00:00:04 → 00:00:04 [ปรบมือ]
00:00:04 → 00:00:06 [เพลง]
00:00:06 → 00:00:08 [ปรบมือ]
00:00:08 → 00:00:11 [เพลง]
00:00:11 → 00:00:13 [ปรบมือ]
00:00:13 → 00:00:19 เ
00:00:19 → 00:00:19 [เพลง]
00:00:19 → 00:00:20 [ปรบมือ]
00:00:20 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:24 [ปรบมือ]
00:00:24 → 00:00:30 [เพลง]
00:00:30 → 00:00:31 [ปรบมือ]
00:00:31 → 00:00:32 [เพลง]
00:00:32 → 00:00:35 [ปรบมือ]
00:00:35 → 00:00:42 [เพลง]
00:00:42 → 00:00:45 ศิริราช the Life วันนี้จะพาคุณไปรู้จัก
00:00:45 → 00:00:47 กับการทำงานของแพทย์สาขาหนึ่งที่มีส่วน
00:00:47 → 00:00:49 สำคัญต่อความสำเร็จในการรักษาและการ
00:00:49 → 00:00:53 วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำนั่นก็คือรังสี
00:00:53 → 00:01:00 แพทย์หรือหมอรังสีที่เราเรียกกัน
00:01:00 → 00:01:01 คุณผู้ชมครับแล้วตอนนี้ผมอยู่กับหัวหน้า
00:01:02 → 00:01:04 ภาครังสีวิทยานะครับรองศาสตราจารย์นาย
00:01:04 → 00:01:06 แพทย์พิพัฒน์เชี่ยววิทยครับสวัสดีครับคุณ
00:01:06 → 00:01:08 หมอครับสวัสดีครับคุณกิ๊บครับคุณหมอครับ
00:01:08 → 00:01:11 ถ้าพูดถึงรังสีวิทยาความหมายมันคืออะไร
00:01:11 → 00:01:15 ครับครับก็คือวิชาที่ใช้รังสีมาช่วยในการ
00:01:15 → 00:01:18 ตรวจหรือการรักษาโรคนะครับก็เป็นศาสตร์
00:01:18 → 00:01:21 วิชานึงส่วนรังสีแพทย์ก็คือแพทย์ที่ใช้
00:01:21 → 00:01:24 รังสีได้อย่างถูกต้องทั้งการตรวจและก็การ
00:01:24 → 00:01:26 วินิจชัยโลกเราเห็นภาพหลักฐานทาง
00:01:27 → 00:01:30 ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวิชารังสีวิทยาอมี
00:01:30 → 00:01:32 บุคคลที่สำคัญอยู่ในภาพแล้วก็มีเครื่อง
00:01:32 → 00:01:35 มือซึ่งย้อนไปในอดีตพอสมควรทีเดียวที่วัน
00:01:35 → 00:01:38 นี้เครื่องมือที่ว่าเนี่ยที่เห็นตั้งอยู่
00:01:38 → 00:01:40 ด้านหน้าของเรานี่นะใหญ่ๆแบบนี้เนี่ยนะ
00:01:40 → 00:01:42 ครับนี่แหละครับอันนี้คือเครื่องเซเรย์
00:01:42 → 00:01:44 เหรอครับครับเครื่องควบคุมเซเรย์หมายถึง
00:01:44 → 00:01:47 เครื่องที่จะควบคุมและปล่อยรังสี x ออกไป
00:01:47 → 00:01:50 เพื่อที่จะตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยครับโอ้โห
00:01:50 → 00:01:51 สมัยก่อนเครื่องใหญ่ขนาดนี้เลยเครื่อง
00:01:51 → 00:01:53 ใหญ่กว่านี้มันไม่ได้เล็กๆเข็นไปได้
00:01:53 → 00:01:54 เหมือนที่เราเห็นทุกวันนี้ไม่เป็นอย่าง
00:01:54 → 00:01:56 งั้นครับสมัยนี่คือเรื่องแรกเครื่องแรก
00:01:56 → 00:01:59 ของของเมืองไทยของที่ศิริราชครับศิริราช
00:01:59 → 00:02:02 เลยเหรอเรามีภาพยืนยันด้วยนี่ครับดูรูป
00:02:02 → 00:02:04 ได้เลยเครื่องนี้เนี่ยคือเครื่องที่อยู่
00:02:04 → 00:02:05 ที่เห็นอยู่เลยครับคือเครื่องนี้เลยใช่
00:02:05 → 00:02:08 มั้ยใช่ครับโอหสมัยก่อนเบเลยคุณผู้ชมดู
00:02:08 → 00:02:12 ภาพฮะว่าห้องตรวจห้องเซเรสมัยก่อนอก็แบบ
00:02:12 → 00:02:14 เป็นย้อนยุคเลยนะฮะแม้กระทั่งคุณหมอสมัย
00:02:14 → 00:02:16 ก่อนเนี่นะฮะใส่จูงกระเบนนะฮะเท้านี่ยัง
00:02:16 → 00:02:18 มีชุดจูงกระเบนอยู่แล้วังมีเสื้อกราวใส่
00:02:18 → 00:02:22 ทับใช่โอ้โหจุดสำคัญของเครื่องเนี่ยครับ
00:02:22 → 00:02:24 จะอยู่ที่แป้นตรงนี้ 2 อันเนี่ยครับก็คือ
00:02:24 → 00:02:27 มิลลิแอมแปร์และโวลเตจคือคือการให้กระแส
00:02:27 → 00:02:30 ไฟฟ้าแลก็ความต่างสักเพื่อให้เกิดภาพของ
00:02:30 → 00:02:34 รังสีที่มีความแรงหรือความอ่อนเหมาะสมกับ
00:02:34 → 00:02:37 จำนวนรูปร่างร่างกายของผู้ป่วยครับทำให้
00:02:37 → 00:02:41 ไม่เห็นมากเกินไปหรือน้อยเกินไปดำเกินไป
00:02:41 → 00:02:44 หรือขาวเกินไปก็คือต้องปรับรังแสงปรับปับ
00:02:44 → 00:02:47 ที่รังสีตรงนี้นะปแล้วคุณหมอแต่ละท่าน
00:02:47 → 00:02:49 เนี่ยนางพยาบาลก็เป็นคนปรับครับในยุคก่อน
00:02:49 → 00:02:52 นี้คงต้องเป็นทั้งแพทย์และก็พยาบาลเรา
00:02:52 → 00:02:54 ร่วมกันในการปรับคุณหมอครับแต่เท่าที่ดู
00:02:54 → 00:02:57 ห้องเซเรย์นี่นะฮะมันไม่เห็นมีห้องแบบมิด
00:02:57 → 00:02:59 ชิดในสมัยนี้สมัยก่อนนี่แบบยืนอย่ากัน
00:02:59 → 00:03:01 อย่าอย่างงี้เลยเหรอครับครับคิดว่าคงจะ
00:03:01 → 00:03:03 ประมาณนั้นแครับแล้วแล้วคุณหมอแต่ละท่าน
00:03:03 → 00:03:05 ไม่โดนรังสีเข้าไปด้วยเหรอฮะคิดว่าคงโดน
00:03:05 → 00:03:08 แต่ว่าคงจะไม่มาก่ะครับเพราะว่าการบริการ
00:03:08 → 00:03:10 ผู้ป่วยคงไม่หนาแน่นเหมือนกับในยุค
00:03:10 → 00:03:13 ปัจจุบันแต่แต่คุณผู้ชมครับผมว่าคุณหมอ
00:03:13 → 00:03:15 แต่ละท่านในภาพเนี่ยคงจะโดนรังสีไปบ้างนะ
00:03:15 → 00:03:17 ครับเพราะว่าดูจากหลอดนี่คือหลอดอะไรคุณ
00:03:17 → 00:03:20 หมอครับนี่คือหลอด xray ในยุคแรกๆจริงๆ
00:03:20 → 00:03:22 เหรอครับหลอดนี่หลอดเดียวนะฮะครับเวลาใช้
00:03:22 → 00:03:25 งานนี่ยังไงฮะคุณหมอครับก็อ่าจริงๆนี่ก็
00:03:25 → 00:03:27 เป็นเพียงชิ้นส่วนเดียวครับถ้าทั้ง
00:03:27 → 00:03:30 เครื่องนี่มันอาจจะมีอุปกรณ์ที่ชื่อเยมี
00:03:30 → 00:03:33 พวกสายไฟฟ้าแล้วก็ตัวเครื่องที่ต่อเนื่อง
00:03:33 → 00:03:36 กันแล้วก็เมื่อเราเดินเครื่องเ่ะมีกระแส
00:03:36 → 00:03:38 ไฟฟ้าเข้ามาที่ขั้วใขั้วหนึ่งมันจะมีขั้ว
00:03:38 → 00:03:42 บวกแลก็ขั้วลบอกระแสมันจะวิ่งนะฮะวิ่งแบบ
00:03:42 → 00:03:45 นี้เลยเหมือนกับเราจินตนาการมีเส้นไฟที่
00:03:45 → 00:03:47 วิ่งจากฝั่งนึงไปอีกฝั่งหนึ่งเมื่อตก
00:03:47 → 00:03:50 กระทบตัวโลหะเมันก็จะมีอิเล็กตรอนหลุดออก
00:03:50 → 00:03:52 มาเป็นรังสี x รังสี x อันนั้นถูกนำมาใช้
00:03:52 → 00:03:55 ในการแรีก็จะออกมาโดนคนไข้งั้นครับกระทบ
00:03:55 → 00:03:58 ไปที่ฟิล์ม
00:03:58 → 00:04:10 [เพลง]
00:04:10 → 00:04:13 หลอด xray ใช่มั้ยคุณหครับใหญ่ขนาดนี้เลย
00:04:13 → 00:04:16 นะฮะหลอดนึงนี่แบบโหรังสีทั่วห้องเลยครับ
00:04:16 → 00:04:20 ต้องต้องถามย้อนกลับไปในยุคที่เ่อการ
00:04:20 → 00:04:24 เซเรย์เนี่ยมีผลต่อการรักษาคนไข้ในโรง
00:04:24 → 00:04:26 พยาบาลศริราชเนี่ยเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุค
00:04:26 → 00:04:29 ไหนครับครับถ้าย้อนไปก็จากบิดาท่านท่าน
00:04:29 → 00:04:32 แรกอนะครับก็คือศาสตราจารย์เ่อนายแพทย์
00:04:32 → 00:04:36 หลวงพิณพาท์พิทยาเพศท่านถูกมอบหมายจากคณะ
00:04:36 → 00:04:39 แพทย์ศิริราชให้ไปศึกษาที่ประเทศสหรัฐ
00:04:39 → 00:04:42 อเมริกาหลังจากสำเร็จแล้วกลับมานี่ท่านก็
00:04:42 → 00:04:45 ได้สั่งซื้ออุปกรณ์เครื่องเซเรย์เครื่อง
00:04:45 → 00:04:48 แรกมาด้วยและที่เ่อมีความเก่งมากกว่า
00:04:48 → 00:04:51 รังสีแพทย์ยุคปัจจุบันอย่างพวกผมก็คือ
00:04:51 → 00:04:53 ท่านประกอบเครื่องมือด้วยตัวของท่านเอง
00:04:53 → 00:04:55 เครื่องพวกนี้นะฮะเครื่องพวกเยครับเอา
00:04:55 → 00:04:57 ชิ้นส่วนต่างๆอ๋อมันมาทีละชิ้นส่วนทีละ
00:04:57 → 00:05:00 พักครับๆๆเหมือนกับเป็นตู้ประอบเองท่าน
00:05:00 → 00:05:03 ประกอบเองครับใช้เองประกอบเองเกกเก่งมาก
00:05:03 → 00:05:06 เลยเป็นาสมควรเป็นครั้งแรกเลยเป็นครั้ง
00:05:06 → 00:05:08 แรกแล้วก็วันประวัติศาสตร์ของเราก็อยู่
00:05:08 → 00:05:13 ที่วันที่ 28 มกราคม 2471 ครับครับคือ
00:05:13 → 00:05:17 ย้อนไปประมาณ 87 ปีที่ทดลองถ่ายภาพเซเรย์
00:05:17 → 00:05:20 กับผู้ป่วยและสามารถมีภาพออกมาได้อแล้ว
00:05:20 → 00:05:23 ถ้าย้อนกลับไปครั้งแรกของโลกเลยลคุณหมอ
00:05:23 → 00:05:25 มันเกิดขึ้นตอนไหนครับต้องต้องย้อนไปถึง
00:05:25 → 00:05:30 เ่าจุดกำเนิดเลยจริงๆต้องในปี 1 ิพศช
00:05:31 → 00:05:34 1895 ครับอ่าซึ่งประมาณสัก 120 ปีที่
00:05:34 → 00:05:38 แล้วครับกำเนิดโดยศาสตราจารย์วิลเลียม
00:05:38 → 00:05:41 เรเกนอือฮึท่านเป็นนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน
00:05:41 → 00:05:43 ท่านค้นพบโดยบังเอิญเราจึงให้ชื่อว่า
00:05:43 → 00:05:46 รังสี x เพราะว่าไม่รู้ว่าคือ
00:05:46 → 00:05:49 อะไรเออก็คือเห็นเห็นแล้วแต่ไม่รู้ว่าคือ
00:05:49 → 00:05:51 อะไรเลยตั้งชื่อว่ารังสี x รังทุกวันนี้
00:05:51 → 00:05:53 รังสี x ยังใช้ชื่อนี้อยู่ยังใช้ชื่อนี้
00:05:53 → 00:05:56 อยู่ครับครับจำได้มั้ยฮว่าตอนนั้นเคค้นพบ
00:05:56 → 00:05:58 ยังไงเประดิษฐ์ในหลอดทดลองในห้องทดลองทาง
00:05:58 → 00:06:00 แลบครับแล้วก็ก็อยากจะศึกษาเกี่ยวกับ
00:06:00 → 00:06:04 รังสีชนิดต่างๆแล้วเขก็พบว่ามันมีรังสี
00:06:04 → 00:06:07 ชนิดหนึ่งเมื่อตกกระทบกับแผ่นสีดำแผ่น
00:06:07 → 00:06:10 ฟิล์มปรากฏเป็นภาพเงาขึ้นมาอือเขาก็เลยทำ
00:06:10 → 00:06:14 การศึกษาต่อจนกระทั่งนำมาใช้ได้โดยถ่าย
00:06:14 → 00:06:16 รูปบันทึกภาพประวัติศาสตร์ภาพแรกคือภาพ
00:06:16 → 00:06:20 รูปมือมือของภรรยาครับก็ภรรยาตัวเองเลย
00:06:20 → 00:06:23 ภรรยาของท่านคงศึกษาร่วมกันครับก็ได้เป็น
00:06:23 → 00:06:26 ภาพประวัติศาสตร์รูปนั้นแต่ความชัดเจนยัง
00:06:26 → 00:06:30 สู้ยุคปัจจุบันไม่ได้ครับ
00:06:30 → 00:06:33 ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าการ x-ray จะมี
00:06:33 → 00:06:36 ต้นกำเนิดที่น่าสนใจได้ขนาดนี้แล้วแบบนี้
00:06:36 → 00:06:39 เครื่องมือทางรังสีวิทยาในปัจจุบันจะก้าว
00:06:39 → 00:06:45 หน้าและทำให้เราค้นพบอะไรใหม่ๆในวงการ
00:06:45 → 00:06:50 แพทย์คุณหมอครับไอ้เป้าอันนี้กากบาทเนี่
00:06:50 → 00:06:52 นะฮะรวมถึงไอ้เครื่องใหญ่ๆเนี่ยมันคือ
00:06:52 → 00:06:54 เครื่องอะไรครับครับอันนี้ก็เป็นเครื่อง
00:06:54 → 00:06:56 เซเรย์ทั่วๆไปอ่ะครับเหมือนกับเมื่อกี้
00:06:57 → 00:06:59 ที่เราได้ไปที่ตรงพิพิธภัณฑ์มาแล้วครับ
00:06:59 → 00:07:02 อันนั้นเป็นสัยแต่นี้ปัจจุันเป็นเครื่อง
00:07:02 → 00:07:05 แบบนี้ตัวเป้าที่เห็นก็คือบริเวณที่เรา
00:07:05 → 00:07:09 ต้องการตรวจอ๋อเล็งได้เลยครับจะเอาแค่ไหน
00:07:09 → 00:07:12 ฟิวใหญ่แค่ไหนหรือให้แคบแค่ไหนก็ได้ก็จะ
00:07:12 → 00:07:15 ฉายแสงไปเฉพาะบริเวณกนั้นเฉพาะจุดนั้น
00:07:15 → 00:07:17 เท่านั้นอ๋อถ้าเป็นสมัยก่อนเมื่อกี้เห็น
00:07:17 → 00:07:20 หลอดไฟแล้วใหญ่เลยนะไฟออกเต็มห้องไปหมด
00:07:20 → 00:07:22 เลยสมัยนี้เนี่ยดูเหมือนมันเล็กลงครับ
00:07:22 → 00:07:25 เล็กลงครับหลอดไฟก็อยู่อยู่ภายในนี้ละ
00:07:25 → 00:07:27 ครับก็จะประมาณนี้เท่านั้นล่ะพูดง่ายๆ
00:07:27 → 00:07:29 หลอดจะเล็กลงเล็กลงเครื่องประเภทนี้เนี่ย
00:07:29 → 00:07:33 เใช้วินิจฉัยโรคประเภทไหนครับคุณหมอครับ
00:07:33 → 00:07:35 ครับปัจจุบันเนี่ยมีการส่งตรวจโดยทั่วไป
00:07:35 → 00:07:37 เป็นการดูโครงสร้างกระดูกอย่างเช่นถ้ามี
00:07:37 → 00:07:40 อุบัติเหตุทางศีรษะเราก็ตรวจที่เซเรย์ที่
00:07:40 → 00:07:44 กรกศีรษะหรือถ้ามีพญาที่สภาพของพรงไซนัส
00:07:44 → 00:07:47 เราก็สามารถตรวจไซนัสของผู้ป่วยได้ครับ
00:07:47 → 00:07:51 หรือแม้แต่ที่ปอดที่เราตรวจสุขภาพประจำปี
00:07:51 → 00:07:54 หรือดูพญาที่สภาพหัวใจปอดต่างๆนี่ดูได้
00:07:54 → 00:07:57 เหมือนกันช่องท้องและก็โครงสร้างกระดูก
00:07:57 → 00:08:00 เชิงการและก็แขนขได้หมดเลยได้ทุกส่วนของ
00:08:00 → 00:08:02 ่างได้ทุกส่วนเลยครับอ่ะแสดงว่าเครื่อง
00:08:02 → 00:08:05 เซเรย์เครื่องนี้สามารถตรวจได้ทุกโรคเลย
00:08:05 → 00:08:08 อ่าอาจจะไม่ทุกโรคครับถ้าโรคที่มันลึก
00:08:08 → 00:08:11 ซึ้งและซับซ้อนก็ใช้เครื่องอื่นเราใช้
00:08:11 → 00:08:13 เครื่องชนิดอื่นมันมีเครื่องที่แสดงผลโดย
00:08:13 → 00:08:15 ละเอียดมากกว่าเครื่องนี้มากกว่านี้มีอีก
00:08:15 → 00:08:18 ครับนะครับนี่คุณหมอพาชมทีละเครื่องถ้า
00:08:18 → 00:08:20 งั้นจบจากเครื่องนี้เดี๋ยวต้องขออนุญาต
00:08:20 → 00:08:22 ให้คุณหมอพาไปชมเครื่องเซเรย์เครื่องอีก
00:08:22 → 00:08:24 ด้วยความเดีเชิญ
00:08:24 → 00:08:28 ครับช่วงหน้า x-ray ที่ไม่ต้องใช้คนจะมี
00:08:28 → 00:08:31 รูปร่างอย่างไรแล้วสงสัยไหล่ะครับว่าชุด
00:08:31 → 00:08:34 ที่คุณกิ๊บใส่อยู่นี้มีไว้ทำไมในห้อง
00:08:34 → 00:08:38 x-ray ต้องติดตามต่อช่วงหน้า
00:08:38 → 00:08:42 [เพลง]
00:08:42 → 00:08:46 ครับช่วงที่แล้วเราได้รู้จักกับจุดเริ่ม
00:08:46 → 00:08:48 ต้นของเครื่อง x-ray ที่มีส่วนสำคัญกับ
00:08:48 → 00:08:51 การแพทย์รวมทั้งจุดเริ่มต้นของรังสีวิทยา
00:08:51 → 00:08:55 ในศิริราชว่าแล้วเราไปชมกันต่อเลยดีกว่า
00:08:55 → 00:09:00 ครับโสวยมากเลยครับห้องนี้เดี๋ยๆๆ
00:09:00 → 00:09:03 คุณหมอครับทำไมห้องนี้มันอลังการขนาดนี้
00:09:03 → 00:09:05 ฮะครับมันระโยงระยางเต็มไปหมดเลยครับครับ
00:09:05 → 00:09:08 ก็เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ครับเป็นการถ่าย
00:09:08 → 00:09:10 xray อีกเหมือนกันจริงๆก็คล้ายๆกับห้อง
00:09:10 → 00:09:13 เมื่อสักครู่ครับเป็นเครื่องตรวจ xray
00:09:13 → 00:09:16 ทั่วไปแต่ว่าหลักการทำงานปัจจุบันเราใช้
00:09:16 → 00:09:18 เป็นดิจิตัลหรือคอมพิวเตอร์ควบคุมทั้งหมด
00:09:18 → 00:09:20 แล้วพูดง่ายๆว่าเครื่องห้องนี้ทันสมัย
00:09:20 → 00:09:22 กว่าห้องนู้นทันสมัยกว่าครับโดยหลักการ
00:09:23 → 00:09:26 การตรวจเนี่คล้ายๆเดิมแต่คุณภาพของภาพ
00:09:26 → 00:09:28 หรือว่าเรียกว่า resolution ความละเอียด
00:09:28 → 00:09:30 ของภาพ
00:09:31 → 00:09:35 โดทำให้เหยละเหรือตัวโได้ดีขึ้นครับแสดง
00:09:35 → 00:09:38 ว่าถ้าเห็นภาพชัดขึ้นแพทย์ก็จะวินิจฉัย
00:09:38 → 00:09:40 ถึงโรคภัยได้ละเอียดมากยิ่งขึ้นเพราะว่า
00:09:40 → 00:09:43 ภาพมันชัดโอหคุณผู้ชมครับดูอย่างหุ่นยนต์
00:09:43 → 00:09:45 นะฮะนี่แหละครับนี้เป้าล่อเหมือนกันนะฮะแ
00:09:45 → 00:09:48 นั้นครับเหมือนกันเลยครับทำไว้แบบสากลเลย
00:09:48 → 00:09:49 ครับ
00:09:49 → 00:09:52 มาตรฐานใช้ในคนไข้ที่ยืนถ่ายอออันนี้ยืน
00:09:52 → 00:09:55 ได้ครับยืนได้ครับยืนก็อไปยืนบริเวณนู้น
00:09:55 → 00:10:00 ครับเช่นเราตรวจเเยปอดทั่วๆไปประจำปีครับ
00:10:00 → 00:10:02 อันนี้เจ้าหน้าที่ก็สามารถที่จะอยู่ภาย
00:10:02 → 00:10:05 นอกได้ครับคนไข้ก็ปฏิบัติตามได้ก็ควบคุม
00:10:05 → 00:10:08 ผ่านเค้าเรียกว่าคอนโทรลเลอร์ใช่ครับนะฮะ
00:10:08 → 00:10:20 ผ่านอยู่ในป้อมนะ
00:10:20 → 00:10:23 ครับโอคุณหมอครับเดี๋ยวผมขออนุญาตเข้าไป
00:10:24 → 00:10:27 ยืนตำแหน่งนี้สมมุติผมเป็นคนไข้นะจะมาเเร
00:10:27 → 00:10:30 ปอร์ดยืนยังไงครับเลยหลังครับใช่ครับคุณ
00:10:30 → 00:10:34 กิ๊บอาจจะต้องเท้าไสเอวนะครับให้หัวไหล่
00:10:34 → 00:10:37 เปิดออกมาแล้วก็ครับอจริงๆอ่าคางของเรา
00:10:38 → 00:10:40 นี่จะอยู่เหนือต่อตัวแป้นนี้ครับเดี๋ยว
00:10:40 → 00:10:42 เจ้าหน้าที่จะปรับตรงนี้ให้ขึ้นไปให้
00:10:42 → 00:10:44 เหมาะสมกับรูปร่างครับคือบอกเจ้าหน้าที่
00:10:44 → 00:10:47 ก่อนนะฮว่าอย่ายิงจริงนะฮะครับไม่มีครับ
00:10:47 → 00:10:52 ไม่งั้นผมก็โดนด้วยลครับโอ้โหเอาล่ะพอละ
00:10:52 → 00:10:56 โอเคครับานี้เราก็เอาวางคางไว้ที่ตรงตรง
00:10:56 → 00:11:00 นี้ครับแต่ว่าใช้แขนเท้าไซเวแล้วก็โน้ม
00:11:00 → 00:11:03 แล้วก็ตัวหน้าอกชิดกับอ่านี้ละครับนี่
00:11:03 → 00:11:05 เพียงแค่นี้ก็เสร็จแล้วครับแล้วก็ฟังคำ
00:11:05 → 00:11:10 สั่งครับเเลปอดหายใจเข้าสุดกั้นใจนิ่งชุด
00:11:10 → 00:11:13 ตึงอ่าก็เสร็จแล้วครับเสร็จแล้วครับรอย
00:11:13 → 00:11:15 เดี๋ยวก่อนผมถามคุณหมอเมื่อสักครู่นี้ที่
00:11:15 → 00:11:18 เซเรย์ปอร์ดคุณหมอบอกว่าให้หายใจเข้าไป
00:11:18 → 00:11:21 ลึกๆแล้วหยุดนิ่งแป๊บนึงมันเพื่ออะไรครับ
00:11:21 → 00:11:24 ครับครับเวลาที่เราหายใจเข้าสุดนปอดเราจะ
00:11:24 → 00:11:26 ขยายตัวดีที่สุดลมเข้าไปอยู่ข้างในใช่
00:11:26 → 00:11:29 ครับเราจะสามารถเห็นพญาที่สภาพได้ละเอียด
00:11:29 → 00:11:33 มากครับไม่มีเงาซ้อนกันถูกต้องครับนะฮะก็
00:11:33 → 00:11:37 เพื่อความแม่นยำในการใช้เซเรย์นะฮะแล้ว
00:11:37 → 00:11:39 ใส่สร้อยใส่อะไรมาได้มั้ยครับอ๋ออันนี้
00:11:39 → 00:11:42 เป็นสิ่งสำคัญครับไม่ควรที่จะใส่โลหะหรือ
00:11:42 → 00:11:45 อะไรที่ทึบรังสีเพราะมันจะไปบดบังรอยโรค
00:11:45 → 00:11:48 หรืออวัยวะภายในของเราได้แม้กระทั่ง
00:11:48 → 00:11:51 กระดุมกระดุมเสื้อี่นะไม่ได้ใช่ครับอ๋อ
00:11:51 → 00:11:53 แต่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ใช่ครับแต่
00:11:53 → 00:11:55 อาหารการกินเนี่ยทานมาได้ปกติไม่ต้องอด
00:11:55 → 00:11:58 อาหารฮะมีอีกข้อหนึ่งคือในผู้หญิงคุณ
00:11:58 → 00:12:02 สุภาพสตรีที่ไว้ผมยาวต้องรวบผมด้วยเอาไม่
00:12:02 → 00:12:04 ได้เหรอถ้าเกิดปล่อยเป็นมวยหรือถักเป็น
00:12:04 → 00:12:07 เปียเป็นเงาซ้อนเหมือนกับพญาที่สภาพบาง
00:12:07 → 00:12:10 ชนิดอีกครับอเข้าไปอยู่ด้านในครับๆบเก็บข
00:12:10 → 00:12:17 ให้ดีนะฮะนี่ก็คือเรื่องของการเตรียมตัว
00:12:17 → 00:12:21 ครับคุณหมอครับในห้องเซเรย์ทำไมมันต้องมี
00:12:21 → 00:12:23 ไอ้นี่ด้วยล่ะครับนี่คืออะไรครับครับอัน
00:12:23 → 00:12:27 นี้คือฉากป้องกันรังสีครับะเป็นเวลารังสี
00:12:27 → 00:12:31 มาปั๊บหลบหลบฮะคุณหมอครับแล้วก็อ่าสามารถ
00:12:31 → 00:12:33 ใช้ในการดูผู้ป่วยได้ด้วยเพราะว่ากระจก
00:12:33 → 00:12:36 ที่เราเห็นไม่ใช่กระจกธรรมดาแต่เป็นกระจก
00:12:36 → 00:12:40 ที่มีตะกั่วด้วยสามารถที่จะมองเห็นภาพ
00:12:40 → 00:12:42 แล้วก็กันรังสีได้ออไอไอ้แผงนี้กระจกนี้
00:12:42 → 00:12:44 มีตะกั่วอยู่มีตะกั่วอยู่ภายในแต่ว่าเป็น
00:12:44 → 00:12:47 ปริมาณที่ยังสามารถที่จะมองทะลุผ่านได้
00:12:47 → 00:12:50 อ๋อถ้ากล่วมันจะคอยกันรังสีเเลด้วยใชใช่
00:12:50 → 00:12:54 ครับผมใช้คำว่าป้อมปราการนะคุณครับป้อมเ
00:12:54 → 00:12:56 คือเจ้าหน้าที่จะควบคุมเครื่องอยู่ด้านใน
00:12:56 → 00:12:59 ครับใช่ครับกำแพงต่างๆพวกนี้ก็จะมีตะกุด
00:12:59 → 00:13:01 อยู่มีทั้งตะกั่วแล้วก็บางส่วนถ้าเรา
00:13:01 → 00:13:04 สามารถใช้วัสดุที่ทดแทนเทียบเท่าตะกั่ว
00:13:04 → 00:13:08 ได้ยกตัวอย่างว่าอิฐที่มีความหนาเพียงคอ
00:13:08 → 00:13:11 เกิน 20 ซมนี่สามารถทดแทนตะกั่ได้ก็นี่
00:13:11 → 00:13:14 กำแพงผมกำแพงหนามาหนามาเจ้าหน้าที่จะอยู่
00:13:14 → 00:13:17 ด้านในคอยควบคุมเครื่องแล้วถ้าเกิดสมมุติ
00:13:17 → 00:13:20 ว่าเจ้าหน้าที่จะออกมาทำงานในบริเวณนี้
00:13:20 → 00:13:22 นอกจากแผงนี้แล้วเนี่ยมันยังมีส่วนอื่น
00:13:22 → 00:13:24 นี่ผมเห็นเป็นเสื้อใช่ครับอันนี้แหละครับ
00:13:24 → 00:13:27 นี่ครับเสื้อตะกั่วเราเรียกภาษาอังกฤษว่า
00:13:27 → 00:13:30 appon ครับอ๋อเป็นเสื้อที่ที่ภายในเอ่อ
00:13:30 → 00:13:33 วัสดุเนี่ยภายในคือตะกั่วอย่างบานอยนี่
00:13:33 → 00:13:36 หนักมากนะฮะครับมีความหนาตั้งแต่ 2.5 มม
00:13:36 → 00:13:39 ถึง 5.0 ใส่ก็จะเป็นรูปร่างลักษณะแบบนี้
00:13:39 → 00:13:41 ครับแล้วอาจจะต้องมีการติดสักนิดนึงครับ
00:13:41 → 00:13:44 เพื่อฟิกให้ดีครับหลอ่าครับอย่างนี้ก็จะ
00:13:44 → 00:13:46 ทำงปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัวทีเดียวนะ
00:13:46 → 00:13:50 อ๋ก็จะกันรังสีได้นะครับแล้วมีความเชื่อ
00:13:50 → 00:13:53 ของคนไข้บางคนที่เขาบอกว่าเวลามาเเลแบบ
00:13:53 → 00:13:55 นี้เนี่ยมันจะทำให้ร่างกายของเราเนี่ย
00:13:55 → 00:14:00 อ่อนแอเซลล์ดีๆในร่างกายของเรามันจะตายไป
00:14:00 → 00:14:02 ครับอันนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้องครับ
00:14:02 → 00:14:04 อ่าไม่ถูกต้องครับเพราะว่าปริมาณรังสีที่
00:14:04 → 00:14:07 ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโดยเฉพาะ xray ทั่ว
00:14:07 → 00:14:10 ไปอย่างเงี้น้อยมากครับจริงๆเราก็ใช้ตาม
00:14:10 → 00:14:13 เหตุผลข้อบ่งชี้ทางการแพทย์อยู่แล้วแลถ้า
00:14:13 → 00:14:15 เกิดยิ่งเราไปเปรียบเทียบกับชีวิตประจำ
00:14:15 → 00:14:18 วันของเราอย่างเราเดินไปตามท้องถนนที่ไม่
00:14:18 → 00:14:21 มีสิ่งกำบังเยืนอยู่กลางแดดก็จะมีรังสี
00:14:21 → 00:14:25 จากอวกาศหรือ cosmic เลอ้าจากนอกโลกเนี่ย
00:14:25 → 00:14:29 อย่างปกติมาอยู่แล้วเราขึ้นภูเขาสูงๆไป
00:14:29 → 00:14:32 ยอดูก็ได้รับรังสีอยู่แล้วครับอ้าเหรอฮะ
00:14:32 → 00:14:34 ครับหรือแม้แต่เดินทางไปต่างประเทศไกลๆ
00:14:34 → 00:14:37 เอ้อเป็น 10 กว่าชั่วโมงอย่างงี้รังสีที่
00:14:37 → 00:14:39 ได้รับสูงมากทีเดียวครับเพราะว่าไม่มี
00:14:39 → 00:14:42 สิ่งกำบังคือท้องฟ้าแต่ละชั้นนี่จะมีสิ่ง
00:14:42 → 00:14:45 กำบังค่อยๆลดทอนปริมาณรังสีความเข้มข้นลง
00:14:45 → 00:14:47 เรื่อยๆแต่พอเราบินเราอยู่ด้านบนเราอยู่
00:14:47 → 00:14:50 สูงใช่ครับสูง 10,000 ฟุต 30,000 ฟุตอะไร
00:14:51 → 00:14:53 ต่างๆเหล่านี้ยิ่งได้รับเยอะได้รับรังสี
00:14:53 → 00:14:55 มากเยอะขนาดไหนลองเปรียบเทียบกับการ
00:14:55 → 00:15:00 เซเรย์รักษาโรคขนาตัวนึงเราเดินทางไป 10
00:15:00 → 00:15:02 กว่าชั่วโมงไปยุโรปหรืออะไรเนี่ยฮะ 10
00:15:03 → 00:15:06 ชั่วโมงก็สัก 5 รูปเซเรย์ทั่วไปก็แล้วกัน
00:15:06 → 00:15:07 ประมาณนะ
00:15:07 → 00:15:10 ครับเราเองก็ได้รับรังสีที่แผ่มาจากชั้น
00:15:10 → 00:15:13 บรรยากาศในขณะที่เรานั่งเครื่องบินได้
00:15:13 → 00:15:16 เช่นกันอย่างการนั่งเครื่องบิน 10 ชมงก็
00:15:16 → 00:15:19 เทียบเท่ากับการไปถ่าย xray 5 ใบเลยนะ
00:15:19 → 00:15:22 ครับจากที่เ่อเจ้าหน้าที่เซเรย์ออกมาแล้ว
00:15:22 → 00:15:25 เนี่ยภาพที่เราเห็นผ่านจอออกมาเนี่ยมันจะ
00:15:25 → 00:15:27 เป็นภาพลักษณะไหนครับเดี๋ยวเชิญทางด้าน
00:15:27 → 00:15:30 นี้เลยครับภาพตัวอย่างที่เราให้เห็นความ
00:15:30 → 00:15:33 ชัดเจนของภาพที่ตรวจด้วยเครื่องเซเรย์
00:15:33 → 00:15:36 ทั่วไปโดยใช้ดิจิตอลมาควบคุมดูบริเวณที่
00:15:36 → 00:15:39 เป็นสีดำๆเนี่ยครับอยู่ระหว่างซี่โครงแต่
00:15:39 → 00:15:42 ละคู่เนี่ยครับดูจากบนลง้าใช่ครับด้าน
00:15:42 → 00:15:44 หลังอันนั้นคือปอดนั่นคือปอดครับแล้วผม
00:15:44 → 00:15:47 เห็นไอ้ที่มันลงๆเป็นเส้นๆเยอะๆนี่คือ
00:15:47 → 00:15:49 อะไรครับครับอันนี้คือหลอดเลือดของที่ออก
00:15:49 → 00:15:52 จากหัวใจแล้วก็กระจายไปอยู่ตามเส้นเลือด
00:15:52 → 00:15:56 ของปอดเองครับมีทั้งซ้ายและก็ขวาด้วยครับ
00:15:56 → 00:15:59 เดี๋ยวเราจะขอไปดูที่ตัวการถ่ายกระดูก
00:15:59 → 00:16:01 ครับแต่ละส่วนเี่มันใช้คลื่นรังสีแตกต่าง
00:16:01 → 00:16:03 กันมั้ยครับคุณหมอไม่ครับเป็นรังสี x
00:16:03 → 00:16:05 เดียวกันเลยครับเดียวกันเลยครับแต่การ
00:16:05 → 00:16:08 ตั้ง exposure หรือตั้งความแรงของรังสีใน
00:16:08 → 00:16:11 ส่วนต่างๆอาจจะมีข้อแตกต่างกันซึ่งอันนี้
00:16:11 → 00:16:14 จริงๆก็มีผู้เชี่ยวชาญยืนอยู่ข้างๆนั่ง
00:16:14 → 00:16:16 อยู่ข้างๆผมนี่แหละครับก็เป็นนักรังสีการ
00:16:16 → 00:16:20 แพทย์อืซึ่งก็มีบทบาทในการทำภาพให้สวยและ
00:16:20 → 00:16:22 ให้รังสีแพทย์อ่านครับให้เห็นชัดขึ้นให้
00:16:22 → 00:16:25 เห็นชัดครับอันนี้ก็คือดูกระดูกครับผู้
00:16:25 → 00:16:27 ป่วยรายนี้จะเห็นได้ว่ามีกระดูกแตกครับ
00:16:27 → 00:16:30 รอยเส้นสีขาวของกระดูกทางด้านหลังไม่ต่อ
00:16:30 → 00:16:33 เนื่องกันแสดงว่ามีการแตกที่บริเวณนี้แต่
00:16:33 → 00:16:36 จริงๆรอยร้าวเนี่ยถึงด้านหน้าคุณหมอทาง
00:16:36 → 00:16:39 ออโท pedic จึงต้องใส่ลักษณะเป็นอุปกรณ์
00:16:39 → 00:16:43 โลหะโลหะนี่เราเห็นเป็นสีขาวในภาพานี้มี
00:16:43 → 00:16:46 ตัวน็อตหรือว่าสกรูอยู่ด้วยอ๋อนี่น็อต
00:16:46 → 00:16:48 เหรอฮะใช่ครับไอ้ที่ยาวๆยืลงมานี่น็อต
00:16:48 → 00:16:51 ครับไปสกรูยึดกับกระดูกอย่างงั้นเลยครับ
00:16:51 → 00:16:53 ให้เพิ่มความหนาแน่นและความมั่นคงของ
00:16:53 → 00:16:55 กระดูกแล้วก็จะอยู่แบบนี้ตลอดไปเลยอ่า
00:16:56 → 00:16:58 เมื่อผู้ป่วยหายบางรายเราก็จะเอาออกจาก
00:16:58 → 00:17:01 ร่างกายครับให้กระดูกมันสสานกนะก่อนใช่
00:17:01 → 00:17:03 ครับโอ้โหเดี๋ยวนี้ทำไปแบบนี้เลยแล้วถ้า
00:17:03 → 00:17:05 เกิดเราไม่ได้ผลเซเรย์แบบนี้เราก็จะไม่
00:17:05 → 00:17:08 รู้ว่ากระดูกส่วนนี้หักอ่าใช่ครับอ๋อนี่ๆ
00:17:08 → 00:17:10 รอยคุณผู้ชมดูนะฮะมันจะมีรอยจากด้านหลัง
00:17:10 → 00:17:13 เนี่ยร้าวมาด้านหน้าถูกนี่เส้นนี้นะฮะไม่
00:17:13 → 00:17:15 รู้ประสบอุบัติเหตุหรืออะไรยังไงนะฮะก็
00:17:15 → 00:17:18 คือกระดูกหักแต่สีเทาขาวดำนี้ก็เป็น
00:17:18 → 00:17:21 ลักษณะคุณสมบัติที่เราแยกโลกเกือบจะทุก
00:17:21 → 00:17:23 ชนิดได้อย่างเรียบร้อยแล้วครับเพราะว่า
00:17:23 → 00:17:26 กระดูกคุณสมบัติมีความหนาแน่นสูงก็เห็นสี
00:17:26 → 00:17:29 ขาวโลหะซึ่งความหนาแน่นสูงสูกว่ากระดูกก็
00:17:30 → 00:17:32 ขาวยิ่งกว่าอ๋อเหรอฮะครับเนื้อเยื่อของ
00:17:32 → 00:17:36 กล้ามเนื้อผู้ป่วยไขมันต่างๆรังสีแพทย์
00:17:36 → 00:17:38 ที่ได้รับการฝึกมาดูแล้วจะเห็นความต่าง
00:17:38 → 00:17:41 ได้ทั้งสิ้นแล้วอ๋อแสดงว่าที่คุณหมอบอก
00:17:41 → 00:17:43 ว่าความเข้มของอ่ะสมมุติโลหะแน่นกว่า
00:17:43 → 00:17:47 กระดูกจะเป็นขาวมากกหนุจะเทาๆครับนี่
00:17:47 → 00:17:49 กล้ามเนื้อถูกต้องเลยครับไขมันถูโอ้คุณ
00:17:49 → 00:17:51 กิ๊บเก่งมากครับไขมันมันจะแบ่งชั้นนี่มัน
00:17:51 → 00:17:54 จะแบ่งชั้นหมดเลยนะอย่างนั้นซึ่งคุณหมอดู
00:17:54 → 00:17:56 แล้วจะรู้เลยว่าอันนี้คืออะไรชั้นไหนชั้น
00:17:56 → 00:17:58 ไหนเพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นภาพสี
00:17:58 → 00:18:00 ไม่จำเป็นครับขาวดำก็ดูดูเรื่องแล้วดูได้
00:18:00 → 00:18:04 ครับนะครับแล้วอีกอย่างนึงที่ผมสงสัยอือ
00:18:04 → 00:18:06 แต่ละคนไข้แต่ละเคสที่เข้ามาทำการเซเย
00:18:06 → 00:18:09 เนี่ยพอยิงรังสีปึงไปปั๊บรังสีที่ยิงมา
00:18:09 → 00:18:11 แล้วนอกจากได้ภาพแล้วเนี่ยรังสีมันวิ่งไป
00:18:11 → 00:18:14 ไหนอีกล่ะครับครับรังสีภายหลังจากที่ถ่าย
00:18:15 → 00:18:17 โดนภาพผู้ป่วยเรียบร้อยแล้วมันก็จะวิ่งไป
00:18:17 → 00:18:22 ตามส่วนต่างๆบางทีมีเเรียกว่าสตต L หมาย
00:18:22 → 00:18:25 ถึงกระจัดกระจายชนตามผนังต่างๆแต่ก็ค่อยๆ
00:18:25 → 00:18:29 ลดทอนกำลังลงในเวลาเมื่อเวลาพันครับเพราะ
00:18:29 → 00:18:32 ฉนั้นท้ายที่สุดก็จะสลายไปตามธรรมชาตครับ
00:18:32 → 00:18:34 มันจะสลายไปเองสลายไปเองครับนะครับแต่
00:18:34 → 00:18:37 ก่อนตอนแรกพอยิงออกมาปั๊บมันก็วิ่งไป
00:18:37 → 00:18:40 เรื่อยกำแพงก็กระเด้งมาทางนี้เหมือน
00:18:40 → 00:18:43 ปิงปองเป็นโมเลกุลกระจายไปตามที่ต่างๆน่ะ
00:18:43 → 00:18:46 แล้วค่อยๆอ่อนกำลังจนหมดไปก็จะหายไปหายไป
00:18:46 → 00:18:48 อย่างงั้นครับแล้วผมเคยได้ยินมาว่าการ
00:18:48 → 00:18:51 เซเรย์เนี่ยมันต้องกลืนแป้งด้วยไม่ใช่
00:18:51 → 00:18:53 เหรอครับทำไมที่คุณหมอเล่ามาไม่เห็นมี
00:18:53 → 00:18:57 กลืนแป้งนะครับการกลืนแป้งเชื่อว่าคุณผู้
00:18:57 → 00:18:59 ชมหลายๆคนก็คงเคยได้ยิน
00:18:59 → 00:19:02 แต่แป้งที่ว่าจะมีหน้าตาอย่างไรแล้วใช้
00:19:02 → 00:19:05 ตรวจอะไรช่วงหน้ามีคำตอบ
00:19:05 → 00:19:14 [เพลง]
00:19:14 → 00:19:18 ครับอาจารย์ครับอเอ่อเรานัดกันว่าจะพาพา
00:19:18 → 00:19:20 มาดูเครื่องเซเรย์ที่ต้องกลืนแป้งแต่นี่
00:19:20 → 00:19:23 มันเป็นเเรียกเป็นสีเฮะสีแดงสีขาวมันเป็น
00:19:23 → 00:19:25 น้ำคืออะไรครับอาจารย์ครับอันนี้จริงๆก็
00:19:25 → 00:19:28 คือแป้ง่ะครับแป้งสำหรับผู้ป่วยที่ได้ใช้
00:19:28 → 00:19:31 กื่นครับสีขาวๆที่เห็นอยู่เนี่ยครับสมัย
00:19:31 → 00:19:33 นี้เป็นน้ำแล้วครับก็ดื่มได้เลยดื่มได้
00:19:33 → 00:19:35 เลยครับผสมมาเสร็จไอ้แป้งที่ว่าที่เรา
00:19:35 → 00:19:38 เห็นเนี่ยเดี๋ยวนี้เป็นของเหลวละใช่มันมี
00:19:38 → 00:19:40 ชื่อว่าอะไรครับไอ้แป้งนี้ครับชื่อ
00:19:40 → 00:19:43 แบเรียมซัลเฟตครับแบเรียมซัลเฟตใช่ครับ
00:19:43 → 00:19:45 มันมีผลยังไงเมื่อทานเข้าไปแล้วครับกับ
00:19:45 → 00:19:47 เครื่องเซเรย์ครับแบเรียมนี่ก็จัดดว่า
00:19:47 → 00:19:51 เป็นโลหะชนิดหนึ่งในตามตารางาตุนะครับทาง
00:19:51 → 00:19:54 เคมีซึ่งเมื่อทานเข้าไปก็จะทึบรังสีครับ
00:19:54 → 00:19:56 สามารถที่จะเกิดความแตกต่างระหว่างเนื้อ
00:19:57 → 00:19:59 เยื่อได้เนื้อเยื่อของเราเนี่ยอ่าทำให้
00:19:59 → 00:20:02 รู้ว่าอันนี้เ่าแป้งเข้าไปเคลือบอวัยวะ
00:20:02 → 00:20:05 ภายในเช่นหลอดอาหารกระเพาะลำไส้ครับแสดง
00:20:05 → 00:20:08 ว่าดื่มนี่แล้วปั๊บเนี่ยมันก็จะเข้าไปทำ
00:20:08 → 00:20:10 ให้เราดูในภาพฟิล์มเเรแล้วเนี่ยมันออกมา
00:20:10 → 00:20:12 เป็นรูปร่างอวัยวะภายในของเราอย่างนั้น
00:20:12 → 00:20:15 เลยใช่ครับก็จะเห็นผลวินิจฉัยวินิจฉัยได้
00:20:15 → 00:20:18 ครับมีพยาที่สภาพก็เห็นครับแล้วน้ำแดงนี่
00:20:18 → 00:20:20 มาเกี่ยวอะไรครับน้ำแดงนี่คือส่วนประกอบ
00:20:20 → 00:20:24 ครับเราเรียนรู้มาว่าคนไข้ดื่มแป้งเฉยๆ
00:20:24 → 00:20:27 ได้ลำบากครับหากผสมเข้าไปแล้วรสชาติกลิ่น
00:20:27 → 00:20:29 ต่างๆชวนดื่มมากขึ้นครับอ๋อขนาดนั้นเลย
00:20:29 → 00:20:31 เหรอฮะครับลองผสมเทเข้าไปครับเหมือนนม
00:20:31 → 00:20:33 เย็นเลยครับเทเอาจริงๆนะฮะครับเอาเลยครับ
00:20:33 → 00:20:36 เทเลยนะฮะหมดเลยปเทเทหมดเลยก็ได้
00:20:36 → 00:20:40 ครับครับแล้วเมื่อเราเขย่าหรือว่ากวนแล้ว
00:20:40 → 00:20:44 สภาพมันก็จะเป็นสีชมพูเลื่อๆครับเหมือนนม
00:20:44 → 00:20:46 เย็นเหมือนนมเย็นแล้วก็รสชาติดีขึ้นมากที
00:20:46 → 00:20:48 เดียวหลังจากนั้นก็คนแล้วฮะครับเพื่อรส
00:20:48 → 00:20:53 ชาติที่ดีขึ้นใช่ๆครับผมเพิ่งรู้แล้วไงฮะ
00:20:53 → 00:20:56 คุณหมอครับเริ่มเห็นเป็นสีชมพูแล้วครับอ
00:20:56 → 00:20:59 กลิ่นเหมือนน้ำแดงเลยครับๆก่อนที่จะมา
00:20:59 → 00:21:01 เซเรย์แบบเนี้ยต้องอดอาหารมาก่อนมั้ยครับ
00:21:01 → 00:21:04 ควรอดอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมอนี้จะแตก
00:21:04 → 00:21:06 ต่างจากการเซเรย์เครื่องที่ผ่านมาใช่ครับ
00:21:06 → 00:21:08 เครื่องนี้ต้องอดอาหาร 4-6 ชั่วโมงใช่
00:21:08 → 00:21:11 ครับเพื่อให้อวัยวะภายในกระเพาะรำไส้ไม่
00:21:11 → 00:21:14 มีมีอาารอาหารอยู่อเวลาที่เราคืนไปเราจะ
00:21:14 → 00:21:17 บอกให้คนไข้กลืนไปด้วยและเราทำการบันทึก
00:21:17 → 00:21:20 ภาพหรือถ่าย xray ไปด้วยครับพร้อมที่กับ
00:21:20 → 00:21:22 คนไข้กลืนแป้งกับกลืนแป้งเลยในเวลาเดียว
00:21:22 → 00:21:25 กันเลยในเวลาเดียวกันเพื่อให้เห็นตั้งแต่
00:21:25 → 00:21:28 จุดเริ่มต้นว่านับตั้งแต่กินเข้าไปกลืนลง
00:21:28 → 00:21:31 มาผ่านหลอดอาหารแลหลอดอาหารมีการเคลื่อน
00:21:31 → 00:21:35 ไหวในลักษณะไหนลงสู่กระเพาะอาหารและลำไส้
00:21:35 → 00:21:37 เคลื่อนไหวไปตามเกณฑ์ปกติหรือไม่ออแสดง
00:21:37 → 00:21:39 ว่าเครืองนี้เป็นภาพเคลื่อนไหวหรอฮะครับ
00:21:39 → 00:21:42 สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้ครับอ๋อมัน
00:21:42 → 00:21:45 เป็นภาพนิ่งแต่สามารถบันทึกต่อเนื่องคือ
00:21:45 → 00:21:48 ถ่ายหลายครั้งอ่ะปๆๆๆๆๆอย่างงั้นจนเหมือน
00:21:48 → 00:21:50 กับภาพเคลื่อนไหวได้เลยครับอ่าแล้วพอเอา
00:21:50 → 00:21:52 ภาพมาต่อกันมันก็จะดูเหมือนภาพนี้เคลื่อน
00:21:52 → 00:21:55 ไหวใช่ครับใชมันจะเห็นอวัยวะภายในทำงาน
00:21:55 → 00:21:56 ว่าถูกต้องหรือเปล่าใช่ครับจะอย่างงั้น
00:21:56 → 00:21:58 ครับถูกต้องครับถ้าอย่างงั้นเนี่ยคนไข
00:21:59 → 00:22:01 เวลาเซเรย์ก็ต้องดื่มพร้อมกับคุณหมอทำงาน
00:22:01 → 00:22:03 ไปด้วยพร้อมกันใช่ครับพร้อมกันแล้วดื่ม
00:22:03 → 00:22:05 แป้งแบบนี้เข้าไปเนี่ยมันเป็นอันตรายต่อ
00:22:05 → 00:22:07 ร่างกายหรือว่าตกค้างภายในร่างกายมั้ย
00:22:07 → 00:22:10 ครับครับถ้าแป้งแรลซัลเฟตแล้วไม่มี
00:22:10 → 00:22:13 อันตรายต่อร่างกายเราแล้วก็ถูกขับโดยการ
00:22:13 → 00:22:16 เ่อถ่ายออกมาตามปกติอย่างทุกวันที่เรา
00:22:16 → 00:22:18 ถ่ายออกมานี่แหละครับก็คือร่างกายสามารถ
00:22:18 → 00:22:21 ขับออกไปได้ขับออกไปได้ทั้งหมดเลยครับอ๋อ
00:22:21 → 00:22:23 ปลอดภัยนะกลืนได้ไม่ต้องห่วงไม่มีเอฟเฟค
00:22:23 → 00:22:26 ไม่มีผลครับนะครับแล้วโรคแบบไหนครับที่จะ
00:22:26 → 00:22:28 ต้องอาศัยเครื่องแล้วก็การกลืนแป้งแบแบบ
00:22:28 → 00:22:32 นี้ครับครับโรคที่มีข้อบ่งชี้ทำนองว่ามี
00:22:32 → 00:22:34 การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาหารเช่น
00:22:34 → 00:22:38 เป็นแผลในกระเพาะแผลของหลอดอาหารหรือโรค
00:22:38 → 00:22:41 มะเร็งตามกระเพาะลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่พญา
00:22:42 → 00:22:45 ซิ้นสภาพเหล่านี้เราจะอาศัยกลืนแป้งหรือ
00:22:45 → 00:22:48 สวนแป้งทามทวารหนักเพื่อให้เห็นครบถ้วน
00:22:48 → 00:22:52 ของอ่าพยาธิสภาพครับอ๋อแสดงว่าเ้าเรียก
00:22:52 → 00:22:55 ว่าแต่ละโรคพอเรากลืนแป้งเข้าไปปั๊บมันจะ
00:22:55 → 00:22:57 บ่งบอกออกมาเป็นภาพไม่เหมือนกันเลยไม่
00:22:57 → 00:23:02 เหมือนกันปติกับคนเป็นโใช่
00:23:02 → 00:23:06 ครับการกลืนแป้งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าว
00:23:06 → 00:23:08 หน้าในการตรวจซึ่งขั้นตอนการตรวจก็ต้อง
00:23:09 → 00:23:13 ฉายรังสี xray ในขณะที่คนไข้กำลังดื่มน้ำ
00:23:13 → 00:23:18 หรือแป้งแบเรียมที่ว่านี่แหละ
00:23:19 → 00:23:22 ครับเอาล่ะครับตอนนี้เราก็เเรคนไข้เรียบ
00:23:22 → 00:23:24 ร้อยแล้วนะครับคุณหมอครับแต่ทีนี้ต้องบอก
00:23:24 → 00:23:26 คุณผู้ชมก่อนว่าการเซเรย์แบบเนี้ยก็จะ
00:23:26 → 00:23:30 เป็น 2 มิติเหมือนกับเื่องก้าใชแต่
00:23:30 → 00:23:33 เครื่องนี้พิเศษตรงที่ว่าจะสามารถถ่ายภาพ
00:23:33 → 00:23:36 นิ่งนี่นะฮะได้หลายช็อตเห็นบอกว่าวินาที
00:23:36 → 00:23:38 นึงถ่ายได้ 3 ภาพ 3 ภาพครับเพราะฉะนั้น
00:23:38 → 00:23:41 ระหว่างที่คนไข้กำลังกลื่นแป้งลงไปเขาก็
00:23:41 → 00:23:43 จะเก็บภาพไปเรื่อยๆเก็บภาพนิ่งไปเรื่อยๆ
00:23:43 → 00:23:46 แล้วสุดท้ายเอาภาพแต่ละภาพมาเรียงกันใช่
00:23:46 → 00:23:48 ครับดูติดต่อกันเราก็จะดูเหมือนภาพนั้น
00:23:48 → 00:23:51 เคลื่อนไหวได้นะฮเพื่อที่จะดูอะไรนะฮะดู
00:23:52 → 00:23:55 ว่าลักษณะภายในของคนไข้ปกติหรือเปล่าอ่ะ
00:23:55 → 00:23:57 เดี๋ยวเรามาไล่ดูทีลภาพไล่ไปเรื่อยๆ
00:23:57 → 00:23:59 เหมือนภาพเคลื่อนไหวให้คุณหมอเลื่อนเลยนะ
00:23:59 → 00:24:01 ครับมันยังไงมันจะบ่งบอกอะไรยังไงครับ
00:24:01 → 00:24:04 ครับเราเริ่มต้นจากบริเวณรูปนี้เป็นภาพ
00:24:04 → 00:24:06 ของผู้ป่วยนะครับอยู่ในท่านอนคว่ำเราจะ
00:24:06 → 00:24:09 เห็นสีขาวๆบริเวณช่องปากอันนี้ล่ะครับคือ
00:24:09 → 00:24:12 แป้งที่ทานเข้าไปที่ตอนแรกที่คุณหมอบอก
00:24:12 → 00:24:14 ให้อมเอาไว้ในปากกนั้นอันนี้คืออมไว้อยู่
00:24:14 → 00:24:16 ใช่ครับแล้วก็จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกัน
00:24:16 → 00:24:19 กับตัวกระดูกมีลักษณะทึบรังสีเช่นเดียว
00:24:19 → 00:24:21 กันอเพราะฉะนั้นสิ่งนี้เราจึงบางครั้ง
00:24:21 → 00:24:24 เรียกเหมันว่าสารทึบรังสีคือแป้งนี่แหละ
00:24:24 → 00:24:27 คือแป้งเนี่ยเป็นหนึ่งในสารทึบรังสีจาก
00:24:27 → 00:24:30 นั้นมาดูการที่คนไข้กลืนนะครับเราเลื่อน
00:24:30 → 00:24:32 ภาพทีละส่วนอันนี้กลืนเข้ามาตรงบริเวณ
00:24:32 → 00:24:36 ส่วนของไฮโฟซึ่งเป็นต้นทางของตัวหลอด
00:24:36 → 00:24:39 อาหารครับอแล้วก็เริ่มเห็นหลอดอาหารเป็น
00:24:39 → 00:24:42 ท่อต่ำลงมาแสดงว่าหลอดอาหารของเรามันมัน
00:24:42 → 00:24:45 ยืดหดได้เหรฮะในส่วนนี้มันมันใหญ่ถูกต้อง
00:24:45 → 00:24:47 ครับเวลาไม่มีอาหารมันก็จะแฟบครับมันจะ
00:24:47 → 00:24:50 เล็กนะฮะแต่พอกลืนลงไปปั๊บมัน่ก็ก็จะขยาย
00:24:50 → 00:24:53 ครับเออตามลักษณะของอาหารที่เข้าไปโอ้โห
00:24:53 → 00:24:56 ครับมาลงสู่ระดับช่องอกก็มีหลอดอาหารอยู่
00:24:56 → 00:25:00 ภายในช่องอกของเราไหลลงมาลนี่อยู่ช่วงอก
00:25:00 → 00:25:04 ละใช่ใช่ครับอก็ต่อลงไปเรื่อยๆก็ดูติดตาม
00:25:04 → 00:25:07 จะเห็นได้ว่าผนังของหลอดอาหารนี้เรียบดี
00:25:07 → 00:25:10 ฮะอย่างนี้กรณีนี้ไม่มีโรคอะไรอ๋อแสดงว่า
00:25:10 → 00:25:13 บางคนคนไข้บางคนที่เป็นโรคเนี่ยในหลอด
00:25:13 → 00:25:15 อาหารมันจะไม่เป็นเส้นเรียบอย่างนี้ไม่
00:25:15 → 00:25:18 เรียบอย่างงมันจะตะปุ่มตะป่ำขึ้นมาเลยใช่
00:25:18 → 00:25:21 ครับเป็นรอยสีดำๆขรุขระไม่ราบเรียบใช่ถ้า
00:25:21 → 00:25:23 เกิดมีตะปุ่มตะป่ำยื่นขึ้นมาอย่าเงี้ยอัน
00:25:23 → 00:25:26 นี้มีความผิดปกติใช่ครับอาจจะเป็นพวกเป็น
00:25:26 → 00:25:29 มะเร็งก็จะเป็นก้อนยื่นหรือเป็นแผลของ
00:25:29 → 00:25:32 หลอดอาหารเช่นหลอดอาหารอักเสบมีแผลก็จะ
00:25:32 → 00:25:34 สามารถเห็นได้ครับซึ่งไม่เหมือนกับรูปนี้
00:25:34 → 00:25:35 เลย
00:25:35 → 00:25:38 [เพลง]
00:25:38 → 00:25:41 ครับภาพเหล่านี้เนี่ยมันมันช่วยวงการ
00:25:41 → 00:25:43 แพทย์ยังไงบ้างครับครับคือเปลี่ยนจากโรค
00:25:43 → 00:25:47 ซึ่งไม่สามารถวินิจฉัยได้เลยคือบางทีถ้า
00:25:47 → 00:25:49 เราย้อนกลับไปเป็นภาพเซเรย์ทั่วไปกว่าที่
00:25:49 → 00:25:52 เราจะรู้ว่ามีกระเพาะทะลุก็ต่อเมื่อ
00:25:52 → 00:25:55 กระเพาะนั้นต้องทะลุไปเรียบร้อยจนกระทั่ง
00:25:55 → 00:25:59 มีอากาศรั่วออกมาในช่องท้องถึงจะเเลยปกติ
00:25:59 → 00:26:01 แล้วเหออกมาเห็นเป็นภาพว่ากระเพาะรั่วใช่
00:26:01 → 00:26:03 ครับแต่ถ้ามีอย่างนี้เราสามารถวินิจฉัย
00:26:03 → 00:26:07 ได้ตั้งแต่เริ่มเป็นแผลในกระเพาะเล็กๆพพอ
00:26:07 → 00:26:09 ปวดท้องเนี่ยนะคนไข้มาเราให้กลืนแป้งเรา
00:26:09 → 00:26:11 จะเห็นแล้วว่ากระเพาะเริ่มมีปัญหาอ่า
00:26:11 → 00:26:13 อย่างงั้นไม่ต้องรอกระเพาะทะลุเหมือนจกว
00:26:13 → 00:26:15 เพรารักษาได้ทันท่วงทีได้ทันท่วงทีครับ
00:26:15 → 00:26:18 โอนี่ถือว่าเป็นประโยชน์มากนะฮะครับอื
00:26:18 → 00:26:19 โอเค
00:26:19 → 00:26:25 [เพลง]
00:26:25 → 00:26:28 ครับเครื่องต่อไปนี่คืออะไรครับคุณหมอ
00:26:28 → 00:26:30 เครื่อง xray คอมพิวเตอร์ครับหรืออีกชื่อ
00:26:30 → 00:26:33 นึง CT Scan ครับ CT Scan อ่ะจากชื่อ
00:26:33 → 00:26:36 ของมันเป็น computer tomography
00:26:37 → 00:26:40 สแกนหมายถึงว่าใช้อ่าคอมพิวเตอร์เข้ามา
00:26:40 → 00:26:42 ช่วยในการถ่ายภาพเป็นแบบ
00:26:42 → 00:26:46 ราฟี่ตัดเป็นส่วนส่วนของร่างกายตามระดับ
00:26:46 → 00:26:49 ความลึกตื้นของร่างกายครับคือ CT สแกนคือ
00:26:49 → 00:26:52 CT สแกนครับอืก็ละเอียดขึ้นละเอียดขึ้น
00:26:52 → 00:26:55 เห็นส่วนต่างๆลึกได้มากขึ้นลึกนี่ลึกยัง
00:26:55 → 00:26:58 ไงฮะเป็นเป็นชั้นๆชั้นจากภายนอกผิวหนัง
00:26:58 → 00:27:00 เข้าไปในเนื้อเยื่ออ่อนเข้าผ่านกะโหลก
00:27:00 → 00:27:02 ศีรษะเข้าไปเห็นเนื้อสมองได้อ๋อถ้าแนว
00:27:02 → 00:27:05 ขวางก็เป็นทีละชั้นตัดนี้ไปเลยก็จะเห็น
00:27:05 → 00:27:08 แบบทีละชั้นเลอรไปเลยนะครับคือเครื่องนี้
00:27:08 → 00:27:11 เครื่องนี้ครับนี่คือ CT สแกนครับเครื่อง
00:27:11 → 00:27:13 นี้เหรอครับที่ผมเคยเห็นแต่ก่อนเนี่ยมัน
00:27:13 → 00:27:15 เป็นเครื่องอุโมงค์ยาวๆมาเลยเดี๋ยวนี้
00:27:15 → 00:27:17 ทำไมมันบางนิดเดียวครับอครับการดีไซน์
00:27:17 → 00:27:19 รุ่นล่าสุดฮะต้องการลดความอึดอัดของผู้
00:27:19 → 00:27:23 ป่วยก็สามารถที่จะดีไซน์ให้บางลงสลิมมาก
00:27:23 → 00:27:26 ขึ้นเป็นการใช้เซเรย์เหมือนกันครับแต่
00:27:26 → 00:27:29 เห็นลึกลงไปเป็นคนละแบบจจาก 2 มิติอ่าตาม
00:27:29 → 00:27:32 Surface ภายนอกในเครื่องรุ่นเก่าๆหรือ
00:27:32 → 00:27:34 เครื่องรุ่นพื้นฐานมาถึงในปัจจุบันเรา
00:27:34 → 00:27:37 เห็นลึกตั้งแต่พิ้วหนังเข้าไปผ่านกะโหลก
00:27:37 → 00:27:40 ศีรษะจนถึงเนื้อเยื่อภายในเช่นสมองเลย
00:27:40 → 00:27:43 ครับเครื่องนี้นี่นะฮะครับสามารถตรดได้
00:27:43 → 00:27:45 ออกเป็นชั้นๆเลยเป็นชั้นเลยครับตามชื่อ
00:27:45 → 00:27:48 ราฟี่แล้วก็ดูอวัยวะชิ้นนั้นได้โดยรอบ
00:27:48 → 00:27:51 ด้วยอ่า 3 มิติเราก็ทำได้ครับหมุนได้ครับ
00:27:51 → 00:27:54 หมของใช้เวลาไทเลนานยครับไม่นานเลยครับ
00:27:54 → 00:27:57 บางทีประมาณ 5 นาทีเสร็จหรือ 1 นาทีเสร็จ
00:27:57 → 00:28:00 ถ้าเอาเฉพาะการตรวจอย่างเดียวนะครับเช่น
00:28:00 → 00:28:02 ตรวจสมองปืดเดียวก็เสร็จแล้วครับส่วนใหญ่
00:28:02 → 00:28:05 คนไข้ที่มาใช้บริการเครื่องเเลชนิดนี้
00:28:05 → 00:28:08 เนี่ยนะครับครับต้องเป็นคนไข้ประเภทไหน
00:28:08 → 00:28:10 ครับโดยข้อบ่งชี้มีหลากหลายครับตั้งแต่
00:28:10 → 00:28:13 อุบัติเหตุการตรวจเพื่อดูว่ามีเลือดออกใน
00:28:13 → 00:28:16 สมองหรือเปล่าครับคนไข้ที่เราเรียกว่าสก
00:28:16 → 00:28:18 หรืออัมพฤกษ์อัมพาตเส้นเลือดสมองแตกเส้น
00:28:18 → 00:28:21 เลือดสมองแตกหรือตีบก็สามารถตรวจแบบนี้
00:28:21 → 00:28:24 ได้ครับโพรงไซนัสก็สามารถเห็นรายละเอียด
00:28:24 → 00:28:27 ของไซนัสอักเสบในช่องปากเนื้อเยื่อบริเวณ
00:28:27 → 00:28:32 คอที่ช่องอกปอดช่องท้องลำไส้โรคหัวใจโรค
00:28:32 → 00:28:35 หัวใจปอดเลือดหัวใจติดสามารถดูวิธีนี้ได้
00:28:35 → 00:28:41 หมดเลยครับเครื่องนี้บ่งบอกหมดเลย
00:28:41 → 00:28:44 [เพลง]
00:28:44 → 00:28:48 สามารถเดี๋ยวเชิญคุณควบคุใช่ครับห้องควบ
00:28:48 → 00:28:52 คุมครับ CT สแกนมันจะให้ภาพออกมาแบบครับ
00:28:52 → 00:28:55 อันนี้คือภาพ 3 มิติแล้วครับอ่าฮะคือเห็น
00:28:56 → 00:28:58 ได้รอบด้านครับแล้วแต่มุมมองที่เรา
00:28:58 → 00:29:01 ต้องการที่จะหมุนตัวอวัยวะต่างๆไปในทิศ
00:29:01 → 00:29:04 ทางไหนครับเพื่อจะดูรอยโลกในมุมมองต่างๆ
00:29:04 → 00:29:08 ครับอแสดงว่ากระดูกนี้คุณหมอก็สามารถคลิก
00:29:08 → 00:29:10 มาดูอีกมุมนึงอีกฝั่งนึงได้อีกฝั่งนึงได้
00:29:10 → 00:29:12 เลยครับได้ลองดูนิดนึงได้มั้ยครับได้ครับ
00:29:12 → 00:29:15 ออ๋อหมุนแบบนี้เลยครับหมุนอย่างกันอย่างง
00:29:15 → 00:29:18 นี้เลยครับอยากดูด้านหลังของกระดูกอ่าสัน
00:29:18 → 00:29:21 หลังเราก็สามารถดูได้ในมุมมองแบบนี้หรือ
00:29:21 → 00:29:24 อยากจะเอียงสักเล็กน้อยหรือเอียง 90 องศ
00:29:24 → 00:29:27 นี่เฉพาะกระดูกสันหลังแต่ที่คุณหมอบอกมัน
00:29:27 → 00:29:29 จะละเอียดไปถึงหลอดเลือดเลยใช่ครับนะครับ
00:29:29 → 00:29:32 หลอดเลือดแต่ละเส้นถ้าเราอยากจะไปดูหลอด
00:29:32 → 00:29:36 เลือดเส้นนี้ในหัวใจก็สดูได้
00:29:36 → 00:29:40 ใช่ CT สแกนเห็นภาพที่ได้แล้วคงต้องบอก
00:29:40 → 00:29:43 ว่ามหัศจรรย์มากๆเลยนะครับสามารถจำแนก
00:29:43 → 00:29:46 อวัยวะไม่ว่าจะเป็นกระดูกหลอดเลือดต่างๆ
00:29:46 → 00:29:51 ในร่างกายและส่วนอื่นๆอีกมาก
00:29:51 → 00:29:55 มายนี่ก็นักรังสีการแพทย์ครับอก็มีบทบาท
00:29:55 → 00:29:58 สำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้รังสีแพทสามารถ
00:29:58 → 00:30:01 ได้ภาพที่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อเหมาะในการ
00:30:01 → 00:30:05 วินิจฉัยโลกครับแสดงว่าคนไข้เวลาอ่าเข้า
00:30:05 → 00:30:07 CT สแกนเรียบร้อยแล้วเราก็ต้องอาศัย
00:30:07 → 00:30:10 บุคลากรที่เรียกว่านักรังสีเนี่ยประมวล
00:30:10 → 00:30:12 ออกมาเป็นภาพให้เราได้เห็นใช่่ครับจะตรวจ
00:30:12 → 00:30:15 ตั้งแต่ส่วนไหนถึงไหนครับใช้รังสีปริมาณ
00:30:15 → 00:30:18 มากน้อยแค่ไหนอยู่ในบทบาทของน้องเทั้งหมด
00:30:18 → 00:30:20 เลยครับถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็คือคนนี้เลยก็
00:30:20 → 00:30:23 คนนี้ก็มีส่วนทำให้ภาพเห็นชัดไม่เห็นไม่
00:30:23 → 00:30:26 ชัดวินิจฉัยยากหรือง่ายก็เขามีส่วนช่วย
00:30:26 → 00:30:29 มากครับออเดี๋ยวเรามาดูอวัยวะส่วนอื่นนะ
00:30:29 → 00:30:32 ฮะที่นอกจากกระดูกสันหลังเนี่ยเครื่องนี้
00:30:32 → 00:30:34 สามารถอ่าเเรส่วนไหนได้อีกที่เหนออกมา
00:30:34 → 00:30:37 เป็นแบบ CT สแกนครับขออนุญาตให้น้องได้
00:30:37 → 00:30:40 ช่วยนำเสนอเลยนะครับครับเชิเป็นอะไรครับ
00:30:40 → 00:30:43 พี่เอันนี้เป็นการอ่า XR คอมพิวเตอร์นะคะ
00:30:43 → 00:30:46 เป็นซทของส่วนของเส้นเลือดในสมองนะคะอื
00:30:46 → 00:30:49 คือไอ้เส้นๆที่เราเห็นเนี่ยนะฮะครับคือ
00:30:49 → 00:30:52 หลอดเลือดเลือดครับทั้งหลอดเลือดแดงและ
00:30:52 → 00:30:54 หลอดเลือดดำเลยครับอันนี้คือมองจากด้านบน
00:30:54 → 00:30:58 นะฮะมองจากบนฟ้าลงไปหาหากโหลกครับจะเป็น
00:30:58 → 00:31:01 ตัดทีละส่วนทีละส่วนลงไปลึกลงไปเรื่อยๆจน
00:31:01 → 00:31:04 ถึงด้านล่างสวครับคุณหมอครับความลึกเนี่ย
00:31:04 → 00:31:07 ที่เลื่อนมาแต่ละชั้นเนี่ยมันละเอียดความ
00:31:07 → 00:31:10 บางของมันนี่คือประมาณกี่เซมกี่มมอะไรยัง
00:31:10 → 00:31:14 ไงครับครับประมาณ 0.625 มมครับ 0.6 ครับ
00:31:14 → 00:31:18 ไม่ถึงมิมแล้วครับโอ้โห 0.6 แต่ละชั้น
00:31:18 → 00:31:20 เนี่ยนะฮะครับบางอย่างงั้นเลยฮะทำไมมัน
00:31:20 → 00:31:22 ต้องละเอียดขนาดนี้นะครับมันมันช่วยอะไร
00:31:22 → 00:31:24 ในการวินิจฉัยโรคครับครับเพื่อให้เราเห็น
00:31:24 → 00:31:26 สิ่งที่ละเอียดที่สุดครับในการวินิจฉัย
00:31:26 → 00:31:29 ซึ่งจะมีอ่าผลสำสำคัญต่อการรักษาครับถ้า
00:31:29 → 00:31:32 เกิดเราตัดความยาเอ่อหนาที่สูงขึ้นไปกว่า
00:31:32 → 00:31:35 นี้โอกาสที่เราจะหลุดรอยโรคขนาดเล็กก็มี
00:31:35 → 00:31:37 ได้มากเพราะรอยโลกอาจจะไปอยู่ในชั้นที่
00:31:37 → 00:31:39 เราตัดทิ้งไประหว่างรอยต่อซะอีกมันเลย
00:31:39 → 00:31:43 ต้องเล็กบางเป็นพศบางละเอียดนะฮะอย่างเคส
00:31:43 → 00:31:45 นี้ภาพนี้เนี่มันบ่งบอกว่าคนไข้รายนี้
00:31:45 → 00:31:47 เป็นอะไรครับครับถ้าเราลองเลื่อนภาพขึ้น
00:31:47 → 00:31:50 ทางด้านบนนะครับเราจะเริ่มเห็นความผิด
00:31:50 → 00:31:53 ปกติทางด้านซ้ายของผู้ป่วยทางด้านหลังของ
00:31:54 → 00:31:57 บริเวณสมองครับที่เป็นแฉกเหล่านี้ครับอ
00:31:57 → 00:32:00 นี้คือการบวมของเนื้อเยื่อสมองอือซึ่ง
00:32:00 → 00:32:02 ต้องอาศัยการตัดตรวจอย่างละเอียดอย่างนี้
00:32:02 → 00:32:06 ละครับถึงจะเห็นได้จำนวนสไลด์มากๆและการ
00:32:06 → 00:32:09 ประมวลผลหรือการวิเคราะห์จะดียิ่งขึ้น
00:32:09 → 00:32:13 ครับเห็นแบบนี้แล้วต้องยอมรับเลยนะครับ
00:32:13 → 00:32:15 ว่าภาพที่เราเห็นจากการถ่ายรังสีทางการ
00:32:15 → 00:32:18 แพทย์มีส่วนสำคัญในการรักษาอย่างมากมาย
00:32:18 → 00:32:21 แต่ช่วงหน้าเรายังมีเครื่องมือ MRI ที่
00:32:21 → 00:32:30 หลายคนสงสัยว่าคืออะไรมาให้ชมกันครับ
00:32:30 → 00:32:32 คุณหมอครับถ้าพูดถึงเรื่องของการตรวจ
00:32:32 → 00:32:35 วินิจฉัยเนี่ยมันยังมีอีกหลายเครื่องเลย
00:32:35 → 00:32:36 ครับยังมีอีกหลายเครื่องครับแล้วเครื่อง
00:32:36 → 00:32:38 ต่อไปนี่คืออะไรครับครับคราวนี้เรา
00:32:38 → 00:32:41 เปลี่ยนจากพาอ่าเครื่องของ xray แล้วครับ
00:32:41 → 00:32:43 มาเป็นเครื่องของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าครับ
00:32:43 → 00:32:46 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใช่ครับนี่คือหน้าห้อง
00:32:46 → 00:32:49 เนี่คือหน้าห้องเลยครับเราเรียกย่อๆว่า
00:32:49 → 00:32:53 MRI ครับ MRI น่าสงสัยใช่มมล่ะครับอยู่
00:32:53 → 00:32:56 ดีๆก็มีเครื่องมือที่เพิ่มเข้ามาแถมยัง
00:32:56 → 00:32:57 ไม่ได้ใช้รังสีเหมือนเครื่องมืออื่นๆที่
00:32:57 → 00:33:00 ผ่านมาแต่เจ้าเครื่อง MRI จะใช้งานอย่าง
00:33:01 → 00:33:04 ไรและมีเอาไว้ตรวจอะไรไปฟังจากคุณหมอกัน
00:33:04 → 00:33:07 เลยดีกว่าครับมันมีความพิเศษกว่าเครื่อง
00:33:07 → 00:33:09 อื่นๆที่ผ่านมายังไงครับครับก็คืออย่าง
00:33:09 → 00:33:12 แรกสุดไม่มีรังสีอ่าแต่เราอาศัยคุณสมบัติ
00:33:12 → 00:33:15 ของคลื่นวิทยุซึ่งเป็นคลื่นอยู่ในระดับ
00:33:15 → 00:33:17 ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งครับครับ
00:33:17 → 00:33:20 ใช้ในการที่จะส่งคลื่นเข้าไปตกกระทบต่อ
00:33:20 → 00:33:24 ส่วนอวัยวะของร่างกายของคนไข้และสะท้อน
00:33:24 → 00:33:27 กลับมาออกมาเป็นข้อมูลทางการแพทย์ได้อ๋อ
00:33:27 → 00:33:30 ยิเครื่องผ่านเข้าไปในร่างกายของเราหรือ
00:33:30 → 00:33:32 อวัยวะแต่ละส่วนครับใช่แล้วก็สะท้อนกลับ
00:33:32 → 00:33:36 สะท้อนกลับมามีตัวรับแล้วก็แปรผลออกมาจาก
00:33:36 → 00:33:38 ข้อมูลมาเป็นคอมพิวเตอร์มาเป็นรูปภาพได้
00:33:38 → 00:33:41 อ๋อแปลเอามาเป็นรูปภาพใช่
00:33:41 → 00:33:45 ครับเป็นยังไงบ้างครับได้ฟังหลักการทำงาน
00:33:45 → 00:33:48 ของเจ้าเครื่อง MRI ไปแล้วตอนนี้เราไปดู
00:33:48 → 00:33:51 ดีกว่าครับว่าภาพที่ได้จากเจ้าเครื่องนี้
00:33:51 → 00:33:54 จะมีหน้าตาอย่างไร
00:33:54 → 00:33:57 กันอย่างคนไข้กลายนี้เนี่ยกำลังตรวจอะไร
00:33:57 → 00:34:01 ครับครับคนไข้รายนี้มีภาวะบาดเจ็บของเส้น
00:34:01 → 00:34:04 ประสาทของบริเวณที่ไปเลี้ยงต้นแขนเขาก็มา
00:34:04 → 00:34:07 ตรวจบริเวณกระดูกสันหลังบริเวณคอซึ่งมี
00:34:07 → 00:34:11 ทั้งไขสันหลังและเส้นประสาทซึ่งจากคอเจาก
00:34:11 → 00:34:14 เส้นประสาทจะไปเลี้ยงจนถึงบริเวณปลายแขน
00:34:14 → 00:34:17 โอโหคนไข้ลายนี้ได้รับอุบัติเหตุก็เลยทำ
00:34:17 → 00:34:20 ให้แขนไม่มีแรงเราจะไปสืบค้นดูว่ามีบาด
00:34:20 → 00:34:23 เจ็บต่อเส้นประสาทหรือไม่แสดงว่าเครื่อง
00:34:23 → 00:34:25 นี้ละเอียดมากกว่าเครื่องก่อนที่เราคุย
00:34:25 → 00:34:28 กันมาครับเครื่องนี้ละเอียดถึงดูเนื้อ
00:34:28 → 00:34:31 เยื่อในร่างกายดูเนใช่ครับเส้นประสาทเส้น
00:34:31 → 00:34:33 ประสาทได้เลยครับคือพูดงๆถ้าดูเนื้อเยื่อ
00:34:33 → 00:34:36 ได้นี่ก็จบะครับๆคุกส่วนของ่าครบถนครับ
00:34:36 → 00:34:38 ทุกส่วนของร่างกายครับมาถึงวันนี้นี่
00:34:38 → 00:34:42 กระดูกเราก็ดูได้แล้วแล้วก็อวัยวะภายใน
00:34:42 → 00:34:45 เราดูได้คราวนี้ก็พวกเนื้อเยื่อต่างๆที่
00:34:45 → 00:34:48 เป็นองค์ประกอบขนาดเล็กๆปัจจุบันเส้นเอ็น
00:34:48 → 00:34:52 หรือกระดูกอ่อนหรือว่าเป็นอ่าเนื้อเยื่อ
00:34:52 → 00:34:56 ที่สำคัญต่างๆสมองสามารถดูได้หมดโหแล้ว
00:34:56 → 00:34:59 มันจะละเอียดกว่าละเอียดมากเลยครับเหแม้
00:34:59 → 00:35:02 กระทั่งเนื้อเยื่อเส้นประสาททุกๆอย่าง
00:35:02 → 00:35:05 เพื่อการวินิจฉัยของของแพทย์ได้ใช่นะครับ
00:35:05 → 00:35:08 คือคงไข้ก็นอนเฉยๆครับนอนอยู่นิ่งๆต้อง
00:35:08 → 00:35:11 แต่ต้องอาศัยความร่วมมือความรู้สึกตัวดี
00:35:11 → 00:35:14 และร่วมมือนอนนิ่งจึงจะสามารถได้ภาพที่คม
00:35:14 → 00:35:19 ชัดครับอืนะฮะก็แสดงว่าการเซเรย์แบบนี้จะ
00:35:19 → 00:35:22 ต้องนอนนิ่งใช้เวลาระยะเวลานานกว่านกว่า
00:35:22 → 00:35:25 นานกว่าครับนานกว่า CT สแกนเคสนึงประมาณ
00:35:25 → 00:35:28 นอนกี่นาทีครับครับสักประมาณ 30 นาทีถึง 1
00:35:28 → 00:35:30 ชมแล้วแต่ชนิดการตนอนแบบนี้นะครับครับนอน
00:35:31 → 00:35:32 อย่างนี้แหละครับบางทีนานถึง 1 ชั่วโมง
00:35:32 → 00:35:34 เลยเพื่อการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำยิ่งขึ้น
00:35:34 → 00:35:36 ครับถ้าอย่างงั้นเนี่ยเมื่อเราเห็นภาพที่
00:35:36 → 00:35:39 ละเอียดแบบนี้แล้วเนี่ยคุณหมอแต่ละฝ่ายก็
00:35:39 → 00:35:42 สามารถมาดูภาพนี้วินิจฉัยครับครับมายืนดู
00:35:42 → 00:35:45 พร้อมๆกันเลยครับระหว่างแพทย์ผู้ส่งตรวจ
00:35:45 → 00:35:47 อาจจะมาเล่าอาการเสริมหรือว่าปรึกษาหารือ
00:35:47 → 00:35:50 ทางรังสีแพทย์ก็จะวิเคราะห์ข้อมูลและราย
00:35:50 → 00:35:52 งานผลเหมือนเป็นการพูดคุยกันเลยครับ
00:35:52 → 00:35:55 เดี๋ยวเรามาดูคร่าวๆว่ามันจะละเอียดขนาด
00:35:55 → 00:35:57 ไหนครับเท่าที่เห็นนี่นะฮะมันเห็นละเอียด
00:35:57 → 00:35:59 มากกับเครื่องก่อนเห็นทั้งหมดนะฮะเนื้อ
00:35:59 → 00:36:02 เยื่ออะไรต่างๆเนี่ยแล้วมันสามารถดูเป็น
00:36:02 → 00:36:04 จุดๆไปได้ด้วยครับได้ครับมันยังไงฮะมัน
00:36:04 → 00:36:07 แตกต่างจาก CT สแกนยังไงภาพความละเอียด
00:36:07 → 00:36:10 ครับในภาพที่เราเห็นอยู่แถวบนเยครับ
00:36:10 → 00:36:13 ประกอบด้วยการตัดตรวจในแนวที่เรียกว่าแนว
00:36:13 → 00:36:15 ขวางแนวดิ่งอ่ะสมมุติเรายืนอย่างี้จะตัด
00:36:15 → 00:36:18 อย่างี้อย่านี้ใช่ครับตัดแนวดิ่งคือแนว
00:36:18 → 00:36:20 นี้ 1 รูปแล้วก็ตัดจากหน้าไปหลังเหมือน
00:36:20 → 00:36:24 ขนมปังปอนข้างครับได้ภาพตรงกลางครับแล้ว
00:36:24 → 00:36:28 ก็หั่นหั่นเป็นแว่นๆขนขวางาก็ได้ภาพสุด
00:36:28 → 00:36:31 ท้ายมองจากบนฟ้าลงมาในตัดถูกต้องครับใน
00:36:31 → 00:36:35 แนวตัดเราได้ทั้ง 3 มุมมองภาพตัดขวางจาก
00:36:35 → 00:36:38 เจ้าเครื่อง MRI จะมีด้วยกัน 3 แกนคือ 1
00:36:38 → 00:36:44 แกนในแนวตั้งด้านหน้า 2 แกนในแนวตั้งด้าน
00:36:44 → 00:36:49 ข้างและ 3 แกนในแนว
00:36:49 → 00:36:53 นอนคุณหมอฮะทำไมอืการวินิจฉัยออกมาเป็น
00:36:53 → 00:36:55 ภาพแบบเนี้ยทำไมมันถึงต้องละเอียดขนาดนี้
00:36:55 → 00:36:58 แล้วเคสแบบไหนที่ต้องความละเอียดของภาพ
00:36:58 → 00:37:01 แบบนี้ในการวินิจฉัยโลคครับเอ่อโดยเฉพาะ
00:37:01 → 00:37:04 คนไข้ที่มีข้อบงชี้ในการดูเนื้อเยื่อ
00:37:04 → 00:37:07 เนื้อเยื่อละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นสมอง
00:37:07 → 00:37:11 อ่าไขสันหลังหรือว่าช่องท้องบางส่วนอ่า
00:37:11 → 00:37:14 ของเนื้องอกบางชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่
00:37:14 → 00:37:16 เหมาะกับการตรวจวิธีนี้และโรคทางกระดูก
00:37:16 → 00:37:19 และข้อต่อเนี่ยเป็นจุดสำคัญอีกอันหนึ่ง
00:37:19 → 00:37:22 ที่มีการส่งตรวจวิธีนี้ได้โอ้โหซึ่ง CT
00:37:22 → 00:37:25 สแกนอาจจะให้ข้อมูลแบบนั้นได้น้อยกว่าอ
00:37:25 → 00:37:27 อันนี้จะละเอียดกว่าขึ้นมาอีกขั้นนึงใช่
00:37:27 → 00:37:31 ครับโดยเฉพาะเนื้อเยื่ออ่อนออซอตทิชชูดี
00:37:31 → 00:37:33 มากเลยครับคือเห็นเป็นเป็นรูปเลยเป็นรูป
00:37:33 → 00:37:35 เลยครับเหมือนเราเห็นเนื้อเยื่อกันคุณหมอ
00:37:35 → 00:37:39 ผ่าตัดลงมีดยังไงก็ไล่ดูไปทีทีชั้นความ
00:37:39 → 00:37:42 ลึกใช่ครับถูกต้องเลยครับโอ้โหจากหน้าไป
00:37:42 → 00:37:43 หลังได้สุดเลยครับเพราะว่าคลื่นเสียง
00:37:44 → 00:37:46 เนี่ยมันทะลุตัวไปอยู่แล้วเบข้อมทั้งหมด
00:37:46 → 00:37:48 แต่มันผ่านอะไรไปบ้างมันจะนำออกมาเป็นข้อ
00:37:49 → 00:37:51 มูลมาสร้างเป็นภาพใช่ภาพที่เราเห็นอยู่น
00:37:51 → 00:37:53 คืออะไรครับอันนี้ก็เป็นภาพที่ได้จาก
00:37:53 → 00:37:56 เครื่องแม่เหล็กไฟฟ้าเนี่ยครับเราจะเห็น
00:37:56 → 00:37:58 ได้ว่ามีองค์ประกอบเราหายอย่างทั้งเนื้อ
00:37:58 → 00:38:01 สมองเดี๋ยวผมขออนุญาตจะชี้ให้ดูตรงนี้นะ
00:38:01 → 00:38:04 ครับครับเนื้อสมองที่เราเห็นอยู่อ่าที่
00:38:04 → 00:38:07 เราเรียกว่าเกม and White matter ก็คือ
00:38:07 → 00:38:11 สมองชั้นสีเทาและสมองชั้นสีขาวณขณะนี้เรา
00:38:11 → 00:38:13 ก็จะเห็นลึกลงไปครับและสิ่งที่เห็นเพิ่ม
00:38:13 → 00:38:16 เติมเป็นเส้นสีม่วงกับสีฟ้าอ่อนนี่คือ
00:38:16 → 00:38:21 เส้นใยไฟเบอร์ของตัวเนื้อเยื่อสมองเอง
00:38:21 → 00:38:23 ซึ่งในอดีตเราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนครับ
00:38:23 → 00:38:26 ครับสมัยก่อนเราเห็นก้อนสีขาวๆนี่ก็คือ
00:38:26 → 00:38:29 ตัวเนื้องอกก็เป็นที่พอใจและสามารถไปผ่า
00:38:29 → 00:38:32 ตัดได้อ๋อพอเห็นพอเห็นภาพชัดเจนแบบนี้เรา
00:38:32 → 00:38:35 รู้เลยว่านี่คือเป็นเนื้องอกเนอกครับแล้ว
00:38:35 → 00:38:38 เรารู้เพิ่มขึ้นว่าเนื้องอกนี้อยู่ใกล้
00:38:38 → 00:38:42 กับไฟเบอร์ที่สำคัญต่อการควบคุมส่วนแขน
00:38:42 → 00:38:44 หรือขาของร่างกายผู้ป่วยด้วยช่วยคุณหมอ
00:38:44 → 00:38:47 ศัยกรรมทางระบบประสาทผ่าตัดโดยเอาเนื้อ
00:38:47 → 00:38:50 งอกออกโดยที่ไม่กระทบกระเทือนต่อเส้นใย
00:38:50 → 00:38:53 ประสาทที่ยังปกติอยู่จะทำให้ผู้ป่วยถูก
00:38:53 → 00:38:57 รักษาโดยปลอดภัยและมีแขนขาที่ไม่อ่อนแรง
00:38:57 → 00:38:58 ด้วย
00:38:58 → 00:39:01 ครับสามารถตรวจสอบตำแหน่งการทำงานของสมอง
00:39:01 → 00:39:05 ได้ที่สำคัญยังระบุตำแหน่งที่เกี่ยวข้อง
00:39:05 → 00:39:08 กับการรักษาไม่ให้สมองเสียหายนับเป็นความ
00:39:08 → 00:39:27 ก้าวหน้าของการผ่าตัดสมองเลยนะครับเนี่ย
00:39:27 → 00:39:31 คุณหมอครับไอ้นี่คือเครื่อง CT สแกนอครับ
00:39:31 → 00:39:32 แถมยังเป็นรุ่นเก่าด้วยนะครับที่คุณหมอ
00:39:32 → 00:39:35 บอกเครื่องหนาๆยาวๆอย่างเงี้ยเป็นเครื่อง
00:39:35 → 00:39:37 รุ่นเก่าพามาชมทำไมล่ะครับอ่าจริงๆแล้ว
00:39:37 → 00:39:40 ไม่ใช่เครื่อง CT สแกนรุ่นเก่าครับแต่
00:39:40 → 00:39:43 เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดแต่ที่ขนาดมัน
00:39:43 → 00:39:46 ขยายใหญ่เป็นเพราะว่ามันผสมผสานกัน
00:39:46 → 00:39:48 ระหว่าง 2 เทคโนโลยีอยู่ภายในเครื่องนี้
00:39:48 → 00:39:51 เนี่ยนะครับครับประกอบไปด้วย CT สแกนตาม
00:39:51 → 00:39:54 ปกติที่เราได้ไปดูมาแล้วแล้วก็ร่วมกับเพร
00:39:54 → 00:40:00 สแกนด้วย
00:40:00 → 00:40:03 เพชรสแกนครับเพชรสแกนนี่มันคืออะไรครับ
00:40:03 → 00:40:06 ครับเพชรสแกนถ้าพูดถึงเรื่องนี้ผมต้องขอ
00:40:06 → 00:40:08 อนุญาตคุณกิ๊ฟแล้วล่ะครับที่จะต้องแนะนำ
00:40:08 → 00:40:10 ผู้เชี่ยวชาญต่อไปผมขอแนะนำรอง
00:40:10 → 00:40:13 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุนันทาเชี่ยวครับ
00:40:13 → 00:40:16 สวัสดีครับคุณหมอสุนันทาครับเครื่องนี้
00:40:16 → 00:40:18 มันยังไงครับมันแตกต่างจาก CT สแกนยังไง
00:40:18 → 00:40:21 ครับเครื่องนี้มันมี CT สแกนด้วยอยู่ใน
00:40:21 → 00:40:24 ตัวอยู่ด้านหน้าด้านหลังมันมีตัวเอ่อเพชร
00:40:24 → 00:40:27 สแกนเพชรสแกนนี่ยอดจริงๆอ่ามาจากคำว่า
00:40:27 → 00:40:30 posit emission computerized tomogram
00:40:30 → 00:40:33 โอ้โหมันทำงานยังไงมันคือมันเป็นเครื่อง
00:40:33 → 00:40:38 ที่รักเอ่อในการอ่าตรวจวินิจฉัยรังสีชนิด
00:40:38 → 00:40:42 ที่เรียกว่ารังสีโิอนอือรังสีโิอนเนี่ย
00:40:42 → 00:40:45 มันเป็นรังสีที่อ่าเป็นรังสีแม่าชนิด
00:40:45 → 00:40:47 หนึ่งครับโอ้โหเดี๋ยวกนะเอาทางวิชาการอาจ
00:40:47 → 00:40:50 จะงงนะบ้านไอ้เครื่องนี้เนี่ยมันจะ
00:40:50 → 00:40:53 วินิจฉัยละเอียดลึกกว่า CT สแกนธรรมดาใช่
00:40:53 → 00:40:55 เพราะว่ามันเป็นการ detect รังสีค่ะไปถึง
00:40:55 → 00:40:59 ขั้นไหนถึงขั้นตรวจอะไรระดับโมเลกุลเลย
00:40:59 → 00:41:01 นี่คุณผู้ชมครับเครื่องนี้มันสามารถตรวจ
00:41:02 → 00:41:04 ลึกไปจนถึงโมเลกุลเพราะฉะนั้นเนี่ยอะไร
00:41:04 → 00:41:08 ที่เป็นโรคดูโมเลกุลปุ๊บมันจะรู้เลยใช่
00:41:08 → 00:41:11 ค่ะสใหแต่ CT เขาจะดูความผิดปกติทางกาย
00:41:11 → 00:41:14 วิภาคในขณะที่เพชรเนี่ยเราจะดูความผิด
00:41:14 → 00:41:18 ปกติทางโมเลกุลเราใช้ 2 เทคนิคมารวมกัน
00:41:18 → 00:41:20 อ่ะโอเคเข้าใจภาพะแล้วคนไข้ประเภทไหนที่
00:41:20 → 00:41:24 จะต้องมารับการเยแบบนี้ครับส่วนใหญ่เลย
00:41:24 → 00:41:27 ประมาณ 80-90 จะเป็นคนไข้มะเร็งที่รู้
00:41:27 → 00:41:30 แล้วค่ะว่าเป็นมะเร็งแล้วเราอยากจะรู้ว่า
00:41:30 → 00:41:32 ไอ้มะเร็งเนี้ยมันอยู่ตรงไหนบ้างในร่าง
00:41:33 → 00:41:36 กายของเราโดยที่เราจะถ่ายภาพทั้งตัวทำให้
00:41:36 → 00:41:38 เราสามารถที่จะวินิจฉัยตำแหน่งของมะเร็ง
00:41:38 → 00:41:40 ได้ทั้งตัวอ่ะ้างั้นเดี๋ยวมีตัวอย่างมั้ย
00:41:40 → 00:41:44 ครับเราดูตัวอย่างเลยของคนไนะฮะเอ่อหลัก
00:41:44 → 00:41:47 การดูอ่ะค่ะเอ่อคุณคิ๊บก็จะเห็นว่าเราจะ
00:41:47 → 00:41:50 เห็นสีดำๆอที่เป็นจุดๆตรงนี้อ่ะค่ะเป็น
00:41:50 → 00:41:54 ปริมาณรังสีที่มันสะสมมากกว่าบริเวณปกติ
00:41:54 → 00:41:57 อือนั่นหมายความว่าตรงตำแหน่งนี้เป็น
00:41:57 → 00:41:59 ตำแหน่งมะเร็งเนื่องจากว่ามะเร็งเนี้ยมัน
00:41:59 → 00:42:03 จะใช้น้ำตาลเนี่ยเยอะกว่าเซลล์ปกติอื
00:42:03 → 00:42:06 เซลล์มะเร็งจะกินน้ำตาลเป็นอาหารใช่เพื่อ
00:42:06 → 00:42:09 ใช้ในการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์
00:42:09 → 00:42:12 น้ำตาลเนี่ยมันจะใช้เยอะกว่าเซลล์ปกติดัง
00:42:12 → 00:42:15 นั้นเมื่อเราฉีดสารเภสัรังสีที่เป็นเรา
00:42:15 → 00:42:18 เรียกว่าน้ำตาลรังสีเข้าไปมันก็จะวิ่ง
00:42:18 → 00:42:21 เข้าไปหาตัวมะเร็งอ๋อทำให้เราเห็นว่าไอ้
00:42:21 → 00:42:24 เจ้ามะเร็งเนี่ยมันจะมีรังสีเยอะอืกว่า
00:42:24 → 00:42:29 ตรงตำแหน่งที่ไม่ใช่มะเร็งว่าตอนเซงน้ำตา
00:42:29 → 00:42:31 มันวิ่งไปที่เซมเร็งที่ไหนเราก็จะรู้แล้ว
00:42:31 → 00:42:34 ว่าถ้าวิ่งไปอออยู่บริเวณแขนเราก็จะรู้
00:42:34 → 00:42:36 ว่าตอนนี้มเร็งมาที่แขนยกตัวอย่างผู้ป่วย
00:42:36 → 00:42:38 ลายนี้จะเห็นว่ามันไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่
00:42:38 → 00:42:41 ที่ในช่องปอดอ่ะค่ะเราก็จะเห็นว่าเนี่ย
00:42:41 → 00:42:44 ค่ะมันเป็นจุดๆอันนี้ดูยังไงฮะอันนี้ก็จะ
00:42:44 → 00:42:48 เห็นว่ามีน้ำตาลมีมีรังสีใช่ค่ะอยู่ตรง
00:42:48 → 00:42:51 ตำแหน่งนี้ซึ่งตำแหน่งนี้จะเป็นเห็นว่า CT
00:42:51 → 00:42:55 นี้เขจะมีก้อนอ่าก็อถ้าเป็นทาง CT สแกนจะ
00:42:55 → 00:42:57 เห็นกายภาว่ามีแค่ก้อนนึงโผล่ขึ้นมาอก้อน
00:42:57 → 00:43:00 นี้ใช่ๆแต่เราไม่รู้ว่าไอ้ก้อนนี้มันเป็น
00:43:00 → 00:43:02 มะเร็งหรือเปล่าถูกต้องเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:43:02 → 00:43:04 ต้องมาเข้าเครื่องนี้ใช่ปรากฏว่าไอ้น้ำ
00:43:04 → 00:43:07 ตาลรังสีเนี่ยมันมาเลี้ยงตรงนี้มะเร็งกิน
00:43:07 → 00:43:10 น้ำตาลน้ำตาลมาออตรงนี้เราก็ต้องรู้ตงนี้
00:43:10 → 00:43:12 เป็นเนื้อมะเร็ง็งเดี๋ยวผมไล่ย้อนกลับไป
00:43:12 → 00:43:16 นะ CT สแกนมันจะเยได้เป็นทีละชั้น 0.625
00:43:16 → 00:43:19 มลมันก็จะไล่ลงไปจนไปถึงจากหัวลงไปถึงตับ
00:43:19 → 00:43:22 ใช่ดูจากตับแล้วยังไงฮะก็ตับลายนี้เราจะ
00:43:22 → 00:43:25 เห็นว่า CT ไม่เห็นก้อนเหมือนเมื่อกี้
00:43:25 → 00:43:27 เหมือนไม่เห็นต่อมน้ำเหลืองเหมือนที่ต่ำ
00:43:27 → 00:43:30 น้ำเหลืองแต่เขมีการสะสมน้ำตาลรังสีะโอ
00:43:30 → 00:43:32 นี่แสดงว่าคนไข้ลายเยมีการแพร่กระจายไป
00:43:32 → 00:43:34 ที่
00:43:34 → 00:43:37 ต่ำการตรวจร่างกายด้วยเครื่องเพชร CT
00:43:37 → 00:43:40 สแกนจะมีการทำงาน 2 ตอนร่วมกันคือขั้นที่
00:43:40 → 00:43:42 1 เครื่องจะทำการตรวจร่างกายเหมือน
00:43:42 → 00:43:45 เครื่อง CT สแกนทั่วไปซึ่งภาพที่ได้ก็จะ
00:43:45 → 00:43:49 เป็นภาพกายวิพากษ์ที่ตัดขวางปกติขั้นที่ 2
00:43:49 → 00:43:51 จะเป็นการตรวจด้วยเครื่องเพชรสแกนเพื่อ
00:43:51 → 00:43:54 ค้นหาสารน้ำตาลรังสีที่ไปเกาะตามส่วนต่าง
00:43:54 → 00:43:57 ๆของร่างกายและเมื่อนำทั้ง 2 ส่วนมา
00:43:57 → 00:44:00 ประมวลผลร่วมกันก็ทำให้เจ้าเครื่องนี้
00:44:00 → 00:44:02 สามารถระบุตำแหน่งของเจ้าเนื้อร้ายอย่าง
00:44:02 → 00:44:04 มะเร็งที่ไปเกาะตามส่วนต่างๆของร่างกาย
00:44:04 → 00:44:06 ได้อย่างแม่นยำครับคุณหมอครับนี่คือเหตุ
00:44:06 → 00:44:09 ผลที่ว่าคนไข้พอมาเซเรย์ด้วยเครื่องนี้
00:44:09 → 00:44:11 แล้วเนี่ยจะต้องเซเรย์ตั้งแต่หัวจดเท้า
00:44:11 → 00:44:14 เลยใช่ค่ะเพราะว่าเราสามารถที่จะเอ่อ
00:44:14 → 00:44:16 วินิจฉัยรอยโรคความผิดปกติได้ทั้งตัวจาก
00:44:16 → 00:44:19 การที่เราฉีดน้ำตาลรังสีเพียง 1 ครั้งวัน
00:44:19 → 00:44:21 นี้จะเป็นข้อดีอ่ะค่ะว่าเราจะได้รู้ว่า
00:44:21 → 00:44:24 มะเร็งเนี่ยอยู่ตรงตำแหน่งไหนและมีการ
00:44:24 → 00:44:26 แพร่กระจายไปที่ไหนหรือไม่เพื่อที่จะมี
00:44:26 → 00:44:29 ประในเรื่องของการวางแผนการรักษาแล้วก็
00:44:29 → 00:44:32 การพยากรโรคให้กับผู้ป่วยอ่ะค่ะอ๋อถ้า
00:44:32 → 00:44:34 เกิดลงไปเยอะแล้วก็อันนี้อันตรายแต่ถ้า
00:44:34 → 00:44:37 เกิดสมมิในกรณีลามมาแค่บางส่วนแล้วก็ฉาย
00:44:37 → 00:44:40 แสงเฉพาะส่วนนั้นอันนี้คือการวินิฉัยใน
00:44:40 → 00:44:44 การรักษาอหรือว่าผ่าตัดออกได้หมดแต่ถ้า
00:44:44 → 00:44:46 เกิดมันลามไปเยอะๆผ่าตัดไม่ได้ละมันก็
00:44:46 → 00:44:49 ต้องมีวิธีการรักษาเช่นอาจจะต้องรักษาโดย
00:44:49 → 00:44:51 การให้เคมีบำบัดอะไรอย่างเงี้ค่ะอันนี้
00:44:51 → 00:44:54 คือวินิจฉัยในการรักษาแพทจะได้วางแผนได้
00:44:54 → 00:44:57 แม่นยำยิ่งขึ้นนะกำหนดกับสถานการที่คเป็น
00:44:57 → 00:45:00 ยุครับการทำงานของแพทย์รังสีถือว่ามีส่วน
00:45:00 → 00:45:03 สำคัญที่ช่วยให้การตรวจรักษาโรคต่างๆได้
00:45:03 → 00:45:06 ดียิ่งขึ้นหวังว่ารายการในวันนี้จะมีส่วน
00:45:06 → 00:45:09 ช่วยให้คุณผู้ชมทราบถึงบทบาทหน้าที่ของ
00:45:09 → 00:45:14 ทีมแพทย์สาขานี้ได้ดียิ่งขึ้นนะ
00:45:14 → 00:45:17 ครับคุณหมอครับวันนี้เราเดินมาทั้งวันนี่
00:45:17 → 00:45:20 นะครับเ่อคุณหมอทำให้ผมแล้วก็คุณผู้ชมทาง
00:45:20 → 00:45:22 บ้านเนี่ยได้รู้จักและบทบาทหน้าที่ที่
00:45:22 → 00:45:25 สำคัญของรังสีแพทย์อันนี้คือแค่พาร์ทนึง
00:45:26 → 00:45:27 ใช่่มั้ยครับเห็นบอกว่ายังมีอีก 2 กลุ่ม
00:45:27 → 00:45:30 ใหญ่ๆด้วยใช่ครับวันนี้เป็นพารทของรังสี
00:45:30 → 00:45:32 วินิจฉัยเท่านั้นยังเหลืออีก 2 บทบาท
00:45:32 → 00:45:34 สำคัญครับคืออะไรครับอีก 2 บทบาทเป็น
00:45:34 → 00:45:37 รังสีแพทย์ทางด้านรังสีร่วมรักษากับอีก
00:45:37 → 00:45:40 อันนึงก็คือรังสีแพทย์ด้านรังสีรักษาและ
00:45:40 → 00:45:43 มะเร็งวิทยาครับซึ่งสำคัญทั้ง 2 ท่านเลย
00:45:43 → 00:45:45 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยทั้ง 3 บทบาทนะครับ
00:45:46 → 00:45:48 ก็ต้องมาร่วมมือในการดูแลคนไข้เพื่อที่
00:45:48 → 00:45:51 ให้คนไข้นั้นหายจากโรคภัยไข้เจ็บนะครับโว
00:45:51 → 00:45:54 นี้ความรู้เยอะมากๆต้องขอขอบคุณคุณหมอนะ
00:45:54 → 00:45:56 ครับที่นิาขอบคุณมากครับขอบคุณครับสวัสดี
00:45:56 → 00:45:58 ครับเ
00:45:58 → 00:46:55 [เพลง]
00:46:55 → 00:46:59 อ hla