00:00:00 → 00:00:02 มันจะมีคนบางคนที่ชอบตื่นเวลาเดิมๆซ้ำๆ
00:00:02 → 00:00:07 ตอน 2:00 3:00 นทุกวันทุกวันเป็นเพราะ
00:00:07 → 00:00:09 พลังงานลี้ลับบางอย่างเดี๋ยวๆๆนี่ไม่ใช่
00:00:09 → 00:00:11 รายการ OST Talk เนาะอนี่มันคือรายการ
00:00:11 → 00:00:14 doct Talk นะพี่เโทษๆๆมันก็มีเหตุผลที่
00:00:14 → 00:00:17 ทำให้เราตื่น 2:00 3 ได้ถูต้องต้องบอก
00:00:17 → 00:00:19 ว่าการนอนไม่หลับเนี่ยมีหลากหลายปัจจัย
00:00:19 → 00:00:22 มากๆเลยบางคนเป็นจากถ้าได้ดื่มแอลกอฮอล์
00:00:22 → 00:00:24 ก่อนนอนนิดนึงอ่ะมันจะช่วยทำให้เรานอน
00:00:24 → 00:00:26 หลับอันเนี้ยจริงหรือเปล่าตกลงการนอนกลาง
00:00:26 → 00:00:28 วันดีหรือไม่ดีกินยานอนหลับแล้วอ่ะจะติด
00:00:28 → 00:00:31 ไปตลอดชีวิตนจริงมยนอนหงายนอนคว่ำนอน
00:00:31 → 00:00:34 ตะแคงแต่ละอันมันเหมาะสมกับใครบ้างอ่ะถ้า
00:00:34 → 00:00:37 เรานอน 2:00 นตื่น 10:00 นกับนอน 22:00 น
00:00:37 → 00:00:40 แล้วตื่น 6:00 นอ่ะเรานอน 8 ชมเท่าๆกัน
00:00:40 → 00:00:42 น่ะมันต่างกันมยส่งผลต่อสุขภาพเราหรือ
00:00:42 → 00:00:48 เปล่าก็ต้องบอกว่าจริงๆ
00:00:48 → 00:00:51 ก็ลักษณะเสียงพวกนี้ก็อาจจะจะมีปัญหา
00:00:51 → 00:00:54 เรื่องของการนอนดีอ่ะก็สามารถป้องกันลูก
00:00:54 → 00:00:57 มะเร็งได้แล้วนะแต่นอนดีอ่ะไม่ได้หมาย
00:00:57 → 00:01:00 ความว่านอนเยอะนะถ้าคุณนอนมากกนๆไปคุณก็
00:01:00 → 00:01:03 มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่มะเร็งรัง
00:01:03 → 00:01:05 ไขแล้วก็มะเร็งลำไส้ได้เหมือน
00:01:05 → 00:01:08 กันสวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ doct
00:01:08 → 00:01:11 Talk podcast ที่หมอและผู้เชี่ยวชาญทาง
00:01:11 → 00:01:13 ด้านสุขภาพจะมาพูดประเด็นเรื่องสุขภาพ
00:01:13 → 00:01:16 ต่างๆอยู่กับผมหมอจิมมี่แพทย์ผิเชี่ยวชาญ
00:01:16 → 00:01:18 ทางด้านวิทยาศาสตร์ป้องกันและวันนี้เราจะ
00:01:18 → 00:01:21 มาพูดประเด็นเรื่องของการนอนหลายคนอาจจะ
00:01:21 → 00:01:23 บอกว่าเฮ้ยการนอนเป็นเรื่องที่ง่ายหัวถึง
00:01:23 → 00:01:26 หมอนปึ๊บหลับเลยแต่บางคนเนี่ยกลับนอนยาก
00:01:26 → 00:01:30 ซะด้วยซ้ำทำไมบางคนบอกว่าทำไมนอนนอนเยอะ
00:01:30 → 00:01:32 แล้วแต่ตื่นมาก็ยังรู้สึกเหนื่อยไม่สด
00:01:32 → 00:01:35 ชื่นวันนี้ผมได้ชวนเพื่อนของผมเพิ่งเป็น
00:01:35 → 00:01:37 หมอทางด้านเชี่ยวชาญทางด้านการนอนโดยตรง
00:01:37 → 00:01:40 มาพูดคุยประเด็นต่างๆของเรื่องการนอนและ
00:01:40 → 00:01:43 มุมมองต่างๆนะครับยินดีต้อนรับหมอพีชนะ
00:01:43 → 00:01:45 ครับหมอพีชฝากแนะนำตัวหน่อยครับสวัสดี
00:01:45 → 00:01:48 ครับนายแพทย์พิษอมตมัทนะนะครับเป็นแพทย์
00:01:48 → 00:01:50 เฉพาะทางสดสรนาสิกและการนอนหลับครับผม
00:01:50 → 00:01:53 ปัจจุบันก็ทำงานอยู่ที่ดัคลินิกแลก็อมาส
00:01:53 → 00:01:55 คลินิกนะครับหมอพีชเป็นเป็นเพื่อนของผม
00:01:55 → 00:01:58 เองนะครับเนาะก็ขอบคุณมากนะครับที่มาราย
00:01:58 → 00:02:01 การเล็กๆของเรานะครับเรียกพีแล้วกันนะ
00:02:01 → 00:02:05 ครับเอิพีซแนะนำหน่อยว่าหมอด้านการนอน
00:02:05 → 00:02:07 หลับมันมันคืออะไรอ่ะก็ต้องบอกว่าหมอ
00:02:07 → 00:02:09 กลุ่มหมอนอนหลับเนาะหรือว่าหมอที่ดูแล
00:02:09 → 00:02:12 เรื่องของโรคจัดการนอนหลับเนี่ยจะมีใน
00:02:12 → 00:02:14 ส่วนของคุณหมอหลากหลายท่านมากๆมีตั้งแต่
00:02:14 → 00:02:16 คุณหมออายุรกรรมนะครับที่ดูแลในเรื่องของ
00:02:16 → 00:02:18 คุณหมอปอดกับคุณหมอสมองที่ดูแลในเรื่อง
00:02:18 → 00:02:21 ของโรคจากการนอนหลับที่มีปัญหาการของการ
00:02:21 → 00:02:23 หายใจหรือว่าเรื่องของการที่มีปัญหา
00:02:23 → 00:02:25 เรื่องของสารสืบประสาทในสมองหรือแม้
00:02:25 → 00:02:27 กระทั่งคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องของลมชัก
00:02:27 → 00:02:30 ต่างๆในขณะที่นอนหลับไปนะครับกลุ่มที่ 2
00:02:30 → 00:02:32 ก็จะเป็นในเรื่องของการการที่ดูแลใน
00:02:32 → 00:02:34 เรื่องของคุณไข้ที่มีปัญหาการนอนหลับไม่
00:02:34 → 00:02:37 ค่อยดีหรือว่านอนหลับยากหรือว่าแบบนอนไม่
00:02:37 → 00:02:39 ค่อยหลับอย่างเงี้แหละก็คือจะเป็นคุณหมอ
00:02:39 → 00:02:41 ทางกลุ่มท่านไซคายเนาะหรือว่าคุณหมอ
00:02:41 → 00:02:44 จิตเวทเนี่ยที่ช่วยเราในเรื่องนี้ได้ค่อน
00:02:44 → 00:02:46 ข้างมากเลยทีเดียวแล้วก็หมอกลุ่มสุดท้าย
00:02:46 → 00:02:48 อย่างของผมก็คือคุณหมอหูคอจมูกที่ดูแล
00:02:48 → 00:02:50 เรื่องของการนอนหลับอันนี้เราเรียกว่า
00:02:50 → 00:02:52 Sleep surg หรือว่าเป็นคุณหมอที่ช่วย
00:02:52 → 00:02:54 ผ่าตัดที่ทำให้การนอนหลายๆอย่างเนี่ยทำ
00:02:54 → 00:02:57 ให้ดูสมูทมากขึ้นอืแล้วมันคือมันดูการผ่า
00:02:57 → 00:02:59 ตัดส่วนไหนหรอครับที่ทำให้นอนการนอนหลับ
00:02:59 → 00:03:02 ได้ดีมากขึ้นอ่ะอ่าจริงๆก็ต้องบอกว่าการ
00:03:02 → 00:03:04 นอนหลับเนี่ยมันมีหลายแบบแฟกเตอร์มากๆเลย
00:03:04 → 00:03:06 ที่ทำให้เรานอนได้เนาะมันอาจจะมีปัญหาใน
00:03:06 → 00:03:08 เรื่องของการกลเนาะที่เราดูลกันเป็นหลัก
00:03:08 → 00:03:10 เลยหรือ obstructive Sleep App เนี่ย
00:03:10 → 00:03:12 โรคตรงเมันเกิดจากช่องทางเดินหายใจที่ตีบ
00:03:12 → 00:03:14 แคบเราจะทำยังไงให้ช่องตนี้มันกว้างขึ้น
00:03:14 → 00:03:17 ก็เลยต้องใช้การผ่าตัดหรือว่าการทำหาอการ
00:03:17 → 00:03:19 บางอย่างที่ทำให้ช่องนี้มันกว้างขึ้นอ่า
00:03:19 → 00:03:22 โอเคโอเคเข้าใจแล้วครับทำไมเราถึงต้องนอน
00:03:22 → 00:03:24 คือบางครั้งเนี่ยเราอาจจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:03:24 → 00:03:27 เหนื่อยเพลียแล้วค่อยนอนก็ได้แต่จริงๆ
00:03:27 → 00:03:30 แล้วเนี่ยการนอนมันสำคัญมากต่อมนุษย์เรา
00:03:30 → 00:03:32 เนาะเราถึงมีการตื่นการนอนเป็นวงจรแบบ
00:03:32 → 00:03:35 เนี้ยแต่อย่างเยอยากถามพีจริงๆว่าการนอน
00:03:35 → 00:03:37 มันสำคัญต่อมนุษย์เรายังไงอ่ะครับมันส่ง
00:03:37 → 00:03:39 ผลต่อสุขภาพเรายังไงบ้างอ่ะครับจริงๆก็
00:03:39 → 00:03:41 ต้องบอกว่าการนอนเนี่ยมันคือเป็นปัจจัย
00:03:41 → 00:03:43 ที่ทำให้เราสามารถดำรงชีวิตได้เนาะมันคือ
00:03:43 → 00:03:47 อ่าแหล่งการที่เราสะสมพลังงานใหม่เนาะ
00:03:47 → 00:03:49 เพื่อจะไปต่อสู้ในวันถัดไปเนาะเป็น Energy
00:03:49 → 00:03:51 restoration เป็นการแบบเสริมพลังของเรา
00:03:51 → 00:03:54 เพื่อทำให้เรากลับไปมีชีวิตในวันพรุ่งนี้
00:03:54 → 00:03:56 เนาะสิ่งนึงที่สำคัญก็คือในเรื่องของการ
00:03:56 → 00:03:59 ที่เหมือนเราชารจ Bat ของเราเ้ามีเพอจะ
00:03:59 → 00:04:03 บอกว่าถ้าสมมุติว่าเกิดเราจับหนูทดลองมา 2
00:04:03 → 00:04:06 ตัวตัวนึงเนี่ยไม่ให้นอนเลยกับอีกตัวนึง
00:04:06 → 00:04:09 ให้นอนได้ตามปกติตัวที่ไม่ให้นอนเลยเนี่ย
00:04:09 → 00:04:11 สามารถตายได้เลยนะครับเพราะว่ามันมีใน
00:04:11 → 00:04:13 เรื่องของ System ต่างๆในเรื่องของการที่
00:04:13 → 00:04:16 ซ่อมแซมเนาะหรือว่าขจัดของเสียต่างๆออก
00:04:16 → 00:04:19 จากร่างกายในขณะที่เรานอนหลับไปแล้วก็ทำ
00:04:19 → 00:04:22 ให้เราสามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้เค้า
00:04:22 → 00:04:24 เปเปอร์เนี้ยโหดร้ายกับหนูน้องหนูมากๆก็
00:04:24 → 00:04:26 คือพยายามปลุกน้องตลอดเวลาไม่ให้นอนเลย
00:04:26 → 00:04:28 เนาะก็คือทำยังไงก็ได้ให้น้องไม่นอนสุด
00:04:28 → 00:04:31 ท้ายหนูตายได้ภายในแบบไม่กี่วันเลยอืมัน
00:04:31 → 00:04:33 ก็คือเหมือนเหมือคล้ายๆมือถือเราเนาะคือ
00:04:33 → 00:04:35 มือถือเราถ้าเราแบบใช้มันทั้งวันอ่ะแล้ว
00:04:35 → 00:04:39 เราไม่มีการชาร์จอ่ะมือถือสักวันมันก็มัน
00:04:39 → 00:04:42 ก็ดับไปเหมือนๆหมูหนูที่ตุยไปเรียบร้อย
00:04:42 → 00:04:44 ตุยไปเรียบร้อยแล้วอ่ะแต่จริงๆเมื่อกี้
00:04:44 → 00:04:46 เราพูดถึงเรื่องของพลังงานถูกมครับคือตอน
00:04:46 → 00:04:49 ที่เราตื่นเนี่ยเรามีการเราร่างกายเรามี
00:04:49 → 00:04:51 เตาถ่านแหละนะครับเนาะแล้วเตาถ่านเนี่ย
00:04:51 → 00:04:54 มันจะผลิตสารที่เรียกว่า ATP ออกมานะครับ
00:04:54 → 00:04:57 เนาะร่างกายทุกอวัยวะในร่างกายของเราอ่ะ
00:04:57 → 00:05:00 ใช้ ATP ในการสร้างพลังงานเราถึงมีไฟตอน
00:05:00 → 00:05:04 เช้าตื่นมาทำงานแต่ในอวัยวะเราอ่ะสมองนี่
00:05:04 → 00:05:07 คือเป็นอวัยวะแบบที่ใช้ ATP เยอะมากเพราะ
00:05:07 → 00:05:09 เราคิดตลอดเวลาคิดฟุ้งซ่านบ้างคิดเรื่อง
00:05:09 → 00:05:11 นู้นคิดเรื่องนี้บ้างอะไรอย่างเงี้ยเพราะ
00:05:11 → 00:05:13 ฉะนั้นเนี่ยในสมองของเราพอมันใช้ ATP อ่ะ
00:05:13 → 00:05:17 ครับมันพอโดนเอาไปใช้ปึ๊บมันจะแตกออกมา
00:05:17 → 00:05:21 ตัวแรกอาจจะชื่อว่า adp อีกตัวนึงอ่ะคือ
00:05:21 → 00:05:24 เรียกว่าอินสินซึ่งพอใช้ ATP อย่างเงี้ย
00:05:24 → 00:05:27 ไปเยอะๆทั้งวันทั้งวันอินสินที่ผลิตออกมา
00:05:28 → 00:05:31 ก็จะเยอะมากขึ้นมากขึ้นยครับไอ้ตัวเอซิน
00:05:31 → 00:05:34 นี่แหละพอมันเยอะมากขึ้นมันไปจับกับรตอ
00:05:34 → 00:05:37 ที่อยู่ในสมองของเราไนซินพอเยอะมากเท่า
00:05:37 → 00:05:40 ไหร่มันก็จะทำให้เราเพลียเราง่วงเริ่ม
00:05:40 → 00:05:43 สมองเริ่มช้าแล้วะบ่ายๆเย็นๆเริ่มนึกอะไร
00:05:43 → 00:05:44 ไม่ค่อยออกทำหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้
00:05:45 → 00:05:48 เพราะไนซินน่ะมันเยอะมากนะครับพอเรานอน
00:05:48 → 00:05:50 เนี่ยมันเป็นช่วงเวลาที่เมื่อกี้พีชบอก
00:05:50 → 00:05:53 ว่าเป็นเป็นช่วงเวลาฟื้นฟูสมองของเราก็จะ
00:05:53 → 00:05:57 เอาอินซิทเยอะตอนเที่ยงตอนกลางวันเนี่ย
00:05:57 → 00:05:59 เอามาเปลี่ยนใหม่เป็น ATP นั่นเองทำให้
00:05:59 → 00:06:03 เราชาร์จพลังงานกลับมาใหม่เป็น ATP นะ
00:06:03 → 00:06:05 ครับเนาะก็คืออย่างแรกเรื่องของพลังงาน
00:06:05 → 00:06:07 แต่อันที่ 2 เมื่อกี้พีก็ขึ้นแวบขึ้นมา
00:06:07 → 00:06:10 แป๊บนึงก็คือเรื่องของของเสียของเสียใช่
00:06:10 → 00:06:12 ของเสียเนี่ยคือร่างกายของเราถ้าเป็น
00:06:12 → 00:06:14 อวัยวะอื่นมันจะมีเาเรียกว่า lymphatic
00:06:14 → 00:06:17 System ก็คือระบบน้ำเหลืองในการเอาของ
00:06:17 → 00:06:19 เสียออกจากร่างกายสมองเราก็มีระบบนั้น
00:06:19 → 00:06:21 เหมือนกันนะครับแต่ว่ามันจะเรียกว่า glm
00:06:21 → 00:06:24 phatic System ซึ่งในสมองเรามันจะมีน้ำ
00:06:24 → 00:06:27 หล่อเลี้ยงสมองเรียกว่าอ่า csf csf
00:06:27 → 00:06:29 spinal fluid นะครับเนาะคือสารน้ำหล่อ
00:06:29 → 00:06:32 เลี้ยงสมองพวกเนี้ยมันก็จะเยอะมากขึ้นถ้า
00:06:32 → 00:06:35 คุณได้นอนแล้วมันก็จะเอาของเสียที่อยู่ใน
00:06:35 → 00:06:39 สมองของเราเนี่ยค่อยๆไหลขับออกไปโดยเฉพาะ
00:06:39 → 00:06:41 ของเสียที่อาหลายคนอาจจะเคยได้ยินอย่าง
00:06:41 → 00:06:45 เช่นเบต้าอลอยหรือทาโปรตีนซึ่ง 2 อันนี้
00:06:45 → 00:06:48 เนี่ยถ้าคุณไม่ได้นอนน่ะมันจะทำให้
00:06:48 → 00:06:50 ท็อกซินพวกเนี้ยของเสียพวกเนี้ยอยู่ใน
00:06:50 → 00:06:53 สมองมากขึ้นแล้วก็อาจจะมีความเสี่ยงของ
00:06:53 → 00:06:56 เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้สุด้วยซ้ำแต่อีกอัน
00:06:56 → 00:06:58 นึงที่หลายคนอาจจะถามว่าเออถ้าเราเป็นโรค
00:06:58 → 00:07:03 ภูมิแพแพ้อ่ะและยิ่งคุณไม่นอนอ่ะการที่
00:07:03 → 00:07:05 เป็นกุมแพ้มันอาจจะกระตุ้นได้ง่ายมากขึ้น
00:07:05 → 00:07:08 ชด้วยซ้ำเพราะว่ามันยุ่งถึงการนอนมันส่ง
00:07:08 → 00:07:10 เสริมเรื่องระบบภูมิคุ้มกันใช่มมครับมัน
00:07:10 → 00:07:12 อันนี้มีมีความคิดเห็นยังไงบ้างอ่ะพี
00:07:12 → 00:07:14 เรื่องของระบบภูมิคุ้มกันน่ะกกับการนอน
00:07:14 → 00:07:17 อ่ะจริงๆก็ต้องบอกว่าอย่างคล้ายๆอย่างตัว
00:07:17 → 00:07:19 2 System ที่ผ่านมามันคือการที่เราซ่อม
00:07:19 → 00:07:22 แซมเนาะแล้วก็ขับของเสียทิ้ง immune
00:07:22 → 00:07:24 System ของเราก็เป็นเหมือนกันก็คือถ้า
00:07:24 → 00:07:26 สมมุติเราทำให้การนอนหลับของเราไม่ดี
00:07:27 → 00:07:28 เรื่องของภูมิคุ้มกันที่เราต้องการชารจ
00:07:29 → 00:07:31 แบตให้เขทำงานมันก็ทำงานได้แย่ลงการทำงาน
00:07:31 → 00:07:33 ของตัวเม็ดเลือดขาวเองหรือแม้กระทั่งใน
00:07:33 → 00:07:37 ส่วนของการ่าไปต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆถ้า
00:07:37 → 00:07:39 ร่างกายเราอ่อนแอเม็ดลึดขาวเราก็อ่อนแอ
00:07:39 → 00:07:42 ด้วยเช่นกันฉะนั้นการที่เราจะต้องต่อสู้
00:07:42 → 00:07:45 กับแบบ 1 ภาวะอักเสบภายในร่างกายของเรา
00:07:45 → 00:07:47 เองอยู่แล้วกับเชื่อโรคที่มาจากภายนอกมัน
00:07:47 → 00:07:49 ก็ยิ่งทำให้มันแย่ลงอีกอืเพราะว่าเห็นบอก
00:07:49 → 00:07:52 ว่าเวลาที่เรานอนน่ะคือกล้ามเนื้อเราผ่อน
00:07:52 → 00:07:55 คลายปอดเราก็ผ่อนคลายมากขึ้นเพราะฉะนั้น
00:07:55 → 00:07:58 ร่างกายเนี่ยจะเอาพลังงานที่ปกติเราจะไป
00:07:58 → 00:08:01 ใช้ในกลเนื้อกับปอดเนี่ยเอาไปสู้กับเชื้อ
00:08:01 → 00:08:04 โรคหรือการอักเสบในร่างกายของเราพอถ้าเรา
00:08:04 → 00:08:07 นอนมากเท่าไหร่เนี่ยแน่นอนเราก็สามารถไป
00:08:07 → 00:08:10 สู้กับโรคพวกนี้ได้คือร่างกายเนี่ยตอนนอน
00:08:10 → 00:08:13 มันคือการฟื้นฟูเราไม่อยากตื่นขึ้นมาปวด
00:08:13 → 00:08:15 ร่างกายถูกมยตื่นมาแล้วอุ๊ยปวดเคร่งปวดขา
00:08:15 → 00:08:17 ไม่เอาอ่ะก็คือตอนที่เรานอนร่างกายก็จะ
00:08:17 → 00:08:20 เอาเม็ดเลือดขาวพวกเนี้ยไปสู้ไปลดการ
00:08:20 → 00:08:22 อักเสบและการติดเชื้อของร่างกายของเรามี
00:08:22 → 00:08:26 งานวิจัยอ่ะค้นพบว่าการนอนดีอ่ะก็สามารถ
00:08:26 → 00:08:29 ป้องกันโรคมะเร็งได้แล้วนะแต่นอนดีอ่ะไม่
00:08:29 → 00:08:32 ได้หมายความว่านอนเยอะนะคือมีงานวิจัยบอก
00:08:32 → 00:08:36 ว่ายิ่งคุณนอนน้อยหรือคุณนอนเยอะมากจน
00:08:36 → 00:08:38 เกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้
00:08:38 → 00:08:40 ทั้ง 2 แบบอย่างเช่นถ้าเราคุณนอนน้อย
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยหรือนอนไม่เพียงพอต่อสุขภาพร่างกาย
00:08:43 → 00:08:45 ของคุณน่ะคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง
00:08:45 → 00:08:49 ลำไซ้ใหญ่มะเร็งสมองมะเร็งคอและมะเร็ง
00:08:49 → 00:08:52 ไทรรอยด์ตรรงกันข้ามถ้าคุณนอนมากกนๆไปและ
00:08:52 → 00:08:56 มีความมีโรคอื่นร่วมด้วยเช่นนอนกรนโรค
00:08:56 → 00:09:00 อ้วนคุณก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่
00:09:00 → 00:09:03 มะเร็งรังไข่แล้วก็มะเร็งลำไส้ได้เหมือน
00:09:03 → 00:09:05 กันจริงอันนี้เห็นด้วยก็คือแบบคนที่นอน 10
00:09:05 → 00:09:08 ชัวโมงขึ้นมาเนี่ยแสดงว่าเขาจำเป็นจะ
00:09:08 → 00:09:10 ต้องการที่ต้องการพลังงานมากกว่าคนอื่น
00:09:10 → 00:09:13 บางทีมันก็อ่าเหมือนแสดงออกมาเหมือนกัน
00:09:13 → 00:09:16 ว่าร่างกายต้องการการพักผ่อนที่มากกว่าคน
00:09:16 → 00:09:18 ทั่วๆไปเขาบอกว่าคนที่นอนมากกว่า 10
00:09:18 → 00:09:21 ช่วโมงมาเนี่ยค่อนข้างจะมีความเสี่ยงใน
00:09:21 → 00:09:23 เรื่องของโรคของกลุ่มพวกคาร์คูล disease
00:09:23 → 00:09:26 ก็คือโรคของพวกหลอดเลือดหัวใจพวกนี้ก็จะ
00:09:26 → 00:09:29 ต้องคอยตรวจหานะว่าแบบถ้าเรานอนเยอะผิด
00:09:29 → 00:09:31 ปกติเนี่ยเรามีโรคอันอื่นซ่อนอยู่หรือ
00:09:31 → 00:09:33 เปล่า EP ก่อนเนี่ยเราได้พูดถึงเรื่องของ
00:09:33 → 00:09:36 cian rm ไปแล้วะมันคือนาฬิกาชีวิตในตัว
00:09:36 → 00:09:39 เรานะครับเนาะแต่จริงๆแล้วอ่ะนาฬิกาชีวิต
00:09:39 → 00:09:42 ของทุกคนไม่ว่าเป็นพีทกับเราเองอ่ะก็ไม่
00:09:43 → 00:09:45 เหมือนกันเพราะว่ามันขึ้นกับโครโน type
00:09:45 → 00:09:48 โครโน type คือประเภทของนาฬิกาชีวิตซึ่ง
00:09:48 → 00:09:51 ประเภทของนนาฬิกาชีวิตเนี่ยมันโดนกำหนดมา
00:09:51 → 00:09:54 ไว้และคนเราทุกคนเกิดมาเรามียีนเติกที่
00:09:54 → 00:09:58 ไม่เหมือนกันมันมียีนนึงที่เรียกว่าเพ 3
00:09:58 → 00:10:01 pr3 G ซึ่งเพ 3 จีนเนี่ยมันจะแบ่ง
00:10:01 → 00:10:04 ประเภทออกมาว่าคุณน่ะอาจจะเป็นคนตื่นเช้า
00:10:04 → 00:10:07 นะคราวนี้เนี่ยบางคนอาจจะเป็น Early Bird
00:10:07 → 00:10:09 หรือ Night Out ก็ได้ Early Bird หมาย
00:10:09 → 00:10:12 ความว่าคุณเป็นคนนอนเร็วตื่นเช้าแต่ Night
00:10:12 → 00:10:16 Out ก็จะเป็นคนที่นอนดึกตื่นสายแต่มัน
00:10:16 → 00:10:18 ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีวินัยนะบาง
00:10:18 → 00:10:21 ครั้งเนี่ยเขากดนาฬิกาปลุกแล้วอ่ะเายัง
00:10:21 → 00:10:23 ไม่รู้สึกสดชื่นเลยคือมันขึ้นกับยีนของ
00:10:23 → 00:10:26 เขาเพ 3 นั่นเองซึ่งเพ 3 ยีนเนี่ยแต่ละคน
00:10:26 → 00:10:29 ไม่เหมือนกันพอเราเกิดมาปึ๊บถ้ามันมันยาว
00:10:29 → 00:10:32 เนี่ยมันหมายความว่าคุณเป็นพวกชอบตื่น
00:10:32 → 00:10:36 เช้าแต่ถ้าเป็นคุณเป็นพวกยีนสั้นชอบนอน
00:10:36 → 00:10:39 ดึกตื่นสายแต่โครโน type ของเราแต่ละคน
00:10:39 → 00:10:41 เนี่ยช่วงอายุแต่ละช่วงอายุก็อาจจะ
00:10:41 → 00:10:44 เปลี่ยนแปลงกันได้ช่วงเด็กคุณอาจจะเป็น
00:10:44 → 00:10:47 โครโน type ชนิดนึงที่ชอบตื่นเร็วแต่พอมา
00:10:48 → 00:10:51 เป็นวัยรุ่นตื่นสายแล้วพอมาเป็นอายุมาก
00:10:51 → 00:10:54 ขึ้นวัยแก่ก็มาเป็นอีกแบบนึงก็ได้มันขึ้น
00:10:54 → 00:10:57 กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนคราวนี้เนี่ยโน
00:10:57 → 00:11:00 type ของนาฬิกาชีวิตอ่ะมันแบ่งออกมาเป็น
00:11:00 → 00:11:02 ทั้งหมด 4 แบบด้วยกันเขาก็จะ repent มา
00:11:02 → 00:11:04 เป็นแบบสัตว์ 4 ชนิดเป็นเป็นสัตว์ 4 ชนิด
00:11:04 → 00:11:08 คนสใพี่เคยได้ยินแล้วคือมันก็จะมีหมีหมา
00:11:08 → 00:11:12 ป่าสิงโตและปลาโรมาปลาโรมาพี่เป็นแบบไหน
00:11:12 → 00:11:16 ขอโทษเป็นโรมาเนาะโรมาไม่ใช่ปลลาคือแบบ
00:11:16 → 00:11:19 แรกเอาแบบแรกก่อนแล้วกันที่คนเป็นเยอะมาก
00:11:19 → 00:11:21 ที่สุดคือแบบหมีแบบหมีเนี่ยมันจะเป็นพวก
00:11:21 → 00:11:25 ที่พระอาทิตย์ขึ้นก็ตื่นพระจันทร์ขึ้นก็
00:11:25 → 00:11:28 เข้านอนพวกเนี้ยก็คือจะทำงานดีช่วงเวลา
00:11:28 → 00:11:33 แบบ 10:00 นถึง 14 นอนก็ประมาณ 50% ของคน
00:11:33 → 00:11:36 เรานะครับเนาะแบบที่ 2 พวกแวฟแวฟหรือหมา
00:11:36 → 00:11:39 ป่าพวกเนี้ยชอบล่ากลางคืนใช้ชีวิตตอนสายๆ
00:11:39 → 00:11:42 ใช้ชีวิตตอนสายๆทำงานที่ดีตอนแบบบ่ายๆเออ
00:11:42 → 00:11:46 ทำงานดีสุดแบบ 11 นถึง 16 นเยถึงเริ่มแบบ
00:11:46 → 00:11:49 ทำงานได้ดีแล้วหลังจากนั้นก็นอนดึกอีก
00:11:49 → 00:11:51 แล้วแบบที่ 3 คือพวกสิงโตสิงโตเนี่ยตรง
00:11:51 → 00:11:55 ข้ามกับแวฟเลยขยันตื่นเช้าพวกนี้ชอบตื่น
00:11:55 → 00:11:57 5:00 น 5:00 ครึ่งตื่นแลนะครับแล้วทำงาน
00:11:57 → 00:12:00 ดีสุดเนี่ยประแบบเช้าๆจนถึงเที่ยนเลยจะทำ
00:12:00 → 00:12:03 งานได้ดีมากแล้วพวกนี้ชอบแบบเหมือนเป็นคน
00:12:03 → 00:12:05 ที่เค้าเรียกว่าอะไรอ่ะระเบียบเรียบร้อย
00:12:05 → 00:12:07 อกานมากต้องทำทุกๆอย่างให้เสร็จก่อน
00:12:07 → 00:12:09 เที่ยงมันจะทำงานได้ดีที่สุดแล้วพอหลัง
00:12:09 → 00:12:11 บ่าย 14:00 น 14:00 นเริ่มเริ่มเพลียและ
00:12:11 → 00:12:14 ไม่ไหวและและต้องเข้านอนก่อน 21:00 นอัน
00:12:14 → 00:12:18 สุดท้ายปาลงมาปาลงนาเป็นพวกที่แบบเหมือน
00:12:18 → 00:12:23 ครึ่งๆกลางๆคือนอนก็ไม่ดีหลับๆตื่นๆเพราะ
00:12:23 → 00:12:26 กลัวเหมือนแบบกลัวว่าต้องหาปลาว่าหาปลา
00:12:26 → 00:12:29 ตลอดเวลาคนพวกเก็จะเป็นแบบเขาเรียกว่าโรค
00:12:29 → 00:12:32 ออมเนียได้ค่อนข้างง่ายแล้วก็ตื่นได้ง่าย
00:12:32 → 00:12:35 นะครับเนาะก็แบบเนี้ยพีทเป็นแบบไหนนะต้อง
00:12:35 → 00:12:38 บอกว่าส่วนใหญ่ชอบเป็นแบบแววูฟมากกว่าชอบ
00:12:38 → 00:12:41 ตื่นสายทำงานแบบบ่ายๆเอเนอจี้ดีอ๋อๆเรา
00:12:41 → 00:12:43 เราเป็นพวกแบบแบบไออนไออนก็คือสิงโตชอบ
00:12:43 → 00:12:47 ตื่นเช้าเอาใให้เสร็จเาบอกว่าปาโลมาจริงๆ
00:12:47 → 00:12:49 เขาบอกว่าเป็นวิทยาศาสตร์อนึงก็คือปลา
00:12:49 → 00:12:51 โลมาไม่เคยหลับเขาใช้สมองครึ่งนึงในการ
00:12:51 → 00:12:54 ตื่นตลอดเวลาและเมื่อสมองข้านี้หลับก็ไป
00:12:54 → 00:12:56 ใช้สมองอีกข้างนึงตื่นฉะนั้นมันก็เลยไม่
00:12:56 → 00:12:58 มีช่วงการแบบนอนหรือว่าการใช้ชีวิตได้
00:12:58 → 00:13:00 อย่างชัดจริงอะไรแบบเนี้ยเก็เลย represent
00:13:00 → 00:13:04 ตัวเามาออกมาอือุยขอโทษครับลมมาเนาะคราว
00:13:04 → 00:13:06 นี้ก็อยากให้ทุกคนลองไปดูว่าตัวเองอ่ะ
00:13:06 → 00:13:09 เป็นสัตว์ชนิดไหนเราจะได้เข้าใจว่าเออการ
00:13:09 → 00:13:12 นอนหรือว่าการใช้ชีวิตของเราอ่ะควรทำเป็น
00:13:12 → 00:13:15 แบบไหนก็ลองไปทำดูแล้วกันได้เดี๋ยวเราจะ
00:13:15 → 00:13:17 แปะตัว question แไว้ตรงลิงก์เนาะเผื่อ
00:13:17 → 00:13:19 ใครอยากไปลองดูว่าตัวเองเป็นแบบไหนจะได้
00:13:19 → 00:13:21 รู้ว่า Energy ของเราเนี่ย Match ตรงไหน
00:13:21 → 00:13:23 กันเวลาเราไปทำงานจะได้รู้ว่าอ๋อเราเป็น
00:13:23 → 00:13:26 แบบนี้ควรจะต้องทำงานในช่วงนี้อ่าอีกอัน
00:13:26 → 00:13:29 นึงอยากอยากถามพีชมากเลยมีคนถามมาว่าถ้า
00:13:29 → 00:13:34 เรานอน 2:00 นตื่น 10:00 นกับนอน 22:00 น
00:13:34 → 00:13:37 แล้วตื่น 18:00 นอ่ะเรานอน 8 ชมเท่าๆกัน
00:13:37 → 00:13:39 น่ะมันต่างกันมยส่งผลต่อสุขภาพเราหรือ
00:13:39 → 00:13:42 เปล่าจริงๆในมุมของผมเองเผมมองว่ามันก็
00:13:42 → 00:13:45 อ่าพอๆกันเหมือนกันนั่นแหละต้องถามว่า
00:13:45 → 00:13:47 สมมุติว่าจิมมี่อยู่ที่ประเทศไทยตอนนี้
00:13:47 → 00:13:50 นอน 8 ชมกับย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นตอนนี้อีก 8
00:13:50 → 00:13:53 ชมงนอนเหมือนกันต่างกันมยครับไม่ต่างเนาะ
00:13:53 → 00:13:55 มันก็ดูคล้าเคียงสิ่งเดียวที่เรา
00:13:55 → 00:13:57 คอนเซิร์นมากที่สุดหรือว่ากังวลมากที่สุด
00:13:57 → 00:13:59 ก็คือในเรื่องของการที่เราจะทำยังไงให้
00:13:59 → 00:14:01 สภาพแวดล้อมของการนอนเนี่ยมันเหมาะสมการ
00:14:01 → 00:14:03 ที่เรานอนตอนช่วงประมาณกลางดึกที่ทุกคน
00:14:03 → 00:14:06 หยุดงานเนาะแสงสีเสียงและอุณหภูมิต่างๆ
00:14:06 → 00:14:08 มันเหมาะสมกับการนอนได้แสงที่น้อยเสียง
00:14:08 → 00:14:11 ที่ไม่ค่อยมีใครรบกวนการพักผ่อนที่ค่อน
00:14:11 → 00:14:13 ข้างดีโดยที่ไม่มีใครอัมันก็ทำให้คุณภาพ
00:14:13 → 00:14:15 การนอนของเรามันดีแต่ว่าถ้าเราเปลี่ยนไป
00:14:15 → 00:14:18 นอนตอนช่วงกลางวันอ่ามาและปิดม่านเงียบ
00:14:18 → 00:14:21 เลยนะนิ่งอุณหภูมิดีแต่ว่าอ่ะแม่ค้าขาย
00:14:21 → 00:14:24 ส้มตำเดินผ่านมาอ่ะส้มตำครับก็มันก็ทำให้
00:14:24 → 00:14:27 เราตืรถรถไอติมอ่านอนกุ้งกิ้งๆิงมาอะไร
00:14:27 → 00:14:29 อย่างเงี้ยมันก็ทำให้คุณภาพการนอนของแล้ว
00:14:29 → 00:14:31 มันแย่ลงอันเนี้ยก็เลยเป็นแบบว่าให้เราไป
00:14:31 → 00:14:33 ลองควบคุมได้กันถ้าสมมุติว่าเราจำเป็นจะ
00:14:33 → 00:14:35 ต้องทำงานหรือว่าไปตื่นหรือว่าไปทำงานใน
00:14:35 → 00:14:38 ช่วงที่แบบคนอื่นเขาอ่าหลับกันแล้วต้องมา
00:14:38 → 00:14:40 นั่งหลับตอนที่คนอื่นเขาทำงานกันหรือเใช้
00:14:40 → 00:14:43 ชีวิตอืคือมันขึ้นอยู่กับคุณภาพของการนอน
00:14:43 → 00:14:45 มากกว่าเนาะว่าถึงแม้มันจะนอนเท่ากันแต่
00:14:45 → 00:14:48 มันคืนว่าคุณนอนดีหรือเปล่าคราวนี้เนี่ย
00:14:48 → 00:14:51 การนอนเนี่ยอยากจะให้พีซแนะนำหน่อยว่า
00:14:51 → 00:14:54 หรืออธิบายหน่อยดีกว่าว่าการนอนอ่ะมันมี
00:14:54 → 00:14:56 หลายสเต็ปเนาะแต่ละสเต็ปอ่ะมันมีอะไรบ้าง
00:14:56 → 00:14:59 แล้วแต่ละสเต็ปร่างกายเราเปลี่ยนแปลงหรือ
00:14:59 → 00:15:01 กลไกมันเป็นยังไงอ่ะการนอนเนี่ยก็จะเรา
00:15:01 → 00:15:03 เรียกลักษณะตรงนี้ว่า Sleep Cycle เนาะ
00:15:03 → 00:15:05 ซึ่ง Sleep Cycle ก็จะมี Sleep
00:15:05 → 00:15:07 Architecture ก็คือลักษณะโครงสร้างการ
00:15:07 → 00:15:09 นอนหลับของเราเนาะตามปกติเราขอแบ่งเป็น 2
00:15:09 → 00:15:12 พารทใหญ่ๆะกันเป็น part ที่เรียกว่า non
00:15:12 → 00:15:14 rem กับ rem นะครับ non rem ก็คือ non
00:15:14 → 00:15:16 rapid Eye movement แล้วก็ถ้าเป็น rem
00:15:16 → 00:15:18 ก็เป็น rapid Eye movement นะครับตัว
00:15:18 → 00:15:22 non rem หรือว่าอ่า nrem ตัวเนี้ยก็คือ
00:15:22 → 00:15:24 จะแบ่งออกเป็นย่อยๆสมัยก่อนเราเคยแบ่ง
00:15:24 → 00:15:27 เป็น 4 Stage เลย 1 2 3 4 นะครับซึ่ง
00:15:27 → 00:15:29 อ่า 4 Stage เนี่ย resent ในเรื่องของ
00:15:29 → 00:15:32 การที่จะทำอ่าร่างกายของเราจะมีการหลับ
00:15:32 → 00:15:34 ลึกมากขึ้นเท่าไหร่สเต็ป 1 เนี่ยก็จะเป็น
00:15:34 → 00:15:37 การหลับแบบเบาๆปลุกตื่นได้ง่ายเสียงเล็กๆ
00:15:37 → 00:15:40 น้อยๆก็ทำให้เราตื่นได้สต็ป 2 ก็จะเริ่ม
00:15:40 → 00:15:42 มีความที่เรา Deep Sleep ลงไปเพิ่มขึ้น
00:15:42 → 00:15:44 และ 3 กับ 4 เนี่ยก็จะเป็นขมวดรวมและน
00:15:45 → 00:15:47 ปัจจุบันเหลือแค่ 3 ก็คือเป็นช่วงที่เรา
00:15:47 → 00:15:48 เรียกว่า slow Wave Sleep หรือการที่
00:15:49 → 00:15:51 เราหลับแล้วมีคลื่นสมองของเราเนี่ที่อ่า
00:15:51 → 00:15:54 ช้าลงนะครับเหลือแค่ 2 เฮซหรืออะไรประมาณ
00:15:54 → 00:15:56 นี้ซึ่งทำให้ช่วงนั้นระยะเวลาตรงนั้นคือ
00:15:56 → 00:15:58 ช่วงเวลาที่เราได้ผักผ่อนจริงๆเป็นช่วง
00:15:58 → 00:16:01 เวลาแ่งการ charge Energy ของเรานะครับ
00:16:01 → 00:16:03 ส่วนอีกอันนึงก็คือตัว rem Sleep นะครับ
00:16:03 → 00:16:05 หรือ rapid Eye movement เนาะจะเป็น
00:16:05 → 00:16:07 ช่วงที่ร่างกายของเราเนี่ยหลับลึกมากๆและ
00:16:07 → 00:16:10 พระนี้คือช่วงที่เราหลับฝันกำลังท่องอยู่
00:16:10 → 00:16:13 ในจินตนาการใช่แล้วก็จะมีในเรื่องของการ
00:16:13 → 00:16:15 ที่โครงสร้างของเราเนี่ยกล้ามเนื้อต่างๆ
00:16:15 → 00:16:17 เนี่ยของร่างกายเราหย่อนตัวหมดละเหลือ
00:16:17 → 00:16:19 เพียงแค่กล้ามเนื้อตาที่ทำให้เกิดการ
00:16:19 → 00:16:21 กระตุกตามชื่อของเขาเลย rapid Air
00:16:21 → 00:16:23 movement ตาเราจะกรอกไปกรออกมาได้กับอีก
00:16:24 → 00:16:25 อันนึงก็คือเรื่องของกล้ามเนื้อที่ดูแล
00:16:25 → 00:16:27 เรื่องของการหายใจของเราทำให้เรายังคง
00:16:27 → 00:16:29 สามารถ maintain การหายใจของเราเราได้ 2
00:16:29 → 00:16:32 พารนี้ก็เลยมีความแตกต่างกันซึ่งมันก็จะ
00:16:32 → 00:16:35 มีการวนไปวนมา 1 2 3 เรมไม่ได้แปลว่า
00:16:35 → 00:16:38 ต้องวนตามสเต็ปด้วยนะไม่แปลว่า 1 2 แล้ว
00:16:38 → 00:16:40 ค่อยไป 3 แล้วค่อยไปเรมนะอาจจะจาก 1 เข้า
00:16:40 → 00:16:43 สู่ remem เลยก็ได้หรือว่าอาจจะ 1 2
00:16:43 → 00:16:45 แล้วค่อยเข้าสู่ remem 1 2 3 แล้วค่อย
00:16:45 → 00:16:48 เข้าสู่เรมหรือจากเรมกลับไปเป็น 1 ได้กด
00:16:48 → 00:16:51 ไปได้แล้วแบบปกติคืนนึงเนี่ยมันกี่ไซเคิล
00:16:51 → 00:16:54 น่ะมันประมาณ aage เท่าไหร่อ่ะตามปกติไซค
00:16:54 → 00:16:56 ของเขาก็จะอยู่ที่ประมาณ 60-90 นาทีในการ
00:16:56 → 00:16:59 จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆฉะนั้นคือนึงเราก็จะ
00:16:59 → 00:17:02 มามีประมาณสักประมาณ 4-6 ไซเคิลอะไรเงี้ย
00:17:02 → 00:17:05 แล้วแต่ระยะเวลาการนอนหลับของเราใช่ซึ่ง
00:17:05 → 00:17:08 สังเกตได้ว่าช่วงเวลาเนี่ยก็จะมีการหมุน
00:17:08 → 00:17:10 เวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วก็แต่ละวงที่
00:17:11 → 00:17:13 เปลี่ยนไปก็จะมีลักษณะหน้าตาที่เปลี่ยนไป
00:17:13 → 00:17:15 เหมือนกันอย่างช่วงตอนนอนแรกๆของเราเนี่ย
00:17:15 → 00:17:17 เราจะมีในช่วงของ slow Sleep ค่อนข้าง
00:17:17 → 00:17:20 เยอะทำให้เราพักผ่อนได้ค่อนข้างดีแล้วก็
00:17:20 → 00:17:22 ตอนปลายๆท้ายๆเราจะเริ่มมี remem เยอะจะ
00:17:22 → 00:17:24 สังเกตได้ว่าเราจะฝันเยอะในช่วงกลางดึก
00:17:24 → 00:17:28 มากๆอแล้วช่วงเวลาไหนที่เขาบอกว่าโด
00:17:28 → 00:17:31 ฮอร์โมนจะผลิตได้ดีที่สุดหรือว่าด Factor
00:17:31 → 00:17:33 ต่างๆเนี่ยมันทำงานได้ดีที่สุดในร่างกาย
00:17:33 → 00:17:36 ของเราอ่ะช่วงสจไหนในของการนอนสมัยก่อน
00:17:36 → 00:17:38 เราเคยมีการสอนเบอกเอ้ยเราต้องนอนเร็ว
00:17:38 → 00:17:41 เนาะ 22:00 นจนถึงแบบ 2:00 เป็นช่วงแบบ
00:17:41 → 00:17:43 เวลาที่แบบโสฮอร์โมนจะหลังดีจริงๆแล้วมัน
00:17:43 → 00:17:46 มีงานศึกษาวิจัยเลยบอกว่าจริงๆโทฮอร์โมน
00:17:46 → 00:17:48 เนี่ยมันหลังตามอ่าการนอนหลับที่เรียกว่า
00:17:48 → 00:17:50 slow Wave Sleep หรือว่า non rm
00:17:50 → 00:17:53 Stage 3 นี่เองก็คือในพาร์ทเนี้ยถ้าใคร
00:17:53 → 00:17:56 มีการนอนแบบ slow Sleep เวอะๆอ Energy
00:17:56 → 00:17:58 ที่ชาร์จตอนเนี้ยแล้วก็ GR ฮอร์โมนก็จะ
00:17:58 → 00:18:00 หลังในช่วงเยค่อนค่อนข้างเยอะซึ่งโส
00:18:00 → 00:18:02 ฮอร์โมนเนี่ยก็ถูกแบบ mention ถึงในหลายๆ
00:18:02 → 00:18:05 แบบหลายศาสตร์ใช่ถูกต้องหลายคนออกกำลัง
00:18:05 → 00:18:07 กายอย่างจิมมี่ออกกำลังกายก็จะรู้ว่าการ
00:18:07 → 00:18:09 นอนเป็นสิ่งสำคัญมากๆแลเราอยากได้ slow
00:18:09 → 00:18:11 Sleep มากๆเพื่อทำให้ร่างกายที่เรา
00:18:11 → 00:18:13 อุตส่าห์ปั้นกล้ำมาเนี่ยแบบโตได้อย่าง
00:18:13 → 00:18:17 เต็มที่เผื่อสังเกตมยมันจะมีคนบางคนที่
00:18:17 → 00:18:20 ชอบตื่นเวลาเดิมๆซ้ำๆตอน 2:00 3:00 นทุก
00:18:20 → 00:18:25 วันทุกวันทุกวันะเป็นเพราะพลังงานลี้ลับ
00:18:25 → 00:18:27 บางอย่างเดี๋ยวๆๆนี่ไม่ใช่รายการ OST
00:18:27 → 00:18:29 Talk เหรออันนี้มันคือรายการด Talk นะ
00:18:29 → 00:18:32 พีทเคือพลังการที่รับเดี๋ยวเรามาพูดกันที
00:18:32 → 00:18:34 หลังดีกว่าแต่เมื่อกี้ที่พีทพูดมาเนี่ย
00:18:34 → 00:18:36 เรื่องของเรมกับ non เรมที่จริงอ่ะมันก็
00:18:36 → 00:18:39 มีเหตุผลที่ทำให้เราตื่น 2:00 น 3:00 น
00:18:39 → 00:18:42 ได้ก็คืออย่างที่พีทอธิบายไปเนาะว่าคนละ
00:18:42 → 00:18:45 เวลาเรานอนเนี่ยมันจะมีการเปลี่ยนของอ่า
00:18:45 → 00:18:48 steep ไซคิของการนอนเพราะฉะนั้นเนี่ยพอ
00:18:48 → 00:18:51 เรานอนยิ่งลึกเท่าไหร่อุณหภูมิในร่างกาย
00:18:51 → 00:18:54 ก็จะลดลงลดลงตาม remem กับนอน remem ของ
00:18:54 → 00:18:57 เราแต่พอมันกลับมาที่นอน remem เนี่ย
00:18:57 → 00:18:59 อุณหภูมิเราก็สูงขึ้นมาอีกแล้วก็จะเป็น
00:18:59 → 00:19:02 ช่วงเวลา 2:00 3:00 นั่นเองที่ทำให้เรา
00:19:02 → 00:19:04 เอออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเหงื่อมันอาจจะ
00:19:05 → 00:19:07 แตกเนาะเริ่มร้อนมากขึ้นในห้องนอนอย่าง
00:19:07 → 00:19:10 เงี้ยมันก็เลยทำให้เราตื่นแต่แต่เรื่อง
00:19:10 → 00:19:12 พลังงานลิ้นลับเนี่ยเดี๋ยวๆเอาไว้ก่อนเอา
00:19:12 → 00:19:14 ไว้ก่อนเผื่อเราจะทำใน EP หน้าถ้าอย่านก็
00:19:14 → 00:19:18 ต้องตามมาโอเคโอเโอเคเคยสังเกตมพีทคือวัย
00:19:18 → 00:19:21 รุ่นเนี่ยพออายุ 18-20 เนี่ยเห็นต้องนอน
00:19:21 → 00:19:23 แล้วก็ยังตื่นมาได้เรายังทำงานได้หมดเลย
00:19:23 → 00:19:26 แต่พอเรามีอายุมากขึ้นเนี่ยเรา
00:19:26 → 00:19:29 นอนน้อยเนี่ยเราทำงานไม่ได้แล้วอ่ะ
00:19:29 → 00:19:31 อันเนี้ยเป็นเพราะว่าเซลล์ของเราอ่ะมัน
00:19:31 → 00:19:34 เสื่อมมากยิ่งขึ้นจริงๆอ่ะเวลาที่เรานอน
00:19:34 → 00:19:36 เนี่ยมันจะมีเซลล์ receptor ที่อยู่ในตา
00:19:36 → 00:19:39 ของเราเรียก sura chim Matic receptor
00:19:39 → 00:19:41 เนาะตัวเนี้ยเป็นตัวที่ทำให้เราหลับนอน
00:19:41 → 00:19:45 ฝันดีแล้วก็เป็นตัวที่ผลิตฮอร์โมนเมทิน
00:19:45 → 00:19:48 ตอนเรานอนนั่นเองพอเราอายุมากขึ้นมากขึ้น
00:19:48 → 00:19:51 เนี่ยไอ้ตัวที่รับแสง receptor ตัวเนี้ย
00:19:51 → 00:19:53 มันก็เลยเสื่อมตามอายุของเราไปด้วยอีกอัน
00:19:53 → 00:19:56 นึงก็คือเรื่องของโฮร์โมนในร่างกายของเรา
00:19:56 → 00:19:58 ฮอร์โมนแทนนินเนี่ยมันเป็นฮอร์โมนที่ทำ
00:19:58 → 00:20:02 ให้เรารอนหลับดีพอคุณมีอายุมากขึ้นคุณก็
00:20:02 → 00:20:04 ผลิตเมลทนินได้น้อยลงนั่นเองแล้วก็
00:20:04 → 00:20:08 ฮอร์โมนคอร์ติโซนน้อยลงฮอร์โมนคอร์ติโซน
00:20:08 → 00:20:10 ฮอร์โมนตอนเช้าเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนแห่ง
00:20:10 → 00:20:13 การนอนตอนกลางคืนมันก็น้อยลงตามอายุของ
00:20:13 → 00:20:16 เราในขณะเดียวกันเนี่ยจิมมี่สังเกตมว่า
00:20:16 → 00:20:18 ผู้ใหญ่ก็มีวิธีการใช้ชีวิตการนอนเนี่ย
00:20:18 → 00:20:21 ที่แตกต่างออกไปจากเด็กเหมือนกัน 1 เนี่ย
00:20:21 → 00:20:23 ผู้ใหญ่เนี่ยกิจกรรมในการใช้ชีวิตเราน้อย
00:20:23 → 00:20:25 ลงเราอยู่กับบ้านมากขึ้นเราใช้ชีวิตอยู่
00:20:25 → 00:20:28 กับกิจกรรมที่มันไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ
00:20:28 → 00:20:30 ออกไปไหนถูกต้องฉะนั้นสิ่งนึงที่เกิดขึ้น
00:20:30 → 00:20:33 ก็คือพลังงานต่อวันที่เราใช้มันน้อยลง
00:20:33 → 00:20:34 Energy restoration ที่เรายังคงมีอยู่
00:20:35 → 00:20:37 ถูกใช้ไปแค่เล็กน้อยอีกสิ่งนึงก็คือเพราะ
00:20:37 → 00:20:39 ไม่มีกิจกรรมทำกิจกรรมที่ง่ายที่สุดที่
00:20:39 → 00:20:42 มนุษย์ทำก็คือนอนก็คือแนบระหว่างวันแอบ
00:20:42 → 00:20:45 แนบไปอีกระหว่างทางทำให้ถังน้ำมันของเรา
00:20:45 → 00:20:47 ถูกแอบเติมไปเรื่อยๆเหมือนกันพอถึงเวลา
00:20:47 → 00:20:50 นอนจริงๆอ่ะไม่มีอะไรทำทำอะไรอ่ะ 21-4 น
00:20:50 → 00:20:53 เข้านอนเข้านอนเสร็จปุ๊บเหลือให้ที่ให้
00:20:53 → 00:20:56 ชาร์จพลังงานแค่เล็กๆประมาณแค่ 20 -30%
00:20:56 → 00:20:59 ทำไงเต็มแล้วอ่ะมันก็ก็ตื่นขึ้นมากลางน
00:20:59 → 00:21:01 หรือตื่นมาเช้ามากตื่นมา 3:00 นไม่รู้จะ
00:21:01 → 00:21:04 ทำอะไรเก็บข้าวเก็บของอะไรแบบนี้เพราะว่า
00:21:04 → 00:21:06 activity ของเรานี่แหละที่มันเปลี่ยนไป
00:21:06 → 00:21:09 แล้วก็ทำให้ถังน้ำมันของเราเนี่ยถูกเติม
00:21:09 → 00:21:11 ไปได้เร็วขึ้นผู้ใหญ่ก็เลยนอนเร็วตื่น
00:21:11 → 00:21:14 เช้าบางคนก็เนี่ยรบกวนการนอนหลับของเรา
00:21:14 → 00:21:17 ตอนเช้าเนาะขึ้นมาทำกับข้าวและ 3:00 น
00:21:17 → 00:21:21 4:00 นปัจจุบันเนี่ยมีคนบริโภคกาแฟเยอะ
00:21:21 → 00:21:23 มากซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วแหละว่ากาแฟเนี่ย
00:21:23 → 00:21:26 มันมีคาเฟอีนในมุมมองของพีทเนี่ยคาเฟอีน
00:21:26 → 00:21:28 หรือกาแฟมีประโยชน์ต่อร่างกายเรามั้ยจริง
00:21:28 → 00:21:30 ๆก็ต้องบอกว่าเป็นเครื่องดื่มที่ยอดนิยม
00:21:30 → 00:21:32 แล้วก็ชอบมากกินได้วันละแบบ
00:21:32 → 00:21:36 unlimit ส่วนตัวแต่ก็โอเคเรามองในแง่ของ
00:21:36 → 00:21:39 แบบวิทยาศาสตร์เนาะคือการดื่มคาคาเฟอีน
00:21:39 → 00:21:41 หรือว่าเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมักจะทำ
00:21:41 → 00:21:43 ให้เราเนี่ยตื่นตัวได้ดีเนื่องจากว่าตัว
00:21:43 → 00:21:45 คาเฟอีนเนี่ยมันเป็นตัวสารที่ชื่อว่าอ่า
00:21:45 → 00:21:49 อินซี antagonist จะไปแย่งจับกับตัวอินซี
00:21:49 → 00:21:51 ที่เราพูดกันไปถึงตอนต้นว่ามันทำให้เรามี
00:21:51 → 00:21:54 ความแบบง่วงมากขึ้นมันมีมันมีการสะสมใน
00:21:54 → 00:21:57 ร่างกายฉะนั้นคาเฟอีนจะเข้าไปแย่งจับกับ
00:21:57 → 00:22:00 ตัวอินซีแทนทำให้เราไม่ง่วงนะครับก็เป็น
00:22:00 → 00:22:03 หนึ่งปัจจัยที่ทำให้เราบริโภคคาเฟอีนพวก
00:22:03 → 00:22:05 นี้เข้าไปนะครับอืครับก็คือที่จริงอ่ะพอ
00:22:05 → 00:22:07 เราดื่มคาเฟอีนเข้าไปหรือดื่มเครื่องดื่ม
00:22:07 → 00:22:10 ที่มีกเอ่อคาเฟอีนเนี่ยมันทำให้เราไม่
00:22:10 → 00:22:13 ง่วงเพราะอินซีมันโดนบอกไปอีกอย่างนึง
00:22:13 → 00:22:15 เนี่ยก็คือตัวคาเฟอีนเองอ่ะมันไปเพิ่ม
00:22:15 → 00:22:18 เา้าเรียกว่าเ่อความดันในร่างกายของเราทำ
00:22:18 → 00:22:20 ให้เรารู้สึกกระปรี้กระเป๋ารวมถึงเรื่อง
00:22:20 → 00:22:23 ของโฮร์โมนโดพามีนและนอินฟินด้วยทำไมเรา
00:22:23 → 00:22:27 ทำให้เราตั้งใจโฟกัสกับงานเราได้ดีมาก
00:22:27 → 00:22:29 ขึ้นที่จริงคาเฟอีนมันก็มีประโยชน์มาก
00:22:29 → 00:22:31 กว่านั้นเนาะไม่ใช่แค่เรื่องของการตื่น
00:22:31 → 00:22:34 ไม่ให้เราเพลียเนี่ยที่จริงมันอาจจะช่วย
00:22:34 → 00:22:36 เรื่องของป้องกันไม่ให้คุณเป็นโรคเก๊าทนะ
00:22:36 → 00:22:38 ครับเนาะด้วยความว่าตัวมันเองมี poy
00:22:38 → 00:22:42 phenol นะครับเนาะที่ป้องกันการอักเสบ
00:22:42 → 00:22:44 ของตับหรือว่าการป้องกันมะเร็งด้วยนะครับ
00:22:44 → 00:22:47 แต่จริงๆแล้วเนี่ยการย่อยคาเฟอีนเนี่ยมัน
00:22:47 → 00:22:50 ก็ขึ้นแต่ละบุคคลแต่ละคนเนี่ยดื่มกาแฟบาง
00:22:50 → 00:22:53 คนดื่มแก้วเดียมโอ้โหตื่นทั้งคืนเลยบางคน
00:22:53 → 00:22:55 นี่ 4-5 แก้วยังไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยมัน
00:22:55 → 00:22:58 ขึ้นกับสุขภาพของแต่ละคนซึ่งเครื่องดื่มพ
00:22:58 → 00:23:02 พวกนี้เนี่ยมันมีปริมาณที่คาเฟอีนไม่เท่า
00:23:02 → 00:23:04 กันอย่างเช่นเยอะมากที่สุดเลย Espresso
00:23:04 → 00:23:06 เนี่ยมีประมาณถ้าถ้าจำไม่ผิดนะครับประมาณ
00:23:06 → 00:23:09 250 มิลกรัมของคาเฟอีนและน้อยที่สุดก็จะ
00:23:09 → 00:23:12 เป็นพวกดีคาฟหรือว่าเป็นพวกนมช็อกโกแลตก็
00:23:12 → 00:23:15 มีคาเฟอีนเหมือนกันแต่น้อยมากแบบ้าจะแบบ
00:23:15 → 00:23:17 ประมาณ 3 มลกเพราะฉะนั้นเนี่ยคนที่รู้ว่า
00:23:17 → 00:23:20 เฮ้ยตัวเองดื่มกาแฟไม่ได้อาจจะแนะนำให้
00:23:20 → 00:23:22 ดื่มเป็นคราฟแทนก็ได้หรือเป็นนมช็อกโกแลต
00:23:23 → 00:23:25 เพราะว่าปริมาณอ่าคาเฟอีนเนี่ยน้อยมากพอ
00:23:25 → 00:23:27 เราตื่นขึ้นมาเนี่ยจริงๆก็ไม่ได้แนะนำ
00:23:27 → 00:23:30 เนาะให้ดื่มกาแฟเลยเพราะว่าตอนที่เราตื่น
00:23:30 → 00:23:31 ปึ๊บในร่างกายเราจะมีฮอร์โมนเรียกว่า
00:23:32 → 00:23:34 คอร์ติซอลหลาย EP เราพูดมาแล้วเรื่องของ
00:23:34 → 00:23:36 ฮอร์โมนคอร์ติซอลมันเป็นฮอร์โมนต้านความ
00:23:36 → 00:23:38 เครียดแต่หน้าที่นึงอีกอันนึงอ่ะคือมัน
00:23:38 → 00:23:41 เป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราตื่นทำให้เรามี
00:23:41 → 00:23:46 ความดันชุดตอนเช้ารู้สึกตัวมีชีวิตมาก
00:23:46 → 00:23:49 ขึ้นตอนเช้านั่นเองเชนั่นเองนะครับเนาะพอ
00:23:49 → 00:23:51 เราตื่นมาปุ๊บมันพีคเนี่ยการดื่มกาแฟเข้า
00:23:51 → 00:23:54 ไปคาเฟอีนเนี่ยมันสู้คอิโซ่ไม่ได้มันเฟรช
00:23:54 → 00:23:56 อยู่แล้วอ่ะแล้วคุณจะดื่มคอิโซ่มันมัน
00:23:56 → 00:23:59 เปลืองเปลืองงึนเก็บไว้ก่อนนะครับเออเออ
00:23:59 → 00:24:02 รอสัก 90 นาทีแล้วเราค่อยดื่มตัวคาเฟอีน
00:24:02 → 00:24:04 เข้าไปหรือกาแฟเข้าไปนั่นเองมันถึงจะช่วย
00:24:05 → 00:24:08 คุณทำให้รู้สึกตื่นหรือมีมีรู้สักมีรู้
00:24:08 → 00:24:11 สึกสดชื่นมากขึ้นนั่นเองแล้วกาแฟเนี่ยใน
00:24:11 → 00:24:14 แต่ละคนก็ย่อยไม่เหมือนกันพูดง่ายๆเลย
00:24:14 → 00:24:17 กว่านะครับเนามันขึ้นกับสุขภาพปกติมันอาจ
00:24:17 → 00:24:20 จะใช้เวลาประมาณ 2 ชมถึง 12 ชมงเพราะ
00:24:20 → 00:24:23 ฉะนั้นเนี่ยการดื่มกาแฟปกติเราก็จะไม่แนะ
00:24:23 → 00:24:25 นำให้ดื่มหลัง 15:00 นเพราะว่ายิ่งคุณ
00:24:25 → 00:24:27 ดื่มดึกมากเท่าไหร่หรือเย็นมากเท่าไหร่
00:24:27 → 00:24:30 เนี่ยมันอาจจะไปส่งผลกระทบต่อการนอนของ
00:24:30 → 00:24:33 คุณก็ด้วยก็ได้แต่มันจะมีอีก 2 ประเภทนะ
00:24:33 → 00:24:37 ครับอันแรกเนี่ยคนที่ชอบสูบบุหรี่เขาบอก
00:24:37 → 00:24:39 ไว้ว่ายิ่งคุณสูบบุหรี่ที่มีสารนิโคติน
00:24:39 → 00:24:43 เนี่ยมันจะทำให้การย่อยของคาเฟอีนน่ะเร็ว
00:24:43 → 00:24:47 มากขึ้น 50% แต่ตรงกันข้ามกันคนท้องเนี่ย
00:24:47 → 00:24:50 ถ้าดื่มกาแฟหรือมีคาเฟอีนอยู่เนี่ยจะทำ
00:24:50 → 00:24:53 ให้ช้าถึง 2 เท่าเลยทีเดียวหมายถึง
00:24:53 → 00:24:55 คาเฟอีนออกจากร่างกายช้ากว่าปกติถึง 2
00:24:55 → 00:24:58 เท่าก็ทำให้ยิ่งนอนดึกหนักกว่าเดิมเออถูก
00:24:58 → 00:25:03 ต้องอว่าถ้าสบบงวงมากตอนบ่ายแต่ไม่อยาก
00:25:03 → 00:25:06 ดื่มกาแฟไม่อยากดื่มน้ำชูกำลังพวกเอเรา
00:25:06 → 00:25:09 ควรปฏิบัติตัวยังไงอ่ะทำให้เรารู้สึกสด
00:25:09 → 00:25:12 ชื่นตอนบ่ายหรือไม่อยากไปนอนด้วยอ่ะอทำไง
00:25:12 → 00:25:13 ได้บ้างอ่ะอันนึงก็แนะนำในเรื่องของการ
00:25:14 → 00:25:17 ดื่มน้ำครับนิดนึงบางทีแบบดชแล้วทำงาน
00:25:17 → 00:25:20 ตลอดทั้งวันขัดน้ำลองเติมน้ำเข้าไปสักนิด
00:25:20 → 00:25:22 อ่าแทน C อเพราะว่าะแบบบางคนก็ดื่มกาแฟ
00:25:23 → 00:25:25 ทั้งเช้าเนาะไม่ยอมดื่มน้ำเลยคิดว่าน้ำค
00:25:25 → 00:25:28 ว่ากาแฟคือน้ำจริแงส่วนก็คือคือกาแฟเป็น
00:25:28 → 00:25:31 ไดยูเรติกด้วยส่วนนึงเนาะฉี่ออกอีกฉี่ออก
00:25:31 → 00:25:34 อีกก็ยิ่งขาดน้ำไปกว่าเดิมนะก็เลยโอเค
00:25:34 → 00:25:36 เติมน้ำเข้ามาเป็นอันดับที่ 1 อันดับที่ 2
00:25:37 → 00:25:39 เคยได้ยินแบบพวกบริษัทของแบบทางญี่ปุ่น
00:25:39 → 00:25:41 เนาะที่มาทำงานแล้วแบบจะต้องมีการแบบออก
00:25:41 → 00:25:44 กำลังกายเซอร์สในช่วงอ่าช่วงแบช็อๆเหมือน
00:25:44 → 00:25:46 มีเต้นมีเต้นนิดนึงอ่ะแบบทำให้ Energy
00:25:46 → 00:25:48 มันกลับขึ้นมาเพราะว่าต้องบอกว่าตอนช่วง
00:25:48 → 00:25:51 14 เเป็นช่วงที่เราอ่ะมีการดริบมากๆเป็น
00:25:51 → 00:25:53 ช่วงที่เราง่วงมากที่สุดเลยมันไม่ได้เกิด
00:25:53 → 00:25:55 ขึ้นจากการกินข้าวแล้วอิ่มแล้วแบบง่วง
00:25:55 → 00:25:57 หนังตาหนังทองตึงหนังตาหย่อนนะแต่ว่ามัน
00:25:57 → 00:25:59 เกิดจากในส่วนตัวฮอร์โมนของเราด้วยที่
00:25:59 → 00:26:01 14:00 นมักจะเป็นช่วงที่ดริบมากที่สุดทำ
00:26:01 → 00:26:04 ให้เรามีความง่วงตอนนั้นก็อาจจะอ่าลุก
00:26:04 → 00:26:06 ขยับนิดหน่อยนะครับทำให้เราแบบมีกิจกรรม
00:26:06 → 00:26:09 นิดนึงเนาะหรือว่าอาจจะเป็นในส่วนของการ
00:26:09 → 00:26:12 ที่แบบอ่ามีกิจกรรมที่เราต้อง concentrate
00:26:12 → 00:26:15 มากขึ้นแบบอะไรก็ตามที่ต้องมีการใช้สติ
00:26:15 → 00:26:18 สัมปชัญญะในการทำอ่ากิจกรรมพวกนี้ช่วยทำ
00:26:18 → 00:26:20 ให้เราเนี่ยโฟกัสกับสิ่งนั้นได้มากขึ้น
00:26:20 → 00:26:22 สร้างสสนิดๆให้กับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่อ
00:26:22 → 00:26:25 อีกอันนึงที่ที่ได้ยินมาก็คือว่าลองออกไป
00:26:25 → 00:26:28 เจอกับธรรมชาติบ้างก็ได้มันอาจจะทำให้คุณ
00:26:28 → 00:26:32 ไม่ง่วงเช่นไปออกไปข้างนอกไปสวนถ้ามีเนาะ
00:26:32 → 00:26:34 หรือไปเจอแสงแดดบ้างก็ได้อันนั้นมันก็อาจ
00:26:34 → 00:26:36 จะช่วยลดของการง่วงตอนบ่ายใช่เขาบอกว่า
00:26:36 → 00:26:39 Daylight หรือว่าแสงที่สว่างมากพอจะช่วย
00:26:39 → 00:26:41 ทำให้เรามีการกระฉับกระเฉงมากขึ้นสามารถ
00:26:41 → 00:26:44 ช่วยความง่วงระหว่างวันของเราให้ดีขึ้น
00:26:44 → 00:26:46 ได้เนาใครที่แบบรู้สึกว่าทำงานในที่ที่มี
00:26:46 → 00:26:48 ความมืดเปิดหน้าต่างสักหน่อยให้แสง
00:26:48 → 00:26:51 ธรรมชาติเข้ามาหรือว่าเปิดไฟให้สว่างมาก
00:26:51 → 00:26:54 ขึ้นก็จะทำให้เรามีความง่วงที่น้อยลงได้
00:26:54 → 00:26:57 บางคนอาจจะคิดว่าทำงานเยอะๆแล้วค่อยนอนก็
00:26:57 → 00:27:00 ได้มานอนทีหลังหังเอาแต่จริงๆแล้วอ่ะการ
00:27:00 → 00:27:03 นอนน่ะไม่ใช่ธนาคารที่จะสะสมทรัพย์ได้
00:27:03 → 00:27:06 จริงๆการนอนไม่ดีอ่ะมันมีหลายอยู่มีมันมี
00:27:06 → 00:27:08 หลายปัจจัยเนาะแต่อย่างแรกที่ขอพูดเลย
00:27:08 → 00:27:11 เรื่องของความสม่ำเสมอซเรื่องของ rid
00:27:11 → 00:27:14 หรือนาฬิกาชีวิตของเราเนี่ยคือมันโดนเซต
00:27:14 → 00:27:17 ไว้และว่าคุณควรเข้านอนเวลานี้ขึ้นกับโ
00:27:17 → 00:27:19 type เนาะเมื่อกี้ที่เราพูดมาคุณควรนอน
00:27:19 → 00:27:21 เวลานี้แล้วตื่นเวลานี้ร่างกายของคุณจะ
00:27:21 → 00:27:25 ได้ฟื้นฟูแล้วมีพละกำลังเอามาใช้ในตอน
00:27:25 → 00:27:27 เช้าถ้าสมมุติคุณนอนไม่สม่ำเสมอมันมีการ
00:27:27 → 00:27:29 เปลี่ยนเนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลาเนี่ยร่าง
00:27:29 → 00:27:33 กายมันเหมือนงงมันสับสนมันจะชาร์จตอนไหน
00:27:33 → 00:27:35 หรือมันต้องผลิตพลังงานตอนไหนเพราะฉะนั้น
00:27:35 → 00:27:37 เนี่ยอย่างแรกเลยเรื่องของความสม่ำเสมอ
00:27:37 → 00:27:40 ถูกชีวิตเราต้องมี Schedule อใช่ทีนี้ก็
00:27:40 → 00:27:42 ต้องมาบอกว่าสิ่งที่สำคัญมากๆเลยเนี่ยที่
00:27:42 → 00:27:45 เรื่องของอ่ากิจกรรมการที่แบบเราจะทำอะไร
00:27:45 → 00:27:47 แบบเพื่อทำให้เรามีการนอนหลับที่ดีเนี่ย
00:27:47 → 00:27:50 มีอะไรบ้างเขาบอกมี 2 สิ่งเลยที่เตียงมี
00:27:50 → 00:27:54 ไว้ทำก็คือนอนหลับกับอันที่ 2 คือหลับนอน
00:27:54 → 00:27:56 ครับฉะนั้นพยายามเก็บเตียงนี้ไว้เพื่อ
00:27:56 → 00:27:59 กิจกรรมนี้เท่านั้นนะครับอย่าไปลงบนเตียง
00:27:59 → 00:28:01 แล้วทำกิจกรรมต่างๆบนเตียงอันที่เช่นการ
00:28:01 → 00:28:04 ดูทีวีเล่นมือถือต่างๆอยู่บนเตียงร่างกาย
00:28:04 → 00:28:07 จะเมมทันทีเลยว่าเตียงนอนเท่ากับที่เล่น
00:28:07 → 00:28:10 โทรศัพท์ที่ดูดูที่ดูทีวีไม่ใช่ที่นอน
00:28:10 → 00:28:13 ด้วยฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมบน
00:28:13 → 00:28:15 เนี้ยอ่าที่กิจกรรมลักษณะเนี่ยที่อยู่บน
00:28:15 → 00:28:19 เตียงนะครับแล้วก็อ่าสิ่งนึงสำคัญมากๆอีก
00:28:19 → 00:28:21 อันนึงก็คือการเล่นโซเชียล Media ไม่ว่า
00:28:21 → 00:28:24 จะเป็นโทรศัพท์มือถือ iPad ดูทีวีอะไร
00:28:24 → 00:28:25 เงี้ยมันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Blue Light
00:28:26 → 00:28:27 Blue Light พวกนี้มักจะทำให้เราเนี่ย
00:28:27 → 00:28:30 หลับได้ได้ไม่ดีหลับก็ช้าลงแล้วก็คุณภาพ
00:28:30 → 00:28:33 การหลับเแย่ลงนะครับหรือว่าบางคนก็จะมี
00:28:33 → 00:28:35 ปัญหาในเรื่องของการที่โชอบออกกำลังกาย
00:28:36 → 00:28:38 กลางดึกอะไรอย่างเงี้ยก่อนที่จะไปนอนซึ่ง
00:28:38 → 00:28:40 จริงๆเขาก็บอกว่ามีทั้ง 2 สายเลยบางคนบอก
00:28:40 → 00:28:43 ว่า Energy ถูก use ไปหมดลับได้ดีมากขึ้น
00:28:43 → 00:28:45 แต่อีกอันนึงไม่ดีเพราะว่ามันทำให้อยู่
00:28:45 → 00:28:48 การแบบตื่นตัวเพิ่มขึ้นก็มีทั้ง 2 สายอัน
00:28:48 → 00:28:51 นี้ให้ไปลอง explore กันเองว่าเป็นสายไหน
00:28:51 → 00:28:54 นะครับก็ไม่ไม่ไม่ได้มีแบบ contradiction
00:28:54 → 00:28:56 แบบชัดเจนว่าแบบไม่ควรทำอีกหนึ่งกิจกรรม
00:28:56 → 00:28:59 เลยที่มักจะทำกันก่อนนอนถ้าแบบนอนดึกมากๆ
00:28:59 → 00:29:03 คือการกินครับิวจิมมี่กินอะไรครับตอนนอน
00:29:03 → 00:29:07 ไม่อยากบอกกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรถไหน
00:29:07 → 00:29:10 ครับรถไหนเผ็ดๆผๆขอเผ็ดๆขอแซ่บๆเนี่ยอัน
00:29:10 → 00:29:13 นี้เป็นอีกหนึ่งอันที่ไม่ควรทำมากๆเลยผิด
00:29:13 → 00:29:15 ตั้งแต่การกินแล้วเพราะว่าทำให้เกิดกรด
00:29:15 → 00:29:18 รายอนขึ้นมาได้ง่ายมากๆนะครับแล้วก็ใคร
00:29:18 → 00:29:20 ที่มีปัญหาตรงนี้อยู่แล้วมักจะสร้างปัญหา
00:29:20 → 00:29:22 หนักกว่าเดิมบางคนนอนไม่ได้เลยหนักหนัก
00:29:22 → 00:29:25 หนักๆเลยแล้วก็อันที่ 2 ก็คือรสชาติที่
00:29:25 → 00:29:27 แบบมีความแบบจัดจ้านพวกเทำให้อุณหภูมิ
00:29:27 → 00:29:30 ร่างกายของเราสุกสูงขึ้นมีเหงื่อมีแบบการ
00:29:30 → 00:29:32 กระตุ้นของร่างกายทำให้แบบสุดท้ายนอนไม่
00:29:32 → 00:29:35 ได้อีกนะครับอีกอันนึงที่อยากแนะนำก็คือ
00:29:35 → 00:29:37 ในเรื่องของการอัดน้ำเขาบอกว่าการอาบน้ำ
00:29:37 → 00:29:40 อุ่นนิดนึงก่อนก่อนนอนแล้วก็เข้าไปในห้อง
00:29:40 → 00:29:41 นอนที่เย็นเนื่องจากอุณหภูมิที่ปรับ
00:29:41 → 00:29:43 เปลี่ยนจากอุณหภูมิที่ร้อนมาสู่อุณหภูมิ
00:29:43 → 00:29:45 ที่เย็นจะช่วยทำให้เราหลับได้ดีขึ้นครับอ
00:29:45 → 00:29:49 เดี๋ยวไปกลับไปแช่เลยไปแช่น้ำออน
00:29:49 → 00:29:52 เซ็นอีกอันนึงก็คือเรื่องของความเครียด
00:29:52 → 00:29:55 เนาะคือหลายคนเนี่ยพอทำงานเสร็จเอางาน
00:29:55 → 00:29:58 กลับไปทำที่บ้านแล้วเอาความเครียดหรืองาน
00:29:58 → 00:30:00 เนี่ยไปทำในห้องนอนอีกคือเมื่อกี้ที่พีช
00:30:00 → 00:30:03 พูดมาแล้วห้องนอนน่ะมันไม่ใช่ห้องสำหรับ
00:30:03 → 00:30:05 การทำงานหรือสำหรับความเครียดมันสำหรับ
00:30:05 → 00:30:09 การนอนกับกับจุดๆๆเนาะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:30:09 → 00:30:11 ถ้าเป็นอย่างอื่นน่ะทำที่อื่นดีกว่าร่าง
00:30:11 → 00:30:14 กายมันจะได้ชิ้นว่าห้องนอนน่ะมันคือที่
00:30:14 → 00:30:17 นอนพักผ่อนจริงๆหรือทำกิจกรรมอย่างว่า
00:30:17 → 00:30:20 เนาะแต่ว่าถ้าอย่างอื่นน่ะเอาไว้ข้างนอก
00:30:20 → 00:30:23 แล้วการที่เราจะเข้านอนเนี่ยอย่าเอาความ
00:30:23 → 00:30:25 เครียดไปด้วยเพราะความเครียดมันก็จะทำให้
00:30:25 → 00:30:27 เราตื่นตัวตลอดเวลาเหมือนเหมือออกกำลัง
00:30:27 → 00:30:30 กายมาที่พีพูดมาสิ่งนึงก็คือมีอีกอันนึง
00:30:30 → 00:30:32 ที่สามารถช่วยได้ก็คือสำหรับความเครียด
00:30:32 → 00:30:34 ต่างๆสมมุติเราสะสมความเครียดหรืออะไรสัก
00:30:34 → 00:30:35 อย่างนึงเนี่ยทิ้งไว้ก่อนนอนเราจะกลับไป
00:30:35 → 00:30:37 นั่งวนอยู่บนเตียงด้วยเรื่องนี้แล้วก็ไม่
00:30:37 → 00:30:40 จบไม่สิ้นักทีฉะนั้นเขียนลงมาใส่เปอร์เลย
00:30:40 → 00:30:42 ครับใส่กระดาษใส่ iPad ใส่อะไรก็ได้จัด
00:30:42 → 00:30:45 การให้เสร็จแล้วก็เขียน resolution ด้วย
00:30:45 → 00:30:47 นะว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เราจะแก้ไขแบบ
00:30:47 → 00:30:50 นี้อันเนี้ยเป็นอันนึงที่ช่วยมากๆเลยเรา
00:30:50 → 00:30:52 จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดวนซ้ำๆอยู่บนเตียง
00:30:52 → 00:30:54 แล้วก็ทำให้เรานอนไม่หลับแล้วเราก็จะจำ
00:30:54 → 00:30:56 ได้ว่าเตียงเท่ากับการนอนไม่หลับเหมือน
00:30:56 → 00:30:59 กันเรื่องนึงที่คนหลายคนมักจะมีปัญหามากๆ
00:30:59 → 00:31:01 ตอนนี้ไม่ว่าจะนอนคนเดียวหรือว่านอนหลาย
00:31:01 → 00:31:03 คนนอนหลายคนอาจจะมีปัญหาเยอะหน่อยนะก็คือ
00:31:03 → 00:31:05 เรื่องของการกนนั่นเองการกรนก็จะเป็นอีก
00:31:05 → 00:31:07 หนึ่งปัจจัยมากๆเลยที่จะทำให้เราอ่ะมี
00:31:07 → 00:31:11 ปัญหาสุขภาพได้เป็นการแบบ waring มาแล้วะ
00:31:11 → 00:31:13 ว่าแบบเฮ้ยยูไม่ปกติเท่าไหร่แล้วอะไร
00:31:13 → 00:31:16 เงี้ยเพื่อที่จะทำให้เราอ่ะคอยมาดูนิดนึง
00:31:16 → 00:31:18 นะครับใครมีคนนอนข้างๆอาจจะลองให้เขาลอง
00:31:18 → 00:31:22 สังเกตให้เราดูได้สิ่งนึงสำคัญมากๆที่คน
00:31:22 → 00:31:24 สมัยนี้กลัวก็คือเรื่องของภาวะหยุดหายใจ
00:31:24 → 00:31:26 ขณะหลับนั่นเองการกลัวเนี่ยจริงๆบอกว่า
00:31:26 → 00:31:28 เป็นแค่จุดเริ่มต้นเพราะว่าการการกนยังมี
00:31:28 → 00:31:30 ลมผ่านเข้าออกได้อยู่ทำให้เรายังคงได้ยิน
00:31:30 → 00:31:33 เสียงการกนแต่ว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับโดย
00:31:33 → 00:31:35 ที่ไม่มีการหายใจแล้วเนี่ยแสดงว่าลมไม่
00:31:35 → 00:31:38 เข้าไม่ออกอีกต่อไปทำให้ภาวะที่ร่างกาย
00:31:38 → 00:31:41 ของเราเนี่ยขาดออกซิเจนเนี่ยมีเกิดขึ้นนะ
00:31:41 → 00:31:43 ครับยิ่งขาดมากเท่าไหร่ร่างกายก็ต้องต่อ
00:31:43 → 00:31:46 สู้กับภาวะที่ร่างกายขาดออกซิเจนเหมือน
00:31:46 → 00:31:48 โดนบีบคออยู่เนาะอีกปัจจัยนึงก็คือใน
00:31:48 → 00:31:50 เรื่องของการที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ในร่าง
00:31:50 → 00:31:52 กายของเราซึ่งเป็นของเสียเนาที่เรา
00:31:52 → 00:31:55 ต้องการขับออกเกิดคั่งมากขึ้นไปอีกทำให้
00:31:55 → 00:31:58 ทั้งของดีก็ไม่พอของเสียยังแบบข้างอยู่ใน
00:31:58 → 00:32:00 ร่างกายร่างกายก็ต้องต่อสู้ขึ้นมานะครับ
00:32:01 → 00:32:03 ไม่ว่าจะเป็นวิธีการปลุกตัวเองให้ตื่นอา
00:32:03 → 00:32:06 เช่นสะดุ้งเฮือกขึ้นมารู้สึกหายใจไม่ทัน
00:32:06 → 00:32:08 หรือมีปัญหาเรื่องของการ Maintenance การ
00:32:08 → 00:32:10 นอนได้ไม่ดีรู้สึกตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเลย
00:32:10 → 00:32:12 เพราะเมื่อคืนถูกร่างกายปลุกให้เราตื่น
00:32:12 → 00:32:14 อยู่บ่อยๆเชื่อมยว่าร่างกายเราตื่นได้ 40
00:32:14 → 00:32:18 ครั้งต่อคืนเลยนะอันนี้ปกติเลยนะใช่แต่คน
00:32:18 → 00:32:21 ที่อ่าตื่นในลักษณะเนี้ยที่เราไม่ค่อยรู้
00:32:21 → 00:32:23 ตัวเพราะว่าถ้าเราไม่ตื่นเกิน 2 นาทีร่าง
00:32:23 → 00:32:25 กายจะไม่ค่อยจ่ำเท่าไหร่ใช่แต่คนที่มี
00:32:25 → 00:32:28 ภาวะพวกเมักจะตื่นเยอะแล้วก็ตื่นบ่อยแล้ว
00:32:28 → 00:32:30 ก็ตื่นนานค่ะเคยได้ยินว่ายิ่งๆคุณนอนกน
00:32:30 → 00:32:32 น่ะคือออกซิเจนเข้าไปในร่างกายมันก็น้อย
00:32:32 → 00:32:36 ลงถูกมยพอออกซิเจนน้อยลงเนี่ยร่างกายมัน
00:32:36 → 00:32:38 คือปกติออกซิเจนมันควรแบบสูงๆ 90 อะไร
00:32:38 → 00:32:41 อย่างเงี้ยแต่บางคนน่ะเคยได้ยินนะแบบพอกน
00:32:41 → 00:32:43 แบบมันตกลงไปแบบ 80 เลยอะไรอย่างเงี้ย 50
00:32:44 → 00:32:46 ก็มีครับ 50 ก็มีใช่แล้วยังคงอยู่ได้
00:32:46 → 00:32:49 เพราะว่าเขาทนกับภาวะที่ออกซิเจนต่ำบางคน
00:32:49 → 00:32:51 ที่มีปัญหาพวกนี้ก็คือพวกที่มีปัญหาถุงลม
00:32:51 → 00:32:54 บงพองหรือว่าคนไ้ที่มีภาวะโรคอ้วนเนาะตัว
00:32:54 → 00:32:56 ใหญ่มากๆพวกเนี้ยก็จะมีปัญหาพวกนี้ได้
00:32:56 → 00:32:59 ง่ายเจะทนกับภาวะที่ขาดออกซิเจนมาระดับ
00:32:59 → 00:33:01 นึงบางทีที่เห็นเค้าเดินๆอยู่เนี่ยเคค
00:33:01 → 00:33:04 ออกซิเจนแค่ 80 ก็มีนะอ่าแต่ว่าเวลาเานอน
00:33:04 → 00:33:07 มันหนักกว่านั้นมากใช่แล้วแล้วเสียงกนมัน
00:33:07 → 00:33:09 มันเกี่ยวมยเสียงดังเสียงเบาเสียงวีอะไร
00:33:09 → 00:33:11 อย่างเงี้ยก็เสียงกลนนะครับผมอาจจะขอ
00:33:11 → 00:33:13 อนุญาตแบ่งเป็นสัก 3 พาร์ทให้ฟังก่อนแล้ว
00:33:13 → 00:33:15 กันนะว่าเสียงหน้าตามันจะเป็นประมาณไหน
00:33:15 → 00:33:17 สมมุติว่าเป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการที่
00:33:17 → 00:33:20 แบบมีจมูกที่มีปัญหาการอุดกั้นของในจมูก
00:33:20 → 00:33:22 ก็จะอาจจะเป็นเสียง
00:33:22 → 00:33:25 แบบอ่าอารมณ์ประมาณแบบนั้นก็คือจะมี
00:33:25 → 00:33:27 ลักษณะของการที่แบบเป็นเสียงที่ผ่าเข้าไป
00:33:28 → 00:33:30 ทางจมูกเสียงมันจะแบบค่อนข้างก้องๆอยู่ใน
00:33:30 → 00:33:32 หัวเนาะลักษณะเสียงพวกนี้ก็อาจจะ
00:33:32 → 00:33:34 represent ในเรื่องของการที่มีจมูกบวม
00:33:34 → 00:33:36 เนาะอาที่เช่นจะมีปัญหาเรื่องของอ่าภูมิ
00:33:36 → 00:33:39 แพ้เนาะการที่ทำให้อ่าตัวเยื่อบู่พงจมู
00:33:39 → 00:33:41 มันมีการบวมเยอะขึ้นมีน้ำมงน้มุ่งอะไร
00:33:41 → 00:33:43 เงี้ยขวางทางเดินหายใจของเราหรือมีปัญหา
00:33:43 → 00:33:45 ในเรื่องของผนังกั้นจมูคตอันนี้ก็จะเป็น
00:33:45 → 00:33:48 ในเสียงลักษณะแบบนี้ถัดมาก็จะเป็นในเสียง
00:33:48 → 00:33:50 ของในส่วนของตัวเพดานอ่อนหรือลิ้นไก่ก็จะ
00:33:50 → 00:33:52 เป็น
00:33:52 → 00:33:55 เสียงอ่าที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆซึ่งส่วน
00:33:55 → 00:33:57 ใหญ่คนใครจะมีปัญหาตรงนี้ด้วยความที่โครง
00:33:58 → 00:34:00 สร้างหลายๆอย่างที่มีปัญหาอธิเช่นพานี้จะ
00:34:00 → 00:34:02 มีในส่วนของตัวทอนซินที่อาจจะโตได้มีใน
00:34:02 → 00:34:04 ส่วนของตัวเพดานอ่อนลิ้นไก่ที่ค่อนข้าง
00:34:04 → 00:34:06 ยาวหรือว่าโครงสร้าง Structure ของเขาเอง
00:34:06 → 00:34:09 ที่มีความติดแคบในช่วงของช่องตรงนี้สุด
00:34:09 → 00:34:11 ท้ายจะเป็นเสียงที่อยู่ตงบริเวณโคนลิ้นจะ
00:34:11 → 00:34:13 เป็น
00:34:14 → 00:34:18 เสียงอ่าลักษณะนี้รู้สึกว่าติดคอเองอ่าก็
00:34:18 → 00:34:20 จะเป็นลักษณะที่โคลิ้นของเราเนี่ยจะอาจจะ
00:34:20 → 00:34:22 ตกไปทางด้านหลังหรือมีลักษณะของตัวกล่อง
00:34:22 → 00:34:24 เสียที่ค่อนข้างแบบชิทันด้านหลังค่อนข้าง
00:34:24 → 00:34:27 เยอะทำให้มีช่องบริเวณหลังโคลิ้นของเรา
00:34:27 → 00:34:30 ตอนนี้ที่ตีดแคบลงนะครับโดยที่ปัญหาเหล่า
00:34:30 → 00:34:34 เนี้ยก็คือถ้ามีปัญหาอ่าไม่ว่าจะจุดไหนก็
00:34:34 → 00:34:37 ตามอ่าคุณหมอเนี่ยก็จะมีวิธีการรักษาใน
00:34:37 → 00:34:39 รูปแบบที่แตกต่างกันออกไปบางทีใช้ยาในการ
00:34:39 → 00:34:42 รักษาทำให้อ่าเยี่บุต่างๆมันยุบลงได้หรือ
00:34:42 → 00:34:44 ว่ามีในเรื่องของการใช้หการบางอย่างเนาะ
00:34:44 → 00:34:47 กับการใช้เลเซอร์การอ่าจี้ด้วยคลื่่น
00:34:47 → 00:34:49 วิทยุต่างๆหรือแม้กระทั่งการผ่าตัดในบาง
00:34:49 → 00:34:52 ส่วนที่ทำให้ช่องพวเมันกว้างขึ้นได้ซึ่ง
00:34:52 → 00:34:55 ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรจะต้องไปปรึกษาคุณ
00:34:55 → 00:34:58 หมอแล้วว่าเอ๊ะการกลของเราเนี่ยมันเสี่ยง
00:34:58 → 00:35:00 แค่ในเรื่องของเสียงที่ดังเฉยๆสร้างปัญหา
00:35:00 → 00:35:03 ในเรื่องของ Quality ของการใช้ชีวิตหรือ
00:35:03 → 00:35:05 เป็นปัญหาสุขภาพอาทิเช่นมีเรื่องของภาวะ
00:35:05 → 00:35:07 หยุดหายใจขณะหลับอันเนี้ยอาจจะต้องไปทำ
00:35:07 → 00:35:10 การตรวจ Sleep Test และว่าเราเนี่ยมี
00:35:10 → 00:35:13 ความเสี่ยงหรือว่าความรุนแรงของโลกตรงเ
00:35:13 → 00:35:15 มากแค่ไหนแล้วก็จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบ
00:35:15 → 00:35:17 ไหนในการรักษาเดี๋ยวๆวันหลังจะแนะนำให้คน
00:35:17 → 00:35:20 ไข้อัดเสียงตอนนอนเลยแล้วก็เอาไปให้พีท
00:35:20 → 00:35:23 ฟังว่าเป็นแบบไหนถูกต้องก็เดี๋ยวนี้มี
00:35:23 → 00:35:25 แอปพลิเคชันเยอะมากที่เราสามารถจะอัด
00:35:25 → 00:35:28 เสียงได้หรือแม้กระทั่งบางคนก็แอบอัดออคน
00:35:28 → 00:35:30 นอนข้างๆก็เสียงเป็นแบบนี้อะไรเงี้ยส่งมา
00:35:30 → 00:35:33 ให้ดูคนที่ทำงานดึกนอนเช้าอาจจะเสียงเป็น
00:35:33 → 00:35:37 โรคมากมายแต่ว่าถ้าเรามาดูว่าคุณนอนดึก
00:35:37 → 00:35:40 เนี่ยแล้วคุณภาพของคุณดีเนี่ยก็อาจจะไม่
00:35:40 → 00:35:42 ทำให้คุณเสียงเป็นโรคก็ได้แต่สำหรับคนที่
00:35:42 → 00:35:45 นอนดึกแล้วคุณภาพไม่ดีเนี่ยจริงๆเราก็
00:35:45 → 00:35:47 สามารถบอกได้ว่าคุณอาจจะเสี่ยงเป็นโลคได้
00:35:47 → 00:35:50 2 อย่างด้วยกัน 2 ระยะด้วยกันระยะแรก
00:35:50 → 00:35:52 เนี่ยเป็นระยะสั้นๆซึ่งมันอาจจะผลส่งผล
00:35:52 → 00:35:55 คทบต่อเรื่องของเริ่มมีการง่วงตอนบ่าย
00:35:55 → 00:35:58 เริ่มไม่มีสมาธิและอาจจะส่งผลต่อการงาน
00:35:58 → 00:36:00 หรือว่าเรื่องของโรงเรียนก็ได้ถ้าใครเป็น
00:36:00 → 00:36:02 เด็กนักเรียนอันที่ 2 เรื่องของความจำ
00:36:02 → 00:36:05 เรื่องของสมองทำหลายอย่างไม่ได้แลสมาธิ
00:36:05 → 00:36:08 ไม่ค่อยมีอันที่ 3 เรื่องของระบบภูมิคุ้ม
00:36:08 → 00:36:10 กันนะครับเนาะอย่างเมื่อกี้ที่เราพูดมา
00:36:10 → 00:36:12 การนอนมันทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราแข็งแรง
00:36:12 → 00:36:14 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคุณขาดการนอนเอ๊ยรูป
00:36:14 → 00:36:16 ภูมิแพ้หรือว่าความเสี่ยงที่จะติดโรคอื่น
00:36:16 → 00:36:19 ๆก็อาจจะเป็นไปได้นะครับเนาะอันที่ 4
00:36:19 → 00:36:21 เนี่ยก็คือเรื่องของน้ำหนักที่เพิ่มมาก
00:36:21 → 00:36:23 ขึ้นเพราะว่าพอคุณนอนไม่ดีเนี่ยมันอาจจะ
00:36:23 → 00:36:26 หลั่งฮอร์โมนแห่งความหิวมากยิ่งขึ้นและ
00:36:26 → 00:36:29 เรื่องของระบบการผานก็น้อยลงทำให้น้ำหนัก
00:36:29 → 00:36:31 ตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้นแต่อีกอันนึงคือแบบ
00:36:31 → 00:36:35 ระยะยาวถ้าใครนอนไม่ดีในระยะยาวอาจจะเกิด
00:36:35 → 00:36:37 เป็นโรคในอีกหลายปีข้างหน้าไม่ว่าจะเป็น
00:36:37 → 00:36:40 โรคเบาหวานเพราะเมื่อกี้บอกแล้วเรื่องการ
00:36:40 → 00:36:42 ควบคุมน้ำตาลที่เปลี่ยนไปการเผาผลาญที่
00:36:42 → 00:36:45 แย่น้ำหนักตัวมากขึ้นคุณก็มีความเสี่ยง
00:36:45 → 00:36:47 ที่ทำให้เป็นโรคเบาหวานอันที่ 2 โรคหลอด
00:36:47 → 00:36:50 เลือดและหัวใจเคยได้เคยเห็นมผู้ใหญ่ที่
00:36:50 → 00:36:52 นอนไม่ค่อยดีเนี่ยพอมาวัดความดันปึ๊บความ
00:36:52 → 00:36:55 ดันสูงปี๊ดเลยเพราะว่าการนอนเนี่ย้าคุณ
00:36:55 → 00:36:58 นอนไม่ดีความดันสูงการอักเสบเยอะมากขึ้น
00:36:58 → 00:37:00 การที่เป็นโรคหล่อเลือดหัวใจก็มีความ
00:37:00 → 00:37:02 เสี่ยงเป็นมากขึ้นรวมถึงเรื่องของสกด้วย
00:37:02 → 00:37:04 หล่อเลือดอุ่นตันในสมองและอันสุดท้ายก็
00:37:04 → 00:37:07 คือเรื่องของจิตใจหรือว่าเรื่องของเา
00:37:07 → 00:37:09 เรียกว่าโรคของทางด้านจิตเวทเนาะไม่ว่าจะ
00:37:09 → 00:37:12 เป็นโรคของซึมเศร้าเ่อ ani เนี่ยอาจจะ
00:37:12 → 00:37:15 เป็นได้มากยิ่งขึ้นดังนั้นการนอนึงเป็น
00:37:15 → 00:37:17 เรื่องที่สำคัญมากแลควรนอนให้พอจริงคราว
00:37:17 → 00:37:20 นี้ขอพูดแทนหลายๆคนทำไมถึงนอนไม่หลับทั้ง
00:37:21 → 00:37:23 ๆที่เหนื่อยและง่วงมากแต่ยังไงก็หลับไม่
00:37:23 → 00:37:25 ได้จริงๆก็ต้องบอกว่าการนอนไม่หลับเนี่ย
00:37:25 → 00:37:28 มีหลากหลายปัจจัยมากๆเลยเลยบางคนเป็นจาก
00:37:29 → 00:37:31 เรื่องของจิตใจภายในเองก็มีหรือบางคนเป็น
00:37:31 → 00:37:35 จากสุขภาวะที่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมในการจะ
00:37:35 → 00:37:38 นอนนะครับก็ต้องบอกว่านิยามของการนอนไม่
00:37:38 → 00:37:40 หลับก่อนมี 2 ประเภทก็คือประเภทแรกเรา
00:37:40 → 00:37:43 เรียกว่าอ่าจากจากวิธีการเข้านอนก่อนแล้ว
00:37:43 → 00:37:45 กันก็คือไม่สามารถเข้านอนได้ภายใน 30
00:37:45 → 00:37:48 นาทีนะครับแล้วก็อีกประเภทคือไม่สามารถ
00:37:48 → 00:37:50 Maintenance หรือว่าแบบหลับได้อย่างต่อ
00:37:50 → 00:37:52 เนื่องเกินแบบแล้วมีการปลุกตื่นอยู่กลาง
00:37:52 → 00:37:55 ดึกเรื่อยๆเกิน 30 นาทีต่อคืนเหมือนกัน
00:37:55 → 00:37:57 ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะแบ่งอีกหลังอันนี้ว่า
00:37:57 → 00:37:59 เป็นระยะเวลามากน้อยแค่ไหนบางคนบอกว่า
00:37:59 → 00:38:02 เป็นระยะเวลาสั้นๆอันที่เช่น 1 สัปดาห์จน
00:38:02 → 00:38:05 ถึงอ่า 2 สัปดาห์ก็อาจจะเป็นแบบเรียกว่า
00:38:05 → 00:38:08 acute เนาะแบบเกิดแบบฉับพลันเฉียบพลัน
00:38:08 → 00:38:11 เนาะอีกประเภทก็คือมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป
00:38:11 → 00:38:13 เป็นอย่างเงี้ยนอนไม่หลับหรือว่าหลับแล้ว
00:38:13 → 00:38:16 แบบตื่นๆอย่างเงี้ยตลอดคืนเนี่ยเกิน 3
00:38:16 → 00:38:20 เดือนขึ้นไปซึ่ง 2 ภาวะตรงเก็จะมีวิธีการ
00:38:20 → 00:38:22 ดูแลที่แตกต่างกันออกไปก็ต้องไป explore
00:38:22 → 00:38:24 แล้วว่าปัญหาการนอนไม่หลับของแต่ละคน
00:38:24 → 00:38:27 เนี่ยเกิดขึ้นจากตัวในเรื่องของความคิด
00:38:27 → 00:38:29 ความเครียดต่างๆเองหรือว่ามีปัจจัยอื่นๆ
00:38:29 → 00:38:32 รอบข้างอะไรบ้างที่ทำให้เขานอนยากขึ้นใช่
00:38:32 → 00:38:34 อันนี้คงต้องมาตรวจในรายละเอียดแล้วว่า
00:38:34 → 00:38:36 แต่ละคนมีปัญหาแบบไหนเพราะปัญหาการนอนไม่
00:38:36 → 00:38:39 หลับเต้องเรียกว่าเป็นเทอ Made ปัญหา
00:38:39 → 00:38:42 เฉพาะบุคคลใช่อาจจะต้องมาปรึกษาหรือมาคุย
00:38:42 → 00:38:44 กันอีกทีว่าเป็นยังไงบ้างขอยกตัวอย่างเคส
00:38:44 → 00:38:46 เทสนึงแล้วกันเป็นอ่าพนักงานออฟฟิศคนนึง
00:38:46 → 00:38:49 ที่แบบทำงานในช่วงโควิดเนาะมันก็กลายเป็น
00:38:49 → 00:38:50 work from home ชีวิตมันก็เปลี่ยนไป
00:38:50 → 00:38:52 เนาะทำงานอยู่แต่กับบ้านอยู่กับคอนโดอะไร
00:38:52 → 00:38:54 เงี้ยแล้วก็เริ่มมีปัญหาเรื่องของการนอน
00:38:54 → 00:38:56 ไม่หลับเพราะว่าตื่นไม่เป็นเวลาทำงานไม่
00:38:56 → 00:38:58 เป็นเวลามีมีสิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือทำ
00:38:58 → 00:39:01 งานให้เสร็จให้ส่งในแต่ละวันฉะนั้นวิธี
00:39:01 → 00:39:02 การทำงานของเขาก็ไม่มี Time Table ที่
00:39:02 → 00:39:04 ชัดเจนอะไรอย่าเงี้ยอยากตื่นเมื่อไหร่ก็
00:39:04 → 00:39:05 ได้อยากทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ให้เสร็จอะไร
00:39:05 → 00:39:07 เงี้ยสุดท้ายปัญหาก็คือนอนหลับเองไม่ได้
00:39:07 → 00:39:10 ไปตัดสินใจในการที่ไปหาคุณหมอท่านนึงมา
00:39:10 → 00:39:12 แล้วก็ได้รับปญญานอนหลับมาเพื่อทำให้หลับ
00:39:12 → 00:39:15 ได้นักขนาดนั้นสุดท้ายก็คือติดยานอนหลับ
00:39:15 → 00:39:17 เราก็ไม่สามารถแบบ withdraw มันออกได้
00:39:17 → 00:39:19 แล้วก็เลยมาปรึกษากันว่าเอ๊ะจะทำยังไงดี
00:39:19 → 00:39:21 ให้เรานอนหลับอะไรอย่างเงี้ยก็เลยมา
00:39:21 → 00:39:24 explore กันว่าโอเควิธีของเราเนี่ย
00:39:24 → 00:39:26 เนื่องจากว่า Schedule ในการใช้ชีวิตมัน
00:39:26 → 00:39:29 เปลี่ยนไปเนาะแล้วก็ทำให้ตารางชีวิตมัน
00:39:29 → 00:39:31 สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดมันควรจะต้องมี
00:39:31 → 00:39:33 ระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น
00:39:33 → 00:39:35 เหมือนตอนที่เรายังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติ
00:39:35 → 00:39:39 ตอนที่ไม่มีคนีเนาะฉะนั้นก็เลยปรับใหม่
00:39:39 → 00:39:41 สิ่งที่เราปรับให้เราเรียกว่า cbt หรือ
00:39:41 → 00:39:43 ว่า cognitive behavioral therapy ใน
00:39:43 → 00:39:45 การให้ Education กับคนไข้ว่าเฮ้ยเราต้อง
00:39:45 → 00:39:49 จัดการกับชีวิตของเรายังไงการนอนสภาวแวด
00:39:49 → 00:39:51 ล้อมต้องเป็นแบบไหนแล้วก็เตียงนอนคือสิ่ง
00:39:51 → 00:39:53 ที่อย่างที่บอกก็คือทำหน้าที่แค่ 2 อย่าง
00:39:53 → 00:39:56 นอนหลับกับหลับนอนแค่นั้นอย่าหาเอา
00:39:56 → 00:39:58 กิจกรรมกันงานใดๆขึ้นไปทำบนเตียงเพราะว่า
00:39:58 → 00:40:00 เราจะทำให้กิจกรรมนั้นน่ะถูกฝังอยู่บน
00:40:00 → 00:40:03 เตียงด้วยพร้อมกันนะครับเป็นการ memmory
00:40:03 → 00:40:05 ใหม่ว่าเตียงนอนเท่ากับการนอนหลับไม่ใช่
00:40:05 → 00:40:08 กับเท่ากับการนอนไม่หลับแล้วก็ันที่ you
00:40:08 → 00:40:11 นอนไม่หลับยลุกเลยนะครับไม่ให้จำเลยว่า
00:40:11 → 00:40:13 เตียงเท่ากับการนอนไม่หลับลุกขึ้นไปทำ
00:40:13 → 00:40:16 กิจกรรมอะไรก็ได้ทำให้รู้สึกตัวเองรีกมาก
00:40:16 → 00:40:18 ขึ้นแล้วก็ค่อยลงไปนอนอีกครั้งนึงเมื่อ
00:40:18 → 00:40:22 เราอยากจะนอนละจริงๆสุดท้ายเคสนี้ก็ค่อยๆ
00:40:22 → 00:40:24 withdraw ยานอนหลับของตัวเองได้โดยการ
00:40:24 → 00:40:26 ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็กลับมาใช้
00:40:26 → 00:40:29 ชีวิตเป็นปกติโดยไม่ต้องเพึ่งยานอนหลับอื
00:40:29 → 00:40:31 จริงๆเราก็ไม่แนะนำให้แบบหยุดยานอนหลับ
00:40:31 → 00:40:33 แบบกระทันันเนาเออควรไปปรึกษาแพทย์ก่อน
00:40:33 → 00:40:35 แล้วก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่าง CB ที่
00:40:35 → 00:40:38 เมื่อกี้บอกมาหลายคนสงสัยว่าตกลงการนอน
00:40:38 → 00:40:42 กลางวันดีหรือไม่ดีพิดว่าไงบ้างอ่ะจริงๆ
00:40:42 → 00:40:44 ก็ต้องบอกว่ามันก็มีทั้งข้อดีแล้วก็ข้อ
00:40:44 → 00:40:47 เสียนะครับสำหรับข้อดีแน่นอนเราน่าจะเคย
00:40:47 → 00:40:49 ได้ยินคำว่า Power naap เอมันมันผ่อน
00:40:49 → 00:40:51 คลายตอนบ่ายอ่าบางทีเรามีความง่วงหรือว่า
00:40:51 → 00:40:54 สะสมความเครียดอะไรหลายๆอย่างทำให้แบบเรา
00:40:54 → 00:40:56 ไม่สามารถจะแบบ Go On ต่อได้ขอต้องการ
00:40:56 → 00:40:59 การพักผ่อนรีชาร์จแป๊บนึงแต่ว่าวิธีการ
00:40:59 → 00:41:01 นอนที่ดีสำหรับการนอนกลางวันก็คือการแบบ
00:41:01 → 00:41:04 แนบแค่ระยะเวลาสั้นๆอย่าทำให้เราแนบไปจน
00:41:04 → 00:41:07 ถึงจุดที่เข้าสู่เรม Sleep ถูกต้องก็คือ
00:41:07 → 00:41:09 ไม่ควรเกินสัก 45 นาทีอันเนี้ยควรจะต้อง
00:41:09 → 00:41:11 ตื่นละเพราะว่าการที่เรานอนเกินไปกว่า
00:41:11 → 00:41:13 นั้นพอเราเข้าสู่เรม Sleep อาจจะทำให้เรา
00:41:13 → 00:41:15 มีปัญหาในเรื่องของการตื่นมาแล้วงัวเงียอ
00:41:15 → 00:41:18 เพราะเราเราหลับลึกมากแล้วก็โดนปึกขึ้นมา
00:41:18 → 00:41:20 เหมือนเมาๆแฮ้งๆกใช่ๆเราเรียกภาวานี้
00:41:20 → 00:41:22 เรียกว่า Sleep รังตื่นมาแล้วแบบงงเงีย
00:41:22 → 00:41:24 ไม่รู้จะทำยังไงดีอะไรอย่างเงี้ยคราวนี้
00:41:24 → 00:41:26 เรามาพูดถึงเรื่องของยานอนหลับบ้างเมื่อ
00:41:26 → 00:41:29 กี้ที่มีเคสพูดขึ้นมาเนี่ยยานอนหลับนี่
00:41:29 → 00:41:32 เราควรกินยังไงหรือมันควรจัดการยังไงอ่ะ
00:41:32 → 00:41:34 ครับจริงๆต้องบอกว่ายานอนหลับเนี่ยเป็นยา
00:41:34 → 00:41:38 ค่อนข้างเป็นที่ควบคุมเนาะแล้วก็ถูกใช้
00:41:38 → 00:41:41 use หลายๆในในในหลายๆกรณีนะครับก็อยาก
00:41:41 → 00:41:45 ให้ใช้โดยแบบดุลยพินิจของคุณหมอเนาะเพราะ
00:41:45 → 00:41:48 ว่ายาทุกตัวมันมีทั้ง Pro and คเนาะ
00:41:48 → 00:41:51 ฉะนั้นข้อดีของมันคือทำให้เราหลับได้ดี
00:41:51 → 00:41:53 แต่ว่าข้อเสียของมันก็มีหลากหลายเหมือน
00:41:53 → 00:41:55 กันแล้วก็กลุ่มยานอนหลับเนี่ยมีหลากหลาย
00:41:55 → 00:41:57 เหมือนกันครับกลุ่มใหญ่ๆที่เรามักจะได้
00:41:57 → 00:42:00 รับการใช้ก็คือ benpine กลุ่มเถือว่าเป็น
00:42:00 → 00:42:03 ยานอนหลับที่แบบหาหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด
00:42:03 → 00:42:06 แล้วก็ถูกใช้ได้ค่อนข้างเยอะมันมีตั้งแต่
00:42:06 → 00:42:08 SH acting ก็คือหลับแบบระยะสั้นๆไปจน
00:42:08 → 00:42:12 ถึงหลับระยะยาวๆก็แล้วก็ถูกนำไปใช้เพื่อ
00:42:12 → 00:42:14 แบบ suicidal มต่างๆเนาะก็อาจจะทำให้มี
00:42:14 → 00:42:17 ความเสี่ยงสิ่งนึงสำคัญสำหรับคนที่ใช้ยา
00:42:17 → 00:42:19 ในกลุ่มนี้ยาวๆก็คือปัญหาในเรื่องของ
00:42:19 → 00:42:22 cognitive หรือเรื่องของความจำต่างๆเขา
00:42:22 → 00:42:24 บอกว่าถ้าเราใช้ยาในกลุ่มเยาวๆมากๆเนี่ย
00:42:24 → 00:42:27 อาจจะมีปัญหาเรื่องของความจำได้นะเมื่อ
00:42:27 → 00:42:30 อายุเยอะขึ้นอันที่ 2 ก็คือในเรื่องของ
00:42:30 → 00:42:33 การที่มีความง่วงเนาะการกิจการการทำงานใด
00:42:33 → 00:42:35 ๆก็ตามที่มีในเรื่องของการที่มีความ
00:42:35 → 00:42:38 เสี่ยงเนาะอยู่ทำงานที่สูงอยู่กับของมีคม
00:42:38 → 00:42:41 หรือว่าอ่าการขับรถขับราต่างๆคนกลุ่มนี้
00:42:41 → 00:42:43 ก็ต้องคอยระวังในการใช้ดีๆเพราะว่าบางที
00:42:43 → 00:42:45 ด้วยความที่มันองแิ้มากๆหรือมีโรคประจำ
00:42:45 → 00:42:48 ตัวที่ทำให้มันยามันไม่สามารถกำจัดไปได้
00:42:48 → 00:42:50 หมดจนถึงระยะเวลาทำงานก็อาจจะทำให้เกิด
00:42:50 → 00:42:52 ความเสี่ยงของโรคตรงนี้ได้นะครับอืมีคน
00:42:52 → 00:42:55 หลายคนบอกว่าเริ่มกินยานอนหลับแล้วอ่ะจะ
00:42:55 → 00:42:58 ติดไปตลอดชีวิตอันนี้จริงมจริงๆส่วนใหญ่
00:42:58 → 00:43:00 ก็มีค่อนข้างเยอะอย่างเคสอย่างเมื่อตะกี้
00:43:00 → 00:43:02 ที่ยกมาหลายคนก็ยังคงติดอยู่กับสิ่งนั้น
00:43:02 → 00:43:06 ว่าเออกินยาทำแล้วทำให้ฉันนอนหลับได้ก็
00:43:06 → 00:43:09 ติดกับการกินยาแพกับการกินยาไปเรื่อยๆจน
00:43:09 → 00:43:11 ที่แบบสุดท้ายไม่สามารถเริ่มการนอนหลับ
00:43:11 → 00:43:13 ได้ด้วยการฝังใจว่าต้องกินยาเท่านั้นถึง
00:43:13 → 00:43:15 คือบางคนก็แบบกิน 1 เม็ดแล้วหลังจากนั้น
00:43:15 → 00:43:17 ก็เพิ่มแบบเพิ่มอาจจะเพิ่มโดสก่อนแล้วก็
00:43:17 → 00:43:20 เป็นอ 1 เม็ดเป็น 2 เม็ด 2 เม็ดแบบมันมัน
00:43:20 → 00:43:23 เพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆถูกมั้ยครับใช่ๆเพราะ
00:43:23 → 00:43:24 ว่าก็ต้องมา explore ครับว่าปัญหาของการ
00:43:24 → 00:43:26 ที่เขานอนไม่หลับเกิดจากอะไรบางคนเกิดจาก
00:43:26 → 00:43:29 โรคบาบางอย่างอที่เช่นอ่ามีโรคที่เกี่ยว
00:43:29 → 00:43:31 กับเรื่องของความซึมเศร้าหรือมีอะไรแบบ
00:43:31 → 00:43:33 เนี้ยยานอนหลักบางประเภทสามารถช่วยทำให้
00:43:34 → 00:43:36 ความกังวลหรือว่าสิ่งที่เขาคิดวิตกกังวล
00:43:36 → 00:43:39 พวกเมันดูเบาลงได้ด้วยจากการที่มันมีแบบ
00:43:39 → 00:43:42 คุณสมบัติในการม Stabilizer ดีๆทำให้เขา
00:43:42 → 00:43:44 ไม่เป็นกังวลเยอะทำให้เขาคสามารถเข้าสู่
00:43:44 → 00:43:46 การนอนหลับได้ดีมากขึ้นหรือว่าบางกลุ่ม
00:43:46 → 00:43:49 ที่อ่าอาจจะจำเป็นต้องการการลดการปวดเนาะ
00:43:49 → 00:43:52 บางคนมีการปวดหลังปวดอ่าที่ต่างๆที่ทำให้
00:43:52 → 00:43:55 การนอนมันไม่ดียาบางกลุ่มที่ช่วยลดอาการ
00:43:55 → 00:43:57 ปวดก็สามารถทำให้เขาหลับได้ดีมากขึ้นหรือ
00:43:57 → 00:44:01 บางคนใช้ยาในกลุ่มพวกยาภูมิแพ้เนาะยาอ่า
00:44:01 → 00:44:03 ลดน้ำมูกเนาะไปใช้ในเรื่องของการที่ทำให้
00:44:03 → 00:44:05 แบบมีความง่วงนิดหน่อยแล้วก็ทำให้สู่การ
00:44:05 → 00:44:08 นอนหลับได้ดีอะไรอย่างเงี้ยก็ต้องบอกว่า
00:44:08 → 00:44:10 ยามันมีหลายตัวฉะนั้นแบบอาจจะต้องเลือก
00:44:10 → 00:44:12 อย่างเหมาะสมอะไรเงี้ยครับในการใช้แล้วก็
00:44:12 → 00:44:14 ไม่ได้อยากให้ไปเลือกใช้เองเพราะว่าเราจะ
00:44:14 → 00:44:17 ได้ทรีทให้ถูกโรคจริงๆเพื่อทำให้เราหลับ
00:44:17 → 00:44:19 ได้ดีขึ้นและขณะเดียวกันอย่างที่บอกเลย
00:44:19 → 00:44:22 cbt ยังคงเป็นอ่าวิธีการรักษาที่ดีที่
00:44:22 → 00:44:24 สุดสำหรับคนที่นอนไม่หลับอยากให้ใช้
00:44:24 → 00:44:26 Education และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาก
00:44:26 → 00:44:29 กว่าการใช้ยาในการที่ทำให้เราสามารถหลับ
00:44:29 → 00:44:31 ได้ดีอะไรเงี้ยคราวนี้ที่จริงมันก็นอกจาก
00:44:31 → 00:44:33 ยาเนาะมันก็จะมีอาหารเสริมเหมือนกันหรือ
00:44:33 → 00:44:36 เป็นพวกซัพที่สามารถช่วยทำให้คุณนอนหลับ
00:44:36 → 00:44:38 ได้ิดีมากขึ้นอย่างตัวแรกผมว่าทุกคนรู้
00:44:39 → 00:44:42 จักคือเรื่องของเมทิคือมันมันหลายประเทศ
00:44:42 → 00:44:44 ก็สามารถซื้อได้เนาะเทินเนี่ยทำให้คุณ
00:44:44 → 00:44:47 เรื่องของการเข้าการนอนหลับ onset of
00:44:47 → 00:44:49 Sleep อ่ะได้ดีเร็วมากขึ้นอาจจะเหมาะ
00:44:49 → 00:44:52 สำหรับคนที่อ่ะเริ่มมีอายุเมลาโทนินผลิต
00:44:52 → 00:44:54 ไม่ค่อยได้ถูกมยหรือว่าคนที่แบบเดินทางไป
00:44:54 → 00:44:57 ต่างประเทศบ่อยๆมีอาการเค้าเรียกว่าเจ็แก
00:44:57 → 00:44:59 ถูกมครับเนาะการทาเมลาโทนินอาจจะเป็นตัว
00:44:59 → 00:45:02 นึงที่ช่วยทำให้คุณได้นอนเมากขึ้นอันที่ 2
00:45:02 → 00:45:04 เคยพูดตั้งแต่ Episode แรกและเรื่องของ
00:45:04 → 00:45:06 แมกนีเซียมแมกนีเซียมเนี่ยทำให้ร่างกาย
00:45:06 → 00:45:10 ของคุณผ่อนคลายเ่อการนอนเนี่ยมันเลยดีมาก
00:45:10 → 00:45:12 ขึ้นของกล้ามเนื้อไม่ถึงรวมถึงสมองด้วย
00:45:13 → 00:45:14 หรืออาจจะกินเป็นผลไม้ก็ได้ที่มี
00:45:14 → 00:45:16 แมกนีเซียมเยอะๆไม่ว่าจะเป็นกล้วย
00:45:16 → 00:45:18 อะโวคาโดหรือพวกธัญพืชหรือถั่วก็มี
00:45:18 → 00:45:22 แมกนีเซียมอันที่ 3 ก็จะเป็นกรดอะมิโนที่
00:45:22 → 00:45:26 เรียกว่าแทนนซึ่งแทนนเนี่ยสกัดมาจากชา
00:45:26 → 00:45:29 ชนิดหนึ่งะกันนะแทนนเนี่ยไม่ได้ทำให้คุณ
00:45:29 → 00:45:32 นอนหลับเร็วขึ้นนะแต่มันทำให้การนอนของ
00:45:32 → 00:45:36 คุณน่ะนานมากยิ่งขึ้นไม่มีการตื่นมาแทนี
00:45:36 → 00:45:38 น่ะก็เป็นกรดอะมิโนนึงที่สามารถเอามาใช้
00:45:38 → 00:45:41 ในคนที่เผลอไปกินกาแฟตอนเย็นๆแล้วอย่าง
00:45:41 → 00:45:43 เมื่อกี้อธิบายไปมาทั้งหมดเลยเรื่องของ
00:45:43 → 00:45:46 อินซีทั้งหลายเนี่ยตัวแทนีเนี่ยมันไปช่วย
00:45:47 → 00:45:49 เลือดเรื่องของอินซีให้มันจับกับรตอได้
00:45:49 → 00:45:52 เร็วมากขึ้นและนอนนั่นเองอิมอีกตัวนึงที่
00:45:52 → 00:45:55 อยากจะแนะนำก็คือเรื่องของไลซีนไลซีน
00:45:55 → 00:45:58 เนี่ยเป็นกรดแอมิโนเหมือนกันมันทำให้อ่า
00:45:58 → 00:46:00 ร่างกายของเราเนี่ยผลิตฮอร์โมนแห่งการนอน
00:46:00 → 00:46:02 ออกมาแล้วเป็นสารสืบประสาทที่ดีทำให้การ
00:46:03 → 00:46:05 เข้านอนได้ดีมากยิ่งขึ้นและตัวสุดท้ายเลย
00:46:05 → 00:46:09 เรือกว่าินินอ่าเนี่ยเป็นเค้าเรียกว่า
00:46:09 → 00:46:13 เป็นสมุนไพรดีกว่าีนทำให้การนอนของเรา
00:46:13 → 00:46:15 onset ได้ดีมากขึ้นและเหมาะสำหรับคนที่
00:46:16 → 00:46:18 กำลังเข้าวัยทองเพราะเวลาเราเข้าวัยทอง
00:46:18 → 00:46:20 มันจะมีแบบเค้าเรียกว่าอาการอะไรร้อนวูบ
00:46:20 → 00:46:22 วาบเนาะเหงื่อแตกนอนไม่หลับสำหรับผู้หญิง
00:46:22 → 00:46:25 เนี่ยตัวไวลีเนี่ยมันก็จะไปลดอาการร้อน
00:46:25 → 00:46:27 วูบวาบนี่เองสำหรับคนที่ที่มีอาการไวท้อง
00:46:27 → 00:46:29 แต่ยังไงก็ตามเรื่องของอาหารเสริมเนี่ย
00:46:29 → 00:46:32 คือแต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันก็อยากแนะนำ
00:46:32 → 00:46:35 ให้มาปรึกษาแพทย์ก่อนว่าคุณควรกินตัวไหน
00:46:35 → 00:46:38 เนาะไม่ใช่แบบไปซื้อเองตามใจชอบอะไรอย่าง
00:46:38 → 00:46:40 เงี้ยตามออนไลน์อะไรเงี้ยครับเพราะเดี๋ยว
00:46:40 → 00:46:42 นี้ก็มีแบบอาหารเสริมเยอะมากเลยที่แบบออก
00:46:42 → 00:46:44 สู่ท้องตลาดคุณหมอจิมมี่มีวิธีแนะนำยังไง
00:46:44 → 00:46:46 บ้างมั้ยที่แบบเราจะสามารถไปเลือกซื้อ
00:46:46 → 00:46:49 ผลิตภัณฑ์พวกนี้มาใช้กับตัวเองได้คือคือ
00:46:49 → 00:46:51 แต่ละตัวโดสและคุณสมบัติก็ไม่เหมือนกัน
00:46:51 → 00:46:53 เนาะฟอร์มแต่ละฟอร์มก็ไม่เหมือนกันอย่าง
00:46:53 → 00:46:55 แมกนีเซียมมีหลายฟอร์มมากเพราะฉะนั้น
00:46:55 → 00:46:57 เนี่ยลองมาปรึกษาแพทย์ก่อนก็ได้ได้ว่าเออ
00:46:57 → 00:46:59 ตัวเนี้ยมันเหมาะสำหรับอะไรหรือจะเราอ่ะ
00:46:59 → 00:47:01 จริงๆอ่ะจำเป็นหรือเปล่าที่จริงอย่างพวก
00:47:01 → 00:47:03 แมกนีเซียมหรือเมลาโทนินเนี่ยที่จริงมัน
00:47:03 → 00:47:06 ตรวจได้นะว่าอะไรร่างกายเราอ่ะมีปริมาณ
00:47:06 → 00:47:08 เท่าไหร่หรือเราต้องการจริงๆแล้วค่อยไป
00:47:09 → 00:47:11 เสริมมันก็ได้แต่อีกอย่างนึงก็คือไปอัน
00:47:12 → 00:47:15 นี้ไปอ่านเจอมาที่จริงแพทย์แผนไทยอ่ะมัน
00:47:15 → 00:47:18 มีอาหารหรือธัญพืชแพทย์แผนไทยที่ช่วยนอน
00:47:18 → 00:47:20 เรื่องของการนอนหลับด้วยนะคือเขาบอกว่าใน
00:47:20 → 00:47:23 แพทย์แผนไทยเนี่ยเรานอนไม่หลับเพราะเรามี
00:47:23 → 00:47:27 ธาตุไฟเยอะมันร้อนมันร้อนข้างใน
00:47:27 → 00:47:30 ฮอตๆมันฮข้างในก็คือถ้าคุณมันร้อนข้างใน
00:47:30 → 00:47:32 อ่ะเหมือนเหมือนเข้าเร็มนอนเร็มอุณหภูมิ
00:47:32 → 00:47:35 ต้องลดลงแต่ถ้าคุณมันยังร้อนน่ะคุณก็ไม่
00:47:35 → 00:47:37 มีทางนอนหลับเพราะฉะนั้นเขาก็จะแนะนำว่า
00:47:37 → 00:47:41 ให้ทานอาหารที่มีรสชาติขมเย็นพวกเยเข้าไป
00:47:41 → 00:47:47 เพื่อไปดับไฟในร่างเกือบพูดกับไฟในร่าง
00:47:47 → 00:47:51 กายของคุณอย่างเช่นการกินมะระการกินเอ
00:47:51 → 00:47:53 ชะดานะครับเนาะพวกเนี้หรือว่าอีกอันนึง
00:47:53 → 00:47:56 ที่คนชอบกินคือใบบัวบกเนาะช้ำในอะไรพวก
00:47:56 → 00:47:59 เนี้ยเออการกินใบโบบกมันก็มีฤทธิ์เย็น
00:47:59 → 00:48:01 แล้วมันทำให้การนอนของคุณน่ะดีขึ้นงั้น
00:48:01 → 00:48:04 เห็นมาหลายเทปครับอ่าจิมมี่เห็นพูดถึง
00:48:04 → 00:48:06 เรื่องแมกนีเซียมฟอร์มไหนที่มันเหมาะกับ
00:48:06 → 00:48:08 การนอนหลับคือแมกนีเซียมมันมีแบบออกไซด์
00:48:08 → 00:48:10 ไฮดรอกไซด์ซัลเฟตอะไรพวกนี้นะครับต่อ
00:48:10 → 00:48:12 แมกนีเซียมสำหรับเรื่องของการนอนหลับ
00:48:12 → 00:48:14 เนี่ยคือแมกนีเซียมไซตอย่างเมื่อกี้ที่
00:48:14 → 00:48:18 พูดไปไซตคือไลซีนอันนี้ก็เป็นแมกนีเซียม
00:48:18 → 00:48:20 เพราะฉะนั้นไลซีนก็ทำให้สารสืบอาสาของคุณ
00:48:20 → 00:48:22 ดีมากขึ้นตอนนอนแล้วมีแมกนีเซียมเข้าไป
00:48:22 → 00:48:25 อีกมันเลยเป็นฟอร์มที่คายแล้วดีที่สุดของ
00:48:25 → 00:48:27 เรื่องของการนอนแล้วทำให้ผ่อนคลายแต่อีก
00:48:27 → 00:48:30 อันนึงเรื่องของอ่าเมลาโทนินเนาะ
00:48:30 → 00:48:32 เมลาโทนินที่จริงเนี่ยมันก็แบ่งเป็น 2
00:48:33 → 00:48:35 ฟอร์มได้เหมือนกันก็คือช ons ก็คือกิน
00:48:35 → 00:48:38 ปุ๊บออกิเลยอีกแบบนึงก็คือ Rate ons ก็
00:48:38 → 00:48:41 คือกินปึ๊บ slow ras กว่าจะไข้ออกใช้
00:48:41 → 00:48:44 เวลานานนิดนึงนะครับเนาะแต่ว่าเรื่องของ
00:48:44 → 00:48:47 เมลาโทนินเนี่ยเิ่มมันก็ยังโดนจำกัดอยู่
00:48:47 → 00:48:49 เนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยอาจจะให้ปรึกษาแพทย์
00:48:49 → 00:48:51 ก่อนดีกว่าบางคนบอกว่าถ้าได้ดื่ม
00:48:51 → 00:48:53 แอลกอฮอล์ก่อนนอนนิดนึงอ่ะมันจะช่วยทำให้
00:48:54 → 00:48:55 เรานอนหลับอันเนี้ยจริงหรือเปล่าก็ต้อง
00:48:55 → 00:48:58 บอกว่าจริงๆก็ก็บางคนสามารถช่วยได้ก็คือ
00:48:58 → 00:49:01 เขาบอกว่าถ้า High intake นิดนึงก็คือ
00:49:01 → 00:49:03 เกิน 2 drink ขึ้นไปอะไรอย่าเงี้ยก็
00:49:03 → 00:49:06 สามารถช่วยทำให้ Sleep on Set ก็คือการ
00:49:06 → 00:49:08 ระยะเวลาก่อนเข้าที่จะนอนหลับเนี่ยมัน
00:49:08 → 00:49:11 เร็วขึ้นได้แต่ทางนั้นมันทำให้ Sleep
00:49:11 → 00:49:13 Architecture ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ตาม
00:49:13 → 00:49:15 ปกติเราจำ Sleep Architecture ได้เนาะ
00:49:15 → 00:49:18 แบบมี N1 2 3 แล้วก็ remem อย่างเงี้ย
00:49:18 → 00:49:20 มันทำให้เราเข้าสู่ rem Sleep ค่อนข้าง
00:49:20 → 00:49:22 เยอะซึ่งเป็นช่วงที่เรามักจะมีปัญหา
00:49:22 → 00:49:24 เรื่องของการหายใจแล้วก็ทำให้ N3 ซึ่งคือ
00:49:25 → 00:49:28 slow Wave Sleep ที่เราเอาไว้ชารออไม่
00:49:28 → 00:49:30 ค่อยได้เท่าไหร่มันเลยทำให้เหมือนเรา
00:49:30 → 00:49:33 ชาร์จแบตได้ไม่ดีหลับได้แต่หลับได้คุณภาพ
00:49:33 → 00:49:37 ไม่ดีอ่าแล้วถ้าเราอยากจะหลับดีอ่ะพีทมี
00:49:37 → 00:49:40 เทคนิคอะไรบ้างอ่ะในการให้อยากจะคืนเนี้ย
00:49:40 → 00:49:43 นอนดีทำไงบ้างอ่ะจริงๆก็เรื่องของสลิปไ
00:49:43 → 00:49:45 อันดับแรกเลยครับเรื่องของแสงสีเสียง
00:49:45 → 00:49:48 อุณหภูมิที่เหมาะสมเนาะก็จัดแสงเสียงให้
00:49:48 → 00:49:50 มันน้อยนะครับอุณหภูมิอ่ะให้เย็นหน่อยนะ
00:49:51 → 00:49:53 ครับในห้องนั้นมีการ ventilation ของ
00:49:53 → 00:49:55 อากาศให้ดีแล้วก็ในเรื่องของการเตรียม
00:49:55 → 00:49:57 พรอมก่อนการหลับเนาะหลีกเลี่ยงในเรื่อง
00:49:57 → 00:50:00 ของการเล่นโซเชียลมีเดียแสงเสริมต่างๆนะ
00:50:00 → 00:50:03 ครับอีกอันนึงสำหรับเทคนิคเรื่องของอ่า
00:50:03 → 00:50:07 478 อ่า Bing technic นะครับ 478 ใช่
00:50:07 → 00:50:10 เดี๋ยววันนี้เรามาลองทำพร้อมกันเผื่อใคร
00:50:10 → 00:50:12 ชอบอันนี้แล้วก็เซฟคลิปนี้เก็บไว้นะครับ
00:50:12 → 00:50:14 จะได้เอาไปลองทำดูว่าทำยังไงบ้างนะครับ
00:50:14 → 00:50:16 เขาก็บอกว่าให้เราทำการหายใจเข้านะครับ
00:50:16 → 00:50:20 แล้วก็นับ 4 โฮการหายใจของเราไว้อีก 7
00:50:20 → 00:50:22 วินาทีแล้วก็ปล่อยอีก 8 เดี๋ยวเรามาทำ
00:50:22 → 00:50:25 พร้อมกันโอเคโอเค 1 2 3 หายใจเข้านะ
00:50:25 → 00:50:35 ครับ
00:50:35 → 00:50:37 เยี่ยมมากเยี่ยมเลยครับคราวนี้เนี่ย
00:50:37 → 00:50:39 เรื่องของท่านอนก็อาจจะสำคัญเหมือนกัน
00:50:39 → 00:50:41 เนาะเพราะว่าหลักๆเนี่ยท่านอนมันอาจจะมี 3
00:50:41 → 00:50:44 ท่านอนแล้วะกันนอนหงายนอนคว่ำนอนตะแคงแต่
00:50:44 → 00:50:46 ละอันมันเหมาะสมกับใครบ้างอ่ะพีทจริงๆ
00:50:47 → 00:50:48 ส่วนใหญ่คนเราเนี่ยนอนหงายเป็นหลักอยู่
00:50:48 → 00:50:52 และแต่ว่าเนื่องจากภาวะหลายๆคนอ่ะน้ำหนัก
00:50:52 → 00:50:54 เยอะเยอะขึ้นก็อาจจะไม่สามารถนอนหงายได้
00:50:54 → 00:50:56 แล้วเพราะจะเริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
00:50:56 → 00:50:58 ส่วนใหญ่บางคนก็จะนอนตะแคงหรือนอนคว่ำได้
00:50:58 → 00:51:00 อันนี้สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้าง
00:51:00 → 00:51:02 เยอะนะครับแล้วก็บางคนที่มีปัญหาเรื่อง
00:51:02 → 00:51:04 ของกรวดไหลย้อนเนาะเนื่องจากว่ากระเพาะ
00:51:04 → 00:51:06 อาหารเราอยู่ทางด้านซ้ายหรือว่าถ้าใครไป
00:51:06 → 00:51:07 อยู่ทางด้านขวาอันนี้อาจจะต้องกลับข้าง
00:51:07 → 00:51:09 กันนิดนึงคนที่อยู่ด้านซ้ายเนี่ยถ้าเรา
00:51:09 → 00:51:12 นอนตะแคงซ้ายอวัยวะภายในของเราจะไปกด
00:51:12 → 00:51:14 เบียดกับตัวกระเพาะอาหารแล้วถ้าเรามี
00:51:14 → 00:51:16 อาหารอยู่ในนั้นก็อาจจะทำให้เกิดกดหลาย
00:51:16 → 00:51:19 ยอนที่มากขึ้นได้บางคนก็เลยแนะนำให้นอนต
00:51:19 → 00:51:21 แหงด้านขวาแทนนะครับแล้วก็บางคนที่มี
00:51:21 → 00:51:24 ปัญหาในเรื่องของการปวดหลังอ่าอันนี้อาจ
00:51:24 → 00:51:27 จะมีท่าที่ซัพพอร์ตเขาได้นิดหน่อยในนอน
00:51:27 → 00:51:30 แต่ว่าหาหมอนหาอะไรเงี้ในการในช่วงของต้น
00:51:30 → 00:51:32 ขาเขให้มีการงอขึ้นเล็กน้อยทำให้หลังเขา
00:51:32 → 00:51:35 ดูราบมากขึ้นอันนี้ก็จะเป็นเทคนิคสำหรับ
00:51:35 → 00:51:37 แต่ละคนที่มีปัญหาซึ่งอาจจะต้องไป explore
00:51:37 → 00:51:39 เพิ่มเพราะว่าแต่ปัญหาแต่ละคนค่อนข้าง
00:51:40 → 00:51:42 เยอะเนาะอาจจะต้องมีท่าทางในการนอนที่แบบ
00:51:42 → 00:51:45 เหมาะสมของตลเขบอกว่าถ้าเราไม่อยากริ้ว
00:51:45 → 00:51:48 รอยไม่อยากมีริ้วรอยที่หน้าเนี่ยไม่ควร
00:51:48 → 00:51:55 นอนคว่ำกับนอนตะแคงถูกต้องถูกไม่โอสุ
00:51:55 → 00:51:58 สวรรค์หลายคนจริงๆก็บอกว่าดาราและ
00:51:58 → 00:52:00 Celebrity จริงๆก็คือทาทุกอย่างออยทุก
00:52:00 → 00:52:02 อย่างแล้วก็นอนในท่าอย่างงี้อย่างงนี้
00:52:02 → 00:52:04 แล้วแต่เท่านั้นคือห้ามห้ามนอนนอนไม่งั้น
00:52:04 → 00:52:07 เดี๋ยวหน้าจะยับใช่เพราะว่าทำทุกอย่างมา
00:52:07 → 00:52:10 เยอะแล้วเดี๋ยวมันไหลไม่ใช่แล้วเรื่องของ
00:52:10 → 00:52:13 เรื่องของกลิ่นหรือเสียงคลื่นอะไรพวก
00:52:13 → 00:52:16 เนี้ยมันทำให้เรานอนดีมากขึ้นมยแบบอโรม่า
00:52:16 → 00:52:17 หรือคนที่ตั้งกลิ่นเอาไว้ในห้องอย่าง
00:52:17 → 00:52:20 เงี้ยส่วนตัวก็บอกว่ามีในเรื่องของโรมแปี
00:52:20 → 00:52:22 เนาะในเรื่องของการที่ทำให้การหลับดีขึ้น
00:52:22 → 00:52:25 เาก็มีพวกเปเปอร์ในกลุ่มเนี้ยในเรื่องของ
00:52:25 → 00:52:27 การที่ถ้ามีกลิ่นอย่างเช่นพวก lavender
00:52:27 → 00:52:30 อาจจะทำให้เรามีคลื่นสมองที่ดูช้าลงทำให้
00:52:30 → 00:52:33 เราเข้าสู่การนานหลับได้ดีขึ้นนะครับหรือ
00:52:33 → 00:52:35 ว่าคลื่นสมัยนี้เนาะคลื่่นเสียงที่เราชอบ
00:52:35 → 00:52:37 เปิดกัน asrm ต่างๆเนาะเสียงธรรมชาติ
00:52:37 → 00:52:40 เสียงอะไรแบบนี้ก็จะทำให้เราเนี่ยเหมือน
00:52:40 → 00:52:42 แบบอยู่ในสภาวะที่สงบมากขึ้นเหมือนเราทำ
00:52:42 → 00:52:45 สมาธิหลายคนที่ชอบทำสมาธิก็อาจจะเป็นอีก
00:52:45 → 00:52:47 หนึ่งเวยที่สามารถที่จะทำให้เราสามารถ
00:52:47 → 00:52:49 เข้าสู่การำหลับได้ดีขึ้นอื้อหือวันนี้
00:52:49 → 00:52:52 ขอบคุณพีทมากเลยแล้วคือเรื่องการนอนหลับ
00:52:52 → 00:52:55 เนี่ยเราได้ความรู้มากเนาะเรื่องของการ
00:52:55 → 00:52:58 ปฏิบัติหรือว่าเรื่องของการทำยังไงให้
00:52:58 → 00:53:00 คุณภาพของการนอนของเรามีมากขึ้นแต่ถ้า
00:53:00 → 00:53:03 สำหรับคนบางคนเนี่ยที่ยังมีปัญหาเรื่อง
00:53:03 → 00:53:05 ของการนอนเนี่ยหลายคนอาจจะเคยได้ยิน
00:53:05 → 00:53:07 เรื่องของการทำ Sleep Test อันนี้ Sleep
00:53:07 → 00:53:09 Test เี่มันจะช่วยอะไรได้บ้างแล้วเหมาะ
00:53:09 → 00:53:11 กับใครบ้างอ่ะครับจริงๆ Sleep Test ก็จะ
00:53:11 → 00:53:14 เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องของการที่การ
00:53:14 → 00:53:16 หายใจที่ผิดปกติขนาดหลับอย่างที่เราพูด
00:53:16 → 00:53:18 กันไปถึงเรื่องของ obstructive Sleep
00:53:18 → 00:53:20 App เนี่ยนะครับอันเนี้ยช่วย screening
00:53:20 → 00:53:22 ได้อันที่ 2 คือเรื่องของภาวะผิดปกติการ
00:53:22 → 00:53:24 เคลื่อนไหวผิดปกติขณะหลับอย่างเช่นบางคน
00:53:24 → 00:53:27 มีเตะต่อยลุกขึ้นมาทำอะไรผิดปกติตอนกลาง
00:53:27 → 00:53:31 คืนอะไรแบบนี้ครับก็อาจจะเป็นไน Early ไน
00:53:31 → 00:53:33 ของการที่มีปัญหาเรื่องของสมองที่มีความ
00:53:33 → 00:53:35 เสื่อมเกิดขึ้นเป็นอัลไซเมอร์หรือว่าเป็น
00:53:35 → 00:53:38 พนันเกิดขึ้นได้นะครับแล้วก็อีกอันนึงที่
00:53:38 → 00:53:40 หลายคนเข้าใจผิดเรื่องของภาวะที่นอนไม่
00:53:40 → 00:53:42 หลับเนาะแล้วมาทำ Sleep Test ตามชื่อเลย
00:53:42 → 00:53:44 ครับ Sleep Test เราต้องการการเทสการ
00:53:44 → 00:53:46 Sleep นะครับฉะนั้นถ้าเรานอนไม่หลับ
00:53:46 → 00:53:48 อันเนี้ยไม่สามารถทำ Sleep Test ได้นะ
00:53:48 → 00:53:51 ครับก็ถ้าใครมีปัญหาเรื่องของการนอนไม่
00:53:51 → 00:53:54 หลับอันนี้แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอดีที่สุด
00:53:54 → 00:53:55 คุณหมอที่ใช้ยาค่อนข้างเยอะแล้วก็ดูแล
00:53:55 → 00:53:57 เรื่องของการนอนนอนหลับให้เราได้ก็คือใน
00:53:57 → 00:53:59 เรื่องของคุณหมอจิตเวทนั่นเองนะครับก็จะ
00:53:59 → 00:54:01 มีคุณหมอเฉพาะทางทางด้านเรื่องของการนอน
00:54:01 → 00:54:03 หลับอันเนี้ยเพิ่มเติมขึ้นไปอีกอืส่วน
00:54:03 → 00:54:05 Sleep Test ก็คือไปตรวจที่งพยาบาแล้วไป
00:54:05 → 00:54:08 นอน 1 คืนถูกมั้ยครับแล้วก็ดูว่าคลื่นตอน
00:54:08 → 00:54:11 นอนเป็นยังไงมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าใช่
00:54:11 → 00:54:12 ใช่เพราะว่าการตรวจ Sleep Test ก็จะเป็น
00:54:12 → 00:54:15 การมอนิเตอขณะที่เรานอนหลับไปดูในเรื่อง
00:54:15 → 00:54:18 ของคลื่นสมองว่าเรากำลังหลับเอยู่ใน Stage
00:54:18 → 00:54:21 ไหนอ่าดูในเรื่องของการที่เราหายใจเป็น
00:54:21 → 00:54:24 ยังไงบ้างมีการหายใจแบบอ่าติดขัดมยหรือ
00:54:24 → 00:54:26 ว่ามีปัญหาเรื่องของการที่หายใจแแโล่ง
00:54:26 → 00:54:29 หรือว่าแม้กระทั่งหยุดานหายใจไปโดยที่เขา
00:54:29 → 00:54:30 ก็จะมี Channel ต่างๆในการดูในเรื่องของ
00:54:30 → 00:54:33 ลมหายใจการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิการขยับ
00:54:33 → 00:54:36 ของหน้าอกท้องต่างๆนะครับที่สำคัญก็คือจะ
00:54:36 → 00:54:38 ได้เช็คด้วยว่าออกซิเจนเป็นยังไงบ้าง
00:54:38 → 00:54:40 คลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะที่เรานอนหลับเป็นยัง
00:54:40 → 00:54:42 ไงที่สำคัญสุดท้ายก็คือในเรื่องของการดู
00:54:42 → 00:54:44 ในเรื่องของความผิดปกติของการเคลื่อนไหว
00:54:44 → 00:54:47 เนาะซึ่งเป็น Early Sign ของการบองบอก
00:54:47 → 00:54:49 ว่าสมองเรามีการเสื่อมไปทางด้านแบบของใน
00:54:49 → 00:54:52 ส่วนของตัวอัลไซเมอร์หรือแคนสันหรือเปล่า
00:54:52 → 00:54:55 ใช่โอเคครับยังไงก็ใครมีปัญหาอยากมาลอง
00:54:55 → 00:54:58 ปรึกษากันก็ยินดีมากๆเลยได้ครับผมครับผม
00:54:58 → 00:55:00 และนี่คือ Doctor Talk podcast ที่หมอ
00:55:01 → 00:55:03 และผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจะมาพูดคุย
00:55:03 → 00:55:05 ประเด็นเรื่องสุขภาพต่างๆถ้าชอบ Content
00:55:06 → 00:55:08 แนวนี้ฝาก Subscribe และติดตามเป็นกำลัง
00:55:08 → 00:55:13 ใจให้หมอด้วยนะครับสวัสดีครับสวัสดีครับ