00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice จริงๆแล้วอีกเนี่ยมันมาจากคำว่าอก
00:00:08 → 00:00:10 Centric เหมือนกันนะการเอาตัวเองเป็นที่
00:00:10 → 00:00:13 ตั้งคือตัวตนคืออัตตราคือตัวเราทีนี้คำ
00:00:13 → 00:00:16 ว่าอกจัดในคำไทยที่เราใช้ในเซ้นของภาษา
00:00:16 → 00:00:19 เนี่ยมันหมายถึงว่าคนๆเนี้ยอัตราสูงยึด
00:00:19 → 00:00:22 มั่นในตัวเองสูงเชื่อมั่นตัวเองสูงไม่ฟัง
00:00:22 → 00:00:24 ใครเขาจะบอกว่าคนอื่นตั้งหากที่อ่อนคน
00:00:24 → 00:00:26 อื่นต่างหากที่เวบสายทัศน์ไม่ถึงตัวเขา
00:00:26 → 00:00:29 ต่างหากที่ถูกที่สุดมีเกาะกำบังมีกำแพงมี
00:00:29 → 00:00:32 การโทษคนอื่นมีการใช้เหตุผลอ้างๆข้างๆคูๆ
00:00:32 → 00:00:34 อะไรอย่าเงี้ยครับแล้วรู้สึกว่าคนที่จะ
00:00:34 → 00:00:37 คุยแล้วก็จะแบบคนนี้มันช่างแถคนนี้มันแบบ
00:00:37 → 00:00:39 ไม่ฟังคนนี้มันแข็งเหลือเกินหูดับไปแล้ว
00:00:39 → 00:00:41 เงี้ยคือต้องบอกว่าสุดท้ายทุกคนจะมีชตา
00:00:41 → 00:00:43 กรรมของตัวเองบางคนก็คือมีชตากรรมอย่าง
00:00:43 → 00:00:45 เงี้ยอีโก้ไปเรื่อยๆแล้วสุดท้ายตายอย่าง
00:00:45 → 00:00:47 โดดเดี่ยวก็
00:00:47 → 00:00:51 มีฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภยฟัง
00:00:51 → 00:00:57 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ is
00:00:57 → 00:01:01 pbsc วันนี้เราจะมาพูคุยกันถึงเรื่องของ
00:01:01 → 00:01:06 ความเป็นคนที่มีอีก้สูงๆนะคะจุดที่เตือน
00:01:06 → 00:01:09 อะไรก็ไม่ได้แล้วพูดอะไรก็ไม่ได้คุยอะไร
00:01:09 → 00:01:12 ก็ไม่ได้นะคะยังไงดีล่ะทีนี้ถ้าเกิดว่า
00:01:12 → 00:01:15 เราต้องอยู่กับคนที่มีอีโก้เยอะๆกับดร
00:01:15 → 00:01:18 สุววุฒิวงทางสวัสดิ์นจิตวิทยาการปรึกษา
00:01:18 → 00:01:20 ค่ะสวัสดีค่ะคุณเอินสวัสดีครับคุณรี
00:01:20 → 00:01:22 สวัสดีครับคุณผู้ฟังพพูดถึงเรื่องของ
00:01:22 → 00:01:24 อีโก้คือทุกคนน่ะเชื่อว่าน่าจะมีอีโก้
00:01:24 → 00:01:29 อยู่แหละอืๆมากน้อยต่างกันแต่อีโก้จะจัด
00:01:29 → 00:01:33 ถึงขั้นขนาดว่าเคยมีเอ่อเรียกว่าอะไรคนใน
00:01:33 → 00:01:36 วงการแสดงท่านนึงก็บอกว่าจุดที่อันตราย
00:01:36 → 00:01:39 ที่สุดคือจุดที่ใครก็เตือนคุณไม่ได้มัน
00:01:39 → 00:01:42 เป็นประโยคที่น่าสนใจมากเลยนะนั่นมันมา
00:01:42 → 00:01:45 ซึ่งของความมั่นใจความอีโก้เอ๊ยแล้วความ
00:01:45 → 00:01:47 มั่นใจกับอีโก้มันอันเดียวกันมหรือว่ามัน
00:01:47 → 00:01:50 ยังไงคือคำว่าอีโก้เนี่ยจริงๆถ้าพูดใน
00:01:50 → 00:01:52 เชิงวิชาการนะครับอีโก้นี่มันไล่มาจากคำ
00:01:52 → 00:01:55 ในเชิงทฤษฎีจิตวิเคราะห์อะไรเงี้ยฮะที่จะ
00:01:55 → 00:01:57 พูดถึงอีโกมันจะมีคำว่าซุเปอร์อีกมีอีก
00:01:57 → 00:01:59 แล้วมีอิฐแต่นี้พูดแล้วจะซับซ้อนไปมย
00:01:59 → 00:02:01 เนี่ยแต่พูดพูดไว้หน่อยก็ดีเพราะว่าถ้า
00:02:01 → 00:02:04 เกิดคนศึกษาจิตวิทยาครับจะได้ยินคำพวกนี้
00:02:04 → 00:02:07 อยู่บ้างซุเปอร์อกซุเปอร์อกอีกแล้วก็อิ
00:02:07 → 00:02:09 อ่ะผมผมพูดอย่างงี้แล้วกันเนาะทางจิต
00:02:09 → 00:02:12 วิเคราะห์เนี่ยหาเขจะเชื่อว่าอิฐเนี่ยมัน
00:02:12 → 00:02:15 คือสันทิยาที่เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก
00:02:15 → 00:02:18 เป็นเรื่องของความต้องการเป็นของอะไรก็
00:02:18 → 00:02:20 ตามที่แบบมนุษย์จะมีความต้องการโดยที่ไม่
00:02:20 → 00:02:22 ต้องพูดถึงความผิดชอบชั่วดีเป็นแรงขับ
00:02:22 → 00:02:25 ล้วนๆอย่างเงี้ยครับส่วนซอร์อกเนี่ยจะ
00:02:25 → 00:02:27 เป็นสิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมมโนธรรมว่า
00:02:27 → 00:02:30 อะไรควรไม่ควรทีนี้อีกจะเป็นเป็นตัวตรง
00:02:30 → 00:02:33 กลางที่จะต้องหาจุดพอดีระหว่างเรารู้สึก
00:02:33 → 00:02:35 ไม่อยากรู้สึกผิดไม่อยากรู้สึกเป็นคนไม่
00:02:35 → 00:02:37 ดีพร้อมเป็นกับการที่ยังได้ตอบสนองความ
00:02:37 → 00:02:40 ต้องการตัวเองอยู่อือ่าอันนี้อาจจะซับ
00:02:40 → 00:02:42 ซ้อนหน่อยนะครับทางทฤษฎีตรงนี้ก็จะบอกว่า
00:02:42 → 00:02:44 อีก้ก็จะเป็นตัวที่แบบต้องประสานความ
00:02:44 → 00:02:47 ต้องการของทั้ง 2 ฝั่งแล้วก็ต้องปรับรูป
00:02:47 → 00:02:49 แบบการใช้ชีวิตให้รู้สึกว่าตัวเองยังคง
00:02:49 → 00:02:52 สุขภาพจิตดีได้โดยที่ไม่ขัดแย้งเกินไปอัน
00:02:52 → 00:02:54 นี้อ่าแต่ไม่เป็นไรอันนี้พูดพูดฝากไว้ตา
00:02:54 → 00:02:58 ลอยเลยตาลอยตาลอยแต่ทีนี้พอพอพูดถึงคำที่
00:02:58 → 00:03:00 มันง่ายขึ้นหน่อยไม่ต้องพูดถึงทฤษฎีและ
00:03:00 → 00:03:02 จริงๆแล้วอีกเนี่ยมันมาจากคำว่า Ego
00:03:02 → 00:03:04 Centric เหมือนกันนะการเอาตัวเองเป็นที่
00:03:04 → 00:03:07 ตั้งอีกมันเป็นคำเหมือนเซนของคำตัวแทน
00:03:07 → 00:03:11 เหมือนกับคือตัวตนคืออัตราคือตัวเราอย่าง
00:03:11 → 00:03:14 เงี้ยฮะทีนี้คำว่าอีโก้จัดอีโก้แข็งอีโก้
00:03:14 → 00:03:17 แรงอีโก้เหลือเกินอะไรเงี้ยฮะในคำไทยที่
00:03:17 → 00:03:19 เราใช้ในเซนของภาษาเนี่ยมันหมายถึงว่าคนๆ
00:03:19 → 00:03:23 เนี้ยอัตราสูงยึดมั่นในตัวเองสูงอืเชื่อ
00:03:23 → 00:03:27 มั่นตัวเองสูงไม่ฟังใครเรารู้สึกเซ้นของ
00:03:27 → 00:03:31 คำมั้ยครับคำที่เราใช้ในภาษาไทย
00:03:31 → 00:03:35 ใช่คิดว่าตัวเองเจสุดี้เออคือเหมือนคำ
00:03:35 → 00:03:37 อีโก้อ่ะมันมันเราพอพูดอีโกปุ๊บเราเข้าใจ
00:03:37 → 00:03:40 เลยโดยความหมายมันเป็นภาษาแบบเหมือนเป็น
00:03:40 → 00:03:42 เค้าเรียกอะไรภาษาอังกฤษทำศัพ์ไปแล้วอ่ะ
00:03:42 → 00:03:45 เออมันไม่ได้แบบว่าความหมายที่แท้จริงคือ
00:03:45 → 00:03:48 อะไรยังไงถ้างั้นอีโก้กับการเป็นศูนย์
00:03:48 → 00:03:52 กลางจักรวาลอ่ามีความเหมือนหรือต่างกัน
00:03:52 → 00:03:54 ยังไงมั้ยคือศูนย์กลางจักรวาลเนี่ยคือ
00:03:54 → 00:03:56 เหมือนกับว่าฉันจะต้องสำคัญสุดจริงๆมัน
00:03:56 → 00:03:59 อาจจะโผล่ไปที่บุคลิกภาพนิจริงๆแล้ว
00:03:59 → 00:04:01 เรื่องเชื่อมั่นในตัวเองสูงเนี่ยครับว่า
00:04:01 → 00:04:03 เอ้ยมันแตกต่างจากอีโก้มยบางทีเชื่อมั่น
00:04:04 → 00:04:05 ในตัวเองสูงเนี่ยอาจจะเกิดขึ้นมาจากการ
00:04:05 → 00:04:09 สะสมผลงานประสบการณ์บางอย่างจนทำให้เขา
00:04:09 → 00:04:11 เกิดความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีความสามารถ
00:04:11 → 00:04:13 จริงๆก็ได้แต่จุดที่มันจุดตัดใช้คำว่าจุด
00:04:13 → 00:04:17 ตัดเนาะเส้นบางๆเออที่ตัดคือเายังคงมี
00:04:17 → 00:04:19 ความถ่อมตัวหรือเปล่าคนเชื่อมั่นในตัวเอง
00:04:19 → 00:04:22 สูงไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนไม่ถ่อมตัวบางที
00:04:22 → 00:04:24 คนเชื่อมั่นตัวเองสูงเห็นคุณค่าตัวเองสูง
00:04:24 → 00:04:27 อาจจะยังมีความถ่อมตัวกำกับไว้อือเพื่อ
00:04:27 → 00:04:29 ที่เขาจะเปิดช่องว่าบางทีตัวเขาอาจจะไม่
00:04:29 → 00:04:31 ใช่คนคนที่สมบูรณ์หรือถูกต้องทุกอย่างก็
00:04:31 → 00:04:33 ได้ค่ะแต่จากประสบการณ์ที่เขาเห็นมาจาก
00:04:33 → 00:04:35 การสัมผัสในสิ่งที่ตัวเองได้ลงมือเขาเห็น
00:04:35 → 00:04:38 ความสำเร็จหลายๆครั้งที่เกิดขึ้นจากตัวเา
00:04:38 → 00:04:40 เขาอาจจะกลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวเอง
00:04:40 → 00:04:42 เชื่อมั่นในความสามารถตัวเองแต่ยังคงมี
00:04:42 → 00:04:46 ความถ่อมตัวกำกับไว้เสมอไอ้ตรงเนี้ยคือคน
00:04:46 → 00:04:48 ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองหรือเรียกว่า
00:04:48 → 00:04:50 Self esteem แต่แต่ยังคง Healthy
00:04:50 → 00:04:53 Healthy คือสุขภาพจิตดีอืแต่ถ้าคนไม่
00:04:53 → 00:04:56 Health สุขภาพจิตไม่ดีคือเชื่อไปเองว่า
00:04:56 → 00:05:00 เราเจ๋งสุดคือใช่แหละอาจจะมีผลงานค่ะแต่
00:05:00 → 00:05:02 แต่เขาจะไม่มีความส่อมตัวกำกับเขาจะบอก
00:05:02 → 00:05:05 ว่าคนอื่นต่างหากที่อ่อนอุ้ยคนอื่นต่าง
00:05:05 → 00:05:08 หากที่วิสัยวิสัยทัศน์ไม่ถึงอืตัวเค้า
00:05:08 → 00:05:10 ต่างหากที่ถูกที่สุดเราเห็นความเข้มมั้ย
00:05:10 → 00:05:14 ฮะอ่าาฮะการมีความส่อมตัวกำกับว่าก็เราก็
00:05:14 → 00:05:17 เก่งนะแต่อาจจะมีอะไรที่ต้องค่อยๆดูหรือ
00:05:17 → 00:05:19 เปล่านะออือค่อยมีต้องฟังคนอื่นรือเป่านะ
00:05:19 → 00:05:21 เรียนรู้อีกเยอะเออ่าอย่างเงี้ยครับอัน
00:05:21 → 00:05:23 นี้คือเชื่อมั่นแต่มีความถ่อมตัว Healthy
00:05:23 → 00:05:27 นี้เตี้สุขภาพดีแต่อันสุขภาพไม่ดีก็คือ
00:05:27 → 00:05:30 ชั้นเจ๋งสุดคนอื่นต่างหากที่มันไม่ใช่
00:05:30 → 00:05:32 อันเนี้ยเราจะเห็นเซ้นของความเหยียดรู้
00:05:32 → 00:05:35 สึกมั้ยฮะเซนคือตัวหนึ่งตัวยืนตัวตัวแม่
00:05:35 → 00:05:37 อะไรอย่างเงี้ใช่มั้ยใช่ครับใช่ซึ่งพวก
00:05:37 → 00:05:39 นี้แ่ะคือเซ้นส์ของคำภาษาไทยที่เราทับศั
00:05:39 → 00:05:42 กันมาเนี่ยว่าอีโก้จัดเหลือเกินคุยปั๊บ
00:05:42 → 00:05:45 เด้งออกมามีเกาะกำบังมีกำแพงมีการโทษคน
00:05:45 → 00:05:49 อื่นมีการใช้เหตุผลอ้างๆข้างๆคูๆอะไรอย่า
00:05:49 → 00:05:51 เงี้ยครับแล้วรู้สึกว่าคนที่จะคุยแล้วก็
00:05:51 → 00:05:53 จะแบบคนนี้มันช่างแถ้คนนี้มันแบบไม่ฟังคน
00:05:53 → 00:05:55 นี้มันแข็งเหลือเกินหูดับไปแล้วอย่าง
00:05:55 → 00:05:58 เงี้ยฮะเอส่วนใหญ่เราจะเจอคนที่แบบว่าโห
00:05:58 → 00:06:01 ไม่ฟังอะไรรื้อเ้ยเออเราก็เชื่อมั่นในตัว
00:06:01 → 00:06:04 เองสุดๆเราก็จะโหอีโก้โคตรเยอะเลยออ่า
00:06:04 → 00:06:06 นั่นแะครับเนี่ยมันเป็นเซนของคำนี้แหละใช
00:06:06 → 00:06:08 เอออเราก็จะลุกเข้าใจโดยนัยยะอยู่แล้วอ่ะ
00:06:08 → 00:06:11 เอใช่ครับทีนี้คิดว่าอะไรทำให้เกิด
00:06:11 → 00:06:13 บุคลิกภาพหรือคนที่เป็นแบบนี้ขึ้นมาคือ
00:06:13 → 00:06:15 ต้องการการยอมรับหรอการยอมรับมันเป็น
00:06:16 → 00:06:18 เรื่องนึงเหมือนกันแต่จริงๆแล้วแเอาจจะมี
00:06:18 → 00:06:20 พาร์ทที่เราคุยกันตะกี้ว่าเขามีความเชื่อ
00:06:20 → 00:06:23 มั่นตัวเองให้สูงเกินเาไม่ได้แบบคิดเลย
00:06:23 → 00:06:25 ว่ามันจะมีจุดช่องโหวจุดที่อาจจะผิดพลาด
00:06:25 → 00:06:28 หรือจุดที่เขาไม่สมบูรณ์มันเกิดจากคนที่
00:06:28 → 00:06:31 มาทำให้เาเกิดอีโก้สูงหรือว่าตัวเาเองอ่ะ
00:06:31 → 00:06:34 คิดไปเองมันมีความตัวเขาเองด้วยแล้วก็บาง
00:06:34 → 00:06:36 คนนะครับต้องบอกว่าที่อีโก้สูงเพราะเค้า
00:06:36 → 00:06:39 อาจจะเกิดและเติบโตบนสภาพแวดล้อมของการ
00:06:39 → 00:06:42 ถูกตำหนิของการเปรียบเทียบแข่งขันก็มีของ
00:06:42 → 00:06:44 การไม่ถูกยอมรับบางคนเลยต้องสร้างเค้า
00:06:44 → 00:06:46 เรียกว่ากลไกที่แบบเอาไว้เพื่อป้องกันตัว
00:06:47 → 00:06:49 เองเพื่อไม่ให้ตัวเองจิตใจแตกสลายหรือรู้
00:06:49 → 00:06:51 สึกว่าตัวเองด้อยแล้วจนกระทั่งแบบคล้ายๆ
00:06:51 → 00:06:53 ว่าตัวเองจมหรือตอมใจเงี้ยฮะบางครั้งมัน
00:06:53 → 00:06:55 เลยต้องสร้างกลไกบางอย่างเพื่อทำให้ตัว
00:06:55 → 00:06:58 เองแข็งและผลักคนอื่นออกเพื่อให้ตัวเอง
00:06:58 → 00:07:00 ยังรู้สึกดีอยู่อือฮึอืนั่นหมายความว่า
00:07:00 → 00:07:03 จริงๆพื้นฐานเขาอ่ะมีความเปะบางของเซล
00:07:03 → 00:07:06 หรือตัวตนพอตัวตนไม่แข็งแรงตัวตนแบบไม่
00:07:06 → 00:07:09 ได้กว้างพอที่ที่จะโอบรับหลายๆสิ่งเขาก็
00:07:09 → 00:07:11 จะเลือกรับได้แค่บางสิ่งเขาก็จะชอบคำชม
00:07:11 → 00:07:14 มากกว่าเพราะคำชมเป็นมิตรกับเขาอ้ามันทุก
00:07:15 → 00:07:17 คนก็ชอบคำชมอยู่แล้วเนี่ยใช่คำชมเป็นมิตร
00:07:17 → 00:07:20 กับเขาคำชมสคำสรรเสริญเป็นมิตรกับเขา
00:07:20 → 00:07:23 เพราะงั้นคนอีโก้จัดเนี่ยจะชอบมากๆกับการ
00:07:23 → 00:07:26 ฟังคำสรรเสริญคำอวยคำชมถ้าเราถ้าเรา
00:07:26 → 00:07:28 สังเกตเนาะมันจะมีเหมือนกับว่าคนที่อยู่
00:07:28 → 00:07:30 ในตำแหน่งสูงๆเนี่ยก็จะมีการเลี้ยงคนที่
00:07:30 → 00:07:35 ชอบประจบอยู่ใกล้ๆตัวพยักหน้าเฉยๆอย่าง
00:07:35 → 00:07:38 เดียวมีรอยยิ้มที่มุม
00:07:38 → 00:07:40 ปากนั่นเป็นเพราะว่าบางครั้งคนที่อยู่
00:07:40 → 00:07:42 ตำแหน่งสูงเนี่ยเขอาจจะเติบโตมาจากการ
00:07:42 → 00:07:45 ต้องดิ้นรนการต้องแข่งขันอะไรก็ตามปีน
00:07:45 → 00:07:47 ป่ายขึ้นมาพอจุดนึงรู้สึกตัวเองมีอำนาจ
00:07:47 → 00:07:50 ปั๊บมันรู้สึกตัวเองยิ่งใหญ่อทีเนี้ยถ้า
00:07:50 → 00:07:52 เกิดมีใครมาคัดค้านเขาว่าแบบไม่ได้ดีจริง
00:07:52 → 00:07:54 หรอกอะไรเงี้ยเคจะเห็นคนนั้นเป็นศัตรู
00:07:54 → 00:07:58 เพราะมันเป็นการดูหมิ่นตัวตนเเพราะงั้น
00:07:58 → 00:08:01 เขาก็เลยค่อนข้างไปได้ดีกับคนขี้ประจบคน
00:08:01 → 00:08:04 ที่ชอบอวยนายอ๋ออวยนายใช้คำว่าอวยนายมัน
00:08:04 → 00:08:07 ดูเจาะจงไปหน่อยเนาะคนที่อาจจะอวยแบบเป็น
00:08:07 → 00:08:10 หัวหน้าแล้วกันอ่ะเป็นเจ้านายเป็นอะไรก็
00:08:10 → 00:08:13 ตามที่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลหรือเป็นผู้ว่า
00:08:13 → 00:08:15 จ้างอะไรเงี้ยครับคนที่ที่มีผลต่อชีวิต
00:08:15 → 00:08:17 เราอ่ะอ่าใช่ครับใช่เพราะงั้นตรงเมันก็
00:08:17 → 00:08:19 เลยล้อกันไปคนที่ประจบก็จะอยู่ใกล้กับคน
00:08:19 → 00:08:23 ที่มีอีโก้เพราะเขารู้ว่าประจบแล้วชมนาย
00:08:23 → 00:08:26 แล้วเขาจะได้รางวัลบางอย่างจริงมั้ยขนลุก
00:08:26 → 00:08:28 ขนุพูดเหมือนตา
00:08:28 → 00:08:31 เห็นทนี้ทีนี้พอเเซลเปาะบางถูกมั้ยฮะคำชม
00:08:31 → 00:08:34 เป็นมิตรแต่การชมหรือการอวยเนี่ยก็จะยิ่ง
00:08:34 → 00:08:36 สร้างให้ตัวเขายิ่งอัตตาหนาเข้าไปอีก
00:08:36 → 00:08:39 เดี๋ยวเฟังไม่ออกหรอว่ามันอวยอ่ะเอาจจะ
00:08:39 → 00:08:42 ไม่สนก็ได้ครับอุ้ยเพราะว่าคนอีโก้จัดบาง
00:08:42 → 00:08:44 ครั้งเขาจะไม่สนคำวิจารณ์หรือคำที่แบบ
00:08:44 → 00:08:47 แย้งเ้าไม่ไม่คือบางคนอวยอ่ะมันมีการอวย
00:08:47 → 00:08:50 ที่แบบว่ามันมีความไม่จริงใจอยู่ในนั้นก็
00:08:50 → 00:08:54 มีนะหรือแบบบางคนก็เออก็รู้แหละอวยๆไป
00:08:54 → 00:08:57 เหอะมันก็มี 2 อย่างอ่ะครับก็คือไม่รู้
00:08:57 → 00:09:01 ไม่สนและชอบนั่นคือแบบที่ 1 กับแบบที่ 2
00:09:01 → 00:09:04 รู้แหละแต่ก็ชอบชอบอันดีจังเลยเออรู้แหละ
00:09:04 → 00:09:06 แต่ก็ชอบรเออแล้วไงก็ก็เลี้ยงไว้แล้วก็
00:09:06 → 00:09:09 เออเลี้ยงไว้เพื่อให้เราแบบได้คำชมเรื่อย
00:09:09 → 00:09:11 ๆอะไรเงี้ยมันก็เลยทำให้เขากลายเป็นคนที่
00:09:12 → 00:09:15 มีอีโก้สูงมากขึ้นหรเชื่อตัวเองแบบมากๆ
00:09:15 → 00:09:17 มากๆไปเรื่อยๆไปเรื่อยๆก็ส่งเสริมไป
00:09:17 → 00:09:20 เรื่อยๆเพราะงั้นคนคนที่แบบอาจจะมีความ
00:09:20 → 00:09:22 เห็นต้องการจะฟีดแบคเขาหรือว่าให้ความ
00:09:22 → 00:09:24 เสนอแนะอะไรอย่าเงี้ยเคก็จะปฏิเสธแล้ว
00:09:24 → 00:09:26 เห็นเป็นศัตรูอือ่าเพราะงั้นการที่เรามี
00:09:27 → 00:09:29 อีโกจัดอะไรเงี้ยครับมันก็เป็นอะไรที่ทำ
00:09:29 → 00:09:32 ให้เราผลักผลักการเติบโตผลักการเรียนรู้
00:09:32 → 00:09:35 ผลักมิตรภาพบางอย่างทิ้งไปเยอะมากคนที่
00:09:35 → 00:09:38 แบบเอ่ออยู่กับคนที่ต้องเจอคนที่มีอีโก้
00:09:38 → 00:09:39 จัดก็อยากจะถอยตัวเองออกเพราะรู้สึกว่า
00:09:39 → 00:09:43 แบบโอ้โหมันไม่ถูกยอมรับไม่ถูกฟังแถมแบบ
00:09:43 → 00:09:45 มันยังสร้างผลกระทบหลายๆอย่างที่ทำให้ทุก
00:09:45 → 00:09:47 อย่างวุ่นวายขึ้นอะไรเงี้ยฮะยิ่งเค้ามี
00:09:47 → 00:09:50 อำนาจก็ยิ่งมีปัญหาเลยอ่ะเออเข้าใจตรงมุม
00:09:50 → 00:09:52 นี้เลยเพราะแต่ว่าบางคนก็อาจจะบอกว่าทำไม
00:09:53 → 00:09:56 อ่ะก็ก็ฉันก็เป็นของฉันอย่างเงี้ยคือแล้ว
00:09:56 → 00:09:59 ไงก็นี่คือตัวตนฉันอครับเออใช่อันนี้ก็
00:10:00 → 00:10:03 คือการผลักปัญหาไปที่คนอื่นแทนว่าปัญหา
00:10:03 → 00:10:04 ไม่ใช่ของฉันหรอกฉันเป็นของฉันอย่างนี้
00:10:04 → 00:10:07 แหละปัญหาอยู่ที่เธอต่างหากรับไม่ได้อ้า
00:10:07 → 00:10:11 เออถูกมันการปิชัดเลยอีโก้ชัดเลยเนี่ยใช่
00:10:11 → 00:10:13 ครับในขณะที่ตัวเขาอาจจะไม่คำนึงว่าสิ่ง
00:10:13 → 00:10:16 ที่เขาเป็นสร้างผลกระทบกับใครบ้างอืเคเ
00:10:16 → 00:10:19 ไม่สนว่าใครกระทบบ้างเสนแค่ว่าฉันจะเป็น
00:10:19 → 00:10:21 ของฉันอย่างงี้อือฮึมันก็เลยเป็นคนไม่
00:10:21 → 00:10:24 ค่อยน่าอยู่ด้วยคือคืออาจจะเป็น
00:10:24 → 00:10:26 ประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมาที่แบบว่าทำให้
00:10:26 → 00:10:29 เขาเกิดความเชื่อมั่นแล้วก็มีคความคิดว่า
00:10:29 → 00:10:32 เออเนี่ยฉันมาถึงตรงนี้ได้อ่ะมันก็คือจาก
00:10:32 → 00:10:35 ตัวของเขาหรืออะไรก็แล้วแต่ประสบการณ์ที่
00:10:35 → 00:10:40 มีแต่บางคนก็ยังพอที่จะแบบไม่อีโก้เยอะ
00:10:40 → 00:10:44 แต่บางคนก็โอ้โหอีโก้ยาวนานนะสั่งสมมา
00:10:44 → 00:10:46 เรื่อยๆเหมือนบารมีอ่ะอีโก้เหมือนบารมี
00:10:46 → 00:10:49 เลยสั่งสมจังเลยอะไรอย่างเงี้ยจนแบบว่า
00:10:49 → 00:10:53 โอ้โหไม่ฟังใครเลยแม้กระทั่งต่อให้คนที่
00:10:53 → 00:10:58 ใหญ่กว่าเตือนอือๆก็ไม่ฟังอืหรือเพื่อน
00:10:58 → 00:11:04 หรืออะไรก็แล้วแต่แบบอืมันมันแย่เนาะจะ
00:11:04 → 00:11:07 อยู่ยังไงอ่ะเนี่ยคือคือต้องบอกว่าสุด
00:11:07 → 00:11:11 ท้ายทุกคนจะมีชตากรรมของตัวเองเอชตากรรม
00:11:11 → 00:11:13 เลยเหรอชตากรรมเพราะว่าทุกคนทุกคนมี
00:11:14 → 00:11:15 สิทธิ์เลือกที่จะเป็นนะครับเลือกที่จะ
00:11:15 → 00:11:17 เป็นคนที่รับฟังคนอื่นเลือกที่จะเป็นคน
00:11:17 → 00:11:20 อีโก้ต่อไปเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
00:11:20 → 00:11:22 ต่อไปได้ทุกคนมีสิทธิ์ในการเลือกครับแต่
00:11:22 → 00:11:25 ว่าทุกอย่างจากการเลือกจะมีสิ่งที่ตามมา
00:11:25 → 00:11:28 หาเราหลังจากนั้นเสมออือเออเพราะงั้นบาง
00:11:28 → 00:11:30 ทีบางคนน่ะนะครับอาจจะไม่สามารถเรียนรู้
00:11:30 → 00:11:32 ได้เพราะเมัวแต่ไปถูกปิดตาตัวเองเา้าก็จะ
00:11:32 → 00:11:34 มีชะตากรรมอย่างนี้ไปเรื่อยๆบางคนก็คือมี
00:11:34 → 00:11:37 ชะตากรรมอย่างเงี้ยอีโก้ไปเรื่อยๆแล้วสุด
00:11:37 → 00:11:40 ท้ายตายอย่างโดดเดี่ยวก็มีเออเห็นปลายทาง
00:11:40 → 00:11:42 เลยอ่ะเออซึ่งบางคนมีถูกมั้ยครับผมว่าถ้า
00:11:42 → 00:11:44 เรามองชีวิตกว้างๆมันจะมีคนที่จบชีวิต
00:11:44 → 00:11:47 อย่างนั้นจริงๆที่แบบไม่ไม่เหลือใครเลย
00:11:47 → 00:11:50 ค่ะนั่นก็เป็นชะตากรรมที่ต่อให้คนรอบข้าง
00:11:50 → 00:11:52 จะเตือนก็ช่วยเขาไม่ได้เพราะเาเลือกจะ
00:11:52 → 00:11:55 เป็นอย่างนั้นของเขาเองคือมันมีตัวตนเนาะ
00:11:55 → 00:11:58 ตัวตนมันยึดติดมากๆยอมไม่ได้ทิ้งไม่ได้
00:11:58 → 00:12:00 ศักดิ์ศีชั้นสำคัญสุดอะไรเงี้ยฮะคือได้
00:12:00 → 00:12:04 ยินมาเหมือนกันว่ามันจะมีแบบโอโหอย่าง
00:12:04 → 00:12:07 อย่าคนเซ็นในในที่ทำงานนะมีหลาย
00:12:07 → 00:12:10 Generation มากมีทั้งแบบเอ่อยุคเี้บูมอ
00:12:10 → 00:12:13 ยุค Gen X Gen Y Gen Z อะไรอย่างงี้
00:12:13 → 00:12:16 ใช่มั้ยคะก็อาจจะหลายวัยหน่อยพอรุ่นใหม่ๆ
00:12:16 → 00:12:20 เขาก็อาจจะไม่เข้าใจคนรุ่นก่อนๆในความที่
00:12:20 → 00:12:24 แบบอะไรอ่ะทำไมเไม่ฟังเราเลยอืเออคนรุ่น
00:12:24 → 00:12:27 กันนก่อนก็จะบอกเด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ฟังเรา
00:12:27 → 00:12:30 เหมือนกันนะอก็ต่างคนต่างไม่ฟังอือันนี้
00:12:30 → 00:12:32 มันคือก็คืออีโก้ของแต่ละเอ่อเรื่อง
00:12:32 → 00:12:34 เรื่องนี้ต้องจำแนกแยกไปครับเพราะว่าบาง
00:12:34 → 00:12:36 ทีมันไม่ใช่เรื่องของอีโก้อแต่เป็นเรื่อง
00:12:36 → 00:12:39 ของการให้ความสำคัญที่ไม่ไม่เหมือนกันบาง
00:12:39 → 00:12:42 ทีบางทีคนรุ่นเก่าหรือคนที่อายุมากอย่า
00:12:42 → 00:12:44 เงี้ยครับอาจจะให้น้ำหนักกับเรื่องตรงนี้
00:12:44 → 00:12:46 ตรงนี้ตรงนี้แล้วเารู้สึกว่าสิ่งเนี้ยคือ
00:12:46 → 00:12:50 ค Value ที่ไม่ควรจะละเลยแต่พอนเด็กรุ่น
00:12:50 → 00:12:52 ใหม่อาจจะรู้สึกว่าโหยมันไม่ต้องตึงขนาด
00:12:52 → 00:12:53 นั้นก็ได้มงลุงอะไรอย่า
00:12:53 → 00:12:56 เงี้ยอาจจะแบบแค่นี้ก็พอมั้งอย่างเงี้ย
00:12:56 → 00:13:00 ครับเออพอพอเด็กเน้นเน้นความแบบประมาณนี้
00:13:00 → 00:13:03 พอสบายๆสุขภาพจิตดีสมมุติอะไรอย่าเงี้ย
00:13:03 → 00:13:05 แต่ผู้ใหญ่บอกว่าโหยถ้าเอ็งสนใจจสุขภาพ
00:13:05 → 00:13:07 จิตดีแล้วผลงานตรงนี้มันมีผลกระทบต่อ
00:13:07 → 00:13:10 ประชาชนอสมมุติอย่างเงี้ยทำยังไงออือเออ
00:13:10 → 00:13:12 มันเลยกลายเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องของ
00:13:12 → 00:13:14 อีโก้แต่เป็นเรื่องของ Value ที่ให้อื
00:13:14 → 00:13:16 เป็นเรื่องของคุณค่าที่ให้เพราะฉะนั้น
00:13:16 → 00:13:18 เรื่องเนี้ยครับมันต้องจำแนกให้ดีว่ามัน
00:13:18 → 00:13:20 เป็นเรื่องของคุณค่าที่ให้หรือเป็นเรื่อง
00:13:20 → 00:13:25 อีก้จริงๆที่แบบตัวฉันถูกที่สุดตัวชั้น
00:13:25 → 00:13:28 สำคัญที่สุดไม่มีใครหรอกที่จะถูกไปได้มาก
00:13:28 → 00:13:30 กว่านี้แล้วาจะมีคำว่าเธอต้องฟังฉันเพราะ
00:13:30 → 00:13:34 ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนเกี่ยวมเออประสบการณ์
00:13:34 → 00:13:37 ความเป็นแบบออะไรก็ต้องฟังฉันน่ะอ่าบางที
00:13:38 → 00:13:39 คำพวกนี้อาจจะเป็นคำที่เหมือนกับเอาไว้
00:13:39 → 00:13:42 ปรามคนที่เาไม่รู้จะต่อกอนยังไงก็ได้ก็
00:13:43 → 00:13:45 เลยใช้คำว่ายังไงเธอก็ต้องยอมฉันเพราะฉัน
00:13:45 → 00:13:48 แก่กว่ายังไงเธอก็ต้องควรจะฟังฉันเพราะ
00:13:48 → 00:13:51 ฉันผ่านชีวิตมาก่อนอืแต่ไอ้ที่ผ่านมาก่อน
00:13:51 → 00:13:54 เนี่ยอาจจะแบบผ่านแบบไม่ได้ไม่ได้ครบถ้วน
00:13:54 → 00:13:56 ตามหลักสูตรก็ได้นะเราคิดไปเองว่าผ่านมา
00:13:56 → 00:13:59 ก่อนอาจจะทุรักทุเลเป็นไปได้ก็ได้เนอะใช่
00:13:59 → 00:14:01 ครับการให้ความสำคัญมันก็แตกต่างกันตรง
00:14:01 → 00:14:03 นี้เลยต้องต้องแยกให้ดีว่ามันคือความ
00:14:03 → 00:14:07 สำคัญคนละตัวอืหรือมันคืออีก้คือตัวตนสุด
00:14:07 → 00:14:10 ท้ายทำเพื่อสนองตัวตนล้วนๆอืเพราะถ้า
00:14:10 → 00:14:12 Value คนละตัวครับมันจะไม่ใช่แค่สนอง
00:14:12 → 00:14:15 เพื่อตัวเรานะแต่มันสนองพันธกิจบางอย่าง
00:14:15 → 00:14:19 อ่าแต่เป็นแค่พันธกิจคนละตัวอืเออไม่ใช่
00:14:19 → 00:14:21 เพื่อตัวเราอย่างเดียวแต่ถ้าอีโก้เนี่ย
00:14:21 → 00:14:24 มันมักจะเป็นไปเพื่อตัวเองคนเดียวเลยฉัน
00:14:24 → 00:14:26 เท่านั้นทำสิ่งนี้เพื่อสนองความพอใจตัว
00:14:26 → 00:14:29 เองล้วนๆเลยอือแต่มันมันก็คงจะทำให้คุณ
00:14:30 → 00:14:32 ผู้ฟังเนี่ยน่าจะเข้าใจเวลาเจอใครแล้วจะ
00:14:32 → 00:14:35 รู้แหละว่าคนเอีโกอ่าใช่ครับมันแข็งโอคุย
00:14:35 → 00:14:37 ไม่ได้ไม่ยืดหยุ่นอะไรเลยอย่างเงี้เชื่อ
00:14:37 → 00:14:39 ว่าทุกคนเข้าใจในในในความหมายตรงนี้แล้ว
00:14:39 → 00:14:43 ก็น่าจะรู้แหละว่าในลักษณะบุคลิกเ่อความ
00:14:43 → 00:14:46 คิดหรือการกระทำอะไรต่างๆของเขาเนี่ยมัน
00:14:46 → 00:14:48 มันสะท้อนตัวตนออกมาอยู่แล้วแหละเนาะว่า
00:14:48 → 00:14:50 เป็นคนมีอีโก้มากน้อยแค่ไหนหรืออะไรอย่าง
00:14:50 → 00:14:53 งี้ใช่มั้ยแต่ทีนี้ถ้าเกิดว่าเฉันต้อง
00:14:53 → 00:14:57 อยู่กับเธออือๆฉันจะทำยังไงดีล่ะเอออครับ
00:14:57 → 00:15:00 เอางี้ก่อนเลยทางทางที่ที่ง่ายที่สุดไม่
00:15:00 → 00:15:02 รู้เรียกว่าง่ายอาจจะไม่ง่ายสำหรับบางคน
00:15:02 → 00:15:05 ถ้าเรามีทางเลือกในการไม่ต้องอยู่กับคน
00:15:05 → 00:15:07 ที่อีโก้อ่ะครับอ้าแยะต้องมีทางเลือกอีก
00:15:07 → 00:15:11 แะถ้ามีทางเลือกใช้คำว่าท่าถ้ามีแล้วรู้
00:15:11 → 00:15:13 สึกว่าปรับตัวยากก็ไม่ต้องครับไม่ต้อง
00:15:13 → 00:15:15 อยู่กับเเราก็แค่แยกย้ายกันไปตามจุดที่
00:15:15 → 00:15:18 เราสบายใจอืคนมีอีโก้จะอยู่ตรงนั้นก็สบาย
00:15:19 → 00:15:21 ใจของเา้าก็อยู่ไปเลยเรารู้สึกอยู่กับคน
00:15:21 → 00:15:23 นี้แล้วรู้สึกอึดอัดจังไม่ชอบอยู่กับคน
00:15:23 → 00:15:26 นี้ถ้ามีทางเลือกในการออกไปแล้วไม่มี
00:15:26 → 00:15:30 ปัญหาชีวิตเลยแล้วชีวิตดีขึ้นทำเถอะรักษา
00:15:30 → 00:15:33 สุขภาพจิตทำเถอะอย่าโมแต่ไปเปลี่ยนใครเลย
00:15:33 → 00:15:35 เปลี่ยนตัวเราเองเปลี่ยนเออปรับตัวเองให้
00:15:35 → 00:15:38 ไปอยู่ในจุดที่สบายใจง่ายกว่าเออนะครับ
00:15:38 → 00:15:40 อันนี้ไม่เรียกหนีปัญหานะเรียกว่าพาตัว
00:15:40 → 00:15:43 เองถอยจากกองไฟเราสู้กับเา้าได้มยหมายถึง
00:15:43 → 00:15:48 ว่าแบบอืเถียงเอาชนะไม่อื้อหือส่วนใหญ่
00:15:48 → 00:15:51 ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำวิธีนั้นก่อนผมจะแนะนำ
00:15:51 → 00:15:53 อย่างงี้ก่อนครับมันจะมีขั้นตอนของมันมัน
00:15:53 → 00:15:56 มีคือคือมันมีหลายทางเลือกสุดท้ายอันนี้
00:15:56 → 00:15:58 ต้องแล้วแต่แต่ละคนนะเพราะว่าแต่ละคนน่ะ
00:15:58 → 00:16:01 จะมีจุดทำได้ทำไม่ได้ไม่เท่ากันอเอ่อบาง
00:16:01 → 00:16:03 คนก็แบบรู้สึกว่าเออพอจะยืดหยุ่นได้แต่
00:16:03 → 00:16:05 บางคนรู้สึกว่ายืดหยุ่นแล้วมันเกลียดตัว
00:16:05 → 00:16:08 เองว่ะไม่ชอบก็ได้เหมือนกันอีโก้อีโก้เจอ
00:16:08 → 00:16:11 กันสนุกเลยนะกันใช่ซึ่งก็ไม่ผิดทุกคนมี
00:16:11 → 00:16:13 สิทธิ์จะมีอีโก้แต่อย่าที่ผมย้ำอครับมี
00:16:13 → 00:16:16 อีโก้แล้วเนี่ยเราควบคุมมันยังไงและเรา
00:16:16 → 00:16:18 ยังคงมีความส่อมตัวรับฟังเอามาพิจารณาตัว
00:16:18 → 00:16:20 เองด้วยมั้ยอือฮึถ้าไม่มีเลยเนี่ยบอกเลย
00:16:20 → 00:16:23 เป็นปัญหาอือแต่ถ้าเรามีอีโก้แล้วยังมี
00:16:23 → 00:16:25 จุดที่ยังขัดเกลาตัวเองได้ค่อยๆอยู่กับ
00:16:25 → 00:16:28 ตัวเองเงียบๆแล้วคิดได้คิดตกได้อันนี้ยัง
00:16:28 → 00:16:30 ยังเป็นคนที่โอเคเอยู่อืนจัดการตัวเองได้
00:16:30 → 00:16:33 ทีนี้อย่างที่บอกไปเนาะคนอีโก้จะไม่ชอบคำ
00:16:33 → 00:16:37 วิพากษ์วิจารณ์ใครก็ตามที่ท้าทายเค้าที่
00:16:37 → 00:16:39 กำลังบอกว่าเาไม่ดีดีไม่พอคิดไม่ถูกเขาจะ
00:16:39 → 00:16:42 เห็นอีกฝั่งไปศัตรูทันทีเขาจะตั้งกาดทัน
00:16:42 → 00:16:46 ทีแล้วหูจะดับเขมาปึ๊บมันจะไม่ฟังอะไรเรา
00:16:46 → 00:16:48 ั้นใช่ครับเพราะฉะนั้นผมเลยไม่ค่อยแนะนำ
00:16:48 → 00:16:50 วิธีของการวิพากษ์วิจารณ์เพราะจะทำให้ไี
00:16:50 → 00:16:53 ฝ่ายหูดับตั้งแต่แรกแล้วก็ไม่ต้องคุยหนัก
00:16:53 → 00:16:55 กว่าเดิมอีกนะทะเลาะกันหนักกว่าเดิมอีกก
00:16:55 → 00:16:58 ใช่ครับเพราะงั้นวิธีการิวิธีการแรกๆที่
00:16:58 → 00:17:00 จะแนะนำก่อนคือต้องใช้ไม้อ่อนก่อนคืออาจ
00:17:00 → 00:17:03 จะเป็นการเข้าใจเค้าว่าอ๋อโอเคการวิพากษ์
00:17:03 → 00:17:06 วิจารณ์เป็นสิ่งที่เป็นของแสลงของเา้าแต่
00:17:06 → 00:17:09 แต่คำชื่นชมการให้เกียรติการไม่ทำให้เขาค
00:17:09 → 00:17:12 ถูกวิจารณ์เป็นของที่แบบค่อนข้างจะเซฟกับ
00:17:12 → 00:17:15 เา้าอถ้าเราเข้าใจมุมนี้ปั๊บนะครับบางที
00:17:15 → 00:17:18 การเสนอแนะหรือว่าบางทีการที่แบบชื่นชม
00:17:18 → 00:17:22 เค้าในบางจุดก่อนเช่นเฮ้ยจุดนี้จริงๆแบบ
00:17:22 → 00:17:25 อันนี้ดีมากเลยรู้สึกชื่นชมบางทีอาจจะแบบ
00:17:25 → 00:17:28 เป็นเหมือนเอาเอาขนมไปป้อนก่อนให้ให้รู้
00:17:28 → 00:17:31 สึกเคลิมๆก่อนเออแล้วแล้วค่อยเสริมไอ้
00:17:31 → 00:17:33 ส่วนที่แบบเออแต่ถ้าส่วนนี้ถ้าแบบเพิ่ม
00:17:33 → 00:17:35 เติมมันน่าจะแบบโอ้โหยิ่งเจ๋งกว่าเดิมเลย
00:17:35 → 00:17:38 โหมันต้องพูดเป็นน่ะใช่ๆต้องพูดเป็นทีนี้
00:17:38 → 00:17:40 ก็เลยเหมือนที่บอกครับว่ามันมีความซับ
00:17:40 → 00:17:42 ซ้อนในการจะต้องค่อยๆพูดมันเป็นเรื่องของ
00:17:42 → 00:17:45 ศิลปะทีนี้แต่ละคนอดทนกับการทำงานศิลปะ
00:17:45 → 00:17:49 ได้ไม่เท่ากันอืผมถึงพูดตอนต้นว่าถ้ามี
00:17:49 → 00:17:51 ทางเลือกไม่ต้องทำงานศิลปะหรอกแยกย้ายไป
00:17:51 → 00:17:54 เลยเพราะถ้าคุณเลือกจะลงมือทำงานศิลปะ
00:17:54 → 00:17:56 แสดงว่าสิ่งเนี้ยคุณจะต้องมีจุดของการคิด
00:17:56 → 00:17:59 ของการวางแผนของการเข้าใจซึ่งมันกินพลัง
00:17:59 → 00:18:02 งานเราเหมือนกันอืแต่อย่างที่ผมย้ำขึ้น
00:18:02 → 00:18:05 กับว่าจำเป็นมั้ยถ้าคนๆนี้เป็นคนที่เราจะ
00:18:05 → 00:18:09 ต้องอยู่ด้วยต้องร่วมงานด้วยหนีกันไม่พ้น
00:18:09 → 00:18:13 ถ้าจำเป็นบางครั้งการใช้ศิลปะก็จำเป็นอื
00:18:13 → 00:18:16 แต่ถ้าไม่จำเป็นคุณมีทางเลือกอย่าโมแต่ไป
00:18:16 → 00:18:20 ทำงานศิลปะแยกย้ายไปเถอะเสียเวลาหรือว่า
00:18:20 → 00:18:24 หรือว่าถ้าเกิดจะต้องคุยต้องอ่าไปติดต่อ
00:18:24 → 00:18:26 ประสานงานการเข้าไปหาหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:18:26 → 00:18:31 อาจจะต้องแบบว่าอก็ไปแบบเจาะจงเลยเป็น
00:18:31 → 00:18:34 เรื่องๆก็ได้เรื่องนี้เลยคุยเรื่องนี้
00:18:34 → 00:18:37 เสร็จปึ๊บออกไปเลยก็ได้ครับก็จำกัดจำกัด
00:18:37 → 00:18:39 ความยาวนานหรือว่า 10 จุดที่ต้องปะทะกัน
00:18:39 → 00:18:42 ให้มันน้อยลงก็ได้เหมือนกันจริงๆเรื่อง
00:18:42 → 00:18:44 นี้ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูกได้หมดสำคัญ
00:18:44 → 00:18:47 คือเราต้องถามตัวเองว่าเราพร้อมกับอะไร
00:18:47 → 00:18:50 แต่ก็ไม่ได้บอกว่าหรือบางคนอาจจะบอกเออก็
00:18:50 → 00:18:53 ก็เข้าใจแหละรู้ว่าเป็นแบบเนี้ยแล้วก็เลย
00:18:53 → 00:18:56 เออะๆๆอะๆก็ได้ก็มีก็ปล่อยได้ใช่ครับ
00:18:56 → 00:18:58 ปล่อยได้แล้วก็คือถ้ามันปล่อยแล้วมันแบบ
00:18:58 → 00:19:00 แบบไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากหรือผลกระทบ
00:19:00 → 00:19:03 อยู่ในระดับที่รับได้ก็ปล่อยเถอะเพราะคำ
00:19:03 → 00:19:07 ว่าผลกระทบมีหลายแบบเช่นสมมุติเอ่อคนที่
00:19:07 → 00:19:10 เป็นหัวหน้างานอีโกจัดจะเอาแบบนี้แล้วเอ
00:19:10 → 00:19:12 โอเคชิดงานอาจจะไม่ดีมากแต่ผลกระทบไม่
00:19:12 → 00:19:15 เป็นไรอ่ะช่างมันเราก็อาจจะปล่อยปล่อยให้
00:19:15 → 00:19:17 มันเกิดขึ้นแต่ถ้าเกิดมันแบบเ้ยมัน
00:19:17 → 00:19:20 ซีเรียสมันรุนแรงบางครั้งบางครั้งการเอ่อ
00:19:20 → 00:19:23 ค่อยๆตะล่อมถ้าทำได้นะถ้าทำได้ก็ทำแต่ถ้า
00:19:23 → 00:19:26 ตะล่อมไม่ได้ก็ต้องเอาอำนาจบางอย่างมาควบ
00:19:26 → 00:19:28 คุมเคอืหรือหรือสร้างความหวาดกลัวว่าเจะ
00:19:28 → 00:19:32 จะเดือดร้อนโอ๋ยเาจะคิดมั้ยเนี่ยว่ามันจะ
00:19:32 → 00:19:34 เดือดร้อนหรืออะไรอย่าเงี้ยอย่างบางคนคือ
00:19:34 → 00:19:37 อาจจะแบบเป็นฟิลแบบว่าเอ่อก็สั่งให้ทำ
00:19:37 → 00:19:42 อย่างเงี้ก็ทำตามตามนี้เออแล้วก็ออ่ะก็
00:19:42 → 00:19:46 ได้แต่พอผลกระทบเกิดขึ้นหึไม่รับโยนมาเธอ
00:19:46 → 00:19:49 อืฉันไม่ได้ผิดครับทีนี้มันก็ขึ้นก็ขึ้น
00:19:50 → 00:19:52 อยู่กับเหลี่ยมในการแบบบริหารจัดการแหละ
00:19:52 → 00:19:53 ผมผมว่าสุดท้ายเรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง
00:19:53 → 00:19:55 เชิงการเมืองเป็นเรื่องของกลยุทธ์อย่าง
00:19:55 → 00:19:57 นึงนะมาทำงานหรือมาออกรบออบางที่เป็น
00:19:57 → 00:20:00 อย่างงั้นที่เป็นอย่างงั้นแน่นอนผมไม่ได้
00:20:00 → 00:20:02 อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นแต่บางที่มัน
00:20:02 → 00:20:04 เลี่ยงไม่ได้เพราะเพราะมันแบบเราจำเป็น
00:20:04 → 00:20:06 ต้องทำงานเราจำเป็นต้องได้รายได้จากที่
00:20:06 → 00:20:09 นี่แล้วเราไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนหัวหน้า
00:20:09 → 00:20:10 ซะ
00:20:10 → 00:20:13 ด้วยบางบางคนติดแหงกอยู่ในเงื่อนไขนั้นนะ
00:20:13 → 00:20:16 ครับออกก็ไม่ได้เพราะว่าก็ลำบากอ่ะแล้ว
00:20:16 → 00:20:19 แถมไม่มีอำนาจในการจะหือจะอือซะด้วยอย่าง
00:20:19 → 00:20:22 เงี้ยครับก้มหน้ารับกรรมเหรอใช่เผลอๆไป
00:20:22 → 00:20:25 แย้งเา้าโดนโดนบทลงโทษดองอีกโดนดองอะไร
00:20:25 → 00:20:29 อย่างเงี้ยฮะโดนดองมั่งโดนแกล้งมั่งโดนแบ
00:20:29 → 00:20:33 อืโดนเอาไปใส่่ไข่ตีขาวเท็จโอ้มันเยอะมาก
00:20:33 → 00:20:35 ครับกลายจากที่เาเป็นคนอีโก้อาจจะเป็นเรา
00:20:35 → 00:20:37 กลายเป็นคนอีโก้จากคำพูดของเขาให้คนอื่น
00:20:37 → 00:20:40 ฟังว่าเราอีกก็เป็นไปได้ใช่ครับอมันเกิด
00:20:40 → 00:20:42 ขึ้นได้หมดเลยฮะเพราะงั้นเรื่องพวกเนี้ย
00:20:42 → 00:20:45 มันเป็นเรื่องของการประเมินสถานการณ์อื
00:20:45 → 00:20:48 ว่าเมื่อเราอยู่ในจุดนั้นน่ะเราทำอะไรได้
00:20:48 → 00:20:51 บ้างอะไรที่จะเซฟเราอะไรที่จะเอ่อช่วยให้
00:20:51 → 00:20:53 เราอยู่ได้ดีบ้างเรื่องนี้มันแล้วแต่หน้า
00:20:53 → 00:20:57 งานเลยผมเลยไม่สามารถแนะนำตรงไปตรงมาได้
00:20:57 → 00:20:59 ว่าคุณจะต้องทำอะไรอืแต่ของพวกนี้จะขึ้น
00:20:59 → 00:21:02 อยู่กับว่าหน้างานคุณเจออะไรบางทีผมเจอ
00:21:02 → 00:21:05 แต่ละคนเนาะสถานการณ์ได้เหมือนกันคำแนะนำ
00:21:05 → 00:21:08 ผมจะเปลี่ยนไปตามหน้างานของเขาอืว่าถ้า
00:21:08 → 00:21:11 หน้างานแบบนี้กระดานแบบนี้หมากเดินแบบนี้
00:21:11 → 00:21:14 เดินอย่างนี้ดีกว่าอ๋อก็ก็ก็คือขึ้นอยู่
00:21:14 → 00:21:17 กับแต่ละบุคคลใช่ครับขึ้นแต่ละบุคคลและ
00:21:17 → 00:21:18 ขึ้นกับสถานการณ์ตรงหน้างานนั้นด้วยว่า
00:21:18 → 00:21:20 ตัวละครตรงนั้นน่ะเป็นยังไงบ้างอแล้วคุ
00:21:20 → 00:21:22 อย่างคนที่มีอีโก้สูงส่วนใหญ่จะเป็นคน
00:21:22 → 00:21:25 เก่งหรือคนเก่งมักจะมีอีโก้สูงใช่มั้ยมี
00:21:25 → 00:21:26 มีทั้งเก่งและไม่เก่งครับเก่งและอีโก้สูง
00:21:26 → 00:21:28 กับคนที่ไม่เก่งเราเชื่อไปเองว่าตัวเอง
00:21:28 → 00:21:29 เจ่ง
00:21:29 → 00:21:31 มีหมดเลยมีหมดเลยน่ากลัวเพราะงั้นเรื่อง
00:21:31 → 00:21:33 พวกนี้มันแบบอย่างที่บอกอีโก้มันไม่เลือก
00:21:33 → 00:21:34 อ่ะครับว่าเก่งหรือไม่เก่งแต่มันแบบมัน
00:21:34 → 00:21:36 เป็นการยึดติดตัวเองในศูนย์กลางมากเกินไป
00:21:37 → 00:21:40 อืนะครับทีนี้ถ้าถ้าบางทีคนอีโก้จัดเนี่ย
00:21:40 → 00:21:42 มันจะมีคนที่แบบหยุดแล้วเรียนรู้ตัวเอง
00:21:42 → 00:21:44 ได้ในช่วงที่ตัวเองอยู่เงียบๆไม่ถูกเผชิญ
00:21:44 → 00:21:47 หน้าเขาอาจจะไปคิดเองได้ทีหลังก็มีนะครับ
00:21:47 → 00:21:52 กับบางคนที่ไม่คิดฉันไม่สนบางทีพวกเนี้ยเ
00:21:52 → 00:21:54 อย่างที่ผมย้อนกลับไปเล่าว่าแต่ละคนมี
00:21:54 → 00:21:58 ชะตากรรมต้องรับของตัวเองอืแม้กระทั่งเรา
00:21:58 → 00:22:00 เองที่จะเลือกปฏิบัติบางอย่างเราก็มีชะตา
00:22:00 → 00:22:02 กรรมของเราเหมือนกันอือฮึเพราะงั้นเราแค่
00:22:02 → 00:22:04 ต้องเลือก่ะครับว่าสุดท้ายตัวเราจะต้อน
00:22:04 → 00:22:08 รับชะตากรรมไหนตัวเราต้องเป็นคนเลือกอยู่
00:22:08 → 00:22:10 ในกำมือเราเองใช่ครับแล้วแม้กระทั่งเรา
00:22:10 → 00:22:13 เองก็มีอีโก้เหมือนกันอ่าใช่ทุกคนทุกคนมี
00:22:13 → 00:22:16 อีโก้มีหมดแต่แค่แต่แค่จะระมัดระวังยังไง
00:22:16 → 00:22:18 ไม่ให้อีโก้เนี้ยมันทำลายหรือกัดกินเรา
00:22:18 → 00:22:20 หรือหรือกลืนเราเข้าไปจนกระทั่งเรากลาย
00:22:20 → 00:22:24 เป็นคนที่แบบหูดับไม่ฟังใครอือถึงจุดนั้น
00:22:24 → 00:22:26 เราจะกลายเป็นคนที่พัฒนาไม่ได้ปรับตัวไม่
00:22:26 → 00:22:28 ได้อยู่กับใครก็ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยอือื
00:22:28 → 00:22:30 สุดท้ายตัวเราก็จะอยู่ลำพังแล้วโดดเดียว
00:22:30 → 00:22:32 ครับอันนี้ฟังแล้วมันก็เหมือนกับว่ามัน
00:22:32 → 00:22:34 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเกิดก่อนเกิด
00:22:34 → 00:22:36 หลังหรืออยู่ใน Generation ไหนแต่ว่ามัน
00:22:36 → 00:22:39 คือตัวตนของคุณน่ะมันมีผลกระทบแน่นอนถ้า
00:22:39 → 00:22:43 คุณเป็นคนที่มีอีก้สูงเกินไปใช่ใช่อืคือ
00:22:43 → 00:22:45 คือเราอาจจะรู้สึกว่าไปเจอคนนี้อาจจะรู้
00:22:45 → 00:22:48 สึกโหอีโก้สูงจังแต่บางคนไปเจออ้อก็ไม่
00:22:48 → 00:22:52 เห็นอะไรนี่คือคือระดับของการมองหรือการ
00:22:52 → 00:22:54 รู้สึกหรือกันที่จะต้องอยู่ด้วยอ่ะของแต่
00:22:54 → 00:22:56 ละคนกับคนที่ต้องไปทำงานกับคนที่มีอีโก้
00:22:56 → 00:23:00 อ่ะมันต่างกันอืบางคนอาจจะรู้สึกว่าก็ไม่
00:23:00 → 00:23:03 เห็นเป็นขนาดนั้นนี่แต่เราอาจจะรู้สึกหู
00:23:03 → 00:23:06 เยอะมากเยอะจังอ่าก็เป็นไปได้เนาะใช่ครับ
00:23:06 → 00:23:08 แต่ละคนก็ปล่อยวางหรือทำใจรับสภาพได้ไม่
00:23:08 → 00:23:15 เท่ากันใช่ๆอ่าก็เอาที่ตัวเองอสุขภาพจิต
00:23:15 → 00:23:17 ไม่เสียเกินไปหรือถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็น
00:23:17 → 00:23:20 คนพูดไม่ค่อยเก่งหรือจะไปพูดแล้วจะกลาย
00:23:20 → 00:23:24 เป็นทะเลาะเป็นเถียงอาจจะหาคนอื่นช่วยนำ
00:23:24 → 00:23:27 เสนอแทนมั้ยไปคุยแทนมั้ยเออหรือว่าแบบเรา
00:23:27 → 00:23:31 อาจจะไม่ได้จำเป็นจะต้องคือเข้าไปด้วย
00:23:31 → 00:23:34 ความแบบแข็งก้าวแข็งกระด้างไม่ต้องเอออาจ
00:23:34 → 00:23:39 จะเข้าไปแบบธรรมดาปกติแล้วก็ก็เฉพาะ
00:23:39 → 00:23:41 วัตถุประสงค์ที่เราจะต้องเข้าไปคุยใช่
00:23:41 → 00:23:43 ครับอันนี้เหมือนงานการทูตน่ะถ้าพูดให้ดู
00:23:43 → 00:23:46 ดีคืองานการทูตใช่มยต้องเจรจาไปบางทีเรา
00:23:46 → 00:23:48 ไปคุยกับประเทศมหาอำนาจอ่ะครับเราไม่ได้
00:23:48 → 00:23:51 มีอาวุธนิวเคลียร์ไปคุยอะไรกับเาได้มันก็
00:23:51 → 00:23:54 ต้องเรื่องแบบค่อยๆคุยค่อยๆตะล่อมอือาจจะ
00:23:54 → 00:23:57 แบบว่าจากเล็กๆค่อยๆไปอาจจะแบบโอต้องมี
00:23:57 → 00:24:00 วิธีการอ่ะใช่คว่าไม่ไวไม่ต้องเข้าหาอืจบ
00:24:01 → 00:24:04 อือไม่ไวแยกย้ายหรือถ้าจะอีกเยอะขนาดนี้
00:24:04 → 00:24:07 ถอยตัวเองดีกว่าค่ะใช่ครับก็ทำได้ทำได้
00:24:07 → 00:24:10 อาจจะไม่ต้องถึงขั้นขนาดว่าออกไปหรืออะไร
00:24:10 → 00:24:12 ก็แล้วแต่นะแต่ว่าถ้าเกิดถอยตัวเองออกมา
00:24:12 → 00:24:15 ถ้าเราไม่ชอบอ่ะอก็ไม่ต้องไปอยู่ตรงนั้น
00:24:15 → 00:24:17 ใช่ครับชนไปชนมาแตกหากกันเปล่าๆเออพูด
00:24:17 → 00:24:19 เหมือนง่ายแต่บางทีมันอาจจะใช่แล้วแต่
00:24:20 → 00:24:22 บริบทคนครับแต่ผมเนี่ยผมทำแบบนั้นคือการ
00:24:22 → 00:24:25 ถอยออกมาถอยออกมาแล้วไงถอยแล้วสบายใจสบาย
00:24:25 → 00:24:29 ใจสบายใจอุยอยากถอยมากโอเคขอบคุณคุณเอิ้น
00:24:29 → 00:24:32 ค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังก็ได้เป็น
00:24:32 → 00:24:34 แนวทางไว้สำหรับใครที่ต้องทำงานกับคนที่
00:24:34 → 00:24:38 มีโก้สูงๆนะคะวันนี้ก็หมดเวลาแล้วค่ะเรา
00:24:38 → 00:24:40 คงต้องลากันไปก่อนนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:24:40 → 00:24:43 กับรายการโรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะ
00:24:43 → 00:24:46 วันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is tha
00:24:46 → 00:24:49 PBS podcast อาการเท้าเอียงและเท้าแบน
00:24:49 → 00:24:52 มีลักษณะอย่างไรสาเหตุมีอะไรได้บ้างแก้ไข
00:24:52 → 00:24:55 ด้วยวิธีใดได้บ้างดรนายแพทย์จตุพลคงถาวร
00:24:55 → 00:24:57 สกุลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้ามเนื้อ
00:24:57 → 00:25:01 กระดูกและก็มาเล่าให้ฟังครับปกติแล้ว
00:25:01 → 00:25:05 เนี่ยข้อเท้าคนเราอ่ะมันมักจะเอียงมาจาก
00:25:05 → 00:25:08 เท้าตัวข้อเท้าเองเนี่ยถ้ามันจะเอียงได้
00:25:08 → 00:25:10 นะมันมักจะเอียงจากข้างบนไม่ก็ข้างล่าง
00:25:10 → 00:25:13 เพราะว่าข้อเท้าตัวมันเองอ่ะมันไม่จะตรง
00:25:13 → 00:25:15 การที่มันเอียงเนี่ยสมมุติว่าเอียงจใน
00:25:15 → 00:25:17 เด็กเนี่ยก็อาจจะโอเคกระดูกผิดรูปอะไร
00:25:17 → 00:25:19 เงี้ก็ว่าไปแต่สำหรับในเซ้นส์ของการที่
00:25:19 → 00:25:22 ทุกคนชอบมาถามว่าทำไมรองเท้าสึกรองเท้า
00:25:22 → 00:25:24 สึกเนี่ยเพราะว่าน้ำหนักโหลดมันลงผิดด้าน
00:25:24 → 00:25:26 หรืออาจจะลงไม่เท่ากันนี้การที่มันลงไม่
00:25:26 → 00:25:29 ปกติเนี่ยมันก็อาจจะจะเกิดจากเข่าโก่งอ่ะ
00:25:29 → 00:25:31 ลองคิดดูเข่าโก่งข้าเท้าจะเอียงั้ล่ะก็
00:25:31 → 00:25:33 เข่ามันโก่งอ่ะเพราะฉะนั้นพอข้างบนมัน
00:25:33 → 00:25:35 เอียงปุ๊บน้ำหนักมันลงไม่ถูกมันไปลงด้าน
00:25:36 → 00:25:38 นอกมากว่าด้านในมันก็ทำให้เกิดการสึกของ
00:25:38 → 00:25:41 รองเท้ามากขึ้นแต่อันดับแรกก็ต้องบอกเลย
00:25:41 → 00:25:43 ต้องดูเจ้าตัวก่อนว่าข้าเท้ามีการผิดรูป
00:25:43 → 00:25:45 หรือเปล่าถ้าข้าเท้ามีการผิดรูปเเรดูอ๋อ
00:25:45 → 00:25:49 นี่ไงมันเป็นผิดรูปแต่กำเนิดโอเคจบหรือ
00:25:49 → 00:25:51 เคยมีอุบัติเหตุแล้วมันทำให้หลุดแล้วมี
00:25:51 → 00:25:53 การเคลื่อนถ้ามีหลุดมีการเคลื่อนน้ำหนัก
00:25:53 → 00:25:56 มันก็จะลงผิดที่เพราะมันจะมีการไม่มั่นคง
00:25:56 → 00:25:58 เกิดขึ้นแต่พวกนี้แก้ง่ายเป็นแต่กำเนิด
00:25:58 → 00:26:02 ใช่ไหมกระดูกผิดปกติก็ตัดกระดูกซะแล้วก็
00:26:02 → 00:26:04 ทำให้มันตรงอันนี้ง่ายเลยถ้าเป็นเส้น n
00:26:04 → 00:26:07 ใช่ไหมฮะสมมุติว่าเอมันหลวมก็เย็บให้มัน
00:26:07 → 00:26:09 แน่นมันก็หายส่วนคนที่เคยมีการเข้าเท้า
00:26:09 → 00:26:11 พลิกแล้วมันมีการหลวมพอหลวมปุ๊บอ่ะพอเรา
00:26:11 → 00:26:14 เหยียบทุกครั้งมันจะสลิปพอมันเคลื่อนๆๆ
00:26:14 → 00:26:16 มันก็ทำให้เกิดการกดที่ผิดที่แต่ส่วนใหญ่
00:26:16 → 00:26:18 พวกนี้ก็จะมาด้วยการเจ็บข้อเท้าไม่ใช่ข้อ
00:26:18 → 00:26:20 เท้าเอียงอย่างเดียวเอียงและเจ็บก็ต้องไป
00:26:20 → 00:26:22 ดูว่าเคยมีอบัติเหตุมั้ยถ้ามีอุบัติเหตุ
00:26:22 → 00:26:25 ปุ๊บทำ M ก่อนตรวจวินิจฉัยปกติทำ M ถ้ามี
00:26:25 → 00:26:27 การขาดก็เข้าไปปักหมุดแล้วเย็บถ้ามันยัง
00:26:27 → 00:26:30 ไม่เสื่อมนะสมมุติว่ามันหลวมมานานๆน่ะ
00:26:30 → 00:26:33 หลวมนานปุ๊บก็ถูใช่มั้ยพอผิวข้อมันถูกัน
00:26:33 → 00:26:36 น่ะเพะข้อมันก็พังอืเพราะว่าปกติแล้วของ
00:26:36 → 00:26:39 มันไม่ควรจะถูกกันน่ะพอมันพังปุ๊บคราวนี้
00:26:39 → 00:26:43 อาจจะทำแค่เย็บไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:26:43 → 00:26:46 เราต้องเข้าไปเชื่อมข้อข้อมันใช้ไม่ได้
00:26:46 → 00:26:48 แล้วไงมันไม่ใช่แค่โครงสร้างที่มันผิด
00:26:48 → 00:26:51 ปกติแต่ว่ามันเป็นตัวข้อเท้าเองที่ผิด
00:26:51 → 00:26:54 ปกติปกติเท้าคนเรามันจะมีอุ่งเท้าสูงขึ้น
00:26:54 → 00:26:59 มาจากพื้นประมาณ 1 ซมหรือครึ่งซมกรณีที่
00:26:59 → 00:27:02 เท้าเนี่ยมันไม่มีอุ้งเลยในขณะที่เรา
00:27:02 → 00:27:04 เหยียบเท้าแบนด์มันจะมี 2 กรณี1ึก็คือ
00:27:04 → 00:27:09 เท้าแบนด์แบบตอนใช้งานกับเท้าแบนแบบตอน
00:27:09 → 00:27:13 ไม่ใช้งานก็คือถึงยกขาอยู่รอยๆมันก็แบน
00:27:13 → 00:27:15 เหยียบมันก็แบนไอ้เนี่ยคือแบนจริงส่วน
00:27:15 → 00:27:17 ใหญ่มันจะเป็นปัญหาที่กระดูกมันเป็นการ
00:27:18 → 00:27:21 ผิดรูปแบบถาวรไปแล้วเท้าแบนที่เป็นเฉพาะ
00:27:21 → 00:27:23 ตอนใช้งานคือพอเวลาเราเดินหรือไปเหยียบ
00:27:23 → 00:27:26 อ่ะมันแบนลงถ้าเราวางเท้าเฉยๆไม่เหยียบ
00:27:26 → 00:27:29 มันมีอุ้งถมันก็ไม่ได้ไม่ติดเบลงไปออุ้ง
00:27:29 → 00:27:32 หายเท้าแบนด์ที่เป็นเฉพาะตอนใช้งานอ่ะมัน
00:27:32 → 00:27:36 ก็มีข้อดีข้อเสียข้อดีคือถ้าเราใส่รอง
00:27:36 → 00:27:39 เท้าที่มันมีอุ้งอ่ะมันจะดีขึ้นเพราะว่า
00:27:39 → 00:27:41 มันจะได้ไม่เหยียบไปเหยียบมาจนเส้นเอ็น
00:27:41 → 00:27:43 ข้างใต้ฝ่าเท้ามันอักเสบใช่มั้ยอืแต่ถ้า
00:27:43 → 00:27:45 เกิดว่ามันเป็นเท้าแบนที่เป็น fix deity
00:27:45 → 00:27:48 หรือเป็นกระดูกที่มันผิดปกติอ่ะพวกเนี้ย
00:27:48 → 00:27:51 บางทีไปตัดแผ่นรอมันเจ็บกว่าเดิมเพราะว่า
00:27:51 → 00:27:54 กระดูกมันยึดไป
00:27:54 → 00:28:00 แล้ว This Is tha PBS podcast
00:28:00 → 00:28:03 ติดตามรายการของ Thai PBS podcast ได้
00:28:03 → 00:28:19 ทางเว็บไซต์ www.thaipbs.or.th
00:28:19 → 00:28:22 [เพลง]