ฮอร์โมน Adiponectin มีผลต่อสุขภาพอย่างไร

ปฐมบท โรคอ้วน 101 by หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast] [Sub TH, EN]

จากช่อง : DrAmp Team


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:1100:00:13 สวัสดีครับ คุณผู้ฟังทุกท่านครับ

00:00:1300:00:16 พบกับรายการ Dr.Amp Podcast กับผม

00:00:1600:00:19 หมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ นะครับ

00:00:1900:00:22 วันนี้เนี่ยเราจะมาคุยกันในชื่อตอนที่

00:00:2200:00:25 หลายคนอยากฟังตอนนี้มากๆ นะครับ

00:00:2500:00:27 โรคอ้วน นะครับ

00:00:2700:00:31 วันนี้หมอขอตั้งชื่อตอนว่า ปฐมบทโรคอ้วน นะครับ

00:00:3100:00:36 เราจะมาเรียนรู้รากฐานของโรคอ้วนต่างๆ

00:00:3600:00:39 โรคอ้วนทั้งหลาย หรือภาวะน้ำหนักเกิน

00:00:3900:00:44 หรือภาวะน้ำหนักมาก หรือภาวะ Obesity ที่เรียกว่าโรคอ้วน

00:00:4400:00:48 ชักนำไปสู่ภาวะอื่นๆ หรือโรคอื่นๆ อีกมากมายนะครับ

00:00:4800:00:52 ไม่ว่าจะเป็นโรคความดัน โรคไขมัน

00:00:5200:00:54 โรคหลอดเลือดในสมอง ตีบ แตก ตัน

00:00:5400:00:57 หลอดเลือดหัวใจตีบ นะครับ

00:00:5700:01:00 โรคปวดข้อต่อ โรคภูมิแพ้ โรคภูมิต้านทานต่ำ

00:01:0000:01:03 โรคนอนหลับไม่ดี โรคสมองเสื่อม

00:01:0300:01:06 โอ้โห หมอสาธยายได้เป็นวันๆ เลย

00:01:0600:01:11 โรคอ้วนเนี่ยก่อให้เกิดโรคอะไรกับร่างกายเราบ้าง นะครับ

00:01:1100:01:14 วันนี้เรามาเริ่มตอน 101 ก็คือ ปฐมบท กันว่า

00:01:1400:01:17 ก่อนที่เราจะไปถึงจุดที่เราเป็นโรคอ้วนเนี่ย

00:01:1700:01:21 เราควรจะมารู้จักร่างกายเรานะครับว่า

00:01:2100:01:23 อะไร หรือฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายเรานี้

00:01:2300:01:26 ที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญ

00:01:2600:01:32 และการทำงานของร่างกายเราที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน

00:01:3200:01:35 วันนี้หมอจะมาคุยถึงฮอร์โมนหลายตัวทีเดียวนะครับ

00:01:3500:01:39 ถ้าใครมีปากกานะครับ คุณผู้ฟังสามารถเอาขึ้นมาจดได้นะครับ

00:01:3900:01:43 หมอจะให้ Key word เอาไว้เผื่อเราจะไปเรียนรู้นะครับ

00:01:4300:01:48 หรือเราจะไปค้นหาเพิ่มเติมว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไร นะครับ

00:01:4800:01:52 คุณหมอครับ ถ้าพวกผมรู้แล้วจะดีอย่างไร

00:01:5200:01:54 คุณหมอคะ ถ้ารู้แล้วจะใช้ประโยชน์อย่างไร

00:01:5400:01:58 อย่างน้อยๆ นะครับ ถ้าเรารู้ว่าอะไรคือสาเหตุ

00:01:5800:02:01 เราก็จะสามารถควานหา ช่วยกัน ป้องกัน

00:02:0100:02:05 โรคอ้วนได้ตั้งแต่ต้นเหตุไงครับ

00:02:0500:02:09 เรามาเริ่มจากส่วนบนสุดก่อนเลย คือ สมอง นะครับ

00:02:0900:02:12 คนเรานี่ เวลาเราหิว หรือเราไม่หิว

00:02:1200:02:15 เรียกว่า เราหิว หรือเราอิ่ม

00:02:1500:02:19 เราจะมีฮอร์โมนอยู่ 2 ตัวนะครับ 2 ฝั่ง ต้องเรียกว่า 2 ฝั่ง นะครับ

00:02:1900:02:23 ฝั่งที่หลั่งออกมาปุ๊ป ทำให้เราหิว ทำให้เราอยากกิน

00:02:2300:02:25 ทำให้เราอยากอาหาร

00:02:2500:02:27 กับอีกฝั่งหนึ่ง คือหลั่งออกมาปุ๊ป ทำให้เราอิ่ม

00:02:2700:02:29 ทำให้เราหยุดกิน

00:02:2900:02:32 ในสมองคนเราจะมีฮอร์โมนอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อว่า

00:02:3200:02:36 Neuropeptide Y หรือ NPY นะ

00:02:3600:02:39 ตัวนี้หลั่งออกมาจากสมองนะครับ

00:02:3900:02:41 ทำให้เราหิว

00:02:4100:02:44 เวลาเราอดอาหาร เวลาเราไม่มีอาหารกิน

00:02:4400:02:47 เวลามนุษย์เราอดอยาก ก็จะหลั่งฮอร์โมนตัวนี้ออกมา

00:02:4700:02:52 เพื่อทำให้เราอยากกิน ต้องกิน เพื่อความอยู่รอด นะครับ

00:02:5200:02:56 ฮอร์โมนตัวนี้ เวลาหิวเขาก็หลั่งออกมานะครับ

00:02:5600:03:00 เวลาเครียด คิดมาก เขาก็หลั่งออกมา

00:03:0000:03:01 แย่เลยใช่ไหมครับ

00:03:0100:03:04 เวลาเราเครียด เราคิดมาก ฮอร์โมน NPY

00:03:0400:03:08 หรือ Neuropeptide Y ก็หลั่งออกมา ทำให้เรากิน

00:03:0800:03:11 แล้วเวลาฮอร์โมนตัวนี้หลั่งออกมาเสร็จ

00:03:1100:03:14 หมอเคยเล่าไปหลายตอน เวลาเราหลั่งฮอร์โมนเครียดนี่

00:03:1400:03:16 เราจะกินอะไรครับ?

00:03:1600:03:18 เราจะกินหวานๆ

00:03:1800:03:19 เราจะกินมันๆ

00:03:1900:03:20 เราจะกินเค็มๆ

00:03:2000:03:22 เราจะกินแป้ง กินน้ำตาลเยอะ

00:03:2200:03:24 ประมาณนี้นะครับ

00:03:2400:03:27 แสดงว่าเวลาเราเครียดหรือเราอดอาหารนานๆ เนี่ย

00:03:2700:03:31 สมองก็จะหลั่งฮอร์โมน Neuropeptide Y หรือ NPY ออกมา

00:03:3100:03:34 ทำให้เราอยากกินอาหารไม่ดี อาหารที่อ้วนเกิน

00:03:3400:03:38 อาหารที่มันเกิน ทำให้เราเกิดไขมันสะสมนะครับ

00:03:3800:03:40 โดยเฉพาะไขมันที่น่ากลัวมากๆ นี่

00:03:4000:03:43 เรียกว่า ไขมันในช่องท้อง

00:03:4300:03:47 หรือที่เรียกว่า Visceral Fat เป็นไขมันที่น่ากลัวมาก

00:03:4700:03:51 V I S C E R A L นะครับ

00:03:5100:03:53 Visceral Fat คือไขมันที่เกาะอยู่ข้างในครับ

00:03:5300:03:56 อยู่หลังกล้ามเนื้อนะ แสดงว่าเราอยากจะรู้จัก

00:03:5600:03:58 Visceral Fat เนี่ยคือ

00:03:5800:04:00 เราจับไปเจอไขมันในชั้นผิวหนังนะครับ

00:04:0000:04:03 Subcutaneous Fat นะครับ

00:04:0300:04:04 แล้วก็จะเจอกล้ามใช่ไหมครับ

00:04:0400:04:09 ถ้าเราเอามีดแทงทะลุกล้ามให้เข้าไปในช่องท้องหรือลำไส้

00:04:0900:04:11 เราถึงจะเจอกับ Visceral Fat นะครับ

00:04:1100:04:14 Visceral Fat คือ ไขมันที่อยู่ข้างใน เกาะอยู่กับลำไส้

00:04:1400:04:17 เกาะอยู่กับตับ เกาะอยู่กับตับอ่อน

00:04:1700:04:20 ก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมายเพราะเข้าไปในกระแสเลือด

00:04:2000:04:23 แล้วก็ไปอุดตรงนั้น ไปอุดตรงนี้ นะครับ

00:04:2300:04:26 เพราะฉะนั้น Neuropeptide Y นี้ก็เป็นฮอร์โมนฝั่งฮอร์โมนหิว

00:04:2600:04:29 กระตุ้นให้เรากินนะครับ

00:04:2900:04:31 การทำให้ฮอรโมนตัวนี้ดีก็คือ

00:04:3100:04:34 เวลาบางคนอดอาหารนานๆ นี่ไม่ดีแล้วนะครับ

00:04:3400:04:37 ถ้าอดอาหารเกินประมาณ 20 ชั่วโมง 24 ชั่วโมง

00:04:3700:04:40 Fasting นานๆ เข้าก็จะไปกระตุ้นฮอร์โมนตัวนี้

00:04:4000:04:43 ทำให้เราหิวมากจนเราตบะแตกนะครับ

00:04:4300:04:46 เวลาเรากลับมากินนี่เราก็กินเยอะเกินไปนะครับ

00:04:4600:04:49 การทำให้ฮอร์โมนตัวนี้ชะลอ ให้ไม่หลั่งเยอะ

00:04:4900:04:51 ก็คือการรับประทานโปรตีนนะครับ

00:04:5100:04:53 แบ่งจานหนึ่งเลยนะครับ

00:04:5300:04:56 ครึ่งหนึ่งควรจะเป็นไฟเบอร์หรือเป็นผักนะครับ

00:04:5600:04:59 ถ้าเป็นผักนี่ก็จะช่วยทำให้อิ่มท้อง

00:04:5900:05:02 อีก 25% นี่ต้องเป็นโปรตีนนะครับ

00:05:0200:05:04 แต่หมออยากจะเน้นให้เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ

00:05:0400:05:07 เช่น โปรตีนจากปลา เพราะว่าไม่อ้วนนะครับ

00:05:0700:05:10 โปรตีนจากถั่วและธัญพืชแบบนี้

00:05:1000:05:14 ก็จะเป็นตัวที่ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนได้เหมาะสมนะครับ

00:05:1400:05:16 แล้วก็ไม่อดอาหารนานนะครับ

00:05:1600:05:19 ฮอร์โมนสมองฝั่งดีบ้าง

00:05:1900:05:21 ฝั่งที่หลั่งออกมาแล้วช่วยรักษาโรคอ้วน

00:05:2100:05:23 ก็คือทำให้เราอิ่มนะครับ

00:05:2300:05:26 ก็จะมีฮอร์โมนชื่อ Cholecystokinin นะครับ

00:05:2600:05:29 หรือ CCK จดไว้นะครับ

00:05:2900:05:31 Peptide YY หรือว่า PYY

00:05:3100:05:34 นี่คือฮอร์โมนในสมอง 2 - 4 ตัว

00:05:3400:05:38 จริงๆ มีเยอะนะครับ หมอจะเอาตัวสำคัญมาเล่า

00:05:3800:05:42 คราวนี้พอเรารู้จักฮอร์โมนที่เกี่ยวกับหิวเกี่ยวกับอิ่มในสมองแล้ว

00:05:4200:05:44 เราก็เลื่อนลงมานะครับ

00:05:4400:05:47 คราวนี้เรามาถึงที่อวัยวะภายใน

00:05:4700:05:51 ก็คือ ตับ ไต ไส้ พุง ในลำไส้เรา นะครับ

00:05:5100:05:54 ตับอ่อนทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมนตัวหนึ่งออกมา

00:05:5400:05:55 หลายคนรู้จักนะครับ

00:05:5500:05:57 อินซูลิน

00:05:5700:06:00 อินซูลิน สร้างจากเบต้าเซลล์ในตับอ่อนนะครับ

00:06:0000:06:04 ควบคุมการจัดเก็บน้ำตาล ควบคุมการจัดเก็บไขมัน

00:06:0400:06:07 เอาไปเก็บเป็นพลังงานให้ร่างกายเอาไว้ใช้

00:06:0700:06:09 แต่คนส่วนใหญ่ เป็นอย่างไรครับ

00:06:0900:06:11 ทานเกินไปนะครับ

00:06:1100:06:13 เขาเก็บแล้วเก็บอีก เก็บอีกเก็บแล้ว

00:06:1300:06:15 ก็ไม่มีที่จะเก็บนะ

00:06:1500:06:18 เพราะเราเติมไปเยอะมากกว่าที่เราใช้นะครับ

00:06:1800:06:22 เมื่ออินซูลินมากขึ้นเป็นอย่างไรครับ ก็ล้นในร่างกาย

00:06:2200:06:24 ทำงานเริ่มผิดปกติ

00:06:2400:06:26 ก่อให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

00:06:2600:06:29 หรือที่เรียกว่า Insulin Resistance นะครับ

00:06:2900:06:32 แสดงว่าตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมา

00:06:3200:06:35 อินซูลินกลับดื้อเสียแล้ว หลั่งออกมาเยอะก็ไม่ทำงานเก็บน้ำตาล

00:06:3500:06:37 หลั่งมาเยอะก็ไม่ทำงานเก็บพลังงาน

00:06:3700:06:39 ทำให้พลังงานล้นนะครับ

00:06:3900:06:41 แล้วก็ก่อให้เกิดโรคเบาหวานในที่สุด

00:06:4100:06:45 ทำให้เกิดโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

00:06:4500:06:47 ทำให้เกิดโรค Metabolic Syndrome

00:06:4700:06:48 หรือโรคเผาผลาญผิดปกติ

00:06:4800:06:51 ก่อให้เกิดโรคอ้วนนั่นแหละครับ

00:06:5100:06:53 การรักษาให้อินซูลินหลั่งออกมาดี

00:06:5300:06:56 เราต้องระมัดระวังอาหารมากๆ

00:06:5600:06:59 อาหารที่ทำให้อินซูลินเสีย ตับอ่อนเสีย

00:06:5900:07:01 การทำงานเปลี่ยนไปก็คือ

00:07:0100:07:04 อาหารประเภทน้ำตาลเยอะๆ นะครับ

00:07:0400:07:07 โดยเฉพาะ High Fructose Corn Syrup นะครับ

00:07:0700:07:10 มีอยู่ในขนม นม เนย มีอยู่ในเครื่องดื่มต่างๆ

00:07:1000:07:12 ต้องอ่านข้างๆ ฉลากนำครับ ว่า

00:07:1200:07:16 ถ้ามี High Fructose Corn Syrup อยู่เนี่ย ต้องระวังมากๆ

00:07:1600:07:21 ชื่อย่อเขาจะชื่อว่า HFCS นะครับ

00:07:2100:07:25 หรืออีกตัวที่ทำให้อินซูลินหรือภาวะการจัดเก็บน้ำตาลเสียไป

00:07:2500:07:27 ก็คือ Trans Fat นะครับ

00:07:2700:07:30 ไขมันทรานส์เอย มาการีน นะครับ

00:07:3000:07:33 อาหารขยะต่างๆ ต้องระวังมากๆ นะครับ

00:07:3300:07:37 เราอาจจะช่วยอินซูลินด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นไขมันดี

00:07:3700:07:41 เช่น โอเมก้า 3 อยู่ในปลาต่างๆ

00:07:4100:07:42 อยู่ในถั่ว อยู่ในธัญพืช

00:07:4200:07:45 และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

00:07:4500:07:46 เติมแมกนีเซียมด้วย

00:07:4600:07:49 แมกนีเซียมช่วยการทำงานของอินซูลินได้เช่นกัน

00:07:4900:07:53 อันนี้คือฮอร์โมนคุมน้ำตาล

00:07:5300:07:57 ไปดูอีกฝั่งหนึ่ง ในระบบช่องท้องกันบ้าง ก็คือ

00:07:5700:08:01 Glucagon-like peptide-1 หรือ GLP-1 นะครับ

00:08:0100:08:05 ตัวนี้สร้างจากแอล-เซลล์ในลำไส้เล็กเอย ในลำไส้ใหญ่เอย

00:08:0500:08:07 อันนี้คือถ้าหลั่งเยอะดี

00:08:0700:08:09 อินซูลินหลั่งเยอะไม่ดีใช่ไหมครับ

00:08:0900:08:12 GLP-1 นี่หลั่งเยอะดี คือทำให้อิ่ม

00:08:1200:08:14 คุมระดับน้ำตาลนะครับ

00:08:1400:08:17 เมื่อไหร่ที่ GLP-1 เพิ่มขึ้นก็คือเรากินโปรตีนชนิดดี

00:08:1700:08:21 เช่นกินปลา เช่นกินโปรตีนจากผัก จากพืชนะครับ

00:08:2100:08:25 งดการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบนะครับ

00:08:2500:08:27 คนบางคนหรือคนบางกลุ่ม

00:08:2700:08:32 จะมีอาหารที่ไม่ถูกจริตกับพันธุกรรมตัวเองนะครับ

00:08:3200:08:35 อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการเจาะดูนะครับ

00:08:3500:08:38 อย่างหมอเองนี่ หมอไม่ย่อยนมสัตว์นะครับ

00:08:3800:08:41 ไม่ย่อยนมวัว นมแพะ นมแกะ นมม้า นมแมว

00:08:4100:08:44 หมอกินเข้าไปก็อักเสบ หมอก็ต้องงดกิน

00:08:4400:08:48 คนบางคนแพ้กลูเตน หรือว่าความเหนียวที่อยู่ในแป้งฝรั่ง

00:08:4800:08:51 ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง แป้งพาสต้า แป้งพิซซ่า

00:08:5100:08:52 ก็ต้องหยุดอาหารเหล่านั้น

00:08:5200:08:55 คนบางคนแพ้ไข่ คนบางคนแพ้เม็ดมะม่วงหิมพานต์

00:08:5500:08:58 คนบางคนแพ้เยอะไปหมด

00:08:5800:09:00 นั่นก็คืออาหารก่อการอักเสบ

00:09:0000:09:03 ถ้าเราอักเสบมากๆ เราก็จะเป็นโรคใช่ไหมครับ

00:09:0300:09:06 เราก็จะปวดเนื้อปวดตัว สิวขึ้น นะครับ

00:09:0600:09:11 เป็นไมเกรน ปวดประจำเดือน ก็มีหลายสาเหตุ

00:09:1100:09:14 หลักการในการช่วยเพิ่ม GLP-1 ก็คือ

00:09:1400:09:15 กินพืชผักเยอะๆ นะครับ

00:09:1500:09:17 กลับไปเมื่อสักครู่ที่หมอเล่าว่า

00:09:1700:09:21 กินทุกอย่างกินทุกมื้อต้องมีผักครึ่งหนึ่งนะครับ

00:09:2100:09:24 เมื่อไหร่มีผักครึ่งหนึ่งก็คือมีไฟเบอร์ครึ่งหนึ่ง

00:09:2400:09:27 อีก 25% เป็นโปรตีนที่ดี

00:09:2700:09:32 อีก 25% เป็นแป้งหรือน้ำตาลได้นะครับ

00:09:3200:09:34 ไม่ได้แปลว่าห้ามกินน้ำตาล

00:09:3400:09:38 กินเป็นเส้นหมี่ กินเป็นข้าวกล้อง กินเป็นข้าวขาว กินเป็นเส้นเล็ก

00:09:3800:09:41 กินเป็นแป้งต่างๆ ไม่เกิน 1 ใน 4 ของจาน

00:09:4100:09:44 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมนะครับ

00:09:4400:09:48 อันนี้คือฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากระบบย่อยอาหารเรา

00:09:4800:09:51 คราวนี้เราขยับไปสู่จุดที่สำคัญเลยก็คือ

00:09:5100:09:54 แล้วเซลล์ไขมันต่างๆ ที่เราเลี้ยงเขาจนโต

00:09:5400:10:00 ไม่ว่าจะเป็นแขนโต ขาโต เซลลูไลท์มานี่ เขาทำงานอย่างไร

00:10:0000:10:02 ไขมันนี้มี 2 ชนิดนะครับ

00:10:0200:10:08 ก็คือ Brown Fat ไขมันสีน้ำตาล และ White Fat ไขมันสีขาว

00:10:0800:10:10 ไขมันสีน้ำตาลนี่มีเยอะๆ ตอนเราเด็ก

00:10:1000:10:12 เป็นไขมันชนิดดีนะครับ

00:10:1200:10:15 สีเขาออกน้ำตาล เพราะชื่อจริงๆ แล้ว คือ

00:10:1500:10:17 Iron-rich mitochondria

00:10:1700:10:22 ก็คือใน Brown Fat มีตัวเผาที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบเยอะ

00:10:2200:10:24 ตัว Brown Fat ดีอย่างไร

00:10:2400:10:27 ก็คือเป็นไขมันที่มีเม็ดเล็กๆ เยอะๆ อยู่ในเซลล์

00:10:2700:10:28 แล้วก็มีตัวเผาเยอะๆ

00:10:2800:10:33 ถ้ามีไขมันดีตัวนี้มาก ก็จะช่วยเผาไขมันได้มาก

00:10:3300:10:35 ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ

00:10:3500:10:37 ช่วยเพิ่มการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย

00:10:3700:10:42 เรามีเยอะตอนเด็กแล้วค่อยๆ น้อยลงตามการวิจัยนะครับ

00:10:4200:10:44 มาถึง White Fat หรือไขมันขาว

00:10:4400:10:47 ที่เรามีกันอยู่เยอะเลยครับ กำลังประสบปัญหาอยู่ทั่วโลก

00:10:4700:10:50 ก็คือ โรคอ้วน ที่โจมตีมนุษย์นะครับ

00:10:5000:10:53 ใน White Fat หรือไขมันขาว ก็จะมีไมโทคอนเดรียน้อย

00:10:5300:10:56 หรือว่ามีโรงงานเผาน้อย นะครับ

00:10:5600:10:59 เป็นเม็ดไขมันก้อนใหญ่ๆ อยู่ในเซลล์นะครับ

00:10:5900:11:03 และพบโปรตีนตัวหนึ่งอยู่ในนั้น ก็คือ เลปติน

00:11:0300:11:06 เดี๋ยวหมอจะมาบอกต่อ เป็นฮอร์โมนตัวหนึ่งนะครับ

00:11:0600:11:10 ตัวไขมันขาวชอบเก็บแคลอรี่ส่วนเกินที่เรากินเข้าไป

00:11:1000:11:12 แล้วก็สะสมอยู่ในร่างกาย

00:11:1200:11:14 ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ

00:11:1400:11:18 ข้อเสียก็อย่างที่เรารู้แหละครับ ไขมันมากก็ก่อให้เกิดโรคอ้วน

00:11:1800:11:19 โรคความดัน โรคไขมัน

00:11:1900:11:21 โรคหลอดเลือดตีบ โรคหลอดเลือดแตก

00:11:2100:11:23 ข้อดีคือเอาไว้กันกระแทกนะครับ

00:11:2300:11:27 ใครไม่มีก้นเลย ไม่มีไขมันเลย เวลาล้มก็เจ็บ

00:11:2700:11:29 ใครมีปุ๊ปก็ช่วยกันกระแทกนะครับ

00:11:2900:11:33 จริงๆ มนุษย์เราถูกสร้างมาให้มีไขมันพอสมควรนะครับ

00:11:3300:11:36 มีประมาณหนึ่งกำลังดีก็ช่วยเผาผลาญ

00:11:3600:11:38 ช่วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย

00:11:3800:11:42 ช่วยคุมนั่นนี่ให้ดี ช่วยป้องกันกระแทก

00:11:4200:11:47 แต่ปัจจุบันเราออกกำลังกายน้อย กินเยอะ กินผิด

00:11:4700:11:49 ก็เลยมีมากเกินไปนะครับ

00:11:4900:11:54 ตัวไขมันขาวก็เลยหลั่งฮอร์โมนเจ้าปัญหาออกมา

00:11:5400:11:56 มาถึงพระเอกของวันนี้นะครับ

00:11:5600:12:03 เซลล์ไขมันหลั่งฮอร์โมนหลักๆ ออกมาสำคัญๆ อยู่ 3-4 ตัว

00:12:0300:12:06 มีหลายตัวมากนะ เขาวิจัยกันเยอะ วันนี้หมอจะสรุปให้ฟัง

00:12:0600:12:10 สัก 3-4 ตัว วันนี้เราจะได้การบ้านไปนะครับ

00:12:1000:12:13 ไปนั่งอ่าน ไปนั่งค้น ไปนั่งดู

00:12:1300:12:15 เราจะได้เข้าใจร่างกายเรา

00:12:1500:12:18 ใครที่ไม่อ้วนก็จะได้ศึกษาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองอ้วน

00:12:1800:12:23 ถ้าใครอ้วนแล้วก็จะได้รู้ว่าเขาอยู่ในร่างกายเรา

00:12:2300:12:28 เราจะได้ช่วยในการจัดการกับเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ

00:12:2800:12:30 ฮอร์โมนตัวที่ 1 ชื่อว่า เลปติน นะครับ

00:12:3000:12:33 เลปติน เป็นฮอร์โมนที่หลั่งมากจากเซลล์ไขมัน

00:12:3300:12:36 ค้นพบในปี ค.ศ. 1994 นะครับ

00:12:3600:12:40 เป็นกรดอะมิโนรวมกัน 167 ตัว

00:12:4000:12:42 ตัวนี้หลั่งออกมาจากเซลล์ไขมัน

00:12:4200:12:45 ส่งสัญญาณไปที่ไฮโปทาลามัสในสมอง

00:12:4500:12:50 แล้วบอกเขาว่าเราอิ่มแล้ว

00:12:5000:12:52 บางคนเรียกฮอร์โมนตัวนี้ว่าฮอร์โมนอิ่ม

00:12:5200:12:57 แต่ความเข้าใจนี้ยังต้องค่อยๆ เรียนรู้นะครับ

00:12:5700:13:00 ของบางอย่างไม่ได้ตรงมาแปลว่าเยอะดี น้อยดี

00:13:0000:13:03 บางตัวใช่ บางตัวไม่ใช่นะครับ

00:13:0300:13:07 ตัวเลปตินนี้ เวลาเรามีเซลล์ไขมันเยอะๆ เขาจะหลั่งฮอร์โมนตัวนี้ออกมา

00:13:0700:13:10 เพื่อบอกสมองว่ามีไขมันอยู่เท่าไหร่

00:13:1000:13:16 แสดงว่าคนที่อ้วนมาก ไขมันเยอะ จะหลั่งฮอร์โมนเลปตินเยอะ

00:13:1600:13:21 คนที่ผอมๆ ไม่มีไขมันเลย ก็จะหลั่งฮอร์โมนเลปตินน้อย

00:13:2100:13:25 ฉะนั้นฮอร์โมนตัวนี้ทำหน้าที่ควบคุมเรื่องพลังงาน

00:13:2500:13:27 เรื่องแคลอรี่ที่เรากินนะครับ

00:13:2700:13:29 ถ้าเราอ้วนมากเลปตินก็จะเยอะ

00:13:2900:13:32 ถ้าเราไม่อ้วนเลปตินก็จะน้อยนะครับ

00:13:3200:13:35 เพราะฉะนั้นเวลาคนเรามีเซลล์ไขมันเยอะ

00:13:3500:13:37 หลั่งฮอร์โมนเลปตินออกมาเยอะ

00:13:3700:13:39 สัญญาณเลปตินขึ้นไปถึงสมองปุ๊ป

00:13:3900:13:42 สมองก็จะรู้ว่า ต้องอิ่มได้แล้ว

00:13:4200:13:45 สมองก็จะสั่งการให้เราทานน้อยลง

00:13:4500:13:48 และเผาเยอะขึ้นเพื่อไม่ให้ไขมันเยอะเกินไป

00:13:4800:13:52 กลับกันสำหรับคนที่ไม่อ้วน เลปตินก็ไม่เยอะนะครับ

00:13:5200:13:57 พอเลปตินน้อยลงไปมากๆ ร่างกายก็จะสั่งให้ทานมากขึ้น

00:13:5700:14:00 แล้วก็อย่าไปเผาเขาเยอะนะ ร่างกายก็จะเป็นแบบนี้

00:14:0000:14:02 เขาเรียกว่า Negative feedback

00:14:0200:14:06 คือ ตัวไหนเยอะ ตัวนั้นก็ปรับน้อย ตัวไหนน้อย ก็ปรับเยอะ

00:14:0600:14:10 แต่ในคนที่เป็นโรคอ้วนนี่เกิดอาการคล้ายๆ กับอินซูลินครับ

00:14:1000:14:13 คือเลปตินหลั่งออกมาเตือนบ่อยๆ ว่าอิ่มได้แล้ว

00:14:1300:14:16 ติดต่อกันเป็นเวลานาน และเซลล์ไขมันก็เยอะ

00:14:1600:14:19 ก็เกิดภาวะดื้อต่อเลปตินนะครับ

00:14:1900:14:22 ก็คือเลปตินมาเตือนว่าให้หยุดกิน

00:14:2200:14:26 แต่เป็นนานครับ เตือนไปก็เริ่มไม่ฟัง

00:14:2600:14:31 ถึงจุดหนึ่งก็เกิดภาวะ Leptin resistance หรือภาวะดื้อเลปติน

00:14:3100:14:34 เมื่อเขาเตือนแล้วเราไม่หยุด หรือเราไม่อิ่ม เราทำอย่างไรครับ

00:14:3400:14:38 เราก็ยิ่งหิวกว่าเดิม กินเยอะกว่าเดิม เผาผลาญน้อยกว่าเดิม

00:14:3800:14:41 การอยากออกกำลังก็น้อยกว่าเดิมนะครับ

00:14:4100:14:42 คราวนี้คิดภาพตาม

00:14:4200:14:46 คนที่ไขมันเยอะๆ น้ำหนักเยอะ

00:14:4600:14:49 แล้วเราลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

00:14:4900:14:52 พอเราลดน้ำหนักเสร็จปุ๊ป ไขมันก็ต้องน้อยลงใช่ไหมครับ

00:14:5200:14:56 พอน้อยลง ตัวเลปตินก็ตกตามไปด้วย

00:14:5600:14:59 พอตกลงไปปั๊ป ก็ส่งสัญญาณไปที่สมองว่า

00:14:5900:15:02 ให้กินเยอะขึ้นอีก นี่คือที่มาของโยโย่เอฟเฟกต์

00:15:0200:15:05 เพราะฉะนั้นเวลาลดน้ำหนักเร็วเกินไปไม่ดีนะครับ

00:15:0500:15:08 ต้องค่อยๆ ลงอย่างมีคุณภาพ

00:15:0800:15:13 ให้มั่นใจว่าสิ่งที่ลดลงไปเป็นไขมัน ไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ปัสสาวะ

00:15:1300:15:15 ไม่ใช่กล้ามเนื้อ ไม่ใช่มวลกระดูก

00:15:1500:15:18 เพราะฉะนั้นการลดเร็วเกินไปเป็นเอฟเฟกต์

00:15:1800:15:21 ให้เกิดโยโย่จากฮอร์โมนเลปตินนี่แหละครับ

00:15:2100:15:25 พอเราเกิดภาวะ Leptin resistance หรือดื้อต่อเลปติน

00:15:2500:15:27 ก็จะก่อให้เกิดโรคเพียบเลยนะครับ

00:15:2700:15:30 ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบในร่างกายก็จะเยอะขึ้น

00:15:3000:15:33 เพราะเซลล์ไขมันหลั่งการอักเสบออกมานะครับ

00:15:3300:15:37 เซลล์ไขมันต่างๆ ไหลไปในเลือด ไปเกาะอยู่ตามผนังไขมัน

00:15:3700:15:40 ไปเกาะอยู่ตามตับ ไปเกาะแทรกอยู่ในลำไส้

00:15:4000:15:42 ไปแทรกแทรกอยู่ในตับอ่อนนะครับ

00:15:4200:15:46 คนที่อ้วนๆ ยุบๆ บ่อยๆ นี่ไม่ดีมากๆ

00:15:4600:15:48 จะคุมน้ำหนักหรือลดได้ยากยิ่งกว่าเดิมนะครับ

00:15:4800:15:51 เพราะฉะนั้นถ้าตัดสินใจจะคุมน้ำหนักแล้ว

00:15:5100:15:52 ลดลงไปจนหุ่นดีได้แล้ว

00:15:5200:15:56 จงรักษาความดีนั้นไว้ให้นานๆ นะครับ

00:15:5600:16:00 แล้วก็เรื่องของอาหารที่แพ้ โดยเฉพาะกลุ่ม IgG4

00:16:0000:16:02 Food Intolerance หรืออาหารที่แพ้

00:16:0200:16:05 เพราะทานเยอะเกินไปแล้วย่อยไม่ดี ร่างกายไม่ดี

00:16:0500:16:10 คนแพ้อาหารประเภทต่างๆ กินเข้าไปยิ่งอักเสบ ยิ่งแพ้

00:16:1000:16:13 ยิ่งก่อให้เกิดโรคอ้วน

00:16:1300:16:14 ฉะนั้นทฤษฎีในการลดเลปติน

00:16:1400:16:19 หรือทำให้เลปตินเราออกฤทธิ์มีประสิทธิภาพ

00:16:1900:16:22 ไม่เรียกว่าลดดีกว่านะ เพราะว่าน้อยเกินก็ไม่ดี มากเกินก็ไม่ดี

00:16:2200:16:24 ต้องทำงานเหมาะสมก็คือ

00:16:2400:16:28 1. ต้องลดรอบเอว ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดี

00:16:2800:16:31 โดยเฉพาะ High Fructose Corn Syrup

00:16:3100:16:34 โดยเฉพาะ Trans Fat และก็ไขมันอิ่มตัวต่างๆ

00:16:3400:16:37 โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ ต้องระวังมากๆ

00:16:3700:16:39 จากเนื้อมัน จากนมมัน จากไข่มัน

00:16:3900:16:42 ต้องทานแต่พอดี ทานแต่น้อยนะครับ

00:16:4200:16:44 แล้วทานโปรตีนจากพืชให้เยอะ

00:16:4400:16:46 ทานโปรตีนจากปลาให้มากนะครับ

00:16:4600:16:51 แล้วที่สำคัญที่สุดครับ การนอนนะครับ

00:16:5100:16:55 ใครฟังในตอนที่แล้วนี่ หมอจะพูดเรื่องการนอนกับเลปตินนะครับ

00:16:5500:16:58 เวลาคนเรานอนดึก

00:16:5800:17:03 เมื่อเรานอนดึกปุ๊บ ฮอร์โมนเลปตินจะลดลง

00:17:0300:17:06 พอลดลงปุ๊บก็แสดงว่าจะทำให้เราหิวนะครับ

00:17:0600:17:10 ถ้าฮอร์โมนเลปตินมีระดับที่เหมาะสมก็จะอิ่มปกติ

00:17:1000:17:14 แต่พอเรานอนน้อยปุ๊บ วันรุ่งขึ้นเลปตินหลั่งน้อย

00:17:1400:17:17 เราก็จะอยากทานมากขึ้น

00:17:1700:17:20 แสดงว่าการนอนน้อยในการวิจัยที่หมอบอก

00:17:2000:17:23 นอนไม่ถึง 5-6 ชั่วโมงติดต่อกัน 5 วัน

00:17:2300:17:27 จะอยากกินแคลอรี่มากขึ้นวันละ 300 แคลอรี่

00:17:2700:17:30 โอ้โห อาทิตย์หนึ่งก็ขึ้นเยอะเลยแหละครับ

00:17:3000:17:34 อันนี้คือฮอร์โมนเลปติน หรือที่มีชื่อย่อว่าฮอร์โมนอิ่ม

00:17:3400:17:38 แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ตรงไปตรงมาแบบนั้นนะครับ

00:17:3800:17:41 ไปดูอีกตัวหนึ่งที่ถือว่าเป็นฮอร์โมนจากไขมันเหมือนกัน

00:17:4100:17:43 แต่เป็นฮอร์โมนดีนะครับ

00:17:4300:17:46 ตัวนี้ชื่อว่า Adiponectin นะครับ

00:17:4600:17:51 A-D-I-P-O-N-E-C-T-I-N นะครับ

00:17:5100:17:54 Adiponectin ค้นพบหลังจากเลปตินหนึ่งปี

00:17:5400:17:57 ปี ค.ศ. 1995 นะครับ

00:17:5700:18:01 เป็นกรดอะมิโน หรือโปรตีนต่อกัน 244 ตัว

00:18:0100:18:02 พบมากในไหนครับฮอร์โมนดี

00:18:0200:18:05 ในตับและกล้ามเนื้อนะครับ

00:18:0500:18:10 แสดงว่าตับและกล้ามเนื้อทำหน้าที่เผาผลาญไขมันนั่นเอง

00:18:1000:18:13 Adiponectin receptor 1 ตัวรับอยู่ที่กล้ามเนื้อ

00:18:1300:18:17 Adiponectin receptor 1 ตัวรับอยู่ที่ตับนะครับ

00:18:1700:18:22 ถ้าไขมันเยอะๆ เป็นโรคอ้วน Adiponectin ก็จะน้อย

00:18:2200:18:26 ถ้าแข็งแรงหุ่นดี Adiponectin ก็จะเยอะนะครับ

00:18:2600:18:30 ตัวนี้ตรงไปตรงมา เยอะคือดี น้อยคือไม่ดี

00:18:3000:18:31 ไม่เหมือนเลปติน ไม่เหมือนอินซูลิน

00:18:3100:18:36 ที่น้อยเกินก็ไม่ใช่ว่าจะดี เยอะเกินก็ใช่ว่าจะดี

00:18:3600:18:41 อยู่ในระดับที่เหมาะสมถึงจะสร้างสมดุลให้ร่างกายได้นะครับ

00:18:4100:18:44 ถ้า Adiponectin เยอะ ก็จะเพิ่มการเผาผลาญไขมัน

00:18:4400:18:48 โดยเฉพาะในตับในกล้ามเนื้อ ก็จะเผากันเหมือนโรงงานเผา

00:18:4800:18:50 เผาไขมันออกจากร่างกายนะครับ

00:18:5000:18:53 ถ้า Adiponectin น้อยปุ๊บก็จะทำให้อินซูลินทำงานไม่ดี

00:18:5300:18:56 ทำให้เกิดภาวะโรคอ้วน ทำให้เกิดภาวะเบาหวาน

00:18:5600:18:59 ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับนะครับ

00:18:5900:19:03 หรือจะเกิดจากเหล้าก็ดี เกิดจากไม่ใช่แอลกอฮอล์ก็ดี

00:19:0300:19:08 NAFLD ก็คือไขมันพอตับที่ไม่ได้เกิดจากสุรานะครับ

00:19:0800:19:12 ชื่อเต็มๆ ว่า Non-Alcoholic Fatty Liver Disease

00:19:1200:19:16 ก็คือไขมันพอกตับที่เกิดมาจากกินชานมไข่มุกเยอะเกิน

00:19:1600:19:19 กินขนม นม เนย เยอะเกิน กินขาหมู

00:19:1900:19:24 กินมันหมู กินเนื้อวากิว เยอะแยะมากมาย

00:19:2400:19:29 ซีฟู้ด หัวกุ้ง ไข่ปู หอยนางรม เยอะไม่ได้นะครับ

00:19:2900:19:30 เยอะเป็นพิษนะครับ

00:19:3000:19:33 น้อยไปก็ตึงเกินเดี๋ยวจะเครียดอีกนะครับ

00:19:3300:19:36 ถ้าเมื่อไหร่ Adiponectin น้อยก็จะเกิดการอักเสบครับ

00:19:3600:19:41 โดยเฉพาะสาร CRP หรือการอักเสบนี่ก็จะเพิ่มขึ้นในร่างกาย

00:19:4100:19:43 วันนี้เรารู้จักหลายตัวเลยนะครับ

00:19:4300:19:46 อีกตัวหนึ่งแถมท้ายไว้หน่อย คือ Resistin นะครับ

00:19:4600:19:49 Resistin ค้นพบปี ค.ศ. 2001 นะครับ

00:19:4900:19:52 เป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากไขมันเหมือนกัน ตัวนี้เยอะไม่ดี

00:19:5200:19:56 คนเป็นโรคอ้วนเยอะๆ ก็จะมี Resistin เยอะๆ

00:19:5600:19:58 มีการอักเสบเยอะนะครับ

00:19:5800:20:01 ตัวสุดท้ายก่อนจบวันนี้ชื่อว่า Ghrelin นะครับ

00:20:0100:20:07 Ghrelin นี้หลั่งจากกระเพาะอาหาร เรียกชื่อเล่นว่า ฮอร์โมนหิว

00:20:0700:20:11 เวลาก่อนกินเราจะหลั่ง Ghrelin ออกมาเยอะเพราะเราหิว

00:20:1100:20:14 พอเราทานเสร็จปุ๊บ Ghrelin ก็จะหยุดหลั่ง

00:20:1400:20:16 เราก็หยุดกินนะครับ

00:20:1600:20:21 ฉะนั้นก่อนกินจะเพิ่มสูง แล้วพอทานเสร็จก็จะลดลง

00:20:2100:20:22 แต่คนอ้วนเป็นอย่างไรครับ

00:20:2200:20:25 คนอ้วนกินเยอะบ่อยๆ

00:20:2500:20:30 ก่อนกิน Ghrelin สูง พอหยุดกินปุ๊บ Ghrelin ไม่ลดนะครับ

00:20:3000:20:32 พอไม่ลดปุ๊บก็ไม่หยุดกินสิครับ

00:20:3200:20:35 ก็ทานต่อ ทานต่อ

00:20:3500:20:39 เพราะฉะนั้นอาหารที่ทำให้ Ghrelin ทำงานผิดปกติก็คือ

00:20:3900:20:43 พวกน้ำอัดลม อะไรที่น้ำตาลเยอะๆ นะครับ

00:20:4300:20:45 ผสม High Fructose Corn Syrup เข้าไป

00:20:4500:20:48 หรือน้ำตาล HFCS เนี่ย

00:20:4800:20:53 เราอ่านในฉลากจะมีอยู่ว่าเป็นน้ำตาลที่มนุษย์ผลิตขึ้นมานะครับ

00:20:5300:20:57 ทำให้หวานกว่าปกติ ทำให้อุตสาหกรรมอาหารประหยัดไปได้

00:20:5700:21:00 แต่ทำให้กินอย่างไรก็ไม่อิ่มสักที กินไปเรื่อย

00:21:0000:21:03 ก็ก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนนะครับ

00:21:0300:21:06 วันนี้ก็พอสมควรแก่เวลา

00:21:0600:21:08 ในตอนปฐมบทของโรคอ้วน

00:21:0800:21:12 หมอมาเล่าให้หลายๆ ท่าน ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ

00:21:1200:21:14 ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์

00:21:1400:21:19 เราก็สามารถที่จะเรียนรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายเราได้

00:21:1900:21:21 เพราะทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะรู้

00:21:2100:21:25 เพราะนี่คือสิ่งที่มนุษย์วิจัยลงไปลึกเพื่อบอกให้ทุกคนฟังว่า

00:21:2500:21:28 ร่างกายเราทำงานอย่างไร

00:21:2800:21:31 ถ้าเราเข้าใจเขา เราจะไม่ยั่วยุเขา

00:21:3100:21:33 เราจะไม่ประมาทเรื่องนี้

00:21:3300:21:38 และเราจะมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพนะครับ

00:21:3800:21:42 ลดโอกาสการนอนบนเตียง ลดโอกาสการนั่งรถเข็น

00:21:4200:21:45 ไม่ต้องให้ลูกหลานมาลำบาก นั่งดูแลเรา

00:21:4500:21:46 ไม่เป็นภาระใคร

00:21:4600:21:48 อายุยืนยาวแบบมีคุณภาพ

00:21:4800:21:52 ล้างก้นได้ เดินได้ ทานอาหารได้

00:21:5200:21:54 ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้

00:21:5400:21:56 จำลูกจำหลานได้

00:21:5600:21:59 นี่คือความปรารถนาสูงสุดของหมอ

00:21:5900:22:05 อยากให้ทุกคนที่ได้ฟัง สุขภาพดี อายุยืนยาว แบบมีคุณภาพ

00:22:0500:22:08 วันนี้ก็ขออนุญาตจบตอนนี้ไว้เท่านี้

00:22:0800:22:10 แล้วเดี๋ยวตอนหน้าเรามาคุยกันต่อ

00:22:1000:22:13 เรื่องโรคอ้วนนี่เราต้องคุยกันยาวทีเดียวนะครับ

00:22:1300:22:15 วันนี้ก็ขอกราบสวัสดีทุกท่าน

00:22:1500:22:16 ขอบคุณครับ