00:25:43 → 00:25:49 สุขค่ะถูกมั้ยใช่มค่ะมันเลยต้องใช้เทคนิค
00:25:49 → 00:25:52 stop เพื่ออะไรอ้าลองหยุดซิหายใจซิ
00:25:52 → 00:25:56 observe ซิค่ะ observer ซิมัน observe
00:25:56 → 00:26:00 ไปแล้วมันดีมั้ยมันเหมาะมั้ยอืนึกออกมั้ย
00:26:01 → 00:26:03 อันเนี้แหละที่ครูชวนทบทวนและเอาเข้ามา
00:26:04 → 00:26:06 ใช้มันจะเป็นเทคนิคที่เราสามารถใช้ใน
00:26:06 → 00:26:10 ชีวิตประจำวันได้จริงๆค่ะอถูกมั้ยถ้าจะ
00:26:10 → 00:26:14 คุยกันแค่ว่ามีความสุขแล้วต้อง stop มย
00:26:14 → 00:26:19 ถูกมั้ยมีความสุขก็ต้อง stop นะค่ะอืถูก
00:26:19 → 00:26:25 มั้ยค่ะเออเพราะว่าถ้าคือถ้าตามหลักส๊ป
00:26:25 → 00:26:29 เนี่ยคือถ้าเรามีความสุขแต่ว่าถ้าเราไม่
00:26:30 → 00:26:32 สopอ่ะบางสิ่งบางอย่างบางบริบทดีกว่าครู
00:26:33 → 00:26:36 ติ๋วอันเนี้ขวัญมองบางครั้งอ่ะเราอยู่
00:26:36 → 00:26:39 เนี่ยความสุขของเราแต่เป็นความทุกข์ของคน
00:26:39 → 00:26:42 อื่นในสถานการณ์ที่เขาอยู่รอบข้างเราบาง
00:26:42 → 00:26:46 ทีเราสุขเกินไปแต่มันเอ่อมีเค้ากำลังคือ
00:26:47 → 00:26:50 บางทีเค้ากำลังมีความทุกข์อยู่บางบางที
00:26:50 → 00:26:52 แบบเราอยู่ในสถานการณ์ที่เราต้องดีใจอ่ะ
00:26:52 → 00:26:56 แต่คือแบบว่าดีใจให้พอประมาณน่ะเพราะว่า
00:26:56 → 00:27:00 ถ้าเราดีใจมากไปคนที่มองคนที่ไม่ได้อย่าง
00:27:00 → 00:27:04 ที่เราได้เขาจะเสียใจได้เหมือนกันยอด
00:27:04 → 00:27:08 เยี่ยมมากค่ะซึ่งซึตรงนี้เมื่อสักครู่ที่
00:27:08 → 00:27:10 มีพูดคำว่ารู้ตัวเนี่ยมันก็คือสตินั่น
00:27:10 → 00:27:16 แหละค่ะอืถูกมั้ยค่ะมันก็คือ MBCT อะไรนะ
00:27:16 → 00:27:19 mindfulness cognitive behavior
00:27:19 → 00:27:22 Y การที่เรามีสติรู้ตัวเนี่ยมันจะทำให้
00:27:22 → 00:27:25 เราอ่ะค่ะมีความคิดที่เป็นประโยชน์มาก
00:27:25 → 00:27:28 ขึ้นค่ะมีพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์และ
00:27:28 → 00:27:31 สร้างสรรค์มากขึ้น
00:27:31 → 00:27:36 อือืค่ะเดี๋ยวช่วงนี้ชวนครูติ๋วพักกันสัก
00:27:36 → 00:27:40 ครู่ก่อนดีกว่าแล้วก็คุณผู้ฟังคะถ้ามีข้อ
00:27:40 → 00:27:43 คำถามหรืออะไรสงสัยกับสถานการณ์อะไรที่
00:27:43 → 00:27:46 กำลังเผชิญอยู่เขียนมาใน inbox เอ่อไม่
00:27:46 → 00:27:48 ใช่ inbox ค่ะในคอมเมนต์ของ Facebook
00:27:48 → 00:27:52 Live ค่ะเพจ MCOT News FM 100.5 5
00:27:52 → 00:27:55 หรือว่าทาง Line แอดนะคะMCอิวสก็ได้ค่ะ
00:27:55 → 00:27:58 ขวัญจะเป็นสื่อกลางในการสอบถามกับครูติ๋ว
00:27:58 → 00:28:01 นันทนาให้ว่าถ้าสถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่
00:28:01 → 00:28:04 เนี่ยจะแก้ด้วยเทคนิคอะไรหรือตั้งรับกับ
00:28:04 → 00:28:06 มันได้อย่างไรบ้างเดี๋ยวช่วงนี้พักกันสัก
00:28:07 → 00:28:10 ครู่ก่อนค่ะเราพูดคุยกันถึงเรื่องชีวิต
00:28:10 → 00:28:13 ติดแกรมเป็นสัญญาณทางจิตหรือพฤติกรรมสุด
00:28:13 → 00:28:17 โต่งเมื่อสักครู่เนี่ยครูติ๋วก็ได้ให้
00:28:17 → 00:28:19 เทคนิคแล้วก็ทวนเทคนิคกันนะคะเกี่ยวกับ
00:28:19 → 00:28:22 เทคนิค Stop ว่าถึงแม้ว่าเราจะมีหลากหลาย
00:28:22 → 00:28:24 อารมณ์หลากหลายอารมณ์กับเทคนิค Stop
00:28:24 → 00:28:28 เนี่ยสามารถใช้ได้ทุกอารมณ์เลยแม้กระทั่ง
00:28:28 → 00:28:31 อารมณ์ที่มีความสุขถ้าเรามีความสุขเราก็
00:28:31 → 00:28:35 สุขแต่พอให้พอดีให้รู้สติมีสติกับความสุข
00:28:35 → 00:28:38 นั้นนะคะมาต่อกันเลยดีกว่าดีกว่าค่ะครู
00:28:38 → 00:28:41 ติ๋วคะค่ะ
00:28:41 → 00:28:46 ค่ะถ้าเรารู้สึกว่าถ้าเหมือนถ้าบางคน
00:28:46 → 00:28:49 เนี่ยค่ะเหมือนถ้าใช้ชีวิตติดแกรมเจะมี
00:28:49 → 00:28:52 ความสุขกับสิ่งของการใช้สิ่งของนั้นชั่ว
00:28:52 → 00:28:57 ครู่ชั่วยามและมีความสุขกับคำชมที่ได้มา
00:28:57 → 00:29:01 ตรงเนะค่ะคือถ้าเค้าติดสิ่งนี้แล้วทำ
00:29:01 → 00:29:05 เรื่อยๆสิ่งเหล่าเนี้ยถ้าหากว่าเค้ายัง
00:29:05 → 00:29:08 นึกไม่ออกว่าเขาจะแบบไปทำพฤเอ่อเค้าเรียก
00:29:08 → 00:29:10 อะไรนะ activity อื่นให้มีความสุขได้
00:29:10 → 00:29:14 อย่างไรบ้างเนี่ยจุดแรกที่คนเราฟังอยู่
00:29:14 → 00:29:17 เนี่ยจะดึงตัวเองออกจากสิ่งที่เขาอาจจะ
00:29:17 → 00:29:19 ไม่รู้ตัวอย่างที่ครูติ๋วบอกว่าเขาติด
00:29:19 → 00:29:22 แกรมโดยไม่รู้ตัวการเสพติดแบบเนี้ยค่ะ
00:29:22 → 00:29:24 เค้าจะดึงตัวเองออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ยัง
00:29:24 → 00:29:27 ไงบ้างคะ
00:29:27 → 00:29:30 อืมเมื่อเมื่อสักครู่เนาะที่เราพูดกันถึง
00:29:30 → 00:29:35 คำว่าค่ะรู้ตัวด้วยเนี่ยมันก็จะเข้าไปถึง
00:29:35 → 00:29:38 เครื่องมือที่เราเคยให้คุณผู้ฟังไปใน
00:29:38 → 00:29:41 ศาสตร์การบำบัดต่างๆไม่ว่าจะเป็นอ MBSR
00:29:41 → 00:29:45 MBCT เนาะคือ mindfulness ที่มีสติรู้
00:29:45 → 00:29:48 ตัวมันมีอีกคำนึงเมื่อสักครู่ที่เราเอ่อ
00:29:48 → 00:29:53 เค้าเรียกว่าให้เครื่องมือในการปรับสมดุล
00:29:53 → 00:29:55 เพื่อที่จะตระหนักรู้มากขึ้นพอเราตระหนัก
00:29:55 → 00:29:58 รู้มากขึ้นเนี่ยเราจะทำสิ่งที่ถูกต้องมาก
00:29:58 → 00:30:00 ขึ้นการติดแกรมก็จะลดลงเพราะอย่างที่เรา
00:30:01 → 00:30:04 คุยกันน่ะว่าไอ้ติดแกรมเนี่ยนะค่ะมันลึก
00:30:04 → 00:30:09 ถึงขั้นระดับเคมีอ่ะเพราะว่าฮอร์โมนต่างๆ
00:30:09 → 00:30:13 อ่ะมันรับมาจากการที่เราได้รู้สึกผ่าน
00:30:13 → 00:30:16 แอคชัหรือผ่านพฤติกรรมของเราใช่มั้ยคะพอ
00:30:16 → 00:30:20 เราทำสิ่งนี้ค่ะเราก็จะมีความรู้สึกนี้
00:30:20 → 00:30:23 ความรู้สึกนี้ก็ทำให้ฮอร์โมนนี้มันหลั่ง
00:30:23 → 00:30:26 ออกมาคราวเนี้ยมันเหมือนสารเสพติดเหมือน
00:30:26 → 00:30:30 ที่ครูได้เกริ่นไปอ่ะเนาะว่าไอ้สารที่มัน
00:30:30 → 00:30:33 หลั่งออกมามันก็ทำให้เรามีความสุขเหมือน
00:30:33 → 00:30:35 กับสารเสพติดที่เสพเข้าไปเนี่ยมันก็ทำให้
00:30:35 → 00:30:40 เรามีความสุขเราจึงต้องพิจารณาให้ดีผ่าน
00:30:40 → 00:30:46 เครื่องมือต่างๆการมีสติการรับรู้หรือว่า
00:30:46 → 00:30:49 ถ้าคุณผู้ฟังทำได้ในหลักของ CBT อ่ะที่
00:30:49 → 00:30:51 เมื่อมีเหตุการณ์เข้ามาใช่มั้คะเราจะมี
00:30:51 → 00:30:54 ความคิดแล้วก็มีอารมณ์มีพฤติกรรมแล้วมัน
00:30:55 → 00:30:59 ก็จะส่งผลเป็นผลลัพธ์ทางร่างกายซึ่งตรง
00:30:59 → 00:31:02 เนี้ยก็เหมือนกันผลลัพธ์ที่ว่าคือติดแกรม
00:31:02 → 00:31:06 มันก็จะมาจากความคิดของเราคราวเนี้ยค่ะ
00:31:06 → 00:31:11 การที่เราจะพาตัวเองออกมาจากไอ้วิถีการ
00:31:12 → 00:31:16 ติดแรมที่ว่าเนี่ยนะคะค่ะมันจึงจะต้องมี
00:31:16 → 00:31:21 การเค้าเรียกว่ารู้ตัวมากขึ้นด้วยการที่
00:31:21 → 00:31:24 เราอ่ะได้รู้จักว่าเอ๊ะเราเนี่ยกำลังพึ่ง
00:31:24 → 00:31:29 พาความสุขจากที่ไหนค่ะเพราะมันเป็นกลไก
00:31:29 → 00:31:32 ตามธรรมชาติของมนุษย์เลยที่จะ
00:31:33 → 00:31:36 ต้องแสวงหาสิ่งที่เรียกว่าความสุขแล้วก็
00:31:36 → 00:31:40 มีกลไกการปกป้องตัวเองด้วยนะที่จะทำให้
00:31:40 → 00:31:43 เราเนี่ยเค้าเรียกว่าเหมือนมีข้ออ้างอ่ะ
00:31:43 → 00:31:47 กลไกเนี่ยมันก็จะเพิ่มขึ้นมามีคำนึงค่ะ
00:31:47 → 00:31:49 ที่ครูครูอยากจะฝากเหมือนกันเพื่อที่จะ
00:31:49 → 00:31:52 ฝึกการบริโภคอย่างมีสติเนาะค่ะเพื่อจะ
00:31:53 → 00:31:57 พิจารณาคุณค่าที่แท้จริงว่าไอ้สิ่งเนี้ย
00:31:57 → 00:32:00 มันเป็นความจำเป็นความต้องการที่แท้จริง
00:32:00 → 00:32:04 ของเราหรือแค่มาสะท้อนภาพลักษณ์อีกอันนึง
00:32:04 → 00:32:07 ที่สำคัญเนี่ยเค้าเค้าเรียกว่า
00:32:07 → 00:32:13 เป็นที่พึ่งทางอารมณ์อืค่ะที่พึ่งทาง
00:32:13 → 00:32:16 อารมณ์เออที่พึ่งทางอารมณ์เหมือนเมื่อสัก
00:32:16 → 00:32:20 ครู่ที่เราคุยกันว่าอารมณ์ความรู้สึกที่
00:32:20 → 00:32:23 เราต้องการเนี่ยค่ะผลลัพธ์ผลลัพธ์อ่ะคือ
00:32:23 → 00:32:27 ความสุขแต่วิธีวิธีการที่เราจะได้สิ่ง
00:32:27 → 00:32:30 เนี้ยมันอาจจะมาจากหลายอย่างถูกมั้ยคะใช่
00:32:30 → 00:32:33 ค่ะเหมือนไอ้การติดแกมก็เป็นอย่างหนึ่ง
00:32:33 → 00:32:36 ใช่ค่ะอย่างที่คุณผู้ฟังพิมพ์มาใน
00:32:36 → 00:32:39 Facebook ไลฟค่ะบอกว่าออกกำลังกายปลูก
00:32:39 → 00:32:44 ต้นไม้ปลูกดอกไม้ฟังเพลงทานอาหารเพื่อ
00:32:44 → 00:32:47 สุขภาพแบบให้แบบฟังธรรมอะไรเงี้ยก็เป็น
00:32:47 → 00:32:51 อีกวิธีนึงที่เหมือนกับมีความสุขก็ได้
00:32:51 → 00:32:54 อะไรเงี้ยเอออันนี้ก็เป็นแนวทางที่ดีนะคะ
00:32:54 → 00:32:57 เพราะอันเนี้ดูดูแล้วฟังกระทั่งแม้
00:32:57 → 00:33:00 กระทั่งอ่านน่ะครูติ๋วยังรู้สึกสงบรู้สึก
00:33:00 → 00:33:05 แบบอืมดูใช่ดูดูถึงความแบบเห็นเห็นภาพเลย
00:33:05 → 00:33:10 ว่าแบบเป็นชีวิตแบบSLไลฟที่ดีมากใช่ค่ะ
00:33:10 → 00:33:13 คือถ้าตรงข้ามกับติดแกมเราจะเรียกว่าติด
00:33:14 → 00:33:16 อะไรดีล่ะเนี่ยเนี่ยคือสิ่งที่คุณผู้ฟัง
00:33:17 → 00:33:20 ท่านเนี้ยกำลังนำเสนอมาค่ะเป็นประโยชน์
00:33:20 → 00:33:23 และเป็นตัวอย่างที่ดีมากค่ะถูกมั้ยการออก
00:33:23 → 00:33:25 กำลังกายคุณก็จะได้ประโยชน์หลายอย่างทั้ง
00:33:25 → 00:33:28 ร่างกายและจิตใจค่ะในการออกกำลังกายอ่ะ
00:33:28 → 00:33:31 ค่ะมันก็จะหลั่งสาร
00:33:31 → 00:33:34 สารเหล่าเนี้ยออกมาเหมือนกันเลยขวัญมันจะ
00:33:34 → 00:33:37 เป็นเค้าเรียกว่าฮอร์โมนฝั่งบวกเนี่ยค่ะ
00:33:37 → 00:33:40 ออกมาเหมือนกันเลย
00:33:40 → 00:33:44 กลไกการทำงานของร่างกายเราอ่ะค่ะในส่วน
00:33:44 → 00:33:46 ของระบบสมองระบบประสาทเนี่ยเหมือนระบบ
00:33:46 → 00:33:50 ประสาทเนี่ยหลักๆมันจะมีระบบsympatาทติ
00:33:50 → 00:33:55 กับพาราซyาทติเนาะค่ะระบบsympatาทติอ่ะใน
00:33:55 → 00:34:00 การที่ร่างกายเรามันต้องสู้ไอ fight อ่ะ
00:34:00 → 00:34:03 จะสู้หรือจะหนีซึ่งมันทำให้ร่างกายเราอ่ะ
00:34:03 → 00:34:07 มันพร้อมมันตื่นตัวมากค่ะในขณะเดียวกัน
00:34:07 → 00:34:11 อีกระบบนึงอ่ะค่ะพาราซyติมันคือระบบที่
00:34:11 → 00:34:15 ผ่อนคลายจะย่อยอาหารมั้ยจะขับถ่ายมั้ย
00:34:15 → 00:34:20 มั้ยนึกออกมั้ค่ะอือมันสำคัญทั้ง 2 ระบบ
00:34:20 → 00:34:24 คราวเนี้ยทำอย่างไรที่เราจะสร้างภาวะ
00:34:24 → 00:34:28 สมดุลให้กับระบบภายในร่างกายเราได้เพราะ
00:34:28 → 00:34:30 อะไรขวัญเพราะถ้าเรามีความเครียดเราตึง
00:34:30 → 00:34:34 เราอะไรเนี่ยนะค่ะอาหารไม่ย่อยค่ะระบบ
00:34:34 → 00:34:38 ย่อยไม่ทำงานอืไม่ขับถ่ายค่ะนอนไม่หลับ
00:34:38 → 00:34:41 ค่ะนึกออกมั้ยเนี่ยความเครียดเป็นบ่อเกิด
00:34:41 → 00:34:45 ของหลายโรคนะคะถูกต้องค่ะแต่ในขณะเดียว
00:34:45 → 00:34:50 กันถ้าฝั่งของsympathติicไม่ทำ
00:34:50 → 00:34:55 งานมันก็จะไม่แคทีไม่ทำเหมือนกันนะคือ
00:34:55 → 00:34:58 เหมือนเราต้องอยู่ในความเสี่ยงนิดๆเหรอคะ
00:34:58 → 00:34:59 ครู
00:34:59 → 00:35:03 ติ๋วให้ให้ภาวะการเอาตัวรอดของชีวิตเรา
00:35:03 → 00:35:06 น่ะมันมันได้แบบไฟติ้งขึ้นมาอะไรเงี้ยถูก
00:35:06 → 00:35:10 มันมันถึงมีคำว่าสมดุลน่ะค่ะถ้าเราไฟท์
00:35:10 → 00:35:13 ตลอดล่ะมันจะเป็นยังไงอ้ามึงไฟท์ตลอดเลย
00:35:13 → 00:35:15 คราวนี้ไฟท์ตลอดเลยร่างกายก็เปรี้ย
00:35:15 → 00:35:18 เหนื่อยเลยคราวนี้ไม่ต้องทำอะไรและแต่ว่า
00:35:18 → 00:35:24 ไม่ร่างกายก็พังพังค่ะอืถูกมยค่ะก็ต้องมี
00:35:24 → 00:35:27 2 อย่างเป็นบาanceซกันระหว่างความผ่อน
00:35:27 → 00:35:30 คลายและการไฟท์ถ้าเพราะว่าถ้าผ่อนคลาย
00:35:30 → 00:35:33 ตลอดเวลาชีวิตก็เหมือนวุ้นเลยค่ะโอ้โหไม่
00:35:33 → 00:35:36 มีเรี่ยวไม่มีแรงชีวิตไม่ไม่มีเอ่อ
00:35:36 → 00:35:39 activity ไม่มีความแคทีแล้วก็ความตื่น
00:35:39 → 00:35:43 ตัวที่จะไปออกไปทำมาหากินอันเนี้ยก็จะไม่
00:35:43 → 00:35:48 มีใช่ถูกต้องค่ะถูกต้องใช่เลยเห็นมยออกไป
00:35:48 → 00:35:51 ทำมาหากินไม่มีอ่ะแล้วจะอยู่ยังไงถูกมั้ย
00:35:51 → 00:35:57 ถ้าเราไม่ได้ทำงานทำอาชีพใช่อ่าซึ่งในยุค
00:35:57 → 00:36:00 หินอย่างเงี้ยในยุคหินหรือว่าในยุคก่อนๆ
00:36:00 → 00:36:02 เนี่ยนะอันนี้พูดให้เห็นภาพชัดขึ้นนะคะ
00:36:02 → 00:36:07 คุณผู้ฟังค่ะในสมัยก่อนเนี่ยระบบเอ่อเค้า
00:36:07 → 00:36:10 เรียกว่าsympatาทติของเราก็จะทำงานสูงถูก
00:36:10 → 00:36:14 มยเพราะเราจะต้องล่าสัตว์เราจะต้องหนีงี้
00:36:14 → 00:36:18 สิ่งต่างๆที่มันอาจจะเป็นอันตราย
00:36:18 → 00:36:22 ค่ะแต่ยุคสมัยนี้อาหารมันเสร็จมาแล้วอ่ะ
00:36:22 → 00:36:28 ครูติ๋วอืถูกต้องมันถึงจำเป็นที่จะต้อง
00:36:28 → 00:36:31 สร้างขึ้นมาให้มันสมดุลอืค่ะถูกมั้ยคะค่ะ
00:36:31 → 00:36:35 อ่าเหมือนเมื่อสักครู่ที่คุณผู้ฟังได้
00:36:35 → 00:36:37 คอมเมนต์เข้ามาว่ามันสามารถออกกำลังกาย
00:36:37 → 00:36:40 ได้นะซึ่งการออกกำลังกายอ่ะก็เป็นการ
00:36:40 → 00:36:43 พัฒนาในส่วนนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้เรา
00:36:43 → 00:36:48 เนี่ยได้แคtiveขึ้นถูกมั้ยค่ะอ่าเนี่ย
00:36:48 → 00:36:54 ค่ะใครที่มีฝั่งใดมากก็ต้องรู้ตัวว่าเรา
00:36:54 → 00:37:00 เนี่ยควรจะปรับสมดุลแบบไหนถูกมั้ยค่ะซึ่ง
00:37:00 → 00:37:05 มันก็จะนำมาซึ่งฮอร์โมนที่เป็นปกติสมดุล
00:37:05 → 00:37:09 มากที่สุดอืพอเราย้อนกลับมาคุยถึงเรื่อง
00:37:09 → 00:37:12 ติดแกรมของเราเนี่ยนะค่ะเหมือนกันเลยไอ้
00:37:12 → 00:37:16 ไอ้โดพามีนที่ว่าเนี่ยมันก็หลั่งเพื่อทำ
00:37:16 → 00:37:20 ให้เรามีความสุขแต่มันจะหลั่งจากตอนที่
00:37:20 → 00:37:24 เราเนี่ยได้มีความรู้สึกพึงพอใจรู้สึกดี
00:37:24 → 00:37:26 กับการที่เรา
00:37:26 → 00:37:30 ช้อปปิ้งซึ่งถ้าคุณมี
00:37:30 → 00:37:35 ฐานะดีคุณเอ่อมีงานทำที่ดีจนมีผลลัพธ์มี
00:37:35 → 00:37:38 เงินที่จะไปซื้อมันก็ไม่เป็นไรตรงเอยาก
00:37:38 → 00:37:41 ชวนคุณผู้ฟังให้ตระหนักเพิ่มขึ้นด้วย
00:37:41 → 00:37:42 เหมือนกัน
00:37:42 → 00:37:45 ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งมวลเนี่ยจะต้องกลับมา
00:37:45 → 00:37:49 พิจารณาว่าทำอย่างไรที่มันจะเกิดภาวะ
00:37:49 → 00:37:53 สมดุลมากที่สุดค่ะถ้าคุณมีเงินเยอะเนี่ย
00:37:53 → 00:37:57 มันโอเคที่คุณจะใช้ของดีมีคุณภาพมันจะสวย
00:37:57 → 00:38:01 หรูราคาสูงก็ไม่เป็นไรค่ะแต่ถ้าคุณเป็น
00:38:01 → 00:38:04 เด็กที่ยังไม่มีรายได้เป็นคนที่มีรายได้
00:38:04 → 00:38:08 น้อยคุณก็ต้องพิจารณา
00:38:08 → 00:38:12 คือยังไม่อยู่ในสถานการณ์หรือความพร้อม
00:38:12 → 00:38:16 ที่จะรับผิดชอบต่อการซื้อเอ่อความอยากของ
00:38:16 → 00:38:19 ตัวเองคือเหมือนว่าถ้ามีความอยากได้อยาก
00:38:19 → 00:38:23 มีแล้วก็สามารถทำมาหากินซื้อมาหาเองได้
00:38:23 → 00:38:26 เนี่ยก็ไม่ได้ไม่ได้เป็นไรแต่ว่าถ้าแสร้ง
00:38:26 → 00:38:30 เป็นเอ่อเป็นผู้มีฐานะแล้วเอ่อไปเอ่อซื้อ
00:38:30 → 00:38:33 มาด้วยเงินผ่อนหรือไปหยิบยืมใครเข้ามา
00:38:33 → 00:38:35 อันเนี้ยมีนำมาซึ่งความเดือดร้อนแล้วค่ะ
00:38:36 → 00:38:39 ครูติ๋วคะถ้าคนที่แบบเหมือนว่าแสร้งทำ
00:38:39 → 00:38:40 เป็นคนมีฐานะ
00:38:40 → 00:38:44 แสร้งทำเป็นรวยเนี่ยจะมีผลเสียต่อสุขภาพ
00:38:45 → 00:38:48 อย่างไรบ้างมั้ยคะโอ
00:38:48 → 00:38:50 มันมีแน่นอนเพราะว่ามันเป็นเค้าเรียกว่า
00:38:50 → 00:38:53 อะไร
00:38:53 → 00:38:58 ล่ะมันเป็นรากที่มาจากmindตเดียวกันเมื่อ
00:38:58 → 00:39:01 สักครู่ที่พูดถึงเรื่องการเงินนะมันยังมี
00:39:01 → 00:39:04 ไอ้นี่ด้วยนะขวัญครูครูขออนุญาตขยายความ
00:39:04 → 00:39:07 ตรงนี้นิดนึงในเรื่องของการเงิน
00:39:07 → 00:39:09 ซึ่ง financial
00:39:09 → 00:39:14 Reality เนี่ยมันเป็นเรื่องที่ทำให้ส่ง
00:39:14 → 00:39:18 ผลกระทบต่อว่าถ้าคุณไม่ได้ไม่ได้เค้า
00:39:18 → 00:39:21 เรียกว่าอะไรอ่ะยอมรับความจริงแล้วก็ไป
00:39:21 → 00:39:24 เพิกเฉยความจริงทางการเงินเนี่ยมันก็จะ
00:39:25 → 00:39:29 ส่งผลกระทบในด้านอื่นๆต่อๆไปด้วยถ้ามีการ
00:39:29 → 00:39:33 ผลัดวันประกันพุ่งเพิกเฉยต่อเรื่องของการ
00:39:33 → 00:39:39 เงินหรือว่าเค้าเรียกว่าอะไรนะมองอนาคตค
00:39:39 → 00:39:44 ดีเกินไปว่าเอ้ยอนาคตฉันน่ะจะ
00:39:44 → 00:39:48 ใช้จ่ายกับหนี้ก้อนนี้ได้ค่ะคือง่ายกว่า
00:39:48 → 00:39:51 ง่ายกว่าความเป็นจริงอ่ะนึกออกมั้ยมันก็
00:39:51 → 00:39:54 จะไม่เกิดการยอมรับเพราะมันจะคิดคิดคิด
00:39:54 → 00:39:57 อะไรอ่ะคิดหาทางแก้ให้กับตัวเองหาข้อต่าง
00:39:58 → 00:40:00 ให้กับตัวเองถูกมั้ยคะเอมันซึ่งมันต่าง
00:40:00 → 00:40:02 จากการคิดบวกนะการคิดบวกอ่ะเป็นเรื่องดี
00:40:02 → 00:40:06 แต่อันเนี้ยมันจะมันจะมากกว่าคิดบวกเพราะ
00:40:06 → 00:40:10 ว่ามันจะคิดแบบเกินจริงไปในในทางเข้าข้าง
00:40:10 → 00:40:15 ตัวเองอ่ะค่ะเออซึ่งตรงเแหละที่มันก็จะ
00:40:15 → 00:40:20 มีความเชื่อมโยงกับการติดหรูติดแกรมอย่าง
00:40:20 → 00:40:22 ที่เราคุยกัน
00:40:22 → 00:40:26 ถ้ายกเป็นตัวอย่างครูติ๋วคะสมมุติว่าเอ่อ
00:40:26 → 00:40:30 อยากรับประทานอาหารไฟ Ding เอออ่าเดี๋ยว
00:40:30 → 00:40:33 ขอมื้อเนี้ยอยากกินน่ะแล้วก็มันมีโปรมา
00:40:33 → 00:40:37 แล้วะอยากกินขอกินก่อนแล้วก็รูดปัดไปก่อน
00:40:37 → 00:40:40 อืแล้วก็เดี๋เดี๋เงินเดือนออกค่อยจ่าย
00:40:40 → 00:40:44 อันเนี้ยแต่ว่ารักอ่าราคากับเงินเดือน
00:40:44 → 00:40:47 แล้วก็เงินที่ต้องใช้ไปตลอดอีกเดือนถัดไป
00:40:47 → 00:40:49 เนี่ยไม่สมดุลกันอันเนี้ยมันมันใช่สิ่ง
00:40:49 → 00:40:51 ที่ครูติ๋วกำลังอ่าอธิบายเมื่อสักครู่
00:40:51 → 00:40:55 มั้ยคะมันเป็นสิ่งเดียวกันเลยค่ะมันไม่
00:40:55 → 00:41:00 สมดุลกันค่ะถูกมั้ยแล้วมันก็จะย้อนกลับมา
00:41:00 → 00:41:03 ข้อแรกๆที่เราคุยกันถึงว่าเราอ่ะค่ะ
00:41:03 → 00:41:06 สามารถพิจารณาหาแหล่งความสุขที่แท้จริง
00:41:06 → 00:41:11 หรือหาหาแหล่งที่มันมีประโยชน์ที่มัน
00:41:11 → 00:41:16 สามารถทดแทนกันได้หรือเหมาะสมกว่าค่ะอ่า
00:41:16 → 00:41:19 ถูกมั้ยอืมันก็จะเชื่อมโยงกันหมดเลย
00:41:19 → 00:41:22 เหมือนเมื่อสักครู่ที่ขวัญถามในเรื่องของ
00:41:22 → 00:41:25 สุขภาพอ่ะค่ะค่ะ
00:41:25 → 00:41:28 สุขภาพการเงินมันก็เป็นเรื่องนึงเนาะแต่
00:41:28 → 00:41:30 คราวเนี้ยไอ้สุขภาพร่างกายจิตใจเลยเนี่ย
00:41:30 → 00:41:34 นะอค่ะเหมือนกับที่เราคุยกันเมื่อสักครู่
00:41:34 → 00:41:35 อ่ะ
00:41:35 → 00:41:39 ว่าตอนที่เราซื้อ
00:41:39 → 00:41:42 เนี่ยโดพามีนมันหลั่ง
00:41:43 → 00:41:46 ใช่ค่ะถูกมั้อ่ามีความสุขอ่ะได้มีได้ครอบ
00:41:46 → 00:41:51 ครองแล้วถูกแล้วคราวนี้ถ้าเราไม่ได้ซื้อ
00:41:51 → 00:41:55 ถ้าเราซื้อไม่ได้เราเกิด
00:41:55 → 00:41:57 เหตุความจริงปรากฏเนี่ยแล้วเราก็จะ
00:41:57 → 00:41:58 หงุดหงิดอ่ะถูกต้องอันนี้แหละประเด็นที่
00:41:58 → 00:42:03 ครูจะสื่อพอเราไม่ได้ทำในสิ่งที่มันเคย
00:42:03 → 00:42:07 ชินน่ะมันจะเกิดอารมณ์อีกฝั่งนึงเกิดขึ้น
00:42:07 → 00:42:11 มาเลยฝั่งโดพามีนเหมือนจะเป็นพระเอกฝั่ง
00:42:11 → 00:42:14 บวกทำให้ฉันมีความสุขถูกมั้ยค่ะพอไม่ได้
00:42:14 → 00:42:18 ทำอ่ะค่ะฮอร์โมนหรือเคมีฝั่งลบอ่ะมันก็
00:42:18 → 00:42:21 เกิดขึ้นเลยค่ะมันก็จะหงุดหงิดมันจะ
00:42:21 → 00:42:24 เหมือนคนเค้าเรียกว่าอะไรดีล่ะเหมือนกับ
00:42:24 → 00:42:29 คนไอเนี่ยขวัญเอ่อคนคนที่เกิดภาวะติดยา
00:42:29 → 00:42:33 เนี่ยอ๋อเหมือนขาดยาลงแดงอะไรอย่างเงี้ย
00:42:33 → 00:42:39 เหรอคะอ่าๆๆถูกต้องถูกต้องใช่ค่ะอ่าซึ่ง
00:42:39 → 00:42:41 มันก็จะส่งผลกระทบต่อร่างกายในระดับที่
00:42:42 → 00:42:46 เรียกว่าลึกมากแล้วโรคทุกโรคเนี่ยจากที่
00:42:46 → 00:42:50 ครูทำงานด้านบำบัดสุขภาพมาเป็น 10 ปี
00:42:50 → 00:42:54 เนี่ยนะค่ะไม่มีโรคไหนเลยที่ไม่เชื่อมโยง
00:42:54 → 00:42:57 กับจิตใจอารมณ์ความรู้สึกของเรานี่แหละ
00:42:57 → 00:43:02 ค่ะที่เป็นตัวที่สร้างโรคขึ้นมาโดยที่เรา
00:43:02 → 00:43:05 อ่ะไม่รู้ตัว
00:43:05 → 00:43:09 อืค่ะทุกอาการค่ะเพียงแค่ว่ามันจะค่อยๆ
00:43:09 → 00:43:12 ฟอร์มตัวเองขึ้นมามันไม่ได้
00:43:12 → 00:43:16 แบบคือเอ่อปุ๊บปั๊บไปเลยมันต้องคือใช้
00:43:16 → 00:43:20 ระยะเวลากว่าที่จะออกมาเป็นอาการของโรค
00:43:21 → 00:43:23 ที่มันทางกายข้างนอกเนี่ยแสดงว่าเราต้อง
00:43:23 → 00:43:27 มีความขุ่นมัวจากจุดเล็กๆจากเหมือนปลาย
00:43:27 → 00:43:31 ปากกาจุดเล็กๆจุดไปเรื่อยๆถึงจะเป็นเห็น
00:43:31 → 00:43:34 เป็นจุดสีดำจุดใหญ่ขึ้นใช่มั้
00:43:34 → 00:43:42 คะต้องเลยค่ะค่ะมันจะค่อยๆสะสมสะสมมันนึก
00:43:42 → 00:43:47 ถึงทฤษฎีนี้เลยค่ะขวัญเคยได้ยินทฤษฎีต้ม
00:43:47 → 00:43:53 กบมั้ยคะไม่เคยค่ะครูติ๋วต้มกบหรอคะอ่า
00:43:53 → 00:43:55 มันคืออะไรเมื่อกี้ที่เราคุยกันถึงการ
00:43:55 → 00:43:59 สะสมไปเรื่อยๆเรื่อยๆใช่มั้ยคะเออ
00:43:59 → 00:44:04 มันไม่รู้ตัวค่ะรู้ตัวอีกทีก็เป็นไงคะเออ
00:44:04 → 00:44:07 มันก็เรื่องใหญ่แล้วอ่ะคือหรือเรื่องใหญ่
00:44:07 → 00:44:11 แล้วหรือว่าถ้าพูดเป็นง่ายๆแล้วกันกว่าจะ
00:44:11 → 00:44:14 รู้ตัวอาจจะเป็นโรคร้ายไปแล้วแล้วก็อาจจะ
00:44:14 → 00:44:17 เป็นขั้นสุดท้ายไปแล้วก็ได้บางครั้งบาง
00:44:17 → 00:44:21 เรื่องนะคะถูกต้องค่ะเหมือนกับการที่เรา
00:44:21 → 00:44:24 คุยกันถึงเรื่องสะสมนะก่อนก่อนที่จะมาต้ม
00:44:24 → 00:44:28 กบให้ฟังเนี่ยขอยกตัวอย่างง่ายๆก่อน
00:44:28 → 00:44:32 เหมือนเราปวดหัวเนี่ยค่ะค่ะถ้า
00:44:32 → 00:44:37 ถ้าโดยทั่วไปเนี่ยสมมุติว่าขวัญมีเพื่อน
00:44:37 → 00:44:41 มาบอกว่าเอ้ยปวดหัวจังเลยขวัญคนโดยทั่วไป
00:44:41 → 00:44:44 อ่ะจะพูดกับเพื่อนจะตอบกลับไปว่ายังไงกิน
00:44:44 → 00:44:48 ยายังอ่านี่ไงถามมา 100 คนก็ตอบเหมือนกัน
00:44:48 → 00:44:51 100 คนเลยนะค่ะ
00:44:51 → 00:44:55 อ่า 100 คนเนี่ยจริงๆตอบเหมือนกันเลยซึ่ง
00:44:55 → 00:44:57 มักจะไม่ค่อยถาม
00:44:57 → 00:45:02 ว่าปวดยังไงปวดมากี่วันแล้วถูกมั้ยค่ะไม่
00:45:02 → 00:45:05 ไม่กินยายังเอายามั้ล่ะเอออันเนี้ยจะเป็น
00:45:05 → 00:45:09 คำที่พูดติดปากค่ะติดปากกันร้อยทั้งร้อย
00:45:09 → 00:45:13 เลยค่ะคำเนี้ยซึ่งคุณผู้ฟังคะโชคดีมากที่
00:45:13 → 00:45:16 คุณได้มาฟังรายการสุขภาพดี 22:00 น.คุณทำ
00:45:16 → 00:45:18 ให้คุณเนี่ยมีเครื่องมืออื่นๆเข้าไปถูก
00:45:18 → 00:45:20 มั้ยค่ะ
00:45:20 → 00:45:24 คำถามมาช่วยได้ค่ะเพราะอะไรรู้มั้ยบาง
00:45:24 → 00:45:27 ครั้งเนี่ยมันเป็นสัญญาณเตือนของร่างกาย
00:45:27 → 00:45:30 อืสมมุติว่าปวดหัวเอาอาการง่ายๆเนี่ยค่ะ
00:45:30 → 00:45:32 คุณอาจ
00:45:32 → 00:45:36 จะไม่ได้นอนมา 3 วันติดกันคือเร่งส่งงาน
00:45:36 → 00:45:39 อ๋อนอนดึกนึกออกมั้ต้องแก้ไขที่เรื่องนอน
00:45:39 → 00:45:44 ไม่ใช่กินยาเออถูกมยใช่ค่ะ
00:45:44 → 00:45:48 หรือมีมีเคสนึงอ่ะอันนี้ก็อาจจะแรงขึ้นมา
00:45:48 → 00:45:50 หน่อยปวดหัวในระดับที่เป็นไมเกรนน่ะขวัญ
00:45:50 → 00:45:52 ค่ะ
00:45:52 → 00:45:55 แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชค
00:45:55 → 00:45:59 ไม่ดีที่บ้านรวยมากก็เลยสามารถไปหาหมอได้
00:45:59 → 00:46:02 ถึงต่างประเทศเลยอ่ะออแสดงว่าเต้องเป็น
00:46:02 → 00:46:05 หนักมากนะคะครูติวเป็นหนักมากค่ะเป็นหนัก
00:46:05 → 00:46:07 มากขวัญ
00:46:07 → 00:46:10 เป็นในระดับที่ว่าหมอในประเทศไทยเอาไม่
00:46:10 → 00:46:13 อยู่แล้วก็พอที่บ้านฐานะดีก็เลยมีทาง
00:46:14 → 00:46:16 เลือกที่จะลองไปหาทางเลือกในต่างประเทศ
00:46:16 → 00:46:19 เผื่อจะได้ช่วยได้ค่ะปรากฏ
00:46:19 → 00:46:23 ว่าคำถามช่วยได้ค่ะแต่หลังจากที่เขาไป
00:46:23 → 00:46:26 เผชิญมาหลายที่ก็ไม่สามารถรักษาการไมเกร
00:46:27 → 00:46:31 ได้ขวัญจนกระทั่งมาบำบัดอืด้วยศาสตร์การ
00:46:31 → 00:46:36 บำบัดนี่แหละค่ะถามไปถามมาด้วยหลายเทคนิค
00:46:36 → 00:46:40 จนรู้ว่าที่ปวดหัวเพราะอะไรรู้มั้ยเพราะ
00:46:40 → 00:46:42 เค้าไม่อยากทำงานที่บ้าน
00:46:42 → 00:46:46 เอ่อก็หมายถึงว่าไม่มีความสุขกับการทำงาน
00:46:46 → 00:46:50 ในรูปแบบการทำงานกับคนในครอบครัว
00:46:50 → 00:46:52 เพราะเค้ามีความเครียดที่สะสมเหาทางออก
00:46:52 → 00:46:56 จากความเครียดตรงนี้ไม่ได้ค่ะเหมือนกับ
00:46:56 → 00:46:58 ที่เรายกตัวอย่างเมื่อสักครู่ว่าอาการปวด
00:46:58 → 00:47:02 หัวเนี่ยค่ะอืมันอาจจะมีมาหลายสาเหตุเลย
00:47:02 → 00:47:06 โอฟรีแลนซ์ฟรีแลนซ์ทำงานเร่ง 3 วัน 3 คืน
00:47:06 → 00:47:10 ไม่ได้นอนเลยค่ะถูกมยอาการทางร่างกายมัน
00:47:10 → 00:47:14 ก็แสดงแต่ถ้าคุณเนี่ยเพิกเฉยหรือกินยาคุณ
00:47:14 → 00:47:16 ไม่ปรับพฤติกรรมคุณไม่ปรับความคิดและ
00:47:16 → 00:47:19 พฤติกรรมไม่ได้ใช้หลัก CBT เข้ามาช่วยค่ะ
00:47:19 → 00:47:22 คุณก็จะเป็นมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นอืคุณ
00:47:22 → 00:47:26 ไม่ได้แก้ที่สาเหตุสมมุติว่าปวดหัวไม่ได้
00:47:26 → 00:47:32 ส่งงานส่งงานเสร็จนะหลับหายมั้ยหายเพราะ
00:47:32 → 00:47:37 ว่าได้พักผ่อนแล้วก็มันถึงแม้ว่าหายเรา
00:47:37 → 00:47:42 กินยาไปแล้วไปทำงานต่อสุดท้ายคือร่างกาย
00:47:42 → 00:47:46 จะตอบว่าไปไม่ไหวเพราะว่ามันมันเต็มที่
00:47:46 → 00:47:50 แล้วเพราะว่าใช่ค่ะร่างกายเราเรามีวัน
00:47:50 → 00:47:53 ต้องพักบ้างอ่ะค่ะใช้อย่างเดียวไม่ได้ค่ะ
00:47:53 → 00:47:56 ใช่ค่ะใช่ค่ะซึ่งครูเจอเยอะมากเลยค่ะ
00:47:56 → 00:48:00 อาการมากมายอย่างเช่นภูมิแพ้ขึ้นตาตา
00:48:00 → 00:48:04 เกือบบอดเลยนะปรากฏว่าส่งงานส่งงานไม่ทัน
00:48:04 → 00:48:08 เครียดพอส่งงานเสร็จนะยังไม่ทันหาหมอเลย
00:48:09 → 00:48:12 ผื่นค่อยๆลดลงฟูเหมือนแบบไอ้นี่เลยนะ
00:48:12 → 00:48:15 เหมือนปาฏิหาริย์เลยอ่ะขวัญเหมือนร่างกาย
00:48:15 → 00:48:18 มันรู้ว่าพเอ่อเค้าเรียกอะไรนะคะเสร็จงาน
00:48:18 → 00:48:22 แล้วผ่อนคลายแล้วระดับความเครียดมันลดลง
00:48:22 → 00:48:26 อาการมันก็เลยแบบเอ่อจากที่จะไม่ค่อยดี
00:48:26 → 00:48:30 มันก็จะเริ่มทยอยเหมือนพิษมันถูกเจือจาง
00:48:30 → 00:48:32 จากอารมณ์ความสุขที่มันเกิดขึ้นจากเหมือน
00:48:32 → 00:48:36 ปลดล็อคแล้วอ่ะอันเนี้ใช่มั้คะครูจิ๋วถูก
00:48:36 → 00:48:39 ต้องเลยค่ะค่ะถ้าจำได้เมื่อสักครู่เราคุย
00:48:39 → 00:48:43 กันถึงเรื่องเคมีในร่างกายหรือว่าฮอร์โมน
00:48:43 → 00:48:48 ต่างๆถูกมั้ยเนี่ยค่ะพอจิตใจอ่ะมันรู้ว่า
00:48:48 → 00:48:51 เฮ้ยงานเสร็จแล้วมันผ่อนคลายใช่มั้ยระบบ
00:48:51 → 00:48:53 สมองระบบประสาทมันก็เปลี่ยนฟังก์ชันการทำ
00:48:53 → 00:48:57 งานค่ะจากไอไฟightจากsympาทติก็เปลี่ยน
00:48:57 → 00:49:02 โหมดมาสู่พารซyาเทติถูกมั้ยจากฮอร์โมนถูก
00:49:02 → 00:49:06 จากเ้าเรียกว่าอะไรนะอิโนลีนหรือว่าเคมี
00:49:07 → 00:49:09 ฮอร์โมนที่มันเป็นฝั่งลบอ่ะมันก็กลับมา
00:49:09 → 00:49:12 บวกไงเนี่ยค่ะพอเคมีมันสมดุลร่างกายมัน
00:49:12 → 00:49:15 ปรับสมดุลน่ะร่างกายมันจะปรับให้
00:49:15 → 00:49:19 อัตโนมัติไม่ต้องกินยาไม่ต้องฉีดยาใช่
00:49:19 → 00:49:21 แล้วมันก็ค่อยๆฟื้นตัวของมันด้วยตัวมัน
00:49:21 → 00:49:25 เองถ้าเราเหมือนกับว่ากลับมาสู่ระดับการ
00:49:25 → 00:49:28 ที่เราได้ใช้ชีวิตปกติไม่อยู่ภายใต้แรงกด
00:49:28 → 00:49:32 ดันแล้วเอออันนี้ถูกต้องถูกต้องไม่มีอะไร
00:49:32 → 00:49:35 ฉลาดเกินร่างกายมนุษย์ค่ะเพราะว่ามนุษย์
00:49:35 → 00:49:38 เนี่ยนะพัฒนาการมาไม่รู้กี่ร้อยล้านปีค่ะ
00:49:38 → 00:49:42 ระบบในร่างกายมนุษน่ะมันฉลาดมากเออถ้า
00:49:42 → 00:49:45 อย่างงั้นทำไมเราไม่เท่าทันปัญหาล่ะครู
00:49:45 → 00:49:46 ติ๋ว
00:49:46 → 00:49:49 ว่าเออเรารู้
00:49:49 → 00:49:53 ดิใช่มั้คะคุณบอกว่าอย่างงี้เมื่อกี้ขวัญ
00:49:53 → 00:49:55 ขวัญตั้งสมมุติฐานได้ดีมากว่าทำไมเราไม่
00:49:55 → 00:49:59 รู้ทันล่ะเคยได้ยินคำว่าร่างกายไม่เคย
00:49:59 → 00:50:02 โกหกมั้ยโอ๊เมื่อกี้ฉันยังติดทฤษฎีทฤษฎี
00:50:02 → 00:50:05 ต้มกบอยู่เลยอ่ะต้มกบอยู่เลยนะค่ะแล้วก็
00:50:05 → 00:50:09 ร่างกายไม่เคยโกหกร่างกายเรานะคะขวัญส่ง
00:50:09 → 00:50:13 สัญญาณเตือนเราตลอดเวลาค่ะเอออ้าวเคยเคย
00:50:13 → 00:50:18 เห็นมั้ยจะพรีเซนตงานโหมวลท้องเหงื่อแตก
00:50:18 → 00:50:21 ออใช่บางคนต้องแบบว่าไปวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
00:50:21 → 00:50:24 อะไรอย่างเงี้ยเอออันนั้นคือคือหมายถึง
00:50:25 → 00:50:27 ว่าความวิตกกังวลทำให้เกิดอาการเหล่านั้น
00:50:27 → 00:50:29 ใช่มั้ยคะ
00:50:29 → 00:50:32 That's right ใช่เลยค่ะความวิตกกังวล
00:50:32 → 00:50:34 มันก็มาจากเห็นมั้ยอารมณ์ความรู้สึกที่
00:50:34 → 00:50:39 เราคุยกันนี่แหละค่ะอืมจริงๆก็ Stop นะ
00:50:39 → 00:50:44 แล้วหายใจลึกๆ Stop นั่นน่ะโอหย Stop หาย
00:50:44 → 00:50:47 ใจลึกๆแล้วหลังจากนั้นก็เอ๊ะเราพร้อมแล้ว
00:50:47 → 00:50:50 นี่เราเตรียมตัวมาดีแค่ไหนเราทำยังไง
00:50:50 → 00:50:54 เชื่อสิว่าเราต้องทำได้เออถูกใช่มั้ยคะ
00:50:54 → 00:50:57 ถูกถูกนั่นแหละแล้วมันก็จะสื่อสารไปที่
00:50:57 → 00:51:00 ระบบสมองระบบประสาทเคมีในร่างกายเราก็จะ
00:51:00 → 00:51:03 เปลี่ยนอาการของกายมันก็จะเปลี่ยนทันที
00:51:03 → 00:51:07 ค่ะอ่าถ้าเรามีความกลัวลึกๆความตื่นเต้น
00:51:08 → 00:51:10 ความกังวลคนเนี่ยอารมณ์เหล่าเนี้ยมันก็
00:51:10 → 00:51:13 ส่งผลมาที่ร่างกาย
00:51:13 → 00:51:16 ถูกมั้ยอ่าพอเราเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน
00:51:16 → 00:51:19 ความเชื่อเปลี่ยนความรู้สึกร่างกายเรา
00:51:19 → 00:51:23 เปลี่ยนทันทีค่ะขวัญใช่ค่ะเพราะว่าจริงๆ
00:51:23 → 00:51:25 แล้วครูติ๋วก่อนหน้านี้ค่ะขวัญเองเนี่ย
00:51:26 → 00:51:29 เป็นคนที่พูดในที่สาธารณะได้ไม่
00:51:30 → 00:51:35 เก่งค่ะแล้วก็สุดท้ายคือด้วยเหตุผลของการ
00:51:35 → 00:51:39 มาทำหน้าที่หรือว่าการรับผิดชอบอ่ะนะคะพอ
00:51:39 → 00:51:43 เราเวลาจะมาเข้ารายการเนี่ยต้องแบบหยิบ
00:51:43 → 00:51:46 กระจกขึ้นมาฉันทำได้ฉันทำได้ฉันเตรียมตัว
00:51:46 → 00:51:49 มาเนี่ยเยอะแยะมากฉันทำได้เคยเป็นลักษณะ
00:51:49 → 00:51:50 แบบนี้มาก่อนเหมือนกันครูติ๋วอันนี้
00:51:50 → 00:51:55 สารภาพกับคุณผู้ฟังครูติ๋วเลยว่าอ๋อมัน
00:51:55 → 00:51:58 แต่ไอ้ลักษณะการแบบเนี้ยมันใช่วิธีการ
00:51:58 → 00:52:01 หลอกตัวเองมั้ยหรือมันคืออะไรกันแน่คะครู
00:52:01 → 00:52:04 ติ๋ว
00:52:04 → 00:52:06 สมองเราอ่ะค่ะมันไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่
00:52:06 → 00:52:10 จริงนะค่ะอ่าพอเราสื่อสารเข้าไปอ่ะค่ะ
00:52:10 → 00:52:14 เหมือนคนน่ะด้วยความไม่รู้เขาก็จะพูดสิ่ง
00:52:14 → 00:52:16 ที่ไม่
00:52:16 → 00:52:20 ดีพอพูดสิ่งที่ไม่ดีอ่ะมันก็จะเกิดการรับ
00:52:20 → 00:52:24 รู้การสื่อสารในระดับเซลล์เลยนะขวัญรู้
00:52:24 → 00:52:28 มั้ยเซลล์อ่ะมันก็สื่อสารแล้วก็ส่งต่ออื
00:52:28 → 00:52:30 เหมือนกันเลยการที่เราใส่ข้อมูลอะไรเข้า
00:52:30 → 00:52:33 ไปอ่ะค่ะมันก็จะได้รับฟีดแบคแบบนั้นกลับ
00:52:33 → 00:52:35 มาออ
00:52:35 → 00:52:40 พอพอพอขวัญนะค่ะเปลี่ยนคำพูดที่ใส่เข้าไป
00:52:40 → 00:52:43 พารู้สึกขวัญน่ะมันก็เปลี่ยนทันทีแต่ถ้า
00:52:43 → 00:52:46 เกิดว่าอ่ะพลังมันเปลี่ยนพลังมันเปลี่ยน
00:52:46 → 00:52:50 ในศาสตร์การเอ่อบำบัดหรือว่าการโค้ชเนี่ย
00:52:50 → 00:52:53 มันถึงมี s talk เห็นมยที่เขาจะพูดสิ่ง
00:52:53 → 00:52:57 ดีๆกับตัวเองพูดไปเรื่อยๆจนจิตใต้สำนึก
00:52:57 → 00:53:00 อ่ะมันเชื่อแบบนั้นเพราะผลลัพธ์ที่เรา
00:53:00 → 00:53:03 เป็นอย่างเช่นอาจจะพรีเซนตแล้วปวดท้องอ่ะ
00:53:03 → 00:53:06 แปลว่าอะไรแปลว่าลึกๆอ่ะจิตใต้สำนึกเค้า
00:53:06 → 00:53:09 รู้สึกแบบนั้นเคื่อเขาเชื่อว่าเฮ้ยฉันทำ
00:53:09 → 00:53:13 ไม่ได้หรอกโอ๊ยฉันต้องตายแน่ๆเลยเอออะไร
00:53:13 → 00:53:16 ถ้าฉันออกไปพูดตอนนี้ฉันตายๆกลไกการปก
00:53:16 → 00:53:19 ป้องตัวเองมันกำลังทำงานค่ะจนกระทั่งมัน
00:53:19 → 00:53:23 เปลี่ยนความเชื่อใหม่เราก็ใส่เข้าไปใหม่
00:53:23 → 00:53:25 เพราะว่าอะไรเพราะไอ้ความเชื่อเดิมว่าฉัน
00:53:25 → 00:53:28 ทำไม่ได้อ่ะมันอาจจะติดมาตั้งแต่ตอนเรา
00:53:28 → 00:53:32 อยู่ป. 1 ป. 2 ตอนเราเป็นเด็กนั่นแหละที่
00:53:32 → 00:53:35 เขาเรียกว่าจิตใต้สำนึกอืถูกมั้ยเราโตมา
00:53:35 → 00:53:37 แต่ข้างในเรามันยังไม่เปลี่ยนไงเราโตแต่
00:53:37 → 00:53:40 ร่างกายแต่จิตใจเรายังอยู่ที่เดิมmindซต
00:53:40 → 00:53:44 เราอ่ะยังฟิกอยู่มันยังไม่ได้ถูกปลดล็อค
00:53:44 → 00:53:50 เออก็ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองแล้วก็ฝึกปรับ
00:53:50 → 00:53:54 พฤติกรรมความคิดโดยใช้ CBT คิดบวกแล้วก็
00:53:54 → 00:53:57 ฝึกคิดบ่อยๆหัดมองสิ่งที่เกิดขึ้นในตอน
00:53:57 → 00:53:59 เช้าว่าวันนี้เรามีเรื่องอะไรบวกได้บ้าง
00:53:59 → 00:54:02 เราถ้ากลับมุมมองตรงนี้มันจะเป็นยังไงนะ
00:54:02 → 00:54:05 ลองดูซิเอออันเนี้ก็เป็นอีกวิธีนึงที่เรา
00:54:05 → 00:54:08 ใช้ CBT เข้ามาในชีวิตจริงได้อาจารย์ติ๋ว
00:54:08 → 00:54:12 เหลือ 1 นาทีสุดท้ายทฤษฎีต้มกบให้ขวัญ
00:54:12 → 00:54:14 หน่อยเพื่อขวัญรู้จักทฤษฎีต้มกบได้มาก
00:54:14 → 00:54:16 ขึ้นฉันคิดว่าจะค้างไปอาทิตย์หน้าอ่ะอ่ะ
00:54:16 → 00:54:19 ค้างไว้ที่อาทิตย์หน้าก็ได้อ่ะคืออย่าง
00:54:19 → 00:54:21 งี้เมื่อกี้นะจะบอกว่าฉันต้องเรียก
00:54:21 → 00:54:24 อาจารย์ขวัญและเดี๋ยวต่อไปเธออ่ะเพราะเธอ
00:54:24 → 00:54:27 จำทฤษฎีแม่นมากเห็นมั้ย CBT เทคนิค Stop
00:54:27 → 00:54:30 ค่อยๆเรียนรู้กันไปโหยและเราก็เชื่อว่า
00:54:30 → 00:54:35 คุณผู้ฟังก็เรียนรู้ไปกับเราค่ะค่ะอืก็
00:54:35 → 00:54:37 เนี่ยแหละค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยการ
00:54:37 → 00:54:42 ที่เรามีเอ่อเครื่องมือทางจิตวิทยาเพื่อ
00:54:42 → 00:54:44 ที่จะเรียนรู้และเท่าทันกับสถานการณ์ที่
00:54:44 → 00:54:47 เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเราหรือว่าเท่าทัน
00:54:47 → 00:54:50 ข่าวเวลาเราอ่านข่าวเรื่องอะไรเนี่ยเราก็
00:54:50 → 00:54:52 ได้เรียนรู้เรื่องๆเรื่องนั้นๆไปจากข่าว
00:54:52 → 00:54:56 ด้วยแล้วก็เรามีมุมมองความคิดจากข่าวแล้ว
00:54:56 → 00:54:59 ก็ตัวของสถานการณ์จริงถ้านำไปปรับใช้
00:54:59 → 00:55:02 เนี่ยขวัญเชื่อแน่นอนค่ะคุณผู้ฟังคะว่า
00:55:02 → 00:55:06 ทุกคนเนี่ยจะมีมุมมองในชีวิตที่อีกมุมมอง
00:55:06 → 00:55:11 นึงโลกจะสว่างขึ้นอย่างแน่นอนนะคะอ่ะ
00:55:11 → 00:55:14 เลิค่ะสำหรับรายการสุขภาพดี 22:00 น.วัน
00:55:14 → 00:55:16 นี้หมดเวลาแล้วนะคะเดี๋ยวมาเจอกับครูติ๋ว
00:55:16 → 00:55:20 ในวันจันทร์หน้านะคะแล้วก็เดี๋ยวเราติด
00:55:20 → 00:55:23 เรื่องทฤษฎีต้มกบกันไว้นะคะครูติ๋วคะได้
00:55:23 → 00:55:27 เลยได้เลยค่ะได้เลยสำหรับรายการสุขภาพดี
00:55:27 → 00:55:30 22:00 น.วันนี้ขวัญกมลพรร่วมทองคำค่ะครู
00:55:30 → 00:55:32 ติ๋วนันทนาบุญชูงศ์ผู้เชี่ยวชาญด้าน
00:55:32 → 00:55:34 จิตวิทยาและศาสตร์การบำบัดเยียวยาและการ
00:55:34 → 00:55:38 โค้ชลาคุณผู้ฟังไปพร้อมๆกันเลยนะคะสวัสดี
00:55:38 → 00:55:42 ค่ะสวัสดีค่ะ