00:00:00 → 00:00:05 ถ้าอยากได้แคลเซียมเสริมก็เลือกแบบ 516 ที่เปอร์เซ็นต์สูงหน่อย หรือเลือก 516 ที่
00:00:05 → 00:00:10 เป็นเต้าหู้แข็ง มีใครเคยคิดว่าเต้าหู้ไข่ มีส่วนประกอบของเต้าหู้ไหมครับ นิการินิยม
00:00:10 → 00:00:14 ใช้ในญี่ปุ่นนะครับในการทำเต้าหู้แบบดั้ง เดิม เพราะว่าจะทำให้เต้าหู้มีลักษณะแบบ
00:00:14 → 00:00:20 เนื้อนิ่มๆ สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อก บอกเล่า หลายคนสงสัยนะครับหรือว่ากังวลว่า
00:00:20 → 00:00:24 สิ่งที่อยู่ในเต้าหู้ที่ทำให้เต้าหู้แข็ง เนี่ยคืออะไร เพราะสมัยเนี้ยเต้าหู้มี
00:00:24 → 00:00:28 ลักษณะความนิ่มความแข็งที่หลากหลาย มาก และถ้ากินบ่อยๆจะมีผลอะไรกับ
00:00:28 → 00:00:32 สุขภาพไหม คนไทยกินเต้าหู้บ่อยนะครับ ทั้งเต้าหู้ไข่
00:00:32 → 00:00:38 เต้าหู้ทอด ถั่วงอกผัดเต้าหู้ หรือว่าผัด พริกเกลือ หรือบางทีก็ใส่ในผัดไทยด้วย
00:00:38 → 00:00:43 ทุกท่านกินเต้าหู้ล่าสุดเมื่อไหร่ครับ ผมเดา ว่าคงไม่น่าจะนานมาก คลิปนี้ผมเลยอยากจะ
00:00:43 → 00:00:49 เล่าว่าอะไรที่ทำให้เต้าหู้แข็งขึ้น รูปเป็นลักษณะที่แตกต่างกันแบบนี้ และสาร
00:00:49 → 00:00:54 ที่ใส่ในเต้าหู้เนี่ยนะครับที่เจอบ่อยๆมี อะไรบ้าง และจะมีผลกับสุขภาพยังไง ผมก็เลย
00:00:54 → 00:01:00 ไปซื้อมา 11 ชิ้นตามที่เห็นเนี่ยนะครับ อ่านฉลาก อ่านแพ็คเกจ จัดกลุ่มเรียบร้อย
00:01:00 → 00:01:05 แล้วคัดเฉพาะอันที่เข้ารอบมาให้ดู เดี๋ยว เรามาดูกันครับ สำหรับใครที่ชอบคอนเทนต์ที่หมอ
00:01:05 → 00:01:10 ทำนะครับ เข้ามาแล้วยังไม่ได้ subscribe รบกวน subscribe เป็นกำลังใจให้หมอด้วยนะครับ
00:01:10 → 00:01:16 ตอนนี้ท่านที่เข้ามาดูประมาณ 90% ยัง ไม่ได้ subscribe เมื่อท่านติดตามแล้ว
00:01:16 → 00:01:21 subscribe แล้ว อาจจะไม่ต้องกดกระดิ่งก็ได้ เพราะว่ามีบางคอนเทนต์ที่ท่านอาจจะไม่ได้
00:01:21 → 00:01:26 สนใจในตอนนี้ แต่ถ้ากด sub ไว้เนี่ย ทำให้ YouTube ในอนาคตอาจจะเลือกคอนเทนต์ที่
00:01:26 → 00:01:32 เหมาะสมที่ท่านชอบให้ท่านดูได้ครับ ใครที่ ดูคลิปนี้แล้วมีความเห็น มีคำถามหรือว่า
00:01:32 → 00:01:39 อยากจะบอกอะไร ใครที่ชอบทานเต้าหู้ ชอบแบบ ไหนก็ฝากเม้นต์กันมาได้เลยนะครับ ผมได้จัด
00:01:39 → 00:01:43 เต้าหู้ที่ซื้อมาเป็น 6 กลุ่มครับ แต่ว่า ผมอยากจะเล่าก่อนว่าทำไมเต้าหู้ถึงมีความ
00:01:43 → 00:01:48 แข็งขึ้นมาได้ คือนมถั่วเหลืองนะครับจะมี โปรตีนอยู่ซึ่ง โปรตีนเนี่ยก็จะมีประจุไฟฟ้า
00:01:48 → 00:01:54 บนผิวของเขา ส่วนใหญ่ก็จะมีประจุเป็น ลบทำให้มีการผลักกันอยู่ นึกถึงแม่เหล็กนะครับ
00:01:54 → 00:02:00 ถ้าขั้วเดียวกันก็จะมีการผลักกัน แต่ ถ้าตัดต่างขั้วกันก็จะมีการดูดกัน โปรตีน
00:02:00 → 00:02:05 ในนมถั่วเหลืองนะครับเป็นขั้วเดียวกัน ก็ เลยผลักกันอยู่ ก็เลยทำให้โปรตีนเนี่ยลอย
00:02:05 → 00:02:12 กระจายอยู่ในน้ำโดยไม่จับกันเป็นก้อน มี 2 วิธีที่จะทำให้เขาจับกันครับ ที่ใช้กันบ่อยก็
00:02:12 → 00:02:17 คือ 1 ก็คือใช้สารประกอบที่มีประจุบวก เข้าไป เช่นพวกแคลเซียมหรือว่า
00:02:17 → 00:02:23 แมกนีเซียม ประจุบวกจะไปเจอกับประจุลบของ โปรตีนครับ ต่างขั้วกันก็เลยทำให้เกิดแรงดูดกัน
00:02:23 → 00:02:29 ก็เลยทำให้โปรตีนเนี่ยตกตะกอน อีก วิธีนึงก็คือทำให้น้ำเต้าหู้เนี่ยมี
00:02:29 → 00:02:35 ความเป็นกรดมากขึ้น โดยเขาจะใส่กรดเข้าไป ครับ พอค่าความเป็นกรดด่างหรือว่าค่าพีเอชของ
00:02:35 → 00:02:40 น้ำเต้าหู้ค่อยๆลดลง ในความหมายก็คือมี ความเป็นกรดมากขึ้นมากขึ้น พอใกล้ถึง
00:02:40 → 00:02:47 จุดที่โปรตีนไม่มีประจุสุทธิ โปรตีนก็จะไม่ ผลักกันก็จะเกิดการตกตะกอน แล้วหลังจาก
00:02:47 → 00:02:53 นั้นนะครับ ก็จะเอาตะกอนของโปรตีนเนี่ยมา รวมตัวกันแล้วก็บีบน้ำออก อัดกันเป็นก้อนๆ
00:02:53 → 00:02:57 กลายเป็นเต้าหู้แบบที่เราเห็นเนี่ยแหละ ครับ สารตัวแรกที่ผมอยากจะพูดถึงที่ใส่
00:02:57 → 00:03:04 เข้าไปในเต้าหู้คือ แมกนีเซียมคลอไรด์ ถ้าไป ดูที่ฉลากนะครับตัวนี้จะเขียนว่า INS 511
00:03:04 → 00:03:09 ต่อไปตรงนี้ผมจะพูดเป็นตัวเลขส่วนใหญ่เลย นะครับ เพราะว่าคนที่ไม่คุ้นเคยกับชื่อ
00:03:09 → 00:03:14 ก็จะได้ไม่งง แล้วผมก็จะขึ้นไว้ตรง เนี้ยนะครับ ให้รู้ว่าตัวเลข INS ที่ว่า
00:03:14 → 00:03:20 เนี่ยคือสารอะไร สารตัวเนี้ยเจอในธรรมชาติ ครับอย่างที่ญี่ปุ่นก็จะมีการเอาน้ำ
00:03:20 → 00:03:25 ทะเลมาระเหยเอาน้ำออก แล้วก็แยกเอา เกลือตัวโซเดียมคลอไรด์ออกไป ของที่
00:03:25 → 00:03:31 เหลือในน้ำนะครับ ส่วนใหญ่ก็จะมีเจ้านี้ ครับแมกนีเซียมคลอไรด์ 511 ญี่ปุ่นจะเรียก
00:03:31 → 00:03:36 ว่านิการิ นิการินิยมใช้ในญี่ปุ่นนะครับ ใน การทำเต้าหู้แบบดั้งเดิมเพราะว่าจะทำให้
00:03:36 → 00:03:41 เต้าหู้มีลักษณะแบบเนื้อนิ่มๆ ปัจจุบันสาร ตัวเนี้ย แมกนีเซียมคลอไรด์ ก็มีการ
00:03:41 → 00:03:46 สังเคราะห์ขึ้นมาได้นะครับ แต่ยังไงก็ตาม ถ้าเป็น food grade เนี่ยก็เอามาใช้ในการ
00:03:46 → 00:03:52 ทำอาหารได้ ก็คือเป็นสารที่มีความปลอดภัย อันนี้เป็นตัวอย่างเต้าหู้ที่ใช้สารตัว
00:03:52 → 00:03:58 นี้นะครับ เขาจะเขียนไว้ว่าใช้ 511 0.3% แล้วก็อีกก้อนนึงก็จะเขียนไว้
00:03:58 → 00:04:02 ว่าใช้ 0.6% แต่ในความเป็นจริงถ้าเรากิน 2 ก้อน
00:04:02 → 00:04:06 นะครับ เราคงไม่ได้สาร 0.3 และ 0.6% เต็มๆ หรอก เพราะทำไมเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ
00:04:06 → 00:04:14 ครับ ต่อมาคือตัวแมกนีเซียมเหมือนกันก็คือ ตัว แมกนีเซียมซัลเฟต หรือว่า INS 518
00:04:14 → 00:04:19 สารนี้เหมือนกันครับอยู่ในธรรมชาติก็มี แต่ก็มีการผลิตสังเคราะห์ขึ้น ถ้าสมมุติ
00:04:19 → 00:04:25 ว่าเป็น food grade ก็สามารถเอามาใช้ใน อาหารได้ มีความปลอดภัย ผมก็มีเต้าหู้อีก 2
00:04:25 → 00:04:31 ก้อนนะครับที่ใช้สารตัวนี้ แต่ว่าเค้าไม่ ได้ระบุครับว่าใช้ 518 เท่าไหร่ คือจริงๆ
00:04:31 → 00:04:38 แล้วทั้ง 511 518 เนี่ยนะครับ หรือตัวที่ ผมกำลังจะพูดต่อไป ข้อกำหนดของ WHO และกฎ
00:04:38 → 00:04:42 หมายไทยเนี่ยก็ไม่ได้ระบุนะครับว่าปริมาณ สูงสุดที่ห้ามใช้ ห้ามใช้เกินเท่าไหร่
00:04:42 → 00:04:48 แค่บอกว่าให้ใช้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม บอกแค่นั้น เพราะฉะนั้นคราวนี้เราจะรู้
00:04:48 → 00:04:53 ได้ยังไงล่ะครับว่ามีสารตัวเนี้ยเหลือ อยู่เท่าไหร่ในเต้าหู้ที่เรากำลังจะกิน
00:04:53 → 00:04:58 ยิ่งถ้าเขาไม่ได้ระบุในฉลากนะครับ ตรง Nutrition Facts ว่ามีสารแมกนีเซียมเท่าไร
00:04:58 → 00:05:02 อย่างเงี้ยเราก็ต้องประมาณกันแล้วล่ะ ครับเพื่อที่จะได้ดูว่ามันจะมีผลกับ
00:05:02 → 00:05:07 สุขภาพของเราแค่ไหน มีตัวเลขจากหน่วย บริการวิจัยทางการเกษตรสหรัฐนะครับที่เขา
00:05:07 → 00:05:12 เอาผลิตภัณฑ์เนี่ยไปตรวจแล้วก็พบว่า เต้าหู้ที่ใช้นิการิทำ สุดท้ายแล้วเนี่ยจะ
00:05:12 → 00:05:18 มีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 30-60 มก.ต่อ น้ำหนักเต้าหู้ 100 กรัม ปกติแล้วปริมาณ
00:05:18 → 00:05:24 แมกนีเซียมที่แนะนำต่อวันผู้หญิงก็อยู่ ที่ประมาณ 300 ผู้ชายก็ประมาณ 400 มก.
00:05:24 → 00:05:29 คือถ้าต้องกินเต้าหู้จนแมกนีเซียมในเลือด เกินกว่าปริมาณ 300-400 ที่ว่าเนี่ยคร่าวๆ
00:05:29 → 00:05:34 ก็คือผู้หญิงต้องกินเต้าหู้เกิน 600 กรัม หรือประมาณ 3 ก้อน ก้อนละ 200 กรัม
00:05:34 → 00:05:40 หรือผู้ชายก็กินเกิน 4 ก้อน ก็จะเห็นนะ ครับว่าโดยปกติแล้วเนี่ยคนเราไม่น่าจะกิน
00:05:40 → 00:05:45 ได้ขนาดนี้ต่อวัน เพราะฉะนั้นกินแบบปกติก็ ไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องแมกนีเซียมที่จะ
00:05:45 → 00:05:50 มากเกินไป ส่วนคนที่ต้องการคุมปริมาณ แมกนีเซียมนะครับเช่นคนที่เป็นโรคไตที่
00:05:50 → 00:05:55 หมอยังอนุญาตให้กินเต้าหู้แต่ว่าต้อง เลือกหน่อย หรือว่าคนที่กินอาหารเสริมที่
00:05:55 → 00:06:00 มีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบอยู่ ถ้าเลือก เต้าหู้ก็อาจจะเลือกเต้าหู้ที่ใส่ 511
00:06:00 → 00:06:03 518 น้อยหน่อย ถ้าเค้าระบุเป็น เปอร์เซ็นต์นะครับก็เลือกตัวเลขที่น้อย
00:06:03 → 00:06:08 หน่อยหรือว่าเลือกเต้าหู้แข็งก็จะมีแนว โน้มว่าจะมีสารแมกนีเซียมน้อยกว่า
00:06:08 → 00:06:14 เต้าหู้อ่อน เราไปดูอันถัดไปครับ 516 หรือว่าแคลเซียม
00:06:14 → 00:06:19 ซัลเฟต คนจีนเรียกว่าเจี๊ยะกอ ก็เหมือนกัน ครับมีทั้งแบบธรรมชาติและแบบอุตสาหกรรม
00:06:19 → 00:06:24 แล้วก็มีแบบ Food grade หลักการตกตะกอน โปรตีนก็คล้ายๆแมกนีเซียมนะครับ ก็คือใช้
00:06:24 → 00:06:30 ประจุบวกไปจับกับโปรตีน เรามาดูเต้าหู้ ก้อนนี้กันครับ เต้าหู้ก้อนเนี้ยระบุว่า
00:06:30 → 00:06:36 ใช้ 516 ก้อนนี้นะครับไม่ได้บอกว่าใช้ 516 เท่าไหร่หรือว่าเหลือแคลเซียมในก้อน
00:06:36 → 00:06:41 เท่าไหร่ ใน Nutrition facts ก็ไม่ได้บอก ผม เลยขออ้างอิงแหล่งข้อมูลเดิมนะครับ เรามา
00:06:41 → 00:06:47 ดูกันว่าเต้าหู้ที่ใช้ 516 จะมีปริมาณแคลเซียม อยู่ประมาณคร่าวๆเท่าไหร่
00:06:47 → 00:06:52 จากอันนี้นะครับจะเห็นว่าเต้าหู้ที่ใช้ 516 ถ้าเป็นแบบธรรมดาก็เหมือนว่าจะมี
00:06:52 → 00:06:57 แคลเซียมมากกว่าเต้าหู้ทั่วไปนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นแบบแข็งแคลเซียมก็จะสูง
00:06:57 → 00:07:03 ขึ้นถึงประมาณ 2 เท่า และถ้ายิ่งเป็นแบบ ที่ 3 แบบเนี้ยนะครับก็จะสูงถึง 960 มก.
00:07:03 → 00:07:09 ต่อเนื้อเต้าหู้ 100 กรัมเลยทีเดียว แล้ว ทีนี้เรากินเต้าหู้ที่มี 516 เนี่ยเราจะ
00:07:09 → 00:07:13 ได้รับแคลเซียมมากไปไหม คือบางคนบางกลุ่ม ต้องระวังแคลเซียมนะครับไม่ได้อยากได้
00:07:13 → 00:07:18 แคลเซียมมากเกินไป เช่นคนที่กินแคลเซียม หรือว่ากินวิตามินดีเสริมอยู่แล้ว หรือว่า
00:07:18 → 00:07:23 คนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง หรือว่ามีภาวะของ ต่อมพาราไทรอยด์ที่ผิดปกติ ตัวแคลเซียม
00:07:23 → 00:07:28 RDI ของเขาในผู้ใหญ่ก็อยู่ประมาณ 1,000 มก.ต่อวัน เพราะฉะนั้นทีนี้เรา
00:07:28 → 00:07:33 จะรู้ได้ยังไงว่าเต้าหู้ที่เรากำลังจะกิน เนี่ยมีแคลเซียมสูงแค่ไหน อันดับแรกเลยนะ
00:07:33 → 00:07:37 ครับถ้าเป็นไปได้ถ้าเค้าระบุก็ดูที่ Nutrition Facts ว่ามีแคลเซียมอยู่เท่าไร
00:07:37 → 00:07:41 ถ้าเค้าไม่ได้ระบุถ้าต้องการหลีก เลี่ยงจริงๆก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไม่กิน
00:07:41 → 00:07:47 เต้าหู้ที่มีส่วนประกอบของ 516 หรือถ้ามี 516 ก็เลือกเต้าหู้แบบนิ่มไม่เลือกแบบ
00:07:47 → 00:07:53 แข็ง แล้วก็เช่นกันในทางตรงข้ามนะครับ ถ้า อยากได้แคลเซียมเสริมก็เลือกแบบ 516 ที่
00:07:53 → 00:07:59 เปอร์เซ็นต์สูงหน่อยหรือเลือก 516 ที่ เป็นเต้าหู้แข็งครับ อันเนี้ยจะไม่เหมือน
00:07:59 → 00:08:04 กับแมกนีเซียมนะครับไม่เหมือนกับ 511, 518 ที่เมื่อกี้เราพูดถึง ถ้า 511, 518 แบบ
00:08:04 → 00:08:12 แข็ง แมกนีเซียมจะน้อย แต่ถ้า 516 แบบแข็ง แคลเซียมจะเยอะครับ
00:08:12 → 00:08:16 ถึงตรงนี้ก็อยากฝากถึงผู้ประกอบการนะครับ ถ้าดูอยู่ก็อยากจะเป็นไปได้ไหมว่าจะช่วย
00:08:16 → 00:08:22 ระบุใน Nutrition Facts ว่าเต้าหู้ที่ขาย เนี่ยมีปริมาณโซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม
00:08:22 → 00:08:27 โปแทสเซียม หรือว่าฟอสฟอรัสเท่าไหร่ เพราะว่าผู้บริโภคเนี่ยจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
00:08:27 → 00:08:31 เอาล่ะครับถัดจากการตกตะกอนโปรตีน ด้วยประจุไฟฟ้าไปแล้ว คราวนี้เรามาดูการตก
00:08:31 → 00:08:39 ตะกอนด้วยกรดอ่อน อันเนี่ยนะครับที่ ผมกำลังแสดงอยู่นี้เขาระบุว่าใช้ INS 575
00:08:39 → 00:08:45 ก็คือสารกลูโคโน เดลต้า แลคโตน เขาบอก ใช้ตัวนี้เพียงตัวเดียว คือถ้าเราควบคุมปัจจัยอื่น
00:08:45 → 00:08:49 เหมือนกันนะครับ วิธีการผลิตเหมือนกัน เนี่ยสารตัวเนี้ยจะให้เนื้อเต้าหู้ที่
00:08:49 → 00:08:55 อ่อนนิ่มที่สุดเมื่อเทียบกับพวกประจุบวก ที่พูดที่ผ่านมา ตัว 575 ตัวนี้นะครับได้
00:08:55 → 00:08:59 จากธรรมชาติเหมือนกันแล้วก็ถ้าสังเคราะห์ ก็เป็นการสังเคราะห์แบบกระบวนการทาง
00:08:59 → 00:09:05 ชีวภาพ เรียกว่าสารตัวนี้นะครับสามารถเอา ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าเป็นออร์แกนิค
00:09:05 → 00:09:09 ได้สารตัวนี้นะครับมีความเป็นกรดอ่อน อย่างที่ว่า เพราะฉะนั้นคนที่มีแผลใน
00:09:09 → 00:09:14 กระเพาะ คนที่มีแผลในลำไส้ หรือว่าคนที่ เป็นกรดไหลย้อนเวลากินเต้าหู้ที่มีสารตัว
00:09:14 → 00:09:19 นี้ก็อาจจะลองสังเกตอาการตัวเองดูนะครับ ว่ากินแล้วทำให้อาการตัวเองดูแย่ลง
00:09:19 → 00:09:25 หรือเปล่า ต่อมาผมขอเต้าหู้อีก 2 แบบนะ ครับ จริงๆแล้วจะเรียกว่าเต้าหู้หรือเปล่า
00:09:25 → 00:09:30 เดี๋ยวเรามาดูกัน คือนี้นะครับ Distarch phosphate
00:09:30 → 00:09:32 สารตัวเนี้ยเป็นแป้งที่ใส่เข้าไปเพื่อให้
00:09:32 → 00:09:38 เพิ่มความคงตัวแล้วก็จะทำให้เนื้อมี ความหยุ่น ก็จะเห็นว่าเนื้อก็จะมีลักษณะ
00:09:38 → 00:09:42 หยุ่นๆหนึบๆแบบเนี้ยนะครับ สารตัวนี้ถือ ว่ามีความปลอดภัยครับ แล้วก็ไม่ได้มีข้อ
00:09:42 → 00:09:48 กำหนดตัวเลขขั้นสูงเช่นกันว่าห้ามใช้เกิน เท่าไหร่ และสุดท้ายครับก็คือเต้าหู้ไข่
00:09:48 → 00:09:53 มีใครเคยคิดว่าเต้าหู้ไข่มีส่วนประกอบของ เต้าหู้มั้ยครับ ผมครับ ผมเคยคิดว่าเต้าหู้
00:09:53 → 00:09:58 ไข่เนี่ยก็คือเต้าหู้ชนิดนึงมีความเป็น โปรตีนถั่วเหลือง แต่ในความความเป็นจริง
00:09:58 → 00:10:03 ไม่ใช่นะครับ ถ้าทุกคนลองดูส่วนประกอบของ เต้าหู้ไข่เนี่ย ก็จะเห็นว่าไม่มีส่วน
00:10:03 → 00:10:08 ประกอบของน้ำนมถั่วเหลืองหรือว่าเต้าหู้ เลย เต้าหู้ไข่ก็จะประกอบด้วยไข่ไก่ น้ำ
00:10:08 → 00:10:15 ซีอิ๊ว สารปรุงรส แล้วก็อีกสารพัดสาร สรุปก็ คือเต้าหู้ไข่ก็คืออาหารแปรรูปสูงเต็มรูป
00:10:15 → 00:10:20 แบบนั่นเองครับ บางยี่ห้อเนี่ยมีโซเดียม สูงด้วยเพราะฉะนั้นเวลากินก็เบรกตัวเอง
00:10:20 → 00:10:27 นิดนึง เต้าหู้ไข่อร่อยครับ แต่ถ้ากินเยอะ เกินไปก็ระวังเรื่องของสุขภาพนิดนึงครับ
00:10:27 → 00:10:31 ขอบคุณทุกคนที่รับชมนะครับ คราวนี้ผู้ชม ทุกคนต้องช่วยผมคิดแล้วล่ะครับว่าเต้าหู้
00:10:31 → 00:10:36 ทั้ง 11 ชิ้นเนี่ยจะเอาไปทำอะไรดี ไม่รู้ จะกินกี่วันหมดนะครับสงสัยช่วงนี้ต้องกิน
00:10:36 → 00:10:42 เต้าหู้อย่างเดียววันละ 3 มื้อละ ท่านใดมี ความเห็นอะไรก็เขียนเข้ามาได้เลยนะครับ
00:10:42 → 00:10:50 ถ้าชอบคลิปก็รบกวนช่วยกดไลค์ แล้วก็ช่วย แชร์ด้วย พบกันใหม่ในคลิปต่อไป สวัสดีครับ